NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โชคชะตาลิขิตให้ฉันต้องล้างแค้น

    ลำดับตอนที่ #16 : บทที่1 ตอนที่16 7 เรื่องลี้ลับในโรงเรียน 1

    • อัปเดตล่าสุด 16 ต.ค. 65


    สามวันต่อมา มิร่าขอให้โรเซ่ลาพักจากงานไปก่อนเพราะเธอต้องการจะตรวจสอบอะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวเขาก่อน

    “แล้วเรื่องที่เธอสงสัยอยากจะตรวจสอบ ต้องเป็นที่นี่เท่านั้นเหรอ?”

    “ใช่ ตั้งแต่วันนั้นฉันยังสงสัยไม่หายเลย”

    สถานที่ที่มิร่าใช้สำหรับตรวจสอบเกี่ยวกับโรเซ่คือห้องฝึกซ้อมที่กว้างขวางมาก โรเซ่ได้ติดต่อขอใช้ห้องที่ใหญ่ที่สุด เขารู้ว่าถ้ามิร่ามีเรื่องสงสัยมากถึงขนาดนี้จะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ

    “เอาล่ะ ขอมือซ้ายหน่อย....หลับตาลง”

    มิร่าเอามือตัวเองวางบนฝ่ามือซ้ายของโรเซ่แล้วพากันหลับตาลงเพ่งสมาธิไปที่มานาที่กำลังส่งไปที่ฝ่ามือข้างซ้ายของเขา

    “ที่นี่....คือมิติที่เผ่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์อยู่ภายในสัญลักษณ์สินะ?”

    “อ่า...ตอนนี้พวกเราอยู่ในร่างไร้กายหยาบ ทำอะไรมากไม่ได้ แต่ฉันสามารถเปลี่ยนแปลงให้มันเป็นไปตามใจนึกได้”

    โรเซ่ลืมตาขึ้นมาอีกทีก็อยู่ท่ามกลางทุ่งกว้างพร้อมกับมิร่า พวกเขาในตอนนี้ยังอยู่ในมิติเสมือนที่ถูกสร้างขึ้นและมิร่าสามารถเปลี่ยนให้กลายเป็นตามใจเธอนึกได้

    “พวกเราไม่ได้เอาเวลาพักร้อนมาทำเรื่องนี้...เพราะว่าไอ้เจ้าหมอนี่ไงล่ะ”

    “หน้ากากฮันเนีย?...แต่ทำไมถึงเหลือแค่ส่วนจมูก ปาก แล้วก็ส่วนเขาล่ะ?”

    มิร่าผายมือออกไปทางขวา จากทุ่งหญ้าโล่งกว้างกลายเป็นห้องทดลอง โรเซ่เห็นหน้ากากฮันเนียที่เสียหายมีตู้กระจกครอบไว้อยู่

    “รินจังเป็นคนทำน่ะสิ ทำให้นายได้สติกลับมาอีกครั้ง...ถ้าสงสัยอะไรลองคุยกับมันดูไหมล่ะ?”

    “รินงั้นเหรอ?....อืม แกเป็นตัวอะไรกันแน่?”

    ก่อนหน้าที่จะมามิร่าได้เล่าเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ของเธอให้โรเซ่ฟังเพิ่มเติมหลังจากที่เธอได้รับรู้ไม่นานนี้

    “ตัวข้าคือฮันเนีย เทพปีศาจแห่งความริษยาและความสิ้นหวัง”

    “ถ้าฉันใช้พลังแกอีกครั้ง ฉันก็จะโดนควบคุมอีกสินะ?”

    “.......”

    “มันจะไปรู้ได้ไง? เพราะถ้าฉันไม่อนุญาตให้รู้ด็ไม่มีสิทธิ์รู้ไงล่ะ...”

    โรเซ่ถามคำถามต่อ แต่ฮันเนียไม่ตอบรับใดๆ มิร่าจึงพูดเหมือนว่าตัวเองจะรู้

    “เธอรู้งั้นเหรอ?”

