คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่1 ตอนที่6 คดีกระทันหัน 2
ทันทีที่พวกเขาวางกล่องสีดำจนหมดแล้วก็รีบวิ่งออกมาจากจุดตรงนั้นทันทีราวกับกำลังกลัวสิ่งที่อยู่ข้างในกล่องสีดำ
เมื่อวิ่งออกมากันทุกคนแล้ว หนึ่งในนั้นก็หยิบรีโมทปุ่มเดียวขึ้นมากด ทำให้แท่งเหล็กยาวออกมาจากกล่องสีดำที่ถูกวางไปทั่วอากิฮาบาระ กระแสไฟฟ้าที่ปลายยอดของแท่งเหล่านั้นปรากฏขึ้นแล้วเชื่อมต่อกันจนเป็นอาณาเขตที่กว้างขวางมาก ผู้คนที่อยู่ในอาณาเขตต่างก็พากันเข่าทรุดยืนกันไม่ขึ้นสักคนจนสร้างความตื่นตระหนกกันไปทั่ว เว้นแต่เพียงโรเซ่กับเรมิที่ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติของตัวเองเลย
“โรเซ่ มีคนใช้เวทย์เขตแดนอยู่ที่อากิฮาบาระ เป็นเขตแดนที่ทำให้ทุกคนไม่สามารถสัมผัสถึงพลังมานาได้ และพลังเวทย์ที่ห่อหุ้มรอบตัวอยู่ก็ถูกสูบหายไปทำให้พวกเขาเข่าทรุดแบบนี้....ฉันเองก็ขอตัวกลับเข้าไปก่อนนะ”
“อืม....แต่พวกนั้นคิดอะไรอยู่ถึงได้ทำแบบนี้กันนะ?”
“นั่นสินะ...โชคดีที่พวกเราสวมเครื่องระงับพลังแล้วตั้งค่าให้ระงับ100%เลยไม่มีพลังเวทย์ห่อหุ้มรอบตัวล่ะนะ”
มิร่าปรากฏตัวออกมาเพื่อบอกโรเซ่กับเรมิให้รู้ถึงสาเหตุที่หลายคนรอบๆตัวพวกเขาจู่ๆก็เข่าทรุดลงไปก่อนจะรีบกลับเข้าไปในมือของโรเซ่เพราะตัวเธอไม่ได้มีเครื่องระงับพลังเหมือนโรเซ่กับเรมิจึงไม่อาจทนต่อเวทย์เขตแดนได้นานนัก
“โรเซ่พวกนั้นกำลังมาทางนี้แล้ว บางทีอาจเป็นพวกที่ก่อเหตุก็ได้”
“อ่า รุ่นพี่พวกเรารีบแยกกันไปรวมกับพวกเขาก่อนดีกว่าครับ”
“เข้าใจแล้วล่ะ”
เรมิหันไปเห็นพวกกลุ่มคนชุดดำที่เป็นคนก่อเหตุขึ้นกำลังเดินมาตรวจสอบผลงานของตัวเอง โรเซ่จึงเสนอแผนให้ฟังโดยไปรวมกับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการถูกสูบมานาไป
“ใจเย็นๆก่อน ค่อยๆหายใจเข้าหายใจออก เธอไม่ต้องห่วง พวกเราเป็นไวท์ระดับพิเศษ ฉันอยากขอความร่วมมือให้เธอทำเป็นไม่สนใจว่าฉันคือไวท์ ได้หรือเปล่า?”
