ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] Little Loony Lovegood [George x Luna] [END]

    ลำดับตอนที่ #86 : 86 ll Until we grow old

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 895
      100
      25 ธ.ค. 63


    86


    Until we grow old




                เมื่อสายลมอันหนาวเหน็บพัดผ่านไปก็พาให้สายลมเย็นสบายของฤดูใบไม้ผลิมาเยือน สัตว์ที่หลับใหลจากการจำศีลพลันตื่นขึ้น

    เช่นเดียวกันกับเมล็ดพันธุ์น้อยๆ ที่พร้อมจะผลิบานรับฤดูกาลใหม่ -- และที่บ้านโพรงกระต่ายวันนี้ก็มีงานแต่งงานของลูกชาย

    ที่เหลือคนสุดท้ายในบ้าน... (เพราะชาลีบอกว่าถ้าเรื่องแต่งงานให้เลิกนับรวมเขาไปได้เลย)

                

              ลูน่าเดินทางจากบ้านมายังบ้านโพรงกระต่ายตั้งแต่เช้าตรู่ตามที่มอลลี่นัดเอาไว้ ตอนนี้หญิงสาวผมบลอนด์กำลังสวมชุดแต่งงานสีรุ้ง

    ที่ช่วงเกาะอกยาวไปถึงเอวมีดอกไม้สีอ่อนหลากสีประดับอยู่อย่างสวยงาม กระโปรงผ้าชีฟองยาวจดพื้นมีเถาวัลย์สีขาวเลื้อยขึ้นมา

    ยิ่งทำให้ลูน่าดูน่าทะนุถนอมมากขึ้นไปอีก -- นั่นคือสิ่งที่มาเรียบอกขณะเธอทำมือให้ลูน่าหมุนตัวให้ดูแม้เจ้าสาวออกอาการเขินอาย

    และหน้าแดงจากคำชมที่ได้รับ


           แคตี้ที่มีลูกชายตัวน้อยวัยหนึ่งขวบชื่อไลแซนเดอร์ นอนหลับอยู่ในอ้อมแขน จินนี่พร้อมพอตเตอร์ตัวน้อยที่อยู่ในท้อง และมาเรียนั่ง

    ชื่นชมความสวยของชุดที่เหมาะกับเจ้าสาวอย่างลูน่าเท่านั้น ก่อนนึกขึ้นได้ว่าไม่ใช่เวลามานั่งเอื่อยเฉื่อยเมื่อเฮอร์ไมโอนี่เข้ามาดูด้วยอีกคน

    หลังจากที่เธอไปจัดการกับหนุ่มๆ ข้างล่างไม่ให้เล่นซนเกินอายุจนสร้างความเสียหายให้กับสถานที่จัดงานเสร็จแล้ว

                

              มาเรียดึงให้ลูน่ามานั่งหน้ากระจกบานยาวแล้วเริ่มลงแปรงแต่งหน้าอ่อนๆ ให้เข้ากับสีหวานของชุด ก่อนเริ่มจัดการกับผมของเจ้าสาว

    โดยไม่ใช้เวทมนตร์ช่วยแม้แต่คาถาเดียวเพราะเธอมีความสุขกับทุกขั้นตอนที่ทำให้เพื่อนสนิทด้วยมือเธอเองในวันสำคัญอย่างนี้ 

    เธอหวีผมหยักศกสีบลอนด์ที่พันกันยุ่งให้ดูเรียบร้อยขึ้นพลางแบ่งผมเป็นช่อถักเป็นเปียเล็กๆ ด้วยความประณีตพันรอบศีรษะ

    ก่อนเก็บผมข้างหลังที่เหลือเกล้าขึ้นทั้งหมดแล้วจบด้วยดอกไม้ดอกเล็กสีชมพูกับขาวที่เสียบแซมไว้ระหว่างเปีย


           “เสร็จแล้ว -- เป็นไง” มาเรียถอยห่างจากกระจกให้ลูน่าดูตัวเองพลางหันไปถามผู้ชมอีกสามคนก่อนได้รับนิ้วหัวแม่มือ

    แสดงความชื่นชมมาเป็นคำตอบ


           “ฝีมือเธอไม่เคยตกอยู่แล้ว” เฮอร์ไมโอนี่ตอบจากใจจริงเพราะตอนที่เธอแต่งงานก็ได้รุ่นน้องคนนี้มาช่วยเธอเหมือนกัน


           “ฉันไม่เคยเห็นชุดแต่งงานแบบนี้มาก่อนเลย -- พนันได้เลยว่าจอร์จต้องจ้องเธอตาไม่กะพริบแน่” จินนี่บอกอย่างมั่นใจราวกับวิชา

    พยากรณ์ศาสตร์ช่วยให้เธอมองเห็นภาพพี่ชายของเธอในอนาคตอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า

                

              “ฉันไม่แปลกใจเลยที่สมัยเรียนตอนแข่งควิดดิชจอร์จชอบมองไปทางอัฒจันทร์ฝั่งเรเวนคลอบ่อยๆ” แคตี้เสริม “พวกเธออาจไม่รู้ 

