คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [OS] Lonely Night :: ChanBaek
[One short] EXO- lonely night : ChanBaek
BMG: Simon Dominic & 8℃ Boyz - Lonely Night Lyric
คลิปชานยอลร้องเพลงต้องเปิดเลยนะ แล้วจะเข้าใจฟิล >[]<
*twitter please tag*
#ฟิกลลน
ขอบคุณที่อ่านและเมนต์นะค่ะ ^0^
Oh oh lonely night
생각에 잠기네 애타는 마음은
눈물만 삼키네 슬픔은 커지네 everyday
Oh oh lonely night
그녀는 모르네 내 마음을
바보같이 아직도 그녀를 잡지 매일……
ดวงตาเรียวเล็กหลุบต่ำทันทีที่ได้ยินเสียงเพลงจากผู้ชายตัวสูงบนเวที
พยอนแบคฮยอน รู้สึกอยากหายตัวไปจากตรงนี้ ทุกถ้อยคำที่ขับขานออกมามันบาดลึกลงไปในใจของเขา
หัวใจที่บอบช้ำ หัวใจที่ขาดวิ่น หัวใจที่เฝ้ารอใครบางคนทุกคืน
รอคอยคนที่ทิ้งเขาไปอย่างไม่ไยดีเมื่อเดือนที่แล้ว เขายังทำใจไม่ได้ เขายังลืมเธอไม่ลง แม้เธอจะทำให้เขารู้สึกเจ็บปางตายก็ตามที
Oh oh lonely night
ถ้อยคำที่ตอกย้ำการอยู่เพียงลำพังในยามค่ำคืนของเขา ยังคงเปล่งออกมาจากปากได้รูปนั้น
แบคฮยอนเผลอเงยหน้ามองเมื่อไหร่ไม่รู้ จะด้วยเสียงเพลงหรือท่าทางของคนร้องก็เถอะ
แต่นั้นก็ทำให้เขาพบว่าผู้ชายที่ร้องเพลงทำร้ายจิตใจเขาเป็นเพื่อนร่วมคณะ
ปาร์คชานยอล ผู้ชายตัวสูงใหญ่ เสียงทุ้มต่ำที่ขัดกับหน้าตาแต่มันก็น่าอิจฉาเมื่อได้ยิน เสียงทุ้มที่ขับกล่อมให้ใครต่อใครเคลิบเคลิ้ม ให้ใครต่อใครสนุกสนาน ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูดีและร่าเริง แม้ชานยอลจะไม่ได้สังกัดชมรมใด แต่แบคฮยอนก็เห็นคนๆนี้คอยช่วยงานคณะรวมทั้งงานมหาลัยอยู่ร่ำไป
แม้จะดูร่าเริง แต่ชานยอลก็เข้าถึงยากอย่างไม่น่าเชื่อ ยิ่งแบคฮยอนที่เอาแต่เรียน ร้องเพลง และเกาะติดแฟนสาวที่เพิ่งเลิกราไป
ยิ่งทำให้เขาและชานยอลรู้จักกันเพียงเพื่อนร่วมคณะ ไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น
เพราะเราไม่เคยจูนกัน
และเราก็ไม่เคยแม้แต่จะยืนข้างกัน..
