NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โชคชะตาลิขิตให้ฉันต้องล้างแค้น

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่1 ตอนที่5 คดีกระทันหัน 1

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ย. 65


    หลังจากจบคดีนี้ลงได้โดยฝ่ายของโรเซ่ไม่มีใครตายเลยสักคน ตัวประกันทุกคนได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย

     

    “นี่!....เกิดอะไรขึ้นข้างในนั้น? ทำไมผู้ก่อการร้ายถึงออกมาแค่คนเดียว?”

     

    รินถามโรเซ่จากข้างหลังระหว่างเดินกลับบ้าน เธออยากรู้ว่าทำไมถึงมีผู้ก่อการร้ายออกมาแค่คนเดียว

     

    “เธอเป็นถึงไวท์ระดับพิเศษเชียวนะ...เรื่องแค่นี้คนธรรมดาเขายังรู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นข้างในนั้น”

     

    โรเซ่พูดสวนกลับไป

     

    “อึก!....จะบอกว่าฉันโง่งั้นเหรอ!?”

     

    “ฉันไม่ได้จะบอกว่าเธอโง่หรอกนะ...แต่ว่า ในฐานะที่เธอเป็นไวท์ระดับพิเศษเธอก็ควรรู้ตัวดีว่าจะต้องฆ่าคนเข้าสักวัน ดูจากแววตาของเธอตอนนี้แล้ว คงจะไม่เคยฆ่าใครมาก่อนเลยถูกไหม?”

     

    โรเซ่พูดต่อ ถึงความจริงที่รินจะต้องเจอในอนาคต การจับกุมคนร้ายของไวท์ระดับพิเศษนั้น น้อยมากที่คนร้ายจะยอมให้ถูกจับเข้าคุกดีๆไม่ขัดขืนพยายามจะหนีหลังโดนจับแล้ว กรณีที่เจอบ่อยมากนั่นคือการพยายามฆ่าเพื่อจะหนีเอาตัวรอด นั่นทำให้จำเป็นต้องใช้ศาลเตี้ยประหารชีวิตที่ตรงนั้นทันที ตัวรินเองก็จะต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ในสักวันหนึ่งแน่นอน

     

    “อึก.....”

     

    “..............”

     

    โรเซ่พูดแบบนี้รินก็ไม่มีคำจะเถียงกลับเลย เขาหันหลังไปดูรินที่ยืนนิ่งเงียบอยู่ตรงนั้น ก่อนจะเดินตรงกลับบ้านของตัวเองต่อ

     

    เป็นที่น่าแปลกใจมากเพราะระหว่างทางกลับบ้านนั้น ทั้งการนั่งรถโดยสาร ทั้งการเดินข้ามถนน จนมาถึงบ้าน ปรากฏว่าบ้านโรเซ่และรินอยู่ใกล้กันมาก รินนั้นเพิ่งจะย้ายมาอาศัยที่ญี่ปุ่นเพราะได้รับเลื่อนระดับเป็นไวท์ระดับพิเศษ และได้รับคำยินยอมขอย้ายจากสาขาลอนดอนให้ไปประจำการที่สาขาโตเกียว

     

    “นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย? พระเจ้ากำลังกลั่นแกล้งฉันอยู่เหรอ?”

     

    “ริน พระเจ้าไม่มีอยู่จริงหรอกนะ”

     

    “ห้ะ!?.........บอกว่าอย่ามาเรียกฉันด้วยชื่อ อย่างกับว่าสนิทกันนักสิยะ!”

     

    โรเซ่พูดจบก็สแกนม่านตาปลดล็อคประตูเดินเข้าบ้านทันที ปล่อยให้รินพูดคนเดียวอยู่ข้างนอกนั้น

     

    [ยินดีต้อนรับกลับค่ะ นายท่านและท่านมิร่า]

     

    “อ่า...กลับมาแล้ว”

     

    “กลับมาแล้วค่า”

     

    เมื่อเข้ามาข้างในบ้านก็มีภาพโฮโลแกรมปรากฏขึ้นเป็นสาวผมสีน้ำเงินในชุดเมดกล่าวต้อนรับกลับบ้านกับโรเซ่และมิร่า มิร่าจึงออกมาจากฝ่ามือพูดกลับไป

     

    “มื้อเย็นวันนี้เอาเป็นอะไรดีคะ?”

