คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ยกที่ี่ 3
2
อีกไม่นานก็จะกีฬาสีจริงๆ พวกฉันยุ่งตามลำดับ วันนี้ฉันต้องวิ่งคอยประสานงานให้นายพงประกาศเรื่องการแข่งขันที่ทยอยกันแข่งก่อนวันงานกีฬาสี ที่เริ่มแข่งไปแล้วสองสามรายการ และรอไอ้แข่งรอบชิงในวันงาน
“ส้มๆ มาช่วยถือของหน่อย”ชมพู่รองประธานเรียกฉันให้ช่วยไปถือผ้าคลุมเวที ตอนนี้ทุกคนเริ่มกล้าคุยกับฉันมากขึ้นเพราะเวลาประชุมที่ไรนายพงก็มานั่งข้างฉันพลอยทำให้เวลาใครมาคุยกับนายพงฉันก็ได้คุยกับคนอื่นบ้าง เพราะนายนั้นชอบลากฉันเข้าไปในวงสนทนา
“เป็นไงยุ่งเลยสินะ อาทิตย์หน้าจะเป็นกีฬาสีแล้ว”ชมพูชวนคุยระหว่างทาง
“อืม...นิดหน่อย”ฉันบอก ชมพูเป็นคนผิวขาวมาก ผมสีดำสวยถูกมัดรวบอย่างลวกๆไว้ด้านหลัง แกมของเธอขึ้นสีชมพู่เข้มเมื่ออกแรง อาหมวยจากหนังจีนกำลังภายในชัดๆ
“นี่ นายพงทำให้เธอลำบากใจมากมั้ย”
“อืม”ฉันตอบตามตรง ชมพู่หัวเราะออกมาแทบจะทันที แถมอดบอกไม่ได้ว่าฉันช่างเป็นคนตรงไปตรงมาเสียจริง ใครไม่ลำบากใจสิแปลกหมอนั้นมันตัวยุ่ง...
“ถึงอย่างนั้นแต่หมอนี่ฮอทมากเลยนะ เพื่อนฉันเองก็แอบชอบตานี่มาหลายปี”ชมพู่ว่าก่อนเอาผ้าคลุมเวทว่างบนเวที
“อ้อ...”ฉันบอกวางผ้าลงบนเวทีก่อนชวนชมพูกางผ้าออก
“ระวังนะมันอาจมีเข็มที่เหลือจากงานอื่น”เธอเตือน ฉันตอบเสียงงืมงัมในคอ
“ยัยพิมน่ะ นั่งข้างตาพงมาแต่ ม.1 ตาพงเหมือนจะให้ความหวังนะ โทรคุย ส่งเมสเซจ แต่สุดท้ายก็ทิ้งยัยพิมฝันค้าง ผู้ชายนี่เข้าใจยากจริงๆ”ฉันไม่ตอบอะไรช่วยชมพู่จัดผ้าอย่างเดียว และตอนนั้นเองที่จะไรบางปักมือฉันเข้าอย่างจัง
“โอ๊ย...”
“เฮ้ย ส้มเป็น’ไรเปล่า”ชมพู่วิ่งมาดูท่าทางกระวนกระวาย ฉันเอามือซ้ายตัวเองออกจากดงผ้า และพบว่ามีเข็มปักมือฉันอยู่ 2 อัน อันนึงปักทะลุง่ามนิ้วไปเลย เจ็บสุดใจ เพราะฉันกำไปเต็มแรงแท้ๆ แต่อีกอันนึงจิ้มถากๆ ฉันเลยดึงออก แต่อันที่จิ้มทุละง่ามนิ้วนี่ไม่ไหว เจ็บจริงๆ
“เฮ้ยส้มเป็นอะไรเนี่ย”พี่เบ๊นซ์ว่ิงมาจากไหนไม่รู้รีบดูมือฉันทันที ฉันร้องซีดปาก พี่เบ๊นซ์เสนอให้ฉันไปห้องพยาลเดี๋ยวพี่เขาได้วย ฉันตกลง
พี่เบ๊นซ์ทำท่าลุ้นกว่าฉันอีกตอนเอาเข็มออก มันเจ็บก็จริงแต่พอเห็นหน้าพี่เบ๊นซ์แล้วฉันถึงกับเจ็บไม่ลง
“เจ็บมั้ยส้ม เข็มปักน่กลัวมากกกก...”พี่เบ๊นซ์ลากเสียงฉันหัวเราะ ฉันกับพี่เบ๊นซ์คุยกันมาแต่ไหนแต่ไร เพราะตอน ม.1ฉันไปเข้าค่ายเดียวกับพี่เบ็นพอดี พี่เบ็นเป็นหัวหน้ากลุ่มคอยดูแลฉันมาตลอด