Oh oh lonely night
แบคฮยอนกระดกแก้วค็อกเทลที่รับจากบาเทนเดอร์อย่างรวดเร็ว เขามาคนเดียว ไม่มีอะไรที่ทำได้นอกจากดื่มเพียงลำพัง
เพราะเขาเองปฏิเสธที่ไปกับกลุ่มเพื่อนที่ชวนกันทุกๆวันศุกร์
แบคฮยอนแค่อยากอยู่คนดียว เขาเลยพาตัวเองมาผับเล็กๆที่ไม่คุ้นเคย ที่นี้ไม่เลวเลยในสายตาเขา
มันเหมือนที่สังสรรค์ของกลุ่มเพื่อน ที่ๆมีดนตรีสดขับกล่อมและเปิดโอกาสให้ผู้ชมที่สนใจขึ้นไปจอยกัน
แบคฮยอนดูคนอื่นๆที่หัวเราะอย่างสนุกสนาน ด้วยสายตาว่างเปล่า ปาร์คชานยอลลงมาจากเวทีแล้ว
และตอนนี้กลับไปนั่งที่เดิมกับกลุ่มเพื่อนที่แบคฮยอนไม่คุ้นหน้า เขาคิดว่าคงเป็นเพื่อนจากที่อื่นของหมอนั่น
ก็ไม่แปลก คนที่ดูสังคมจ้าขนาดนั้นจะมีเพื่อนหลายกลุ่ม แบคฮยอนจิบค็อกเทลพลางวิเคราะห์ปาร์คชานยอลในใจ
เพียงแว้บเดียวที่ชานยอลหันมามองเขา สบตากันเพียงครู่ แบคฮยอนจึงแสร้งก้มลงจิบค็อกเทลแล้วหันไปสั่งแก้วต่อไป เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายรู้ตัว ชานยอลอาจแค่มองไปเรื่อยเปื่อยแล้วเผลอสบตาเข้ากับเขา
แบคฮยอนไม่เก็บมันมาเป็นสาระให้รบกวนการเต้นของหัวใจ เขาแค่คิดว่าหมอนั่นตอนดูนิ่งแล้วอยู่ในโลกของตัวเองเมื่อร้องเพลงนั้นดูดี
แม้เพลงนั่นมันจะเหมือนเข็มพันเล่มที่ทิ่มแทงหัวใจเขาก็เถอะ
Oh oh lonely night
แบคฮยอนเช็คบิลแล้วเดินออกจากร้านด้วยความสึกหงุดหงิดพอตัว เพราะอะไรก็ไม่รู้ทำให้เขาอยู่ในร้านนั้นนานเกินไป นานจนเลยเวลาของรถไฟเที่ยวสุดท้าย
ใช่! เขาตกรถไฟ และห้องพักของเขาไกลจากร้านนี้พอสมควร... ถ้าจะให้เดินก็คงเกินชั่วโมง
เหลืออย่างเดียวคือแท็กซี่ แบคฮยอนพยายามหลีกเลี่ยงการขึ้นแท็กซี่เพราะด้วยราคาที่แพงเกินความจำเป็น
และตอนนี้มันกลางเดือน เงินที่พ่อแม่ให้มาก็พอใช้ให้พ้นเดือนแบบประหยัด ส่วนเงินค่างานพิเศษก็จะออกอีกประมาณ3-4วัน
ถ้าเขาไม่ประมาท ถ้าเขาไม่เผลอ ก็คงไม่เข้าตาจนแบบนี้
แบคฮยอนนั่งคอตกที่ฟุตบาตรริมถนน ดีที่ตอนนี้รถยนต์น้อยจนแทบจะนับคันได้ ไม่เช่นนั้นเขาคงโดนซิวไปแล้วอย่างแน่นอน
บางทีหัวใจที่เจ็บปวดของเขาก็ทำร้ายเขาและเงินในกระเป๋าไปพอดู แบคฮยอนหัวเราะเบาๆให้กับชีวิตเฮงซวยที่พร้อมดาหน้ามาหาเขา
มันโทษใครไม่ได้เลย นอกจากความงี่เง่าของเขา .. แม้ใครจะบอกว่าอกหักไม่ถึงกับตาย แต่มันปางตายเลยละสำหรับรักที่เขาทุ่มเทไป
แบคฮยอนกัดริมฝีปากของตัวเองแน่น พยายามสะกดกลั้นน้ำตาที่จะไหลออกมา
เขาไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะมีน้ำตามากมายขนาดนี้ เรื่องมันเริ่มเมื่อเดือนที่แล้ว แต่เขาก็มีน้ำตาไหลออกมาแทบทุกวัน
ดวงตาของเขาไม่เคยสดใส รวมถึงริมฝีปากที่แห้งผาก ...... แบคฮยอนซบหน้าลงที่เข่าของตัวเอง
แม้ตอนนี้จะมีเขาเพียงคนเดียว แต่ก็ไม่ต้องการให้ใครเห็นมัน.....
