ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คู่หมั้นของผมเป็นจอมเวทย์ไม่เอาไหน ภาค1.5

    ลำดับตอนที่ #1 : อดีตของแลนสัน

    • อัปเดตล่าสุด 13 ต.ค. 58


         บ้านของผมเปิดร้านขายอุปกรณ์เวทมนต์ แต่เพราะไม่ค่อยมีใครซื้อโกดังเก็บสินค้าของบ้านผมจึงมีแต่อุปกรณ์เวทมนต์ที่ทั้งเก่าและล้าสมัย บางชิ้นก็หมดอายุการใช้งานไปเองบ้าง บางชิ้นก็ถูกพวกหนูกัดแทะจนเสียหายบ้าง ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ค่อยมีใครซื้อบ้านผมจึงมีเงินทุนไม่มากพอที่จะไปจัดสรรหาอุปกรณ์เวทมนต์ที่ใหม่และทันสมัย ยิ่งกาลเวลาผ่านไปร้านที่บ้านผมเปิดก็ยิ่งจะขาดทุน พ่อและแม่ของผมจึงเครียดมากทั้งเรื่องที่จะหากำไรเข้าร้านให้ได้มากขึ้น ทั้งเรื่องที่จะต้องหาเงินมาส่งผลเรื่องให้จบ และแล้วทางออกที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดที่จะแก้หรือหนีปัญหาต่างๆเหล่านี้ก็คือ...การฆ่าตัวตายพ่อและแม่ของผมตัดสินใจที่จะฆ่าตัวตายพร้อมกันและทิ้งเงินประกันที่ได้จากการตายของพ่อและแม่เอาไว้ให้ผม กว่าจะรู้เรื่องนี้ก็เป็นเช้าของอีกวันหนึ่ง เมื่อผมตื่นนอนมาผมก็เดินลงมาที่ชั้นล่างตามปกติ และผมก็ได้เห็นศพของพ่อและแม่ที่ถูกผูกไว้กับเพดานพร้อมกับจดหมายเรื่องเกินประกันที่พ่อและแม่ของผมทิ้งไว้ หลังจากที่ผมเปิดอ่านจดหมายฉบับนั้นผมรู้สึกเสียใจมาก ในตอนนั้นผมทำอะไรไม่ถูกนอกจากนั่งร้องไห้อยู่ต่อหน้าศพของพ่อและแม่ เมื่อผมร้องไห้จนแทบจะไม่มีน้ำตาไหลออกมาอีก ผมจึงตัดสินใจที่จะฆ่าตัวตายตามพ่อและแม่ตามไปด้วย เพราะว่าตอนนี้ผมได้สูญเสียครอบครัวของผมไปหมดแล้ว ผมไม่รู้ว่าผมจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไรหากไม่มีพ่อและแม่คอยอยู่เคียงข้าง ในระหว่างที่ผมกำลังจะใช้มีดแท่งหน้าอกของผมนั้นเอง

         ติ้งหน่อง

         เสียงกริ่งของหน้าบ้านของผมก็ดังขึ้น ตอนแรกผมก็คิดจะตอบกลับไปแต่ก็คิดได้ว่าตัวเองกำลังจะฆ่าตัวตายแท้ๆ ยังจะไปมัวคุยกับคนอื่นอีกผมจึงไม่พูดอะไรออกไป หลังจากนั้นผมก็ได้ยิ่งเสียงกริ่งดังต่อเนื่องกันหลายครั้ง พร้อมกับเสียงตะโกนของคุณลุงซึ่งเป็นเพื่อนบ้านว่า

         เห่! มีใครอยู่รึเปล่าฉันมีธุระจะคุยด้วยหน่อยน่ะ

              ผมไม่ได้ตอบอะไรกับคุณลุงคนนั้นกลับไป ผมได้รวบรวมสมาธิที่จะฆ่าตัวตายอีกครั้ง ในระหว่างที่ผมจะเอามีดแท่งเข้าไปมนหน้าอกของผมนั้นเอง

         ปู้ม!!!’