“ดะ ได้ค่ะ”
ขณะที่พวกกลุ่มคนชุดดำกำลังเดินตรวจสอบอยู่ไกลๆ โรเซ่ก็พูดกับนักเรียนหญิงข้างๆที่มีท่าทีตื่นกลัวอยู่ให้ใจเย็นลงเพื่อขอความร่วมมือ ด้วยใบหน้าสวยของโรเซ่ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นชายหรือหญิงก็จะหลงเสน่ห์ของเขาแล้วยอมตกลงแน่นอน
“อย่าขยับ!...ไม่งั้นแทนที่พวกแกจะได้นอนคุกสบายๆ จะได้ไปเฝ้ายมบาลแทน”
เมื่อหนึ่งในกลุ่มคนชุดดำเดินเข้ามาใกล้โรเซ่และเรมิแล้ว พวกเขาก็เล่นทีเผลอล็อคตัวปลดอาวุธออกทั้งหมดแล้วหยิบปืนของอีกฝ่ายขึ้นมาจ่อคอเพื่อขู่พวกที่เหลือ
“พะ พวกแกเป็นใครกัน!? อึก! ร่างกายทำไมมันไม่ขยับ!? นี่แกใช้เวทมนตร์ได้ไงกัน!?”
“บอกวิธีหยุดการทำงานของเขตแดนนี้เดี๋ยวนี้! แล้วพวกแกก็จะได้ไปนอนคุกกันแบบไม่เจ็บตัว”
พวกที่เหลือจู่ๆก็ไม่สามารถขยับตัวได้เหมือนกับพวกผู้ก่อร้ายที่ถูกโรเซ่ฆ่าไปเมื่อวาน เพราะนี่คือเวทมนตร์ของโรเซ่ที่สามารถควบคุมคนอื่นได้นั่นเอง
“อึก!...ขะ ขยับได้แล้ว หนอยแน่ คิดว่าตัวเองกำลังเล่นบทฮีโร่อยู่หรือไงวะ!? ฆ่ามันซะ!!”
ปังๆๆๆๆๆ!
“ให้ตายสิ เหนี่ยวไกปืนโดยไม่สนพวกตัวเองแบบนี้เนี่ย...พวกแกมันพวกชั้นต่ำจริงๆนะ”
เวทควบคุมของโรเซ่นั้นผลอยู่ได้ไม่นานอีกฝ่ายก็หยุดจากพันธนาการแล้วรีบหยิบปืนขึ้นมาเล็งแล้วเหนี่ยวไกใส่โรเซ่ไม่ยั้งโดยไม่สนพวกของตัวเองเลยสักนิด
“
『
วรยุทธทมิฬ
กระบวนท่าที่ 9
อัสนีบาตทมิฬ
』
”
สิ้นเสียงของโรเซ่ เขาชักคาตานะสีแดงออกมาจากฝ่ามือของตัวเองแล้วทำการปลี่ยนวิธีจับดาบให้กระบังดาบชิดกับริมมือ ส้นเท้าทั้งสองข้างยกขึ้น แล้วพุ่งจู่โจมฉับพลันเป็นรูปสายฟ้า ในพริบตาเดียวกระสุนทุกนัดถูกคมดาบตัดออกเป็นครึ่งๆ ราวกับตัดกระดาษ โรเซ่พุ่งตัวเข้าไปทำลายอาวุธทั้งหมดของพวกกลุ่มคนชุดดำอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเอาดาบจ่อที่คอของอีกฝ่าย
“เป็นไปได้ยังไงกัน!?....ทำไมแกถึงใช้เวทมนตร์ได้ล่ะ!?”
“นั่นสินะ...ถ้าพวกนายซ่อนสิ่งนี้ให้เนียนอีกสักหน่อยละก็นะ...”
อีกฝ่ายยังสงสัยว่าทำไมโรเซ่ถึงใช้เวทมนตร์ได้ เรมิจึงเดินเข้าไปหาพร้อมโชว์กำไลสีแดงในมือของเธอ มันคือสิ่งที่คนชุดดำกลุ่มนี้ใช้กันเพื่อไม่ให้ตัวเองโดนผลของเขตแดนนี้ไปด้วย ในตอนที่โรเซ่และเรมิล็อคตัวพวกเขาไว้ก็แอบถอดกำไลสีแดงออก เพียงแค่สัมผัสเรมิก็รู้ทันทีจึงส่งสายตาไปหาโรเซ่ให้ทราบนั่นจึงเป็นเหตุผลที่โรเซ่สามารถใช้เวทมนตร์ได้
“เอาล่ะ บอกวิธีมาซะ...ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ”
“Ice Pillar!!!”
