ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fiction] Football Player Fiction

    ลำดับตอนที่ #2 : [OS] 212 [ Chambers & Debuchy ]

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.ย. 57



    Mathieu Debuchy

    หน้าโหด นิสัยโหด แต่นั่นแหละ 555555555555555555555












    Calum Chambers  (เด็กเส้นวะ ไอ้หมอนี่ 5555555555555555)







    และฉากสวีทสองเรา  #ใช่เหรอ?  



    นักเลงพอกัน  -*-


     อ่านฟิกกันเถอะคะ 555555555555555555555


    ***********************************************************************************


    *ฟิกเรื่องนี้เอามาสังเวยความเครียดที่สะสมมาทั้งสองวัน บอลแพ้ มอไซต์แพ้  ชีวิตตตมันบัดซบบบบ

     

     

     

    [OS]  212      [Chamber & Debuchy]

    Arsenal Fiction

     

     

    เลิกเรียนสถานที่คาลัมแชมเบอร์มักจะมามากกว่าไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนต่อคือบริษัทของพ่อ  บริษัทของพ่อไม่ใช่บริษัทใหญ่และเขาก็ไม่จำเป็นต้องมาทุกวันเพราะพ่อไม่ได้คาดหวังให้เขาสืบทอดกิจการต่อ และเขาเองก็ไม่ได้จะมานั่งเป็นมนุษย์หน้าคอมแบบพ่อ อย่างคาลัมชอบที่จะอยู่กับสวนดอกไม้ของปู่มากกว่าซะอีก แม้ว่ามันจะไม่เหมาะกับบุคลิกอย่างเขาก็เถอะ

     

    “คุณพ่อคุณอยู่ข้างในห้องเชิญครับ” ทันทีที่คาลัมเดินมาถึงโต๊ะทำงานที่เรียงกันราวๆ6-7โต๊ะ (คาลัมไม่เคยสนใจที่จะนับจริงจัง)  คาลัมหยุดเดินตรงโต๊ะเดิมที่เขามักจะมาเป็นประจำทุกเย็นเมื่อมีโอกาส เจ้าของโต๊ะเงยหน้ามองเขาแว้บเดียวแล้วก็พูดคำเดิมๆที่คาลัมขี้เกียจจะฟัง

     

    “ผมไม่ได้มาหาพ่อ  ผมมาหาคุณ”  ผู้ชายฝรั่งเศสตาคมติดจะดุเล็กน้อย มองหน้าคาลัมก่อนลุกขึ้นยืน แล้วกระดิกนิ้วให้คาลัมเดินตาม     ซึ่งคาลัมก็ไม่มีปัญหาเขาก็เดินตามอีกคนอย่างเคย 

     

    มาติเยอเดบูชี่เดินนำอีกฝ่ายเข้ามาในห้องครัวที่ไม่มีคน ก็แน่ละนี่ก็เลยเวลาเลิกงานมาพักใหญ่ ทั้งบริษัทก็เหลือแค่มาติเยอกับเจ้านายเท่านั้น และก็มีแต่เขานี่แหละที่ชอบมาทำงานสายแล้วก็เลิกดึก ซึ่งพ่อของไอ้เด็กที่เดินตามก็อนุญาต แต่จริงๆมาติเยออยากได้ห้องทำงานของหัวหน้ามากกว่าการมาทำงานสายๆอีก

    ก็เขาชอบทำงานเงียบๆนี่หว่าถึงจะมีสมาธิ

     

    “เอาโกโก้มั้ย?”   มาติเยอหนุ่มฝรั่งเศสที่อุตสาห์ถ่อสังขารมาจากบ้านเกิด มาทำงานกราฟฟิกดีไซน์ในอีกประเทศหันไปถามลูกเจ้านายที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากเขานัก

    คาลัมส่ายหน้า ก่อนเดินเข้าไปใกล้มาติเยอมากกว่าเดิม

     

