NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โชคชะตาลิขิตให้ฉันต้องล้างแค้น

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่1 ตอนที่6 คดีกระทันหัน 2

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ย. 65


    ทันทีที่พวกเขาวางกล่องสีดำจนหมดแล้วก็รีบวิ่งออกมาจากจุดตรงนั้นทันทีราวกับกำลังกลัวสิ่งที่อยู่ข้างในกล่องสีดำ

     

    เมื่อวิ่งออกมากันทุกคนแล้ว หนึ่งในนั้นก็หยิบรีโมทปุ่มเดียวขึ้นมากด ทำให้แท่งเหล็กยาวออกมาจากกล่องสีดำที่ถูกวางไปทั่วอากิฮาบาระ กระแสไฟฟ้าที่ปลายยอดของแท่งเหล่านั้นปรากฏขึ้นแล้วเชื่อมต่อกันจนเป็นอาณาเขตที่กว้างขวางมาก ผู้คนที่อยู่ในอาณาเขตต่างก็พากันเข่าทรุดยืนกันไม่ขึ้นสักคนจนสร้างความตื่นตระหนกกันไปทั่ว เว้นแต่เพียงโรเซ่กับเรมิที่ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติของตัวเองเลย

     

    “โรเซ่ มีคนใช้เวทย์เขตแดนอยู่ที่อากิฮาบาระ เป็นเขตแดนที่ทำให้ทุกคนไม่สามารถสัมผัสถึงพลังมานาได้ และพลังเวทย์ที่ห่อหุ้มรอบตัวอยู่ก็ถูกสูบหายไปทำให้พวกเขาเข่าทรุดแบบนี้....ฉันเองก็ขอตัวกลับเข้าไปก่อนนะ”

     

    “อืม....แต่พวกนั้นคิดอะไรอยู่ถึงได้ทำแบบนี้กันนะ?”

     

    “นั่นสินะ...โชคดีที่พวกเราสวมเครื่องระงับพลังแล้วตั้งค่าให้ระงับ100%เลยไม่มีพลังเวทย์ห่อหุ้มรอบตัวล่ะนะ”

     

    มิร่าปรากฏตัวออกมาเพื่อบอกโรเซ่กับเรมิให้รู้ถึงสาเหตุที่หลายคนรอบๆตัวพวกเขาจู่ๆก็เข่าทรุดลงไปก่อนจะรีบกลับเข้าไปในมือของโรเซ่เพราะตัวเธอไม่ได้มีเครื่องระงับพลังเหมือนโรเซ่กับเรมิจึงไม่อาจทนต่อเวทย์เขตแดนได้นานนัก 

     

    “โรเซ่พวกนั้นกำลังมาทางนี้แล้ว บางทีอาจเป็นพวกที่ก่อเหตุก็ได้”

     

    “อ่า รุ่นพี่พวกเรารีบแยกกันไปรวมกับพวกเขาก่อนดีกว่าครับ”

     

    “เข้าใจแล้วล่ะ”

     

    เรมิหันไปเห็นพวกกลุ่มคนชุดดำที่เป็นคนก่อเหตุขึ้นกำลังเดินมาตรวจสอบผลงานของตัวเอง โรเซ่จึงเสนอแผนให้ฟังโดยไปรวมกับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการถูกสูบมานาไป 

     

    “ใจเย็นๆก่อน ค่อยๆหายใจเข้าหายใจออก เธอไม่ต้องห่วง พวกเราเป็นไวท์ระดับพิเศษ ฉันอยากขอความร่วมมือให้เธอทำเป็นไม่สนใจว่าฉันคือไวท์  ได้หรือเปล่า?”