    จำได้ไหมตอนที่เคยมีข่าวลือว่าจอร์จคบกับแอนเจลิน่าน่ะ ตอนนั้นเขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเชียวละเวลามีคนถามเรื่องนี้ ยิ่งตอนที่ประชุม

    เรื่องแผนการเล่นควิดดิชยิ่งแล้วใหญ่เพราะล่มไปไม่รู้ตั้งกี่รอบแต่พอไม่ได้คุยกับลูน่าก็เซื่องซึมซะจนฉันนึกสงสารขึ้นมาเลย 

    แถมโอลิเวอร์ต้องคิดจนหัวแทบระเบิดว่าทำยังไงถึงจะเรียกกำลังใจจากจอร์จกลับมาได้...นี่ฉันพูดมากไปรึเปล่า”

                

              “ไม่เลย” จินนี่ตอบ “เรื่องจอร์จน่ะมีให้พูดเป็นอาทิตย์ก็ไม่หมด จะว่าไปฉันต้องขอบคุณลูน่าด้วยซ้ำที่ทำให้รู้ว่าแท้จริงแล้วพี่ชายฉัน

    ก็มีมุมอ่อนโยนเหมือนกัน แต่บางทีก็มากซะจนฉันไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ก่อนหน้านั้นทั้งเฟร็ดแล้วก็จอร์จชอบหาสารพัดเรื่อง

    มากวนประสาทฉันได้ทุกวัน”

                

              “ว้าว” เสียงๆ หนึ่งดังมาจากประตู เฟลอร์เดินเข้ามาในห้องแล้วพูดด้วยสำเนียงที่ยังติดฝรั่งเศสนิดๆ “ฉันชอบชุดแต่งงานของเธอจัง 

    เธอสวยมากเลย”


           “ขอบคุณค่ะ” ลูน่าตอบเสียงฝันๆ ในทางกลับกันก็ยิ่งรู้สึกเขินเข้าไปใหญ่

               

              “ฉันเอาสร้อยมาให้ละ” เฟลอร์หยิบสร้อยสีเงินแบบเรียบหรูออกมาพลางบอกให้ลูน่าหมุนตัวเพื่อเธอจะได้ใส่ให้ 


              ในตอนนั้นเองที่มีเสียงเคาะประตู

        

              “ฉันเปิดเอง” แคตี้ผุดลุกขึ้นไปยังต้นเสียง แง้มประตูดูก็เจอกับสามีจอมเจ้าเล่ห์ของเธอ “มาทำไมมิทราบ”


           “มาดูเจ้าสาว ลูน่าแต่งตัวเสร็จรึยัง” เฟร็ดว่าพลางอุ้มไลแซนเดอร์ต่อจากแคตี้อย่างเบามือ “แล้วก็มาหาวีสลีย์ตัวน้อยด้วย”


           “เธอแต่งตัวเสร็จแล้ว”


           “งั้นขอเข้าไปดูหน่อยนะ” เขาไม่รอให้อีกฝ่ายอนุญาต อาศัยช่วงที่แคตี้เผลอแทรกตัวเข้าไปในห้องก่อนยิ้มมุมปากเมื่อเจอเจ้าสาว

    แสนสวยที่จอร์จดิ้นเร่าๆ ว่าอยากมาดูให้ได้แต่ก็โดนกักตัวไว้แค่ข้างล่างเลยส่งตัวเขาขึ้นมาดูแทน เพื่อเอาไปเล่าให้เจ้าบ่าวใจร้อนฟัง

    ว่าเจ้าสาวในวันนี้สวยแค่ไหน

                

              จินนี่ส่งสายตาตำหนิพี่ชายแต่ก็พูดเสียงดังมากไม่ได้เพราะเดี๋ยวไลแซนเดอร์จะตื่นเอา “พี่จะเข้ามาทำไม”


           “แวะมาดูว่าเรียบร้อยดีไหมน่ะสิแต่ดูเมือนจะเรียบร้อยดีแล้วนะ เอ้อ มาเรีย เมื่อกี้นี้เชมัสบอกว่ารอเธอให้ไปช่วยเขาอยู่แน่ะ”


           จากประสบการณ์ที่เจอะเจอมา การที่สามีของเธอรอให้เธอไปช่วยนั้นไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเลยสักนิด “มีอะไรที่อันตรายกับเชมัส

    นอกจากหม้อปรุงยาที่ฮอกวอตส์อีกหรือ”


           “ก็ชุดออกงานของเขาที่มันกำลังปริยังไงล่ะ เธอเลี้ยงเขาดีเกินไปแล้วนะมาเรีย -- เชมัสบอกว่ามีแค่เธอเท่านั้นที่ช่วยเขาได้”


           มาเรียกลอกตาอย่างหน่ายใจ “งั้นเจอกันข้างล่างนะ” เธอบอกกับทุกคนรวมทั้งลูน่าก่อนออกไปจากห้อง


           “ทีนี้เธอก็ควรออกไปได้แล้ว เฟร็ดดี้”


           “โอเค” เฟร็ดยอมเชื่อฟังไม่อิดออดก่อนส่งลูกคืนให้แคตี้


           “แล้วจอร์จล่ะ เรียบร้อยดีใช่ไหม”


