NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โชคชะตาลิขิตให้ฉันต้องล้างแค้น

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่1 ตอนที่1 คดีปล้นธนาคาร 1

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.ย. 65


    คุณคิดว่าเวทมนตร์นั้นมีอยู่จริงหรือไม่? คำตอบของคุณคงจะตอบในใจอยู่แล้วว่ามันเป็นไปได้แค่ในโลกจินตนาการ แล้วหากว่าทุกสิ่งในโลกจินตนาการนั่นเกิดมีจริงขึ้นมามันจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ

     

    ตั้งแต่เริ่มปีค.ศ.2095 สิ่งที่เรียกว่าเวทมนต์ได้ถูกยืนยันแล้วว่ามีอยู่จริง และได้ค้นพบจากตัวเด็กทารกที่เกิดตั้งแต่ช่วงปีนั้น ยุคสมัยแห่งวิทยาศาสตร์และเวทมนตร์จึงได้ถือกำเนิดขึ้นมา หลายคนต่างเริ่มใช้เวทมนตร์เพื่อความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน ไม่จำเป็นต้องพึ่งพลังงานไฟฟ้าอีกต่อไป พวกของใช้ต่างๆ ขอเพียงแค่ใช้สิ่งที่เรียกว่ามานาถ่ายโอนเข้าไปคุณก็สามารถใช้งานได้แล้ว

     

    ในเมื่อเวทมนต์มันวิเศษขนาดนี้ มีหรือที่จะไม่มีใครนำไปใช้ในทางที่ไม่ดี มีผู้ใช้เวทมนตร์เพื่อก่ออาชญากรรมมีให้เห็นไปทั่ว คนเหล่านี้ถูกเรียกว่า ‘แอนตี้’

     

    เมื่อมีพวกแอนตี้เป็นตัวร้ายแล้ว ก็ต้องมีฮีโร่ที่ตอนปราบปรามพวกนั้นด้วยเวทมนตร์เช่นกัน พวกเขาเหล่านี้ถูกเรียกว่า ‘ไวท์’ หน้าที่อาจเหมือนทหารกับตำรวจแต่เป็นองค์กรที่ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อปราบปรามเหล่าแอนตี้โดยเฉพาะ พวกเขามีสิทธิพิเศษคือเพียงแค่บัตรประจำตัวก็ถือเป็นหนังสือเดินทางข้ามประเทศได้แล้ว

     

    การที่เวทมนต์ถือกำเนิดขึ้นมาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ไปทั่วโลก เกิดเกมกีฬาใหม่อย่างการประลองด้วยเวทมนตร์ มีการคิดค้นอุปกรณ์เวทมนตร์หลายอย่างขึ้นมาเพื่อความสะดวกสบาย เกิดการตั้งกฏหมายสำหรับการใช้เวทมนต์ ผู้ที่มีอายุตั้งแต่7ปีขึ้นไปจะต้องไปทำใบอนุญาตสำหรับใช้เวทมนต์ ใครอื่นนอกจากไวท์แล้วห้ามใช้เวทมนตร์ในที่สาธารณะ ห้ามใช้ในพื้นที่ที่ไม่ได้รับอนุญาตเด็ดขาด และตอนนี้เวลาได้ผ่านไปจนถึงปี2295แล้ว

     

    ในคืนที่หิมะตกหนัก ณ โกดังแห่งหนึ่งมีชายสวมชุดเกราะกันกระสุนสีหน้าหวาดกลัวกำลังหนีใครบางคนอยู่ ทั่วร่างของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลถูกของมีคมฟันใส่ เลือดไหลออกมามากจนทิ้งร่องรอยให้ตามตัวเจอได้

     

    “แฮ่ก! แฮ่ก!.....อึก อั้ก!....เลิกตามมาสักทีสิวะ!!”