“Oh oh lonely night……… กลับคนเดียวเหรอปาร์คชานยอล ไม่น่าเชื่อ” เสียงแซวจากกลุ่มเพื่อน เมื่อชานยอลเดินออกมาจากร้าน
“เรื่องของกูน่า....ไปไกลๆตีนเลยพวกมึง” ปาร์คชานยอลโบกมือไล่เพื่อน ก่อนได้ยินเสียงหัวเราะพอใจตอบกลับมา ก่อนทุกคนจะโบกมือลากันแล้วแยกย้ายขึ้นรถของตนแล้วบึ่งออกไป
ชานยอลยืนมองกลุ่มเพื่อนที่ออกรถไปจนลับตา ตอนแรกเขาเองก็กะว่าจะกลับแล้วเหมือนกัน
แต่เขากลับเปรี้ยวปากขึ้นมา ในร้านเขาห้ามสูบบุหรี่ ตอนนี้เขาจึงหยิบบุหรี่ออกจากรถแล้วหาที่เหมาะๆเพื่อระบายอารมณ์ด้วยควันสีขาว
ขายาวพาร่างของเจ้าตัวเดินออกไปด้านหน้าราวกับไม่ใช่คำสั่งจากเจ้าของ...
ก้าวเดินออกไปยังที่ๆมีใครสักคนนั่งอยู่... ใครที่ชานยอลเพียงสบตาและอยากรู้จักมากกว่านี้
....
.
.
Oh oh lonely night
บางทีชานยอลก็คิดว่าเขาไม่ควรมายืนอยู่ตรงนี้.... แต่ก็นั่นแหละบางครั้งเราก็ออกคำสั่งร่างกายเราไม่ได้
ถ้ามีบางสิ่งบงการอยู่...
ปาร์คชานยอลยืนห่างจากร่างของแบคฮยอนไม่ไกลนัก เขาจึงได้ยินเสียงสะอื้นอย่างแผ่วเบาจากคนที่นั่งกอดเข่าตัวเองอยู่ เขาเองก็ไม่รู้ว่าถ้าอีกคนเงยหน้าขึ้นมามองเขา แล้วเขาจะมองตอบด้วยสายตาอย่างไร
เพราะเขาเองก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่ไปไหน ทั้งๆตอนนี้มันก็ดึกมากและหน้าร้านก็เงียบสงัดชนิดที่หากเขากับแบคฮยอนยืนใกล้กันกว่านี้ อาจได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน
Oh oh lonely night
แม้จะมีเสียงมากมาย เขากลับจำเสียงทุ้มนั่นได้อย่างชัดเจน... และแบคฮยอนรู้ว่าเจ้าของเสียงนั่นมายืนอยู่ไม่ไกลจากเขา แต่เขาหยุดเสียงสะอื้นของตัวเองไม่ได้ เหมือนยิ่งมีคนปลอบยิ่งร้อง แต่นี่เขาไม่ได้รับการปลอบโยนแม้แต่น้อย
มีเพียงความรู้สึกว่ามีใครสักคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลเขาและกลิ่นบุหรี่ที่ลอยมาราวกับยืนยันตัวตน มันกลับทำให้เขาคิดว่าไปเองว่ามีใครสักคนเห็นเขามีตัวตนอยู่ตรงนี้
...
.