     

    “ดะ ได้ค่ะ”

     

    ขณะที่พวกกลุ่มคนชุดดำกำลังเดินตรวจสอบอยู่ไกลๆ โรเซ่ก็พูดกับนักเรียนหญิงข้างๆที่มีท่าทีตื่นกลัวอยู่ให้ใจเย็นลงเพื่อขอความร่วมมือ ด้วยใบหน้าสวยของโรเซ่ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นชายหรือหญิงก็จะหลงเสน่ห์ของเขาแล้วยอมตกลงแน่นอน 

     

    “อย่าขยับ!...ไม่งั้นแทนที่พวกแกจะได้นอนคุกสบายๆ จะได้ไปเฝ้ายมบาลแทน”

     

    เมื่อหนึ่งในกลุ่มคนชุดดำเดินเข้ามาใกล้โรเซ่และเรมิแล้ว พวกเขาก็เล่นทีเผลอล็อคตัวปลดอาวุธออกทั้งหมดแล้วหยิบปืนของอีกฝ่ายขึ้นมาจ่อคอเพื่อขู่พวกที่เหลือ

     

    “พะ พวกแกเป็นใครกัน!? อึก! ร่างกายทำไมมันไม่ขยับ!? นี่แกใช้เวทมนตร์ได้ไงกัน!?”

     

    “บอกวิธีหยุดการทำงานของเขตแดนนี้เดี๋ยวนี้! แล้วพวกแกก็จะได้ไปนอนคุกกันแบบไม่เจ็บตัว”

     

    พวกที่เหลือจู่ๆก็ไม่สามารถขยับตัวได้เหมือนกับพวกผู้ก่อร้ายที่ถูกโรเซ่ฆ่าไปเมื่อวาน เพราะนี่คือเวทมนตร์ของโรเซ่ที่สามารถควบคุมคนอื่นได้นั่นเอง

     

    “อึก!...ขะ ขยับได้แล้ว หนอยแน่ คิดว่าตัวเองกำลังเล่นบทฮีโร่อยู่หรือไงวะ!? ฆ่ามันซะ!!”

     

    ปังๆๆๆๆๆ!

     

    “ให้ตายสิ เหนี่ยวไกปืนโดยไม่สนพวกตัวเองแบบนี้เนี่ย...พวกแกมันพวกชั้นต่ำจริงๆนะ”

     

    เวทควบคุมของโรเซ่นั้นผลอยู่ได้ไม่นานอีกฝ่ายก็หยุดจากพันธนาการแล้วรีบหยิบปืนขึ้นมาเล็งแล้วเหนี่ยวไกใส่โรเซ่ไม่ยั้งโดยไม่สนพวกของตัวเองเลยสักนิด

     

     

     

    วรยุทธทมิฬ

     

    กระบวนท่าที่ 9

     

    อัสนีบาตทมิฬ

     

     

     

    สิ้นเสียงของโรเซ่ เขาชักคาตานะสีแดงออกมาจากฝ่ามือของตัวเองแล้วทำการปลี่ยนวิธีจับดาบให้กระบังดาบชิดกับริมมือ ส้นเท้าทั้งสองข้างยกขึ้น แล้วพุ่งจู่โจมฉับพลันเป็นรูปสายฟ้า ในพริบตาเดียวกระสุนทุกนัดถูกคมดาบตัดออกเป็นครึ่งๆ ราวกับตัดกระดาษ โรเซ่พุ่งตัวเข้าไปทำลายอาวุธทั้งหมดของพวกกลุ่มคนชุดดำอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเอาดาบจ่อที่คอของอีกฝ่าย

     

    “เป็นไปได้ยังไงกัน!?....ทำไมแกถึงใช้เวทมนตร์ได้ล่ะ!?”

     

    “นั่นสินะ...ถ้าพวกนายซ่อนสิ่งนี้ให้เนียนอีกสักหน่อยละก็นะ...”

     

    อีกฝ่ายยังสงสัยว่าทำไมโรเซ่ถึงใช้เวทมนตร์ได้ เรมิจึงเดินเข้าไปหาพร้อมโชว์กำไลสีแดงในมือของเธอ มันคือสิ่งที่คนชุดดำกลุ่มนี้ใช้กันเพื่อไม่ให้ตัวเองโดนผลของเขตแดนนี้ไปด้วย ในตอนที่โรเซ่และเรมิล็อคตัวพวกเขาไว้ก็แอบถอดกำไลสีแดงออก เพียงแค่สัมผัสเรมิก็รู้ทันทีจึงส่งสายตาไปหาโรเซ่ให้ทราบนั่นจึงเป็นเหตุผลที่โรเซ่สามารถใช้เวทมนตร์ได้

     

    “เอาล่ะ บอกวิธีมาซะ...ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ”

     

    “Ice Pillar!!!”