         เสียงระเบิดก็ดังขึ้นที่ประตูเหล็กม้วนของบ้านผม ควันจะระเบิดลอยฟุ้งไปทั่วชั้นล่างของบ้านผม และเมื่อควันเหล่านั้นค่อยๆจางหายไปคุณลุงซึ่งเป็นเพื่อนบ้านก็เดินเข้าว่าพร้อมกับบ่นเล็กๆน้อยว่า...

         ให้ตายสิ ไม่ได้ใช้เวทมนต์ตั้งนานไม่คิดเลยว่าแค่แรงระเบิดยังควบคุมไว้ไม่อยู่ สงสัยคงต้องหันกลับไปใช้บ้างแล้วล่ะมั้ง

          หลังจากที่คุณลุงข้างบ้านบนกับตัวเองเสร็จก็หันไปเห็นศพของพ่อและแม่ของผมที่ผูกคอตายอยู่เขาจึงใช้เวทมนต์อะไรสักอย่างตัดเชือกที่ห้อยศพของพ่อและแม่ของผม และใช้เวทมนต์อะไรสักอย่างมารองรับศพของพ่อและแม่ของผมไว้กลางอากาศและค่อยๆปล่อยให้ตกลงมาอย่างช้าๆ ทันทีที่เขาเห็นผมกำลังจะเอามีดแท่งหน้าอกของผมเอง เขาก็ใช้เวทมนต์อะไรสักอย่างทำให้มีดนั้นหลุดมือผมไป หลังจากนั้นคุณลุงคนนั้นก็ถอนหายใจออกมาเบาๆตามประสาคนแก่

         ไม่นึกเลยว่าจะตัดสินใจฆ่าตัวตายกันแบบนี้ ทั้งที่วันนี้ฉันกะว่าจะมาชวนให้ไปเป็นพนักงานขายของที่ระลึกในบ่อน้ำพุร้อนของบ้านฉันแท้ๆ

         หลังจากนั้นคุณลุงก็ยิ้มเล็กน้อยและเดินมาหาผม สิ่งแรกที่เข้าทำกับผมก็คือการโอบกอบผมเอาไว้พร้อมกับลูบหัวน้อยๆของผมอย่างเบามือ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรจู่ๆน้ำตาที่ผมคิดว่าจะไม่ไหลอีกต่อไปแล้วกลับไหลออกมาอีกครั้ง

         อยากร้องเท่าไหร่ก็ร้องออกมาให้หมดในตอนนี้เลย ที่เมื่อกี๊เธอคิดจะฆ่าตัวตายตามพ่อแม่ไปเพราะคิดว่าไม่มีครอบครัวที่จะอยู่เคียงข้างเธอแล้วสินะ ไม่เป็นไรหรอกเพราะว่าฉันจะเป็นครอบครัวใหม่ให้กับเธอเอง

         คุณลุงคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่แสนจะอบอุ่นพร้อมกับลูบหัวของผม หลังจากที่ผมหยุดร้องไห้ คุณลุงคนนั้นก็แนะนำตัวให้ผมรู้จักอีกครั้ง

         ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อคุโรเอะ เทนริวเธอคงจะชื่อว่า...เอ่อ...

         “แลนสัน...โอมาร์ แลนสัน...ครับ

         ใช่ๆนึกออกแล้วแลนสันคุง พ่อกับแม่ของเธอพูดเรื่องของเธอให้ฉันฟังบ่อยๆเลยล่ะ ยังไงก็ทำใจดีๆไว้ก่อนนะ อืม...เอาเป็นว่าต่อจากนี้เป็นต้นไปจะเป็นครอบครัวใหม่ให้กับเธอเองละกัน

         “จริงเหรอครับคุณลุงเทนริว!?