“เอาอย่างนี้สินะ?.....”
เป๊าะ!
“อึก!...อั้ก!!”
ขณะที่โรเซ่ยังให้โอกาสอีกฝ่ายอยู่ หนึ่งในพวกคนชุดดำก็ใช้เวทมนตร์สร้างเสาน้ำแข็งปลายแหลมขึ้นจากพื้นเล็งเป้าหมายไปที่เรมิที่คิดว่าอ่อนแอ แต่ไม่ใช่อย่างนั้น เรมิยกนิ้วชี้ขึ้นมาเขียนคำว่า ละลาย ทำให้เสาน้ำแข็งที่พุ่งเข้าหาเธอละลายไปในทันที
โรเซ่เห็นอย่างนั้นก็เปลี่ยนใจ ยกมือซ้ายขึ้นมาดีดนิ้ว ทำให้คนที่ใช้เวทย์เลือดไหลออกจากตา หู จมูก ปาก ในปริมาณที่มากจนตายในที่สุด
“เฮือก!!.....มะ มันอยู่ที่จุดศูนย์กลางของอากิฮาบาระ...”
ทันทีที่เห็นพวกของตัวเองตายไปต่อหน้าก็เริ่มจะแสดงอาการตื่นกลัวจนคนที่ถูกดาบจ่อคอรีบตอบคำถามของโรเซ่ทันที
“พวกแกคิดจะสูบเอามานาไปทำอะไร?”
“มะ มีคนว่าจ้างให้พวกเราทำงานนี้....ขะ เขาบอกว่าพวกเราจะไม่โดนไวท์จับแน่นอน ละ แล้วก็...”
“เฮ้ย! อย่านะ แกจะทรยศผู้มีพระคุณเหรอวะ!?”
“หุบปากน่า!...ถ้าไม่ทำอย่างนี้ แกคิดว่าจะรอดหรือไงวะ!? ”
ขณะที่อีกฝ่ายกำลังจะตอบอีกคำถาม พวกของตัวเองก็รีบพูดให้หยุด จนเริ่มแตกคอกันเอง
“เงียบซะ...แกพูดต่อได้แล้ว”
“ฉะ ฉันจำได้ขึ้นใจเลย....ถึงจะไม่เห็นหน้าชัดเจนแต่ที่หลังมือทั้งสองข้างนั่น มีรอยสักไม้กางเขนสีแดง แล้วก็มีดาวห้าแฉกสีดำอยู่รอบๆสี่ดวงด้วย ละ แล้วก็วิธีหยุดเขตแดนนี้น่ะ มีแค่หนึ่งในพวกเราที่อยู่ข้างนอกที่รู้วิธีหยุดการทำงานเขตแดน ตะ แต่ พวกเราไม่รู้ว่าเจ้านั่นมันอยู่ไหน? รู้แค่ว่ามันเป็นนักเรียนม.ปลายอยู่”
“รอยสักนั่นระดับ4งั้นเหรอ?รวมทั้งยังมีคนที่เหลืออยู่ข้างนอกอีก....พวกแกทั้งหมดถูกจับ ข้อหาก่อความวุ่นวายและก่อการร้ายในที่สาธารณะ รวมทั้งข้อหาการแย่งชิงมานาจนเสี่ยงอาจทำให้ผู้อื่นมีอันตรายจนถึงชีวิต โทษของพวกแกคือจำคุกตลอดชีวิต ออกไปรับโทษที่ข้างนอกเขตแดนซะ”
หลังจากฟังจบแล้วได้เบาะแสที่เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะได้ โรเซ่หยิบเครื่องระงับพลังขึ้นมาปรับให้ระงับถึง100% แล้วให้พวกคนชุดดำสวมเอาไว้ทั้งสองข้าง ก่อนจะแจ้งถึงศูนย์บัญชาการให้ส่งตัวไวท์ระดับทั่วไปมาคุมตัวไป แล้วจึงพาเรมิเดินตรงไปยังศูนย์กลางของอากิฮาบาระเพื่อหยุดการทำงานของเขตแดนนี้ต่อ