    “อ่า เพราะส่วนอื่นถูกรินจังทำลายไป พลังสำหรับการยึดร่างก็คงจะหายไปเยอะเลยแหละ”

    “ถ้าไม่ใช้เพราะเจ้ากับยัยหนูนั้น ร่างที่สมบูรณ์แบบนี้ก็จักเป็นของข้าแล้วเชียว”

    มิร่าให้คำตอบกับโรเซ่ เหตุผลส่วนใหญ่มาจากตัวรินที่เป็นคนทำ

    เพล้ง!

    “ดูเหมือนจะหมดเวลาของมิตินี้สำหรับนายแล้วล่ะ ถ้าอยู่นานเกินไปจะไม่ดี”

    “เข้าใจแล้ว”

    กระทั่งได้ยินเสียงแตกดังเพล้ง มิร่ารู้ว่าหมดเวลาแล้วที่มนุษย์จะได้อยู่ในมิติของเผ่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์

    “โรเซ่ ไหนๆเจ้านั่นก็พลังอ่อนลงแล้ว ไม่คิดจะลองใช้มันดูหน่อยเหรอ?”

    “แบบนี้ฉันก็ถือเป็นคนแรกที่จะได้ใช้พลังนี้สินะ?...แล้วต้องทำยังไงบ้างล่ะ?”

    โรเซ่ถามวิธีใช้พลังกับมิร่า ทำให้เจ้าตัวทำหน้างงกลับไป

    “แล้วตอนนั้นนายทำได้ยังไงล่ะ?”

    “ฉันไม่ได้ทำ แต่ฮันเนียน่าจะเป็นคนทำ”

    “О мой Бог !! Ебена мать!!”

    มิร่าหันหลังไปกุมขมับพร้อมพูดเป็นภาษารัสเซียถึงฮันเนีย

    “ถ้าพูดเหมือนคราวก่อนมีสิทธิ์ที่เจ้านั่นจะยึดร่างได้อีกรอบแน่ๆ...อืมถ้าอย่างนั้น....แปลงร่าง! แบบนี้เป็นไง?”

    “มันไม่ดูจูนิเบียวไปหน่อยเหรอ?”

    “อ่า....แล้วจะเป็นคำไหนดีล่ะเนี่ย? ' ทะลวงขีดจำกัด ' แบบนี้ล่ะเป็นไง?”

    “ก็ได้....ทะลวงขีดจำกัด!”

    ทั้งสองพากันคิดคำใช้เรียกเพื่อใช้พลังของฮันเนีย จนโรเซ่เลือกมาเป็นคำว่าทะลวงขีดจำกัด พร้อมยกแขนซ้ายขึ้นไปข้างหน้าแบมือซ้ายออก เกิดแสงสีแดงที่สัญลักษณ์ฮันเนียที่ฝ่ามือ ก่อนจะหันฝ่ามือ มาประกบใบหน้าของตัวเอง ปรากฏเป็นหน้ากากฮันเนียที่ไม่มีส่วนที่รินเพิ่งทำลายไปเมื่อไม่กี่วันก่อน

    “เป็นไงบ้างล่ะ? หรือฉันต้องเรียกรินจังตอนนี้เลย?”

    “ไม่ล่ะ ครั้งนี้ฉันควบคุมได้อยู่ รู้สึกได้ถึงพลังบางอย่างที่ไม่คุ้นเคยไหลเวียนรวมกับมานาในร่างกายเลย”

    “ถ้าอย่างนั้น ลองใช้พลังของฮันเนียให้ดูหน่อยสิ ตัวนายในตอนนี้จำเป็นต้องแข็งแกร่งกว่านี้ และพลังของเจ้านี่เป็นสิ่งจำเป็นในกรณีที่ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้”

    “อ่า เข้าใจแล้ว”

    มิร่าเตรียมจะกดมือถือเรียกริน จนได้ยินเสียงตอบรับของโรเซ่ที่กำลังสำรวจร่างกายและพลังที่เพิ่มเข้ามา

