รักมิอาจหวนคืน [รักเกิดศัตรู] - รักมิอาจหวนคืน [รักเกิดศัตรู] นิยาย รักมิอาจหวนคืน [รักเกิดศัตรู] : Dek-D.com - Writer

    รักมิอาจหวนคืน [รักเกิดศัตรู]

    "พวกเจ้าต้องบำเพ็ญเพียรบารมีในระยะเวลา 1 กัลป์ หรือ 14,000,000 ปีสวรรค์ หรือ 39,000 ปีมนุษย์ จึงจะได้กลับไปเกิดในร่างมนุษย์ตามที่พวกเจ้าต้องการ"

    ผู้เข้าชมรวม

    136

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    136

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    2
    หมวด :  แฟนตาซี
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  28 ก.พ. 66 / 17:24 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    ครั้งหนึ่งอนันตเศษเคยโผล่เศียรไปยังบนสวรรค์และได้กล่าวกับเหล่าเทวดาว่า "ในสามโลกนี้มีแต่ตรีมูรติเท่านั้นที่มีอำนาจเหนือตน หากใครมิเชื่อแล้วก็จงมาประลองกำลังกันเถิด" เหล่าเทวดากลัวโดนจน หัวหด เเม้เเต่พระอินทร์ยังขยาดมิกล้าสู้หน้าหรือรับคำท้าพญาอนันตนาคราชได้ มีแต่พระพายที่กล้าพอเพราะมีทิฏฐิมานะคิดว่าอย่างไรเสีย "เจ้าก็เป็นเพียงแค่สัตว์เดรัจฉานตนหนึ่งเท่านั้น คิดจะมาท้าตีท้าต่อยกับเทวดานับว่าโอหังนัก คงลืมนึกถึงการกำเนิดที่เเท้จริงของเจ้าไป" เเม้เเต่พระอินทร์ซึ่งเป็นเทพที่จัดเป็นหัวหน้า พระพายยังมิอยากจะต่อกรด้วย พระพายรับคำท้าอนันตเศษ แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้และถูกพญาอนันตเศษกลืนเข้าไปทั้งตัว แต่ทว่าการที่โลกนี้ไม่มีพระพาย สัตว์ทั้งหลายก็หายใจไม่ออก เดือดร้อนถึงอามุน (พระวิษณุ) จึงขอให้อนันตเศษคายพระพายออกมา ต่อจากนั้นพระพายและอนันตเศษจึงกลายเป็นศัตรูกันแต่นั้นเป็นต้นมา

    แสนล้านปีถัดมา ในเพลานั้นท้องนภามืดมน หมองมัวไร้แสงดวงดารา มิอาจเห็นฝูงสัตว์มากมายได้ เพราะที่นี่คือ "เมืองบาดาล" ที่มีเพียงพญานาค 2 องค์อาศัยอยู่ โดยทั้งคู่เป็นพระภัสดาและพระมเหสีผู้ยิ่งใหญ่ มีนามว่า "พญาอนันตนาคราช" หรือ "อนันตเศษ" และ "พระนางอุษาอนันตวดีเทวี" หรือ "อุษามณี" ทั้งสองเป็นคู่ครองกันมาราวๆ 4,000 ปี แต่ยังไม่มีพระธิดาหรือพระโอรส พระนางอุษามณีจึงได้ไปขอพรกับพระศิวะให้พระนางตั้งครรภ์ หลายวันต่อมา นางได้ทรงพระสุบินว่ามีแก้วมณีที่มีสีเปรียบเสมือนดั่งไข่มุก 3 ดวงที่มีแสงแวววาวลอยขึ้นมาจากบ่อน้ำวิเศษณ์ ค่อยๆ คืบคลานตรงมาหานาง ทันใดนั้นนางรู้สึกถึงอะไรบางอย่างภายในพระอุทร นางจึงรีบปลุกพระสวามีทันทีทันใด

     

    "ท่านพี่ๆ!! ตื่นบรรทมก่อนเพคะ!" นางเขย่าตัวผู้เป็นพระสวามี

    "บังเกิดสิ่งใดขึ้นรึ!! เหตุใดจึงปลุกเรากลางดึกเช่นนี้!"

    "น้องรู้สึกว่าลูกมาเกิดกับเราแล้วเพคะ" พวกท่านทรงโสมนัสเป็นอย่างมากและรอคอยวันที่จะได้กำเนิดบุตรของตน

     

    1000 ปีถัดมานางได้กำเนิดธิดานาค และได้ตั้งชื่อว่า "พญาศรีภุชงค์มุกดานาคราช" ลำตัวสีขาวหมอก สง่างาม โดดเด่น ดูอบอุ่น มีอุปนิสัย ตรงไปตรงมา ดูภายนอกมองว่าดุร้าย แท้จริงแล้วใจดี เธอมีอีกชื่อคือ "มุกมณี" ธิดานาคผู้โด่งดัง อาจเป็นเพราะเมื่อเธออายุครบ 380,000 ปี หรือ 20 ปีมนุษย์ เธอได้ศึกษาเวทย์มนตร์ ไสยศาสตร์ทั้งขาวและดำเพียงตัวคนเดียว ด้วยความที่เธอมีความเชื่อในเรื่องนี้ เธอจึงตัดสินใจขอท่านพ่อไปเรียนรู้ด้วยตนเอง ณ ถ้ำแห่งหนึ่งบริเวณแถวๆ ป่าหิมพานต์ เธอจึงได้พบกับ "พญาเวนไตย" หรือ "รามิล" พญาครุฑหนุ่มรูปงามราวกับเทพบุตร เมื่อทั้งสองพบกันจึงได้พูดคุยกัน