    “เฮ้ย!  ยืนห่างๆก็ได้  จะชงกาแฟ”  มาติเยอผลักไหล่เด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยท่าทางหงุดหงิด แต่อีกฝ่ายกลับยกยิ้มน้อยๆให้เขาแทน

     

    “คุณก็หันหลังไปชงดิ  กลัวอะไร”  คาลัมนอกจากจะไม่ยอมขยับออกจากที่เดิม ยังก้มหน้ามองอีกฝ่ายพร้อมรอยยิ้ม

    มาติเยอกรอกตาไปมาก่อนพูดเซ็งๆ

     

    “ตกลงจะเอาไง”  บางครั้งมาติเยอก็เบื่อสงครามประสาทกับไอ้เด็กตรงหน้า ก็ถามมันไปตรงๆแต่ผลลัพธ์ก็คงเหมือนเดิม

    บางทีเขาก็สงสัยผู้ดีอังกฤษลึกๆนิสัยแบบไอ้เด็กนี่กันหรือเปล่า หรือเป็นเฉพาะคนตรงหน้า

     

    “ก็เหมือนเดิม”  คาลัมยังคงมองหน้ามาติเยอที่ยังคงสบถอะไรบางอย่างไปมาที่คาลัมไม่ค่อยเข้าใจ  แต่เขาคิดว่าคงไม่พ้นด่าเขาเป็นภาษาฝรั่งเศสแน่ๆ ความรู้สึกมันบอกแบบนั้น

     

    “เด็กแบบนายนี่มีกี่คนกันแน่ หรือเป็นแบบนี้ทั้งประเทศ” ยังไงก็อดไม่ได้ที่จะว่า  มาติเยอไม่ได้สนุกนักที่โดนเด็กอายุน้อยกว่าเป็นสิบปีแบบนี้ป่วนประสาท

     

    “ก็ผมคนเดียวมั้ง”  คาลัมพูดพลางยักไหล่  

     

    “*Tu m'emmerdes!(กวนประสาทชิบ)”  

     

    “ผมฟังออกนะ”  คาลัมขยับตัวเองมาใกล้ผู้ชายฝรั่งเศสที่ยังคงหลอกด่าเขา   แต่คาลัมไม่ได้รู้สึกโกรธแม้แต่น้อย

    เพราะก็โดนอีกฝ่ายว่าแบบนี้บ่อยๆจนเขาพอจะเข้าใจความหมาย    มันก็ช่วยไม่ได้นะ อีกฝ่ายถึงจะอายุมากกว่าเขาสิบปี แต่ทุกครั้งที่คุยกันคาลัมกลับรู้สึกว่าอีกฝ่ายโตกว่าเขาแค่อายุ ส่วนอย่างอื่นก็..... (ยักไหล่)

     

     

    “แล้วยังไง”  มาติเยอเองก็ไม่ได้สนว่าเด็กตรงหน้าจะรู้สึกยังไงที่โดนเขาด่า  เพราะทุกครั้งที่มาติเยอด่าไปอีกฝ่ายก็ไม่เห็นจะรู้สึกโกรธแค้นเขา  จนบางครั้งเป็นเขาเองที่โมโหแทน

     

    “คุณครับ...  เราเลิกทะเลาะกันดีกว่านะ”  มาติเยอไม่เคยนึกชอบสายตาที่คาลัมมองมาที่เขาแบบนี้  มันควรเป็นเขาสิที่ทำแบบนี้มากกว่าไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนี่

     

    “คาลัมแชมเบอร์ นายมันไอ้เด็กตัวแสบ” 

     

    “อ่า... ใช่ผมยอมรับ” คาลัมว่าพลางยื่นแขนไปวางที่เคาท์เตอร์  ซึ่งมันก็ช่วยไม่ได้ที่ตอนนี้เขาแทบจะขังมาติเยอไว้ในอ้อมกอด    แต่มาติเยอก็ไม่ได้พยายามหนีไปทางไหน เพราะถึงเดินหนีไปสุดท้ายไอ้เด็กนี่ก็ลากเขากลับมาอยู่ดี

