คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : บทที่1 ตอนที่12 ตามล่า 1
ณ เวลาเที่ยงคืน เป็นเวลาดึกมากแล้ว แต่อาคาสะก็ยังคงอยู่ในห้องทำงานของตัวเองเพื่อทำงานเอกสารจำนวนมากจากสาขาอื่นให้เสร็จ กระทั่งประตูมิติของยูมิก็เปิดออกแล้วโรเซ่รีบออกมาพบตัวอาคาสะในทันที
“อาคาสะ!!”
ตึง!
“เหวอ!?....อะไรของนายเนี่ย!? นายทำฉันกลัวนะโรเซ่....แล้วทำไมพวกนายถึงมาที่นี่ล่ะ? ฉันนึกว่าจะไปตามจับตัวชินจิตามที่แจ้งฉันแล้วหนิ”
“มันบานปลายไปมากกว่านั้นน่ะสิ! ฟังให้ดีนะ ครั้งนี้ฉันต้องการให้นายจัดการเรื่องหนึ่งหน่อย”
โรเซ่พรวดพราดออกมาเอามือทั้งสองตบลงบนโต๊ะแล้วพูดกับอาคาสะ เจ้าตัวไม่ทันได้ตั้งสติก็ตกใจก่อนจะถามเหตุผลที่พวกโรเซ่มาหา โรเซ่จึงเล่าเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ให้ฟัง
“อย่างนี้นี่เอง เข้าใจแล้ว ฉันจะจัดการติดต่อไปหาบอดี้การ์ดของท่านเอกอัครราชทูตให้เอง เพื่อให้สามารถจับตัวชินจิได้ เรื่องคำสั่งการห้ามให้ผู้คนมาที่ชิบูย่า มันคงเป็นไปไม่ได้แน่ๆ รวมถึงกำหนดการณ์ของท่านเอกอัครราชทูตด้วย มีแต่ต้องปล่อยไป....”
“หมายความว่าไงกันน่ะอาคาสะ!? นี่นายคิดจะสังเวยชีวิตผู้คนเพื่อให้จับตัวแอนตี้คนเดียวหรือไงกัน!? ”
มิร่าทักท้วงสิ่งที่อาคาสะพูดออกไปในทันที เพียงแค่จับแอนตี้แค่คนเดียวถึงกับต้องให้อีกหลายชีวิตต้องเสี่ยงอันตรายไปด้วย ทำให้เธอไม่อาจยอมรับเรื่องนี้ได้
“ฟังให้จบก่อนสิ ไม่ใช่ว่าฉันจะปล่อยให้พวกเขาตกอยู่ในอันตรายสักหน่อย ฉันจะส่งไวท์ระดับพิเศษแฝงตัวเข้าไปด้วยเพื่อดูแลความปลอดภัย รวมทั้งการหาตัวแอนตี้ก็จะง่ายขึ้นด้วย”
ในตอนนี้คัตสึรากิ ชินจิถูกระบุเอาไว้แล้วว่าเป็นแอนตี้และเป็นตัวอันตรายที่จะส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศญี่ปุ่นด้วย
“ถ้าอย่างนั้น....เรื่องคำสั่งก็ฝากด้วยล่ะ รีบตอนนี้เลยยิ่งดี พวกฉันของตัวไปเตรียมความพร้อมก่อนล่ะ”
“อ่า...ขอให้โชคดีกับ「การไล่ล่า」นะโรเซ่”
สิ้นสุดบทสนทนาพวกโรเซ่ก็กลับเข้าไปในประตูมิติ แล้วมาโผล่ที่บ้านของโรเซ่อีกครั้ง
“คืนนี้พวกเราต้องพักกันก่อนที่นี่ ยูมิไปพักที่บ้านริน สเตลล่า ฝากเตรียมอาหารเช้าให้ด้วยนะ”
[รับทราบแล้วค่ะนายท่าน]
“คืนนี้ขอรบกวนด้วยนะคะคุณริน”
“อะ อ่าค่ะ ฉันขอไปเตรียมที่นอนให้ก่อนนะคะ”
ว่าแล้วรินก็ตรงออกจากบ้านของโรเซ่แล้วเข้าไปในบ้านตัวเองเพื่อเตรียมฟูกรับแขกให้ยูมิ ขณะที่เจ้าตัวเดินตามมาทีหลัง
“สุเมรากิ อิจิโร่ ผมยกให้พี่จัดการได้เลย ยังไงก็คงมีหนี้แค้นกันอยู่ใช่ไหม?”