              เฟร็ดพยักหน้าให้จินนี่ “จอร์จแต่งตัวเสร็จตั้งชั่วโมงแล้ว -- หล่อมากด้วย ทั้งที่ปกติฉันจะหล่อกว่าจอร์จหน่อยนึงแต่วันนี้ฉันเสียสละ

    ยอมให้เขาวันนึง” เขาพูดประโยคหลังกับลูน่าพร้อมยิ้มให้เธอ “ฉันไปก่อนนะ ว่าจะไปเป่าหูบรรยายลักษณะของเธอในวันนี้ให้เจ้าบ่าวฟัง

    สักหน่อย พนันได้เลยว่าจอร์จจี้ของฉันต้องงอแงอยากมาหาเธอแน่”


           “อย่าให้เขาขึ้นมาเชียวนะ” แคตี้รีบห้าม


           “ไม่ต้องเป็นห่วงไป จอร์จฝ่าด่านแม่มาไม่ได้หรอก”


           “ฉันว่าใกล้ได้เวลาแล้วล่ะ” เฟลอร์บอกหลังตรวจดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือ “พวกเราน่าจะลงไปรอข้างล่างกันนะ”


           ทุกคนพยักหน้าเห็นตรงกัน ก่อนออกจากห้องจินนี่เดินมาจับแขนลูน่า “ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงสักที ฉันรอลุ้นพอๆ กับตอนที่รอผล

    ประกาศว่าจะได้เข้าทีมควิดดิชหรือเปล่าเชียวละ ต่อจากนี้ไปฝากเธอดูแลไม่ให้จอร์จทำบ้านระเบิดเพราะทดลองประดิษฐ์สินค้า

    สารพัดอย่างของเขา แล้วก็ช่วยดูแลหัวใจเขาเหมือนอย่างที่ผ่านมาทีนะ...แล้วเจอกันข้างล่าง”


           ลูน่าถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวในห้องเพื่อรอเวลาพิธีเริ่ม ดวงตากลมโตมองดูตัวเองในกระจก เธอแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าอีกไม่กี่ชั่วโมง

    ข้างหน้าก็จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เรียกว่าครอบครัวกับจอร์จ วีสลีย์ ริมฝีปากยิ้มขึ้นบางๆ ก่อนเดินไปตรงหน้าต่างมองกระโจมสีขาว

    ที่ประดับตกแต่งด้วยดอกไม้และกระดาษหลากสีที่ทิ้งตัวลงยาวจากยอดกระโจมแทนที่ธงประดับราวกับเป็นดอกไม้ไฟที่ระเบิดออกมา

    เป็นดอกไม้แสนสวย  


           หญิงสาวตื่นเต้นมากขึ้นเมื่อมองเห็นบรรดาพ่อมดแม่มดในชุดเสื้อคลุมสีสันสดใสปรากฏขึ้นทีละร่างตรงถนนที่ทอดยาวเข้าสู่

    บ้านโพรงกระต่ายเพื่อมางานของเธอกับจอร์จ ทุกอย่างยิ่งตอกย้ำให้ชัดเจนว่าวันนี้ถือเป็นอีกวันหนึ่งที่สำคัญจนเธอต้องยกมือ

    ทาบหัวใจตัวเองไม่ให้เต้นแรงจนเกินไป


           ทางฝั่งหนุ่มๆ พวกเขายืนคอยต้อนรับบรรดาแขกเหรื่อโดยเฉพาะเครือญาติวีสลีย์ที่กินพื้นที่ไปแล้วครึ่งกระโจม นอกจากนี้เป็นญาติ

    ทางฝั่งเลิฟกู๊ดกับเพื่อนฝูงจากฮอกวอตส์ที่ยังคงมีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นแฟ้นโดยเฉพาะทีมควิดดิชกริฟฟินดอร์ที่นำทีมโดย

    โอลิเวอร์ วู้ด เดินนำ(อดีต)ลูกทีมคนอื่นๆ เข้างาน


           จอร์จอดไม่ได้ที่จะมายืนร่วมวงกับพวกแฮร์รี่ เฟร็ด รอนและพี่น้องคนอื่นที่ทำหน้าที่ต้อนรับ ไม่อย่างนั้นเขาต้องตื่นเต้นจนเป็นบ้าแน่

    ถ้าต้องทนนั่งเฉยๆ อยู่แต่ในบ้านแล้วคิดถึงภาพนังหนูที่เฟร็ดมาสาธยายให้ฟังเมื่อหลายนาทีก่อน


           “นายจะตั้งชื่อบ้านใหม่ว่าอะไร” รอนถามจอร์จ “ที่นี่บ้านโพรงกระต่าย บิลกับเฟลอร์ก็มีบ้านเปลือกหอย”

               

              จอร์จนึกขอบคุณที่รอนหาเรื่องมาชวนคุยจะได้ลดความตื่นเต้น แต่เรื่องนี้ไม่เคยอยู่ในหัวเขาสักนิด “ต้องมีชื่อด้วยรึ”

                

              “แน่นอนสิ”

                

              จอร์จยืนนิ่งคิด...คิดแบบจริงจังมาก “บ้านของฉันกับลูน่า”

                

              แฮร์รี่หลุดขำพรืด ขณะที่รอนทำหน้ามุ่ย “จริงจังหน่อยสิ”