     

    “เอาอย่างนี้สินะ?.....”

     

    เป๊าะ!

     

    “อึก!...อั้ก!!”

     

    ขณะที่โรเซ่ยังให้โอกาสอีกฝ่ายอยู่ หนึ่งในพวกคนชุดดำก็ใช้เวทมนตร์สร้างเสาน้ำแข็งปลายแหลมขึ้นจากพื้นเล็งเป้าหมายไปที่เรมิที่คิดว่าอ่อนแอ แต่ไม่ใช่อย่างนั้น เรมิยกนิ้วชี้ขึ้นมาเขียนคำว่า ละลาย ทำให้เสาน้ำแข็งที่พุ่งเข้าหาเธอละลายไปในทันที

     

    โรเซ่เห็นอย่างนั้นก็เปลี่ยนใจ ยกมือซ้ายขึ้นมาดีดนิ้ว ทำให้คนที่ใช้เวทย์เลือดไหลออกจากตา หู จมูก ปาก ในปริมาณที่มากจนตายในที่สุด

     

    “เฮือก!!.....มะ มันอยู่ที่จุดศูนย์กลางของอากิฮาบาระ...”

     

    ทันทีที่เห็นพวกของตัวเองตายไปต่อหน้าก็เริ่มจะแสดงอาการตื่นกลัวจนคนที่ถูกดาบจ่อคอรีบตอบคำถามของโรเซ่ทันที

     

    “พวกแกคิดจะสูบเอามานาไปทำอะไร?”

     

    “มะ มีคนว่าจ้างให้พวกเราทำงานนี้....ขะ เขาบอกว่าพวกเราจะไม่โดนไวท์จับแน่นอน ละ แล้วก็...”

     

    “เฮ้ย! อย่านะ แกจะทรยศผู้มีพระคุณเหรอวะ!?”

     

    “หุบปากน่า!...ถ้าไม่ทำอย่างนี้ แกคิดว่าจะรอดหรือไงวะ!? ”

     

    ขณะที่อีกฝ่ายกำลังจะตอบอีกคำถาม พวกของตัวเองก็รีบพูดให้หยุด จนเริ่มแตกคอกันเอง

     

    “เงียบซะ...แกพูดต่อได้แล้ว”

     

    “ฉะ ฉันจำได้ขึ้นใจเลย....ถึงจะไม่เห็นหน้าชัดเจนแต่ที่หลังมือทั้งสองข้างนั่น มีรอยสักไม้กางเขนสีแดง แล้วก็มีดาวห้าแฉกสีดำอยู่รอบๆสี่ดวงด้วย ละ แล้วก็วิธีหยุดเขตแดนนี้น่ะ มีแค่หนึ่งในพวกเราที่อยู่ข้างนอกที่รู้วิธีหยุดการทำงานเขตแดน ตะ แต่ พวกเราไม่รู้ว่าเจ้านั่นมันอยู่ไหน? รู้แค่ว่ามันเป็นนักเรียนม.ปลายอยู่”

     

    “รอยสักนั่นระดับ4งั้นเหรอ?รวมทั้งยังมีคนที่เหลืออยู่ข้างนอกอีก....พวกแกทั้งหมดถูกจับ ข้อหาก่อความวุ่นวายและก่อการร้ายในที่สาธารณะ รวมทั้งข้อหาการแย่งชิงมานาจนเสี่ยงอาจทำให้ผู้อื่นมีอันตรายจนถึงชีวิต โทษของพวกแกคือจำคุกตลอดชีวิต ออกไปรับโทษที่ข้างนอกเขตแดนซะ”

     

    หลังจากฟังจบแล้วได้เบาะแสที่เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะได้ โรเซ่หยิบเครื่องระงับพลังขึ้นมาปรับให้ระงับถึง100% แล้วให้พวกคนชุดดำสวมเอาไว้ทั้งสองข้าง ก่อนจะแจ้งถึงศูนย์บัญชาการให้ส่งตัวไวท์ระดับทั่วไปมาคุมตัวไป แล้วจึงพาเรมิเดินตรงไปยังศูนย์กลางของอากิฮาบาระเพื่อหยุดการทำงานของเขตแดนนี้ต่อ

