คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่1 ตอนที่4 คดีปล้นธนาคาร 4
เมื่อพวกรินคุมตัวXมาจนถึงเต็นท์แล้วเตรียมสอบปากคำ มิร่านำกระดานหมากรุกมาวางเอาไว้เล่นกับเขาเพื่อกดดันอีกฝ่ายเพิ่ม
“เอาล่ะ ตอนนี้แกมีสิทธิ์ที่จะไม่พูดในชั้นศาล แต่ขอเตือนไว้ก่อนเลยว่า ควรระวังคำพูดของแกให้ดีด้วยล่ะเพราะศาลเตี้ยยืนอยู่ข้างๆของฉัน”
เมื่อนั้นมิร่าก็เริ่มทำการสอบปากคำทันทีพลางผายมือออกไปหารินเพื่อบอกให้อีกฝ่ายระวังคำพูดของตัวเองให้ดี ไวท์ระดับพิเศษนั้นเปรียบเหมือนศาลเตี้ยที่จะตัดสินความผิดระดับใดก็ได้อย่างอิสระ
“ทำไมพวกแกถึงวางแผนปล้นธนาคาร?”
“ในเมื่อเธอคนนั้นคือศาลเตี้ย งั้นสถานการณ์ตรงนี้ก็เปรียบเหมือนในศาลสินะ? ถ้างั้นฉันขอใช้สิทธิ์ไม่พูด”
ทันทีที่มิร่าเริ่มคำถามแรก Xก็ขอใช้สิทธิ์ไม่พูดทันที เนื่องด้วยกฏหมายปัจจุบันไวท์ระดับพิเศษเปรียบเสมือนศาลเตี้ย จึงนับว่าการที่ไวท์ระดับพิเศษมาสอบปากคำถือว่าอยู่ในชั้นศาลแล้วด้วยนั่นเอง
“พวกของแกมีกันทั้งหมดกี่คน?”
“ขอใช้สิทธิ์ไม่พูด”
คำถามต่อมาXก็ยังยิ้มและใช้สิทธิ์ไม่พูดอยู่เช่นเดิม และไม่ว่าจะถามคำถามใดไปเขาก็จะยังใช้สิทธิ์ไม่พูดอีกเช่นเคย รินแอบวิเคราะห์อยู่ท่าทางของอีกฝ่ายว่ามีการตอบสนองอย่างไรกับคำถามของมิร่าบ้าง
“คุณมิร่า...ใช่ไหมคะ? ในธนาคารนั่นมีอะไรอยู่นอกจากเงินเหรอคะ?”
“เวทมนต์ระดับต้นกำเนิดที่ถูกผนึกเอาไว้ ผลของเวทย์นั่นเป็นเหมือนตะเกียงวิเศษในนิทานอะลาดินที่เคยอ่านตอนเด็ก จริงด้วย ขอบคุณนะรินจัง พวกแกคงหวังจะเอามันไปสินะ? คิดจะเอาไปใช้ทำอะไรกันแน่?”
“.....ขอใช้สิทธิ์ไม่--”
“ต่อให้ไม่ขอฉันก็รู้แล้ว รู้อะไรไหม? ฉันที่เป็นเผ่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ มีเพียงแค่ฉันคนเดียวที่ถือครองพลังอันยิ่งใหญ่เหนือกว่าเวทมนต์ตะเกียงที่พวกแกต้องการอีกนะ....ความต้องการที่อยากรู้สิ่งใดก็ต้องได้รู้ ฉันจะสามารถเห็นมันผ่านตาคู่นี้ไงล่ะ เวทมนตร์ระดับต้นกำเนิด ห้องสมุดโลก”
รินลองพูดตามที่ตัวเองวิเคราะห์ออกมาดู มิร่าก็นึกขึ้นได้ว่าธนาคารนี้ มีเวทมนต์ระดับต้นกำเนิดถูกผนึกเอาไว้อยู่เมื่อเห็นท่าทีของXเริ่มดูลนลานขึ้นหลังจากได้ยินคำพูดนั้นขณะจะใช้สิทธิ์ไม่พูด มิร่าจึงพูดเกทับต่อโดยการบอกถึงพลังของตัวเองที่เผ่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์คนอื่นไม่ได้ครอบครองเอาไว้ พลังที่ขอแค่มีข้อมูลเพียงพอก็จะสามารถล่วงรู้เรื่องราวนั้นได้ทันที
“อ๋อ ลืมบอกไป ตอนนี้ลูกน้องของแกเพิ่งถูกสอบปากคำไป ถึงจะไม่ยอมบอกข้อมูลเพราะความภักดีก็เถอะ แต่ไม่นึกเลยว่าตัวหัวหน้ามันจะโดนเค้นออกมาง่ายๆอย่างนี้นะ แล้วก็ดูเหมือนว่าจะมีเจ้าเครื่องเล็กจิ๋วนี่ติดอยู่ด้วยนะเนี่ย อุปกรณ์ติดตามที่เคยใช้กันในทางทหารเมื่อปี2094 และถูกยกเลิกการผลิตไปเมื่อ100กว่าปีก่อน ก็ไม่เข้าใจหรอกนะว่าไปเอามันมาจากไหน? ถ้าจะให้พูดตรงๆก็คือ การจะส่งแกเข้าคุกตอนนี้ทางฉันจะเป็นฝ่ายเสียแผนเองถูกไหม?”
