NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โชคชะตาลิขิตให้ฉันต้องล้างแค้น

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่1 ตอนที่2 คดีปล้นธนาคาร 2

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.ย. 65


    อาคาสะได้มอบภารกิจให้โรเซ่และรินต้องไปสืบสวนและจัดการด้วยกัน นั่นคือคดีปล้นธนาคารที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ขณะนี้

     

    “คดีปล้นธนาคาร ฉันสามารถทำให้มันจบเรื่องได้ง่ายๆ....แค่ให้ฉันไปคนเดียวก็เพียงพอแล้ว”

     

    “โรเซ่....ถ้านายคิดจะทำอย่างนั้นละก็นะ...ฉันจะไม่ให้นายไปทำภารกิจทั่วโลกอีกแล้วนะ.....”

     

    “..........ชิ! ก็ได้”

     

    โรเซ่ปฏิเสธที่จะทำภารกิจนี้รวมกับริน อาคาสะจึงใช้ไม้แข็งเข้าสู้จนโรเซ่ต้องยอมทำตามคำสั่งนั้น

     

    “เพราะนี่คือคำสั่งหรอกนะ ไม่งั้นฉันคงไม่ต้องมาเป็นคู่หูนายแน่”

     

    ระหว่างทางที่ทั้งสองกำลังเดินทางมุ่งตรงไปยังธนาคารโตเกียวอยู่นั้น รินก็มองแรงใส่โรเซ่อย่างกับเกลียดชังกันมาแต่ชาติก่อน

     

    เมื่อทั้งสองมาถึงเต็นท์ปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่หน้าธนาคารซึ่งกำลังเจรจากับผู้ก่อการร้ายในธนาคารอยู่ เพียงแค่เจ้าหน้าที่เห็นชุดสูทสีดำก็ไม่จำเป็นต้องถามให้มากความจึงเชิญให้ทั้งสองเข้าไปข้างในได้ทันที

     

    “ช่วยรายงานสถานการณ์ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ให้ฉันรับทราบด้วย”

     

    “ครับ สถานการณ์ตั้งแต่ต้นนั้น พวกผู้ก่อการร้ายได้แฝงตัวเข้าไปกับตัวประกันในธนาคาร แล้วตอนนี้เราระบุได้ว่ามี4คน ซึ่งอาจจะมีมากกว่านั้นก็ได้ครับ พวกนั้นมีเครื่องระงับพลังจำนวนมากเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวประกันใช้เวทมนตร์เพื่อตอบโต้เลยครับ และจากรายงานของตำรวจสองนายที่ไปถึงได้ยิงไล่ให้พวกนั้นตอนกำลังจะหนีออกมาจากธนาคารน่ะครับ

     

    สถานการณ์ปัจจุบันหัวหน้าของพวกนั้นต้องการเจรจากับพวกเราเรื่องการขอเฮลิคอปเตอร์ลำใหญ่สำหรับหลบหนี.....”

     

    เมื่อเข้าไปข้างในโรเซ่ก็ขอรายงานสถานการณ์ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบันทันที ขณะที่รินกำลังหันซ้ายหันขวามองดูการทำงานของเจ้าหน้าที่อยู่

     

    “การเจรจานั่นเป็นแค่เรื่องหลอกให้พวกนายเชื่อว่าพวกมันจนตรอกไม่มีทางหนีแล้ว....เป็นไปได้ว่าพวกมันกำลังสร้างทางหลบหนีอยู่ขณะที่ให้พวกตัวเองออกไปข้างนอกเพื่อหลอกว่าไม่มีทางหนีแล้ว”

     

    “มิร่า พอจะรู้ตำแหน่งที่อยู่ของหัวหน้าพวกมันหรือเปล่า? เป็นไปได้ก็ขอเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นด้วยยิ่งดี”

     

    โรเซ่วิเคราะห์หลังจากฟังรายงานมาก่อนจะเรียกให้มิร่าปรากฏตัวออกมาทำให้ทุกคนตกใจกันหมด

     

    “วงแหวนสีดำที่ข้อมือซ้ายนั่น ธะ เธอคนนี้คือเผ่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์!?”