     

    “ฉันขอเยอะๆเลยละกัน ไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าแล้ว”

     

    “ฉันขอเหมือนกันนะสเตลล่า”

     

    สเตลล่าคือชื่อของเธอคนนี้ได้รับคำขอให้ทำอาหารเย็นสำหรับของโรเซ่และมิร่าทาน ตั้งแต่ทั้งสองกลับมาถึงโตเกียวก็ยังไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่เช้าจนเวลาก็ผ่านไปมาถึงค่ำก็ยังไม่ได้ทานอะไรเลย

     

    “รับทราบแล้วค่ะ คราวหน้านายท่านกรุณาหาอะไรรองท้องบ้างนะคะ”

     

    “อืม เข้าใจแล้ว คราวหน้าฉันจะทำตามที่เธอขอละกัน”

     

    ขณะที่สเตลล่ากำลังทำอาหารอยู่นั้นก็พูดกับโรเซ่ด้วยความเป็นห่วง โรเซ่จึงตอบรับไปด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่แสดงความเย็นชาใส่

     

    สเตลล่านั้นเป็นเอไออัจฉริยะที่มีความคิดเป็นของตัวเองและคอยดูแลโรเซ่มาตั้งแต่ยังเด็ก งานบ้านของเธอนั้นจะเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเพื่อทำงานบ้าน การทำอาหารของเธอนั้นจะสามารถหยิบจับได้เฉพาะเครื่องมือทำอาหารที่มีตัวเลขไอดีตรงกับเธอเท่านั้น เอไออัจฉริยะที่คอยดูแลบ้านนั้นมักจะมีฟังก์ชั่นที่ว่านี้กันทุกตัว

     

    “เอ๋? แล้วฉันล่ะสเตลล่า?”

     

    “ท่านมิร่าเองก็ด้วยค่ะ คราวหน้าโปรดเตือนนายท่านเรื่องนี้ด้วยนะคะ มันจะไม่ดีต่อร่างกายทั้งสองท่านนะคะ”

     

    มิร่าพูดเหมือนตัวเองกำลังโดนลืม สเตลล่าจึงหันไปพูดด้วยความเป็นห่วงด้วยอีกคน ราวกับบรรยากาศของทั้งสามเหมือนแม่กับลูกก็ไม่มีใครกล้าแย้งได้

     

    “งานวันนี้เป็นอย่างไรบ้างคะนายท่าน?....”

     

    “วันนี้ฉันได้รับคำสั่งให้ทำงานกับคู่หูน่ะ”

     

    สเตลล่าถามถึงเรื่องในวันนี้กับโรเซ่ขณะที่เธอนำอาหารในจานมาวางบนโต๊ะ โรเซ่จึงตอบไปตามตรง

     

    “คู่หูเหรอคะ? ชื่ออะไร? เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายคะ?”

     

    “มิยาซากิ ริน เป็นผู้หญิงน่ะ....แล้วก็บ้านเธอข้างๆนี้เอง”

     

    สเตลล่าถามต่อด้วยความสงสัยสิ่งที่โรเซ่บอกมา โรเซ่ก็ไม่คิดจะปิดบังอะไร และไม่มีท่าทีลำบากใจต่อคำถามของสเตลล่าเลยสักนิด

     

    “บังเอิญอะไรขนาดนี้นะ....ในตอนที่นายท่านกำลังจัดการเรื่องกลุ่มผู้ก่อการร้ายข้ามประเทศ ไม่กี่วันก่อนที่ดิฉันกำลังดูแลบ้านอยู่ก็เห็นรถของบริษัทขนย้ายขับมาที่บ้านข้างๆ ไม่นึกเลยว่าเจ้าของบ้านที่ว่าจะเป็นแค่เด็กสาวคนเดียว และไม่นึกเลยว่าจะบังเอิญเป็นคู่หูของนายท่านด้วยนะคะเนี่ย แบบนี้ทั้งสองคนคงจะทำงานเข้าขากันง่ายขึ้นสินะคะ?”

     

    “ถึงอย่างนั้นก็เถอะนะ รินน่ะยังเป็นแค่เด็กอยู่ยังไงก็ไม่คิดจะฆ่าคนอยู่แล้ว....และการจะทำงานร่วมกับฉันมันเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ....อาคาสะมันคิดอะไรอยู่กันแน่นะ?”

     

    สเตลล่าเล่าเรื่องระหว่างที่เธอกำลังดูแลบ้านรอต้อนรับโรเซ่ที่กำลังทำงานอยู่ที่อื่น เธอก็เห็นรินย้ายมาอยู่บ้านข้างๆนี้ สเตลล่าคิดว่าทั้งสองคงจะสนิทและคฝทำงานเข้าขากันแน่ๆ โรเซ่จึงพูดขึ้นถึงความเป็นไปไม่ได้ที่รินจะทำงานเข้าขากับเขาได้ 

     

    “งั้นเหรอคะ?...แล้วเรื่องหลักเป็นอย่างไรบ้างแล้วคะ?”