“อ่า ขอบใจมาก...แล้วคาเรนเป็นยังไงบ้างล่ะ?”
“พี่เค้ายังคงยุ่งกับงานในบ้านหลักอยู่เลยน่ะ พวกเราเพิ่งจะฟื้นฟูกลับมาได้ไม่นานมานี้เอง ต้องขอบคุณตระกูลยูกิด้วยที่ช่วยเหลือพวกเรา”
เมื่อไปแล้วก็เหลือเพียงสองพี่น้องนั่งจับเข่าคุยกัน โรเซ่ถามเรื่องของคาเรน หรือชื่อเต็มๆ อาคุตสึ คาเรน พี่สาวฝาแฝดของโรเซ่ ยูโตะได้เล่าเรื่องของคาเรนในตอนนี้ว่าเป็นยังไงบ้างให้โรเซ่ฟัง
“ว่าแต่พี่เถอะ เมื่อไหร่จะกลับไปที่บ้านหลักสักทีล่ะ?”
“ไม่ล่ะ แต่ก่อนฉันทำให้ชื่อเสียงของตระกูลต้องเสื่อมเสียไปมาก ฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะกลับไปหรอกนะ”
“พอเถอะพี่ นั่นไม่ใช่ความผิดของพี่สักหน่อย และก็ไม่ใช่ความผิดของพี่คาเรนด้วย เพราะงั้นแล้วผมขอล่ะ ”
“คงไม่ได้หรอกนะ ยูโตะ”
ยูโตะถามเรื่องที่โรเซ่จะกลับไปที่บ้านหลักเมื่อไหร่ แต่โรเซ่ก็ปฏิเสธไปโดยอ้างเรื่องสมัยก่อนของตน ยูโตะพยายามจะพูดแก้ต่างเรื่องนี้แต่มันก็ไม่เป็นผล
บ้านหลักนั้นคือหนึ่งในบ้านหลายหลังที่ตระกูลใหญ่ทั้งสามครอบครองมีที่ตั้งอยู่ทั่วญี่ปุ่นและทุกหลังนั้นจะเป็นแบบญี่ปุ่นโบราณ ในปัจจุบันนั้นบ้านทุกหลังของตระกูลนากาโนะก็ถูกเปลี่ยนใหม่เป็นโรงแรมให้พักสำหรับนักท่องเที่ยวแทน
[อาหารอุ่นร้อนสำหรับท่านยูโตะทำเสร็จแล้วค่ะ]
“....ผมขอตัวไปที่โตเกียวทาวเวอร์ก่อนนะ”
“อ่า ฝากด้วยล่ะ”
“อืม...ยังไงผมก็อยากให้พี่กลับมานะ พวกเราสามคนจะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้งสักที”
สเตลล่านำกล่องบรรจุอาหารสำหรับอุ่นร้อนมาให้ยูโตะที่กำลังลุกเดินออกจากบ้านแล้วหันไปพูดทิ้งท้ายให้โรเซ่ ก่อนที่เปลวเพลิงสีครามจะปรากฏออกมาจากแผ่นหลังแล้วแปรเปลี่ยนเป็นปีกสีขาว จากนั้นจึงสยายปีกบินขึ้นตรงไปยังโตเกียวทาวเวอร์ทันที
✣✤✣
ณ เวลา 04:00 am ยูมิเดินมาปลุกรินที่กำลังฝันหวานให้ตื่นเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมได้แล้ว
“เอ๊ะ คุณยูโตะเขาไปไหนแล้วล่ะ?”
“ยูโตะไปแสตนด์บายรอที่โตเกียวทาวเวอร์ก่อนแล้วน่ะ ไม่ต้องไปคิดเรื่องนั้นหรอก”
เมื่อรินเตรียมตัวเสร็จแล้วก็ไม่เห็นยูโตะออกมาจากบ้านเลยเกิดสงสัย แม้ว่าจะได้รับคำตอบจากโรเซ่แล้วแต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าไปทำอะไรที่โตเกียวทาวเวอร์กันแน่
เมื่อพร้อมกันแล้วยูมิก็เปิดประตูมิติเชื่อมต่อกับชิบูย่า แล้วเดินเข้าไปข้างในกันทันที ในเวลาตอนนี้ผู้คนยังคงน้อยอยู่ ในกำหนดการณ์ของเอกอัครราชทูตจะมายังชิบูย่าเวลา7โมง ทั้งสามจึงไปหาที่ทานอาหารเช้าที่สเตลล่าเตรียมให้ก่อนจะไปประจำตำแหน่งแต่ละจุดเพื่อให้ง่ายต่อการเคลื่อนไหวของตัวเอง
“ยูโตะ มองจากทางนั้นเห็นอะไรบ้างไหม?”
