ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] Little Loony Lovegood [George x Luna] [END]

    ลำดับตอนที่ #83 : 83 ll Coffee

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 729
      93
      30 พ.ย. 63


    83


    Coffee




              ปีเจ็ดของลูน่าเริ่มต้นขึ้นด้วยความตั้งมั่นแน่วแน่กับอาชีพนักสัตว์วิเศษวิทยาที่เธออยากทำในอนาคตอันใกล้นี้ 

    ส่วนมาเรีย ในที่สุดเธอก็สามารถให้คำตอบกับศาสตราจารย์ฟลิตวิกได้ เธออยากทำงานในกระทรวงเพราะความมั่นคงในหน้าที่การงาน 

    คอลินอยากเป็นช่างถ่ายภาพ ขณะที่จินนี่อยากเป็นนักกีฬาควิดดิชมืออาชีพ


           ยามบ่ายในวันอากาศดีด้วยลมเย็นๆ ของฤดูใบไม้ร่วง ลูน่ากับมาเรียกำลังเดินเคียงข้างกันไปยังสนามควิดดิชตามคำชวนของจินนี่ 

    ตอนนั้นเองที่เธอทั้งคู่เดินสวนกับกัปตันทีมควิดดิชคนใหม่ของกริฟฟินดอร์


           “หวัดดีคาเรน” มาเรียเอ่ยทักรุ่นน้องที่ห่างกันหนึ่งปี


           “หวัดดีมาเรีย หวัดดีลูน่า” คาเรน เคลียร์วอเทอร์ เด็กสาวผมสั้นสีบลอนด์ส่งยิ้มให้รุ่นพี่ต่างบ้าน เธอสวมชุดควิดดิชสีแดง

     ในมือถือไม้กวาดดูทะมัดทะแมง


           “พวกเรากำลังจะไปดูการคัดเลือกสมาชิกคนใหม่ของกริฟฟินดอร์ เผื่อฉันจำชื่อได้ตั้งแต่เนิ่นๆ จะได้ไม่ลืมตอนพากย์ควิดดิชน่ะ” 

    ลูน่าบอกเสียงฝันๆ “-- ถ้าเธอไม่ว่าอะไร”


              “ไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว ถึงยังไงวันนี้เราก็ไม่ได้เปิดเผยแผนการซ้อมอยู่แล้ว” คาเรนตอบเสียงสดใส “คนที่ฉันรำคาญมากที่สุด

    คือพวกนักเรียนจากบ้านอื่นที่มาก่อกวนด้วยวิธีแฝงตัวเข้ามาคัดเลือกด้วยต่างหาก แบบนั้นมันทำให้เสียเวลาไปตั้งหลายนาที อ๊ะ! นั่น 

    เธอคนนั้นน่ะ ฉันรู้ว่าอยู่ฮัฟเฟิลพัฟ วันนี้ไม่ใช่วันของบ้านเธอ เอาไม้กวาดไปเก็บซะ” เธอตะโกนบอกนักเรียนชายคนหนึ่งที่กำลังแอบย่อง

    เข้าสนาม เขาคนนั้นส่งยิ้มแหยๆ ก่อนรีบจ้ำออกจากสนามไปแต่โดยดี


           “สายตาเธอดีชะมัด” มาเรียเอ่ยชมจากใจจริงขณะหรี่ตามองเด็กชายคนที่เพิ่งถูกไล่ เธอไม่ยักกะคุ้นหน้าสักนิดว่าอยู่บ้านไหน


           “ขอบคุณ -- ฉันไปก่อนนะ เป็นกัปตันแต่ไม่ตรงต่อเวลาคงเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแน่” เธอบอกแล้วเดินเข้าสนามด้วยความมั่นใจ


           ลูน่ากับมาเรียพากันเดินไปทางอัฒจันทร์ ทว่ามีแสงแฟลชสว่างวาบจากด้านหลัง พวกเธอคิดว่ามาจากคอลินแต่พอเหลียวกลับมาดู

    กลับเห็นเดินนิสถือกล้องอยู่ในขณะที่คอลินใส่ชุดสำหรับฝึกซ้อมควิดดิช


           “ปีนี้คอลินจะเข้าร่วมคัดเลือกด้วยล่ะ” เดนนิสยิ้มแฉ่ง ให้กำลังใจพี่ชายที่หน้าเริ่มซีด มือเย็นด้วยความตื่นเต้น


           สองสาวจากเรเวนคลอไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนต่อให้สนิทกับคอลินมากแค่ไหนก็ตาม ถึงจะแปลกใจที่อยู่ดีๆ เพื่อนคนนี้ดันอยาก

    าเล่นควิดดิชเอาตอนปีสุดท้ายแต่เธออวยพรให้คอลินโชคดีพร้อมกับให้กำลังใจ


           การคัดเลือกสมาชิกทีมควิดดิชในตำแหน่งที่คนรุ่นก่อนเรียนจบออกไปดำเนินมาเรื่อยๆ จินนี่ได้เข้าร่วมทีมในตำแหน่งเชสเซอร์

    ตามคาด และแล้วก็มาถึงบีตเตอร์ที่กัปตันหญิงอย่างคาเรนรับหน้าที่อยู่แทนเฟร็ดกับจอร์จ ตอนนี้จึงเหลือที่ว่างหนึ่งคนซึ่งก็คือคอลิน

    ที่แสดงการบินที่ดูคล่องตัวและหวดลูกบลัดเจอร์ได้อย่างดีเยี่ยมจนถูกคัดเลือกเข้าทีมเป็นคนสุดท้าย


           ท่ามกลางเสียงร้องเชียร์ของมาเรีย ลูน่าและเดนนิสบนอัฒจันทร์ จินนี่เดินเข้ามาตบไหล่แสดงความยินดีกับเพื่อนตัวสูง

    แม้เธอจะยังคงประหลาดใจกับฝีมือการเล่นที่คาดไม่ถึงของคอลินก็ตาม



           ควิดดิชนัดที่สองระหว่างกริฟฟินดอร์และฮัฟเฟิลพัฟเริ่มขึ้นหลังหยุดปิดเทอมช่วงปีใหม่หมดลง -- เป็นที่รู้กันว่าฮอกวอตส์ไม่ได้

    ปิดกั้นผู้ชมจากภายนอกที่อยากเข้าชมควิดดิช ผู้ปกครองของเหล่านักกีฬาจึงมานั่งรวมกันอยู่ในอัฒจันทร์ฝั่งอาจารย์เป็นเรื่องปกติ 

    ไม่เว้นแม้กระทั่ง...


           “หวัดดี นังหนู” คนผมแดงตระกูลวีสลีย์เดินเข้าหาลูน่าพร้อมรอยยิ้มระหว่างทางเดินไปสนามควิดดิช


           ลูน่ายิ้มตอบ “หวัดดีเฟร็ด -- จอร์จล่ะ”


           เขาหุบยิ้มทันควัน “เธอดูออกตั้งแต่แรกเลยรึ”


           “ฮื่อ” หญิงสาวผมบลอนด์ยิ้มกว้าง พยักหน้าหงึกหงัก


           เฟร็ดกลอกตา แสดงอาการผิดหวัง “ให้ตายสิ หลอกเธอไม่เคยสำเร็จสักที” เขามองลูน่า เห็นเธอยังรอคำตอบอยู่เลยเกิดอึกอัก

    หาคำพูดมาพูดไม่ได้ซะอย่างนั้น “จอร์จน่ะหรือ?...จอร์จไม่ได้มาด้วยหรอก คือว่า...จอร์จไม่สบายน่ะ”


           ความเป็นห่วงฉายชัดบนใบหน้าลูน่าทันที “ถึงว่าทำไมประโยคในจดหมายที่เขียนมาถึงดูแปลกๆ แล้วเขาเป็นยังไงบ้าง 

    ไม่สบายมากหรือเปล่า” คนตัวเล็กขยับเข้าใกล้เฟร็ดอีกหน่อย “แล้วเขากินยาหรือยัง อ้อ ต้องบอกให้พักผ่อนมากๆ ด้วย...”


