ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สมาธิVSหัวใจ...ศึกนี้ใคร WIN~!!!

    ลำดับตอนที่ #2 : ยกที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 27 มี.ค. 55


    1

    ครอบครัวฉันเป็นทนายกันเสียส่วนมาก ป้า พ่อ ลุง พี่ มีแต่แม่ที่เป็นหมอ เลยไม่แปลกที่ใครๆต่างก็คิดว่าฉันคงเลือกเป็นไม่ว่าอย่างใดก็อย่างนึง ก็จริงแต่ฉันอยากเป็นหมอที่เป็นนักวิจัยมากกว่า จะได้วิจัยหาเทคโนโลยีใหม่ๆมาช่วยรักษาคนได้ จะได้รักษาคนได้ทีละมากๆ เคยคิดจะเป็นหมอเหมือนกัน แต่คนไข้เจอฉันคงไม่ค่อยอยากจะหายเท่าไหร่ พาลจะทรุดหนัก ช่วยไม่ได้ที่ฉันไม่ได้มีคารมดีเหมือนชาวบ้าน ฉันมันก็คนด้านชาแบบนี้แหละ

    และฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคนอื่นถึงมองฉันเหมือนว่าฉันแปลกประหลาดนัก ฉันแค่มีความฝันเป็นของตัวเอง ไม่ได้แตกต่างไปจากใครเลย ฝันมากก็ต้องพยายามมากหน่อย แค่ชอบที่จะตั้งใจเรียนและอ่านหนังสือ ชอบที่จะศึกษาเรื่องราวต่างๆให้ตัวเองมีความรู้เข้าไว้ พอลิฟได้ยินมันบอกว่าฉันเหมือนเฮอร์ไมโอนี่ใน แฮรี่ พอตเตอร์ เลย เพียงแต่ฉันด้านชาและสวยน้อยกว่าเยอะ...ไม่ต้องห่วงฉันเอาพจนานุกรมฟาดหัวหมอนั่นไปแล้ว ถึงฉันไม่สวย แต่ไม่มีใครชอบฟังคนอื่นวิจารณ์ตัวเองหรอใช่ไหม?

    ฉันอยู่ในห้องสมุดของโรงเรียน สถานที่ที่ซึ่งสงบสุขพอจะทำให้ฉันสามารถจดจ่ออยู่กับตำราเรียนได้บ้างในโรงเรียนที่มีนักเรียนกว่าสี่พันคนที่แหกปากร้องเป็นลิงกันทั้งวันแบบนี้ อ่านไปสักพักเล่มในมือก็จบ ฉันคงต้องหาเล่มต่อมาอ่าน ฉันเดินไปที่ชั้นหนังสือ

    ห้องสมุดของโรงเรียนนี้เป็นสถานที่ซึ่งวิเศษและยิ่งใหญ่มาก ที่นี่ใหญ่กว่าห้องสมุดประจำจังหวัดเสียอีก หนังือของที่นี่ชั้นสูงจนบางทีต้องใช้บันไดปีนขึ้นไปเอา หนังสือศาสตร์ชีวะในมือฉันเองก็เหมือนกัน แต่ว่าด้วยความสูง 178เซ็นติเมตรของฉันแล้วมันไม่น่าจะเกินเอื้อมเท่าไหร่ฉันไม่อยากเสียเวลาไปลากบันไดมาก

    ฉันยืดตัวขึ้นแต่สุดท้ายก็พบว่ามันไกลเกินเอื้อมจริงๆ ตอนนั้นเองมีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา หมอนั้นยิ้มกว้าง ยักคิ้วให้ฉัน ฉันใช้เวลาสักพักก็จำได้ว่าหมอนั้นคือไอ้บ้าป้ายรถเมย์เมื่อหลายวันก่อนนั่นเอง

    หมอนั้นเดินเอามือล้วงกระเป๋ามาที่ฉันก่อนมองขึ้นไปบนชั้นหนังสือ

    “เดี๋ยวช่วยนะ” แล้วหมอนั้นมองฉันเหมือนเสียใจที่ฉันเกิดมาเตี้ยกว่าแล้วก็เอื้อมมือขึ้นไป...