         “แน่นอน เอาเป็นว่าเธอจะเรียกฉันว่าคุณปู่ก็ได้นะ ฉันไม่ถือสาอะไรหรอก

         หลังจากนั้นคุณปู่เทนริวก็ช่วยจัดการหลายๆเรื่องให้กับผมทั้งเรื่องเงินประกัน เรื่องพิธีศพของพ่อและแม่ผม และรวมไปถึงเรื่องร้านค้าของทางบ้านผมด้วย เขาคอยถามผมเสมอว่าอยากจะให้เขาทำยังไงกับเรื่องต่างๆทางบ้านของผม เนื่องจากผมยังเด็กผมจึงปล่อยให้คุณปู่เทนริวเป็นคนจัดการเอง แต่ถึงอย่างนั้นคุณปู่เทนริวก็จะคอยถามผมอยู่ทุกทั้งที่จะจัดการเรื่องต่างๆเพื่อให้ผมคอยรับรู้เอาไว้ คุณปู่เทนริวตัดสินใจขายอุปกรณ์เวทมนต์ทั้งหมดที่มีอยู่ในร้านของผมให้กับเพื่อนของเขาที่เป็นเจ้าของโรงงานรีไซเคิลขยะ หลังจากนั้นคุณปู่เทนริวก็ให้ผมย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของเขาซึ่งเปิดกิจการบ่อน้ำพุร้อน เขาค่อยๆสอนเรื่องต่างๆในการทำงานให้กับผม พร้อมกับบอกว่าจะส่งผมเรียนต่อให้จบ ในช่วงผมพึ่งจะมาทำงานในกิจการของคุณปู่เทนริวเพียงหนึ่งเดือน ครอบครัวของลูกชายของคุณปู่เทนริวก็มาเยี่ยม คุณปู่เทนริวเล่าเรื่องของผมให้ครอบครัวของลูกชายของเขาฟัง หลังจากนั้นคุณปู่เทนริวก็พาผมไปทำความรู้จักกับครอบครัวของลูกชายของเขา

         ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อโอมาร์ แลนสัน ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ

         ผมรู้สึกเกรงในตอนที่แนะนำตัว หลังจากแนะนำตัวเสร็จเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักซึ่งอายุก็น่าจะเท่ากับก็ก็วิ่งมาหาผม เธอจับมือของผมไว้แล้วพูดแนะนำตัวเองอย่างร่าเริง

         ยินดีที่ได้รู้จักนะแลนคุง ฉันชื่อคุโรเอะ ชิโระเรียกฉันว่าชิโระจังนะ ฉันเป็นหลานสาวของคุณปู่ล่ะ

         “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับคุณชิโระ

         “เอ๋! ทำไมถึงเรียกฉันอย่างนั้นล่ะ ก็บอกว่าให้เรียกฉันว่าชิโระจังไงล่ะ และไม่ต้องมาพูดสุภาพกับฉันด้วย ฉันไม่ชอบ

         คุณชิโระทำแก้มป่องใส่ผม ทำเอาผมทำตัวไม่ถูก

         เพื่อเป็นการไถ่โทษ ต้องมาเป็นเพื่อนกับฉันนะ

         “เอ๋~~~!?

         ในตอนที่ผมกำลังจะพูดตอบกลับไปคุณปู่เทนริวก็แตะไหล่ของผม แล้วก้มลงมากระซิบข้างหูผมว่า

         ถึงจะเห็นชิโระจังเป็นแบบนี้ก็เถอะ แต่ว่าชิโระจังน่ะไม่เคยมีเพื่อนเลย เพราะฉะนั้นแลนสันคุงช่วยเป็นเพื่อนให้กับหลานสาวของฉันให้หน่อยจะได้ไหม ถือว่าฉันขอร้องด้วยคนละกันนะ

         ในตอนแรกผมกะจะพูดตอบปฏิเสธคุณชิโระไปแต่เพราะว่าคุณปู่เทนริวเป็นคนมาขอร้องด้วยอีกคน ทำให้ผมรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องยากที่จะตอบปฏิเสธกลับไป

         ชิโระจัง เราสองคน...มาเป็นเพื่อนกันนะ

         “อื้ม!”