           “ไม่เท่าไรหรอก เมื่อเช้าเขาจะมาด้วยอยู่แล้วเชียวถ้าไม่ติดว่าเป็นลมหน้ามืดไปซะก่อน”


           “หน้ามืด? เพราะพักผ่อนน้อยหรือเปล่า”


           “คงอย่างนั้น เมื่อคืนนี้ก็อาการหนักน่าดู...แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไป อีกสักอาทิตย์นึงก็หายแล้ว -- หวังว่านะ”


           “เลิกแกล้งแฟนฉันได้แล้ว” เสียงทุ้มอีกเสียงหนึ่งดังมาจากข้างหลังลูน่า


              จอร์จยืนอมยิ้มที่รู้ว่าแฟนตัวเองเป็นห่วงถึงขนาดนี้ เขาแค่แวะไปคุยกับศาสตราจารย์ฟลิตวิกแค่แป๊บเดียว กลับมาอีกทีเฟร็ด

    ก็มาหานังหนูก่อนตัวเองแล้ว โทษฐานที่แกล้งหลอกลูน่าจึงส่งสายตาคาดโทษไปยังเฟร็ดที่ชูกำปั้นอย่างผู้มีชัยเพราะในที่สุดก็หลอกลูน่า

    ให้ติดกับได้เป็นครั้งแรก!


           ลูน่าหันมามองจอร์จ ชายหนุ่มหลุดหัวเราะเพราะเห็นคิ้วเธอยังขมวดอยู่เลย เขายกมือแตะคิ้วอีกฝ่ายให้คลายออก 


           “ฉันแข็งแรงดีไม่เคยป่วยสักนิด” จอร์จยิ้มแฉ่งขณะที่สองนิ้วแอบไขว้กันอยู่ข้างหลังเพราะเมื่อสัปดาห์ก่อนเขาเพิ่งหายจากไข้เพราะ

    โหมงานหนัก -- เขาสบตาตรงๆ กับลูน่า ดวงตากลมโตคู่นั้นจ้องเข้ามาลึกในดวงตาเขาราวกับกำลังอ่านใจจนทะลุปรุโปร่งเรียบร้อยแล้ว 

    คนผมแดงยิ้มอย่างอ่อนใจเพราะไม่เคยโกหกเธอได้เลยสักครั้ง “อย่างน้อยตอนนี้ฉันก็ไม่เป็นไรแล้วละนะ”  


           “พวกพี่มากันทำไม” จินนี่ยืนเท้าเอวในชุดควิดดิช สายตาไล่มองพี่ชายฝาแฝดอย่างหวาดระแวงกลัวว่าเขาจะมาก่อกวนการแข่งขัน 

    ข้างกันนั้นมีคาเรนที่ยกมือทักทายฝาแฝดผมแดงในฐานะที่พวกเขาเป็นรุ่นพี่และเป็นต้นแบบในตำแหน่งบีตเตอร์ที่เธอเล่นอยู่


              “ทำไมจะมาไม่ได้ พี่มาในฐานะผู้ปกครองเธอไง” จอร์จท้วงแล้วฝาแฝดก็พูดพร้อมกันว่า “สู้ๆ นะ จิเนฟรา วีสลีย์” 


           พูดจบเฟร็ดก็เดินนำไปอย่างร่าเริง ตามด้วยจอร์จที่ยกแขนให้ลูน่าคล้องแขนราวกับจะพาเธอเดินเข้าเวทีเต้นรำยังไงยังงั้น


           จินนี่มองตามพี่ชายตัวเองแล้วเลิกคิ้ว “ผู้ปกครองฉันรึ? -- ผู้ปกครองคนพากย์มากกว่าล่ะมั้ง ฉันว่า”


           คาเรนอมยิ้มก่อนมีร่างสูงโปร่งของคอลินเข้ามาในสายตา “อ้อ อยู่นี่เอง รีบไปกันเถอะ เราต้องทวนแผนกันอีกสักรอบ” 

    เธอควงแขนจินนี่ อีกข้างก็ควงแขนคอลินให้เดินไปพร้อมกันโดยไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำแบบไม่คิดอะไรมากของเธอกำลังทำให้คอลิน

    เหม่อไปไกลด้วยหัวใจที่เต้นรัว



           ทุกวันนี้เฟร็ดกับจอร์จได้รู้แล้วว่าหลังจากเรียนจบ นอกจากจะเป็นช่วงเวลาของการทำงานยังเป็นเวลาแห่งการไปงานแต่งงาน...


