NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โชคชะตาลิขิตให้ฉันต้องล้างแค้น

    ลำดับตอนที่ #11 : บทที่1 ตอนที่11 โต๊ะอาหาร

    • อัปเดตล่าสุด 9 ต.ค. 65


    หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ รินยังคิดเรื่องน้ำเสียงอันเครียดแค้นของโรเซ่อยู่เลย ตั้งแต่ที่รู้จักกันมา2เดือนเธอเพิ่งจะเคยเห็นโรเซ่แสดงความโกรธด้วยน้ำเสียงเป็นครั้งแรก


    “ มิยาซากิ...ช่วงนี้เธอดูเหม่อๆนะ เป็นอะไรหรือเปล่า?”


    “อะ เอ่อ ฉันแค่กำลังคิดว่า เวลาผู้ชายโกรธเนี่ย ควรทำยังไงดีล่ะ?”


    “เอ๋? มิยาซากิ อย่าบอกนะว่าเธอมีแฟนแล้วน่ะ!?”


    “มะ ไม่ใช่นะ! ฉันแค่สงสัยเฉยๆน่ะ”


    เพื่อนร่วมห้องเห็นว่ารินมีท่าทีที่เหม่อลอยในช่วงนี้ จึงลองถามดู จนเผลอเข้าใจผิดว่ารินมีแฟนแล้ว เจ้าตัวเองก็เกิดหน้าแดงบอกปฏิเสธไป มีหรือว่าเพื่อนจะเชื่อคำปฏิเสธของเธอ


    “เข้าใจแล้วๆ ฉันจะไม่ถามละกันว่าเขาเป็นใคร...”


    “กะ ก็บอกว่าไม่ใช่ไงเล่า!”


    “การที่เธอเห็นเขาแสดงท่าทางโกรธเนี่ย เธอลองเอาใจเขาดูสิ อย่างการซื้อของกินที่ชอบให้ หรือสกินชิพไปเลย”


    สุดท้ายยังไงเพื่อนก็ไม่สนใจอยู่ดีแม้ว่ารินจะปฏิเสธไปแล้วก็ตาม แล้วยังให้คำแนะนำที่อาจเป็นประโยชน์กับรินมาด้วย ช่างเป็นเพื่อนที่ดีเสียจริง


    (ของที่หมอนั่นชอบเหรอ? ข้าวกล่องทุกครั้งที่เขาเตรียมมาเป็นอาหารไทยตลอดเลย...คงจะชอบอาหารไทยมากเลยสินะ?)


    (หืม? จะว่าไปแถวนี้ก็มีร้านอาหารไทยอยู่ใกล้ๆด้วยนี่นา แถมยังสั่งกลับบ้านได้ด้วยเหรอเนี่ย?)


    ขณะเดินตรงกลับบ้านรินก็ยังคิดเรื่องที่เพื่อนร่วมห้องให้คำแนะนำไป แม้ว่าเธอไม่จำเป็นต้องทำก็ได้แท้ๆ ระวห่างทางที่กำลังคิดอยู่ว่าโรเซ่นั้นชอบกินอะไรบ้าง จนรู้ว่าข้าวกล่องที่ทำมากินในตอนพักเที่ยงนั้น เป็นอาหารไทยทุกครั้งเลย 


    กระทั่งเธอหยุดเดินแล้วหันไปเห็นร้านอาหารไทย ซึ่งทางร้านนั้นมีบริการสั่งกลับบ้านได้ด้วย เธอไม่คิดอะไรก็ตรงเข้าไปในร้านทันที


    เวลาต่อมาทางด้านของโรเซ่ที่กำลังเรียงลำดับข้อมูลที่ได้รับอยู่ เขานำตัวหมากจำลองสีขาวและสีดำมาวางบนแผนที่โฮโลแกรม


    [นายท่านคะ ตอนนี้วัตถุดิบทำอาหารหมดแล้วค่ะ]


    “เข้าใจแล้ว เดี๋ยวเตรียมสั่ง--”


    ติ๊งต่อง!


    “หืม?....ใครมาน่ะ มิร่าช่วยไปดูให้หน่อย”


    “ค่าๆ.....หืม? หุๆๆๆ สเตลล่าวันนี้ยังไม่ต้องทำอาหารนะ เพราะว่ามีคนเอามาให้พวกเราแล้วล่ะ”


    ขณะที่สเตลล่าเดินมาหาโรเซ่เพื่อบอกเรื่องวัตถดิบในตู้เย็นหมดแล้วก็มีเสียงกดกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น โรเซ่จึงให้มิร่าเดินไปดูแทน


    มิร่าส่องผ่านตาแมวไปเห็นรินถือถุงกระดาษที่มีอาหารอยู่ข้างในนั้น ก็หัวเราะพลางหันกลับไปบอกให้สเตลล่าไม่ต้องทำอาหารในวันนี้ก่อนจะเปิดประตูต้อนรับให้รินเดินเข้าไปข้างในบ้าน


    “ขะ ขอรบกวนด้วยค่ะ”


    “มีธุระอะไร? เธอได้ข้อมูลมาเพิ่มเหรอ?”


