คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ไข่มุกดำ เปเล่
การจะเป็นนักฟุตบอลที่เก่งและเป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วไปได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆกว่าจะมาถึงวันนั้น นักฟุตบอลหลายๆคน คงผ่านความอยากลำบากมานับไม่ถ้วน มีนักเตะอยู่คนหนึ่ง เขาไม่เคยย่อท้อต่อความอยากลำบาก ต่อสู้มาสารพัด และผันตัวเองกลายมาเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดในโลกได้ ด้วยความสามรถที่พระเจ้าประทานให้ไม่มีใครที่ไหนที่จะไดรับการยอมรับมากเท่าเขาคนนี้อีกแล้ว เอ็ดสัน เซรานเตส โด นาสซิเมนโต้ หรือที่เรารู้จักกันในนามของ " เปเล่"
เปเล่ ถือว่าเป็นต้นตำรับ ของตำนานฟุตบอลที่เด็กๆทั่วโลกอยากเอาแบบอย่าง จนได้รับฉายาว่า " ไข่มุกดำ" หรือที่มีคนกล่าวขานเขาว่า เป็นเครื่องประดับอันมีค่าที่จะหาอะไรมาเปรียบได้
เขาเกิดเมื่อวันที่ 23 ต.ค. 1940 ในท้องถิ่นแถบ เตรส โกราโกส มินาส เกราอิส ในประเทศบราซิล เปเล่ เป็นลูกชายของ เจา รามอส โด นาสซิเมนโต้ หรือว่าที่คนบราซิลรู้จักว่า " ดอนดินโญ่" นักฟุตบอลชื่อดังของสโมสร ฟลูมิเนนเซ่ ทีมชั้นนำของบราซิล ในวัยเด็ก เพื่อนๆ จะเรียกเขาว่า เปเล่ ซึ่งเขาไม่ชอบชื่อนี้เลย แต่เหมือนฟ้ากำหนดให้ชื่อนี้กลายเป็นชื่อของนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดในโลก
เปเล่ โตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่อัตคัด ไม่ค่อยมีกินเท่าไหร่ ไม่มีกระทั่งลูกฟุตบอล ซึ่งเขาต้องนำถุงเท้าเก่าๆและเศษกระดาษมาม้วนรวมๆกันให้กลายเป็นลูกฟุตบอลใช้เตะกับเพื่อนๆละแวกบ้าน เล่นกันตามมีตามเกิด แต่เมื่ออายุ 11 ปี ด้วยความเก่งกาจเกินอายุและเก่งมาตั้งแต่เด็ก เขาได้รับการเมียงมองจากแมวมองชื่อดังอย่าง วัลเดมาร์เด บริโต้ และได้รับการติดต่อให้ไปทดสอบฝีเท้ากับสโมสรสมัครเล่นของบริโต้ ที่ชื่อ คลุบ อัตเลติโก เบารู จากนั้น ยังนำเปเล่ ไปยังเมืองเซาเปาโล เพื่อเข้าสู่ทีม ซานโตส สุดยอดทีมของบราซิล
ความประทับใจแรกเริ่ม ได้เริ่มต้นจากจุดนี้ เปเล่สร้างความประทับใจให้แก่แฟนบอล สื่อมวลชน และ ผู้บริหารของทีมซานโตส ด้วยการลงเล่น ในวัยเพียง 15 ปีและยิงได้ถึง 4 ประตู จนบริโต้ บอกกับผู้บริหารทีมซานโตส ว่า " ตำนานของวงการฟุตบอลโลกกำลังเกิดขึ้นแล้ว"