“กล่องดำพวกนี้งั้นเหรอ? ฉันว่าต่อให้ทำลายไปเขตแดนก็ไม่หายไปอยู่ดี”
“ใช่ครับ ผมว่า เราควรรีบตามหาเจ้านั่นให้เจอก่อนดีกว่า”
“โรเซ่ ให้ฉันหยุดการทำงานของเขตแดนนี้เอาไว้ชั่วคราวก่อนไหม? นายกับมิร่าก็ไปตามหาไอ้คนที่ข้างนอกเถอะ”
เมื่อวิ่งมาจนถึงศูนย์กลางของอากิฮาบาระซึ่งมีวงเวทย์ขนาดใหญ่อยู่บนพื้น เรมิลองวิเคราะห์วงเวทย์นั้นดูจึงรู้ว่ากล่องดำที่ถูกวางนั้นต่อให้ถูกทำลายไปก็ไม่มีผลกับเขตแดนนี้แน่นอน เรมิจึงเสนอว่าจะเป็นคนหยุดการทำงานเจตแดนเอาไว้ชั่วคราวแล้วให้โรเซ่กับมิร่าไปตามหาตัวคนที่อยู่ข้างนอกซึ่งเธอต้องประจำอยู่ที่จุดนั้นจนกว่าโรเซ่กับมิร่าจะตามหาตัวเจอ
“เข้าใจแล้วครับ พวกผมจะรีบตามหาตัวให้เร็วที่สุดเลยครับ”
เมื่อสิ้นเสียงที่โรเซ่รีบวิ่งออกห่างจากเรมิแล้ว เธอก็นำปากกาที่เก็บเอาไว้ในชุดสูทออกมาแล้วเขียนเป็นคำว่า ระงับ พริบตาเดียวการทำงานของเขตแดนก็ถูกหยุดเอาไว้ในทันที ผู้คนในอากิฮาบาระเริ่มสัมผัสถึงมานาได้อีกครั้ง ต่างคนรีบวิ่งไปดูที่ศูนย์กลางจึงเห็นเรมิกำลังเอาปลายปากกาจิ้มลงพื้นอยู่อย่างนั้น หากเธอยกขึ้นการทำงานของเขตแดนจะกลับมาอีกครั้ง ทำให้พวกเขาเหล่านั้นรีบหาวิธีมาช่วยเธอโดยการจัดท่าทางให้เธอไม่รู้สึกปวดเมื่อยตามตัว
ทางฝั่งของโรเซ่ที่วิ่งออกมาจากอากิฮาบาระได้แล้ว ก็เปิดหน้าจอโฮโลแกรมขึ้นมาเพื่อดูแผนที่
“มิร่า เธอช่วยหานักเรียนม.ปลายที่เพิ่งย้ายเข้ามาให้ฉันที”
“อืม....ขอข้อมูลเพิ่มอีกหน่อยสิโรเซ่ มันย้ายเข้ากันทั้งโลกเลยเนี่ย”
“นักเรียนย้ายเข้ามาที่โรงเรียนม.ปลายญี่ปุ่นเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งโรงเรียนที่ย้ายยังมีเส้นทางที่สามารถเดินทางมาถึงอากิฮาบาระได้ง่ายรวดเร็ว เป็นคนที่เข้าออกอากิฮาบาระบ่อยในช่วงนี้ ”
โรเซ่เรียกให้มิร่าปรากฏตัวออกมาเพื่อให้เธอใช้เวทย์ระดับต้นกำเนิด ห้องสมุดโลก ของเธอเพื่อค้นหาตัวค้นร้ายที่ยังลอยนวลอยู่
“อืม....ฉันเห็นแล้ว นักเรียนชาย...ผมสีดำปิดตาข้างขวา ร่างกายผอม สูงราวๆ170เซนฯ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าพวกนี้ชัดเจน แล้วโรงเรียนที่ย้ายเข้ามานั่นก็....ที่นี่”
“ปีกจงปรากฏ!”
