คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ประวัติศาสตร์ ปีศาจแดง
ประวัติศาสตร์ยูไนเต็ด ตอน 1
นิวตัน ฮีธ 1878
กำเนิดยูไนเต็ด...
เมื่อพนักงานการรถไฟกลุ่มหนึ่งก่อตั้งทีมขึ้นในต้นทศวรรษ 1870 พวกเขาคงคงไม่นึกไม่ฝันว่าทีมจะกลายมาเป็นทีมยักษ์ใหญ่อย่างในปัจจุบัน
ชื่อเดิมของทีมคือ เดอะ แลงคาเชียร์ แอนด์ ยอร์คเชียร์ เรียลเวย์ ฟุตบอลคลับและเปลี่ยนมาเป็น นิวตัน ฮีธ ในปี 1878 ตามชื่อสถานีชุมทางหลักในเมืองแมนเชสเตอร์ สีประจำสโมสรคือเขียวเหลืองและใช้ นอร์ธ โร้ด ที่มอลเซลเป็นสนามแข่งนัดเหย้า
นิวตัน ฮีธ พยายามเข้าร่วมฟุตบอล ลีกถึงสองครั้งแต่ล้มเหลว เพราะไม่มีสโมสรใดในลีกตอนนั้นให้การสนับสนุนพวกเขาเลย ครั้งแรกในปี 1888 และอีกครั้งในปี 1890 และในที่สุดพวกเขาก็ได้รับการยอมรับเมื่อฟุตบอลลีกแบ่งออกเป็นสองดิวิชั่น ซึ่งจะอนุญาต ให้ทีมหน้าใหม่เข้าดิวิชั่นหนึ่งได้สามทีม นิวตัน ฮีธ เป็นหนึ่งในนั้น
เกมลีกนัดแรกในประวัติศาสตร์ของ "เดอะ ฮีธเตนส์" คือความพ่ายแพ้ 3-4 ต่อแบล๊คเบิร์น โรเวอร์ส ทีมยักษ์ใหญ่ในเวลานั้น แต่ชัยชนะนัดแรกของสโมสรก็มาถึงในไม่ช้า และเป็นชัยชนะที่มโหฬารเหลือเชื่อเราถล่ม วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 10-1 ซึ่งยังคงเป็นสถิติสโมสรของเกมลีกมาถึงปัจจุบัน
ปี 1894 สโมสรย้ายไปอยู่แบงก์ สตรีท,เคลย์ตัน แต่ประสบปัญหาทางการเงิน โชคดีที่มีผู้อำนวยการโรงกลั่นเบียร์ชื่อ จอห์น เอช.เดวี่ส์ สนใจให้ทุนกับสโมสรและกลายมาเป็นผู้อำนวยการและประธานสโมสรในที่สุด
ทีมจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงและทีมต้องเปลี่ยนชื่อไปเป็น "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" และชุดแข่งประจำทีมคือเสื้อแดงกางเกงขาว
ประวัติศาสตร์ยูไนเต็ด ตอน 2
ปี 1903-1938
ชื่อใหม่,ไม่เปลี่ยนเกม
หลังจากรอดจากการสูญพันธุ์และเปลี่ยนชื่อจากนิวตัน ฮีธ เป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โชดชะตาของสโมสรก็ดูดีขึ้นด้วย
ผู้จัดการทีมคนแรกของสโมสรได้รับการแต่งตั้งในปี 1903 และ เออร์เนสต์ แมงนัลล์ ก็เตรียมสร้างทีมให้คนแมนเชสเตอร์ได้ถูมิใจ ปี 1906 ปีศาจแดงพาตัวเองขึ้นจากดิวิชั่นสองและกำลังมองหาความท้าทายใหม่ ปี 1907 / 08 ยูไนเต็ดคว้าแชมป์ลีกเป็นหนแรกในประวัติศาสตร์สโมสร และปีรุ่งขึ้นพวกเขาคว้าแชมป์เอฟ เอ คัพ
ผู้ชมในสนามเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ และ จอห์น เอช เดวี่ส์ ประธานสโมสรรู้ชัดว่าทีมต้องการสนามใหม่ สนาม แบงก์สตรีท กราวด์ เล็กเกินไป สโมสรจึงซื้อที่ดินใกล้ๆ สโมสรแลงคาเชียร์ คริกเกต ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ดและสร้างบ้านใหม่ของพวกเขาขึ้น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เปิดใช้ในปี 1910 และลิเวอร์พูลก็ได้ลงสนามด้วยชัยชนะ 4- 3
