คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่1 ตอนที่5 คดีกระทันหัน 1
หลังจากจบคดีนี้ลงได้โดยฝ่ายของโรเซ่ไม่มีใครตายเลยสักคน ตัวประกันทุกคนได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย
“นี่!....เกิดอะไรขึ้นข้างในนั้น? ทำไมผู้ก่อการร้ายถึงออกมาแค่คนเดียว?”
รินถามโรเซ่จากข้างหลังระหว่างเดินกลับบ้าน เธออยากรู้ว่าทำไมถึงมีผู้ก่อการร้ายออกมาแค่คนเดียว
“เธอเป็นถึงไวท์ระดับพิเศษเชียวนะ...เรื่องแค่นี้คนธรรมดาเขายังรู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นข้างในนั้น”
โรเซ่พูดสวนกลับไป
“อึก!....จะบอกว่าฉันโง่งั้นเหรอ!?”
“ฉันไม่ได้จะบอกว่าเธอโง่หรอกนะ...แต่ว่า ในฐานะที่เธอเป็นไวท์ระดับพิเศษเธอก็ควรรู้ตัวดีว่าจะต้องฆ่าคนเข้าสักวัน ดูจากแววตาของเธอตอนนี้แล้ว คงจะไม่เคยฆ่าใครมาก่อนเลยถูกไหม?”
โรเซ่พูดต่อ ถึงความจริงที่รินจะต้องเจอในอนาคต การจับกุมคนร้ายของไวท์ระดับพิเศษนั้น น้อยมากที่คนร้ายจะยอมให้ถูกจับเข้าคุกดีๆไม่ขัดขืนพยายามจะหนีหลังโดนจับแล้ว กรณีที่เจอบ่อยมากนั่นคือการพยายามฆ่าเพื่อจะหนีเอาตัวรอด นั่นทำให้จำเป็นต้องใช้ศาลเตี้ยประหารชีวิตที่ตรงนั้นทันที ตัวรินเองก็จะต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ในสักวันหนึ่งแน่นอน
“อึก.....”
“..............”
โรเซ่พูดแบบนี้รินก็ไม่มีคำจะเถียงกลับเลย เขาหันหลังไปดูรินที่ยืนนิ่งเงียบอยู่ตรงนั้น ก่อนจะเดินตรงกลับบ้านของตัวเองต่อ
เป็นที่น่าแปลกใจมากเพราะระหว่างทางกลับบ้านนั้น ทั้งการนั่งรถโดยสาร ทั้งการเดินข้ามถนน จนมาถึงบ้าน ปรากฏว่าบ้านโรเซ่และรินอยู่ใกล้กันมาก รินนั้นเพิ่งจะย้ายมาอาศัยที่ญี่ปุ่นเพราะได้รับเลื่อนระดับเป็นไวท์ระดับพิเศษ และได้รับคำยินยอมขอย้ายจากสาขาลอนดอนให้ไปประจำการที่สาขาโตเกียว
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย? พระเจ้ากำลังกลั่นแกล้งฉันอยู่เหรอ?”
“ริน พระเจ้าไม่มีอยู่จริงหรอกนะ”
“ห้ะ!?.........บอกว่าอย่ามาเรียกฉันด้วยชื่อ อย่างกับว่าสนิทกันนักสิยะ!”
โรเซ่พูดจบก็สแกนม่านตาปลดล็อคประตูเดินเข้าบ้านทันที ปล่อยให้รินพูดคนเดียวอยู่ข้างนอกนั้น
[ยินดีต้อนรับกลับค่ะ นายท่านและท่านมิร่า]
“อ่า...กลับมาแล้ว”
“กลับมาแล้วค่า”
เมื่อเข้ามาข้างในบ้านก็มีภาพโฮโลแกรมปรากฏขึ้นเป็นสาวผมสีน้ำเงินในชุดเมดกล่าวต้อนรับกลับบ้านกับโรเซ่และมิร่า มิร่าจึงออกมาจากฝ่ามือพูดกลับไป
“มื้อเย็นวันนี้เอาเป็นอะไรดีคะ?”