         ชิโระจังยิ้มให้ผมอย่างร่าเริง ไม่รู้ว่าทำไมในใจของผมถึงรู้สึกอบอุ่นแปลกๆ และหลังจากนั้นชิโระจังก็พาผมออกไปเล่นข้างนอกด้วยกัน ผมไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงกับเด็กผู้หญิงที่พึ่งจะได้เห็นหน้าและทำความรู้จักกันวันแรก ผมจึงปล่อยตัวปล่อยใจของผมทำเป็นไปตามสถานการณ์ และหลังจากที่ผมได้รู้จักและเล่นกับชิโระจังได้ไม่กี่วัน เธอก็ตัดสินใจที่ยังย้ายมาเรียนในโรงเรียนที่นี่ เธอบอกว่าโรงเรียนเก่าที่เธอเรียนอยู่ไม่มีใครยอมมาเล่นกับเธอเลย เพราะว่าพี่ชายของเธอ

    ชิโระเอะ โซจิโร่เป็นถึงนักเรียนที่ใช้เวทมนต์ได้เก่งที่สุดในโรงเรียนนั้น เรียกได้ว่าพี่ชายของเธอเป็นดาวเด่นด้านการใช้เวทมนต์ของโรงเรียนเลยก็ว่าได้ ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้เพื่อนร่วมชั้นของชิโระจังไม่กล้าเล่นกับเธอ เพราะกลัวว่าถ้าทำอะไรให้ชิโระจังไม่พอใจ ชิโระจังอาจจะไปฟ้องพี่ชายของเธอได้ ซึ่งพี่ชายของชิโระจังเป็นคนที่ดูน่ากลัวสุดๆในสายตาของเพื่อนร่วมชั้นของเธอ

         ในเมื่อชิโระจังตัดสินใจที่จะย้ายมาเรียนที่เมืองนี้ พี่ชายของเธอจึงย้ายมาเรียนที่เมืองนี้ด้วยเหมือนกัน เพราะว่าพ่อของเธอไม่สามารถทิ้งบ้านที่กำลังอาศัยอยู่แล้วกลับมาอยู่ที่เมืองนี้ไม่ได้ พ่อของเธอจึงตัดสินใจให้พี่ชายของชิโระจังย้ายมาเรียนที่เมืองนี้ด้วย เพื่อคอยเป็นดวงตาให้กับพ่อของเธอ คอยสอดส่องดูพฤติกรรมของชิโระจังไม่ให้ไปในทางที่ผิด แต่ถึงอย่างนั้นชิโระจังไม่ค่อยอยากจะสนิทกับพี่ชายของเธอซะเท่าไหร่ เพราะว่าพี่ชายของเธอเป็นสาเหตุทำให้เธอไม่มีเพื่อนในโรงเรียนเก่า

         หลังจากที่ชิโระจังและพี่ชายของเธอย้ายมาเรียนที่เมืองนี้ได้สามเดือน ผมก็ได้เห็นความสามารถในการใช้เวทมนต์ของพี่ชายชิโระจังตั้งหลายครั้ง ซึ่งมันทำให้ผมประทับใจในตัวของพี่ชายชิโระจังมาก ผมจึงตัดสินใจที่จะของพี่ชายชิโระจังเป็นลูกศิษย์ ในตอนแรกๆเขาปฏิเสธที่จะรับผมเป็นลูกศิษย์ ผมจึงพยายามแสดงความสามารถของผมเพื่อให้พี่ชายของชิโระจังได้เห็นถึงหลายครั้ง และในที่สุดเขาก็ยอมรับผมเป็นลูกศิษย์แต่ว่าจะรับผมเป็นลูกศิษย์ กาลเวลาก็ผ่านไปถึงหนึ่งปีเต็มๆและผมก็ได้เรียกพี่ชายของชิโระจังว่าท่านอาจารย์โซจิโร่

