NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โชคชะตาลิขิตให้ฉันต้องล้างแค้น

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่1 ตอนที่7 คดีกระทันหัน 3

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ย. 65


    หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนี้จบลง เรมิติดต่อหาโรเซ่ว่าเขตแดนหยุดทำงานโดยสมบูรณ์แล้วนั่นคือนาริยูกิถูกโรเซ่เตะเสยคางแล้วสลบนั่นเอง หลังจากนั้นได้มีไวท์ระดับทั่วไปมาคุมตัวนาริยูกิไปต่อ ทำให้ตอนนี้เหลือริน โรเซ่ และมิร่าที่ยืนมองหน้ากันกลางสนามโรงเรียน นักเรียนหลายคนต่างพากันจับตามองไปที่ทั้งสามคนนั้นตาไม่กระพริบ

    “ดูเหมือนครูใหญ่จะมาแล้ว...ฉันมีเรื่องต้องคุยกับครูใหญ่ก่อน ส่วนเธอกลับไปเรียนได้แล้ว”

    “ทำไม....ทำไมนายต้องมาแย่งผลงานของฉันด้วยล่ะ? ”

    “ก็เธอวิ่งช้าเองนะ ถ้าเร็วกว่าฉัน เธอคงจะได้ผลงานไปแล้ว”

    โรเซ่หันไปเห็นครูผู้หญิงในชุดทำงานกำลังเดินมาหาเขา โรเซ่จึงบอกให้รินกลับไปเรียนต่อได้แล้ว อนึ่งเพราะไม่อยากเป็นเป้าสายตามากนักและไม่อนากให้เกิดข่าวลือกับตัวรินด้วย รินนั้นก็ได้ถามขึ้นว่าทำไมโรเซ่ถึงต้องมาแย่งผลงานที่เธอกำลังจะได้รับด้วย โรเซ่จึงตอบกลับไปด้วยถ้อยคำยั่วให้รู้สึกโมโหก่อนจะเดินจากไป

    “นี่ๆ คุณมิยาซากิ คนเมื่อกี้เขาดูสวยมากเลย เขาเป็นไวท์เหมือนกันเหรอ?”

    “อะ อืม....ก็ใช่นะ”

    “ถ้าจำไม่ผิด ดูจากใบหน้าที่ดูสวยของเขา กับเผ่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ข้างๆเขาแล้วเนี่ย อาคุตสึ โรเซ่ จากตระกูลอาคุตสึ หนึ่งใน3ตระกูลใหญ่ของญี่ปุ่นใช่หรือเปล่านะ?”

    “3ตระกูลใหญ่ของญี่ปุ่น?....”

    เมื่อกลับมาที่ห้องเพื่อนในห้องต่างพากันก็ถามรินเกี่ยวกับโรเซ่ทันที พอได้ยินอย่างนั้นรินก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาแต่ต้องเก็บเอาไว้ข้างใน จนเธอได้ยินสิ่งที่เพื่อนคนหนึ่งพูดว่า3ตระกูลใหญ่ของญี่ปุ่น รินเกิดสงสัยขึ้นมา

    “อ้ะ จริงสิ คุณมิยาซากิไม่รู้เรื่องนี้เพราะอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เกิดสินะ?”

    “อืม ฉันไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อนเลยน่ะ”

    “ถ้างั้นเดี๋ยวครูจะเล่าให้ฟังแล้วกันนะ”

    “อะ เอ๊ะ!? ครูเข้ามาตอนไหนคะเนี่ย!?”

    ขณะที่คุยกันอยู่นั้นครูประจำวิชาก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมอาสาเป็นคนเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ3ตระกูลใหญ่ให้รินฟังเอง

    “ที่มา3ตระกูลใหญ่ของญี่ปุ่นนั้น ในปี2121 เป็นช่วงที่เวทมนตร์กำลังเป็นที่พูดถึงกันทั่วโลกถึงความมหัศจรรย์ของมัน

    โดยส่วนใหญ่แล้วเวทมนตร์ของคนเราจะมีความแตกต่างกัน แต่คนส่วนน้อยในญี่ปุ่นนั้นมีอยู่3ตระกูลคือ ตระกูลยูกิ ตระกูลนากาโนะ และตระกูลอาคุตสึที่พวกเธอเพิ่งพูดถึง ด้วยความพิเศษของสายเลือดทั้ง3ตระกูลนี้สามารถส่งต่อเวทมนตร์ให้ลูกของตัวเองที่เกิดมาได้ด้วย