    "นี่เจ้าเป็นผู้ใดฤา เหตุใดข้ามิเคยพบเจ้าเลย"

    "ข้านี่หรือ.....เหตุใดข้าต้องบอกเจ้าด้วยล่ะ"

    "ข้าอยากทราบมิได้ฤา ในเมื่อเจ้าเข้ามาในดินแดนของข้า"

    "ดินแดนของเจ้า!! เหตุใดเจ้าจึงกล่าววาจาเช่นนี้!" มุกมณีตะคอกใส่หน้ารามิลด้วยเสียงที่แข็งกร้าว

    รามิลหวาดผวากับสิ่งที่มุกเป็นในตอนนี้มากเพราะดวงตาของเธอกลายเป็นสีแดงราวกับไฟโลกันตร์ ที่พร้อมจะแผดเผาได้ทุกเมื่อ ร่างกายของเธอกลายเป็นพญานาคโดยสมบูรณ์

    "นี่ท่าน! เป็นพญานาครึ!!" รามิลตกใจมากเพราะตั้งแต่ที่เขาเกิดมาก็มิเคยเห็นพญานาคตัวเป็นๆ เลย สักครั้ง แต่นางวินตาแม่ของเขาเคยเล่าถึงพญานาค ในความงามของพวกเขาอาจซ่อนความน่ากลัวไว้อยู่และ ถ้าได้พบอย่าทำให้เขาโกรธเป็นอันขาดมิฉะนั้นจะเจอภัยอันตรายถึงชีวิต แม้ว่าเจ้าตัวจะได้ดื่มน้ำอมฤตและ ไม่มีวันตายแล้วก็ตาม จะทำให้ร่างกายอ่อนแอและสาหัสเป็นอย่างมาก

    "เอ่อ..ถ..ถะ..ท่าน...ข้ามิทราบมาก่อนว่าท่านเป็นนาคข้าขอโทษ อภัยให้ข้าด้วยเถิด" เขาพูดด้วยความกล้าๆ กลัวๆ เพราะเห็นเธอกำลังเลื้อยตรงมาหาเขา

    "แต่ที่ข้าบอกท่านว่าป่าหิมพานต์แห่งนี้เป็นดินแดนของข้าก็เพราะที่นี่มีแต่เหล่าครุฑทั้งนั้น หรือถ้ามีนาคอยู่ข้าก็จะรู้ เพราะข้ามีหน้าที่ดูแลป่าแห่งนี้ยังไงล่ะ" มุกได้ฟังที่เขาพูดและคิดว่าตนคงทำเกินไปจริงๆ เธอจึงกลายร่างกลับไปเป็นสาวงามเหมือนเดิม

    "เราขอโทษ เราคงโมโหจนเกินไป" ในตอนแรกเขาและเธอก็ไม่ค่อยชอบขี้หน้ากันสักเท่าไหร่ แต่เหมือนว่าโชคชะตาฟ้าลิขิตทำให้ "เขา" และ "เธอ" ได้มาพบกันและรักกันในที่สุด และจาก "คู่กัด" กลายเป็น "คู่รัก" กันโดยสมบูรณ์

     

    ณ ป่าหิมพานต์

    "นี่พวกเจ้ารักกันงั้นรึ?" อนันตเศษได้ย่างก้าวเข้ามาหาทั้งคู่ในถ้ำ

    "ท่านพ่อมาได้อย่างไรเพคะ! แล้วท่านพ่อรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?" ผู้เป็นลูกถามท่านพ่ออย่างรุกรี้รุกรน

    "พ่อจะรู้ได้อย่างไรมันมิสำคัญเท่าที่พวกเจ้าทำผิดกฎของตระกูล พ่อขอสั่งให้ลูกเลิกกับพญาครุฑตนนั้นซะ!!"

    "แต่เรารักกันนะเพคะ! ลูกฟังท่านพ่อมาตลอดทุกเรื่อง แต่เรื่องความรักลูกขอตัดสินใจเองได้ไหม เพคะ" มุกมณีอ้อนวอนพ่อของเธออย่างขาดใจ

    "มิได้ก็คือมิได้!! และเจ้าอย่ามายุ่งกับลูกสาวของเราอีก มิฉะนั้นอย่าหาว่าเรามิเตือน!! จำไว้!! เจียมตัวบ้างเถอะ เจ้าเป็นใคร!! ลูกสาวข้าเป็นใคร!! ไม่ตักน้ำใส่กะโหลก ชะโงกดูเงาเอาซะเลย! ไปมุก กลับเมืองบาดาลของเราเดี๋ยวนี้!!" อนันตเศษดึงข้อมือลูกสาวเพื่อให้กลับบ้าน