                

              “บ้านของฉันกับภรรยา” จอร์จตอบแบบส่งเดชซึ่งรอนก็ยังเงียบอีก “บ้านของจอร์จกับลูน่าก็ได้เอ้า -- นึกออกแล้ว! บ้านของฉัน

    ที่ไม่ต้องมีชื่อก็ได้และพวกนายก็ห้ามมายุ่ง”


              “เลิฟลีย์(Loveley) ที่มีนามสกุลของพวกนายสองคนรวมกันเป็นไง หรือจะหมายถึงเลิฟลี่(Lovely)ที่แปลว่าน่ารักก็ได้” 

    เสียงยานคางดังขึ้น ทั้งกลุ่มหันไปมองตามเสียงก็เห็นเดรโก มัลฟอย ในชุดออกงานสีดำดูเรียบหรูเดินมาพร้อมยื่นบัตรเชิญให้จอร์จโดยตรง 

    “ยินดีด้วยนะ”


                

              เวลาบ่ายสองโมงห้าสิบนาทีคือเวลาที่เซโนฟิเลียสมารับลูกสาวที่รักและทะนุถนอมมานับยี่สิบปีเพื่อเข้าพิธีแต่งงาน

                

              พ่อมดผมขาวสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินลายแผนที่ดวงดาวกุมมือลูน่า ดวงตาสีซีดจับจ้องอยู่ที่ดวงตาอีกคู่ที่เหมือนกับเขาทุกกระเบียดนิ้ว 

    ยกเว้นก็แต่แววตาลูกสาวที่รักที่อ่อนโยนเหมือนกับแม่และฉายแววมีความสุขจนคนเป็นพ่ออดยิ้มตามไม่ได้


           แต่พอคิดว่านับจากวันนี้ลูน่าจะย้ายไปอยู่บ้านใหม่กับพ่อหนุ่มผมแดงนั่นน้ำตามันก็รื้นขึ้นมาเอง จะว่าดีใจกับลูกสาวด้วยก็ใช่

    แต่ในฐานะคนเป็นพ่อที่อยู่กับลูกสาวมาตลอดก็รู้สึกเหงาไปพร้อมๆ กัน


              “วันนี้ลูกพ่อสวยมาก หนูก็รูว่าพ่อไม่เคยโกหก -- พ่อเชื่อว่าแม่ที่ไปอยู่บ้านใหม่ที่ไหนสักแห่งบนโลกต้องกำลังยิ้มอยู่แน่ๆ ที่ลูกสาว

    กำลังจะแต่งงานไปมีครอบครัวของตัวเอง -- รู้สึกเหมือนเมื่อวานเพิ่งไปส่งลูกเข้าฮอกวอตส์อยู่เลย ใช่...แล้วต่อจากนั้นหนูก็เจอกับ...

    จอร์จ วีสลีย์” เซโนฟิเลียสพ่นลมหายใจออกมายาวๆ “ผู้ชายที่มาแย่งลูกสาวที่น่ารักไปจากพ่อ”


           “ถึงแต่งงานไปแล้วหนูก็ยังเป็นลูกสาวของพ่อเหมือนเดิม ไม่มีใครแย่งหนูไปจากพ่อสักหน่อย”


           บนหน้าเซโนฟิเลียสมีรอยยิ้มผุดขึ้นมาจางๆ เขามองหน้าเธออย่างละเอียดอีกครั้งพลางพยักหน้ารับแล้วดึงลูน่าเข้ามากอด 

    “มีความสุขมากๆ กับชีวิตคู่นะลูน่าลูกรัก”


              ทางฝั่งของพิธี จอร์จกับเฟร็ดเดินเข้ามาในกระโจมแล้วยืนข้างหน้า แฝดคนพี่สวมเสื้อคลุมราตรีสีเลือดหมู 

    ขณะที่เจ้าบ่าวเดินมาในชุดกำมะหยี่สีเขียว -- ด้วยเหตุผลที่ว่าหากเจ้าสาวเปรียบเสมือนดอกไม้บอบบางที่ต้องทะนุถนอม 

    เขาก็อยากเป็นเหมือนต้นสนต้นใหญ่ที่คอยปกป้องดอกไม้น้อยๆ เหมือนกับบ้านใหม่ที่พวกเขากำลังจะย้ายไปอยู่ด้วยกันคืนนี้เป็นคืนแรก 

    มันอาจฟังดูเลี่ยนแต่ถ้าให้จอร์จในตอนนี้ลงไปนอนกลิ้งอยู่กับพื้นหญ้าในสวนก็คงกลมกลืนกับธรรมชาติจนแทบแยกไม่ออกแล้ว


           จอร์จไล่สายตามองแขกทุกคนนั่งอยู่บนเก้าอี้สีขาวที่ตั้งเป็นแถวอยู่สองข้างพรมสีน้ำเงินประดับลายดวงดาวเล็กๆ กระจายเต็มพื้น

    ให้เหมือนกับท้องฟ้ายามค่ำคืน เวลาที่พระจันทร์ดวงน้อยของเขาเดินผ่านมาทางนี้แล้วท้องฟ้าบนพรมก็จะสมบูรณ์แบบ 