“อึก!.....เป็นเวทมนต์ที่สุดยอดจริงๆ แต่ว่านะ ถ้าให้ฉันเดา คนที่อยู่ในธนาคารตอนนี้คงเป็นอาคุตสึ โรเซ่ ไวท์ระดับพิเศษชื่อดังคนนั้นสินะ? ไม่นึกเลยว่าจะมาทำคดีนี้ด้วยตัวเอง แต่ว่านะ การที่เธอเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของเขาแล้วไม่ไปอยู่ข้างผู้ทำพันธะสัญญาด้วยจะดีเหรอ? ”
“อย่าบอกนะว่า....คุณมิร่าคะ! รีบกลับเข้าไปในธนาคารเร็วเข้าเถอะค่ะ!”
มิร่าเริ่มพูดต่อหลังจากใช้เวทมนต์ของตัวเอง คำพูดของเธอตรงกับแผนการที่Xวางเอาไว้ทุกคำพูด รวมไปอุปกรณ์เก่าที่น่าจะถูกยกเลิกผลิตไปแล้วเมสสิยาร์กลับหามันมาได้ยังไงนั่นเป็นข้อสงสัยที่เวทมนต์มิร่าก็ไม่อาจจะรู้ได้
หลังจากฟังมิร่าพูดจบแล้วXก็พูดถึงเรื่องของโรเซ่ที่ยังอยู่ข้างในธนาคารคนเดียว และการที่ตัวมิร่าไม่ไปอยู่ข้างๆโรเซ่ซึ่งเป็นผู้ทำพันธะสัญญาด้วยแล้วนั้นจึงมีโอกาสที่จะตายสูงมาก รวมไปถึงตัวมิร่าเองก็จะตายตามไปด้วย รินได้ยินดังนั้นจึงรีบบอกให้มิร่ากลับเข้าไปในธนาคารโดยเร็ว
“หลายคนก็คิดว่าผู้ที่ทำสัญญากับเผ่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ส่วนใหญ่แล้วนั้นจะลืมวิธีต่อสู้ด้วยเวทมนต์โดยปราศจากจากอาวุธในมือ แต่ว่ากับโรเซ่นั้นไม่ใช่ พวกที่โรเซ่ไว้ชีวิตแล้วยัดเข้าคุกไป ต่างก็พูดกันเป็นเสียงเดียวกันทั้งนั้นแหละว่า...”
มิร่ายิ้มเหมือนรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายจะพูดประโยคนี้ออกไปเพื่อให้ตัวเขารู้สึกวิตกกังวลใจ
ขณะเดียวกันทางฝั่งของโรเซ่กำลังอยู่ข้างในห้องผู้อำนวยการธนาคาร
ภายในห้องของผู้อำนวยการนั้นมีทางเข้าห้องลับซ่อนอยู่ไม่มีร่องรอยการเข้าออกจึงรู้ได้ทันทีว่านี่เป็นโอกาสเหมาะที่จะจัดการพวกผู้ก่อการร้ายทั้งหมดในคราวเดียว
“ห้องลับนี่มัน....คลังแสงชัดๆเลยไม่ใช่เหรอ?”