    “ก็เปล่านี่ ฉันแค่ซื้อตอบแทนที่นายคอยสอนฉันตลอด2เดือนที่ผ่านมาเท่านั้นเอง”


    เมื่อรินเข้ามา โรเซ่ก็ถามเหตุผลของเธอทันที รินรู้สึกไม่พอใจที่จู่ๆก็มาถามทั้งที่ก็เห็นๆอยู่ว่าในมือของเธอนั้นถืออาหารที่ซื้อมาให้แล้วยังคิดจะถามเรื่องอื่นอีก


    “งั้นเหรอ?....ขอบคุณ...ขอโทษนะสเตลล่า วันนี้ไม่ต้องทำแล้วล่ะ”


    [รับทราบแล้วค่ะ ดิฉันจะไปเตรียมจานมาให้นะคะ]


    สเตลล่ารับคำสั่งแล้วเดินไปหยิบจานมาวางบนโต๊ะอาหารแล้วนำอาหารที่รินซื้อมาทำการจัดใส่จานให้ดูเหมือนตอนที่เพิ่งจัดใส่ถุง


    [ ทั้งสามท่าน มาทานข้าวกันก่อนแล้วค่อยคุยเรื่องงานกันต่อนะคะ ]


    “เข้าใจแล้ว....”


    สเตลล่าพูดเพียงไม่กี่คำ โรเซ่ก็ยอมวางมือแล้วเดินตรงไปนั่งเก้าอี้เตรียมจะกินข้าวแล้ว


    [เป็นครั้งแรกที่เราได้พบกันเลยนะคะ ดิฉันเป็นเอไอที่คอยดูแลบ้านนี้ ชื่อว่าสเตลล่าค่ะ ท่านคงจะเป็นท่านมิยาซากิ ริน ที่นายท่านมักพูดถึงบ่อยๆสินะคะ]


    “อะ ใช่ค่ะ มิยาซากิ ริน ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ จะว่าไปถ้าฉันจำไม่ผิด เอไอดูแลบ้านเนี่ย ราคาไม่ต่ำกว่า10ล้านดอลลาร์สหรัฐเลยไม่ใช่เหรอคะ?”


    พอพูดจบรินก็หันไปมองโรเซ่ตาโต พลางคิดว่า เขามีเงินมากมายขนาดไหนถึงซื้อเอไอดูแลบ้านที่สวยขนาดนี้ได้กันนะ


    [นายท่านตอนทำงานเป็นอย่างไรบ้างคะ?]


    “อ่า...เขาชอบทำหน้านิ่งตลอดเลยน่ะค่ะ หลายครั้งเลยฉันไม่รู้ว่าเขามีความรู้สึกยังไงบ้างในแต่ละสถานการณ์”


    [นายท่านคะ ฉันเคยบอกให้ท่านแสดงออกทางสีหน้าให้มากกว่านี้ไม่ใช่หรือคะ?]


    สเตลล่าถามรินเกี่ยวกับโรเซ่ว่าตอนอยู่ข้างนอกบ้านเป็นอย่างไรบ้าง ทำตัวอย่างไรบ้าง เหมือนกับแม่ที่ห่วงลูกไม่มีผิด


    “อาหารไทยเหรอ? เพราะอะไร?....”


    “รินจัง....”


    “ใช่แล้ว ฉันเห็นว่าข้าวกล่องของนายมักเป็นอาหารไทย ฉันเลยเดาว่านายน่าจะชอบอาหารไทยมากเลย”


    โรเซ่เห็นอาหารบนจานก็รู้ทันทีจึงถามเหตุผลที่รินเลือกอาหารไทยมา มิร่าเห็นดังนั้นจึงหันไปมองริน ขณะที่รินตอบกลับไปโดยไม่รู้เรื่องอะไรเลย กระทั่งเห็นสีหน้าอันโศกเศร้าที่แสดงออกมาของโรเซ่ รินก็นิ่งเงียบไปเลย


    “ฉันอิ่มแล้วล่ะ”


    โรเซ่รีบกินแล้วรีบลุกออกจากโต๊ะ เดินกลับไปที่แผนที่โฮโลแกรมอีกครั้ง


    ✣✤✣


    อีกด้านหนึ่ง ทางฝั่งของยูโตะกับยูมืที่เพิ่งจะเดินออกมาจากศูนย์บัญชาการ ขณะที่เดินออกจากประตูมาก็พบเข้ากับคัตสึรากิ ชินจิที่กำลังเดินตรงเข้าประตู


    “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ คัตสึรากิ”


    “อ้าวๆ คุณอาคุตสึกับคุณยูกินี่เอง ไม่ได้เจอกันนานนะครับ กลับมาจากสเปนเมื่อไหร่เหรอครับเนี่ย?”