“ฉันขอเยอะๆเลยละกัน ไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าแล้ว”
“ฉันขอเหมือนกันนะสเตลล่า”
สเตลล่าคือชื่อของเธอคนนี้ได้รับคำขอให้ทำอาหารเย็นสำหรับของโรเซ่และมิร่าทาน ตั้งแต่ทั้งสองกลับมาถึงโตเกียวก็ยังไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่เช้าจนเวลาก็ผ่านไปมาถึงค่ำก็ยังไม่ได้ทานอะไรเลย
“รับทราบแล้วค่ะ คราวหน้านายท่านกรุณาหาอะไรรองท้องบ้างนะคะ”
“อืม เข้าใจแล้ว คราวหน้าฉันจะทำตามที่เธอขอละกัน”
ขณะที่สเตลล่ากำลังทำอาหารอยู่นั้นก็พูดกับโรเซ่ด้วยความเป็นห่วง โรเซ่จึงตอบรับไปด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่แสดงความเย็นชาใส่
สเตลล่านั้นเป็นเอไออัจฉริยะที่มีความคิดเป็นของตัวเองและคอยดูแลโรเซ่มาตั้งแต่ยังเด็ก งานบ้านของเธอนั้นจะเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเพื่อทำงานบ้าน การทำอาหารของเธอนั้นจะสามารถหยิบจับได้เฉพาะเครื่องมือทำอาหารที่มีตัวเลขไอดีตรงกับเธอเท่านั้น เอไออัจฉริยะที่คอยดูแลบ้านนั้นมักจะมีฟังก์ชั่นที่ว่านี้กันทุกตัว
“เอ๋? แล้วฉันล่ะสเตลล่า?”
“ท่านมิร่าเองก็ด้วยค่ะ คราวหน้าโปรดเตือนนายท่านเรื่องนี้ด้วยนะคะ มันจะไม่ดีต่อร่างกายทั้งสองท่านนะคะ”
มิร่าพูดเหมือนตัวเองกำลังโดนลืม สเตลล่าจึงหันไปพูดด้วยความเป็นห่วงด้วยอีกคน ราวกับบรรยากาศของทั้งสามเหมือนแม่กับลูกก็ไม่มีใครกล้าแย้งได้
“งานวันนี้เป็นอย่างไรบ้างคะนายท่าน?....”
“วันนี้ฉันได้รับคำสั่งให้ทำงานกับคู่หูน่ะ”
สเตลล่าถามถึงเรื่องในวันนี้กับโรเซ่ขณะที่เธอนำอาหารในจานมาวางบนโต๊ะ โรเซ่จึงตอบไปตามตรง
“คู่หูเหรอคะ? ชื่ออะไร? เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายคะ?”
“มิยาซากิ ริน เป็นผู้หญิงน่ะ....แล้วก็บ้านเธอข้างๆนี้เอง”
สเตลล่าถามต่อด้วยความสงสัยสิ่งที่โรเซ่บอกมา โรเซ่ก็ไม่คิดจะปิดบังอะไร และไม่มีท่าทีลำบากใจต่อคำถามของสเตลล่าเลยสักนิด
“บังเอิญอะไรขนาดนี้นะ....ในตอนที่นายท่านกำลังจัดการเรื่องกลุ่มผู้ก่อการร้ายข้ามประเทศ ไม่กี่วันก่อนที่ดิฉันกำลังดูแลบ้านอยู่ก็เห็นรถของบริษัทขนย้ายขับมาที่บ้านข้างๆ ไม่นึกเลยว่าเจ้าของบ้านที่ว่าจะเป็นแค่เด็กสาวคนเดียว และไม่นึกเลยว่าจะบังเอิญเป็นคู่หูของนายท่านด้วยนะคะเนี่ย แบบนี้ทั้งสองคนคงจะทำงานเข้าขากันง่ายขึ้นสินะคะ?”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะนะ รินน่ะยังเป็นแค่เด็กอยู่ยังไงก็ไม่คิดจะฆ่าคนอยู่แล้ว....และการจะทำงานร่วมกับฉันมันเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ....อาคาสะมันคิดอะไรอยู่กันแน่นะ?”
สเตลล่าเล่าเรื่องระหว่างที่เธอกำลังดูแลบ้านรอต้อนรับโรเซ่ที่กำลังทำงานอยู่ที่อื่น เธอก็เห็นรินย้ายมาอยู่บ้านข้างๆนี้ สเตลล่าคิดว่าทั้งสองคงจะสนิทและคฝทำงานเข้าขากันแน่ๆ โรเซ่จึงพูดขึ้นถึงความเป็นไปไม่ได้ที่รินจะทำงานเข้าขากับเขาได้
“งั้นเหรอคะ?...แล้วเรื่องหลักเป็นอย่างไรบ้างแล้วคะ?”