เมื่อเข้าไปในห้องลับก็พบกับอาวุธและปืนจำนวนมาก มีจอคอมพิวเตอร์ที่กำลังแสดงภาพกล้องวงจรปิดจากทุกจุดในธนาคาร เห็นอย่างนั้นแล้วโรเซ่ก็หยิบมีดสั้น ระเบิดควันประเภทสั่งการด้วยเสียงก่อนจะสวมชุดของตัวประกันที่ช่วยเอาไว้เพื่อปลอมตัวและเพื่อให้การปลอมตัวนี้แนบเนียนขึ้นด้วยหน้าตาของเขาที่สวยเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงดึงสายรัดของชุดให้ดูกระชับเหมือนเป็นผู้หญิงจริงๆ
“อืม อะแฮ่ม....เทสๆ 1 2...โอเคร”
หลังจากเตรียมพร้อมทุกอย่างแล้วก็นำอาวุธมาใส่ในกระเป๋าของชุดซึ่งกระเป๋านั้นใหญ่พอจะซ่อนได้ง่ายๆ โรเซ่กระแอมไอทดสอบเสียงของตัวเองว่าดัดเป็นเสียงผู้หญิงแล้วก่อนจะเดินออกมาจากห้องไปหาตัวประกันกลุ่มหนึ่งที่ถูกสั่งให้มาสร้างทางลับปลอม
“อึก!....อั้ก.....”
เมื่อไปถึงก็เห็นผู้ก่อการร้ายคนหนึ่งกำลังยืนคุมงานอยู่ โรเซ่อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายยังไม่รู้ตัวเดินเข้ามาที่ข้างหลังยกสองแขนขึ้นมาแล้วจับล็อคคอทันที ยังไม่ทันให้ได้ตอบโต้อีกฝ่ายก็สลบไปแล้ว
“คะ คุณคือ?....”
“ทุกคนไม่ต้องห่วง...ไวท์ระดับพิเศษอยู่ที่นี่แล้ว ตอนนี้ขอให้พวกคุณเดินตรงไปอีกสักนิดจะเห็นทางลับที่ฉันแอบเข้ามา อ้อจริงสิ ฝากลากมันออกไปด้วยนะ”
ตัวประกันคนหนึ่งถามขึ้นมาทันทีโรเซ่จึงตอบไปขณะที่ยังดัดเสียงอยู่
เมื่อพูดจบโรเซ่ก็เดินหน้าต่อไปยังโถงใหญ่ทันที หลังจากที่จดจำภาพจากกล้องวงจรปิดได้แล้วไม่มีตัวประกันคนไหนอยู่รวมกันที่อื่นอีกนอกจากโถงใหญ่
“จัดการไป2คน น่าจะเหลือไม่มากแล้ว ต่อไปจุดที่เราจะลงไปเพื่อช่วยตัวประกัน.....”
โรเซ่พยายามมองไปรอบๆเพื่อสำรวจหาจุดที่จะลงไปช่วยตัวประกันที่โถงใหญ่ มีเสาอยู่4ต้นมีทางขึ้นบันไดแค่จุดเดียวมีผู้ก่อการร้าย2คนยืนเฝ้าที่บันได ฝั่งขวาก็ยืนเฝ้า2คน ฝั่งซ้ายก็ยืนเฝ้าอีก2คน และด้านหลังกลุ่มตัวประกันก็ยืนเฝ้าอีก2คน
เมื่อลองพินิจพิจารณาดูอย่างถี่ถ้วนแล้วในชุดมีระเบิดควันอยู่ ในเมื่อสถานการณ์บีบบังคับให้ต้องทำอย่างนี้ โรเซ่เดินอ้อมไปติดตั้งระเบิดควันที่เสาทั้ง4ต้นก่อนจะหาเส้นทางเดินลงมาเพื่อไปแฝงตัวกับกลุ่มตัวประกัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตัวประกันบางส่วนเพิ่งกลับจากห้องน้ำพอดี
“ทำงาน.....”
เมื่อเข้ามาแฝงตัวได้สำเร็จก็สั่งให้ระเบิดควันที่ติดตั้งอยู่ทำงานทันที
“เกิดอะไรขึ้น!? ทำไมอยู่ดีๆมีระเบิดควันได้เนี่ย!?”
“อย่าใช้เวทมนต์! เดี๋ยวจะโดนกันเอง!”