บุหรี่มวนที่หนึ่งหมดไปกับการยืนอยู่เฉยๆโดยที่ไม่ได้ทำอะไร ปาร์คชานยอลทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นก่อนเอาเท้าขยี้มัน
ตอนนี้ดึกมากแล้ว และคนที่นั่งกอดเข่าเมื่อครู่เงยหน้าเปื้อนน้ำตาขึ้นมา ก่อนมือเรียวนั้นจะถูหน้าตัวเองไปมา
จนปลายจมูกเล็กๆนั้นแดง
แบคฮยอนเม้มริมปาก เขาไม่กล้าหันไปทางที่ชานยอลยืนอยู่ เขาไม่รู้ว่าต้องเริ่มต้นพูดอะไร
เพราะเขาทั้งคู่ไม่เคยคุยกัน แม้แต่เดินผ่านกันยังนับครั้งได้ เขาจึงทอดสายตามองไปยังท้องถนนที่ว่างเปล่า
แม้ว่าตอนนี้จะดึกสักแค่ไหน แบคฮยอนก็ไม่รู้สึกอยากกลับไปนอนที่ห้องเลย....
แต่เขาจะทำอะไรได้มากกว่านั้นละ ยังไงเขาก็ต้องกลับไปที่เดิม... ที่ๆเขาต้องเสียน้ำตาแทบทุกวัน
แบคฮยอนลุกขึ้นยืน ก่อนปัดฝุ่นตามร่างกายตัวเอง แค่นี้มันก็ดีแล้ว... อย่างน้อยวันนี้เขาก็ไม่ได้นอนร้องไห้คนเดียว
.
ชานยอลที่จุดบุหรี่ม้วนที่สอง ปลายตามองคนตัวเล็กกว่าเขาลุกขึ้นยืน ชานยอลพ่นควันขาวออกจากปาก
ก่อนตัดสินใจทิ้งบุหรี่ที่สูดควันไปเพียงครั้งเดียวลงพื้นแล้วใช้เท้าขยี้ทิ้ง...
โอกาส... และความรู้สึกดีๆมันไม่ได้มาง่ายๆ ถ้าปล่อยมันไป ทุกๆสิ่งที่ถูกสร้างมามันจะหายไป
และรางเลือนในความทรงจำ
“เออ. นาย อย่าเพิ่งไป” ชานยอลไม่รู้ว่าตัวเองเผลอจับแขนของอีกฝ่ายเมื่อไหร่... แต่เขาทำมันไปแล้ว
และอีกคนหันมองมองหน้าด้วยสีตกใจ....
“เออ... ขอโทษนะ มือมันไปเอง” ถ้ามองไม่ผิด ชานยอลเห็นตาเรียวเล็กที่บวมเป่งนั้นไล่มองตั้งแต่มือเขาจนถึงใบหน้า
ชานยอลยิ้มให้อีกคนเล็กน้อย คนข้างหน้าดูตัวเล็กมากจริงๆเมื่อมองจากสายตาเขา
ยิ่งจมูกแดงๆกับตาบวมๆนั้น ยิ่งทำให้ดูน่าปกป้องมากขึ้น แม้เขาจะรู้ว่าไม่ควร เพราะคนตรงหน้าเขาก็คือผู้ชายคนหนึ่ง
“ไม่เป็นไร... เราเป็นเพื่อนคณะเดียวกัน นายคือปาร์คชานยอล” เป็นคนตัวเล็กที่รู้จักเขา
“ใช่ เราชื่อชานยอล นาย... พยอนแบคฮยอน...” อีกฝ่ายทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้าให้เขา...
ทำไมชานยอลจำไม่ได้ เขาเคยแอบได้ยินอีกฝ่ายร้องเพลงแล้วต้องตกใจกับเสียงที่มีพลังเกินตัว
และมือเรียวสวยที่จับไมค์อยู่นั่น ทำให้เขาอยากรู้จักอีกฝ่าย...
แบคฮยอนอาจไม่รู้ว่าเขาแอบมองมือเรียวของอีกฝ่ายบ่อยครั้ง... ชานยอลเคยเห็นแบคฮยอนเอามือเรียวนั้นเกลี่ยหน้าแฟนสาว ชานยอลเคยคิดว่าเขามองมือนั่นเพราะมืออยู่บนหน้าผู้หญิง แต่ในตอนนี้เขารู้แล้วว่าตัวเองมองมือนั่น เพราะเป็นมือของแบคฮยอน คนที่เขามีความประทับใจเล็กๆกับอีกฝ่าย...