     

    “กล่องดำพวกนี้งั้นเหรอ? ฉันว่าต่อให้ทำลายไปเขตแดนก็ไม่หายไปอยู่ดี”

     

    “ใช่ครับ ผมว่า เราควรรีบตามหาเจ้านั่นให้เจอก่อนดีกว่า”

     

    “โรเซ่ ให้ฉันหยุดการทำงานของเขตแดนนี้เอาไว้ชั่วคราวก่อนไหม? นายกับมิร่าก็ไปตามหาไอ้คนที่ข้างนอกเถอะ”

     

    เมื่อวิ่งมาจนถึงศูนย์กลางของอากิฮาบาระซึ่งมีวงเวทย์ขนาดใหญ่อยู่บนพื้น เรมิลองวิเคราะห์วงเวทย์นั้นดูจึงรู้ว่ากล่องดำที่ถูกวางนั้นต่อให้ถูกทำลายไปก็ไม่มีผลกับเขตแดนนี้แน่นอน เรมิจึงเสนอว่าจะเป็นคนหยุดการทำงานเจตแดนเอาไว้ชั่วคราวแล้วให้โรเซ่กับมิร่าไปตามหาตัวคนที่อยู่ข้างนอกซึ่งเธอต้องประจำอยู่ที่จุดนั้นจนกว่าโรเซ่กับมิร่าจะตามหาตัวเจอ

     

    “เข้าใจแล้วครับ พวกผมจะรีบตามหาตัวให้เร็วที่สุดเลยครับ”

     

    เมื่อสิ้นเสียงที่โรเซ่รีบวิ่งออกห่างจากเรมิแล้ว เธอก็นำปากกาที่เก็บเอาไว้ในชุดสูทออกมาแล้วเขียนเป็นคำว่า ระงับ พริบตาเดียวการทำงานของเขตแดนก็ถูกหยุดเอาไว้ในทันที ผู้คนในอากิฮาบาระเริ่มสัมผัสถึงมานาได้อีกครั้ง ต่างคนรีบวิ่งไปดูที่ศูนย์กลางจึงเห็นเรมิกำลังเอาปลายปากกาจิ้มลงพื้นอยู่อย่างนั้น หากเธอยกขึ้นการทำงานของเขตแดนจะกลับมาอีกครั้ง ทำให้พวกเขาเหล่านั้นรีบหาวิธีมาช่วยเธอโดยการจัดท่าทางให้เธอไม่รู้สึกปวดเมื่อยตามตัว

     

    ทางฝั่งของโรเซ่ที่วิ่งออกมาจากอากิฮาบาระได้แล้ว ก็เปิดหน้าจอโฮโลแกรมขึ้นมาเพื่อดูแผนที่

     

    “มิร่า เธอช่วยหานักเรียนม.ปลายที่เพิ่งย้ายเข้ามาให้ฉันที”

     

    “อืม....ขอข้อมูลเพิ่มอีกหน่อยสิโรเซ่ มันย้ายเข้ากันทั้งโลกเลยเนี่ย”

     

    “นักเรียนย้ายเข้ามาที่โรงเรียนม.ปลายญี่ปุ่นเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งโรงเรียนที่ย้ายยังมีเส้นทางที่สามารถเดินทางมาถึงอากิฮาบาระได้ง่ายรวดเร็ว เป็นคนที่เข้าออกอากิฮาบาระบ่อยในช่วงนี้ ”

     

    โรเซ่เรียกให้มิร่าปรากฏตัวออกมาเพื่อให้เธอใช้เวทย์ระดับต้นกำเนิด ห้องสมุดโลก ของเธอเพื่อค้นหาตัวค้นร้ายที่ยังลอยนวลอยู่

     

    “อืม....ฉันเห็นแล้ว นักเรียนชาย...ผมสีดำปิดตาข้างขวา ร่างกายผอม สูงราวๆ170เซนฯ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าพวกนี้ชัดเจน แล้วโรงเรียนที่ย้ายเข้ามานั่นก็....ที่นี่”

     

    “ปีกจงปรากฏ!”