ระเบิดควันทำงานได้ดี ควันถูกปล่อยกระจายออกมาเป็นวงกว้างจนสร้างความแตกตื่นแก่พวกตัวประกันและพวกผู้ก่อการร้าย
“ปลดพลัง1%.....”
[ทำการปลดพลังเวทมนตร์1%]
โรเซ่ก้าวเท้าออกมาพลางพูดกับกำไลข้อมือซึ่งเป็นเครื่องมือระงับพลังที่ไวท์ระดับพิเศษบางคนจะใช้เพื่อควบคุมพลังของตัวเอง สามารถปรับระดับได้และตัวโรเซ่นั้นปรับให้ระงับพลังทั้งหมดของตัวเองไม่ใช่เพราะควบคุมไม่ได้แต่เพราะพลังของตัวเขาเองที่แข็งแกร่งมากจนสามารถฆ่าคนได้ง่ายๆต่างหาก
“ ใครเป็นคนทำวะเนี่ย!?--......”
“เกิดอะไรขึ้นตรงนั้นน่ะ!?--......”
( ปีกจงปรากฏ )
ขณะที่ผู้ก่อการร้ายยังสับสนอยู่นั้นโรเซ่ก็อาศัยจังหวะที่อยู่ในควันเดินเข้าไปเอาสันมือสับที่ท้ายทอยเป็นจุดเซรีเบลลัมทำให้อีกฝ่ายเสียสมดุลแล้วสลบไป ก่อนจะสยายปีกของตัวเองทำให้ควันเริ่มจางหายไป
“กะ แกเป็นใคร!? ฉันไม่เคยเห็นหน้าแกมาก่อน!”
“อะแฮ่ม....อืม อยากรู้งั้นเหรอ? แล้วแกมีค่าอะไรให้ฉันต้องตอบด้วยเหรอ?”
โรเซ่กระแอมไอเพื่อทดสอบว่าเลิกดัดเสียงแล้วหรือยัง ก่อนจะมองอย่างหยิ่งยโสแล้วถามกลับไป
“หึ่ย! จับมัน! เราต้องรู้ให้ได้ว่ามันเป็นใคร!?”
ผู้ก่อการร้ายที่เหลือเริ่มร้อนรนใจรีบใช้เวทมนต์โจมตีใส่โรเซ่ทันที ทั้งไฟ ทั้งน้ำ ทั้งดิน ทั้งลม โรเซ่หลบได้อย่างง่ายดายขณะที่หลบก็หยิบมีดสั้นขึ้นมาเพื่อฟันเวทมนต์ที่ยิงพลาดไปโดนตัวประกัน
“ทุกคนรีบเปิดประตูออกไปซะ! ”
โรเซ่ให้ไปพูดกับพวกตัวประกันยังไม่ทันได้หายใจเข้าทุกคนก็รีบวิ่งไปประตูหน้าแล้วกดปุ่มเปิดประตูออกไปทันที ธนาคารยุคนี้มีระบบประตูที่ต้องกดปุ่มเปิดปิดจากภายในเท่านั้นถึงจะใช้ได้ รวมถึงยังมีปุ่มฉุกเฉินสำหรับเรียกตำรวจด้วย
“บ้าเอ๊ย! ทำไมมันหลบได้หมดเลยวะ!?”
“ต่อให้มันจะหลบเวทมนต์ได้ แต่ถ้ากับกระสุนปืนยังไงมันก็ไม่รอดหรอก!”
ปัง
โรเซ่โยกตัวหลบไปทางซ้ายทีทางขวาที ไม่ว่าจะมาจากทิศทางไหนเขาก็หลบได้สบาย จนหนึ่งในผู้ก่อการร้ายต้องหยิบปืนขึ้นมาลั่นไกใส่เขาทันที
“อ้อก!!!”
“............เจ็ดนัดต่อไป แกต้องยิงใส่พวกเดียวกัน”
“อะ อะไรนะ!? อึก!.....จู่ๆแขนมันก็ขยับเอง นี่มันอะไรกัน!?”