    “『

    วิชาเทพแห่งความสิ้นหวัง

    รูปแบบที่1

    หมัดพิชิตเวลา

    』”

    โรเซ่ตั้งท่ากำหมัดขวาแน่นก่อนจะปล่อยหมัดชกออกไป พริบตาเดียวกำแพงห้องสีขาวตรงหน้าก็เต็มไปด้วยรอยฟันของคาตานะจำนวนนับร้อยครั้ง

    “นี่น่ะเหรอ? พลังของเจ้านั่น?...ไม่รู้สึกเหนื่อยเลย เหมือนกับเพิ่งจะปล่อยหมัดปกติไปเอง”

    (ในตอนนั้นทำไมรินจังที่เพิ่งจะได้สติแล้วมานายังฟื้นคืนกลับมาไม่ถึงครึ่ง ถึงมีแรงเอาชนะเจ้าฮันเนียได้กันล่ะ? ฉันก็เตรียมแผนจะเข้าไปข้างในมือเพื่อแย่งการควบคุมอยู่หรอก...แต่ไม่นึกเลยว่ารินจังจะเร็วกว่าฮันเนียได้)

    ขณะที่โรเซ่กำลังฝึกลองใช้พลังของฮันเนีย มิร่าที่มองโรเซ่พลางคิ้วขมวดคิดถึงเรื่องที่รินเอาชนะฮันเนียได้ง่ายๆได้ยังไง เธอก็ยังไม่เข้าใจถึงเหตุผลนั้นอยู่ดี

    ✣✤✣

    อีกด้านทางฝั่งของรินที่กำลังนั่งเรียนในห้องเรียนอยู่นั้น 

    (ที่คุณมิร่าพูดตอนนั้น....หรือว่าสเปคคนที่ชอบของเรา?....)

    (บ้าบอๆๆ เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่มีทางชอบอีตานั่นหรอก ไอ้เจ้างั่งโรเซ่นั่น!....)

    “คุณมิยาซากิ เป็นอะไรหรือเปล่า?”

    “มะ...ไม่เป็นอะไรค่ะคุณครู”

    (หรือว่าเพราะเวทมนตร์ของหมอนั่นที่เราเพิ่งจะรู้ ใช่แน่ๆ ไอ้เวทย์บงการจิตใจนั่น ต้องใช่แน่ๆ ฉันถึงคิดอะไรแบบนี้)

    รินครุ่นคิดถึงเรื่องของโรเซ่ ก่อนจะเอามือขยุ้มหัวตัวเองจนครูและเพื่อนในห้องเกิดสงสัยขึ้นมา แล้วรินก็สรุปว่าเหตุผลที่เธอเป็นอย่างนี้ต้องเป็นเพราะผลของเวทมนตร์ของโรเซ่แน่ๆ

    “คุณมิยาซากิ ริน ปี1 ห้องAอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”

    “อ่า ฉันเองค่ะ”

    ในเวลาพักเที่ยงก็มีรุ่นพี่ผู้หญิงใส่แว่นผูกเนคไทสีเหลืองซึ่งอยู่ปีสองเข้ามาในห้องเพื่อมาหาเธอที่เพิ่งกินข้าวเที่ยงเสร็จ

    “ฉันอาคากิ ฟุยุมิ ปี2ห้องB เป็นประธานชมรมเรื่องลี้ลับ ฉันอยากขอร้องคุณมิยาซากิ เรื่องหนึ่งน่ะ ช่วยมากับฉันสักเดี๋ยวได้มั้ย?”

    “อ่าค่ะ”

    รินตามฟุยุมิไปโดยไม่สงสัยอะไรจากคำพูด เมื่อมาถึงห้องชมรม ฟุยุมิก็เริ่มปิดบทสนทนาต่อทันที

    “คุณมิยาซากิ ฉันอยากขอร้องคุณในฐานะที่เป็นไวท์ระดับพิเศษช่วยมาสืบสวนตำนาน7เรื่องลี้ลับในโรงเรียนด้วยกันเถอะนะ”

    “Wait what!?”