     

    มิร่าใช้เวทย์ของตัวเองหลังจากได้รับข้อมูลมาเพียงพอแล้ว จนค้นหาตัวเจอแล้วว่าอยู่ที่ไหน โรเซ่รู้แล้วก็รีบสยายปีกบินขึ้นฟ้าตรงไปตามจุดที่มิร่าบอก มิร่าจึงรีบกลับเข้าไปในมือของโรเซ่ทันที

     

    อีกด้านทางฝั่งของรินที่กำลังมีความสุขกับชีวิตนักเรียนของเธออยู่เพื่อหวังจะลืมคำพูดเมื่อคืนของโรเซ่

     

    “ดูจากชุดข้างในเครื่องแบบนักเรียนแล้วคุณมิยาซากิเนี่ยเป็นไวท์ระดับพิเศษด้วยเหรอเนี่ย? แสดงว่าคุณจับพวกแอนตี้โหดๆมาเยอะมากเลยสินะ?”

     

    “ไม่หรอกค่ะ ฉันเป็นไวท์ทั่วไปที่ลอนดอนมานานส่วนใหญ่ถูกสั่งให้เป็นผู้ช่วยไม่ก็ทำงานเอกสารอย่างเดียว ไม่ได้ลงสนามเจอของจริงสักที จนเพิ่งจะได้รับตำแหน่งนี้ไม่กี่วันก่อน แล้วเมื่อวานก็เพิ่งจะได้ลงสนามจริงครั้งแรกด้วย”

     

    ในตอนนี้เป็นเวลาพักกลางวัน รินถูกเพื่อนร่วมห้องชักชวนให้มากินข้าวเที่ยงร่วมกันบนดาดฟ้า ซึ่งพวกเธออยู่ข้างบนของทางที่ขึ้นมาดาดฟ้า ในกลุ่มต่างพูดคุยกันถูกคอกับรินมาก ทำให้บรรยากาศไม่ดูอึดอัด

     

    “อ้ะ!? เวลาพักกลางวันใกล้จะหมดแล้วสิ...แย่แล้วลืมไปเลยการบ้านวิชาประวัติศาสตร์ยังไม่ได้เลย....คุณมิยาซากิเดี๋ยวพวกเราขอตัวกลับห้องก่อนนะ!”

     

    “อื้ม เดี๋ยวฉันจะตามไปนะคะ”

     

    เพื่อนคนหนึ่งดูเวลาบนโทรศัพท์มือถือก็รู้ว่าใกล้จะหมดเวลาพักกลางวันแล้ว จึงพากันลงแล้วรีบวิ่งกลับห้องเรียนก่อนเพราะยังไม่ได้ทำการบ้านปล่อยให้รินนั่งกินข้าวเที่ยงอยู่อย่างนั้น

     

    (จะว่าไปที่ตรงนั้น โดมที่เกิดจากเวทย์เขตแดนหรือเปล่านะ? มีแอนตี้อยู่ที่นั่นด้วยเหรอเนี่ย?)

     

    รินหันไปมองโดมที่เกิดจากเวทมนตร์ซึ่งมันอยู่ที่อากิฮาบาระนั่นเอง ระหว่างที่เธอนั่งมองอยู่นั้นก็มีนักเรียนชายผมสีดำปิดตาข้างขวารูปร่างผอมคนหนึ่งเปิดประตูดาดฟ้าขึ้นมาจ้องมองที่จุดนั้นเหมือนกับริน

     

    “.....เขตแดนของฉันหยุดทำงาน!?....หมายความว่าไงกัน!? มีไวท์อยู่ที่นั่นด้วยเหรอ!? เป็นไปไม่ได้น่า เจ้าพวกนั้นมันน่าจะโดนผลของเขตแดนให้ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้สิ....เฮือก!?...ชะ ชุดสูทสีดำนั่น ไวท์ระดับพิเศษ!?”