มิร่าใช้เวทย์ของตัวเองหลังจากได้รับข้อมูลมาเพียงพอแล้ว จนค้นหาตัวเจอแล้วว่าอยู่ที่ไหน โรเซ่รู้แล้วก็รีบสยายปีกบินขึ้นฟ้าตรงไปตามจุดที่มิร่าบอก มิร่าจึงรีบกลับเข้าไปในมือของโรเซ่ทันที
อีกด้านทางฝั่งของรินที่กำลังมีความสุขกับชีวิตนักเรียนของเธออยู่เพื่อหวังจะลืมคำพูดเมื่อคืนของโรเซ่
“ดูจากชุดข้างในเครื่องแบบนักเรียนแล้วคุณมิยาซากิเนี่ยเป็นไวท์ระดับพิเศษด้วยเหรอเนี่ย? แสดงว่าคุณจับพวกแอนตี้โหดๆมาเยอะมากเลยสินะ?”
“ไม่หรอกค่ะ ฉันเป็นไวท์ทั่วไปที่ลอนดอนมานานส่วนใหญ่ถูกสั่งให้เป็นผู้ช่วยไม่ก็ทำงานเอกสารอย่างเดียว ไม่ได้ลงสนามเจอของจริงสักที จนเพิ่งจะได้รับตำแหน่งนี้ไม่กี่วันก่อน แล้วเมื่อวานก็เพิ่งจะได้ลงสนามจริงครั้งแรกด้วย”
ในตอนนี้เป็นเวลาพักกลางวัน รินถูกเพื่อนร่วมห้องชักชวนให้มากินข้าวเที่ยงร่วมกันบนดาดฟ้า ซึ่งพวกเธออยู่ข้างบนของทางที่ขึ้นมาดาดฟ้า ในกลุ่มต่างพูดคุยกันถูกคอกับรินมาก ทำให้บรรยากาศไม่ดูอึดอัด
“อ้ะ!? เวลาพักกลางวันใกล้จะหมดแล้วสิ...แย่แล้วลืมไปเลยการบ้านวิชาประวัติศาสตร์ยังไม่ได้เลย....คุณมิยาซากิเดี๋ยวพวกเราขอตัวกลับห้องก่อนนะ!”
“อื้ม เดี๋ยวฉันจะตามไปนะคะ”
เพื่อนคนหนึ่งดูเวลาบนโทรศัพท์มือถือก็รู้ว่าใกล้จะหมดเวลาพักกลางวันแล้ว จึงพากันลงแล้วรีบวิ่งกลับห้องเรียนก่อนเพราะยังไม่ได้ทำการบ้านปล่อยให้รินนั่งกินข้าวเที่ยงอยู่อย่างนั้น
(จะว่าไปที่ตรงนั้น โดมที่เกิดจากเวทย์เขตแดนหรือเปล่านะ? มีแอนตี้อยู่ที่นั่นด้วยเหรอเนี่ย?)
รินหันไปมองโดมที่เกิดจากเวทมนตร์ซึ่งมันอยู่ที่อากิฮาบาระนั่นเอง ระหว่างที่เธอนั่งมองอยู่นั้นก็มีนักเรียนชายผมสีดำปิดตาข้างขวารูปร่างผอมคนหนึ่งเปิดประตูดาดฟ้าขึ้นมาจ้องมองที่จุดนั้นเหมือนกับริน
“.....เขตแดนของฉันหยุดทำงาน!?....หมายความว่าไงกัน!? มีไวท์อยู่ที่นั่นด้วยเหรอ!? เป็นไปไม่ได้น่า เจ้าพวกนั้นมันน่าจะโดนผลของเขตแดนให้ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้สิ....เฮือก!?...ชะ ชุดสูทสีดำนั่น ไวท์ระดับพิเศษ!?”