    แต่มันก็ยังไม่ถึงอยู่ดีนั้นแหละ หมอนี่สูงห่างฉันไม่กี่เซ็นเองยังจะมาอวดดี ฉันเลยเดินไปลากบันไดมาอย่างจำยอม ก่อนปีนขึ้นไปแล้วหยิบหนังสือออกมา

    ฉันมองนายนันที่มองขึ้นมาด้วยสายตาไม่ค่อยจะพอใจเท่าไหร่นัก ทำหน้าเหมือนหมาโดนแย่งกระดูกไม่มีผิด ฉันเลยทำเหมือนตานั้นไม่มีตัวตน แล้วเดินออกมา

     

    วันนี้เป็นอีกวันที่เราต้องประชุมคณะกัน ฉันที่มีหน้าที่เป็นเลขายิ่งยุ่ง เพราะต้องคอยจดและแจกจ่ายงาน

    “ส้ม...พี่ว่าส้มน่าจะมาช่วยงานทางพี่หน่อยเรื่องเวทีน่ะเราขาดคนแต่พี่ว่าวันงานจริงๆส้มไม่น่าจะติดงานอะไร”พี่เบ๊นซ์อดีตประธานบอก ตอนนี้พี่เบนซ์แวะมาช่วยลิฟตัดสินใจแบ่งงานบ่อยๆ ส่วนพี่คณะคนอื่นก็แวะเวียนมาดูแลบ้าง

    “คะ”ฉันบอกบางๆเพียงครู่ให้พี่เบ๊นซ์ ไม่รู้ทำมองพี่เบนซ์แล้วทำให้อดยิ้มไม่ได้พี่เบ๊นซ์ดูเป็นคนที่เป็นผู้ใหญ่และใจดี

    ...เวทีใหญ่ ที่พวกเราต้องไปจัดแหละตกแต่งให้สมเกียรติโรงเรียน ทุกทีโรงเรียนเราแต่งเวอร์เหมือนต้องการให้คนทั้งจังหวัดมาดู ไม่สิคนทั้งประเทศมากกว่า ฉันเหนื่อยใจจนเส้นเลือดบนหัวมันแล่นตุบๆ คนพวกนี้ไม่เสียดายเงินพ่อแม่บ้างหรือไงนะ

    “ผมว่าคอนเซ็ปปีนี้เรากำหนดงบประมาณดีไหม?”ฉันหันหน้าควับไปมองนายพงที่นั่งข้างๆ หมอนั้นยิ้มบางให้ทุกคน ก่อนหันมาแยกเขี้ยวใส่ฉัน ผ่านมาสองอาทิตย์ความร้าวฉานของฉันกับนายพงเริ่มเป็นที่ประจักร

    เริ่มตั้งแต่หมอนั้นมาแย้งที่ประจำของเหรัญญิกที่นั่งข้างๆฉันไป เขาก็เริ่มทำตัวให้ฉันรำคาญอยู่เรื่อย ตั้งแต่สัปหงกจนหัวมาชนหัวฉันบ้าง แถมยังมีหน้ามาว่าฉันสูงเกินไปอีก คอยเหน็บแนมจิกกัดฉันเรื่องฉันไม่มีหัวใจอยู่เรื่อย ถึงเราจะเถียงกันไม่ดังมาก แต่มันก็พอจะทำให้คนรอบข้างผิดสังเกตเพราะปรกติไม่ค่อยมีใครมายุ่งกับฉันนักหรอก...

    “จะดีหรอพง ด้วยศักดิ์ศรีของโรงเรียนเรา จะน้อยหน้าโรงเรียนอื่นไม่ได้นะ” ปากฉันกระตุกอย่างช่วยไม่ได้ ดูพูดเอาเถอะ...แต่ยัยนี่ท่าทางจะรวย

    นายพงยิ้ม

    “ไม่หรอก เราแค่อยากเห็นอะไรสนุกๆ ลองจินตนาการว่าทุกคนมาช่วยกันทำความอลังการจากพวกของรีไซเคิลแล้วเราว่ามันน่าภูมิใจดี อีกอย่างช่วงนี้ชาวบ้านเขาติเตียนกันหนาหูว่าโรงเรียนใช่งงกับกีฬาสีเกินไป ถ้าเราลองมาพิสูจน์ให้พวกโรงเรียนข้างนอกเห็นว่าเราสามารถทำอะไรที่สร้างสรรค์และมีสมองได้ด้วยตนเองมันก็เท่ห์ดีใช่ไหมล่ะ!”หมอนั้นว่า ทุกคนในห้องเงียบไปอึดใจก่อนเริ่มปรึกษากันจนกลายเป็นเสียงจอแจ

    “เอาอย่างนี้...”ลิฟพูดขึ้นพร้อมเคาะโต๊ะเบาๆให้ทุกคนหันไปสนใจ“ใครเห็นด้วยกับพงบ้าง”