พริบตาเดียวโรเซ่หลบกระสุนแล้วเข้าประชิดตัวแล้วใช้เข่ากระแทกหน้าท้องอีกฝ่ายอย่างแรงจนจุก ก่อนจะสั่งให้อีกฝ่ายต้องลั่นไกใส่พวกเดียวกัน เป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ จู่ๆก็หันปืนไปหาพวกเดียวกันตามคำสั่งของเขาจริงๆ
“เฮ้ย! จู่ๆอย่าหันปืนมาทางนี้สิวะ รีบๆยิงมันได้แล้ว!”
“...ระ รีบหนีไป!....เร็วเข้า!--”
ปัง!
ปัง!
ปัง!
ปัง!
ปัง!
ปัง!
ปัง!
ต่อให้หนีไปก็ไม่รอด ทุกนัดที่ลั่นไกออกไปนั้น กระสุนพุ่งเข้าไปฝังกลางหัวของผู้ก่อการร้ายทุกคนรวมทั้งพวกที่นอนสลบเพราะถูกสับที่ท้ายทอยด้วย
“บอกมาซะ ว่ายังมีพวกแกที่อยู่อีกไหม? แล้วมันอยู่ที่ไหน? เสร็จแล้วก็เป่าหัวตัวเองตายซะ”
“.....มะ ไม่ฉันไม่บอกแกหรอก....อยู่ที่ข้างในตู้เซฟ3คน กับห้องประชุมอีก1คน.....นี่มันอะไรกัน!? ทำไมฉันถึง--!?”
ปัง!
โรเซ่หันกลับมาสั่งให้อีกฝ่ายบอกข้อมูลให้รู้ ทั้งที่ไม่อยากจะบอกแต่ก็ไม่สามารถควบคุมได้ ทุกคำพูดที่ออกจากปากล้วนเป็นสิ่งที่โรเซ่สั่งให้พูดออกมาทั้งนั้น เมื่อบอกข้อมูลจนหมดแล้ว คำสั่งสุดท้ายคือฆ่าตัวตาย โรเซ่เพียงแค่ออกคำสั่งผู้ก่อการร้ายทั้ง8คนนี้ก็ตายกันหมดแล้ว เมื่อได้รับข้อมูลแล้วก็รีบตรงไปยังห้องประชุมก่อนทันที
ปัง!
“......ผิดคาด นึกว่าพวกแกจะกระจอกเหมือนกันอีกนะ”
“ฉันไม่เหมือนพวกกระจอกพวกนั้นหรอกนะ ฉันเคยสัมผัสและเรียนรู้ชีวิตของคนต่ำต้อยมาตลอดตั้งแต่เกิด ดังนั้นฉันจึงสัมผัสถึงจิตสังหารของไวท์อย่างแกได้ไงล่ะ”
โรเซ่หยิบปืนขึ้นมาลั่นไกใส่อีกฝ่ายทันทีที่เข้ามาข้างในห้องได้ แต่คนที่เจอนั้นไม่ได้กระจอกเลยสักนิด คู่ต่อสู้มีประสบการณ์พอสมควรสามารถใช้เวทมนตร์ของตัวเองสร้างแผ่นโลหะขนาดเท่ามือมาป้องกันเอาไว้ได้
“ในเมื่อแกว่ามาอย่างนั้น ฉันขอดูหน่อยแล้วกันว่าจะยื้อเวลาได้นานเท่าไหร่?ก่อนฉันจะไปจัดการอีก3คนที่ตู้เซฟ”
“ฉันจะให้แกเปลี่ยนจากคำว่า “ยื้อเวลา” เป็น “ฆ่าแก” แทนยังฟังเข้าลื่นหูกว่าเยอะ”
“.....หยิบยืมอเล็กซานเดอร์..........”