    เสียงดนตรีจากนักดนตรีชาวไอริชดังกระหึ่มขึ้นยิ่งทำให้หัวใจจอร์จเต้นรัวตามจังหวะไปด้วยเมื่อคิดว่าตัวเองกำลังจะได้เห็นเจ้าสาวแล้ว


           เฟร็ดเหล่มองจอร์จแล้วก็อมยิ้ม เขายกมือแตะบ่าฝาแฝดคนน้องก่อนเอียงตัวกระซิบ “หายใจเข้าลึกๆ จอร์จจี้ ฉันไม่อยากเห็นนาย

    ตะลึงจนเป็นลมหรือร้องไห้ขี้แยตอนเห็นเจ้าสาวหรอกนะ ที่ฉันพูดแบบนี้ได้เพราะฉันเห็นลูน่าแล้วถึงได้เตือนนาย แต่บอกได้ว่ามันคุ้ม

    ที่ก้นนายนั่งไม่ติดเก้าอี้มาครึ่งค่อนวันเลยก็แล้วกัน” พูดจบเขาก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ที่เห็นจอร์จตื่นเต้นมากกว่าเดิมได้สมใจ


           เซโนฟิเลียสกับลูน่าเดินผ่านทางเดินตรงกลาง ผู้คนต่างมองเจ้าสาวที่เดินราวกับล่องลอยมาพร้อมกับชุดสีรุ้งของเธอ 

    ลูน่ายิ้มให้กับกลุ่มมาเรีย จินนี่และคอลินที่โบกมือให้เธอ


           เซโนฟิเลียสส่งมือลูน่าให้จอร์จผู้ยืนรออยู่ใต้เถาดอกไม้ที่ห้อยระย้าลงมาเหนือศีรษะซึ่งจะเป็นจุดที่ทั้งสองจะเป็นสามีภรรยากัน

    ในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้านี้


           “เธอคือผู้ชายคนเดียวนอกจากตัวฉันเองที่ไว้ใจให้ดูแลลูน่า” เซโนฟิเลียสพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ จอร์จมั่นใจว่าเขาเห็นเซโนฟิเลียส

    แอบสูดน้ำมูกด้วย “ต่อจากนี้ฝากดูแลลูกสาวฉันด้วย”


           จอร์จผงกหัวให้พ่อนังหนูพร้อมกับยิ้ม เซโนฟิเลียสพยักหน้าให้น้อยๆ ก่อนหมุนตัวไปยืนอยู่ข้างมอลลี่และอาเธอร์ที่หน้าตา

    เปี่ยมไปด้วยความสุขโดยเฉพาะมอลลี่ที่ยิ้มแก้มแทบปริ


           จอร์จกุมมือที่เล็กกว่าให้มือที่เย็นเฉียบของลูน่าอบอุ่นขึ้นหรืออีกนัยหนึ่งก็เพื่อให้เขารู้ว่าตัวเองไม่ได้กำลังฝันไป 

    ดวงตาสองคู่ประสานกันแล้วตามด้วยรอยยิ้มอบอุ่นที่ไม่ว่าใครในงานก็ไม่มีทางเห็นหรือรับรู้ได้จริงๆ ว่าพวกเขามีความสุขมากแค่ไหน

    นอกจากตัวบ่าวสาวเอง


           “สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษทั้งหลาย เรามารวมกันอยู่ที่นี่ในวันนี้ เพื่อฉลองการรวมเป็นหนึ่งเดียวของวิญญาณอันสัตย์ซื่อสองดวง --

    คุณจอร์จ วีสลีย์จะรับลูน่า เลิฟกู๊ดเป็นภรรยา สัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อเธอทั้งในยามสุขและยามยาก ในยามไข้และสบายดี จะรักเธอ

    และให้เกียรติเธอชั่วชีวิตของคุณหรือไม่” พ่อมดร่างเล็กเจ้าของเสียงสูงๆ ต่ำๆ ที่ยืนอยู่ต่อหน้าจอร์จกับลูน่าพูดขึ้น


           “ครับ” จอร์จให้คำมั่นสัญญาแทบจะทันทีเพราะไม่มีอะไรให้เขาต้องคิดด้วยซ้ำ


           “คุณลูน่า เลิฟกู๊ดจะรับจอร์จ วีสลีย์เป็นสามี สัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อเขาทั้งในยามสุขและยามยาก ในยามไข้และสบายดี จะรักเขา

    และให้เกียรติเขาชั่วชีวิตของคุณหรือไม่”


           “ค่ะ”


           “ดังนั้นผมขอประกาศให้คุณทั้งสองผูกพันกันชั่วชีวิต”


           พ่อมดชูไม้กายสิทธิ์ขึ้นสูงเหนือศีรษะจอร์จกับลูน่า กลีบดอกไม้ข้างบนนับพันขยับขึ้นลงเหมือนผีเสื้อกระพือปีกก่อนหลุดออกจาก

    เถาวัลย์แล้วโผบินไปรอบกระโจมพร้อมโปรยละอองสีเงินและทองเป็นประกายระยิบระยับ


           เฟร็ดกับรอนและลีเริ่มปรบมือนำ แล้วดอกไม้ที่พันรอบเสาที่รองรับกระโจมก็ส่งเสียงระเบิดน้อยๆ ออกมาเป็นดอกไม้ไฟ

    และมีระฆังทองใบเล็กจิ๋วลอยละล่องออกมาส่งเสียงกังวาลใส


           จอร์จโน้มตัวลงหาลูน่า ยื่นหน้าเข้าใกล้เพื่อจะจุมพิตกับเจ้าสาวของเขา ทว่าความคิดนั้นถูกดับลงเหมือนมีใครมาดับเทียน

    เมื่อมีเสียงดอกไม้ไฟระเบิดอีกชุดใหญ่ตามด้วยเสียงร้องตะโกนก้องของเฟร็ด...