(......อะไรนะ?!...จะบอกว่าตัวเองคือคนที่กางเขตแดนนั่นขึ้นมาเหรอ?....หืม?ไวท์ระดับพิเศษ? มะ หมอนั่น!?)
อีกฝ่ายยังไม่รู้ว่ารินนั้นแอบได้ยินอยู่ ขณะนั้นเขาก็มองเห็นโรเซ่ที่ยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียนกำลังพูดคุยเพื่อขอทำการสืบสวนถึงกับหน้าซีด เข่าอ่อนทันที
“ไม่ๆๆ ใจเย็นก่อนสิ ใช่แล้ว ต่อให้เจ้านั่นจะมาถึงนี่ก็คงจะใช้มานาไปเยอะพอสมควร ใช่แล้ว เราจัดการมันได้แน่นอน...แล้วเราก็จะได้รับการยอมรับเป็นพวกเดียวกับกลุ่มกางเขนสีเลือด”
(จะให้หมอนั่นมาตัดหน้าเราไม่ได้เด็ดขาด...แค่เราคนเดียวก็เกินพอแล้ว”
“อย่าขยับ! ฉันไวท์ระดับพิเศษขอจับกุมนายที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะเป็นผู้ก่อเหตุที่โดมตรงนั้น”
รินตัดสินใจจะฉายเดี่ยวเพราะกลัวว่าจะถูกโรเซ่แย่งผลงานเหมือนเมื่อวานอีก
“มีไวท์ระดับพิเศษแฝงตัวมาที่โรงเรียนนี้ด้วยเหรอ!?....อึก!...ไม่ยอมหรอก! ฉันจะไม่มีทางโดนจับเหมือนเจ้าพวกนั้นเด็ดขาด!!”
“อึก!...ระเบิดควันเหรอ!?....ฮึ่ย! หายไปแล้ว!?”
ทันทีที่อีกฝ่ายรู้ตัวแล้วว่ารินแอบฟังอยู่ข้างบน ก็รีบหยิบระเบิดควันขึ้นมาดึงสลักออกแล้วขว้างลงพื้นจนเกิดควันโขมงทั่วดาดฟ้าทันที รินใช้เวทย์ของตัวเองสร้างสิ่งที่รูปร่างคล้ายปีกขึ้นมา3คู่แล้วสบัดให้ควันหายไป อีกฝ่ายเองก็หายตัวไปแล้วเช่นกัน
นั่นทำให้โรเซ่รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นข้างบน เมื่อเขาคุยกับพวกครูที่โรงเรียนเข้าใจกันแล้ว ก็รีบวิ่งตรงเข้าไปในโรงเรียนทันทีเพื่อดักจับ
“อึก!....ถ้าจำสีเนคไทไม่ผิด หมอนั่นอยู่ปีสอง...เป็นไปได้ว่าจะต้องรีบมาทำลายหลักฐานที่ยังเหลืออยู่ ซึ่งน่าจะซ่อนมันไว้ในล็อกเกอร์แน่ๆ”
รินรีบวิ่งลงจากดาดฟ้าแล้วตรงไปยังชั้นเรียนของพสกนักเรียนปีสองทันที ด้วยความจำกับการวิเคราะห์ของเธอจึงกำหนดเป้าหมายในการค้นหาได้ชัดเจน
“เฮ้ย นาริยูกิ นายกำลังทำอะไรกับล็อกเกอร์อยู่น่ะ?”
“แฮ่ก!...แฮ่ก! หาตัวเจอสักที....”
“อะไรน่ะ เด็กปีหนึ่งคนนี้ เธอตามหาเจ้านาริยูกิอยู่เหรอ?”
รินรีบวิ่งจนบังเอิญมาเห็นนาริยูกิคนที่เธอไล่ล่าอยู่กำลังรีบเอาของออกจากล็อกเกอร์อยู่ เพื่อนๆในห้องต่างสงสัยถึงการกระทำของเขา
“ไม่!....ฉันไม่เกี่ยวนะ! ฉันไม่ได้ทำ!”