         และหลังจากนั้นเพียงสามปี ข่าวร้ายที่ร้ายแรงที่สุดเป็นอันดับสองของผมก็ได้เกิดขึ้น คุณปู่เทนริวซึ่งเป็นผู้มีพระคุณมากที่สุดสำหรับผมได้เสียชีวิตลงด้วยอาการป่วยร้ายแรง ผมรู้สึกเสียใจมาก แต่ว่าครั้งนี้น้ำตาของผมกลับไม่ไหลออกมาทั้งที่มันควรจะไหลออกมาแท้ๆ คนที่อยู่รอบๆตัวผมจึงมองว่าผมเป็นเด็กที่เข้มแข็งไม่ยอมร้องไห้ออกมาให้คนอื่นเห็น

         หลังจากพิธีศพของคุณปู่เทนริวจบลง ท่านอาจารย์โซจิโณ่ก็เดินมาแตะไหล่ของผม

         “หลังจากนี้งานจะยุ่งน่าดู เตรียมตัวว่างไว้ไว้ให้ดีล่ะแลนสัน

         “หมายความว่ายังไงเหรอครับท่านอาจารย์?

         ท่านอาจารย์โซจิโร่ไม่ตอบอะไรเพียงแต่ได้ยื่นซองจดหมายที่คุณปู่เทนริวเขียนเอาไว้ก่อนตายมาให้ผมอ่าน ใจความสำคัญของจดหมายฉบับนั้นก็คือคุณปู่เทนริวให้ท่านอาจารย์โซจิโร่เป็นผู้สืบทอดกิจการบ่อน้ำพุร้อนต่อ และให้ผมเป็นว่าที่ผู้สืบทอดกิจการบ่อน้ำพุร้อนหลังจากที่ผมอ่านจดหมายฉบับนั้นเสร็จท่านอาจารย์โซจิโร่ก็ยิ้มให้กับผมเล็กน้อย

         ฉันจะเป็นผู้จัดการของกิจการบ่อน้ำพุร้อนนี้จนว่าแลนสันจะเรียนจบ และหลังจากนั้นฉันจะให้นายสืบทอดกิจการต่อ

         “แต่ว่าท่านอาจารย์ ตอนที่ผมเรียนจบผมน่าจะอายุได้แค่สิบสองปีเองนะครับ อายุแค่นั้นผมจะสามารถดูแลกิจการบ่อน้ำพุร้อนนี้ได้เหรอครับ?

         “ถ้ายังไม่ลองทำก็ยังไม่รู้หรอก กว่าจะถึงตอนนั้นมันก็อีกตั้งสามปี นายอาจจะเหมาะสมเป็นผู้สืบทอดแล้วก็ได้

         “แต่ว่าท่านอาจารย์ ผมจะได้รับความไว้วางใจจากพนักงานของที่นี่ได้เหรอครับ? ให้เด็กที่พึ่งจะเรียนจบและยังอายุเพียงแค่สิบสองปีเป็นถึงผู้จัดการเลยแบบนี้ ผมว่าต้องมีพนักงานบางคนไม่พอใจแน่ๆเลยครับ

         “เมื่อถึงตอนนั้นฉันจะดูอีกทีละกัน

         ท่านอาจารย์โซจิโร่ได้ลูบหัวของผมเบาๆ เพื่อไม่ให้ผมคิดวิตกกังวลในเรื่องที่ยังมาไม่ถึงมากเกินไป