     

    (......อะไรนะ?!...จะบอกว่าตัวเองคือคนที่กางเขตแดนนั่นขึ้นมาเหรอ?....หืม?ไวท์ระดับพิเศษ? มะ หมอนั่น!?)

     

    อีกฝ่ายยังไม่รู้ว่ารินนั้นแอบได้ยินอยู่ ขณะนั้นเขาก็มองเห็นโรเซ่ที่ยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียนกำลังพูดคุยเพื่อขอทำการสืบสวนถึงกับหน้าซีด เข่าอ่อนทันที

     

    “ไม่ๆๆ ใจเย็นก่อนสิ ใช่แล้ว ต่อให้เจ้านั่นจะมาถึงนี่ก็คงจะใช้มานาไปเยอะพอสมควร ใช่แล้ว เราจัดการมันได้แน่นอน...แล้วเราก็จะได้รับการยอมรับเป็นพวกเดียวกับกลุ่มกางเขนสีเลือด”

     

    (จะให้หมอนั่นมาตัดหน้าเราไม่ได้เด็ดขาด...แค่เราคนเดียวก็เกินพอแล้ว”

     

    “อย่าขยับ! ฉันไวท์ระดับพิเศษขอจับกุมนายที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะเป็นผู้ก่อเหตุที่โดมตรงนั้น”

     

    รินตัดสินใจจะฉายเดี่ยวเพราะกลัวว่าจะถูกโรเซ่แย่งผลงานเหมือนเมื่อวานอีก

     

    “มีไวท์ระดับพิเศษแฝงตัวมาที่โรงเรียนนี้ด้วยเหรอ!?....อึก!...ไม่ยอมหรอก! ฉันจะไม่มีทางโดนจับเหมือนเจ้าพวกนั้นเด็ดขาด!!”

     

    “อึก!...ระเบิดควันเหรอ!?....ฮึ่ย! หายไปแล้ว!?”

     

    ทันทีที่อีกฝ่ายรู้ตัวแล้วว่ารินแอบฟังอยู่ข้างบน ก็รีบหยิบระเบิดควันขึ้นมาดึงสลักออกแล้วขว้างลงพื้นจนเกิดควันโขมงทั่วดาดฟ้าทันที รินใช้เวทย์ของตัวเองสร้างสิ่งที่รูปร่างคล้ายปีกขึ้นมา3คู่แล้วสบัดให้ควันหายไป อีกฝ่ายเองก็หายตัวไปแล้วเช่นกัน

     

    นั่นทำให้โรเซ่รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นข้างบน เมื่อเขาคุยกับพวกครูที่โรงเรียนเข้าใจกันแล้ว ก็รีบวิ่งตรงเข้าไปในโรงเรียนทันทีเพื่อดักจับ

     

    “อึก!....ถ้าจำสีเนคไทไม่ผิด หมอนั่นอยู่ปีสอง...เป็นไปได้ว่าจะต้องรีบมาทำลายหลักฐานที่ยังเหลืออยู่ ซึ่งน่าจะซ่อนมันไว้ในล็อกเกอร์แน่ๆ”

     

    รินรีบวิ่งลงจากดาดฟ้าแล้วตรงไปยังชั้นเรียนของพสกนักเรียนปีสองทันที ด้วยความจำกับการวิเคราะห์ของเธอจึงกำหนดเป้าหมายในการค้นหาได้ชัดเจน

     

    “เฮ้ย นาริยูกิ นายกำลังทำอะไรกับล็อกเกอร์อยู่น่ะ?”

     

    “แฮ่ก!...แฮ่ก! หาตัวเจอสักที....”

     

    “อะไรน่ะ เด็กปีหนึ่งคนนี้ เธอตามหาเจ้านาริยูกิอยู่เหรอ?”

     

    รินรีบวิ่งจนบังเอิญมาเห็นนาริยูกิคนที่เธอไล่ล่าอยู่กำลังรีบเอาของออกจากล็อกเกอร์อยู่ เพื่อนๆในห้องต่างสงสัยถึงการกระทำของเขา

     

    “ไม่!....ฉันไม่เกี่ยวนะ! ฉันไม่ได้ทำ!”