อีกหนึ่งปีต่อมา การแข่งขันลีกบราซิลได้เริ่มขึ้น เปเล่ ได้ลงเล่นในฐานะตัวจริงของทีมซานโตส และโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอด ตอนนี้ชีวิตของเขามีแต่ทะยานไปข้างหน้า โดยลืมอดีตอันยากแค้น ไว้อยู่เบื้องหลัง ต่อจากนั้นอีก 10 เดือน เปเล่ ถูกเรียกตัวติดทีมชาติบราซิล ซึ่งเขาใช้เวลาเพียง 2 ปีก็มาถึงจุดนี้ได้
19 มิ.ย. 1958 ฟุตบอลโลก ที่สวีเดน เปเล่ ติดทีมชาติบราซิลไปแข่งขัน ด้วยวัยเพียง 17 ปี 293 วัน ซึ่งถือว่าเป็นสถิตินักเตะอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก แต่ไม่หมดเพียงแค่นี้ เปเล่ ยังนำทีมชาติบราซิล คว้าแชมป์โลก ได้อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยฟอร์มการเล่นที่ตื่นตาตื่นใจ ให้ชาวยุโรปและคนทั้งโลกได้ชมกัน เปเล่จึงเป็นที่เล่าขานและเป็นที่ชื่นชมอย่างมากในตอนนั้น
ความเก่งกาจของเขา ไม่มีอะไรมาหยุดได้แล้ว แต่ในปี 1962 ฟุตบอลโลกที่ ชิลี เปเล่ ต้องโชคร้าย เมื่อลงแข่งได้เพียงนัดเดียวและได้รับบาดเจ็บทำให้เขาหมดสิทธิ์ลงเล่นช่วยทีม แต่บราซิลของเขา ก็ยังสามารถคว้าแชมป์โลก ได้เป็นสมัยที่สองติดต่อกัน แต่เปเล่ไม่มีส่วนร่วมด้วยเลย
ปี 1966 ฟุตบอลโลกที่ อังกฤษ เปเล่ ก็อดลงเล่นอีก เมื่อบาดเจ็บอีกครั้งหลังโดนการเล่นนอกเกม และโดนไล่เตะในนัดเจอ โปรตุเกส ทำให้เขาไม่มีส่วนร่วมกับฟุตบอลโลกอีก
ครั้งหนึ่ง แต่ในปี 1970 ฟุตบอลโลกที่ เม็กซิโก เปเล่ มาในความฟิตสมบูรณ์สุดขีด และมาพร้อมกับเพื่อนนักเตะที่เก่งกาจอย่าง ทอสเทา,แซร์ซินโญ่ และ ริเวลิโน่ บราซิลโชว์ฟอร์มได้สุดยอดอีกครั้ง และคราวนี้เปเล่ และเพื่อนร่วมทีมก็สามารถช่วยกัน คว้ามแชมป์โลกสมัยที่สามได้สำเร็จ
ในนัดชิง บราซิล ทีมที่เล่นเกมรุกได้ดีที่สุด เจอกับ อิตาลี ทีมที่เล่นเกมรับได้ดีที่สุด แต่ด้วยฟอร์มอันสุดยอดของเปเล่ เขาช่วยให้บราซิล ถล่มอิตาลีไปถึง 4-1 และเขายังโหม่งประตูแห่งความทรงจำ ซึ่งเป็นประตูที่ 100 ของบราซิลในฟุตบอลโลกอีกด้วย
เปเล่ ยังเป็นนักเตะที่ยิงประตูได้เยอะ และทำสถิติมากมาย จนจะหานักฟุตบอลซักคน จะทำแบบเขาได้ อย่าง ปี 1959 ยิงได้ 127 ลูก, ปี 1961 ยิงได้ 110 ลูก, ปี1965 ยิงได้ 101 ลูก และเปเล่ ยังเป็นเจ้าของสถิติทำแฮตทริกมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก คือ 92 ครั้ง และติดทีมชาติบราซิล 92 นัดเด้วย