     

    เจ้าหน้าที่คนหนึ่งอุทานขึ้นเมื่อเห็นวงแหวนสีดำที่ข้อมือข้างซ้ายของมิร่า เผ่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ คือเผ่าพันธุ์ที่ถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับเวทมนตร์ตั้งแต่ปี2095 โดยจะมีรูปร่างเป็นสาวงาม สามารถเปลี่ยนรูปร่างตัวเองเป็นอาวุธชนิดหนึ่งได้ มีความเชื่อกันว่าเป็นเผ่าพันธุ์เดียวบนโลกที่มีอายุขัยเป็นนิรันดร์ ไม่แก่ตาย ไม่สามารถมีลูกได้ หลายคนต่างต้องการทำสัญญากับพวกเธอเหล่านี้ แต่ก็ถูกปฏิเสธไปนั่นเพราะการทำสัญญานั้นเหมือนดั่งการร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกัน หากผู้ทำสัญญาตายอาวุธศักดิ์สิทธิ์คนนั้นก็จะตายไปด้วยเช่นกัน ทำให้พวกเธอเรียกร้องสิทธิมนุษยธรรมเพื่อเผ่าพันธุ์ของตน ขอเป็นผู้มีสิทธิ์ในการเลือกผู้ทำสัญญาด้วยตัวเอง

     

    และการที่เจ้าหน้าที่นายนี้ตกใจนั่นเพราะการจะทำสัญญากับเผ่านี้ได้นั้น จะต้องมอบความเชื่อใจ และแสดงความแข็งแกร่งให้เห็นว่าเหมาะสมแก่การเป็นผู้ทำสัญญาจริงๆ

     

    “โทษทีนะโรเซ่ ข้อมูลตอนนี้น้อยเกินไปที่ฉันจะระบุตำแหน่งหรือเห็นเหตุการณ์ในอดีตได้ชัดเจน”

     

    มิร่าตอบกลับไป

     

    “อืม...ต่อสายไปหาหัวหน้าของพวกมันอีกครั้ง ฉันจะเป็นคนเจรจาเอง ฝากด้วยนะมิร่า และส่วนเธอริน เอาเงินนี่ไปซื้อหมากรุกมาหน่อยสิ”

     

    “หะ หา!?....นายเห็นฉันเป็นเบ๊รับส่งของหรือไง?! แล้วเมื่อกี้หมายความว่าไงมาเรียกฉันด้วยชื่อน่ะ!?”

     

    “เอาน่าๆ รินจัง ช่วยหน่อยนะ....มันเป็นแผนของโรเซ่น่ะช่วยเข้าใจในฐานะของคู่หูของเขาด้วยนะ”

     

    หลังจากฟังโรเซ่นิ่งไปชั่วขณะก่อนจะเริ่มดำเนินการตามสิ่งที่ตัวเองนึกออก รินไม่พอใจที่จู่ๆก็ถูกใช้งานรวมถึงการถูกเรียกด้วยชื่อจริงอีก มิร่าจึงมาขอร้องรินแทนโรเซ่เพื่อให้ยอมทำตามแผนของโรเซ่

     

    “ฉันยอมให้แค่ครั้งนี้เท่านั้นนะ!....”

     

    รินพูดจบก็รับเงินจากมือของโรเซ่ออกจากเต็นท์ทันทีด้วยความหงุดหงิด

     

    “สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าพวกคุณได้เตรียมเฮลิคอปเตอร์สำหรับหนีให้พวกเราแล้วหรือยัง?”

     

    “......สวัสดีค่ะ ฉันมาจากสำนักงานใหญ่ของตำรวจโตเกียว มาเพื่อเจรจากับพวกคุณเรื่องนี้ ส่วนเรื่องเตรียมเฮลิคอปเตอร์ให้พวกคุณนั้นเกรงว่าอาจจะล่าช้าหน่อยนะคะ”

     

    เมื่อสายถูกต่อได้แล้ว เสียงที่ถูกดัดแปลงโดยเครื่องดัดเสียงก็พูดออกมาโรเซ่หันไปหามิร่าที่ใส่หูฟังแล้วก่อนจะผงกหัวให้กัน โรเซ่จึงพูดดัดเสียงตัวเองเป็นผู้หญิงกลับไปบ้าง

     

    “โอ้ ไม่นึกเลยนะครับว่าคุณนักสืบหญิงจะถูกส่งมาเพื่อเจรจาโดยเฉพาะเลย ไม่ทราบว่าจะขอรู้ชื่อจริงของคุณได้หรือเปล่าครับ?”

     

    “อาจจะไม่ได้ค่ะเพราะตัวตนของฉันต้องเป็นความลับสุดยอด แต่ที่ต่างประเทศจะเรียกฉันว่า ‘ พริ้นเซส ’ น่ะค่ะ แล้วทางคุณล่ะคะ ฉันขอทราบชื่อของคุณหรือว่าจะให้ฉันเรียกคุณว่ายังไงดีคะ?”