    เมื่อได้ยินคำว่าตำนาน7เรื่องลี้ลับ รินก็หน้าซีดกลัวขึ้นมาในทันที ตัวเธอช่างไม่ถูกกับเรื่องพวกนี้เลยจริงๆ

    “ไม่ๆ ฉันไม่เอาด้วยเด็ดขาดเลยค่ะ”

    “ขอร้องล่ะนะคุณมิยาซากิ เพราะช่วงที่คุณไม่อยู่น่ะคงไม่รู้ใช่มั้ยว่านักเรียนที่เลิกชมรมตอนค่ำเจออะไรบ้างจนเล่าต่อๆกันมา ฉันเลยอยากขอความร่วมมือจากคุณมาช่วยสืบแล้วพิสูจน์ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าทีสิ”

    “ให้ทำแบบนั้นไปจะได้อะไรล่ะคะ?! อีกอย่างฉันไม่ถูกกับเรื่องแบบนี้ด้วย!”

    “เพราะทุกคนไม่มีใครจะอยู่ที่โรงเรียนตอนเย็นกันเลยสักคนน่ะ แม้แต่พวกคุณครูเวรก็ตาม เพราะอย่างนั้นแหละ พวกนักกีฬาก็เลยขาดซ้อมช่วงเย็นกันบ่อยมากเลย ถือว่าช่วยโรงเรียนเถอะนะ”

    ฟุยุมิเข้าไปเกาะแข้งเกาะขาขอร้องรินที่พยายามจะเดินออกจากห้อง ฟุยุมิต้องพยายามพูดเหตุผลต่างๆนาๆเพื่อโน้มน้าวให้รินยอมช่วย พอพูดว่าทำเพื่อโรงเรียนรินก็หยุดนิ่งคิดอยู่สักพัก ถ้าหากไม่ช่วยก็จะเกิดเรื่องแบบนี้ต่อไป แล้วพวกนักกีฬากับพวกที่ทำกิจกรรมชมรมช่วงเย็นก็จะเป็นปัญหา โดยเฉพาะนักกีฬาที่ต้องฝึกซ้อมมากอีก

    “.....กะ ก็ได้ค่ะ”

    เมื่อคิดถึงผลที่ตามมาหากช่วยแล้วรินจึงจำใจยอมช่วยแม้ว่าจะกลัวผีมากก็ตาม

    (วันนี้ฉันยอมทิ้งศักดิ์ศรีมาพึ่งนายเลยก็ได้)

    “ฮัลโหล คือว่า วันนี้.....”

    “ฉันไม่ว่าง แค่นี้นะ...”

    ตรู๊ด ตรู๊ด ตรู๊ด

    รินนึกถึงคนคนนึงที่จะสามารถช่วยเธอได้แน่นอนนั่นคือโรเซ่ จึงได้โทรศัพท์ไปหาแต่แล้วการตอบกลับของโรเซ่ทำให้รินนิ่งไปเลย

    (หมดสิ้นแล้วความหวังของฉัน)

    ✣✤✣

    เวลาต่อมาในตอนเลิกเรียนตามปกติ ไม่มีใครอยู่ในโรงเรียน นอกจากรินกับสมาชิกชมรมเรื่องลี้ลับ

    “เอาล่ะ ไปกันเถอะทุกคน เพื่อให้พวกชมรมอื่นจะได้ทำกิจกรรมช่วงเย็นกันอีกครั้ง”

    “โอ้ว!”

    (ฉันอยากกลับบ้าน...)

    ฟุยุมิและสมาชิกในชมรมต่างไม่มีใครกลัวแล้วยังมีกำลังใจเหลือล้นมากผิดกับรินที่ตอนนี้เธอกลัวจนตัวสั่นอยากจะกลับบ้านแล้วแต่ก็ต้องฝืนทนทำไป

    “....Oh my god ! please help me.”