    "ไม่เพคะ!! ลูกฟังท่านพ่อมาโดยตลอด ทำไมเรื่องแค่นี้ต้องบังคับลูกด้วยเพคะ ลูกขออิสรภาพบ้างเถิด" มุกสะบัดข้อมือของตนออกจากท่านพ่ออย่างแรง แต่อย่างไรเธอก็ต้องกลับไปอยู่ดี จึงจำใจที่จะต้องจากลา คนรักของเธอ

     

    ณ เมืองบาดาล

    "ลูกห้ามออกจากที่นี่เป็นอันขาด!! ลูกคงออกไปมิได้หรอกเพราะพ่อได้ร่ายคาถาปิดประตูเอาไว้แล้ว"

    "ท่านพี่!! นี่มันจะเกินไปแล้วนะเพคะ!! ท่านพี่จำได้มั้ยเพคะ ว่าก่อนที่เราจะได้ครองรักกัน เราก็โดนสั่งกีดกันแบบนี้นะเพคะ" ระหว่างที่พ่อแม่ของเธอได้พูดคุยกัน

     

    3 วันก่อนหน้า

    "เจ้าเข้ามาที่นี่มีเหตุใด?"

    "ถึงแม้ข้าจะจงเกลียดจงชังท่านเพียงใดข้าก็มิอยากให้ทั้งจักรวาลล่มสลาย" มารุตศัตรูของอนันตเศษ ได้กล่าวไว้

    "เกิดอะไรขึ้น?"

    "ท่านปล่อยลูกสาวของท่านเข้าไปในป่าหิมพานต์ ท่านไม่คิดเลยรึว่านานป่านนี้ เหตุใดลูกสาวของท่านจึงยังมิหวนกลับเมือง"

    "ก็ลูกเราไปฝึกไสยเวทย์ที่ถ้ำ ก็ไม่เห็นแปลกที่จะใช้เวลาศึกษานาน"

    "ท่านนี่โง่จริงๆ เลยนะฮ่าๆ" มารุตขำอย่างรู้สึกสมเพช

    "นี่เจ้า!!! บังอาจนัก!! กล้ากล่าววาจากับเราเช่นนี้ อยากตายนักรึไงฮะ!!"

    "จุ๊ๆๆ นี่ท่านมิอยากรู้จริงๆ หรือว่าเหตุใดลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของท่านจึงยังมิกลับมา"

    "ลูกสาวท่านก็แค่....."

    "แค่อะไรล่ะ พูดมาเร็วๆ สิ!"

    "ใจร้อนจังนะท่าน แค่ลูกท่านมีคนรักเอง แต่มิใช่ตระกูลจำพวกนาค แต่เป็นเหล่าครุฑยังไงล่ะ"

    ณ เขตที่มุกมณีโดนกักบริเวณ

    "ท่านพ่อคงลืมไปแล้วสินะ ว่าเรามีเวทย์คาถาขั้นสูงสุดเหมือนกัน" เธอใช้เวลาไม่นานเธอก็สามารถรู้ว่า คาถาที่ท่านพ่อได้ร่ายกำบังเอาไว้มีชื่อว่าอะไร และร่ายคาถานำคาถานี้ออกไปได้ และในที่สุดเธอก็สามารถออกมาจากถ้ำบาดาลได้สำเร็จ

     

    ณ ป่าหิมพานต์

    "รามิล เจ้าอยู่ไหน ออกมาหาข้า......หน่อยสิ" มุกมณีพูดเสียงแผ่วบางลง เพราะเธอเห็นรามิลกำลังคุยกับแม่ของเขาอยู่ เธอจึงรีบเข้าไปหลบในถ้ำที่เธอเคยอาศัยอยู่

    "ท่านแม่!! แต่ข้ารักนางจริงๆ นะพะย่ะค่ะ ข้าขาดนางไม่ได้! ทำไมทุกคนต้องกีดกันความรักของข้ากับนางด้วย ข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ" รามิลพูดด้วยน้ำเสียงที่คร่ำครวญ"

    "ลูกรู้ไหมว่า กฎของนาคและครุฑ ห้ามรักกันข้ามตระกูล มันจะส่งผลให้เกิดความฉิบหาย ดินแดนสวรรค์ นรก มนุษย์ นาคพิภพ และป่าหิมพานร์แห่งนี้จะมีไฟลุกวอดวายเป็นกัลป์ ถ้าลูกรักนางจริงๆ ก็ควรอยู่ห่างๆ นาง ถ้าไม่อยากให้นางและเหล่าเทพ เหล่ามนุษย์ และสิ่งมีชีวิตทั้งหลายเดือดร้อน" นางวินตาได้กล่าวกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของนางถึงภัยอันตรายถ้ารักกับนางนาคตนนั้น พอผู้เป็นแม่พูดจบนางก็ได้เดินจากไป