“มันยังเชื่อมโยงกันมั่วไปหมด ฉันยังมั่นใจเต็มร้อยไม่ได้ว่าหัวหน้าของพวกมันที่เป็นคนร้ายตัวจริง จะไม่ใช่คนเอเชีย”
สเตลล่าถามต่อถึงเรื่องที่โรเซ่สืบสวนส่วนตัวอยู่ นั่นเกี่ยวกับกลุ่มคนที่มีรอยสักรูปไม้กางเขนสีแดง (†) อยู่บนร่างกายบางแห่ง โรเซ่นั้นตามสืบเรื่องนี้ด้วยตัวเขาเองเพื่อหาหัวหน้าของคนพวกนี้ให้เจอแล้วฆ่าทิ้ง นั่นคือเป้าหมายหลักของเขา
เช้าวันต่อมา โรเซ่เข้างานแต่เช้าเพื่อมาจัดการเอกสารคดีที่ตัวเองได้ทำไปเมื่อวานนีั น้อยคนนักที่จะเข้างานในเวลานี้
“วันนี้ก็มาเช้าเหมือนเดิมเลยนะ”
“รุ่นพี่เรมิเองก็เหมือนกันนะครับ....ไม่สิต้องบอกว่ารุ่นพี่ยึดเอาที่นี่เป็นบ้านหลังที่สองถึงจะถูกหรือเปล่าครับ?”
“ก็นะ...งานของนักเวทย์สายอักขระมันเยอะมากเลยนี่นา จนฉันแทบจะยึดที่นี่มาเป็นบ้านหลังที่สองของตัวเองอย่างที่นายว่าแหละนะ”
ขณะกำลังจัดเอกสารเตรียมนำไปส่งให้กับอาคาสะ ก็มีเสียงของสาวสวยผมสีน้ำเงินในชุดสูทสีดำคนหนึ่งทักจากข้างหลังของโรเซ่ เธอคนนี้คือนาคาซากิ เรมิ เป็นรุ่นพี่ของโรเซ่นั่นเอง
เรมินั้นเป็นไวท์ระดับพิเศษและเป็นนักเวทย์สายอักขระ มีหน้าที่คอยเขียนอักขระเวทย์บนชุดสูทปฏิบัติให้ไวท์คนอื่น ตัวเธอไม่จำเป็นต้องออกไปปฏิบัติงานเหมือนอย่างคนอื่น ศักยภาพของเธอนั้นไม่เหมาะกับการปฏิบัติงานแต่เหตุผลที่เธอได้ตำแหน่งไวท์ระดับพิเศษนั่นเพราะเวทมนตร์อักขระที่เธอครอบครองอยู่
เวทย์อักขระนั้นมีผลกับสิ่งที่ถูกเขียนลงไปโดยจะเสริมพลังให้ผู้ใช้สิ่งนั้น เช่นการเขียนอักขระบนชุดสูทของไวท์จะมอบการป้องกันทางกายภาพและเวทมนตร์ให้ หรือบางคนขอแบบเฉพาะตัว เช่น เป็นการมอบความเร็วการตอบสนองต่อสิ่งรอบข้างประมาณนี้ ส่วนโรเซ่นั้นขอให้เรมิเขียนอักขระบนชุดของเขาเป็นการคงสติขณะใช้พลังของตัวเองเอาไว้ การป้องกันทางกายภาพและเวทมนตร์ ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายให้อยู่ในระดับปกติที่สุด นั่นคือสิ่งที่เขาขอให้เรมิเขียนทุกครั้งหลังจากอักขระบนชุดสูทถูกทำลาย
“จะว่าไปตอนนี้นายว่างอยู่หรือเปล่า?”
“ก็ว่างนะครับ มีอะไรหรือเปล่า?”
เรมิถามโรเซ่หลังจากเขานำเอกสารไปวางบนโต๊ะของอาคาสะแล้ว
“นายยังคงรับงานนี้อยู่สินะ? ถ้างั้นมาเป็นเพื่อนเที่ยวกับฉันหน่อยได้ไหม? ไม่ได้สูดอากาศข้างนอกมานานแล้วด้วยสิ ”
“ได้สิครับ แล้วเป็นที่ไหนเหรอครับ?”