     

    “มันยังเชื่อมโยงกันมั่วไปหมด ฉันยังมั่นใจเต็มร้อยไม่ได้ว่าหัวหน้าของพวกมันที่เป็นคนร้ายตัวจริง จะไม่ใช่คนเอเชีย”

     

    สเตลล่าถามต่อถึงเรื่องที่โรเซ่สืบสวนส่วนตัวอยู่ นั่นเกี่ยวกับกลุ่มคนที่มีรอยสักรูปไม้กางเขนสีแดง (†) อยู่บนร่างกายบางแห่ง โรเซ่นั้นตามสืบเรื่องนี้ด้วยตัวเขาเองเพื่อหาหัวหน้าของคนพวกนี้ให้เจอแล้วฆ่าทิ้ง นั่นคือเป้าหมายหลักของเขา

     

    เช้าวันต่อมา โรเซ่เข้างานแต่เช้าเพื่อมาจัดการเอกสารคดีที่ตัวเองได้ทำไปเมื่อวานนีั น้อยคนนักที่จะเข้างานในเวลานี้

     

    “วันนี้ก็มาเช้าเหมือนเดิมเลยนะ”

     

    “รุ่นพี่เรมิเองก็เหมือนกันนะครับ....ไม่สิต้องบอกว่ารุ่นพี่ยึดเอาที่นี่เป็นบ้านหลังที่สองถึงจะถูกหรือเปล่าครับ?”

     

    “ก็นะ...งานของนักเวทย์สายอักขระมันเยอะมากเลยนี่นา จนฉันแทบจะยึดที่นี่มาเป็นบ้านหลังที่สองของตัวเองอย่างที่นายว่าแหละนะ”

     

    ขณะกำลังจัดเอกสารเตรียมนำไปส่งให้กับอาคาสะ ก็มีเสียงของสาวสวยผมสีน้ำเงินในชุดสูทสีดำคนหนึ่งทักจากข้างหลังของโรเซ่ เธอคนนี้คือนาคาซากิ เรมิ เป็นรุ่นพี่ของโรเซ่นั่นเอง

     

    เรมินั้นเป็นไวท์ระดับพิเศษและเป็นนักเวทย์สายอักขระ มีหน้าที่คอยเขียนอักขระเวทย์บนชุดสูทปฏิบัติให้ไวท์คนอื่น ตัวเธอไม่จำเป็นต้องออกไปปฏิบัติงานเหมือนอย่างคนอื่น ศักยภาพของเธอนั้นไม่เหมาะกับการปฏิบัติงานแต่เหตุผลที่เธอได้ตำแหน่งไวท์ระดับพิเศษนั่นเพราะเวทมนตร์อักขระที่เธอครอบครองอยู่

     

    เวทย์อักขระนั้นมีผลกับสิ่งที่ถูกเขียนลงไปโดยจะเสริมพลังให้ผู้ใช้สิ่งนั้น เช่นการเขียนอักขระบนชุดสูทของไวท์จะมอบการป้องกันทางกายภาพและเวทมนตร์ให้ หรือบางคนขอแบบเฉพาะตัว เช่น เป็นการมอบความเร็วการตอบสนองต่อสิ่งรอบข้างประมาณนี้ ส่วนโรเซ่นั้นขอให้เรมิเขียนอักขระบนชุดของเขาเป็นการคงสติขณะใช้พลังของตัวเองเอาไว้ การป้องกันทางกายภาพและเวทมนตร์ ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายให้อยู่ในระดับปกติที่สุด นั่นคือสิ่งที่เขาขอให้เรมิเขียนทุกครั้งหลังจากอักขระบนชุดสูทถูกทำลาย

     

    “จะว่าไปตอนนี้นายว่างอยู่หรือเปล่า?”

     

    “ก็ว่างนะครับ มีอะไรหรือเปล่า?”

     

    เรมิถามโรเซ่หลังจากเขานำเอกสารไปวางบนโต๊ะของอาคาสะแล้ว

     

    “นายยังคงรับงานนี้อยู่สินะ? ถ้างั้นมาเป็นเพื่อนเที่ยวกับฉันหน่อยได้ไหม? ไม่ได้สูดอากาศข้างนอกมานานแล้วด้วยสิ ”

     

    “ได้สิครับ แล้วเป็นที่ไหนเหรอครับ?”