    ต่อมาในปี2123 เป็นสงครามของทั้ง3ตระกูลที่มีปัญหาผิดใจกัน ผู้นำตระกูลนากาโนะคิดว่าการที่ตัวเองมีเวทมนตร์เพื่อคอยปกครองเหล่าผู้ที่อ่อนแอ แต่ผู้นำตระกูลยูกิและผู้นำตระกูลอาคุตสึคิดต่างออกไป เวทมนตร์นั้นเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ ไม่ควรที่จะนำมาใช้เพื่อบงการชีวิตของใคร จนสุดท้ายตระกูลนากาโนะก็ถูกฆ่าล้างทั้งตระกูล เนื่องด้วยความผิดมากมายที่สั่งสมเอาไว้นาน จนปัจจุบันถึงแม้จะเรียกว่า3ตระกูลใหญ่ แต่ความจริงมีแค่2ตระกูลเท่านั้น”

    รินได้ฟังและวิเคราะห์ตาม

    “ครูคะ แล้วทำไมพวกเราถึงยังเรียกว่า3ตระกูลใหญ่อยู่อีกเหรอคะ?”

    “เพราะทางรัฐบาลยังเชื่อว่าจะมีผู้ถือครองสายเลือดที่พิเศษปรากฏตัวขึ้นแล้วเข้ารับตำแหน่งตระกูลที่3 เพื่อจะได้เป็นเกราะป้องกันประเทศญี่ปุ่นต่อไป ก็นะ...ครูว่าตอนนี้ก็ดีอยู่นะ ถึงแม้จะมีแอนตี้อยู่บ้างแต่พวกไวท์เองก็ยังทำงานกันอย่างตั้งใจด้วย”

    นักเรียนคนหนึ่งถามเหตุผลที่ยังต้องเรียกว่า3ตระกูลใหญ่อยู่ ครูสาวจึงตอบกลับไป แม้ว่ารินจะได้รู้ความเป็นมาของ3ตระกูลใหญ่แล้วก็ตามแต่เธอก็ยังรู้สึกว่าตัวตนของคนในตระกูลดูลึกลับมากจนเข้าถึงได้ยาก

    [ปี1ห้องA มิยาซากิ ริน มาที่ห้องครูใหญ่ด้วยค่ะ]

    “...ขอตัวก่อนนะคะ คุณครู”

    กระทั่งมีประกาศเรียกให้รินไปพบครูใหญ่ที่ห้องเมื่อไปถึงก็เห็นโรเซ่นั่งรออยู่แล้ว

    “คุณมิยาซากิ เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าที่เป็นคู่หูกับท่านโรเซ่?”

    “ใช่ค่ะ แต่คุณครูทำไมถึงเรียกชื่อเขาแล้วยังเติมท่านนำหน้าด้วยล่ะคะ?!”

    ครูใหญ่เอ่ยถามรินทันที รินแปลกใจที่ครูใหญ่นั้นเรียกชื่อของโรเซ่แล้วยังเติมท่าน(様)นำหน้าชื่อของเขาอีก

    “ครูใหญ่ครับ แม้ว่ารินจะเพิ่งได้เลื่อนขั้นมาเป็นระดับพิเศษไม่นานมานี้ แต่ผมขอยืนยันได้ว่าคู่หูคนนี้สามารถปกป้องทุกคนในโรงเรียนได้แน่นอน”

    รินยังไม่ทันได้คำตอบโรเซ่ก็ชิงพูดก่อนแล้ว ทุกคำพูดของเขานั้นไม่ได้คิดจะยกยอรินเลยสักนิด เขาพูดความจริงทุกอย่าง และขอยืนยันความสามารถของรินด้วยตัวเขาเองด้วย

    “...ถ้าท่านโรเซ่พูดอย่างนั้นแล้วละก็....คุณมิยาซากิ ขอฝากหน้าที่นี้ให้คุณได้หรือเปล่า?”