เรมิขอให้โรเซ่มาเป็นเพื่อนเที่ยวกับเธอพร้อมทั้งถามถึงงานที่โรเซ่ยังรับทำอยู่หรือเปล่า นั่นคือการรับจ้างเป็นเพื่อนไปเที่ยวด้วย ไปกินข้าวด้วยกัน ผู้หญิงส่วนใหญ่ในศูนย์บัญชาการก็มักจะจ้างเขาทุกครั้งที่ว่าง เจ้าตัวเองก็ไม่ปฏิเสธอะไร เพราะการได้ไปในที่ที่อีกฝ่ายอยากไปแล้วตัวเองยังไม่เคยได้ไปมาก่อนอาจจะมีเบาะแสเกี่ยวกับคนที่เขากำลังตามสืบอยู่ก็เป็นได้ นอกจากผู้หญิงในศูนย์บัญชาการแล้วก็ยังมีดารา นางแบบหลายคนก็ขอนัดกับเขาด้วย นั่นจึงกลายเป็นข่าวลือว่าเขานั้นเป็นคาสโนว่าคบซ้อนหลายคน ทำให้รินมองเขาด้วยสายตารังเกียจด้วยนั่นเอง
“ก็พอจะเดาได้อยู่ว่าถ้าเป็นรุ่นพี่จะต้องเลือกมาที่นี่แน่ๆ ”
“ใช่ไหมล่ะ พอดีว่าฉันมีของที่อยากซื้อที่นี่พอดี ก็ของใหม่เพิ่งจะวางขายด้วยนี่นะ”
สถานที่ที่ทั้งสองมาเดินเที่ยวกันคืออากิฮาบาระ ไหนๆเรมิก็มีเวลาว่างออกมาเดินเที่ยวทั้งทีก็ขอมาซื้อของที่ตัวเองชอบกลับไปสักหน่อย
อีกด้านหนึ่งทางฝั่งของริน ในวันนี้เป็นวันแรกที่เธอย้ายเข้ามาเรียนที่ญี่ปุ่นในระดับมัธยมปลายปี1
“เอาล่ะ ทุกคนนั่งที่ด้วย....วันนี้จะมีเพื่อนใหม่มาเรียนร่วมกับพวกเธอ ซึ่งมาจากต่างประเทศ”
“ต่างประเทศงั้นเหรอ?”
“อาจารย์ครับ เพื่อนใหม่เป็นผู้หญิงใช่ไหมครับ?”
“ไม่ ต้องผู้ชายสิ มาจากต่างประเทศแบบนี้ คงต้องหล่อมากแน่ๆ”
หลายคนเริ่มพากันคุยเรื่องของริน นักเรียนชายต่างพากันคาดหวังว่าอยากให้นักเรียนใหม่เป็นผู้หญิง ส่วนนักเรียนหญิงก็หวังอยากให้เป็นผู้ชาย
“เสียใจแทนพวกเธอด้วยนะ เพื่อนใหม่คนนี้เป็นผู้หญิงน่ะ เอาล่ะเชิญเข้ามาได้.....”
พอรู้ว่าเพื่อนใหม่เป็นผู้หญิงพวกนักเรียนชายต่างพากันเฮด้วยความดีใจกันยกใหญ่ ก่อนรินจะเดินเข้ามาในห้อง
“มิยาซากิ รินค่ะ เป็นลูกครึ่งอังกฤษ ญี่ปุ่น ฉันเกิดและเติบโตที่นั่นแต่ก็เรียนเรื่องภาษาญี่ปุ่นจนชำนาญแล้วด้วย จากนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”
รินเดินเข้ามาในห้องหยิบปากกาสำหรับจอโฮโลแกรมจากที่วางขึ้นมาเขียนชื่อตัวเองบนหน้าจอโฮโลแกรมก่อนจะพูดแนะนำตัวเองด้วยรอยยิ้มอันสดใส
ณ ตรอกมืดแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กับอากิฮาบาระ กลุ่มคนสวมชุดดำจำนวน10คนกำลังถือกล่องสีดำที่ดูน่าสงสัย พวกเขานำกล่องพวกนี้มาวางใกล้กับร้านค้าต่างๆทั่วอากิฮาบาระโดยที่โรเซ่และเรมิยังไม่รู้ตัวว่ากำลังจะมีอะไรเกิดขึ้น
• ───────────────── •
ความคิดเห็น