    “ไม่นานมานี้เอง ทางนายล่ะ กลับมาจากเกียวโตตอนไหนเหรอ?”


    “ไม่นานมานี้เองเหมือนกันครับ งานที่นั่นทำเอาร่างกายผมเกือบจะพังเลยนะ ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”


    ยูโตะพูดคุยกับชินจิโดยไม่พูดเรื่องของชูที่ตายไปแล้ว ก่อนที่จะเดินจากกันไปคนละทาง


    “ยังคงโกหกเก่งเหมือนเคย แล้วนายแอบเอาเจ้านั่นติดไปแล้วใช่มั้ย?”


    “อ่า...ตอนนี้พวกเราแค่ต้องไปหาพี่ที่บ้านหน่อยแล้วล่ะ”


    เมื่ออยู่ห่างไกลจากศูนย์บัญชาการได้กิโลหนึ่งแล้วยูมิก็ถามยูโตะขึ้นมาทันทีถึงของบางสิ่งที่ยูโตะได้เตรียมมาเพื่อใช้กับชินจิ ทางยูโตะได้ตอบกลับไปก่อนจะพากันเดินตรงขึ้นรถโดยสารจนมาถึงบ้านของโรเซ่


    เวลาผ่านมาถึง4ชั่วโมงแล้วตั้งแต่ที่พวกยูโตะมารวมตัวที่บ้านของโรเซ่ เพื่อสืบหาร่องรอยของสุเมรากิ อิจิโร่ คนที่อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์ในอากิฮาบาระ


    “มาแล้ว!....”


    สิ้นสุดคำพูดของยูโตะ คริสตัลที่เขานำมาก็ฉายภาพขึ้นมา การทำงานของมันนั้นจะรับสัญญาณจากเศษคริสตัลที่แตกออกมาแล้วฉายภาพบริเวณรอบฟที่เศษคริสตัลนั้นอยู่ โดยเศษคริสตัลนั้นก็จะทำการส่งสัญญาณด้วยเงื่อนไขที่ถูกตั้งเอาไว้โดนเฉพาะ ทางยูโตะได้ตั้งเงื่อนไขให้มันส่งสัญญาณเมื่อชินจิมาเจอกับอิจิโร่


    「ว่าแต่ว่านะ เจ้าชูมันหายหัวไปไหนกัน? ไม่ได้ติดต่อกลับมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว」


    「ฉันว่าเราคงต้องวางแผนกันใหม่แล้วล่ะ จากสถานการณ์ในตอนนี้เป็นไปได้ว่าชูมันคงตายไปแล้ว」


    「ถ้าอย่างนั้นก็เป็นไปได้ที่ตัวตนของฉันกับนายก็จะต้องโดนเปิดเผยได้น่ะสิ!?」


    「เป็นไปไม่ได้หรอก เพราะฉันเขียนอักขระเวทย์บนตัวทุกคนไม่ให้ข้อมูลรั่วไหลเป็นอันขาด เพราะงั้นหายห่วงได้.....จริงด้วยสิ ในระหว่างที่ฉันกำลังวางแผนอยู่ เบื้องบนได้มอบงานต่อไปให้นายจะต้องไปทำมันอยู่ที่ชิบูย่าน่ะ ครั้งนี้ฉันต้องการให้ที่นั่นกลายเป็นนรกไปเลย」


    「......ได้เลยครับ หัวหน้า」


    เมื่อได้ยินดังนั้นโรเซ่ก็เปิดแผนที่โฮโลแกรมขึ้นมาแล้วเตรียมวางแผนรับมือต่อไปในทันที


    “จงแตกตัวออกแล้วตามติดสุเมรากิ อิจิโร่ซะ...”


    “เงื่อนไขคือ ส่งสัญญาณเมื่อเจ้านั่นกำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่”


    “คุณมิร่าคะ เวทย์นั่นมันอะไรกันคะ?”


