~:+:ตำนานลูกหนัง:+:~

ลำดับตอนที่ #1 : เฟเรนซ์ ปุสกัส ยอดศูนย์หน้าผู้ล่วงลับ

ยอดศูนย์หน้าผู้ล่วงลับ
        

             ดาวเตะถนัดซ้าย "เฟเรนซ์ ปุสกัส-Ferenc Puskas" เกิดวันที่ 2 เมษายน พ.ศ.2470 ณ กรุงบูดาเปสต์ ฮังการี เริ่มฟุตบอลอาชีพครั้งแรกเมื่ออายุเพียง 16 เป็นสมาชิกทีมกิสเปสต์ บูดาเปสต์ 2 ปีต่อมา ติดทีมชาติครั้งแรกในเกมเตะกับออสเตรีย ก่อนจะถึงปีทอง 2493 เป็นทีมนอกเกาะอังกฤษทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่ชนะทีมชาติอังกฤษถึงสนามเวมบลีย์แบบท่วมท้น 6-3 ประตู ถึงทุกวันนี้แฟนบอลรุ่นใหญ่ยังคงจดจำภาพประตูที่ 3 ของฮังการีได้ดี ปุสกัสล็อกบอลหลบ บิลลี่ ไรต์ กัปตันทีมสิงโตคำราม ก่อนกลับตัวสับไกยิงด้วยเท้าซ้ายในตำแหน่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้

ปี 2497 ปุสกัสซึ่งมีอาการบาดเจ็บ นำทีมผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกพบกับเยอรมนีได้อย่างน่าทึ่ง และพ่ายไปแบบฉิวเฉียด 2-3 โดยฮังการีเป็นฝ่ายขึ้นนำไปก่อน 2-0 แต่ลูกยิงตีเสมอลูกสุดท้ายของปุสกัสถูกกรรมการเป่าฟาวล์เสียก่อน อย่างไรก็ตาม สปิริตนักกีฬายังเต็มขั้น เขายิ้มรับเข้าไปแสดงความยินดีกับอินทรีเหล็กอย่างจริงใจ

พ.ศ.2499 เกิดการปฏิวัติในฮังการี ปุสกัสและเพื่อนนักเตะอีกหลายคนซึ่งร่วมทัวร์แข่งขันในยุโรปกับทีมฮอนเวด (เดิมคือกิสเปสต์) ปฏิเสธที่จะกลับบ้านเกิด และเริ่มมองหาสังกัดใหม่ ระหว่างนั้นปุสกัสถูกยูฟ่าสั่งลงโทษห้ามแข่งขัน 2 ปี จังหวะเดียวกับที่เขาบอกปัดข้อเสนอของเอซี มิลาน กับยูเวนตุส และไปลงเอยที่รีล มาดริด จับคู่กับ ดิสเตฟาโน่ สร้างตำนานคู่หูแข้งทองที่ประสบความสำเร็จที่สุดคู่หนึ่งในประวัติศาสตร์ฟุตบอลยุโรป

ฤดูกาลแรก ปุสกัสยิงแฮตทริคถึง 4 ครั้ง พร้อมกับดิสเตฟาโน่ พารีล มาดริดคว้าแชมป์ลาลีก้า 5 สมัยซ้อนระหว่างปี 2504-2508 และแชมป์โคป้า 2505 ครองตำแหน่งดาวซัลโว 4 ฤดูกาล ปี 2503, 2504, 2506 และ 2507 ส่วนผลงานถ้วยยุโรปก็ยอดเยี่ยม 39 นัด ยิง 35 ประตู ครองถ้วยยูโรเปี้ยนคัพ 3 สมัย เฉพาะอย่างยิ่งในนัดชิงปี 2503 ถล่ม ไอน์ทรัก แฟรงก์เฟิร์ต 7-3 ปุสกัสเหมา 4 ลูก ขณะที่อีก 3 ลูกเป็นผลงานของดิสเตฟาโน่

ด้วยปัญหาการเมือง ปุสกัสตัดสินใจโอนสัญญชาติไปเล่นให้กับทีมชาติสเปนเป็นระยะเวลาสั้นๆ รวม 4 นัด และร่วมทีมไปแข่งขันฟุตบอลโลก 2505 ด้วย แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าเมื่ออยู่กับฮังการีที่ลงสนามให้ทีมชาติ 84 นัด ยิงไป 83 ประตู ส่วนที่รีล มาดริด ซัด 512 ประตู จาก 528 นัด


ปุสกัสรักสนุก ชอบปาร์ตี้โต้รุ่ง ดื่มแอลกอฮอล์ แต่ไม่เคยปล่อยให้ไลฟ์สไตล์เหล่านี้สร้างปัญหาในหน้าที่การงาน บั้นปลายชีวิต ปี 2543 เขาป่วยเป็นโรคพาร์คินสัน เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลในกรุงบูดาเปสต์ ก่อนสิ้นลมอย่างสงบในวัย 79 เมื่อ 17 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ท่ามกลางความอาลัยของแฟนฟุตบอลทั่วโลก