“เราไม่เคยคุยกันเลยสินะ นี่เป็นครั้งแรกที่เราคุยกัน... อ่า... นี่ก็ดึกแล้ว เรากลับก่อนนะ
วันจันทร์เจอกันที่มหาลัย บาย.....” แบคฮยอนเอ่ยขึ้น ก่อนจำใจโบกมือลาอีกฝ่าย... ปาร์คชานยอลตัวสูงที่ดูกระตือรือร้นพร้อมแววตาเป็นประกาย เขาไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะหันมาคุยกับเขา เพราะเขารู้สึกเสมอว่าคนตรงหน้าแม้จะดูเข้ากับได้ง่าย แต่กลับมีโลกส่วนตัวสูงและเข้าถึงยาก....
“แล้วนายจะกลับยังไงละ นี่ดึกมากนะ” ชานยอลที่เห็นอีกฝ่ายทำท่าจะเดินออกไป จึงรั้งอีกฝ่ายไว้ด้วยคำพูดง่ายๆ ถ้าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงคงคิดว่าเขากำลังจีบอยู่... แต่แบคฮยอนเป็นผู้ชาย... และชานยอลไม่เคยจีบผู้ชาย...
แบคฮยอนหันมองหน้าชานยอล ก่อนยิ้มบางๆให้
“ก็เดินไง”
“เดิน?.... มันอันตรายนะ” เดินงั้นเหรอ? แบคฮยอนคิดจะเดินกลับ แต่เขาไม่คิดจะปล่อยให้อีกฝ่ายทำแบบนั้น
“อันตราย? ไม่หรอก เราเป็นผู้ชายนะ” แบคฮยอนตอบพร้อมส่ายหน้าไปมา...
“ไม่ได้หมายถึงแบบนั้น ว่าแต่ห้องอยู่ที่ไหนเราจะไปส่ง.. จริงๆนะแบคฮยอนให้เราไปส่งเหอะ” เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าเหมือนจะบอกเขาว่าไม่เป็นไร ชานยอลไม่ต้องการปล่อยให้มันเป็นแบบนั้น
อย่างน้อยขอแค่วันนี้ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ถ้าวันหน้าแบคฮยอนปฏิเสธเขาก็จะยอมรับมัน
Oh oh lonely night
ตลอดทางบนรถอีโค่คาร์คันเล็กสัญชาติเกาหลีแล่นบนถนน... เสียงเพลงแร๊พเท่ๆดังขึ้นขับกล่อมทั่วรถ..
กลิ่นบุหรี่จางๆบ่งบอกความเป็นปาร์คชานยอลได้อย่างชัดเจน แบคฮยอนอดที่จะคิดถึงใบหน้าของชานยอลตอนที่ได้ร้องเพลงบนเวทีไม่ได้ ชานยอลที่กำลังจมลึกไปกับบทเพลง แม้เนื้อเพลงมันจะกรีดหัวใจเขา
แต่เมื่อเขามองและฟังมันจากชานยอล... เขากลับรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในอ้อมกอดผู้ชายคนนั้น และชานยอลกำลังร้องเพลงอยู่ข้างหูเขา พร้อมหลอกล่อให้เขาหลงลืมเธอคนนั้นและตอกย้ำว่าเขาถูกเธอทิ้งไปแล้ว
อ่า.... ไม่ควรสินะ เขาไม่ควรคิดอะไรแบบนี้ แบคฮยอนแอบคิดในใจถึงสิ่งที่เขาไม่ควรคิด ก่อนแอบมองเสี้ยวหน้าของผู้ชายที่อยู่ในจิตนาการเขา
และปาร์คชานยอลเองก็แอบมองที่หางตาแล้วพบว่าแบคฮยอนกำลังมองมาที่ตน ชานยอลจึงพยายามรวบรวมสติทั้งหมดที่ท้องถนน เขาไม่ต้องการให้มืออีกข้างของเขาเผลอไปกุมมือฝ่ายในขณะที่ขับรถ หากเกิดอุบัติเหตุเขาจะไม่ให้อภัยตัวเอง....