     

    “ถ้านายไม่ได้ทำและไม่เกี่ยวข้อง แล้วจะหนีทำไมล่ะ? ดูยังไงก็น่าสงสัยชัดๆ เพราะอย่างนั้นแล้วมากับฉันซะดีๆ”

     

    “....หึ อะ ฮ่าๆๆๆๆ.....”

     

    นาริยูกิถูกรินต้อนจนมุม จนเขาหัวเราะออกมาอย่างกับคนเสียสติ คนในห้องและนอกห้องต่างเริ่มพากันสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น บางก็คิดว่า ทั้งสองคบกันอยู่หรือเปล่า? นาริยูกิเป็นคนนอกใจหรือเปล่า? แต่นั่นไม่ใช่เลย

     

    “ทั้งที่เธอเป็นไวท์ระดับพิเศษแท้ๆ แต่ไม่ได้ระวังตัวเลยนะ ห้องนี้น่ะ ฉันกางเขตแดนเอาไว้ตั้งนานแล้ว!! ปิดกั้น!!”

     

    สิ้นเสียงของนาริยูกิทั้งห้องถูกชะโลมไปด้วยสีแดงเลือดหมู ทางเข้าออกห้องถูกปิดกั้น ไม่สามารถเข้าออกได้อีก ทั้งข้างในข้างนอกห้องต่างพาดันแตกตื่น นั่นทำให้โรเซ่รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นที่ตรงไหน

     

    “ทำแบบนี้นายจะโดนข้อหาเพิ่มคือการบังคับให้ผู้อื่นมาเป็นตัวประกันนะ”

     

    “ฮ่าๆๆๆ เธอก็ลองดูสิ! ถ้าคิดจะทำอะไรละก็ เจ้าพวกนี้จะเป็นยังไงฉันไม่รู้ด้วยนะ!”

     

    “เฮ้ย นาริยูกิ นายทำบ้าอะไรของนายน่ะ! พอได้แล้วน่า ”

     

    “หนวกหูน่า!!”

     

    “อั้ก!”

     

    รินเตือนนาริยูกิด้วยความหวังดีเพื่อจะไม่ลงมืออะไรรุนแรง ขณะที่เพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งก็รีบเดินเข้าไปห้ามนาริยูกิแต่ถูกสวนกลับด้วยโซ่สีดำที่จู่ๆก็พุ่งออกมาจากพื้นได้ยังไงก็ไม่รู้ ทำให้เขาได้รับบาดแผลที่แขนเป็นรอยยาวตั้งแต่หลังมือถึงข้อศอก เพื่อนร่วมห้องคนอื่นเห็นดังนั้นจึงเริ่มพากันหวาดกลัวนาริยูกิยิ่งกว่าเดิม

     

    “นี่ กลุ่มกางเขนสีเลือด ที่ว่าใช่ไอ้พวกแอนตี้ที่ก่ออาชญากรรมไปทั่วโลกหรือเปล่า?”

     

    “หา?....ก็ใช่น่ะสิ หลังจากที่ฉันจัดการเธอฆ่าปิดปากคนทั้งโรงเรียนและฆ่าไวท์ระดับพิเศษอีกคนนั่นได้แล้ว ฉันก็จะได้รับเข้าไปในกลุ่มกางเขนสีเลือด เท่านี้ชีวิตของฉันก็จะดียิ่งขึ้นไปอีก”

     

    “เห~ ไม่นึกเลยว่ารินจังจะถามถึงกลุ่มกางเขนสีเลือดด้วย แสดงว่าเธอคงมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่บ้างสินะ?”

     

    รินถามเกี่ยวกับกลุ่มกางเขนสีเลือดกับนาริยูกิ เจ้าตัวก็ตอบกลับไปโดยไม่คิดจะปิดบังอะไรเพราะมั่นใตว่าตัวเองจะรอดไปได้ จู่ๆมิร่าก็ปรากฏตัวเดินเข้ามาในห้องที่ถูกกางเขตแดนเอาไว้ทำให้นาริยูกิตาค้างไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร

     

    “กะ แกเป็นใครกัน!? ทำไมถึงเข้ามาในเขตแดนนี้ได้ล่ะ!? เขตแดนนี้ฉันกำหนดให้ไม่มีใครเข้าออกได้ หรือแม้จะทำได้ก็จะโดนเสาเข็มทิ่มแทงร่างกาย แต่ทำไมแกถึงไม่เป็นอะไรเลย!?”