“ยิ้มเก่งขึ้นนะเรา”ฉันหุบยิ้มลงทันทีจนพี่เบ๊นซ์โวยวาย บอกว่าฉันยิ้มแล้วน่ารักจะตาย แต่คนมันจักกะจี้นี่นา ใครจะยิ้มลงอีก
“ส้มสัปดาห์หนังสือใกล้จะถึงแล้วนะเสร็จงานกีฬาสีส้มจะไปมั้ย”
“คิดว่าน่าจะไปค่ะ”
“ไปพร้อมกับพี่ไหม พ่อแม่ไม่ค่อยว่างใช่หรอ”
“อืมค่ะ ลิฟก็บ่นว่าอยากได้การ์ตูน”
“งั้นดูวันว่างๆไว้ เดี๋ยวพี่ไปรับ”
“พี่เบ๊นซ์ทำไรอ้า...”เสียงตาบ้าพงตระโกนมาแต่ไกล ฉันกรอกตาเบื่อๆทันทีจนพี่เบ๊นซ์อดหัวเราะและมองฉันกับตาพงด้วยสายตาเอ็นดูไม่ได้ พี่เบ๊นซ์ตบไหล่ฉันด้วยใบหน้าเห็นใจ
“พี่เบ๊นซ์ไม่ได้โดนส้มมันหลอกไปข่มขื่นใช่ไหม?”พี่เบ็นซ์หัวเราะแต่ฉันยืนมองนายพงนิ่ง ขันติ ขันติ ความเย็นชาชนะทุกอย่าง....
“พาส้มมาห้องพยาบาลน่ะ ส้มโดนเข็มปักทะลุมือเลย”
“เฮ้ยจริงดิ หน้าก็ฉลาดทำไมโง่ให้เข็มปัก”
ฉันมองตานั้นอย่างหัวเสีย ก่อนลาที่เบ็นซ์แล้วเดินหนีออกมา ตาบ้านั้นกวนฉันอยู่เรื่อย
“ไหนมาดูหน่อยเป็นอะไรหรือเปล่า”หมอนั้นยืนมือมาจะมาจับแขนฉันแต่ฉันสะบัดแขนออก
“มีอะไรไปทำก็ไปเถอะ...”ฉันบอกเสียงเรียบด้วยใบหน้าที่พยายามปั้นให้ดูเหมือนเป็นคนที่ไม่ได้ โกรธ มากที่สุด
ฉันมองครูสอนบนกระดานพร้อมจดอย่างแข็งขัน ครูประจำวิชาเคมีสอนดีเหมือนเดิมเพียงแต่ฉันกลับรู้สึกไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่
สองสามวันมานี่ฉันกับนายพงไม่ได้คุยกันอีก เพราะงานต่างรัดตัวด้วยแหละ หมอนั้นพยายามจะพูดกับฉันหลายครั้งตอนที่ฉันเอาประกาศไปให้ แต่ฉันออกมาก่อน คนยิ่งรีบๆอยู่งานก็เยอะ บางครั้งฉันเลยฝากคนอื่นไปส่งให้บ้าง เพราะติดเรื่องจัดรายการการแสดงบนเวทีรวม
“ส้ม...ส้ม! รายงานที่ครูสั่งน่ะ”ฉันสะดุ้งเมื่อมีคนมาเรียก ฉันล้วงไปในกระเป๋าและหยิบรายงานให้วิภาวีหัวหน้าห้อง ก่อนเดินออกมา นายลิฟเดินตามมาถามว่าทำไมฉันดูเหม่อๆ ยังมีมีแซวว่าฉันต้องคิดถึงนายพงแน่ๆถึงได้ทำหน้าเป็นตูดหมาแบบนี้
เอิ่ม...นั้นมันแปลว่าเพื่อนนายนิสัยดีน่าคบมากสินะ ไอ้อาการที่ฉันทำหน้าเป็นตูดสุนัขเวลาคิดถึงเขาเนี่ย ฉันเลยหลีกเลี่ยงการพูดคุยกับนายลิฟด้วยการเอาMp3 ขึ้นมาฟัง ลิฟถามใหญ่ว่าฉันไปซื้อมาตอนไหน ฉันบอกว่าฉันซื้อต่อนายพง เพราะนายนั้นจะเอาเงินไปรวมซื้อไอพอตเลยมาหลอกขายอันเก่าให้ฉัน
ลิฟหัวเราะใหญ่ บอกว่าเดี๋ยวนี่ฉันมีเพื่อนใหม่แล้วนี่ เดี๋ยวนะ? นายพงนี่นับเป็นเพื่อนใช่ไหม ไม่ใช่ปรสิต?