“ดูท่าทางชานยอลชอบเพลงแร็พมากเลยเนอะ” เป็นแบคฮยอนที่เอ่ยขึ้น ขณะที่รถกำลังแล่นไปอย่างเชื่องช้าบนถนนอันว่างเปล่า ราวกับว่าเจ้าของรถอยากยื้อเวลานี้ให้นานเท่าที่จะทำได้
“อืม... ชอบ.. หรือแบคฮยอนไม่ชอบ ปิดก็ได้นะ” พอได้ยินอีกฝ่ายพูด แบคฮยอนก็ส่ายหน้าในทันที
“เปล่าหรอก... เราฟังได้... แต่แค่ตอนในร้านที่นายขึ้นไปร้องเพลงนะ เรา..แทบทนไม่ได้” น้ำเสียงติดจะสั่นเครือเอ่ยขึ้น
ชานยอลเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนผ่อนความเร็วลง
“ขอโทษ” เขาพอจะเข้าใจสิ่งแบคฮยอนกำลังสื่อ เขารู้ความเป็นไปของอีกฝ่าย เพราะข่าวการเลิกราของแบคฮยอนนั่นค่อนข้างรู้กันในคณะ และเป็นแบคฮยอนที่แบกสีหน้าอมทุกข์ไว้ร่วมเดือน ทั้งๆที่สาวเจ้าดูสดใสเพียงไม่กี่วัน
“Oh oh lonely night ……. น่าขำนะ เราได้ยินทั้งเพลงไม่ชัดหรอก เราแค่เข้าใจประโยคแรก เราก็ไม่อยากฟังต่อแล้ว แต่เพราะคนร้องมันเป็นนาย เราก็ไม่รู้ว่าทำไมเราต้องเงยหน้าขึ้นมามองชานยอลตอนร้องเพลง และต้องทนฟังนายตอกย้ำว่าเราต้องอยู่คนเดียว แต่ไม่รู้สิ เราเหมือนเรากำลังถูกนายบงการ...... กำลังถูกนายหลอกล่อ ไม่สิ.. นายกำลังทำให้เราสับสน ว่าเราควรเจ็บปางตายกับเพลงที่เหมือนตัวเองหรือมีความสุขเมื่อได้มองหน้านาย...
อ่า... ชานยอลถ้าเราพูดอะไรแปลกๆ ลืมมันเถอะนะ เราว่าเรากำลังเมา เราดื่มเยอะไปหน่อย” พูดจบแบคฮยอนเค้นยิ้มอย่างยากลำบากให้ตัวเอง เขาคิดว่าตัวเองกำลังจะเป็นบ้า
“ลืมเธอได้แล้ว.... เราจะทำให้นายลืมเธอเอง”
“เอ๊ะ?” แบคฮยอนอุทานอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ก่อนชานยอลจะเลี้ยวรถไปหยุดรถที่ข้างทาง... แบคฮยอนหันไปมองอีกฝ่าย ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายหยุดรถ
แต่เป็นเพราะคำพูดอีกฝ่าย เขาเมานิดหน่อยเขารู้ แต่ใช่ว่าจะไม่เข้าใจที่ฝ่ายพูด
แบคฮยอนไม่ใช่สาวน้อยวัยใส เขาเข้าใจคำพูดชู้สาวประมาณนี้ แต่เขาไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากผู้ชายด้วยกัน
ผู้ชายที่เขาเผลอไผลและใจเต้นเพียงแค่ได้สบตา
