ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~:+: World Class ฉบับ ทันโลก :+:~

    ลำดับตอนที่ #1 : เจ้าพ่อลูกนิ่ง เดวิด เบ็คแฮม

    • อัปเดตล่าสุด 23 พ.ค. 50


     

    David Robert Joseph Beckham

    กำเนิด 2nd May 1975
    กำเนิดที่ Leytonstone, London
    ตำแหน่ง Right Midfield
    ส่วงสูง 6ft
    ลงเล่นให้ United นัดแรก 23/9/1992 Brighton (A)

    อยู่กับ Unitedตั้งแต่ปี 1992-2003

    ประวัติการลงเล่น/ประตู

    League 237 (28)/ 62
    FA Cup 22 (2)/ 6
    League Cup 10 (2)/ 1
    Europe 79 (4)/ 15
    Total 348 (36)/84

    ติดทีมชาติตั้งแต่ปี 1996- ปัจจุบัน ลงเล่น 59 Caps - 11 goals

    เกียรติยศกับ United

    1992 F.A. Youth Cup
    1996 F.A. Premier League
    1996 F.A. Cup
    1997 F.A. Premier League
    1999 F.A. Premier League
    1999 F.A. Cup
    1999 European Champions League
    1999 Intercontinental Cup
    2000 F.A. Premier League
    2001 F.A. Premier League
    2003 F.A. Premier League

             ใช้เวลานานพอสมควรกว่าหนุ่มจากค็อกนี่ย์จะครองใจแฟนยูไนเต็ดที่เกิดในแมนเชสเตอร์ได้ แต่ เดวิด เบ๊คแฮม คงรู้ว่าเขาทำได้ทุกครั้งที่เขาเงื้อเท้าเตะลูกเตะมุมและได้รับการยืนปรบมือให้เกียรติ ความรักยูไนเต็ดตั้งแต่วัยเด็กของเบ๊คแฮมกลายเป็นที่รู้จักกว้างขวางในทันที หลังจากที่เขายิงประตูได้ในนัดแรกที่เขาลงเต็มเวลาให้ทีมชุดใหญ่ เจอกับกาลาตาซารายในพฤศจิกายน 1994 และฉลองประตูกลางอากาศกับ เอริก คันโตน่า ด้วยแรงบันดาลใจจาก เดอะ คิง เบ๊คเป็นหนึ่งใน "เด็กๆ" ที่คว้าดับเบิ้ลแชมป์ในฤดูกาลต่อมา น่าขันที่การก้าวเข้ามาโด่งดังกับตำแหน่งมิดฟิลด์ของ เดวิด เบ๊คแฮม ในช่วงต้นฤดูกาล 1996/97 กลายเป็นตัวเร่งของการเลิกลาอาชีพฟุตบอลของเอริก "ประตูนั้น" ตามด้วยประตูที่น่าทึ่งอีกเป็นชุด และจากการเป็นแกนของทีมบทบาทของเอริก เริ่มด้อยความสำคัญลงทีละน้อย เบ๊คแฮมได้ก้าวมารับผิดชอบภาระสำคัญภายใต้เสื้อเบอร์เจ็ดที่โด่งดัง เบ๊คแฮมเป็นนักเตะที่เปิดบอลแม่นที่สุดในอังกฤษ แฟนส่วนใหญ่คงไม่ลืมลูกฟรีคิกที่ยิงบาร์เซโลน่าในช่วงต้นฤดูกาล แต่ที่ไม่ค่อยได้รับการพูดถึงคือการวิ่งขึ้นวิ่งลงทั่วสนามอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อยแม้เมื่อไม่มีบอลอยู่กับเท้า เพื่อช่วยเพื่อนอีกสิบคนของยูไนเต็ดเปิดเกมโต้กลับได้รวดเร็ว แม้วันที่เขายิงไม่ได้เบ๊คแฮมยังทำงานหนัก และเป็นคนเปิดบอลให้เพื่อนทำประตูได้ทรงประสิทธิภาพที่สุดในพรีเมียร์ชิพ

    จอร์จ เบสต์ กล่าวว่า "ผมมองเบ๊คแฮมอย่างสูงส่ง เขาสามารถเป็นเอริก คันโตน่า ของยูไนเต็ดและจะก้าวไปถึงจุดเดียวกันในทีมชาติอังกฤษ"



    สมัยเป็นเด็กนักเรียน เดวิด เบ๊คแฮม เป็นตัวแทนของเมืองเอสเซ็กซ์ ไปทดสอบฝีเท้าเป็นนักเตะของโรงเรียนที่เลย์ตั้น โอเรี้ยนต์ และท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ซึ่งเขาโชว์ฟอร์มได้เยี่ยมมาก