     

    “แกคิดว่าจะหนีไปไหนพ้น?....ถ้าแกรู้อยู่แก่ใจว่ามันผิดก็ควรยอมรับผลที่ตามมาสิ”

     

    ชายผมสีดำ ตาสีฟ้า หน้าสวยในชุดสูทสีดำ ถือคาตานะสีแดงลากปลายดาบลงพื้นกรีดหิมะจนเห็นรอยลากชัดเจน เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา ใบหน้าและแววตานิ่งสงบไม่สนใจอะไร

     

    “ฉะ ฉันขอล่ะ...ฉันยังมีครอบครัวต้องดูแลนะ”

     

    “แกมีของแบบนั้นด้วยเหรอ?.....”

     

    “ชะ ใช่แล้ว! นายจะไว้ชีวิตฉันใช่ไหม? ฉันสาบานเลย ต่อจากนี้จะไม่โผล่มาให้เห็นหน้าอีก ละ แล้วก็ฉันจะเลิกทำเรื่องพวกนี้ด้วย!...”

     

    เมื่อมาสุดที่ทางตัน ชายหน้าสวยยกดาบขึ้นจ่อไปที่คอแล้วเอ่ยถามขณะที่ใช้ปลายดาบตัดเสื้อเกราะออกจนเห็นรอยสักไม้กางเขนสีแดง ( † )ที่คอ

     

    “อั้ก!....ทะ ทำไม?.......”

     

    “ถ้าไม่นับรวมคดีนี้ รอยสักที่คอของแกก็เป็นหลักฐานได้แล้วว่าแกพรากชีวิตใครไปแล้วกี่คน แกไม่มีสิทธิ์ขอร้องฉันหรอกนะ ถ้าตอนนั้นพวกแกไม่ได้พรากเธอไปฉันอาจจะลองคิดใหม่ก็ได้”

     

    พริบตาที่เห็นรอยสักนั่นก็ไม่ลังเล สะบัดข้อมือตวัดคมดาบปาดคอจนเส้นหลอดลมขาดออกจากกันแล้วสิ้นใจตายไปในที่สุด

     

    “แหมๆ...ยังเยือกเย็นเหมือนเคยเลยนะ”

     

    “....ถึงศูนย์บัญชาการ นี่คือสายจากไวท์ระดับพิเศษ อาคุตสึ โรเซ่ ตอนนี้ภารกิจปราบปรามกลุ่มผู้ก่อการร้ายข้ามประเทศเสร็จเรียบร้อยแล้ว”

     

    “เดี๋ยวสิ! อย่ามาทำเป็นเมินกันนะ!”

     

    เมื่อจบงานแล้วจากคาตานะสีแดงในมือขวาก็เป็นรูปร่างเป็นหญิงสาวผมสีเงินดวงตาสีแดงเหมือนเลือดในชุดสูทสีดำกระโปรงสั้น เขาไม่ได้สนใจเธอแล้วสะบัดมือซ้ายขึ้นปรากฏออกมาเป็นจอภาพโฮโลแกรมก่อนจะเริ่มพูดสายถึงปลายทาง รวมถึงบอกชื่อตัวเอง เขาคือ อาคุตสึ โรเซ่หนึ่งในสมาชิกขององค์กรไวท์ ในคำพูดของเขาที่มีคำว่า ‘พิเศษ’ ตามหลังด้วยนั้น เพราะองค์กรจะมีการแบ่งแยกไวท์ออกเป็นสองระดับ

     

    1.คือไวท์ระดับทั่วไป ลักษณะภายนอกที่เห็นกันได้ชัดเจนคือชุดสูทสีขาวเนคไทแดง สามารถตัดสินพวกแอนตี้ได้ แต่จะไม่สามารถฆ่าได้ จึงดูคล้ายกับตำรวจ

     

    2.คือไวท์ระดับพิเศษ ลักษณะภายนอกที่เห็นกันได้ชัดเจนคือชุดสูทสีดำทั้งในและนอกเนคไทสีดำ สามารถตัดสินพวกแอนตี้ได้จนถึงขั้นสั่งประหารชีวิตที่ตรงนั้นได้เลย เปรียบดั่งศาลเตี้ยเลยก็ว่าได้ 

     

    “ได้รับรายงานแล้วเรียบร้อย ต่อไปคือข้อความจากหัวหน้าสาขาโตเกียว”

     

    “....รับทราบแล้ว”

     

    เมื่อได้อ่านข้อความแล้วโรเซ่ก็สะบัดมือซ้ายลงเพื่อปิดโฮโลแกรม ก่อนจะเดินออกจากที่เกิดเหตุทันที

     

    “ตอนนี้ ตี4 37นาที น่าจะทันอยู่....”