“ลืมเธอได้มั้ย” ชานยอลหันมามองหน้าแบคฮยอนเต็มๆตา แบคฮยอนยังคงทำหน้าตกใจ ก่อนที่จะเม้มริมฝีปาก
ชานยอลไม่ได้เมา... เขาอาจจะมึนๆเล็กน้อย แต่ชานยอลคิดว่าเขามีสติและจำได้ทุกคำพูดของตัวเองเมื่อตื่นขึ้นมาพรุ่งนี้
“นายเมา”
“ไม่... เราจำได้ เราไม่เมา แล้วแบคฮยอนจะจำได้หรือเปล่า ถ้าพรุ่งนี้นายตื่นขึ้นมา จะจำคำพูดเราได้หรือเปล่า” ชานยอลมองแบคฮยอนด้วยสายตาวิงวอน
“แต่เราเป็นผู้ชาย นายชอบผู้ชายเหรอ” แบคฮยอนคิดว่าตัวเองเมามากก็เพราะคำพูดแบบนี้แหละ ถ้าเป็นเวลาปกติเขาคงไม่กล้าถามอะไรแบบนี้
“ไม่... เราไม่ได้ชอบผู้ชายคนอื่น.... แต่เพราะเป็นแบคฮยอนเราเลยอยากเป็นคนที่ทำให้แบคฮยอนลืมเธอคนนั้น.. ได้มั้ย.. ให้โอกาสเราได้มั้ย” ชานยอลที่ถือวิสาสะเอื้อมมือไปจับมือเรียวที่เขาแอบมอง.. ก่อนลูบไล้อย่างแผ่วเบาราวกับกลัวว่าจะแตกหัก
พยอนแบคฮยอนไม่ได้ชักมือกลับ ไม่ได้ส่ายหน้าปฏิเสธ แต่เขากระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูชานยอล
-นายกล้าจูบผู้ชายหรือเปล่า- ชานยอลไม่ตอบ เพียงแค่มองตาแบคฮยอนก่อนเลื่อนใบหน้าเขาไปใกล้
ริมฝีปากแตะเบาๆเหมือนทักทายกัน ลมหายใจร้อนสัมผัสผิวหน้ากันและกัน ก่อนชานยอลจะดูดกลืนริมฝีปากบนและล่างของแบคฮยอนสลับกันไปมา ก่อให้เกิดเสียงที่ชวนให้ใจสั่นได้ไม่ยาก แล้วเป็นแบคฮยอนเองที่ยื่นมือไปโอบรอบคออีกฝ่าย ก่อนเปิดกลีบปากที่ถูกดูดดึงจนบวมเจ่อ แล้วรอรับลิ้นร้อนที่ช้อนไชเข้ามาในปาก... แบคฮยอนดูดดึงลิ้นอีกฝ่ายราวกับหิวกระหาย.. ไม่ต่างจากชานยอลที่เลื่อนมือเข้าไปใต้เสื้อเชิ้ตตัวบาง พลางลูบไล้ผิวกายที่ร้อนระอุ และยอดอกที่แม้มองไม่เห็น แต่ชานยอลก็รู้สึกถึงสัมผัสผ่านนิ้วมือของเขา ชานยอลลูบไปมาร้าวกับหยอกล้อให้มันตื่นตัว..
ยิ่งลูบผ่าน แบคฮยอนก็ยิ่งจูบและดูดดึงลิ้นเขามากขึ้น จนน้ำลายของทั้งคู่ไหลลงข้างมุมปาก แต่ไม่มีใครคิดจะเช็ดมัน ชานยอลที่ทนไม่ได้กับเพียงลูบผ่านไปมา ใช้สองนิ้วดึงยอดอกของอีกฝ่าย ก่อนใช้ขยี้หนักมือขึ้น จนแบคฮยอนเผลอครางเสียงดัง ก่อนผลักชานยอลออก...