           “ยินดีด้วยนะ โอลิเวอร์” เพอร์ซี่บอกกับเพื่อนร่วมชั้นสมัยเรียนฮอกวอตส์ ตามด้วยเฟร็ด จอร์จ รอนและแฮร์รี่ที่ผลัดกัน

    ร่วมแสดงความยินดี


           “ไม่คิดว่ามือปราบมารอย่างนายสองคนจะว่างมางานฉันได้นะนี่” โอลิเวอร์มองดูรุ่นน้องที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าพวกเขาจะสามารถ

    ผ่านการทดสอบของมือปราบมารมาได้ภายในการสอบครั้งแรก ถึงอย่างนั้นเขาก็ยินดีด้วยจนถึงขนาดเลี้ยงมื้อค่ำตอนที่แฮร์รี่บอกผลสอบ


           “อันที่จริงเรามีเอกสารกองพะเนินรออยู่บนโต๊ะน่ะ” แฮร์รี่บอก ท่าทางดูอิดโรยเล็กน้อยเพราะเพิ่งเสร็จจากงานภาคสนามมาหมาดๆ


           รอนกระแทกเข้าที่เอวเพื่อนผมดำ “พวกเราว่างเสมอแหละตราบใดที่งานที่รออยู่เป็นกระดาษ ไม่ใช่งานภาคสนาม”  


           “สวัดดีครับ คุณนายวู้ด” จอร์จทักทายเจ้าสาวของโอลิเวอร์


           เธอทักทายตอบพร้อมบอกขอบคุณที่มาร่วมงาน เธอสูงพอๆ กับโอลิเวอร์เมื่อยืนข้างกันและรูปร่างที่สูงโปร่งอย่างนั้นทำให้เธอดูสง่า

    ไม่แพ้เฟลอร์เลยทีเดียว


           เฟร็ดโค้งให้เธอเล็กน้อย “ยินดีด้วยครับ คุณนายวู้ด ที่คุณสามารถทนผู้ชายที่หายใจเข้าออกมีแต่ควิดดิชอย่างโอลิเวอร์ได้”


           เพอร์ซี่ตีแขนเฟร็ด “อย่าเสียมารยาทน่า”


           ทว่าเจ้าสาวไม่ถือสาเลยสักนิดแถมยังหัวเราะอีกต่างหาก “ไม่เป็นไรหรอก เพอร์ซี่ ฉันเองก็ยังสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมถึงเลือก

    พ่อหนุ่มควิดดิชคนนี้เข้ามาในชีวิต” เธอบอกอย่างอารมณ์ดี


           “เพราะเธอรักฉันเข้าแล้วน่ะสิ” โอลิเวอร์บอกก่อนจูบเธอต่อหน้าชายหนุ่มที่ยืนนิ่ง ขยับแต่ลูกตาที่มองกันไปมา


           “ฉันไปดูแขกทางนู้นนะ” เธอบอกกับโอลิเวอร์พลางจับแก้มเขาแล้วเดินแยกออกไป


           “ไม่ต้องอิจฉาฉันกันหรอกน่า” โอลิเวอร์บอก เบนสายตามองจอร์จ “วันนี้นายมาดูงานแต่งฉันเผื่ออนาคตเลยหรือเปล่า”


           เฟร็ดผิวปากแซว “แน่นอนอยู่แล้ว จอร์จจี้ของฉันอยากแต่งงานตั้งแต่คบกันแล้วมั้งน่ะ”


           “บ้าน่า กว่านังหนูจะเรียนจบก็อีกตั้งนาน นายนั่นแหละ ได้ข่าวว่าไปคุยเรื่องทำนองนี้กับพ่อแม่แคตี้แล้วนี่”


           ข่าวใหม่นี้ทำเอาเพอร์ซี่ รอนและแฮร์รี่ถึงกับหันขวับไปมองเฟร็ดกันเป็นตาเดียว


           โอลิเวอร์ยิ้มกว้าง “งั้นก็ยินดีล่วงหน้าเลยนะ เฟร็ด -- ว่าแล้วเชียว สายตาฉันต้องมองไม่ผิดแน่ เมื่อก่อนตอนซ้อมควิดดิชเวลานาย

    มองแคตี้เหมือนมีรังสีแปลกๆ”


                

              สามเดือนต่อมาในวันที่อากาศเริ่มมีลมร้อนอบอ้าว จอร์จกับโอลิเวอร์มานัดเจอกันในร้านกาแฟเล็กๆ ร้านหนึ่งย่านตรอกไดแอกอน