     

    “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

     

    มิร่าเอ่ยถามโรเซ่ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาถึงได้รีบออกจากที่เกิดเหตุเร็วขนาดนี้หลังจากอ่านข้อความ

     

    “คำสั่งเรียกตัวจากอาคาสะน่ะสิ เนื้อหาคือจะมีคนมาเป็นคู่หูของฉัน...มิร่า เธอเองก็กลับเข้ามาในนี้ได้แล้วฉันต้องรีบไปบอกให้หมอนั่นยกเลิก”

     

    “ค่าๆ เข้าใจแล้วค่า”

     

    โรเซ่ตอบไปขณะเดินอยู่ ก่อนจะยื่นมือซ้ายออกมา เมื่อมิร่าได้คำตอบแลิวก็เปลี่ยนรูปร่างตัวเองเป็นควันสีแดงลอยเข้าไปที่ฝ่ามือข้างซ้ายของที่มีสัญลักษณ์หน้ากากคาบุกิอยู่

     

    ( ปีกจงปรากฏ )

     

    สิ้นเสียงของโรเซ่ ปรากฏเปลวเพลิงสีขาวที่แผ่นหลังทั้งสองก่อนจะเปลี่ยนรูปร่างเป็นปีกสีขาวแล้วสยายปีกบินขึ้นสู่ท้องฟ้าทันที

     

    ในเวลาต่อมาที่โตเกียวโรเซ่ลอยลงมาถึงพื้นก็รีบวิ่งตรงไปยังศูนย์บัญชาการทันที ขณะนั้นเองไม่ทันรู้ตัวก็เผลอวิ่งชนเด็กสาวผมสีบลอนด์ทอง ดวงตาสีทองคนหนึ่งจนเธอเกือบล้ม

     

    “ขอโทษครับ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”

     

    “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่ได้ระวังเองค่ะ”

     

    โรเซ่รีบคว้ามือไปจับข้อมือของอีกฝ่ายแล้วดึงตัวกลับขึ้นมาได้ทัน

     

    “เอ่อ ดูจากการแต่งตัวแล้ว คุณก็เป็นไวท์เหมือนกันใช่ไหมคะ?”

     

    “ใช่ครับ...เวลาตอนนี้น่าจะทันอยู่ งั้นพวกเรารีบไปที่ศูนย์บัญชาการกันเลยไหมครับ?”

     

    เด็กสาวสังเกตการแต่งตัวของโรเซ่ก็รู่ว่าเป็นไวท์ และตัวเธอเองก็เช่นกัน

     

     เมื่อทั้งสองเดินกันมาจนถึงศูนย์บัญชาการ ขึ้นลิฟต์จนมาถึงห้องทำงานของหัวหน้าสาขา โรเซ่เริ่มจะเอะใจขึ้นมาก่อนจะเดินเข้าไปข้างในห้อง

     

    “อ้าว? บังเอิญจังเลยนะ ไม่นึกเลยว่าทั้งสองคนจะมาพร้อมกันขนาดนี้”

     

    เมื่อเข้าไปชายผมสีแดงมัดหางม้ายาวลงมาจนถึงแผ่นหลัง เขานั้นคืออาคาสะที่โรเซ่เคยพูดถึงไว้ อาคาสะแสดงสีหน้าแปลกใจมากที่เห็นโรเซ่กับเด็กสาวคนนี้เดินเข้ามาด้วยกัน

     

    “นายหมายความว่าไงอาคาสะ?”