    "ข้าเข้าใจแล้วท่านแม่ ข้าจะลืมนางให้ได้!!" พอเขาพูดจบนางก็ได้พูดแทรกขึ้นมาทันที เพราะนางได้ยินทุกสิ่งทุกอย่างที่รามิลคุยกับแม่เขา ถึงแม้ว่าเสียงจะเบาบางแทบไม่ได้ยิน แต่เธอได้ยินเพราะหูของเธอมี ความพิเศษกว่านาคตนอื่น เนื่องจากเธอเป็นนาคที่มีบุญวาสนามีบารมีมาก เพราะเกิดจากพรของพระศิวะ และเธอมีความสามารถพิเศษถึง 5 อย่าง คือ สามารถสื่อสารกับจิตวิญญาณโดยการเจริญสมาธิถอดจิตได้อย่างรวดเร็วเพียงแค่หลับตา ได้ยินเสียงวิญญาณต่างๆ หรือเสียงที่คนปกติไม่สามารถได้ยิน และมีความสามารถด้าน ญานสัมผัส โดยจมูกของเธอมีประสาทสัมผัสพิเศษ สามารถได้กลิ่นของของเทพเทวดา หรือแม้กระทั่งภูติผีปีศาจ และหากสัมผัสคนหรือสิ่งของใดๆ จะเห็นอดีตที่เกี่ยวพันกับสิ่งนั้นๆ ได้ และสุดท้ายเธอยังมองเห็นดวงวิญญาณต่างๆ หรือเทพเทวดาได้อีกด้วย

    "มิได้ เจ้าห้ามลืมข้าเด็ดขาด!! ในเมื่อเรารักกัน ทำไมเราจะอยู่ด้วยกันมิได้ล่ะ?" มุกมณีโผเข้ากอด รามิลอย่างแน่นเหนียว

    "ข้ามิอยากให้เจ้าและสรรพสิ่งตกอยู่ในอันตราย"

    "ข้าเข้าใจแล้ว งั้นข้าขอถามอะไรเจ้าหน่อยได้ไหม"

    "ได้สิ มีอะไรรึ?"

    "ถ้าสมมติว่าข้าตาย เจ้าจะพร้อมไปกับข้าไหม"

    "ทำไมเจ้าถึงถามข้าเช่นนั้นล่ะ"

    "ข้าแค่คิดว่าถ้าพวกเราตาย มันคงจะดี เราคงได้รักกันอย่างแน่แท้"

    "ข้ารักเจ้า ข้ายอมพลีชีพถ้ามันจะทำให้ความรักของเราสมหวัง"

     

    ณ เมืองบาดาล

    "เราเข้าใจแล้ว เราจะยอมให้ตานั่นคบหากับลูกเราก็ได้"

    "มุกลูก ออกมาได้แล้วลูกๆ พ่อจะยอมให้ลูกคบกับรามิลก็ได้" ทั้งท่านพ่อและท่านแม่ได้เรียกลูกของตนครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ จึงได้เดินมาดู แต่สิ่งที่พบคือความว่างเปล่าลูกสาวของตนได้หนีออกไปแล้ว เขาจึงนึกได้ว่ามุกคงจะไปหารามิลเป็นแน่แท้จึงเดินทางไปที่ป่าหิมพานต์ แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่พบ แต่แล้วอุษามณีและอนันตเศษก็ได้พบกับนางวินตาแม่ของพญาเวนไตย เธอมาตามหาลูกชายของเธอเช่นกัน แต่ก็มิมีใครพบเลย อนันตเศษผู้เป็นพ่อจึงใช้เวทย์มนตร์ถอดจิตไปค้นหาลูกสาว แต่แล้วก็ได้พบกับลูกสาวแต่พบในร่างที่ไร้วิญญาณไปแล้ว พอทราบเช่นนั้นเขาจึงพิโรธหนัก และได้ยื่นคำขาดว่าจะเป็นศัตรูกับเหล่าครุฑแบบ มิมีวันหวนคืน มิตรภาพที่เคยมีกันมาขอให้จบสิ้นและจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป

     

    "พวกท่านตามข้ามา มีคนต้องการพบพวกท่าน"

    "ใครรึ?"

    "เดี๋ยวไปถึงพวกท่านก็จะรู้เอง"

     

    ณ เขาไกรลาส แดนดินที่ปุถุชนคนธรรมดามิอาจเข้ามาได้ ต้องได้รับคำอนุญาตจากพระศิวะก่อนเท่านั้น

    "เหตุใดพวกเจ้าจึงต้องปลิดชีพตามกันมาด้วยล่ะ?"

    "พวกเรารักกันแต่กฎของตระกูลพวกเราทั้งสองห้ามรักกันข้ามตระกูลเพคะ"

    "ความจริงเรารู้ เราเห็นทุกอย่างเพียงแค่ต้องการทราบเรื่องราวก็เท่านั้น แต่เราช่วยพวกเจ้ามิได้ ในตอนนั้น"

    "แต่ในเมื่อพวกเจ้าเข้ามาในดินแดนของเราแล้ว เรามีวิธีที่จะช่วยให้เจ้าได้สิ่งที่ต้องการ"

    "ท่านรู้หรือเพคะ/พะย่ะค่ะ" ทั้งคู่ตอบพร้อมกัน

    "รู้สิ ในเมื่อพวกเจ้ารักกันก็ย่อมต้องการครองรักกัน วิธีนี้คือวิธีเดียวที่จะทำให้ท่านได้พบกันอีกครั้ง"