     

    เรมิขอให้โรเซ่มาเป็นเพื่อนเที่ยวกับเธอพร้อมทั้งถามถึงงานที่โรเซ่ยังรับทำอยู่หรือเปล่า นั่นคือการรับจ้างเป็นเพื่อนไปเที่ยวด้วย ไปกินข้าวด้วยกัน ผู้หญิงส่วนใหญ่ในศูนย์บัญชาการก็มักจะจ้างเขาทุกครั้งที่ว่าง เจ้าตัวเองก็ไม่ปฏิเสธอะไร เพราะการได้ไปในที่ที่อีกฝ่ายอยากไปแล้วตัวเองยังไม่เคยได้ไปมาก่อนอาจจะมีเบาะแสเกี่ยวกับคนที่เขากำลังตามสืบอยู่ก็เป็นได้ นอกจากผู้หญิงในศูนย์บัญชาการแล้วก็ยังมีดารา นางแบบหลายคนก็ขอนัดกับเขาด้วย นั่นจึงกลายเป็นข่าวลือว่าเขานั้นเป็นคาสโนว่าคบซ้อนหลายคน ทำให้รินมองเขาด้วยสายตารังเกียจด้วยนั่นเอง

     

    “ก็พอจะเดาได้อยู่ว่าถ้าเป็นรุ่นพี่จะต้องเลือกมาที่นี่แน่ๆ ”

     

    “ใช่ไหมล่ะ พอดีว่าฉันมีของที่อยากซื้อที่นี่พอดี ก็ของใหม่เพิ่งจะวางขายด้วยนี่นะ”

     

    สถานที่ที่ทั้งสองมาเดินเที่ยวกันคืออากิฮาบาระ ไหนๆเรมิก็มีเวลาว่างออกมาเดินเที่ยวทั้งทีก็ขอมาซื้อของที่ตัวเองชอบกลับไปสักหน่อย

     

    อีกด้านหนึ่งทางฝั่งของริน ในวันนี้เป็นวันแรกที่เธอย้ายเข้ามาเรียนที่ญี่ปุ่นในระดับมัธยมปลายปี1

     

    “เอาล่ะ ทุกคนนั่งที่ด้วย....วันนี้จะมีเพื่อนใหม่มาเรียนร่วมกับพวกเธอ ซึ่งมาจากต่างประเทศ”

     

    “ต่างประเทศงั้นเหรอ?”

     

    “อาจารย์ครับ เพื่อนใหม่เป็นผู้หญิงใช่ไหมครับ?”

     

    “ไม่ ต้องผู้ชายสิ มาจากต่างประเทศแบบนี้ คงต้องหล่อมากแน่ๆ”

     

    หลายคนเริ่มพากันคุยเรื่องของริน นักเรียนชายต่างพากันคาดหวังว่าอยากให้นักเรียนใหม่เป็นผู้หญิง ส่วนนักเรียนหญิงก็หวังอยากให้เป็นผู้ชาย

     

    “เสียใจแทนพวกเธอด้วยนะ เพื่อนใหม่คนนี้เป็นผู้หญิงน่ะ เอาล่ะเชิญเข้ามาได้.....”

     

    พอรู้ว่าเพื่อนใหม่เป็นผู้หญิงพวกนักเรียนชายต่างพากันเฮด้วยความดีใจกันยกใหญ่ ก่อนรินจะเดินเข้ามาในห้อง

     

    “มิยาซากิ รินค่ะ เป็นลูกครึ่งอังกฤษ ญี่ปุ่น ฉันเกิดและเติบโตที่นั่นแต่ก็เรียนเรื่องภาษาญี่ปุ่นจนชำนาญแล้วด้วย จากนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”

     

    รินเดินเข้ามาในห้องหยิบปากกาสำหรับจอโฮโลแกรมจากที่วางขึ้นมาเขียนชื่อตัวเองบนหน้าจอโฮโลแกรมก่อนจะพูดแนะนำตัวเองด้วยรอยยิ้มอันสดใส

     

    ณ ตรอกมืดแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กับอากิฮาบาระ กลุ่มคนสวมชุดดำจำนวน10คนกำลังถือกล่องสีดำที่ดูน่าสงสัย พวกเขานำกล่องพวกนี้มาวางใกล้กับร้านค้าต่างๆทั่วอากิฮาบาระโดยที่โรเซ่และเรมิยังไม่รู้ตัวว่ากำลังจะมีอะไรเกิดขึ้น

     

    • ───────────────── •

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×