         และแล้วกาลเวลาก็ได้ผ่านไปสามปีอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ผมเรียนจบท่านอาจารย์โซจิโร่ก็คิดว่าผมอาจจะยังไม่สามารถเป็นผู้สืบทอดกิจการบ่อน้ำพุร้อนของที่นี่ได้ ท่านอาจารย์โซจิโร่จึงตัดสินใจให้ผมเป็นรองผู้จัดการของที่นี่ และให้ผมเป็นคนดูแลกิจการบ่อน้ำพุร้อนในตอนที่เขาไม่อยู่ หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วันท่านอาจารย์โซจิโร่และชิโระจังก็ได้ตัดสินใจที่จะย้ายไปอยู่ที่เมืองเดิมของพวกเขา ผมรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ต้องจากกับชิโระจังชั่วคราวแต่ท่านอาจารย์โซจิโร่ได้บอกกับผมไว้ว่าถ้าอยากจะมาค้างที่บ้านของเขาก็มาได้ แต่ต้องเป็นช่วงที่บ่อน้ำพุร้อนที่นี่หยุดทำการชั่วคราวก่อน และยังบอกอีกว่าการที่ให้ผมเป็นรองผู้จัดการนั้นนอกจากจะเป็นการทดสอบผมแล้วยังเป็นการปกป้องผมอีกด้วย เพราะว่าเมื่อมีเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นที่บ่อน้ำพุร้อนของที่นี่ คนที่จะต้องรับผิดชอบไม่ใช่ผมที่เป็นเพียงรองผู้จัดการแต่กลายจะเป็นท่านอาจารย์โซจิโร่ซึ่งเป็นผู้จัดการของที่นี่เป็นคนรับผิดชอบ

        และแล้วก็ถึงช่วงที่บ่อน้ำพุร้อนของที่นี่ก็จะหยุดทำการ ผมรีบจัดการหลายๆอย่างจนเสร็จและรีบเดินทางไปยังบ้านของท่านอาจารย์โซจิโร่ ในระหว่างทางผมได้เห็นภารกิจหนึ่งซึ่งเป็นภารกิจคุ้มกัน ผมจึงคิดว่าเมื่อไปถึงจะลองชักชวนชิโระจังให้ไปทำภารกิจด้วยกัน แต่ว่าระยะเวลาของภารกิจนี้คือสองเดือนคงต้องขออนุญาตจากท่านอาจารย์โซจิโร่เสียก่อน และเมื่อไปถึงดูเหมือนว่าทางบ้านของท่านอาจารย์คงจะเกิดเรื่องหลายๆอย่าง เพราะว่ามีร่องรอยการต่อสู้อย่างเห็นได้ชัด ผมช่วยท่านอาจารย์เก็บกวาดร่องรอยการต่อสู้เล็กน้อยหลังจากนั้นก็ไปคุยกับเขาในหลายๆที่ห้องนั่งเล่น หลังจากที่คุยกันได้สักพักหนึ่งผมก็ยังไม่เห็นวี่แววของชิโระจังเลย และผมก็ได้มารู้ทีหลังว่าวันนี้ชิโระจังออกไปทำธุระข้างนอกกว่าจะกลับมาก็น่าจะช่วงบ่ายของวันนี้ ปละเมื่อคุยกันเสร็จท่านอาจารย์ก็ขอตัวไปตามอาหารกลางวัน และหลังจากนั้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงชิโระก็กลับมาถึงบ้าน ด้วยความรู้สึกคิดถึงผมจึงรีบไปหาชิโระจังและชวนคุยกันในหลายๆเรื่องพร้อมกับบอกเรื่องภารกิจคุ้มกันให้ชิโระจังฟัง เมื่อถึงช่วงเย็นของวันนั้นผมกับชิโระจังจึงไปขออนุญาตท่านอาจารย์เรื่อที่จะไปภารกิจด้วยกันสองคน และท่านอาจารย์ก็ยอมอนุญาต ในเช้าวันต่อมาผมกับชิโระจังจึงออกไปทำภารกิจที่ตกลงกับท่านอาจารย์เอาไว้

     

    **********

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×