    ทุกคนค่อยๆทยอยกันยกมือขึ้น ฉันมองคนอื่นที่ค่อยๆพากันยอกมือขึ้น ในห้องคณะมีทั้งหมด 32 คน นายพงจำเป็นต้องได้16คนขึ้นไปเพื่อ ให้ทุกอย่างเป็นไปตามข้อเสนอของเขา ลิฟ และพี่เบ๊นซ์ยกมือขึ้น ฉันอดยิ้มภูมิใจในตัวพี่เบ๊นซ์ไม่ได้

    คนเริ่มยกขึ้นเรื่อยๆจาก 1 เป็น 5 จาก 5 เป็น 10...11....12       มี 16คนพอดี...

    ฉันอดผิดหวังในเด็กโรงเรียนเราไม่ได้ที่ไม่ได้มีจิตสำนึกในการช่วยสังคมเลย ตอนแรกว่าจะไม่ออกแรงแล้วเชียว...

    ฉันยกมือขึ้น

    นายพงฉันมามองฉันก่อนอมยิ้มจนเห็นลักยิ้ม หมอนั้นยักคิ้วกวนๆ ฉันไม่ได้สนใจอะไร ก็แค่เห็นด้วยนั้นแหละจะยิ้มอะไรนักหนา

     

     

     

    “ส้มกินไหม?”หมอนั้นนั่งลงข้างๆฉันและยื่นไอศกรีมที่กินไปแล้วมาตรงหน้าฉัน ฉันนั่งอยู่ที่สวนของโรงเรียนรอเวลาเรียนพิเศษ

    ฉันถอดหูฟังออก มองไอศกรีมโคนที่หมอนั่นเล็มหน้าไปแล้วฝั่งหนึ่งอย่างแหยงๆ ถึงเป็นจะเป็นรสกาแฟที่ฉันชอบก็เถอะ

    “ไม่เอา ขี้ปากนายกินไปแล้ว”ฉันบอก

    “โหยไรวะ พวกผู้ดี”นายพงแบะปาก มองฉันด้วยหางตาอีกครั้ง อีกครั้ง!! มันจะมากไปแล้วนะ

    ...ฉันฉุนกึกหันไปมองหมอนั้น รู้สึกเหมือนคิ้วกระตุก เส้นเลือดเต้นตุบๆ คำนี้ไอ้ลิฟก็เคยพูด และฉันทำยังไงน่ะหรอ ฉันไม่พูดกับหมอนั้นหนึ่งอาทิตย์ ฉันมองนายพงหัวจรดเท้า นายคิดดีแล้วใช่ไหม..

    “มองทำไม? พวกผู้ดีไม่ชอบกินไอศกรีมขี้ปากชาวบ้านไม่ใช่หรอ?”

    “เอามานี่”

    “อะไร?”หมอนั้นหันมาอ้าปากกินไอศกรีมค้างไว้ น่าเกลียดชะมัด

    “เอาไอศกรีมมา”ฉันบอกเสียงจริงจัง นายพงยิ้มหน้าบานเป็นกระด้ง ยื่นไอศกรีมมาตรงหน้าฉัน

    ฉันรับไอศกรีมมาก่อนหมุนไปในมุมที่หมอนั้นยังไม่ได้กัด ก่อนกัดลงไปเพียงเล็กน้อยระวังไม่ให้โดนที่ๆหมอนั้นเคยกัดไปแล้ว ฉันถอนปากออกและมองสภาพไอศกรีมดูผลงานการกัดตนเอง ก่อนพอใจที่มันไม่ไปโดนตรงที่นายพงเคยกัด ติดเชื้อบ้าเข้าจะทำยังไง

    “โหยไรวะ กัดต้องระวังขนาดนั้นเลย เดี๋ยวก็ยึดไอพอตคืนหรอก”ฉันรีบถอนคืนหมอนั้นแบบไม่ต้องคิด อยากได้นักก็เอาไป เสนอหน้ามาให้ฉันฟังก่อนทำไม โง่หรือเปล่า หมอนั้นโวยวายใหญ่

    “เจ๊นี่เหลือเกินจริงๆ”ทันทีที่ได้ยิน มือฉันก็ลั่นทันที ฉันหยิกหูตานั้นแล้วบอกว่าฉันไม่ชอบคำพูดนั้นมากๆ นายพงยกมือยอมแพ้ด้วยใบหน้าเหยอเก