ทั้งสองฝ่ายต่างเดินวนพลางพูดดึงเชิงกันก่อนจะสิ้นสุดบทสนทนา โรเซ่พูดบางอย่างแล้วกำหมัดซ้ายแน่นพุ่งเข้ามาชกอีกฝ่ายด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ อีกฝ่ายหลบได้อย่างหวุดหวิดแต่ก็ได้รอยแผลยาวตั้งแต่ปลายคางยาวขึ้นไปจนถึงหางคิ้วข้างซ้าย หมัดที่เปี่ยมไปด้วยความเร็วและความรุนแรงนี้หากไม่ได้หลบเมื่อกี้นี้ละก็หัวอาจจะหลุดออกจากบ่าก็เป็นไปได้
“เหล่าพวกที่ถูกโรเซ่ยัดเข้าคุกไป ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หากเจอเขาที่ใช้มือซ้ายเป็นข้างถนัดแทนข้างขวาก็ควรจะรีบหนี หากเจอเขาไม่มีอาวุธในมือก็ควรจะรีบหนี หากเจอเขาหลับตาขณะสู้ก็ควรจะรีบหนีเช่นกัน และหากเจอสามอย่างนี้พร้อมกันละก็ หนีไปก็เปล่าประโยชน์”
“คิดจะบลัฟกันหรือไง? ฉันว่าป่านนี้เขาคงจะไม่รอดแล้ว เพราะต้องมาเจอกับคนที่เคยใช้ชีวิตต่ำต้อย เรียนรู้วิธีเอาชีวิตรอด ตั้งแต่เกิด ดังนั้นประสบการณ์มันต่างกับของอาคุตสึ โรเซ่ที่เพรียบพร้อมแต่เกิดแน่นอน”
“อาจจะถูก....แต่ว่านะ ฝ่ายที่จะชนะก็เป็นโรเซ่อยู่ดี”
ขณะเดียวกันมิร่าและXต่างก็ผลัดกันพูดเกทับใส่อีกฝ่าย
“หึ่ย!....หนอยแน่!!!”
ขณะที่โรเซ่ยังอยู่ใกล้ตัว อีกฝ่ายอาศัยจังหวะนี้สร้างโลหะขึ้นรูปเป็นมีดสั้นแล้วลงแรงแทงใส่ทันที
“ยกเลิกการหยิบยืมอเล็กซานเดอร์ หยิบยืมนายขนมต้ม........ไต่เขาพระสุเมรุ”
“การเคลื่อนไหวของแก ทำไมมันเปลี่ยนไปอีกแล้วล่ะ!?.....อั้ก!!!”
โรเซ่หลบการโจมตีแล้วยกเลิกการหยิบยืมของอเล็กซานเดอร์เปลี่ยนมาหยิบยืมของนายขนมต้มแทน ก่อนจะกระโดดขึ้นเหยียบบนขาขวาท่อนบนอีกฝ่ายด้วยเท้าขวา และบนไหล่ซ้ายฝ่ายขาวด้วยเท้าซ้าย ในขณะเดียวกัน ก็ใช้ศอกขวาปักลงไปบนศีรษะของอีกฝ่ายขณะที่ยังสับสนกับรูปแบบการเคลื่อนไหวที่เปลี่ยนไปอยู่ แต่อีกฝ่ายนั้นยังไม่สลบง่ายๆ
“นี่มันอะไรวะเนี่ย!? แกมีรูปแบบเท่าไหร่วะเนี่ย!?”
“ฉันมีอีกเป็นล้านเลย......”
โรเซ่ตอบคำถามให้หายสงสัยขณะตั้งท่าแล้วยกขาขวาเตะใส่ก้านคอของอีกฝ่ายอย่างรุนแรงจนคอหักตายไปทันที
“56วินาที....ถือว่านานอยู่นะ แต่ก็จัดอยู่ในระดับล่างอยู่ดี.....ยกเลิกการหยิบยืมนายขนมต้ม”
ก่อนหน้านี้โรเซ่นับเวลาขณะที่กำลังจัดการอีกฝ่ายถึงแม้เขาจะบอกว่านานแต่ก็ยังอยู่ในระดับล่างของเขาอยู่ดี โรเซ่ยกเลิกการหยิบยืมแล้วเดินตรงไปยังโต๊ะประชุมซึ่งมีอุปกรณ์สื่อสารอยู่ เขาทำการกดปุ่มยกเลิกการซ่อนสัญญาณ ทำให้คนในเต็นท์สามารถติดต่อถึงเขาได้
“นี่ฉันเอง...ตัวประกันทุกคนปลอดภัยไหม? ทั้งออกมาจากข้างหน้าและทางลับ?”
[อืม ตอนนี้พวกเจ้าหน้าที่ได้ให้การช่วยเหลือทุกคนแล้วล่ะ ทางฝั่งนายล่ะ?]
โรเซ่ถามถึงความปลอดภัยของตัวประกันเป็นอันดับแรกและคนที่ตอบสายปลายทางคือริน ก่อนเธอจะถามเขากลับไปบ้าง
“เหลืออีก3คนที่ตู้เซฟ เป็นไปได้ว่ากำลังหาทางปลดล็อคผนึกเวทมนต์ระดับต้นกำเนิดนั่นอยู่ใช่ไหม?”