     

    “ไม่คิดจะให้ความเคารพกันสักครั้งเลยนะ...เธอที่ยืนข้างๆนาย ชื่อว่ามิยาซากิ ริน จะมาเป็นคู่หูของนายตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”

     

    “ขอปฏิเสธ” “ขอปฏิเสธค่ะ”

     

    เมื่อโรเซ่รู้ว่ารินที่อยู่ข้างๆนั้นจะมาเป็นคู่หู ทั้งเขาทั้งเธอต่างรีบออกตัวพูดปฏิเสธคำพูดของอาคาสะทันที

     

    “เมื่อกี้ก็ยังพูดพร้อมกันอีก ยังไงก็คงจะเข้าขากันในตอนทำภารกิจแน่นอน คงไม่ต้องห่วงเรื่องนี้แล้วล่ะ ไม่เห็นจะต้องปฏิเสธเลยนี่นา”

     

    “แต่ท่านคะ! ชายคนนี้คืออาคุตสึ โรเซ่ที่ฉันจะมาเป็นคู่หูด้วยถูกไหมคะ? วันนี้ฉันกะจะมาเพื่อปฏิเสธคำสั่งนี้ของท่านนะคะ!”

     

    “แล้วเขามีอะไรให้เธอต้องปฏิเสธล่ะ? เขาออกจะหน้าตาดีขนาดนี้ สาวๆในสาขาก็ต่างอยากเป็นคู่หูกับเขาทั้งนั้น หรือว่าเพราะเขาหน้าสวยเลยอิจฉาขึ้นมา?”

     

    อาคาสะถามเหตุผลที่รินปฏิเสธคำสั่งการเป็นคู่หูกับโรเซ่เพราะเห็นว่าเธอคัดค้านสุดเสียง

     

    “เขาคนนี้เต็มไปด้วยข่าวลือเรื่องผู้หญิงไงคะ คบผู้หญิงไปหลายคนพร้อมกัน สับรางเก่งเป็นว่าเล่น ถ้าฉันเป็นคู่หูด้วย มีหวังฉันคงจะโดนเขาหลอกสับรางแล้วล่ะค่ะ!”

     

    “พรู้ด!! ฉันไท่ต้องถามเหตุผลของนาย ฉันก็รู้อยู่แล้วว่ามันเป็นเรื่องนั้นซ้ำๆเดิมๆถูกไหม?”

     

    “อ่า ถ้าเข้าใจแล้วก็ดี ดังนั้นรีบยกเลิกคำสั่งนี้ได้แล้ว”

     

    รินบอกเหตุผลที่เธอไม่อยากเป็นคู่หูกับโรเซ่ให้ฟังจนอาคาสะเผลอหลุดขำออกมา อาคาสะไม่จำเป็นต้องถามเหตุผลจากโรเซ่ก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นเรื่องเดิมๆ

     

    “โรเซ่ ฉันคงจะยกเลิกให้นายไม่ได้หรอกนะ ฉันเคยยอมยกเลิกให้นายไปหลายครั้งแล้ว ตอนนี้มันหมดโควต้าดื้อของนายแล้วล่ะ...แล้วก็คุณมิยาซากิ คุณนั้นยังอยู่ในช่วงทดสอบการเป็นไวท์ระดับพิเศษอยู่นะ คุณไม่สามารถเอาแต่ใจได้นะ ถึงแม้ว่าคุณจะมีคะแนนสอบไวท์ระดับพิเศษจากอังกฤษมาสูงมากก็ตาม”

     

    อาคาสะกลับมาในมาดนิ่งแล้วพูดกับโรเซ่และรินอย่างมีเหตุผล

     

    “เอาล่ะ ในเมื่อเข้าใจกันแล้ว ฉันขอมอบภารกิจนี้ถือเป็นงานแรกของทั้งคู่ที่ต้องร่วมงานกันสืบเรื่องนี้เลยละกันนะ”

     

    อยู่ในมาดนิ่งได้ไม่นานอาคาสะก็กลับมาเป็นคนกวนประสาทอีกรอบก่อนจะมอบภารกิจให้ทั้งสองไปสืบสวนด้วยกัน นั่นคือคดีปล้นธนาคารที่กำลังเกิดขึ้นอยู่

     

    • ───────────────── •

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×