“ยังเลย เศษคริสตัลยังไม่ส่งสัญญาณอะไรเพิ่มเลยตั้งแต่ที่ยูมิตั้งเงื่อนไขเมื่อคืน”
“เข้าใจแล้ว ฝากเรื่องสังเกตุการณ์ต่อไปด้วยนะ”
“รับทราบ”
ขณะที่เดินตรวจดูรอบๆเพื่อหาสิ่งผิดปกติอยากกับดักที่ซ่อนอยู่ โรเซ่ก็ใช้อุปกรณ์สื่อสารกับยูโตะเพื่อถามมุมมองจากที่สูงว่าเห็นชินจิหรือใครที่ดูน่าสงสัยหรือเปล่า
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงทั้ง4คนต่างขอรายงานข้อมูลจากอีกฝ่ายกันตลอดทุกๆ10นาที แต่ยังไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆเลย กระทั่งในเวลา7โมง ก็ถึงกำหนดการณ์ของเอกอัครราชทูตจะมาเยือนที่ชิบูย่า รถทุกคนถูกปิดกั้นเส้นทางไม่ให้ผ่านมาที่ชิบูย่า มีเจ้าหน้าที่จำนวนมากมาคุมพื้นที่เอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายแก่เอกอัครราชทูต นักข่าวจากหลายสำนักต่างพากันมาทำถ่ายทอดสดทำข่าว หลังจากนั้นรถลีมูซีนสีขาวเด่นสะดุดตาก็ขับมาจอดยังใจกลางชิบูย่า บอร์ดี้การ์ดสองคนเปิดประตูออกมาปูพรมแดงก่อนที่เอกอัครราชทูตคนนี้จะเดินออกมาจากรถ กล้องทุกกล้องต่างจับภาพแล้วถ่ายไปยังชายคนนี้ เขาช่างสง่างามมาก ยังหนุ่มอยู่แท้ๆแต่มีความสามารถถึงขั้นเป็นเอกอัครราชทูตได้
“ทุกคนเตรียมตัว!....”
“หมอกควันจงหายไป!”
ลงจากรถได้ไม่นาน ไม่กี่วินาทีนั้นก็เกิดควันโขมงไปทั่วชิบูย่า จนสร้างความวุ่นวายในหมู่ผู้คนจำนวนมาก พวกโรเซ่ที่หลบซ่อนตัวอยู่ในเงามืดนั้นได้เตรียมตัวเอาไว้ก่อนแล้ว ยูโตะที่เห็นเหตุการณ์จากที่สูงก็ใช้เวทย์ของตัวเองทำให้ควันทั้งหมดในชิบูย่าหายไปในพริบตา
“ที่12นาฬิกา บนตึกที่สูงที่สุด!....ชินจิกับลูกน้องมันอยู่ที่นั่น!”
หลังจากนั้นมิร่าใช้พลังของเธอในการหาตำแหน่งของชินจิกับลูกน้องอีกจำนวนหนึ่งพบว่าพวกเขากำลังยืนมองสถานการณ์อยู่บนจุดที่สูงกว่า
“ให้ความสำคัญกับการคุ้มกันทางเอกอัครราชทูตก่อน!”
“ชิ! มันวางแผนแก้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ? พวกแกสามคนตามรถลีมูซีนไปซะ! ส่วนที่เหลือตามฉันมานี่!”
ทางพวกบอร์ดี้การ์ดรีบพาเอกอัครราชทูตกลับขึ้นรถแล้วเตรียมขับรถหนีทันที ชินจิเห็นดังนั้นก็สั่งให้ลูกน้องสามคนตามรถลีมูซีนไป แล้วที่เหลือตามเขาไปอีกทางหนึ่ง
เคร้ง!
“โรเซ่!? ไอ้ห่าเอ๊ย!!!”
“ริน เธอตามไปคุ้มกันท่านเอกอัครราชทูตพร้อมกับไวท์คนอื่นที!”
“เข้าใจแล้ว!”