    "พวกเจ้าต้องบำเพ็ญเพียรบารมีในระยะเวลา 1 กัลป์ หรือ 14,000,000 ปีสวรรค์ หรือ 39,000 ปีมนุษย์" พระศิวะได้กล่าวไว้ถ้าทั้งสองอยากจะกลับไปเกิดใหม่แต่เกิดในร่างมนุษย์และได้ครองรักกันหรือไม่ ให้เป็นเรื่องของโชคชะตา แต่การไปเกิดใหม่ในร่างมนุษย์มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกันด้วย

    "ข้อแลกเปลี่ยนรึ ท่านต้องการสิ่งใด พวกเราทำได้หมดเลยพะย่ะค่ะ"

    "พวกเจ้าจะต้องสูญเสียความเป็นนิรันดร์และกลายเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์"

    "พวกเจ้ายอมแลกมั้ยล่ะ"

    "คือว่าข้า...เอ่ออออ..."

    "ถ้าไม่ได้ก็จบเลยละกัน เราไม่ชอบรออะไรนานๆ"

    "ก็ได้ๆๆ พวกเราตกลง ขอแค่ให้ข้ากับนางได้รักกันก็พอ" ถึงอย่างไรก็ตามพระศิวะไม่ได้บอกอีกสิ่งหนึ่งกับรามิลว่ามุกมณีจะจำอดีตมิได้อีกเลย เว้นแต่รามิลจะสามารถกู้ความทรงจำของมุกกลับคืนมาได้ แต่มันเป็นเพียงแค่ปาฏิหาริย์เท่านั้นและเป็นอีกหนึ่งบททดสอบที่จะแสดงถึงความรักที่มุกมณีมีต่อรามิลว่า จะมีมากจนทำให้เธอจำเขาได้หรือไม่

     

    "ขอให้พวกเจ้าโชคดีนะ เราช่วยพวกเจ้าได้เพียงเท่านี้"

     

    39,000 ปีผ่านไป ณ โลกมนุษย์ คืนนี้เป็นค่ำคืนที่มีแสงระยิบระยับดวงดาวแพรวพราวสว่างไสวที่สุด เป็นปรากฎการณ์ที่ยิ่งใหญ่เพราะทั้งพญานาคและพญาครุฑได้ลงมาจุติยังโลกมนุษย์ตามที่พระศิวะได้เคยกล่าวไว้ เด็กผู้หญิงที่ลงมาเกิดมีบุญบารมีมาก เป็นเด็กที่ฉลาด เรียนรู้ไว รูปร่างหน้าตาสวยสดงดงามมากกว่าใครๆ เธอมีชื่อว่า ปิ่นเพชร แก้วมณี อุรคานาเคนทร์ หรือในอดีตเธอคือ พญาศรีภุชงค์มุกดานาคราช หรือ มุกมณี ตอนนี้เธออายุราวๆ 20 ปี เป็นนักศึกษาปี 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์ แต่ด้วยความที่เธอไม่ชอบเธอเลย มีทางเลือก คือ วิชาโหราศาสตร์ ที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เธอเป็นคนเดียวที่สอบผ่านจากทั้งหมด 7000 คน เพราะในอดีตเธอมีวิชาคาถาอาคมอยู่แล้ว แต่ในความเป็นจริงพญานาคที่จะเรียนรู้และเข้าใจในศาสตร์ของตัวเลขและศาสตร์อื่นๆ มีน้อยมาก แต่เธอสามารถทำได้ตัวเธอนั้นผ่าน การคัดเลือกมาอย่างสุดความสามารถ จนตอนนี้ก็ประสบความสำเร็จ

    เธอตอบได้คะแนนเต็มทุกคำถาม เธอมีพรสวรรค์อย่างหนึ่งที่คนส่วนน้อยจะทำได้คือ ดูดวงเพราะเธอรู้จักทุกศาสตร์ของวิชาโหราศาสตร์ ส่วนเด็กผู้ชายที่ลงมาเกิด เป็นเด็กที่มีแรงเยอะ พลังเหลือล้น ชอบเล่นดนตรีไทยมาก เล่นได้ทุกอย่าง ทุกภาค เช่น ซออู้ ขิม จะเข้ ฆ้อง ปี่ แต่สิ่งที่เขาชอบที่สุด คือ แคน ระนาด และ พิณ เขามีชื่อว่า เมฆ วาริท วิษณุรถ หรือในอดีตเขาคือ พญาเวนไตย หรือ รามิล ตอนนี้เขาอายุประมาณ 20 ปี เป็นนักศึกษาปี 1 คณะนิติศาสตร์ สาขากฎหมายมหาชน ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เขาสอบผ่านเพราะ ในอดีตเขาเป็นพญาครุฑที่รักในความยุติธรรมมากๆ เขาได้ศึกษากฎหมายอย่างถ่องแท้ และที่สำคัญเขาเกลียดการเอารัดเอาเปรียบเป็นที่สุด แต่การที่พวกท่านลงมาเกิดก็ต้องแลกกับดวงใจของพวกเขาที่เก็บไว้บนเส้นสายรุ้งในป่าหิมพานต์อันไกลโพ้น นำกลับมายังสังขารของตน และต้องสูญเสียความเป็นนิรันดร์และกลายเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ ด้วยความรักของพวกเขาทำให้เขายอมสละดวงใจอันมีค่าเพื่อให้ได้รักกับมุกมณีคนรัก ของเขา แต่พระศิวะได้ลบความทรงจำของมุกเพื่อจะทดสอบความรักที่เธอมีต่อรามิลว่าเธอจะสามารถจำคนรัก ในอดีตชาติของเธอได้หรือไม่