    “พอเข้ามาก็เจอเลยเหรอเนี่ย?”

    ทันทีที่เข้ามาก็เจอรูปปั้นหินนิโนมิยะ คินจิโร่กำลังวิ่งเล่นบนสนามโรงเรียนอยู่ รินถึงกับพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษ

    รูปปั้นหินนิโนมิยะ คืนจิโร่ มีอยู่เกือบครบทุกโรงเรียน นิโนมิยะ คินจิโร่ นั้นได้รับการยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์ของการศึกษาญี่ปุ่น เพราะสมัยที่เขายังมีชีวิตอยู่นั้น ภาพที่ทุกๆคนจะเห็นจนชินตา ก็คือเด็กชายที่กำลังตั้งใจทำงาน แบกฟืนไว้บนหลังพร้อมกับอ่านหนังสือเรียนไปด้วย 

    นั่นคือแบบอย่างของผู้ที่ประสบความสำเร็จจนได้รับการยกย่อง แต่พอตกกลางคืนใครจะไปคิดว่ารูปปั้นหินนี้จะมีชีวิตขึ้นมา และวิ่งเล่นไปรอบๆ โรงเรียน เพราะสมัยมีชีวิตอยู่เขาไม่มีโอกาสได้เล่นเหมือนเด็กคนอื่นๆ มากนัก กระทั่งพระอาทิตย์ขึ้นก็จะกลับมาอยู่ที่แท่นดังเดิม

    พวกรินทำเป็นไม่สนใจเพราะไม่ได้สยองขวัญมากนัก จนมาถึงบันไดทางขึ้นไปชั้น2 ตรงหน้านั้นคือขั้นบันไดที่มีถึง13ขั้น เพียงแค่มองก็รู้สึกถึงออร่าความน่ากลัวที่แผ่ออกมาจากขั้นที่13แล้ว

    “เอาล่ะทุกคนตั้งสตินับดีๆนะ”

    “1 2 3 4 .....12”

    ฟุยุมิพูดอย่างใจเย็นให้ทุกคนมีสติกับการเดินขึ้นบันได รินเป็นคนสุดท้ายที่เดินขึ้นตามไปพอก้าวขึ้นถึงขั้นที่12แล้วก็ยังมีขั้นที่13รอให้เธอก้าวเหยียบอยู่ คนอื่นๆที่ยืนรอเธอต่างก็มองแล้วบอกให้เธอกระโดดข้ามไปอย่าไปเหยียบมันเด็ดขาด

    “แกเหยียบแล้วสินะ?! ตายซะ!!”

    “คุณมิยาซากิ!!”

    “กรี๊ด!! มันมีจริงด้วย!...Turn Undead!!”

    รินกระโดดข้ามแต่แล้วกลับไม่เป็นอย่างนั้ยทั้งที่คนอื่นๆก็ทำได้ จู่ๆเธอก็ถูกบางสิ่งดึงขาให้ต้องเหยียบขั้นที่13 แล้วก็มีวิญญาณสีดำปรากฏตัวออกมาจากขั้นที่13แล้วกำลังจะเข้าไปทำร้ายริน สมาชิกในชมรมต่างพากันรีบเข้าไปดึงตัวรินทันที รินกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวแต่ด้วยสัญชาตญาณเอาตัวรอดเธอได้ใช้เวทย์ศักดิ์สิทธิ์ใส่วิญญาณร้ายตัวนั้นจนสลายหายไปในพริบตา แล้วบันไดก็กลับมาเหลือ12ขั้นเช่นเดิม

    “หะ หายไปแล้ว......ค่อยยังชั่ว.....”

    “คุณมิยาซากิ เป็นอะไรไหม?”

    “อ่าค่ะ ฉันยังสบายดี”

    ฟุยุมิและสมาชิกรีบถามอาการของรินด้วยความเป็นห่วง รินเริ่มรู้สึกมีความหวังว่าจะมีชีวิตรอดกลับบ้านไปอย่างปลอดภัย

    • ───────────────── •

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×