    “นั่นเป็นเวทย์ของยูโตะคุงกับยูมิจังที่ใช้ร่วมกัน สร้างคริสตัลขึ้นมาจากการแปรสภาพลูกกระสุนแล้วก็ใช้เวทย์มิติของยูมิจังในการสร้างเงื่อนไขที่จะใช้ฉายภาพออกมาให้เห็นน่ะ”


    ยูโตะส่งคำสั่งทางไกลไปยังเศษคริสตัลที่เกาะอยู่กับชินจิให้แตะตัวออกมาครึ่งหนึ่งแล้วไปเกาะติดอิจิโร่ต่อ ยูมิจึงทำการมอบเงื่อนไขตาม รินที่สงสัยจึงได้ถามมิร่าผู้รอบรู้ดู มิร่าจึงได้อธิบายให้ฟังถึงการใช้เวทย์ผสานร่วมกันของพวกยูโตะ


    “ 「นรก」งั้นเหรอ? เวทย์ของสุเมรากิ อิจิโร่ คือเปลวไฟ ส่วนของคัตสึรากิ ชินจิคือเวทย์สายกับดัก ถ้าหากลองเดาการใช้งานของพวกมันแล้วละก็ ชินจิน่าจะใช้เวทย์กับดักในการกักขังคนในชิบูย่าไม่ให้หนีไปไหนได้ แต่ไอ้เจ้านั่นมันจะปรากฏตัวออกมาข้างนอกจริงๆน่ะเหรอ?”


    “โรเซ่ กล่องดำนั่นยังจำได้อยู่ไหม?”


    “““กล่องดำ?”””


    โรเซ่ลองสรุปสิ่งที่ได้ฟังมารวมเข้ากับข้อมูลที่มีอยู่แล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าสุเมรากิ อิจิโร่จะเผยตัวออกมาด้วยหรือเปล่ากระทั่งมิร่าพูดเรื่องกล่องดำขึ้นมา ริน ยูโตะ และยูมิก็สงสัยขึ้นมาทันทีว่ามันคืออะไร


    “จริงด้วยสิ ฉันลืมนึกไปเพราะตอนนั้นเข้าใจว่าต่อให้ทำลายไปเขตแดนก็ไม่หยุดทำงานอยู่ดี ถ้าอย่างนั้น มานาในตอนนั้นถูกสูบหายไปเพราะกล่องดำนั่นเป็นตัวเชื่อมต่อไปยังเจ้าของน่ะสิ”


    “โรเซ่ ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้อย่างหนึ่ง!”


    โรเซ่เริ่มจะรู้แล้วว่าจะเป็นอย่างไรต่อ กระทั่งมิร่านึกเรื่องบางอย่างได้


    “เรื่องอะไรล่ะ?”


    “พรุ่งนี้มีกำหนดการที่ท่านเอกอัคราชทูตจากเยอรมันจะมาท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นแล้วสถานที่แรกของท่านคือชิบูย่าน่ะสิ”


    “ว่าไงนะ!?”


    เมื่อมิร่าบอกว่า ในวันพรุ่งนี้ที่ชิบูย่าจะมีเอกอัครราชทูตมาเยือนที่ชิบูย่า พวกโรเซ่ต่างพากันอุทานขึ้นมาทันที หมายความว่าในตอนนี้ ชินจิก็กำลังเตรียมเขียนวงเวทย์อยู่ที่ชิบูย่าอยู่เป็นแน่ เมื่อคิดได้ดังนั้นยูมิก็ใช้เวทย์ของเธอเปิดประตูมิติขึ้นโดยปลายทางคือชิบูย่าแล้วรีบพากันเข้าไปข้างในประตูมิติทันที


    “มิร่า! ไอ้เวรนั่นมันอยู่ที่ไหน!?”


    “ตรงนั้น เร็วเข้า!”


    เมื่อมาถึงชิบูย่าอันเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากที่เดินสวนกัน ไม่อาจจะหาตัวของชินจิได้แน่ๆ จึงต้องขอให้มิร่าช่วยหาตัวให้ แต่นั้นไม่อาจจะทำได้เพราะจำนวนผู้คนที่มากมายขนาดนี้ ไม่มีทางที่จะจับตัวชินจิได้แน่นอน


    “ถึงจะไม่รู้ว่าเพราะมิร่าหรือเปล่า? แต่น่าเสียดายจังน้า~โรเซ่ และในวันพรุ่งนี้นายก็ไม่สามารถปกป้องท่านเอกอัครราชทูตได้หรอกนะ ”


    “หนอยแก ชินจิ!!”


    ชินจิหันหลังกลับไปมองโรเซ่พลางยิ้มแล้วพูดด้วยสีหน้าอันแสนได้ใจ โรเซ่ได้แต่ขบฟันแล้วตะโกนกลับไปด้วยความโกรธ และในคืนนั้นชินจิก็หนีไปได้อย่างง่ายดาย


    • ───────────────── •

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×