[นายรู้เรื่องผนึกเวทมนต์ระดับต้นกำเนิดได้ยังไง?]
“ไวท์ระดับทั่วไปก็ยังรู้เลย เธอไปอยู่หลังเขามาก่อนหรือไง?”
[อึก.......ฉันไปอยู่ต่างประเทศมาก่อนหรอกย่ะ!]
ทั้งสองเริ่มต่อปากต่อคำใส่กันทันทีอย่างกับว่าเคยมีปัญหากันมานานแล้ว
“เห้อ....พักเรื่องไร้สาระนั่นไปก่อน.....ฉันจะไปจัดการกับสามคนที่เหลือ จะได้กลับสักที”
โรเซ่ถอนหายใจก่อนจะวางสาย เขาเดินตรงไปยังลิฟต์ลงมาจนถึงชั้นใต้ดินที่มีตู้เซฟขนาดใหญ่ถูกเปิดเอาไว้อยู่แล้ว ไม่มีความลังเลจึงเดินเข้าไปข้างในมีกลุ่มผู้ก่อการร้าย3คนกำลังพยายามหาทางจัดการกับตู้เซฟที่มีผนึกเวทมนต์ระดับต้นกำเนิดอยู่
“ฉันว่ามันแปลกๆนะ ทำไมไม่มีใครเดินผ่านมาดูพวกเราบ้างเลยล่ะ? ”
“จะว่าไปก็จริง พวกที่เหลือมันหายไปไหนหมดแล้ว?.....”
“กะ แก ทำไมถึงมาที่นี่ได้!?”
ขณะที่ทั้งสามกำลังตั้งข้อสงสัยว่าทำไมถึงไม่มีคนอื่นในกลุ่มเดินผ่านมาเลย นั่นเพราะทุกคนที่ถามถึงนั้น ถูกจับตัวไป1คน ถูกฆ่าตายไปอีก9คน และหัวหน้าของแผนการก็ถูกจับตัวไปด้วย ขณะนั้นก็มีหนึ่งในสามคนหันหลังไปเห็นโรเซ่กำลังเดินเข้ามาใกล้
“พวกแกทั้งสามคนจะหยิบปืนขึ้นมาเป่าหัวตัวเองตาย”
“เฮือก!.....เกิดอะไรขึ้น ทำไมร่างกายมัน!?--.....”
“อึก!.....ทำไมฉันถึงควบคุมร่างกายไม่ได้!?--.....”
“ไม่ๆ มันไม่ควรเป็นอย่างนี้สิ! ทำไมฉันหันปากกระบอกปืนไปที่อื่นไม่ได้!?--...............”
ปัง! ปัง! ปัง!
สิ้นเสียงของโรเซ่ ทั้งสามคนก็หยิบปืนขึ้นมา นำปากกระบิกปืนมาจ่อกลางหน้าผากตัวเองแล้วลั่นไกทันที
หลังจากจบเรื่องในธนาคารแล้ว ตัวประกันทุกคนได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย ส่วนXและลูกน้องอีก1คนก็ถูกคุมตัวไปเข้าคุกรอศาลตัดสินโทษประหาร
“ดีแล้วเหรอที่ส่งพวกนั้นเข้าคุก? คุณมิร่าบอกว่ามันจะเป็นการเสียแผนหนิ”
“อ่า....ยัยมิร่าแค่พูดโกหกไปว่าฉันหมดแรงที่จะทำอะไรต่อแล้วหลังจากออกมาจากธนาคาร ทำให้ตัวXหลงเชื่อไปกับคำโกหกนั้น เมื่อถึงทางเปลี่ยวไม่ค่อยมีรถผ่านก็จะมีพวกคนที่เขาจ้างมาเพื่อรอช่วยก่อนจะโดนส่งตัวไปคุก”
“จะบอกว่านายคิดจะตามไปจัดการก่อนเหรอ?”