    หลังจากเซ็นสัญญาเป็นนักเตะฝึกหัดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 8 ก.ค.1991 เขาช่วยให้สโมสรคว้าแชมป์เอฟเอ คัพในระดับเยาวชน ในเดือนพฤษภาคม ปี 1992 โดยเป็นผู้ทำประตูในนัดชิงนัดที่ 2 กับคริสตัล พาเลซ

    หลายเดือนต่อมา ในวันที่ 1 ต.ค. 1992 เดวิดได้ลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่ของสโมสรเป็นครั้งแรก ในฐานะตัวสำรอง ในนัดที่พบกับ ไบรท์ตัน และ โฮฟ อัลเบี้ยน ในศึกรัมเบลโลว์ส คัพ อย่างไรก็ตาม เขายังคงต้องรอคอยโอกาสในการลงเล่นในลีกนัดแรกให้กับทีมปีศาจแดงถึง 2 ปีครึ่งเลยทีเดียว

    ในช่วงเวลาดังกล่าว เขาได้รับเหรียญรองแชมป์เอฟเอ ยูธ คัพในปี 1993 โดยแมนฯ ยูฯแพ้ต่อลีดส์ในรอบชิงชนะเลิศ แต่เขาก็ร่วมประสบความสำเร็จกับทีมสำรอง เมื่อปีศาจแดงผงาดคว้าแชมป์ทีมระดับสำรองในปี 1994 และเขายังเคยถูกเปรสตัน นอร์ธเอนด์ ทีมจากย่านแลงคาเชียร์ ยืมตัวไปใช้งานอีกด้วย โดยเขาลงเล่นให้กับเปรสตันไป 5 นัด และยิงได้ 2 ประตู

    อย่างไรก็ตาม ในที่สุดเดวิดก็ได้ลงเล่นในพรีเมียร์ ลีก ครั้งแรกจนได้ ในเกมที่แมนฯ ยูฯเปิดโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รับมือ ทีมลีดส์ ยูไนเต็ด ในวันที่ 2 เม.ย.1995 แต่เขากลับมาแจ้งเกิดในทีมชุดใหญ่ของแมนฯยูฯอย่างเป็นทางการในฤดูกาลถัดมา ในซีซั่น 1995-96

    เดวิดเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ทางกราบขวา ทดแทนตำแหน่งของอันเดร แคนเชลสกี้ส์ ได้อย่างโดดเด่น เขาเริ่มโชว์ฝีเท้าเหนือชั้น ด้วยการยิงประตูอย่างสุดยอด รวมถึงประตูในนัดชนะเชลซีในศึกเอฟเอ คัพรอบรองชนะเลิศ ซึ่งฤดูกาลนั้นจบลงโดยการที่แมนฯ ยูฯคว้าดับเบิ้ลแชมป์เป็นครั้งที่สอง

    เขาเริ่มต้นฤดูกาล 1996/97 ด้วยประตูที่สร้างชื่อเสียงให้กับเขามากที่สุด เมื่อยิงลูกบอลจากกลางสนามเข้าประตูไปอย่างงดงาม ในนัดปะทะวิมเบิลดันที่เซลเฮิร์สต์ ปาร์ค หลังจากนั้น เขายังได้หมวกใบแรก ในนามทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ ในนัดที่ทีมสิงโตคำราม เจอกับมอลโดว่า ที่คิชิเนฟ เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 1996 หลังจากที่ก่อนหน้านี้เขาก็ติดทีมชาติอังกฤษชุดเยาวชน และชุดยู-21 มาก่อนแล้ว

    เดวิดมีส่วนร่วมในความสำเร็จในฤดูกาล 1996/97 ของปีศาจแดงอย่างมาก เมื่อเป็นกำลังสำคัญช่วยให้ทีมได้แชมป์พรีเมียร์ชิพอีกครั้ง และยังพาทีมเข้าถึงรอบตัดเชือก ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และด้วยฟอร์มการเล่นที่คงเส้นคงวา ก็ทำให้เขาได้รับการโหวตให้เป็นนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยม และรองนักเตะยอดเยี่ยมประจำปีนั้นอีกด้วย

    ในฤดูกาล 1997-98 ถือเป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่น่าผิดหวังของแมนฯ ยูฯ โดยพวกเขาจบฤดูกาลด้วยตำแหน่งรองแชมป์พรีเมียร์ ลีก มีคะแนนตามหลังอาร์เซน่อลที่ได้แชมป์ไปครอง แถมยังพ่ายบาร์นสลีย์ตกรอบเอฟเอ คัพ และยังถูกโมนาโกเขี่ยตกรอบก่อนรองชนะเลิศศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกอีก แต่ก็ยังมีรางวัลปลอบใจสำหรับเบ๊คแฮม เมื่อเขาถูกเรียกติดทีมชาติอังกฤษชุดตะลุยฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย

    ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปี1998 มีหลากหลายรสชาติสำหรับเดวิด และจากนนั้นมาก็เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในอาชีพค้าแข้งของเขา หลังจากเริ่มต้นด้วยการเป็นตัวสำรองอยู่ที่ม้านั่งข้างสนามสำหรับ 2 แมตช์แรกในฟุตบอลโลก เขาก็กลายมาเป็นฮีโร่ในนัดที่อังกฤษ พบกับ โคลัมเบีย เมื่อเป็นผู้ซัดฟรีคิกเข้าประตูไปอย่างงดงาม แต่หลังจากนั้น เขาก็ถูกประณามว่าเป็นปีศาจ เมื่อไปเล่นนอกเกมทำฟาวล์ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ทำให้ถูกไล่ออกจากเกมนั้น และส่งผลให้อังกฤษถูกอาร์เจนตินาเขี่ยตกรอบ 2 ในศึกฟุตบอลโลก ซึ่งนับเป็นใบแดงใบแรกในชีวิตการค้าแข้งของเขาด้วย

    มีผู้คาดการณ์ว่าจากปัญหาในศึกฟุตบอลโลกในครั้งนี้ อาจมีผลทำให้เดวิดต้องระเห็จจากวงการฟุตบอลในอังกฤษ แต่เดวิดไม่ยอมจำนน และก็พิสูจน์ให้พวกเขาได้รู้ว่า ทุกสิ่งที่พวกเขาคาดการณ์นั้นมันผิด โดยเกมแรกในลีกในนัดที่ปะทะกับเลสเตอร์ เบ๊คแฮมปั่นฟรีคิกอันเลื่องชื่อของเขาช่วยให้แมนฯ ยูฯ ไม่แพ้

    ในเดือนมีนาคม ปี 1999 เบ๊คส์ก็ได้เป็นพ่อคน มีลูกนามว่า บรู๊คลีน ซึ่งเขารักมากถึงขนาดปักชื่อนี้ลงบนสตั๊ดของเขา หลังจากที่แมนฯ ยูฯสามารถคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ได้สำเร็จด้วยการผงาดครองแชมป์พรีเมียร์ชิพ, เอฟเอ คัพ และยูโรเปี้ยน คัพ หลังจากนั้น ในเดือนกรกฎาคมปีเดียวกันนั้น เดวิดก็ตัดสินใจสละโสด แต่งานกับวิคตอเรีย อดัมส์ หรือรู้จักกันเป็นอย่างดีในนามของ พอช หนึ่งในสมาชิกวงสไปซ์ เกิร์ล

    ฤดูกาล 1999-2000 ถือเป็นอีกฤดูกาลที่เดวิดประสบความสำเร็จ ถึงแม้ว่าจะถูกบรรดานักข่าวโจมตีเกี่ยวกับเรื่องผมทรงใหม่ของเขา รวมไปถึงการโต้เถียงอย่างรุนแรงกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันก็ตาม

    มิดฟิลด์สุดหล่อคนนี้ สามารถคว้าเหรียญรางวัลแชมป์พรีเมียร์ชิพ เหรียญที่ 4 ให้กับตัวเองได้สำเร็จ และยังได้รับการโหวตให้เป็นรองนักเตะยอดเยี่ยมของยุโรปและของโลกในปีนั้นอีกด้วย โดยเป็นรองริวัลโด้สตาร์ทีมบาร์เซโลน่าและทีมชาติบราซิลทั้ง 2 รางวัล อีกทั้งยังได้รับรางวัลรองชนะเลิศนักกีฬายอดเยี่ยมประจำปีของบีบีซีอีกต่างหาก โดยในรางวัลนี้เขาเป็นรอง เล็นน็อกซ์ ลูอิส นักค้ากำปั้นรุ่นยักษ์เจ้าของแชมป์โลก ขวัญใจแฟนๆกีฬาหมัดมวยในอังกฤษ

    สำหรับฤดูกาล 2000-2001 ความสำเร็จครั้งสำคัญของเบ๊คแฮม กลับไปอยู่ที่การแข่งขันในระดับชาติ แม้ว่าเขาจะคว้าแชมป์ลีกอีกสมัยร่วมกับแมนฯ ยูฯ พร้อมกับสถิติยิงประตูใน 3 นัดติดต่อกันในช่วงต้นฤดูกาลก็ตาม

    เดวิดได้ภาคภูมิใจกับตำแหน่งกัปตันทีมชาติเป็นครั้งแรกในนัดกระชับมิตรกับทีมชาติอิตาลี และยังคงได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมในนัดที่พบกับ สเปน ในนัดกระชับมิตร รวมถึงฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกกับ แอลเบเนีย และฟินแลนด์ ซึ่งเขายังเป็นผู้ยิงประตูสำคัญ ที่แอนฟิลด์ สนามของลิเวอร์พูลได้อีกด้วย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×