           “เต้นรำกันเถอะ!”


           ลี จอร์ดันทำมือบอกสัญญาณกับนักดนตรี เสียงดนตรีดังขึ้นท่ามกลางความงุนงงของจอร์จ


              “เฮ้!! ฉันยังไม่ได้จูบเลยนะ” จอร์จหันไปงอแงใส่แฝดคนพี่อย่างกับเด็กที่ถูกขัดจังหวะ -- มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ! ปกติที่เขาไปตามงาน

    ของคนอื่นหรือแม้แต่งานแต่งของเฟร็ด หลายคนก็ยังตะโกนให้จูบกันอยู่เลย แล้วทำไมพองานของตัวเองถึงเป็นแบบนี้ได้เล่า?!  


           “มีเวลาให้จูบกันอีกเยอะน่า จอร์จจี้” เฟร็ดชกเข้าที่แขนจอร์จเป็นเชิงแหย่ ดวงตาสีน้ำตาลชำเลืองมองลูน่าแล้วหันมากระซิบต่อ 

    “ตอนอยู่สองต่อสองไง” เขาขยิบตาให้พร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์


           จอร์จยังไม่ยอมรับความจริงข้อนั้น ส่วนลูน่ายืนอมยิ้ม เธอดึงดอกกุหลาบสีชมพูอ่อนบนผมออกมาเสียบในรูกระดุมบนชุดของจอร์จ

    แล้วทาบมือบนอกเขา


           “ฉันว่าทุกคนกำลังรอเราอยู่นะ” ลูน่ามองไปตรงกลางเวทีเต้นรำแล้วบอกยิ้มๆ “ไปเต้นรำกันเถอะ”


           คำพูดจากนังหนูได้ผลทุกเมื่อ จอร์จยอมลืมจูบที่จะเป็นที่น่าจดจำและน่าประทับใจนั้นไปแล้วพาเจ้าสาวของเขาออกไปกลางเวที 

    เมื่อวงดนตรีเริ่มบรรเลงเพลงจังหวะเพลงวอลตซ์ ทั้งคู่ก็เริ่มเต้นรำเป็นคู่แรกท่ามกลางสวนดอกไม้ของบ้านโพรงกระต่ายที่ส่งกลิ่นหอม

    ไปทั่วงาน ตามด้วยเซโนฟิเลียสกับมอลลี่ และอาเธอร์ที่ออกไปเต้นรำพร้อมกับลูกสาวคนเดียวอย่างจินนี่ ขณะที่บิลเต้นรำกับลูกสาวตัวน้อย

    โดยมีเฟลอร์คอยปรบมือและดูอยู่ใกล้ๆ


           หลังจบเพลงแรกมอลลี่กับอาเธอร์ก็ขอพัก เธอมองดูพวกลูกชายทั้งห้า(ยกเว้นเพอร์ซี่)ที่ดูร่าเริงจนเกินเหตุก็ได้แต่ส่ายหัว 

    “เจ้าลูกพวกนี้นี่จริงๆ เลยเชียว” มอลลี่บ่นพึมพำกับอาเธอร์ โชคดีที่อย่างน้อยเพอร์ซี่ก็ไม่บ้าจี้ตามพวกพี่น้องจอมแสบไปด้วย

    และเธอก็พยายามไม่เบนสายตามองแฮร์รี่กับจินนี่ที่ไปรวมกลุ่มกับพวกเฟร็ด


           “เอาน่าคุณ อย่างน้อยพวกเด็กๆ ไม่ทำอะไรเสียหายก็พอแล้วล่ะ”


           “เด็กโข่งละสิไม่ว่า โตๆ กันแล้วแท้ๆ”


           “พวกเขามีความสุขก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ”


           ทั้งคู่หันไปมองเห็นจอร์จกับลูน่าเต้นรำกันอยู่ใกล้กับกลุ่มพี่น้องวีสลีย์ กระโปรงสีรุ้งสะบัดพลิ้วตามจังหวะการหมุนตัวของเจ้าสาว

    ดูราวกับกลุ่มดอกไม้โบกสะบัดตามแรงลม ถึงเธอกับเจ้าบ่าวจะเต้นตรงตามจังหวะบ้างไม่ตรงบ้างแต่พวกเขาก็สนุกสนานรื่นเริงกันดี


           คอลินยกกล้องถ่ายรูปขึ้นเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกเหมือนงานแต่งที่ผ่านมา เดนนิสส่งขวดบัตเตอร์เบียร์ให้พี่ชาย รับกล้องมาถ่ายแทน