เย็นวันนั้นพวกเราแรงงานทาสก็โดนใช่งานอย่างแข็งขันเช่นเคย ฉันไม่ค่อยถูกใช้งานให้ทำอะไรศิลป์ๆเท่าไหร่ เพราะฉันเกิดมาเพื่อเป็นปรปักษ์กับสายศิลป์ ทำให้ฉันได้รับหน้าที่งานเอกสารซะส่วนมาก เดินไปเดินมาจนปวดขาไปหมด มือที่ซ้ายก็มาโดนเข็มแทงซะทะลุจนทำอะไรไม่ค่อยถนัด
ช่วงพักเที่ยงนักเรียนแฮกันมานั่งในสวนของโรงเรียนเสียงเซ็งแซ่ของเด็กหลากสายชั้นดังไปทั่วสวน ไม่ว่าจะเรื่องเรียน นินทา หรือจิปาถะ เป็นส่วนที่ฉันไม่ชอบเฉียดมาใกล้มากที่สุดของโรงเรียนในช่วงกลางวัน เสียงมันดังจนสมาธิในการอ่านหนังสือมันหายไปหมด แต่คราวนี้ต้องจำใจเดินผ่านเพื่อนย่นระยะทางที่ต้องเดินไปห้องพักของท่านรองผู้อำนวยการ ฉันต้องนำเอกสารการแข่งขันไปให้ท่านรองผู้อำนวยการช่วยเซ็นยืนยัน
“ส้ม...มือเป็นไงบ้าง”พี่เบ๊นซ์เดินมาพร้อมๆกับนายพง
“ดีขึ้นแล้วค่ะ เดี๋ยวว่าจะไปล้างแผล”
“เดี๋ยวเราพาไป...”นายพงเสนอตัว
“ไม่ได้เป็นง่อย”พี่เบ๊นซ์หลุดขำพรึดออกมาทันที นายพงหน้าเสียยังไม่วายมองพี่เบ๊นซ์ด้วยหางตาอย่างเคืองๆ ก่อนมองฉันด้วยสายตากึ่งๆตัดพ้อหรืออะไรสักอย่างที่ฉันไม่ได้สนใจจะเข้าใจนัก
“จะไปไหนล่ะเรา”พี่เบ๊นซ์ถาม ฉันยกผลการแข่งขันในมือขึ้น
“เอาไปให้ท่านรองเซ็นค่ะ”พี่เบ๊นซ์ร้องอ้อก่อนบอกให้ฉันรีบไป ฉันเลยเดินจากมา เดินมาได้ซักพักฉันก็เริ่มรู้สึกว่า...
“นายจะเดินตามฉันมาทำไม?”
“ขอไปส่งที่ห้องพยาบาลเถอะ...นะ...นะส้ม”
ไอ้คนประสาท...ฉันมองรำคาญขนาดนี้ยังเดินตามมาลงอีก ฉันอดยิ้มขำท่าทางหมอนั้นไม่ได้จนเจ้าตัวทำหน้าดีขึ้นเมื่อฉันกึ่งๆไม่ไล่ไปไหนอีก หมอนั้นยิ้มกว้างก่อนขึ้นมาเดินข้างฉัน จะยักคิ้วทำไม? ตาบ้าเอ้ย
นอกจากประชุมคณะแล้วห้องฉันยังต้องปลีกตัวมาประชุมสีอีก แต่เพราะว่าพี่ม.5ของสีไม่ได้มีเพียงห้องเราเท่านั้น ทำให้งานส่วนมากตกไปอยู่กับอีกห้องหนึ่งมากกว่า และพวกพี่ม.6 อีกสองห้องก็ช่วยกันดูแล แต่ก็แบ่งๆงานก็ทำนั้นแหละ เพราะห้องฉันต้องจัดงานส่วนกลาง คอนเซ็ปปี่นี้คือ ขนม...