     

    “กำหนดเขตแดนก็ถือว่าทำได้ดีอยู่นะ...แต่นายระบุขอบเขตแค่เผ่ามนุษย์นี่นะ ”

     

    นาริยูกิเริ่มมีท่าทีลนลานพูดออกมาทั้งหมดแล้วว่าเขตแดนในห้องนี้มีการทำงานเป็นอย่างไร

     

    “ไม่ใช่มนุษย์!?....อย่าบอกนะว่า....งั้นคนข้างนอกนั่น! อาคุตสึ โรเซ่!?”

     

    พอได้ยินชื่อเต็มของโรเซ่ นาริยูกิเริ่มแสดงท่าทีหวาดผวาขึ้นมาเพราะเคยได้ยินเรื่องเล่าในหมู่ะวกแอนตี้ด้วยกันว่าแอนตี้หลายคนไม่ถูกเขาจับเข้าคุกก็ถูกฆ่าทิ้งอย่างเลือดเย็น

     

    “ฉันไม่ยอม....ฉันไม่ยอมหรอก.....ฉันจะไม่ยอมถูกจับหรือถูกฆ่าหรอกนะ!!!”

     

    สิ้นเสียงนั้นเสาเข็มสีดำปลายแหลมคมจำนวนมากพุ่งออกมาจากพื้นพุ่งเข้าหาคนรอบๆในทันที ก่อนที่จะเปิดหน้าต่างบานหนึ่งออกแล้วปีนออกหนีไปทางนั้นเนื่องด้วยอยู่ชั้นหนึ่งจึงไม่เป็นอันตรายต่อเขา

     

    “อย่าหนีนะ!!”

     

    รินใช้เวทย์ของตัวเองสร้างดาบรูปร่างเหมือนดาวหกแฉกขึ้นมาใช้ฟันเสาเข็มที่กำลังพุ่งเข้ามาเพื่อปกป้องทุกคนในห้อง นาริยูกินั้นไม่ได้เตรียมการไว้เหมือนที่อากิฮาบาระ หลังจากที่เขาออกจากเขตแดนในห้องไปได้สักพัก เขตแดนก็ถูกปลดทันที ริน มิร่าและโรเซ่จึงรีบวิ่งตามไปจับตัวเขาในทันที

     

    “หยิบยืม ยูเซน โบลต์!!”

     

    โรเซ่เรียกทำการใช้พลังของตัวเองหยิบยืมพลังของบุคคลที่วิ่งเร็วในประวัติศาสตร์ที่ถูกบันทึกเอาไว้เมื่อหลายร้อยปีก่อน

     

    “เฮือก!!”

     

    พริบตาเดียวโรเซ่วิ่งมาดักข้างหน้าของนาริยูกิได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะก็โดดเตะก้านคออีกฝ่ายจนกระเด็นไปคุยกับพื้นสนามโรงเรียน

     

    “อึก!...ทำไมกัน?!....แกไม่น่าจะเหลือแรงแล้วนี่นา การที่แกมาถึงที่นี่ แกน่าจะโดนสูบมานาไปตั้งเยอะจากอากิฮาบาระสิ ทำไมแกถึงไม่รู้สึกเหนื่อยอะไรเลยล่ะ?!”

     

    “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เพราะแกจะได้ไปพูดต่อในคุก”

     

    นาริยูกิตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาถามถึงเหตุผลที่โรเซ่ยังเหลือมานามากพอได้ยังไง เพราะปกติแล้วเวลาที่ใช้มานาหรือเสียมานาไปมากๆ จะแสดงอาการเหนื่อยหอบให้เห็นชัดเจน โรเซ่ไม่ได้ตอบคำถามนั้นแล้วยกเท้าขวาขึ้นเตะเสยคางนาริยูกิจนเขาสลบไป

     

    • ───────────────── •

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×