    “อะ เอ๊ะ!? ครูใหญ่คะ.....ค่ะ ฉันจะทำให้ดีที่สุด”

    ครูใหญ่ได้ฟังอย่างนั้นก็หันไปถามความสมัครใจของรินต่อ รินสับสนว่าตกลงแล้วมันเรื่องอะไรกันแน่เธอหันไปมองโรเซ่ เขาจึงพยักหน้าให้เป็นการบอกว่า "ทำซะเถอะ" รินเห็นดังนั้นจึงยอมตอบตกลงไปเพราะถูกกดดันจากสายตาของโรเซ่

    “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พอขอยืมตัวเธอไปก่อนนะครับครูใหญ่”

    “ได้ค่ะ ท่าน”

    พูดจบโรเซ่ก็พาตัวรินไปเก็บกระเป๋านักเรียนแล้วพาออกจากโรงเรียนไปทันที พอออกมาจากโรงเรียนในหัวของรินก็มีหลายคำถามที่ต้องการจะถามโรเซ่

    “นี่นาย! หมายความว่ายังไงถึงพาฉันออกจากโรงเรียนเนี่ย!? แบบนี้ฉันก็เสียชั่วโมงเรียนพอดีน่ะสิ!”

    “ริน เธอไม่รู้เหรอว่าไวท์ระดับพิเศษที่ยังเป็นนักเรียนอยู่น่ะ แค่ทำคะแนนสอบให้ไม่ติดตัวแดงก็เพียงพอแล้ว”

    “.....ทำไมมันดูสะดวกขนาดนี้ล่ะ?”

    รินกลัวว่าจะเสียชั่วโมงเลยไปจนต้องซ้ำชั้น โรเซ่จึงพูดกลับไปเพื่อให้หายกังวลเรื่องนี้ ไวท์ระดับพิเศษนั้นต้องทำงานแทบจะตลอดเวลาจึงแทบไม่มีวันพักผ่อนที่แน่นอน แต่หากยังเป็นนักเรียนอยู่จะถือเป็นกรณีพิเศษสามารถพักผ่อน ไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนๆได้ 

    “แต่เดี๋ยวก่อนนะ...เมื่อไหร่นายจะเลิกเรียกฉันด้วยชื่อสักที!? ทำไมครูใหญ่ต้องเติมท่านนำหน้าให้นายด้วย? เพราะนายเป็นคนของตระกูลอาคุตสึเลยคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่นักหรือไง?”

    “....ครับ อ่า แน่นอนครับ วางใจได้เลยครับรุ่นพี่.....ถามว่าเมื่อไหร่ฉันจะเลิกเรียกเธอด้วยชื่อเหรอ? ฉันไม่เลิกหรอกเพราะยังไงผ่านไปหลายปีพวกเราก็ต้องเรียกกันด้วยชื่ออยู่ดี ฉันไม่อยากรอเพราะมันนานก็เลยเรียกตอนนี้ซะเลย แล้วก็นะ การที่ครูใหญ่เติมท่านนำหน้าชื่อฉันเพราะเธอให้ความเคารพฉันไม่ใช่ในฐานะคนของตระกูลอาคุตสึ แต่เป็นคนที่ชื่อว่าอาคุตสึ โรเซ่ต่างหาก....ไปกันได้แล้วพวกเราต้องไปสอบปากคำพวกนั้นต่อนะ”

    “อะไรล่ะนั่น? ไม่เห็นจะเข้าใจเลยสักนิด”

    เมื่อโรเซ่ตอบคำถามของรินจบแล้วก็พารินเดินตรงไปยังสถานสอบปากคำของสาขาโตเกียวทันที

    ณ สถานสอบปากคำของสาขาโตเกียว พวกโรเซ่มาถึงก็เห็นไวท์ระดับทั่วไปกำลังสอบปากคำของพวกนาริยูกิอยู่

    “ได้เรื่องอะไรบ้างไหม?”

    “อะ ครับท่าน จากคำให้การของพวกชุดดำนั้นพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าถูกว่าจ้างโดยชายที่มีรอยสักที่มือเป็นไม้กางเขนสีแดงและมีดาวห้าแฉกสีดำสี่ดวงอยู่รอบๆไม้กางเขน แต่นักเรียนม.ปลายคนนี้พยายามจะไม่บอกอะไรเลยสักนิดน่ะครับ หลักฐานของพวกเราไม่เพียงพอจะส่งเข้าคุกได้ จึงต้องสรุปคดีว่าเขาถูกบังคับให้ต้องทำ”

    “บังคับเหรอ?....ถ้าอย่างนั้นฉันจะเป็นคนบังคับให้มันต้องเข้าคุกเอง”

    โรเซ่ฟังรายงานของไวท์ระดับทั่วไปจนสรุปได้ว่านาริยูกิจะรอดจากการเข้าคุกเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ โรเซ่จึงเสนอตัวเองจะเป็นคนจัดการให้เอง

    “มิร่า เธอเอาอุปกรณ์ฉายภาพความทรงจำมาด้วยหรือเปล่า?”