เขายังเป็นนักเตะคนแรกที่ยิงได้ถึง 1,000 ประตูในปี 1969 ต่อหน้าแฟนบอลนับแสนคนใน สนามอันโอ่อ่า อย่าง มาราคาน่า สเตเดี้ยม ซึ่งคงจะหานักฟุตบอลคนใดจะยิงได้มากแบบเปเล่คงไม่มีอีกแล้วในโลกนี้
วันที่ 2 ต.ค. 1974 หลัจากคว้าแชมป์โลกมา 3 สมัยแล้ว เปเล่ ตัดสินใจแขวนสตั๊ดออกจากวงการฟุตบอลบราซิล และเล่นให้กับสโมสรเพียงสโมสรเดียวก็คือ ซานโตสมาตลอด หลายปี แต่จากนั้น เขาก็ตัดสินใจไปร่วมทีมคอสมอส ที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งเขาได้รับเงินถึง 7 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อไปกระตุ้นกีฬาซอคเกอร์ ให้คนอเมริกันหันมาชื่นชอบกัน
ที่อเมริกา เปเล่ประสบความสำเร็จทุกอย่าง ไม่ว่า จะเป็นนักเตะยอดเยี่ยม ดาวซัลโว และทำให้คนที่นี่หันมาสนใจซอคเกอร์เพิ่มมากขึ้น และ จนกระทั่ง วันที่ 1 ต.ค. 1977 เปเล่ตัดสินใจแขวนสตั๊ด อำลาวงการลูกหนังอย่างเป็นทางการ ในนัดสุดท้ายที่ ไจแอนนต์ สเตเดี้ยม ซึ่งคอสมอส พบกับ ซานโตส สโมสรเก่าของเขานั่นเอง ซึ่งการอำลาเป็นไปอย่างยิ่งใหญ่ มีแฟนบอลหลายหมื่นคนเข้าร่วมการอำลาของเขา
เมื่ออำลาวงการฟุตบอลไปแล้ว เขาก็ยังทำงานด้านฟุตบอลไปเรื่อยๆ ด้วยภาพลักษณ์ที่ดีทั้งในและนอกสนาม เปเล่ จึงได้รับการยกย่องจากแฟนบอลทั่วโลก และได้รับการยอมรับจากนานาชาติ องค์กรระดับโลกให้เข้าร่วมกิจกรรมที่ช่วยเหลือสังคมมาเสมอ
ในปี 1995 ประธานาธิบดี คาร์โดโซ่ ของบราซิล แต่งตั้ง เปเล่ให้เป็น รัฐมนตรีกีฬาของบราซิลด้วย นี่แสดงให้เห็นว่า เปเล่ เป็นตัวอย่างที่ดีที่นักเตะและคนรุ่นหลังๆต้องเอาแบบอย่างในการปฎิบัติตัว และไม่แปลกใจเลย ที่คนทั้งโลก ยกให้เขา เป็น นักเตะที่เก่งที่สุดแห่งศตวรรษ
ความเป็น " ไข่มุกดำ" เปเล่ ที่พระเจ้าประทานมาให้นั้น จะยังคงอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลทั้งโลกต่อไปไม่ว่าจะผ่านไปซักกี่ปีก็ตาม เขายังเป็นหนึ่งในใจของแฟนบอลทั้งโลกตลอดไป
เกียรติประวัติ | |
ระดับชาติ
ระดับสโมสร
|
ติดทีมชาติบราซิล 92 ครั้ง ยิง 77 ประตู แชมป์ฟุตบอลโลก ปี 1958 ที่สวีเดน แชมป์ฟุตบอลโลกปี 1962 ที่ชิลี แชมป์ฟุตบอลโลกปี 1970 ที่ เม็กซิโก ซานโตส ปี 1956-57 แชมป์แคว้นเซาเปาโล ปี 1956,1958,1960,1961,1962,1964,1965,1967,1968,1969,1973 แชมป์สโมสรอเมริกาใต้ ปี 1961,1962 (ซานโตส) แชมป์บราซิล ปี 1961,1962,1963,1964,1965,1968 (ซานโตส) แชมป์ลีกอเมริกาเหนือ ปี 1977 (คอสมอส)
|
ความคิดเห็น