“ถ้านายไม่ได้ทำและไม่เกี่ยวข้อง แล้วจะหนีทำไมล่ะ? ดูยังไงก็น่าสงสัยชัดๆ เพราะอย่างนั้นแล้วมากับฉันซะดีๆ”
“....หึ อะ ฮ่าๆๆๆๆ.....”
นาริยูกิถูกรินต้อนจนมุม จนเขาหัวเราะออกมาอย่างกับคนเสียสติ คนในห้องและนอกห้องต่างเริ่มพากันสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น บางก็คิดว่า ทั้งสองคบกันอยู่หรือเปล่า? นาริยูกิเป็นคนนอกใจหรือเปล่า? แต่นั่นไม่ใช่เลย
“ทั้งที่เธอเป็นไวท์ระดับพิเศษแท้ๆ แต่ไม่ได้ระวังตัวเลยนะ ห้องนี้น่ะ ฉันกางเขตแดนเอาไว้ตั้งนานแล้ว!! ปิดกั้น!!”
สิ้นเสียงของนาริยูกิทั้งห้องถูกชะโลมไปด้วยสีแดงเลือดหมู ทางเข้าออกห้องถูกปิดกั้น ไม่สามารถเข้าออกได้อีก ทั้งข้างในข้างนอกห้องต่างพาดันแตกตื่น นั่นทำให้โรเซ่รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นที่ตรงไหน
“ทำแบบนี้นายจะโดนข้อหาเพิ่มคือการบังคับให้ผู้อื่นมาเป็นตัวประกันนะ”
“ฮ่าๆๆๆ เธอก็ลองดูสิ! ถ้าคิดจะทำอะไรละก็ เจ้าพวกนี้จะเป็นยังไงฉันไม่รู้ด้วยนะ!”
“เฮ้ย นาริยูกิ นายทำบ้าอะไรของนายน่ะ! พอได้แล้วน่า ”
“หนวกหูน่า!!”
“อั้ก!”
รินเตือนนาริยูกิด้วยความหวังดีเพื่อจะไม่ลงมืออะไรรุนแรง ขณะที่เพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งก็รีบเดินเข้าไปห้ามนาริยูกิแต่ถูกสวนกลับด้วยโซ่สีดำที่จู่ๆก็พุ่งออกมาจากพื้นได้ยังไงก็ไม่รู้ ทำให้เขาได้รับบาดแผลที่แขนเป็นรอยยาวตั้งแต่หลังมือถึงข้อศอก เพื่อนร่วมห้องคนอื่นเห็นดังนั้นจึงเริ่มพากันหวาดกลัวนาริยูกิยิ่งกว่าเดิม
“นี่ กลุ่มกางเขนสีเลือด ที่ว่าใช่ไอ้พวกแอนตี้ที่ก่ออาชญากรรมไปทั่วโลกหรือเปล่า?”
“หา?....ก็ใช่น่ะสิ หลังจากที่ฉันจัดการเธอฆ่าปิดปากคนทั้งโรงเรียนและฆ่าไวท์ระดับพิเศษอีกคนนั่นได้แล้ว ฉันก็จะได้รับเข้าไปในกลุ่มกางเขนสีเลือด เท่านี้ชีวิตของฉันก็จะดียิ่งขึ้นไปอีก”
“เห~ ไม่นึกเลยว่ารินจังจะถามถึงกลุ่มกางเขนสีเลือดด้วย แสดงว่าเธอคงมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่บ้างสินะ?”
รินถามเกี่ยวกับกลุ่มกางเขนสีเลือดกับนาริยูกิ เจ้าตัวก็ตอบกลับไปโดยไม่คิดจะปิดบังอะไรเพราะมั่นใตว่าตัวเองจะรอดไปได้ จู่ๆมิร่าก็ปรากฏตัวเดินเข้ามาในห้องที่ถูกกางเขตแดนเอาไว้ทำให้นาริยูกิตาค้างไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร
“กะ แกเป็นใครกัน!? ทำไมถึงเข้ามาในเขตแดนนี้ได้ล่ะ!? เขตแดนนี้ฉันกำหนดให้ไม่มีใครเข้าออกได้ หรือแม้จะทำได้ก็จะโดนเสาเข็มทิ่มแทงร่างกาย แต่ทำไมแกถึงไม่เป็นอะไรเลย!?”