    แต่การที่เขาและเธอไม่ได้อยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน มันยิ่งทำให้พวกเขาเจอกันบ่อยขึ้น เพราะทั้งคู่ต้องไปทำการแข่งขันวิชาโหราศาสตร์และกฎหมายระดับประเทศด้วยกันบ่อยๆ และเมื่อเมฆได้พบกับปิ่นเขาก็รีบดิ่งตรงมาหาเธอโดยทันที

    "มุก คุณจริงๆ ด้วย คุณรู้มั้ยว่าผมตามหาคุณมานานแค่ไหน"

    "นี่คุณเป็นใครอะ เราไม่เคยรู้จักกันเลยนะ"

    "ไม่รู้จักหรอ!! นี่คุณมุกเราเคยรักกันมากแค่ไหน คุณจำผมไม่ได้จริงๆ หรอ? ก็รามิล คนรักของคุณไง!"

    "ชั้นจำไม่ได้!! แล้วก็อย่ามายุ่งกับชั้นอีก!! ชั้นไม่เคยรู้จักคุณ!!" เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่มีแต่ความโมโห

    "คุณพูดแรงเกินไปรึเปล่า ผมแค่ถามว่าจำผมไม่ได้หรือก็แค่นั้นไม่เห็นจะต้องตะคอกกันเลย" เมฆพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนคนกำลังสะอื้นร่ำไห้

    "เอ่อออ....คือว่าาาา.....ชั้นโทษขอนะ!! เอ้ย!! ขอโทษ! ชั้นขอโทษนะ!!"

    "ไม่เป็นไรหรอก ผมเข้าใจ แต่ผมจะกู้ความทรงจำของคุณกลับคืนมาให้ได้!!"

    "ว่าแต่นายชื่อไรอะ? แต่ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้ชั้นไม่อยากรู้แล้ว"

    "คุณไม่อยากรู้ชื่อผมหน่อยหรอ ผมชื่อ “เมฆ” นะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคุณ….." เขายื่นมือไปจับมือปิ่น

    "ปิ่นค่ะ!! ปิ่น!! ชั้นชื่อปิ่น!! แล้วกรุณาเอามือออกจากมือดิฉันด้วยค่ะคุณเมฆ!!"

    "ผมไม่ปล่อย!! แบร่!!!!!!" เขาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เธอ

    "ไม่ปล่อยใช่มั้ย!! ได้!! จัดให้!!" เธอกระทืบลงไปที่เท้าเขาอย่างแรง

    "โอ๊ยยยยย!! นี่คุณเป็นบ้ารึไงเนี่ย! ผมเจ็บนะ"

    "แบร่!!!! สมน้ำหน้า!!! ช่วยไม่ได้ชั้นบอกให้ปล่อยมือชั้นนายไปปล่อยเองหนิ!!!" เมฆคงจะไม่รู้ว่าที่ ปิ่นเพชรต้องสูญเสียความทรงจำครั้นในอดีต แม้แต่เรื่องที่เธอเคยเป็นพญานาคเธอก็มิอาจจำได้ เพราะพระศิวะเป็นผู้ที่ลบความทรงจำของนางและไม่มีใครสามารถกู้ความทรงจำกลับมาได้นอกจากว่าพระศิวะจะ เอาคำสาปออก ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าปาฏิหาริย์จะมีจริงหรือไม่ และเธอจะจำรักครั้งเก่าที่มันจะคงอยู่ในใจเธอหรือเลือนลางหายไปพร้อมกับกายของเธอ ชีวิต โชคชะตา เหมือนกลั่นแกล้งทั้งสองคน แต่หารู้ไม่ว่า นี่คือบททดสอบความรักจากสรวงสวรรค์

     

    ‘นายเมฆเป็นใครกันแน่ ชั้นต้องรู้ให้ได้’

     

    ณ บ้านของวาริท

    "ทำไมคุณถึงจะจำผมไม่ได้ล่ะ เรารักกันขนาดนั้น ทำไมนะ!! ทำไม!!"

    ‘ผมจะนำความทรงจำในอดีตชาติของคุณกลับคืนมาทั้งหมดให้ได้ แล้วเจอกันนะ ปิ่นเพชร’

     

    ณ บ้านของแก้วมณี

    "ฮัดชิ่ว!! ใครแอบนินทาชั้นเนี่ย ต้องเป็นนายนั่นแน่ๆ เลย!!"

    "นายคงไม่รู้สินะว่าชั้นมีสัมผัสพิเศษอะ ตาทึ่มเอ๊ย!"