ฉันจิตนาการ การเอาของรีไซเคิลมาทำบ้านขนมแบบที่พวกนั้นคิดไม่ออกเลย สีเราเป็นสีฟ้า และโชคดีที่ม.5ร่วมสีปีนี้เป็นสายศิลป์-ฝรั่งเศส เบาใจไปเยอะ แต่ฉันต้องพยายามไม่ค่อยเข้าไปใกล้พวกนั้นเท่าไหร่ เพราะดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบหน้าฉัน
ปรกติของพี่ ม.5 ที่ต้องเป็นคนดูแลรถของขบวน ส่วนพี่ม. 6 จะดูและเรื่องแสตนเชียร์ หน้าที่ใส่ชุดเดินขบวนตกเป็นของ ม.4 หน้าที่เชียร์ตกเป็นของ ม.1-3 ฉันไม่ใช่พิศวาสกีฬาสีเท่าไหร่ แต่ต้องยอมรับว่านี่เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกมีส่วนร่วมมากกว่าทุกครั้ง เพราะนายลิฟนั้นแหละยุ่งไม่เข้าเรื่อง...
ฉันเข้าเอาไปให้ท่านรองเซ็นไปรับรองและเดินออกมา นายพงยืนยิ้มมุมปากพร้อมยักคิ้วรอฉันอยู่ ฉันกรอกตาก่อนจำใจเดินไปพร้อมกับนายนั้น สักเกตุได้ว่าคนอื่นเริ่มมองเรา เพราะนายพงมาเดินข้างฉันแท้ๆ แต่ดูเหมือนนายนั้นจะไม่ทุกข์ร้อยอะไรเลย ตลอดที่เดินมากับฉันนายพงมักถูกคนนั้นคนนี้ทักเสมอ เดินไปทางไหนไม่เขาทักนายพงก็หมอนั้นเองที่ไปทักเขา จนต้องวิ่งตามฉันมาอยู่เรื่อย ยังมีแอบบ่นว่าฉันไม่รอ
ฉันเดินของฉันมาเรื่อยๆ...นายอยากเดินตามมาเอง?
“แผลดีขึ้นแล้วหนู สองสามวันน่าจะหายเจ็บ อย่าไปออกแรงอะไรมากแล้วกันนะ”ครูห้องพยายามบาลบอกฉัน
ฉันรับคำ นายพงนั่งมองตาแป๋ว...”ไปทำยังไงให้เข็มมันทะลุมือเนี่ย”
“ทำไมฉันจะซุ่มซ่ามมันแปลกหรอ” นายพงยิ้มเจ้าเล่ห์
“...นั้นแน่ ไหนบอกตัวเองมีสมาธิตลอดเวลาไง”
“...”
“ต่อไปต้องระวังนะ...”ฉันไม่ได้สนใจคำพูดนายพงนักหรอก คิดมาสั่งสอนฉันหรอก เร็วไปสามร้อยปี
เสียงเฮดังขึ้นพร้อมๆกับที่เพื่อนๆต่างหาที่พักพิงให้ร่างกายกันเป็นแถว อีกสองวันจะกีฬาและพวกเราทำเวทีเสร็จกันไปแล้ว(แต่ก็ยังต้องไปทำงานของสีตัวเองอีกอยู่ดี) ฉันเองก็ลอบถอนหายใจเมื่อจัดตารางการแสดงเสร็จไปแล้ว เวฟ เพื่อนร่วมห้องที่ไม่ได้อยู่ในคณะกรรมการเอาน้ำอัดลมรสส้มมาให้ฉันคนอื่นแซวใหญ่ว่าฉันชื่อส้มอยู่แล้วยังจะกินส้มอีกหรอ ฉันแค่ยิ้มบางๆ
ไม่บ่อยที่ฉันกินน้ำส้มที่เป็นน้ำอัดลม ยิ่งแบบแกะแล้วกินเลยนี่ไม่บ่อยนัก จึงถึงกับน่านิ่วเพราะความซ่าของมัน อยู่ๆก็มีคนยื่นน้ำส้มจริงๆมาให้ฉัน นายพงนั้นเอง
“เอาอันนี้เหอะ เราอยากกินอันนั้น”ฉันรับข้อเสนอ คนอื่นหันมามองเราเป็นพักๆ นายพงยกน้ำส้มของฉันขึ้นดื่ม
“เราแข่งบอลด้วยนะ”
“อืม...”
ฉันรู้ว่านายพงหันมามองหน้าฉันค้างอยู่อย่างนั้น แต่ฉันไม่ได้หันไป
เย็นนั้นพวกเพื่อนนั่งฉลองกันต่อนิดหน่อย และมันเป็นครั้งแรกที่ฉันโทรบอกแม่ให้มารับช้าหน่อย
นายพงเล่นกีตาร์ให้เพื่อนทุกคนช่วยกันร้อง ฉันไม่ได้ร้อง...แค่ทุกคนร้องมันสนุกดี
ความคิดเห็น