“ขะ..... ขอโทษ คือมัน.. มันรู้สึกแปลกๆ” แบคฮยอนไม่กล้าบอกว่าจริงๆรู้สึกอย่างไร จึงก้มหน้าลงปิดบังใบหน้าที่แดงซ่านของตัวเอง
“ไม่หรอก.. เราสิต้องขอโทษ อ่า....แค่ครั้งแรกเราก็หยุดตัวเองไม่ได้” ชานยอลลูบหน้าตัวเองไปมา เพื่อระงับอารมณ์ดิบที่ถูกปลุกขึ้นมา ...... เขาไม่เคยจูบกับผู้ชาย ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน ชานยอลก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาหยุดไม่ได้.. แต่เขาก็ทำมันไปแล้ว หน้าอายจริงๆ
“งั้นเดี๋ยวเราไปส่ง... แบคฮยอนที่ห้องละกัน” ชานยอลที่ดับเครื่องยนต์ไป บิดกุญแจสตาร์ทรถอีกครั้ง
ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วออกรถ
“ชานยอลโกรธเราหรือเปล่า” แบคฮยอนหันมาถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไป
“อ่า... ไม่ๆ เราจะโกรธแบคฮยอนทำไม เราควรโกรธตัวเองมากกว่าที่ทำแบบนั้นกับแบคฮยอน” ชานยอลเอ่ยอย่างรู้สึกผิด แบคฮยอนมองอีกฝ่ายก่อนยิ้มให้
“ชานยอลรอเราได้มั้ย? รอเมื่อเราพร้อม ชานยอลรอได้มั้ย” แบคฮยอนหันมามองหน้าชานยอล ก่อนเอ่ย
“ได้สิ... เราจะรอ” แม้ชานยอลจะไม่ได้มองมา แต่น้ำเสียงนั้นก็หนักแน่นพอที่จะทำให้แบคฮยอนเชื่อมั่น
“ขอบคุณนะ”
“เช่นกัน”
Oh oh lonely night
ฉันคิดว่าหัวใจอันบริสุทธิ์ของฉันถูกปิดตาย
น้ำตาแห่งความโศกเศร้าไหลรินอย่างมากมายทุกวัน
Oh oh lonely night
เธอไม่รู้หรอกว่าหัวใจของฉันนั้น
ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่งทุกๆวัน
............
Oh oh lonely night
แต่สุดท้ายหากเธอไม่จากไปฉันก็คงไม่เจอ
ความรู้สึกดีๆอันบริสุทธิ์จากใครบางคน
คนที่เอ่ยปากบอกฉันว่า Oh oh lonely night
แต่เขาสัญญาว่าจะไม่ปล่อยให้ฉันต้องอยู่คนเดียว.......
..
..
.
END
**ขอบคุณที่อ่านกันจนจบ ฟิกนี้มาจากการพี้เพลงตามชื่อเรื่อง แล้วดูคลิปที่ชานยอลมันร้องเพลงแล้วก็แบบ
หล่อววว (ปกติไม่ค่อยชม 5555) ฟิกเลยถือเกิดกำเนิดมา ส่วนคำแปลเพลงน่ะก็แปลกแค่ต้นเเพลงอะแหละ
เพราะเห็นเนื้อเพลงยาวเป็นพรืดแล้วจะร้อง ไม่ไหว แค่ต้นเพลงก็แปลแบบเอาสละสลวยให้เข้ากับฟิก
อย่าคิดว่าไรท์เตอร์เก่งแปลเกาหลีได้ละ คือได้นิดหน่อยไม่เซียน ถ้าใครแปลได้ทั้งเพลงส่งมาให้อ่านด้วยนะค่ะ
อยากซาบซึ้งกับเพลง งื้ออออ
**อ่านละเมนต์ให้เก๊าหน่อย ส่วนฟิกเรื่องอื่น.. เดี๋ยวเราต่อให้นะ อันนี้ต้องแต่งจริงๆไม่แต่งจะลงแดง
555555
#ฟิกลลน
ความคิดเห็น