    “อ่า แน่นอน ทุกสิ่งที่ฉันหยิบจับมันก็จะอยู่ในมือซ้ายของนายอยู่แล้ว”

    ก่อนจะเข้าไปโรเซ่ถามมิร่าเรื่องอุปกรณ์ฉายภาพความทรงจำ มิร่าจึงตอบไปตามหลักความจริงที่ว่าสิ่งของที่เผ่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์หยิบจับสามารถนำกลับเข้าไปในสัญลักษณ์พร้อมตัวเองได้ด้วย และมิร่ามีของทุกอน่างที่เตรียมเอาไว้ให้โรเซ่ใช้งานตลอดเวลา

    “ส่วนรินจังจะดูอยู่ข้างนอกไหม? ”

    “ไม่ค่ะ ฉันจะเข้าไปด้วย”

    มิร่าถามรินที่ยืนอยู่ว่าจะอยู่ดูข้างนอกห้องหรือเปล่า รินจึงตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่าจะเข้าไปด้วยเพื่อต้องการเก็บรวบรวมประสบการณ์จากโรเซ่ให้ได้มากที่สุด

    “นาริยูกิ เคน เกิดปีที่2278 เดือนที่1 วันที่17 ในปี2295 อายุ17ปี ย้ายเข้ามาเรียนในโรงเรียนที่มีเส้นทางไปกลับกับอากิฮาบาระ อาศัยอยู่ห้องเช่าไม่มีพ่อแม่ งานที่ทำเพื่อหาเงินเรียน ก็ไม่ทราบ จากประวัติของนายที่ฉันหามาได้มีเท่านี้.....ฉันขอถามหน่อย ทำไมนายถึงไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนชุดดำพวกนั้น?”

    “ผมก็บอกไปแล้วไง ว่าผมถูกขู่บังคับให้ต้องทำตามน่ะ....”

    เมื่อเข้าไปในห้อง โรเซ่นั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามนาริยูกิแล้วเปิดหน้าจอโฮโลแกรมขึ้นมาอ่านข้อมูลประวัติของนาริยูกิก่อนจะถามด้วยความกดดัน แต่นาริยูกิยังยืนยันว่าตัวเองนั้นถูกบังคับอยู่

    “แต่การแสดงออกทางสีหน้าของนายเหมือนกับกำลังโกหกอยู่เลยนะ แม้ฉันจะฟ้องนายว่ากำลังโกหกแต่ก็ไม่มีหลักฐาน หรือแม้ฉันจะใช้เวทมนตร์เพื่อบังคับให้นายพูดความจริง นายก็ไม่ถูกส่งเข้าคุกเพราะถือว่าฉันข่มขู่นาย และนายกำลังคิดแบบนั้นอยู่ใช่ไหม?”

    “อึก!.....ถ้ารู้อย่างนั้นแล้ว กฏหมายคุ้มครองเยาวชนอย่างผมก็ยังมีอยู่ คุณจะทำอะไรผมได้ล่ะ ในเมื่อหลักฐานมันไม่มี”

    โรเซ่นั้นมองท่าทางของอีกฝ่ายที่ไม่แสดงถึงความกลัวกับกลุ่มคนชุดดำเลย กลับกันนาริยูกิพยายามจะโกหกแต่การแสดงออกนั้นบ่งบอกชัดเจนว่าเขาโกหกไม่เป็น โรเซ่จึงพูดต่อไปเหมือนกับอ่านใจอีกฝ่ายได้ว่าคิดอย่างนั้นอยู่

    “เพราะอย่างนั้นแหละนะ ปี2293 เดือนที่3 วันที่1 มีการเพิ่มกฏหมายสำหรับไวท์ ข้อที่298 วรรคที่3 บรรทัดที่2 หากผู้ใดสมรู้ร่วมคิดกับกลุ่มกางเขนสีเลือด ไม่ว่าจะการกระทำใดก็ตาม ถือว่ามีความผิด และหากปฏิเสธข้อกล่าวหานี้โดยที่ยังมีหลักฐาน จะมีโทษประหารชีวิตแทนการถูกจำคุกตลอดชีวิตแทน”