    “ส้มดูเลย เราไม่รังเกียจน้ำลายเธอ”นายพงพูดด้วยสีหน้าภูมิใจจนฉันกรอกตา แน่สิน้ำลายฉันมันน้ำลายคนฉลาด น้ำลายนายมันน้ำลายคนบ้าใครจะไปกินลง

    แล้วหมอนั้นก็ก้มลงกัดไอศกรีมตรงที่ฉันกินไปพร้อมกับมองฉันด้วยสายแต่แน่วแน่ จนฉันเริ่มรู้สึกแปลกๆ ฉันเอานาฬิกาขึ้นมาดูและพบว่ามันถึงเวลาที่ฉันจะต้องไปเรียนพิเศษ ฉันเลยบอกลานายนั้น เขาเพียงนั่งอยู่เฉยๆด้วยใบหน้าที่แตกต่างออกไป หมอนั้นก้มหน้าลงไปมองพื้น...และมองแต่พื้น

    เป็นประสาทอีกแล้วใช่ไหม? ลืมกินยาระงับประสาทสิท่า...

     

    ฉันนั่งทำรายงานที่จะส่งอาทิตย์หน้าเผื่อไว้ก่อน ไม่รู้ว่าจะมีใครทำกันไหม แต่ฉันว่ารายงานชีวะครั้งนี้มันน่าสนใจดีเลยลองเอามาทำเล่นๆหลังทำการบ้านเสร็จ อยู่ที่ดีๆหน้าต่างสนทนาก็เด่งขึ้นมา ตอนแรกฉันนึกว่าเป็นลิฟ(เพราะคงไม่มีใครอยากคุยกับฉันมากไปกว่าลิฟ) แต่กลายเป็นว่าเป็นใครก็ไม่รู้ ฉันไปรับแอดตอนไหนก็จำไม่ได้

     

    เกิดมาเป็นคน ต้องหมั่นเลี้ยงควาย บอกว่า ไง

    กชกร ศรีสุริยะ บอกว่า ใครน่ะ

    เกิดมาเป็นคน ต้องหมั่นเลี้ยงควาย บอกว่า โหย...ไรวะแค่นี่ก็นึกไม่ออก

     

                นายพงหรอกรึไง ฉันกดปิดหน้าต่างทิ้งทันที แต่ก็กลับหัวเราะออกมา ตาบ้านี่มาแอดฉันไวตั้งแต่เมื่อไหร่นะ อยากรู้จริงๆ ฉันออกจากโปรแกรมสนทนา ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับหมอนั้นนี่ เจอกันพรุ่งนี้น่าจะดีกว่า

    ติ๊ดๆ

    ฉันหันไปมองโทรศัพท์ที่ส่งเสียงติ๊ดๆออกมา ด้วยความที่ฉันโทรไปยกเลิกพวกข้อความโฆษณาออกจากระบบหมดแล้วเลยทำให้อดยกมือถือขึ้นมาดูไม่ได้

    คุณได้รับข้อความ 1 ข้อความ

    หืม...

    ฉันปลดล็อคและเปิดข้อความออก ดูก่อนหัวเราะ

    เชอะ...มีแต่สมาธิ ระวังจะไม่มีหัวใจ

    ฉันส่งข้อความกลับไปหาเขาด้วยความหมั่นไส้

    หัวใจคือส่วนสำคัญของร่างกาย แต่ถ้ามีแล้วเป็นแบบนาย เอาสมาธิมาใส่แทนหัวใจดีกว่า

    ฉันหยิบเครื่องเล่นเอ็มพีสามออกมาจากโต๊ะ นายพงให้เพลงมาหลายเพลง

    ก็รู้ตัวดี....เรานั้นต่างกัน

    และไม่มีวัน...ที่จะลงเอยก็รู้

    ฉันยิ้ม ฟังเพลงแล้วเหมือนเห็นนายพงมาทำตัวบ้าๆบอๆให้เห็น ตอนนั้นหมอนั้นเต้นบัลเลย์ประกอบเพลงให้ฉันดูด้วย ประสาทจริงๆ

    จากเส้นขนานที่ไม่มีบรรจบกัน

    เกิดเป็นความรักที่ไม่มีทางจะแยกกัน... หรอ?+ 

    “เพลงนี้มันเพลงบ้าอะไรวะเนี่ย”ฉันกดปิดไอพอต ก่อนเอาหนังสือขึ้นมาอ่านต่อ เสียงเพลงบ้าๆของนายพงทำให้ตัวหนังสือมันเลื่อนไปมาอยู่เรื่อย เสียสมาธิชะมัด




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×