“กำหนดเขตแดนก็ถือว่าทำได้ดีอยู่นะ...แต่นายระบุขอบเขตแค่เผ่ามนุษย์นี่นะ ”
นาริยูกิเริ่มมีท่าทีลนลานพูดออกมาทั้งหมดแล้วว่าเขตแดนในห้องนี้มีการทำงานเป็นอย่างไร
“ไม่ใช่มนุษย์!?....อย่าบอกนะว่า....งั้นคนข้างนอกนั่น! อาคุตสึ โรเซ่!?”
พอได้ยินชื่อเต็มของโรเซ่ นาริยูกิเริ่มแสดงท่าทีหวาดผวาขึ้นมาเพราะเคยได้ยินเรื่องเล่าในหมู่ะวกแอนตี้ด้วยกันว่าแอนตี้หลายคนไม่ถูกเขาจับเข้าคุกก็ถูกฆ่าทิ้งอย่างเลือดเย็น
“ฉันไม่ยอม....ฉันไม่ยอมหรอก.....ฉันจะไม่ยอมถูกจับหรือถูกฆ่าหรอกนะ!!!”
สิ้นเสียงนั้นเสาเข็มสีดำปลายแหลมคมจำนวนมากพุ่งออกมาจากพื้นพุ่งเข้าหาคนรอบๆในทันที ก่อนที่จะเปิดหน้าต่างบานหนึ่งออกแล้วปีนออกหนีไปทางนั้นเนื่องด้วยอยู่ชั้นหนึ่งจึงไม่เป็นอันตรายต่อเขา
“อย่าหนีนะ!!”
รินใช้เวทย์ของตัวเองสร้างดาบรูปร่างเหมือนดาวหกแฉกขึ้นมาใช้ฟันเสาเข็มที่กำลังพุ่งเข้ามาเพื่อปกป้องทุกคนในห้อง นาริยูกินั้นไม่ได้เตรียมการไว้เหมือนที่อากิฮาบาระ หลังจากที่เขาออกจากเขตแดนในห้องไปได้สักพัก เขตแดนก็ถูกปลดทันที ริน มิร่าและโรเซ่จึงรีบวิ่งตามไปจับตัวเขาในทันที
“หยิบยืม ยูเซน โบลต์!!”
โรเซ่เรียกทำการใช้พลังของตัวเองหยิบยืมพลังของบุคคลที่วิ่งเร็วในประวัติศาสตร์ที่ถูกบันทึกเอาไว้เมื่อหลายร้อยปีก่อน
“เฮือก!!”
พริบตาเดียวโรเซ่วิ่งมาดักข้างหน้าของนาริยูกิได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะก็โดดเตะก้านคออีกฝ่ายจนกระเด็นไปคุยกับพื้นสนามโรงเรียน
“อึก!...ทำไมกัน?!....แกไม่น่าจะเหลือแรงแล้วนี่นา การที่แกมาถึงที่นี่ แกน่าจะโดนสูบมานาไปตั้งเยอะจากอากิฮาบาระสิ ทำไมแกถึงไม่รู้สึกเหนื่อยอะไรเลยล่ะ?!”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เพราะแกจะได้ไปพูดต่อในคุก”
นาริยูกิตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาถามถึงเหตุผลที่โรเซ่ยังเหลือมานามากพอได้ยังไง เพราะปกติแล้วเวลาที่ใช้มานาหรือเสียมานาไปมากๆ จะแสดงอาการเหนื่อยหอบให้เห็นชัดเจน โรเซ่ไม่ได้ตอบคำถามนั้นแล้วยกเท้าขวาขึ้นเตะเสยคางนาริยูกิจนเขาสลบไป
• ───────────────── •
ความคิดเห็น