    “แต่คุณก็ไม่มีหลักฐานถูกไหมล่ะ?! ในปี2290 รัฐบาลญี่ปุ่นได้เพิ่มกฏหมายคุ้มครองเยาวชนที่ยังอายุไม่ถึง18ปี ข้อที่697 วรรคที่4 บรรทัดที่5 หากมีโทษจำคุกตลอดชีวิต จะถูกหักออกเหลือเพียงจำคุกจนกว่าจะมีอายุถึง30ปีแล้วได้รับการปล่อยตัวออกไป ยังไงซะ ผมก็ไม่ถูกจำคุกตลอดชีวิตหรือมีโทษประหารแน่นอนอยู่แล้ว! ”

    ต่างฝ่ายต่างเอากฏหมายมาพูด นาริยูกิเห็นว่าโรเซ่เอาแต่พูดเรื่องที่เสียเปรียบอยู่ ทำให้เกิดได้ใจขึ้นมา

    “จะเป็นอย่างนั้นแน่เหรอ?....มิร่า ”

    “เรียบร้อยแล้วล่ะ ถ้านายแน่ใจว่าตัวเองจะรอดแล้วละก็ลองดูเจ้านี่หน่อยไหม?

    [ เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว ยังไงก็ไม่มีทางที่ไวท์ระดับพิเศษจะจัดการมันได้แน่นอน ]

    [ จบงานนี้ฉันก็จะได้เข้าร่วมกลุ่มกางเขนสีเลือดสักที ]

    “เป็นไปไม่ได้!.....ทำไมกัน!? ชะ ใช่แล้ว! มันต้องเป็นเวทมนตร์ที่จำลองสร้างภาพขึ้นมาแน่ๆ! ”

    “มันก็อาจเป็นอย่างที่นายคิด แต่เวทมนตร์นั่น ไม่สามารถจำลองเสียงได้หรอกนะ......เพราะอย่างนั้นแล้ว......ไปคิดอะไรก่อนตายให้เรียบร้อย ก่อนจะขึ้นแท่นประหารวันพรุ่งนี้นะ”

    พอมิร่านำอุปกรณ์ฉายภาพความทรงจำขึ้นมาแสดงภาพที่มาจากความทรงจำที่เธอเห็น มีทั้งภาพและเสียง รวมทั้งตัวการที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วยเช่นกัน นาริยูกิเห็นอย่างนั้นเริ่มหน้าซีด ลนลาน พยายามจะแถให้รอดแต่ก็ไม่เป็นอย่างนั้น โรเซ่ตึงลุกขึ้นไปพูดข้างหูเพื่อทับถมให้รู้สึกสิ้นหวังหนักกว่าเดิม แล้วจึงพามิร่ากับรินออกจากห้องไป

    “ให้คุณชิราสุมารับหน้าที่เฝ้าระวังต่อจนกว่ามันจะโดนประหารด้วยนะ”

    “รับทราบครับท่าน!”

    เมื่อออกมาเวลาก็เย็นมากแล้วขณะที่รินกำลังตรงกลับบ้านนั้น โรเซ่ก็จับที่ข้อมือของเธอเอาไว้

    “ทำอะไรของนายน่ะ!? ฉันจะกลับบ้านแล้ว”

    “อย่าเพิ่งกลับ เธอต้องไปที่ศูนย์บัญชาการกับฉันก่อน”

    “อึก....ก็ได้ ปล่อยมือฉันได้แล้ว!”

    “หืม....น่าสนใจนะเนี่ย ฮิๆ.....”

    โรเซ่ดึงมือพารินเดินตรงไปต่อที่ศูนย์บัญชาการ เป็นเหมือนการบังคับ รินเห็นว่าโรเซ่ยังจับข้อมืออยู่จึฃสะบัดมืออกแล้วยอมตามไป มิร่าเห็นท่าทีของรินแล้วก็แอบยิ้มหัวเราะเบาๆก่อนจะกลับเข้าไปในมือของโรเซ่

    เมื่อมาถึงศูนย์บัญชาการ ภายในปิดไฟหมดเหมือนไม่มีใครอยู่แล้ว

    “นะ นี่นายพาฉันมาทำอะไรที่นี่ตอนนี้เนี่ย!?”