ปีศาจแดงมีสนามใหม่ที่ดีกว่าเก่าหลายเท่าตัวแล้วแต่ผลงานในสนามยังลุ่มๆดอนๆ พวกเขาถูกมองเป็นทีมครึ่งๆกลางๆ ดีเกินไปที่อยู่ดิวิชั่นสอง แต่อ่อนเกินกว่าจะอยู่ดิวิชั่นหนึ่งเช่นกันยูไนเต็ดไปไม่ถึงฝัน
ผู้จัดการทีมยูไนเต็ด เออร์เนสต์ แมงนัลล์ (1903-1912)
เมื่อ เออร์เนสต์ แมงนัลล์ เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมคนแรกในประวัติศาสตร์ของยูไนเต็ด เขาตั้งใจจะพาทีมประสบความสำเร็จ เริ่มแรกเขาพายูไนเต็ดขึ้นมาจากดิวิชั่นสอง และพาทีมคว้าแชมป์ลีกปี 1908 ตามด้วยแชมป์เอฟเอคัพ ในปีต่อมาและพาทีมเป็นแชมป์อีกครั้งในปี 1911
ประวัติศาสตร์ยูไนเต็ด ตอน 3
ปลายทศวรรษ 40-50
เดอะ บัสบี้ เบ๊บส์
สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สองยูไนเต็ดมีปัญหาในทีมเล็กน้อย โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ใช้การไม่ได้ นักเตะรุ่นก่อนสงครามโลกของยูไนเต็ดแก่เกินไปสำหรับตอนนี้แล้ว และไม่มีผู้จัดการทีม จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง และเซ็นสัญญากับแมนฯ ซิตี้ เพื่อใช่สนามเมน โร้ด แข่งขันเกมเหย้า แล้วแต่งตั้ง แม็ตต์ บัสบี้ เป็นผู้จัดการทีม เขาวางแผนสร้างทีมใหม่
แม้ทีมชุดใหญ่ของเขาจะด้อยพรสวรรค์ไปบ้าง แต่ทีมที่สร้างจากเด็กในท้องถิ่นก็สามารถคว้าแชมป์ฤดูกาล 1951/52 และโด่งดังไปทั่วโลก ทันทีที่ทีมแสดงให้เห็นว่าจำเป็นต้องมีเลือดใหม่เข้ามาเสริมทีม บัสบี้ตัดสินใจว่าถึงเวลาที่จะแกะกล่องนักเตะใหม่ ที่มีพรสวรรค์ของเขาเสียทีและมันก็กลายเป็น บัสบี้ เบ๊บส์ อันลือลั่นนั้นเอง
เด็กๆของบัสบี้คว้าแชมป์ลีกฤดูกาล 1955/56 และเตรียมลุ้นแชมป์อีกใบ บัสบี้ไม่สนใจคำเตือนจากคณะกรรมการลีก พวกเขาพาทีมลุยยูโรเปี้ยนคัพ และเข้าถึงรอบรอง แต่ยังคว้าแชมป์ดิวิชั่นหนึ่งได้อีกสมัย และพวกเขาจะกลับมายุโรปใหม่ในปีหน้า
อย่างไรก็ตาม โศกนาฏกรรมเข้ามาหยุดยั้งความฝันของพวกเขาเสียก่อน เครื่องบินโดยสารทีมที่ลงจอดในมิวนิค เกิดอุบัติเหตุขณะกำลังทะยานขึ้นฟ้า นักเตะในทีมเสียชีวิตทันทีแปดคน ทั้งนักข่าว เจ้าหน้าที่สโมสรและเจ้าหน้าที่สายการบินอีก 15 คน เป็นโศกนาฏกรรมที่สะเทือนใจที่สุดในวงการกีฬาเกาะอังกฤษและทั้งประเทศต่างเศร้าสลด
ผู้จัดการทีมยูไนเต็ด - เซอร์ แม็ตต์ บัสบี้ (ยุคที่ 1)
แมสเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังระส่ำระสายเต็มทีในช่วงที่แม็ตต์ บัสบี้เข้ามาเป็นผู้จัดการทีม แต่เขากลับพลิกสถานการณและสร้างทีมจากเด็กเยาวชนในท้องถิ่นซึ่งรู้จักในนาม " บัสบี้ เบ๊บส์ " โศกนาฏกรรมทำให้พวกเขาหมดโอกาสสร้างความยิ่งใหญ่เต็มความสามารถ แต่ใครที่ได้เห็นพวกเขาลงเล่นล้วนเชื่อว่า นี่คือทีมชุดที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร
ประวัติศาสตร์ยูไนเต็ด ตอน 4
60 ทศวรรษแห่งความรุ่งเรือง
สร้่างฝันครั้งใหม่...