    ระหว่างที่คอลินพักดื่มเครื่องดื่มรสหวานละมุน -- จอร์จกับลูน่าหยุดพักดื่มบัตเตอร์เบียร์ด้วยเช่นกัน คนผมแดงเหลือบไปเห็นโนมกลุ่มหนึ่ง

    ชะเง้อคอมองดูที่มาของเสียงดังอื้ออึงอันน่าหนวกหูและรบกวนการนอนอย่างยิ่ง ถ้าเป็นปกติจอร์จคงจับมันโยนออกนอกรั้วไปแล้ว

    แต่วันนี้เขายอมปล่อยไปสักวันเพราะอารมณ์ดีและเห็นแก่เจ้าสาวที่ยิ้มแย้มโบกมือให้โนมพวกนั้นอยู่


           งานเลี้ยงใกล้ถึงเวลาเลิก ทีมควิดดิชบ้านกริฟฟินดอร์สมัยที่จอร์จยังเรียนอยู่เข้ามาแสดงความยินดีพร้อมกันทั้งโอลิเวอร์ 

    แอนเจลิน่า(ที่เธอตั้งตนว่าจะเป็นโสดไปตลอดชีวิต) อลิเซียที่เพิ่งเดินทางมาจากบราซิลหลังตามสามีมักเกิ้ลไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น


           เดรโกเดินมาแสดงความยินดีกับลูน่าพร้อมของขวัญเป็นสร้อยข้อมือประดับด้วยพลอยเม็ดเล็กสีน้ำเงินที่เขาเคยเตรียมเอาไว้

    เพื่อเป็นของขวัญคริสต์มาสให้เธอในปีใดปีหนึ่งตั้งแต่สมัยเรียนแต่ไม่มีโอกาสได้ให้จนถึงวันนี้ที่เขาได้ส่งให้เธอกับมือตัวเองและเลือกที่จะ

    ไม่บอกความจริงเรื่องที่มาของของขวัญ


           “เมื่อวานฉันไปเลือกตั้งนานแน่ะกว่าจะเจอชิ้นนี้ ยินดีด้วยนะ” เดรโกยิ้มบางๆ แต่ก็มาจากใจจริง ถึงตอนนี้เขามองลูน่าเป็นเหมือน

    น้องสาวของเขารวมทั้งเขาก็มีภรรยาแล้วจึงไม่รู้สึกว่าไม่เหมาะสมอะไรที่จะมอบของชิ้นนี้ให้ “คงจะดีไม่น้อยถ้าลูกของฉันกับเธอ

    จะเป็นเพื่อนกันได้เร็วกว่าฉันกับเธอ -- หวังว่าสามีเธอคงไม่ว่าอะไรถ้าเราจะส่งจดหมายหากันบ้างนะ”


           “ไม่ว่าหรอก” จอร์จเข้ามาโอบเอวลูน่าแล้วส่งยิ้มให้ “แต่ให้ฉันอ่านด้วยก็พอ”


           สองพี่น้องครีฟวีย์ยืนรอคิว คอลินยื่นอัลบั้มรูปหนาเตอะให้คู่บ่าวสาว จอร์จเปิดดูก็เจอกับรูปเขากับลูน่าที่ไม่รู้ว่าคอลินไปแอบถ่ายไว้

    ตั้งแต่เมื่อไร


           แถมคอลินยังพูดอย่างภูมิใจอีกต่างหาก “ฉันลองไปค้นรูปเก่าๆ ดู ปรากฏว่ามีเยอะกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีกเลยทำเป็นอัลบั้มซะเลย”


           “ขอบใจนะ เจ้าหนูคอลิน”


           จอร์จลองเปิดไล่ดูแบบเร็วๆ แล้วพบว่าตัวเองเป็นที่น่าสนใจกับตากล้องคนนี้มากขนาดไหน มีตั้งแต่ตอนงานเลี้ยงเต้นรำในคืน

    คริสต์มาสอีฟ(ครั้งแรกที่เขากับลูน่าจับมือกันจริงๆ เป็นครั้งแรกและไม่ใช่เพราะวิ่งหนีฟิลช์หรือวิ่งหนีตัวอะไรสักอย่าง) ตอนที่เฟร็ดกับเขา

    มีหนวดเครางอกออกมาหลังจากใส่ชื่อตัวเองลงไปในถ้วยอัคนีแล้วถ่ายรูปรวมกับลูน่า ตอนที่จอร์จแอบหอมแก้มลูน่าแล้วคิดว่า

    ไม่มีใครทันเห็น ตอนที่ลูน่าใส่หัวสิงโตแล้วตกใจที่หัวสิงโตคำราม(จอร์จแอบเปิดค้างที่รูปนี้แล้วก็อมยิ้มอยู่คนเดียว)หรือแม้กระทั่ง

    ตอนกริฟฟินดอร์ได้ถ้วยควิดดิชที่จอร์จวิ่งเข้าไปกอดลูน่าก่อนพาเธอขึ้นไม้กวาดแล้วขี่ว่อนท้องฟ้าเพื่อฉลองชัยชนะ...หรือตอนที่ทั้งคู่