    “การต้อนรับไง เมื่อวานยังไม่ได้ทำ”

    “อย่าบอกนะว่าที่นี่มีผีน่ะ!? ”

    “ริน....ผีไม่มีอยู่จริง ถ้าจะมีอะไรน่ากลัวกว่าผีก็มีแต่มนุษย์ด้วยกันเท่านั้นแหละ”

    รินเริ่มรู้กลัวแล้วก็เริ่มคิดว่าโรเซ่จะเอาเธอมาทดสอบความกล้าเป็นการต้อนรับเข้าทำงานที่สาขาญี่ปุ่น โรเซ่จึงตอบไปด้วยสีหน้าเย็นชาว่าผีนั้นไม่มีอยู่จริง

    “รีบๆเข้าไปกันได้แล้ว....หืม?”

    “ยะ อย่าปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียวนะ”

    “เห้อ เข้าใจแล้ว”

    ขณะที่โรเซ่เดินนำเข้าไปข้างในก่อน รินรีบคว้าแขนข้างขวาของเขาไว้แล้วพูดขอร้องด้วยน้ำเสียงสั่นและสีหน้ากำลังกลัวอยู่ โรเซ่เห็นอย่างนั้นก็ถอนหายใจยอมให้รินเกาะแขนขวาเดินไปพร้อมกันด้วย

    “ น่าจะถึงจุดหมายตามที่บอกแล้วนะ”

    พรึ่บ!

    “กะ เกิดอะไรขึ้นน่ะ!?”

    เมื่อทั้งสองเดินขึ้นมาจนถึงชั้นสอง โรเซ่ก็พูดขึ้นมาในวินาทีนั้นแสงไฟในห้องก็ส่องสว่างขึ้น รอบๆรายล้อมไปด้วยโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารหลากหลายเมนู

    “ยินดีต้อนรับคุณมิยาซากิ ริน ในฐานะไวท์ระดับพิเศษอย่างเป็นทางการนะ!”

    “เอ๊ะ!? ....นี่มันเรื่องอะไรเนี่ย?”

    “จะมีเรื่องอะไรอีกล่ะ? ก็งานเลี้ยงต้อนรับเธอน่ะสิ”

    จากสีหน้าหวาดกลัวของรินตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นความสงสัยว่าจริงๆแล้วมันเรื่องอะไรกันแน่ โรเซ่จึงตอบกลับไปเหมือนปกติว่ามันก็คืองานเลี้ยงต้อนรับของเธอ

    “ยังไม่เข้าใจอะไรอีกล่ะ? เมื่อวานทุกคนนั้นยังไม่ว่าง คนร่วมงานเลยน้อยเกินไป แต่วันนี้บังเอิญเคลียร์เอกสารกันเสร็จเร็วทุกคนเลยพากันจัดงานต้อนรับเธอไงล่ะ”

    “งงอะไรอยู่ล่ะรินจัง เธอเป็นตัวเอกของงานครั้งนี้นะ ”

    “เอ๊ะ เอ่อ....ค่ะ!”

    เมื่อได้ยินดังนั้นรินก็เข้าใจแล้วเข้าร่วมงานต้อนรับตัวเอง งานนี้จัดขึ้นกันอย่างสนุกสนาน ทั้งการเล่นเกม มีบทลงโทษให้บรรยากาศดูสนุกขึ้นรินเองก็สนุกไปงานครั้งนี้ด้วยจึงถือเป็นผลสำเร็จในครั้งนี้

    “รินจัง....ขอฉันเรียกเธอแบบนี้ได้หรือเปล่า? ”

    “เอ๊ะ!?....คุณคือ?”

    “อ้ะ ดันลืมแนะนำตัวเองไปเลย ฉันชื่อนาคาซากิ เรมิ จะเรียกเรมิก็ได้นะ...แล้วฉันขอเรียกชื่อเธอได้ไหม?”

    “อ้ะ คะ ค่ะ! ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกันค่ะ...ระ รุ่นพี่เรมิ”

    หลังจากงานเลี้ยงเลิกแล้วขณะที่ทุกคนกำลังช่วยกันเก็บกวาดอยู่นั่นเรมิก็เดินเข้ามาชวนรินคุยอย่างเป็นมิตร

    “....จะว่าไปแล้วนะรินจัง....เธอชอบโรเซ่หรือเปล่า?”

    “ห้ะ!?....”

    กระทั่งขณะที่ทั้งสองกำลังเก็บจานบนโต๊ะอยู่นั้น เรมิก็ถามขึ้นมา ทำให้รินนั่นถึงกับอุทานด้วยความสงสัย

    • ───────────────── •

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×