หลังจากต่อสู้กับอาการเจ็บป่วย แม็ตต์ บัสบี้ตัดสินใจจะสร้างทีมใหม่เพื่อทำฝันจะเป็นแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพให้เป็นจริง
การสร้างทีมใหม่อาจต้องใช้เวลาค่อยเป็ยค่อยไป ในช่วงสองสามปีแรกหลังจากเครื่องบินตก ยูไนเต็ดเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง นักเตะที่รอดชีวิตได้เพื่อนร่วมทีมใหม่จากทีมสำรอง ,ทีมเยาวชนและนักเตะที่ซื้อเข้ามาใหม่ ทีมเริ่มแข็งแกร่งขึ้นอย่างช้าๆ และเมื่อพวกเขาคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ในปี 1963 ยูไนเต็ดก็กลับมาอีกครั้ง
ในฤดูกาล 1963/64 ปีกวัยรุ่นร่างผอมบางถูกเรียกเข้าทีมชุดใหญ่ ชื่อของเขาคือ จอร์จ เบสต์ และเป็นนักเตะพรสวรรค์ที่หาไม่ได้ง่ายๆ ทีมมีเบสต์, เดนนิส ลอว์ และบ๊อบบี้ ชาร์ลตัน เขย่าขวัญกองหลังในดิวิชั่นหนึ่ง และรอไม่นานยูไนเต็ดก็คว้าแชมป์ลีก พวกเขาได้แชมป์สองสมัยในรอบสามปีและพร้อมที่จะลุยยูโรเปี้ยน คัพ แล้ว
สิบปีหลังยูไนเต็ดเสียนักเตะแปดคนที่กำลังจะเป็นแชมป์ยุโรป บัสบี้ก็ได้เห็นฝันที่เป็นจริง ยูไนเต็ดถล่มเบนฟิก้าในเวมบลีย์และคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพไปครองอย่างสมศักดิ์ศรี และในวันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของยูไนเต็ดมีนักเตะสองคนก้าวขึ้นมา ไบรอัน คิดด์ อายุเพียง 19 ในวันชิงชนะเลิศ และพูดแทนนักเตะยูไนเต็ดทุกคนว่า "ผมอยากชนะเพื่อเจ้านาย"
ความกล้าหาญ,ทักษะ,ความทะเยอทะยานและกำลังใจในทีมพาพวกเขาไปสู่ความรุ่งโรจน์ เซอร์แม็ตต์ระบุว่า "หัวใจของพวกเขาพร้อมมาก และนั่นคือสิ่งสำคัญ"
ผู้จัดการทีมยูไนเต็ด - เซอร์ แม็ตต์ บัสบี้ (ยุคที่ 2) ต.ค. 1945 - เม.ย. 1969
หลังจากเอาชนะปัญหาสุขภาพและความสะเทือนใจจากโศกนาฏกรรมที่มิวนิคได้สำเร็จ บัสบี้สร้างทีมขึ้นใหม่ ก้าวไปท้าความเป็นใหญ่ในยุโรป เมื่อพวกเขาชนะเบนฟิก้าในปี 1968 ทีมของบัสบี้ไม่เพียงคว้าแค่แชมปยูโรเปี้ยน คัพ แต่พวกเขาสร้างประวัติศาสตร์กับความยินดีในความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของยูไนเต็ด แม็ตต์ บัสบี้ คืออัศวิน
ประวัติศาสตร์ยูไนเต็ด ตอน 5
ทศวรรษ 1970
ชะตาที่ผกผัน
หลังจากที่รื่นเริงกันอย่างมากกับความสำเร็จในทศวรรษ 50 และ 60 ยูไนเต็ด ต้องเผชิญฝันร้่ายอีกครั้งในช่วงทศวรรษ 1970
เริ่มต้นทศวรรษอย่างเลวร้ายมากขึ้น สองผู้จัดการทีม วิลฟ์ แม็คกินเนสส์ และแฟร้งค์ โอ ฟาร์เรลล์ พยายามเข้ามาแทนที่บัสบี้ที่อำลาตำแหน่งไปแล้ว ต้องดิ้นรนอย่างหนัก ต่อมาทีมแต่งตั้ง ทอมมี่ ด๊อคเคอร์ตี้ และจำเป็นต้องมีนักเตะใหม่ แต่มันสายเกินแก้ และยูไนเต็ดก็ตกชั้น สโมสรมาถึงจุดตกต่ำที่สุดหลังสิ้นสงครามโลก แต่การล่วงไปอยู่ดิวิชั่นสองทำให้ทีมได้ตั้งตัวใหม่ มันทำให้ทีมได้เล่นในระดับที่ง่ายขึ้น และด้วยเกมเร้าใจของยูไนเต็ดพวกเขาคว้าแชมป์ดิวิชั่นสอง