     

    “มาติเยอ.....  ผมอยากไปฝรั่งเศสบ้านคุณจัง  ดอกไม้ที่โน้นสวยกว่าที่บ้านผมมั้ย” คาลัมก้มหน้าให้หน้าผากชนกับอีกฝ่ายพลางมองปากมาติเยอที่พูดตอบเขา

     

    “ที่บ้านไม่มีดอกไม้ปลูกแต่ผัก” มาติเยอก็ยังเป็นมาติเยอ ยังคงพูดจาให้คาลัมอดจะหัวเราะน้อยๆไม่ไหว    เขากำลังสงสัยว่าตัวเองแก่แดดหรือมาติเยอไม่ยอมโตกันแน่

     

    “งั้นผมจะไปปลูกทิวลิปสีแดงที่บ้านคุณเอง แล้วอยากให้คุณรู้ว่าทิวลิปสีแดงตอนนี้ผมอยากมอบให้คุณคนเดียว” มาติเยอที่เอาแต่ก้มหน้ากลับเงยหน้าขึ้นมาจนคาลัมต้องขยับหน้าออก  มาติเยอผู้สนใจแต่คอมพิวเตอร์กลับรู้ว่าทิวลิปสีแดงหมายถึงอะไร จะใครซะอีกละถ้าไม่ใช่ไอ้เด็กตรงหน้าที่เคยโยนกระดาษแผ่นหนึ่งให้เขา แล้วบอกให้ไปท่องความหมายของดอกไม้มาให้ได้ไม่งั้นถูกลงโทษ  แล้วก็เป็นเขาเองที่บ้าจี้ทำตามอีกฝ่าย แต่สุดท้ายเขาก็ตอบผิดเพราะไม่ได้สนใจที่จะท่องจริงจังจนโดนทำโทษอย่างที่อีกฝ่ายคาดหมายไว้  และคราวนี้ก็เช่นกันแม้เขาจะไม่ได้ตอบคำถามผิด แต่ก็โดนลงโทษด้วยริมฝีปากของอีกคนที่ประกบลงมา  ก่อนจะดึงดูดริมฝีปากบนล่างของเขาจนมาติเยอเองเผลอโอบเอวอีกฝ่าย  แต่ไม่ทันที่จะได้เปิดปากให้ปลายลิ้นของอีกฝ่ายได้สอดเข้ามา คาลัมกลับจูบริมฝีปากมาติเยออย่างแรง พลางขยับไปหอมแก้มเขา

     

     

    “เลิกงานแล้ว  กลับห้องของคุณเร็ว!” ไม่ทันจะมาติเยอจะได้ตั้งสติ คาลัมก็ดึงแขนอีกฝ่ายให้เดินตามไปอย่างรวดเร็ว  มาติเยอทำได้เพียงแต่ต้องตามอีกฝ่ายไป ส่วนงานกับกระเป๋าน่ะเหรอ?   คงต้องกลับมาให้เจ้านายด่าพรุ่งนี้  แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของเขา เป็นความผิดของลูกชายเจ้านายล้วนๆ  ลูกชายเจ้านายที่เคยกระซิบข้างหูเขาแล้วบอกความหมายของดอกทิวลิปสีแดงว่า ตกหลุมรักมาติเยออย่างปักหัวปำและรักเขาอย่างสุดหัวใจ........     บายยย

     

     

     

    END 

     

     

    *ไม่มีไรแต่งให้คนอิจฉาเดอบูชี่เล่นๆ     555555555555555555555555

    ปล. เรื่องนี้แต่งยากกว่าฟิกน้องหมีอีก แต่งไปแต่งมาโคตตตงงงงงงงง


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×