คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : รอย คีน กัปตันทีมตัวจริงแห่งโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
รอย คีน กัปตันทีมตัวจริงแห่งโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
10 สิงหาคม 1971 ที่เมืองคอร์ก ประเทศไอร์แลนด์ รอย คีน ได้ลืมตาขึ้นมาดูโลกใบนี้ ซึ่งเขานี่แหละถือว่าเป็นยอดกัปตันทีมที่ประสบความสำเร็จอย่างมากมาย เฉกเช่นเดียวกับ เอริค คันโตน่า และไบรอัน ร็อบสัน กัปตันทีมคนก่อนๆ เพราะสำลักในความสำเร็จกับแมนฯ ยูไนเต็ด มาไม่ต่างกันนั่นเอง
รอย คีน เริ่มเข้าวงการฟุตบอลอาชีพกับทีม คอมบ์ แรมเบลอร์ แห่งเมืองน็อตติ้งแฮม ก่อนที่ "กุนซือปากกรรไกร" ไบรอัน ครัฟฟ์ จะคว้าตัวเขามาอยู่กับยอดทีมแห่งซิตี้ กราวน์ (น็อตติ้งแฮม ฟอร์เรส) ซึ่งในขณะนั้นคีนมีอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น และครัฟฟ์ให้เขาลงเล่นโดยทันที และคีนได้เป็นขวัญใจของแฟนบอลไปในบัดดล แต่คีนก็อยู่กับทีมได้เพียง 3 ปีเท่านั้น เพราะเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 1993 "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ซื้อตัวเขาเข้ามาร่วมทีมด้วยค่าตัว 3.75 ล้านปอนด์ (ทำลายสถิติสโมสรในขณะนั้น) ด้วยวัยเพียง 21 ปีเท่านั้น
ด้วยการครองบอล และส่งบอลที่หนักหน่วง แม่นยำ รวมไปถึงการวิ่งเข้าหาบอลแบบบ้าระห่ำ ทำให้เขายกระดับตัวเองเป็นมิดฟิลด์ตัวรับที่โดดเด่น จนอเล็ก เฟอร์กูสัน ได้มอบตำแหน่งกัปตันทีมต่อจาก เอริค คันโตน่า ที่แขวนสตั๊ดเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพไปในปี 1997 แต่คีนกลับต้องนั่งเป็นตัวสำรองเกือบตลอดฤดูกาล 1997-98 เมื่อเขามีอาการบาดเจ็บที่เอ็นหลังหัวเข่า แต่ก็หายกลับมาเล่นจนประสบความสำเร็จในฤดูกาล 1998-99 และต่อมาก็เป็นปีที่ทีมประสบความสำเร็จสูงสุดเมื่อคว้าทั้งแชมป์ลีก, เอฟ.เอ คัพ และยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก แต่คีนก็ไม่สุขเต็มที่เพราะเขาโดนแบนในรอบชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก เพราะโดนโทษ 2 ใบเหลือง จากรอบรองฯ กับยูเวนตุส แต่ถึงกระนั้นเขาก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเตะที่ไม่มีใครเทียบในนัดที่ทีมเอาชนะบาร์เซโลน่าในรอบก่อนหน้านั้น
ในฤดูกาลต่อมาคีนได้ต่อสัญญาอีก 4 ปีกับสโมสร หลังจากที่มีข่าวยืดเยื้ออยู่นาน ซึ่งในฤดูกาลนั้นเขาทำประตูได้ถึง 12 ประตู จนถึงช่วงปี 2000-01 คีนไม่ได้ลดความยิ่งใหญ่ในสนามลง เมื่อยูไนเต็ดสามารถคว้าแชมป์ลีกได้อีกครั้ง แต่นอกสนามเขากลับสร้างภาพลบของตัวเองเมื่อเขาได้วิจารณ์เพื่อนร่วมทีมและแฟนๆ ของทีมอย่างรุนแรงเมื่อยูไนเต็ดตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ตกรอบยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก ในปีเดียวกัน
ถึงแม้ว่าในสโมสรเขาจะเป็นหัวใจของทีม แต่สำหรับทีมชาติคีนถูกถอดจากทีมชาติไอร์แลนด์ในฟุตบอลโลกครั้งที่ผ่านมา หลังจากที่ระเบิดอารมณ์ใส่ มิค แมคคาร์ธี ผู้จัดการทีม ทำให้เขาหมดโอกาสได้แสดงฝีเท้าเมื่อไอร์แลนด์ลงเล่นในรอบที่สอง ที่ตามมาอีกก็คือเขายอมรับว่าเขามีปัญหาต่อเสียงโห่จากผู้ชม การทำฟาล์วอย่างตั้งใจ และการที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ซึ่งเกือบจะทำให้เขาโดนแบนห้านัดและถูกปรับเงิน 150,000 ปอนด์ จากบทความที่เขาเขียนขึ้นมาอีก
คีนตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งอีกครั้ง เมื่อเขาพยายามชักศอกกัน อลัน เชียร์เรอร์ ในนัดที่ยูไนเต็ดแพ้นิวคาสเซิ่ล 4-3 เมื่อต้นฤดูกาล 2001-02 ซึ่งนัดนี้คีนได้ออกมาประกาศว่าเขามีความคิดที่อยากจะเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพไปเลย หลังจากนั้นในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2002 คีนต้องถูกแบน 3 นัด จากนัดที่ทีมพบกับซันเดอร์แลนด์ เมื่อเขาจะต้องเจอกับ เจสัน แม็คเคเทียร์ คู่ปรับเก่าตั้งแต่ก่อนฟุตบอลโลก โดยคีนไปตีศอกใส่หน้าเจสันต่อหน้าต่อตาของกรรมการ ยูราย เรนนี่ แม้ว่าเซอร์ อเล็กจะช่วยปกป้องเขาอย่างเต็มที่ แต่ก็ไม่เป็นผลทำให้ต้องโดนแบนตามระเบียบ แต่ในช่วงที่เขาโดนแบนเขาก็ได้เข้ารับการผ่าตัดที่สะโพกทำให้คีนต้องพักยาวราว 4 เดือน แต่การบาดเจ็บครั้งนี้ทำให้เขาหลุดจากการเป็นข่าวได้พักใหญ่
เมื่อคีนกลับมาลงเล่นใหม่หลังจากการผ่าตัด เขาเปลี่ยนเป็นคนละคน และกลับมาเป็นนักเตะที่เป็นกำลังสำคัญสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับทีมอีกครั้ง ทั้งๆ ที่เขาเป็นนักเตะเลือดเดือดชอบความรุนแรงดุดัน แต่คีนก็ยังเป็นหัวใจของทีมอย่างไม่เสื่อมคลาย และด้วยความสามารถอันยอดเยี่ยมทำให้ทีมใหญ่ๆ ในยุโรปอยากจะได้เขาไปร่วมทีม แต่คีนยังคงปักหลักเป็นกัปตันทีมตัวจริงแห่งโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดต่อไป ด้วยสถิติลงเล่น 393 นัด ยิงได้ทั้งสิ้น 46 ประตู ซึ่งสถิติจะไม่หยุดเพียงเท่านี้อย่างแน่นอน เพราะฤดูกาลใหม่ (2004-05) ที่กำลังจะมาถึงนี้คีนยังคงเป็นตัวหลักของทีมและเขานี่แหละที่จะพาลูกทีมยูไนเต็ดทุกคนกลับมาทวงความยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง
ความคิดเห็น