“ไม่จำเป็นต้องถึงมือฉันหรอก เพราะมีไวท์ระดับพิเศษอีกคู่หนึ่งเพิ่งจะทำงานที่ตรงนั้นเสร็จพอดีตามที่ยัยมิร่าบอกด้วยสิ”
รินอยากรู้เหตุผลที่โรเซ่ปล่อยให้พวกXถูกส่งตัวไปเข้าคุก ถึงแม้ว่าเรื่องนี้อยู่ในแผนการของอีกฝ่ายอยู่แล้วก็ตาม มิร่ารู้เรื่องนั้นจึงยอมเล่นตามเกมของอีกฝ่ายและด้วยเวทมนต์ระดับต้นกำเนิดที่เธอครอบครองอยู่จึงรู้ว่ามีใครดักรอจะช่วยอยู่และมีใครที่กำลังจะซ้อนแผนอยู่อีกเช่นกัน ในตอนที่สอบปากคำอยู่นั้น มิร่าแอบใช้โทรศัพท์ของโรเซ่ส่งข้อความไปหาคนคนหนึ่ง
ทางฝั่งของพวกXที่กำลังถูกคุมตัวบนรถไปเข้าคุกอยู่นั้นก็มีกลุ่มคน4คนมายืนขวางทางอยู่ 2คนในกลุ่มนั้นเดินเข้ามาใกล้ คนหนึ่งใช้เวทมนต์สร้างผงสีดำจากอากาศแล้วใช้มันกับกระจกรถตำรวจทันที เนื่องด้วยตำรวจที่คุมตัวนั้นยังอ่อนประสบการณ์กันอยู่พวกเขาจึงถูกบังคับจับมัดมือมัดเท้าไม่สามารถทำอะไรได้ ทำให้พวกXถูกช่วยไว้โดยกลุ่มคนพวกนี้ได้ 4คนนี้คือกลุ่มคนที่เขาจ้างและวางแผนเอาไว้เผื่ออาจมีการถูกจับเข้าคุก
“ดูเหมือนจะเป็นไปตามที่คุณมิร่าบอกจริงๆด้วยนะเนี่ย”
“ในเมื่อคุณพี่ชายเขาบอกให้จัดการยังไงก็ได้แล้ว งั้นคงได้เวลาศาลเตี้ยแล้วสินะ?”
ขณะที่พวกเขากำลังจะหลบหนีกัน ก็มีชายผมสีเงิน ดวงตาสีแดงทับทิม ในชุดสูทสีดำทั้งตัว และสาวสวยผมสีชมพูอ่อน ดวงตาสีฟ้าอ่อน ในชุดกิโมโนสีดำ เดินมาจากข้างหลัง ทั้งสองคนนี้คือไวท์ระดับพิเศษที่มิร่าแอบติดต่อผ่านโทรศัพท์ของโรเซ่นั่นเอง
ไม่พูดพร่ำทำเพลงชายผมขาวหยิบปืนออกมาเล็งแล้วลั่นไกใส่ลูกน้องคนหนึ่งทันที กระสุนเจาะเข้าไปฝังข้างในสมองโดยไม่มีสิทธิ์จะตอบโต้เขาคืนได้
“จงกระจาย!”
“อะ อะไรน่ะ--!?........”
เขาดีดนิ้วหนึ่งครั้งก่อนที่กระสุนในหัวเปลี่ยนสภาพแตกออกมาเป็นแท่งเหล็กแหลมทิ่มแทงอกของXและพวกที่เหลือ จนไม่มีใครหนีรอดไปได้ทุกคนตายหมดด้วยกระสุนเพียงนัดเดียวของชายคนนี้
“นี่เดี๋ยวเถอะ....ไม่คิดจะให้ฉันได้ออกโรงบ้างเหรอ?”
“อ่า โทษทีนะ พอดีว่าฉันรอจะกินข้าวเย็นฝีมือเธอไม่ไหวแล้วน่ะสิ”
“เห้อ...ฝีมือการทำอาหารของฉันมันก็งั้นๆเองนะ ไปกินอาหารฝีมือเชฟระดับ3ดาวดีกว่าไหม?”
“ไม่ใช่สักหน่อย ฝีมือการทำอาหารของเธออร่อยที่สุดในโลกเลยต่างหาก”
หลังจากจบงานทั้งสองได้ช่วยตำรวจที่ถูกมัดอยู่ ก่อนจะเดินกลับบ้านด้วยกันพลางพูดหยอกกันเหมือนคู่รักเขาทำกัน
• ───────────────── •
ความคิดเห็น