     

    ทะเลหมอกยามเช้า ความงดงามยามรุ่งอรุณที่คอยต้อนรับให้เราเดินทางสู่วันใหม่ด้วยความอบอุ่นใจ

    "แต่ใจชั้นไม่เห็นจะอบอุ่นเลย ห้วยยยย!! เป็นตาหน่ายแท้ หนหวยเด้ เบื่อๆๆๆๆๆ" เธอสบถออกมาด้วยความหงุดหงิดใจและเบื่อหน่ายกับชีวิต

    ‘คุณรู้มั้ยว่าแม้เวลาจะผ่านไปนานเพียงใด ผมก็ไม่เคยลืมคุณได้เลย มุกมณี’

     

    ยามรุ่งสางในเช้าวันใหม่

    "นี่นาย!! ตอนนี้ชั้นเริ่มไว้ใจนายแล้วนะ ชั้นขอทำสิ่งนึงเพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่างได้มั้ย?"

    "ขออะไรหรอ?"

    "ชั้นขอ....จับมือนายหน่อยสิ เผื่อมันจะทำให้ชั้นจำอะไรขึ้นได้บ้าง"

    "ได้สิ ถ้ามันจะทำให้คุณจำเรื่องราวในอดีตได้"

    "นี่คุณ....รามิล?"

    "คุณจำผมได้แล้วใช่มั้ย!!"

    "อื้มม" เมฆรู้สึกดีใจมากเขาเลยกระโดดพุ่งเข้าไปกอดเธออย่างแรง

    "เฮ้ย! นี่คุณชั้นหายใจไม่ออกแล้วนะ!! ปล่อยก่อนๆ"

    "โอเคๆ ผมขอโทษนะ"

    "ไม่เป็นไรๆ"

    "นี่คุณรู้มั้ยว่าผมตามหาคุณมานานแค่ไหน แต่วันนี้ผมเจอคุณแล้ว ผมรักคุณนะ"

    "ชั้นก็รักคุณค่ะ"

     

    ณ ป่าแห่งหนึ่ง

    "นี่พี่ถามจริงๆเถอะ ผู้หญิงคนนั้นมีดีอะไรนักหนาฮะ! ทำไมนายถึงรักผู้หญิงคนนี้ขนาดนั้น?"

    "ทำไมล่ะพี่ ผมก็แค่ดีใจที่ผมได้เจอคนที่ผมตามหามานาน"

    "แล้วไงอะ? พี่ไม่สนใจหรอกนะว่านายจะรักผู้หญิงคนนี้มากแค่ไหน แต่คนนี้พี่ขอละกันนะ"

    "โอ๊ย! นี่นายเป็นบ้าอะไรของนายเนี่ยฮะ!" ธามร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด เพราะนายเมฆได้ต่อยไปที่ใบหน้าของเขาอย่างจัง

    "ทำไมพี่พูดจาหมาๆ แบบนี้วะ!! มึงเป็นพี่ชายที่กูรักที่สุดเลยนะเว้ย!!"

    "ทำไมวะ? ก็กูชอบของกูมานานแล้ว มึงจะทำไม?"

    "งั้นต่อไป “มึง” กับ “กู” ขาดกัน!!" เมฆรู้สึกโกรธมากเขาจึงตัดพี่ตัดน้องและความเป็นเพื่อนที่มีกัน มาตลอด 10 ปี กับ "ธาม" ไปตลอดกาล

    "ส่วนป่าผืนนี้กูขอเผาไปเลยละกัน ไหนๆ มันก็ไม่ได้มีคุณค่าอะไรแล้วนี่"

    "นี่เจ้ากล้าบังอาจมาดูหมิ่นข้ากระนั้นฤา!"

    "อ..เอ่อออ..คือ ผมขอโทษ ผมไม่รู้ว่าท่านคือใคร"

    "เราคือพระแม่ธรณีคนที่เจ้ากำลังเหยียดหยามดูหมิ่นยังไงล่ะ"

    "อ..เอ่ออ..คือว่า ยกโทษให้ผมด้วยเถอะนะ ผมไม่รู้มาก่อนว่าท่านคือพระแม่ธรณี ผู้ปกปักษ์รักษา พื้นพสุธาทั้งหมดนี่"

    "นิสัยไม่เคยเปลี่ยนไปจากเดิมเลยนะ มารุต"

    "ท่านรู้จักผมด้วยหรอ???"

    "รู้จักสิ แต่ก็ดีที่ท่านลงมาเกิดใหม่ เราไม่อยากเห็นเทพองค์ไหนต่ำช้าเช่นท่านอีก"

    "แต่ตอนนี้ท่านก็นิสัยไม่แปรเปลี่ยนไปจากเก่า เพราะฉะนั้น........"

    "ตายไปซะ! ไอ้คนสารเลว! คนอย่างเจ้าเกิดมาก็หนักแผ่นพสุธา!" ด้วยความที่พระแม่ธรณีโกรธธามมาแต่อดีตและปัจจุบันยังจะมาดูหมิ่นท่านอีก ท่านจึงใช้พลังแห่งดินทั้งหมดทำลายเขา แม้ชื่อของเขาจะแปลว่า "เวลา" แต่เมื่อกาลเวลาแปรเปลี่ยนแต่นิสัยคนไม่เปลี่ยนไปในทางที่ดีก็ควรทำลายมันซะ!!!