โรเซ่พุ่งมาใช้คมดาบคาตานะกรีดสายลมลงแรงฟันใส่ตัวชินจิหวังไม่ให้ได้ตั้งตัว แต่ชินจิหยิบมีดพกออกมารับการโจมตีเอาไว้ได้ทัน แม้จะรับการโจมตีได้แต่ความคมของคาตานะสีแดงนี้สามารถตัดใบมีดออกได้อย่างง่ายดาย จนชินจิสบถคำหยาบออกมา
โรเซ่หันไปหารินแล้วตะโกนบอกให้ตามไปคุ้มกันเอกอัครราชทูตพร้อมกับไวท์คนอื่น ส่วนชินจินั้นเขาจะรับมือเอง
“พวกแกที่เหลือตามนังเด็กนั่นไปซะ...ฉันจะเล่นกับไอ้ตุ๊ดนี่เอง!”
“อ๊ากกก!!!”
“....ฉันบอกเองว่าจะจับแกมาแบบเป็นๆ หมายความว่า จะจับมาในสภาพไหนก็ได้...เพราะฉะนั้นแล้ว แขนขา มันไม่จำเป็นอีกแล้ว!”
เมื่อได้ยินคำพูดไม่เข้าหูโรเซ่ก็สะบัดปลายดาบปาดคอพวกลูกน้องสองคนสุดท้ายของชินจิทิ้ง ก่อนจะพูดด้วยแววตาที่เดือดดาลมาก
“『
วรยุทธทมิฬ
กระบวนท่าที่ 2
ความสิ้นหวังชั่วพริบตา
』”
“อึก!...หึๆ ระเบิดไปซะ! ฮ่าๆๆๆๆๆ!! ”
ตู้ม!
โรเซ่ใช้กระบวนชิงจู่โจมก่อนด้วยการพุ่งแทงด้วยปลายดาบก่อน ชินจิหลบได้แต่สีข้างก็เกิดรอยแผลขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เจ้าตัวแสยะยิ้มอย่างได้ใจในจังหวะที่โรเซ่พุ่งแทงนั้น ชินจิก็ใช้จังหวะที่หลบเอามือไปแตะไหล่ขวาของโรเซ่เพื่อเป็นเงื่อนไขการใช้เวทย์กับดัก ก่อนจะบังคับให้กับดักทำงานให้เกิดระเบิดใส่โรเซ่ในทันที ไม่เพียงแค่นั้น เขาหยิบไพ่ที่เขียนอักขระเวทย์เอาไว้ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วปาใส่โรเซ่ไม่ยั้งอย่างบ้าคลั่ง
“เป็นไงล่ะ!? แกเพิ่งจะเป็นไวท์ได้และแกเพิ่งจะใช้เวทมนตร์ได้เมื่อปีที่แล้ว เป็นแค่เด็กหัดเดินอย่าคิดจะสู้กับฉันคนนี้เชียว!”
“『
วรยุทธทมิฬ
ผสานกระบวนท่าที่5กับ6
ดอกไม้ลวงตา
คมดาบซ่อนเร้น
』”
“อะ- อะไรวะเนี่ย!? อึก! ฝากไว้ก่อนเถอะแก!”
ขณะที่ชินจิกำลังหัวเราะอย่างสะใจอยู่นั้น โรเซ่อาศัยจังหวะนี้อ้อมมาอยู่ข้างหลังโดยการยกส้นเท้าทั้งสองข้างขึ้นแล้วพุ่งตัวอย่างรวดเร็ว แล้วใช้อีกกระบวนท่าโจมตีคืนด้วยการตั้งท่าฟันแนวนอนต่อเนื่องหกครั้ง
ชินจิไม่ทันได้ระวังตัวถูกฟันกลางหลัง4แผลและน่องขาทั้งสองข้างข้างละแผลไปตามระเบียบ ก่อนที่จะตั้งสติได้หยิบไพ่หนึ่งใบแล้วปาปักลงพื้นเกิดเป็นแสงสว่างจ้าแสบตา เมื่อแสงหายไปตัวชินจิก็หายไปด้วยเช่นกัน
“ถ้าบาดแผลกลางหลังเป็นความอับอายของนักดาบ แล้วการถูกยิงกลางหัวมันเป็นยังไงเหรอ? สุเมรากิ อิจิโร่....”