    เดินจับมือกันที่สถานีฮอกส์มี้ดในวันแรกที่ตกลงคบกัน ส่วนหน้าถัดไปนั้นว่างเปล่า


           คอลินพยักเพยิดไปทางหน้านั้นแล้วบอกว่า “คิดว่าจะใส่รูปตอนงานแต่ง ถ้าล้างเสร็จแล้วจะรีบส่งให้ทันทีเลย”


           คนที่ให้ของขวัญเป็นคนสุดท้ายคือมอลลี่ ผู้ใจดีและเป็นทุกอย่างให้เด็กๆ ตระกูลวีสลีย์ เธอมอบนาฬิกาวีสลีย์เรือนใหม่เอี่ยม

    ที่มีเข็มบนหน้าปัดสองอันเขียนชื่อจอร์จและอีกอันชื่อลูน่า


           “คงจะสบายใจกว่าถ้ารู้ว่าอีกคนอยู่ที่ไหนและเป็นยังไงบ้าง จริงไหมจ๊ะ” มอลลี่ฉีกยิ้มกว้าง อดไม่ได้ที่จะดึงลูน่าเข้าไปกอด

    อย่างรักใคร่เอ็นดู “โอ๊ย ดีใจจริงๆ เลย”


           “แม่ครับ -- นี่เจ้าสาวของผมนะ”


           “แล้วยังไงกันล่ะฮึ นี่ก็ลูกสะใภ้แม่เหมือนกันละ -- เซโนฟิเลียส คุณสบายใจได้เลยนะ ขืนลูกชายฉันทำหนูลูน่าเสียใจหรือร้องไห้

    แม้แต่แอะเดียว ฉันจะเป็นคนส่งเขาไปเซนต์มังโกเอง!” พูดกับเซโนฟิเลียสจบเธอก็หันมาจับแก้มลูน่า “ถ้าเจ้าลูกชายแม่คนนี้ทำอะไรให้หนู

    ไม่สบายใจละก็มาบอกแม่ได้นะ”


           “แม่อะ” จอร์จทำปากยื่นที่ตนกลายเป็นจำเลยทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไรผิดแต่กลับกลายเป็นสร้างเสียงหัวเราะให้คนรอบข้าง


           ถึงอย่างนั้นบรรยากาศงานแต่งของเจ้าของร้านขายของเล่นตลกอันเลื่องชื่อที่ตรอกไดแอกอนกับนักสัตว์วิเศษวิทยา ลูกสาวคนเดียว

    ของบ้านเลิฟกู๊ดก็ปกคลุมไปด้วยความอบอุ่นทั่วกระโจมสีขาวตลอดค่ำคืนนั้น...



           กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิลอยเข้ามาทางหน้าต่างห้องนอน อากาศช่วงเช้าวันนี้เรียกได้ว่าหนาวเย็นแต่ไออุ่นบนเตียง

    ทำให้อุ่นขึ้นเป็นเท่าตัวไม่ว่าจะเป็นร่างกายที่สัมผัสกันด้วยการโอบแขนกอดหรือแม้แต่หัวใจ...


           ดวงตาสีน้ำตาลอันอ่อนโยนมองใบหน้ายามหลับใหลของหญิงสาวที่เขาเฝ้ามองมาตั้งแต่เรียนอยู่ปีสี่ นับจากวันนั้นก็ผ่านมา

    หลายปีแล้วจนไม่คิดว่าวันนี้จะมาถึงเร็วขนาดนี้ พอคิดได้ว่านี่ไม่ใช่ความฝันก็ยิ้มเผล่ออกมา


           เช้าวันแรกของการเริ่มต้นชีวิตคู่ของลูน่าในบ้านหลังใหม่เริ่มด้วยการถูกปลุกจากสามีโดยการจูบเบาๆที่หน้าผาก ไล่ลงมาที่ปลายจมูก

    และจุ๊บเบาๆ ที่ริมฝีปาก คนถูกปลุกงัวเงียตื่นขึ้นมา ดวงตาของเธอหรี่ปรือก่อนนึกได้ว่าตอนนี้เธอไม่ได้นอนคนเดียวบนเตียงอีกแล้ว


           จอร์จคลี่ยิ้มเมื่อเห็นว่าอีกคนตื่นแล้วพลางจับผมสีบลอนด์ที่ตกลงมาปรกหน้าเธอขึ้นทัดหูให้


    “อรุณสวัสดิ์ คุณนายวีสลีย์”



    - Talk -

                ตอนนี้ลูกสาวเปลี่ยนนามสกุลจากเลิฟกู๊ดเป็นวีสลีย์แล้วน้า >_< คราวนี้เรียกได้ว่าเป็นสะใภ้วีสลีย์เต็มตัวแบบไม่มโนแต่อย่างใด~

                ต่อจากนี้จะยังมีต่ออีกประมาณ 5-6 หรือ 7 ตอนก็ยังไม่แน่ใจนะคะ แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่ตอนจบแน่นอน -- แล้วเจอกันปีหน้านะคะ 

    เมอร์รี่คริสต์มาสและสวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าเลยนะคะ ขอให้เป็นปีที่ดี(ดีกว่าปีนี้)ของทุกคนเลยเน่อ

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×