พวกเขากลับมาเล่นฟุตบอลชั้นยอดอีกครั้งหลังหมดยุคบัสบี้ และกลับมาสู่ดิวิชั่นหนึ่งได้อย่างน่าทึ่ง พวกเขามีลุ้นทั้งแชมป์ลีกและฟุตบอลถ้วย แต่แล้วลิเวอร์พูลก็แซงหน้าคว้าแชมป์ลีกไป และเซาแธมป์ตันจากดิวิชั่นสองเฉือนยูไนเต็ด 1-0 ในรอบชิงเอฟเอ คัพ
ยูไนเต็ดลุกขึ้นมาใหม่ 12 เดือนต่อมาพวกเขาคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ โดยชนะลิเวอร์พูล 2-1 โชคร้ายที่พฤติกรรมนอกสนามของด๊อคเคอร์ตี้ไม่สบอารมณ์ฝ่ายบริหาร เขาจึงถูกแทนที่โดยเดฟ เซ็กซ์ตัน เขาพายูไนเต็ด กลับมาสู่เวมบลีย์อีกครั้งแต่แพ้ในรอบชิงเอฟเอ คัพ ต่ออาร์เซน่อล 2-3
ผู้จัดการทีมยูไนเต็ด - ทอมมี่ ด๊อคเคอร์ตี้ ธ.ค. 1972 - มิ.ย. 1977
เมื่อยูไนเต็ดตกชั้นไปดิวิชั่นสอง บรรดาเซียนทั้งหลายทำนายว่าเขาจะห่างหายจากแนวหน้าไปอีนาน "เดอะ ด๊อก" กลับไม่คิดเช่นนั้น และทีมของเขาก็คว้าแชมป์ดิวิชั่นสองมาได้อย่างง่ายดาย และกลับมาสู่ดิวิชั่นหนึ่ง พร้อมเข้าชิงเอฟเอ คัพถึงสองครั้งด้วยสไตล์การเล่นที่ตื่นตาตื่นใจ
ประวัติศาสตร์ยูไนเต็ด ตอน 6
ทศวรรษ 1980
เกมสนุกสนาน
ทศวรรษ 80 เป็นช่วงที่ฟอร์มยูไนเต็ดไม่มั่นคงที่สุด พวดเขาเปิดทศวรรษด้วยการไล่กวดลิเวอร์พูลจนเกือบได้แชมป์ในฤดูกาล 1979/80 และจบฤดูกาลลงที่หัวแถวอีกด้านหนึ่งของตาราง ในช่วงนี้ ชะตากรรมของสโมสรก็อยู่เหนือการคาดเดา
เมื่อรอน แอ๊ตกินสัน เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมต่อจาก เดฟ เซ็กซ์ตันในปี 1981 เขานำนักเตะใหม่เข้าทีมและกลับไปสโมสรเก่าที่เขาเพิ่งจากมาเพื่อซื้อตัว ไบรอัน ร็อบสัน ด้วยค่าตัว 1.5 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นสถิติการย้ายทีมในเกาะอังกฤษในเวลานั้น และต่อมาไม่นานร็อบสันก็กลายเป็นการซื้อที่คุ้มที่สุดแห่งศตวรรษ
แอ๊ตกินสันสร้างทีมที่เล่นได้น่าดูและแฟนๆ ก็ได้ชมเกมที่คุ้มค่าเงินพวกเขา ชัยชนะเอฟเอ คัพ สองสมัยเป็นที่ชื่นชมของแฟนๆ แต่ความหวังสำคัญยังอยู่ที่แชมป์ลีก ฤดูกาลต่อจากปี 1985 ที่ยูไนเต็ดพิชิตเอฟเวอร์ตันในรอบชิงเอฟเอ คัพ เริ่มต้นด้วยสถิติไร้เทียมทาน ยูไนเต็ดชนะสิบเกมแรกในลีกและใครๆต่างคิดว่าพวกเขาต้องได้แชมป์ตั้งแต่คริสต์มาสแน่นอน แต่ผลจากการบาดเจ็บและฟอร์มตกยูไนเต็ดไปไม่ถึงฝัน จบฤดูกาลที่อันดับ 4
ส่งผลให้อาชีพผู้จัดการทีมยูไนเต็ดของแอ๊ตกินสันขบลงและคนที่มาแทนที่คือ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซึ่งเขาตั้งใจสร้างทีมไว้
ความคิดเห็น