“นี่แก....หยิบมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“นั่นสินะ....แกไม่จำเป็นต้องรู้หรอก เพราะในตอนที่พวกเราจะได้เจอกัน ฉันจะมอบสิ่งที่ยิ่งกว่าความตายให้แกเอง”
โรเซ่หยิบไพ่ที่มีอักขระเวทย์ซึ่งซ่อนเอาไว้ใต้ชุดสูทขึ้นมาแล้วพูดกับไพ่ใบนั้น ปรากฏมีเสียงตอบกลับมาเป็นเสียงของสุเมรากิ อิจิโร่ อีกฝ่ายสงสัยว่าทำไมโรเซ่ถึงมีไพ่ใบนั้นได้? ไพ่ใบที่โรเซ่ถืออยู่คือไพ่ที่เขาแอบหยิบมาในจังหวะที่ใช้กระบวนท่าที่5นั่นเอง แล้วบังเอิญหยิบมาได้ไพ่ที่มีอักขระเวทย์เขียนว่าการสื่อสารซะด้วย ก่อนไพ่จะสลายไปเมื่อใช้งานหนึ่งครั้ง โรเซ่ก็พูดทิ้งท้ายเป็นคำขู่หมายหัวอิจิโร่ แล้วไพ่ใบนั้นก็สลายหายไปกับสายลมในทันทีที่สิ้นสุดคำพูด
ทางด้านของรินที่ตามคุ้มกันเอกอัครราชทูตก็พบกับพวกลูกน้องของชินจิสามคนยืนขวางทางข้างหน้าและอีก4คนขวางทั้งข้างซ้าย ข้างขวา และข้างหลัง พวกลูกน้องทุกคนสวมชุดคลุมสีดำสวมหน้ากากดารุมะ
รินและไวท์คนอื่นๆเห็นดังนั้นรีบพากันคุ้มกันเอกอัครราชทูตที่ยังอยู่ข้างในรถทันที
“ Bitte kooperieren Sie mit uns! ”
(โปรดให้ความร่วมมือกับพวกเราด้วย!)
“verstehe” (เข้าใจแล้ว)
รินผายมือขวาออกเพื่อแสดงท่าทีขัดขวางก่อนจะหันหลังไปพูดกับพวกบอร์ดี้การ์ดเป็นภาษาเยอรมันเพื่อขอความร่วมมือกับพวกเขา พวกบอร์ดนี้การ์ดเข้าใจสถานการณ์ได้เร็วจะไปตั้งใจกับการคุ้มการเอกอัครราชทูตแล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของไวท์ระดับพิเศษอย่างพวกรินจัดการกับพวกแอนตี้ทั้ง7คนแทน
“ขอบคุณ คุณมิยาซากิจริงๆ พวกเรานึกว่าจะต้องดำน้ำพูดซะแล้วสิ”
“เรื่องแค่นี้เองค่ะ....ฟู่ว!...Sword of Star”
ไวท์คนหนึ่งพูดขอบคุณริน ก่อนที่จะกลับไปเตรียมตัวสู้ รินได้ใช้เวทย์สร้างดาวหกแฉกรูปร่างคล้ายดาบออกมาแล้วตั้งท่าเตรียมสู้
ขณะที่พวกแอนตี้โชว์สิ่งที่สวมอยู่ข้อมือข้างขวา คล้ายๆกับนาฬิกาข้อมือ
“จงปรากฏเขตแดนใต้ท้องทะเล!”
“จงออกมา สัตว์ทะเลยักษ์ ราชาแห่งมหาสมุทร คราเคน”
เมื่อชูมือขวาขึ้นกันทุกคน คนหนึ่งใช้เวทย์สร้างเขตแดนขึ้นมาพื้นที่รอบๆ ระยะ15เมตรทำให้เหมือนกับกำลังอยู่ใต้ทะเลอยู่ และสิ่งที่คล้ายกับนาฬิกาข้อมือก็ส่องแสงจนมีสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ปรากฏตัวออกมา หมึกยักษ์ที่ควรจะมีอยู่แค่ในเรื่องเล่านิทานปรัมปราเท่านั้น ตอนนี้มันได้ปรากฏตัวออกมาให้เห็นตรงหน้าของพวกรินแล้ว
“เข้ามาสิ ไอ้พวกไวท์ระดับพิเศษ นี่คือเวทย์ระดับต้นกำเนิดที่ถูกผนึก และพวกเราเพิ่งใช้มันไป ราชาแห่งมหาสมุทรคราเคนไงล่ะ!”
หนึ่งในพวกแอนตี้กล่าวขึ้นด้วยความได้ใจ เพราะมันไม่มีทางหรอกที่ใครจะเอาชนะเวทย์ระดับต้นกำเนิดได้
• ───────────────── •
ความคิดเห็น