     

    “เรียกผมว่า ‘X’ ก็ได้ครับ”

     

    ขณะที่โรเซ่กำลังโกหกหยั่งเชิงอีกฝ่ายอยู่นั้น มือก็กำลังเขียนข้อความในกระดาษก่อนจะแสดงให้พวกเจ้าหน้าที่ทุกคนทำตาม นั่นคือการปิดเครื่องโทรศัพท์ทั้งหมดแล้วนำมาวางที่ข้างๆมิร่าในทันที ทางมิร่านั้นก็รู้แล้วว่าเครื่องรุ่นไหนที่ใช้ในการดัดเสียงนี้

     

    การที่ให้ทุกคนปิดเครื่องของตัวเองเพื่อป้องกันว่าจะมีการถูกแฮคเข้ามาดักฟังหรือเปล่า

     

    หลังจากนั้นโรเซ่ก็ถูกถามหลายเรื่อง ทั้งถูกคุกคามทางเพศด้วยคำถามบ้าง หลายคำถามนั้นล้วนกวนประสาทอย่างเดียว ไม่มีการเจรจาตกลงกันเลยสักนิดจนต้องวางสายไป

     

    “ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง?”

     

    “สามารถแกะเสียงของอีกฝ่ายได้ครับ แต่เครื่องดัดเสียงรุ่นนี้มันเก่าจนเราไม่สามารถถอดได้ จึงจำเป็นต้องหาเครื่องรุ่นเดียวกันเท่านั้นครับ”

     

    “แฮ่ก! แฮ่ก! กลับมาแล้ว....กว่าจะหาซื้อได้รู้ไหมว่าฉันต้องไปไกลแค่ไหนน่ะ?!”

     

    ขณะที่โรเซ่กำลังหาวิธีแก้ปัญหาเรื่องจัดการหาเสียงจริงของXอยู่นั้น รินก็โผล่พรวดเข้ามาข้างในด้วยความเหนื่อยหอบในมือถือถุงผ้าใส่กล่องกระดานหมากรุกพร้อมตัวหมาก

     

    “มาก็ดีแล้วจะว่าไประหว่าง รินเธอผ่านที่ไหนบ้าง? ที่มันดูเก่าๆ อย่างโกดัง หรือมีที่ไหนที่มีสิ่งของวางเอาไว้รอบนอกดูเกะกะบ้างไหม?”

     

    “ฉันไม่ได้สนิทกับนาย อย่ามาเรียกฉันด้วยชื่อจริงนะ!.....แต่จะว่าไปฉันก็ผ่านที่แบบนั้น แล้วมีอยู่3ที่ด้วยนะ”

     

    “ทำได้ดีมาก...เอาล่ะ ฉันขอแบบแปลนโครงสร้างของธนาคารนี้หน่อย ฉันจะเริ่มบอกแผนการเลยนะ....”

     

    เมื่อรินมาถึงโรเซ่ก็ถามทันทีว่าเธอได้ผ่านสถานที่ที่ดูน่าสงสัยบ้างหรือเปล่า ซึ่งมีอยู่สามแห่งด้วยกัน เมื่อคิดได้ดังนั้น ก็ขอแปลนโครงสร้างของธนาคารมาเพื่อวางแผนสำหรับบุกเข้าไปทันที หากเดาจำนวนของตัวประกันข้างในนั้นแล้วจึงมีอยู่ประมาณ40คนได้ที่ถูกจับให้อยู่รวมกันที่โถงใหญ่

     

    โรเซ่จึงเริ่มบอกแผนการของตัวเองให้ฟัง ผู้ก่อการร้ายที่อยู่ข้างในธนาคารอาจจะแอบสร้างทางหลบหนีอยู่ตามแผนของตัวเอง ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะบังคับให้ตัวประกันมาสร้างทางหนีปลอมหลอกเอาไว้ด้วยเช่นกัน

     

    แผนบุกนี้เขาจะขอเป็นคนทำหน้าที่ออกคำสั่งเอง ส่วนรินนั้นจะมอบหน้าที่ให้ไปจับตัวหัวหน้าของผู้ก่อการร้ายที่กำลังควบคุมทุกอย่างอยู่ข้างนอก

     

    “นายมั่นใจได้ยังไงว่าหัวหน้าของพวกนั้นอยู่ข้างนอก?”

     

    “คนที่คอยสังเกตการณ์ข้างนอก เพื่อดูว่าอีกฝ่ายกำลังมีสีหน้าท่าทางอย่างไรไงล่ะ แล้วก็เป็นไปได้ว่าสถานที่วางแผนนั้นอาจจะอยู่ไกลไปอีกด้วย หากจะให้หากันทั้งโตเกียวพวกนั้นคงจะหนีกันไปแล้ว ดังนั้นถ้าลองเดิมพันว่าสถานที่วางแผนนั่น อยู่ในพื้นที่ที่คนเดินผ่านกันมาก จำหน้ากันไม่ได้สักครั้ง นั่นคงเป็นชินจุกุ”

     

    รินสงสัยว่าทำไมโรเซ่ถึงมั่นใจนัก เขาจึงตอบกลับไปว่านี่คือการคาดเดาของเขาที่เดิมพันว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน

     

    • ───────────────── •

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×