    "โอ๊ยยยย!!" น้ำเสียงของดัสกรในตอนนี้เจ็บปวดราวกับโดนไฟนรกคอกทั้งเป็น อาการแสนสาหัส เขาจะไม่สามารถกลับมาเดินได้อีก และถ้าเขารอดชีวิตไปได้จริงๆ มันจะมิวายให้เขามีแผลเป็นบนใบหน้า ที่หล่อเหลาของเขาเสมือนการโดนฟันหน้ามา

    "เจ้าจงจำไว้ว่าอย่าไปคิดร้ายกับใคร อย่าอยากมี อยากได้ ในสิ่งที่ตัวเองไม่มี มันจะทำให้ใจเราทุกข์มากกว่าร้อยเท่าพันเท่า ยิ่งมีตัณหายิ่งต้องการ เราไปล่ะ และอย่าได้ดูถูกความรักของคนอื่นเพียงแค่ไม่รู้มูลความจริง" พระแม่ธรณีได้พูดกับดัสกรก่อนจะจากไป

     

    ณ อาศรมท่านฤาษีสวภู

    "พระเจ้าตาต้องช่วยหลานนะ"

    "ทำไมตาต้องช่วยหลานล่ะ ในเมื่อ…….."

    "ในเมื่อเขาไม่สามารถมาทำอะไรหลานกับคนรักของหลานได้อีกแล้วยังไงล่ะ"

    "ทำไมเขาจะอะไรหลานไม่ได้อีกล่ะครับ"

    "ก็เพราะตอนนี้เขาต้องชดใช้กรรมที่เขาเคยได้ก่อในอดีตและปัจจุบันยังไงล่ะ ตอนนี้เขาเป็นอัมพาตนอนติดเตียงอยู่ตลอดเวลา ไม่สามารถเดินได้ ครั้นในอดีตเขาเคยไปดูถูกพญาอนันตนาคราช และโดนท่าน กลืนกินเข้าไปภายในพระอุทร แต่ทว่าได้ความช่วยเหลือจากตา เอ้ยยย!! ไม่ใช่สิ! เขาได้รับความช่วยเหลือ จากพระนารายณ์เอาไว้ แต่ในชาตินั้น เขาทำสิ่งที่ไม่ดีไว้มาก จึงต้องชดใช้กรรมในชาตินี้ต่อไปจนกว่าจะ หมดกรรม หากในตอนนี้ดัสกรถึงแก่กรรม ก็จะไม่ได้ขึ้นสวรรค์ ด้วยความที่เคยทำกรรมไว้เยอะ จึงต้อง ลงไปชดใช้กรรมในขุมนรกอเวจี ดั่งสุภาษิตที่ว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ยังไงล่ะ"

    "หลานไปแล้วนะท่านตา แล้วพบกันใหม่ ถ้ามีอะไรหลานจะมาหาตานะครับ หลานขอบคุณท่านตามากที่เคยช่วยชีวิตหลานยามที่หลานเป็นเด็ก"

    "ไม่เป็นไร เป็นมนุษย์ก็ควรช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แล้วพบกันนะหลาน" แต่หารู้ไม่ว่าการที่พระวิษณุลงมาช่วยพวกเขา นั่นคือความช่วยเหลือจากสวรรค์ ทำให้อุปสรรคที่มีนายดัสกรเป็นตัวกลางได้จบสิ้นลง

    "ลาก่อนนะหลานรัก" ในเมื่อภารกิจของเขาได้สิ้นสุดลงเขาก็มีหน้าที่ไปประจำการที่สวรรค์เช่นเดิม

     

    ณ มหาวิทยาลัย

    "ตอนนี้ความรักของพวกเราก็ไร้อุปสรรคแล้ว ผมดีใจนะที่ได้เจอคุณอีกครั้ง ผมตามหาคุณมานาน แต่ความรู้สึกของผมที่มีต่อคุณมันไม่เคยจางหายไปไหนเลย ทั้งในอดีตและปัจจุบัน แต่งงานกับผมนะปิ่น"

    "ค่ะ ชั้นจะแต่งงานกับคุณ ชั้นรักคุณนะคะ เราจะไม่ต้องพรากจากกันอีกแล้วและชั้นก็ขอสาบานว่า ไม่ว่าจะอีกกี่ชาติ ชั้นก็จะขอรักแค่คุณเพียงคนเดียวตลอดไป"

    "และผมก็ขอสาบานเช่นกันว่าผมจะรักแค่ปิ่นเพียงคนเดียวทุกชาติไป"

    "ขอให้เราได้เกิดมาคู่กันอีกตลอดไปด้วยนะคะ/ครับ" ทั้งคู่พูดพร้อมกัน

     

    ณ บ้านของแก้วมณีและวาริท

    "ไปนอนกันเถอะปิ่น ดึกแล้ว ผมรักคุณนะปิ่น จุ๊บๆ ฝันดีครับ"

    "ชั้นก็รักคุณค่ะ รักมากกกกกเลยยยฮ่าๆ จุ๊บๆ ฝันดีค่ะ" ทั้งคู่กอดกันกลมเกลียวเข้าสู่ห้วงนิทรา ที่เสมือนกับความฝัน

     

    จบบริบูรณ์

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     



     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×