           “เฟร็ดล่ะ” โอลิเวอร์ถาม กวาดตามองหารอบร้าน


           “ไปคุยกับครอบครัวแคตี้ที่บ้านเธอยังไม่กลับมาเลย ก็เลยเหลือฉันมาคนเดียวอย่างที่เห็น -- แต่งงานไปแล้วเป็นยังไงบ้าง”


           พอพูดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าที่ดูหล่อเหลาและเอาจริงเอาจังของโอลิเวอร์กลับอ่อนโยนขึ้นมาทันที “ดีกว่าตอนที่คบกันเป็นแฟนซะอีก 

    รู้งี้ฉันขอแต่งงานตั้งนานแล้ว อย่างน้อยเวลาที่ คุณนายวู้ด อ่านหนังสือหรือแต่งนิยายก็ยังอยู่ในบ้านกับฉันตลอด -- ต่อให้เหมือนฉัน

    ถูกตัดขาดจากโลกของเธอแต่สุดท้ายแล้วฉันก็เป็นคนแรกที่เธอเล่าให้ฟังว่าได้ไปผจญภัยอะไรมาบ้างกับกองหนังสือที่เธออ่านมา 

    แบบนี้มีความสุขจะตาย...ถึงจะเหงานิดๆ ก็เถอะ” โอลิเวอร์เล่าไปพร้อมกับยิ้มน้อยๆ พลางจิบกาแฟด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วย

    ความสุขซะจนจอร์จเผลอจินตนาการไปถึงตัวเองบ้าง


           “ดีจังนะ”

               

              “ยังไงก็ไม่ดีเท่ากับนายได้เจอด้วยตัวเองหรอก เอ้อ งานแต่งลีเมื่อไรนะ กับกัปตันควิดดิชหญิงล้วนทีมโฮลี่เฮดฮาร์ปีส์ใช่ไหม


           สติจอร์จกลับเข้าที่ นึกถึงบัตรเชิญไปงานแต่งของ ลี จอร์ดัน ที่ให้เขาเมื่อสัปดาห์ก่อน “ใช่ วันที่เจ็ดเดือนหน้า”


           แล้วทั้งคู่ก็นั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อยถึงเรื่องงาน เรื่องชีวิตที่จริงจังผิดกับสมัยเรียนจนกาแฟหมดแก้วจึงบอกลากัน


           จอร์จเดินมาตามตรอกไดแอกอนเพื่อกลับมาทำงานที่ร้านต่อและรอจดหมายจากนังหนูที่ยังส่งหากันตลอดเป็นเรื่องปกติ 

    แต่แล้วสายตากลับมองเห็นพ่อมดผมขาวกำลังก้มเก็บกระดาษกับกระปุกหมึกที่ร่วงกระจายอยู่บนพื้นอย่างยากลำบากเพราะลำพัง

    ของในอ้อมแขนของเขาก็มีมากพออยู่แล้ว


           จอร์จปรี่เข้าไปช่วยเก็บของจนครบแล้วส่งคืนให้เจ้าของ


           “นี่ครับ คุณเลิฟกู๊ด”


           “อ้อ วีสลีย์ -- ขอบใจ” เซโนฟิเลียสยื่นมือจะรับของแต่ของในมือที่มีอยู่ก่อนพลันร่วงลงไปอีก จอร์จเลยช่วยเก็บอีกครั้ง


           “ให้ผมช่วยเอาไปไว้ที่บ้านไหมครับ”      

               

              ดวงตาสีซีดมองชายหนุ่มอย่างประเมิน “เธอไม่ต้องไปทำงานหรอกรึ”

                

              “ทำครับ แต่ตอนนี้ยังเป็นเวลาพักของผม”


           “งั้นก็ตกลง แต่ฉันยังมีของที่ต้องซื้อเข้าบ้านอีกนิดหน่อย” เขาเริ่มออกเดินโดยมีจอร์จเดินตามอยู่ข้างกันก่อนหยุดชะงัก

    เพราะมีพ่อมดร่างท้วมรุ่นราวคราวเดียวกับเซโนฟิเลียสแต่แต่งตัวดูกลมกลืนกับพ่อมดทั่วไปเดินเข้ามาหาด้วยความกระตือรือร้น


              “เซโนฟิเลียส! คุณจริงๆ ด้วย สวัสดี สวัสดี!


              “สวัสดี โจนาธาน! ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”


              “ใช่ นานมากแล้ว! อ้าว แล้วพ่อหนุ่มคนนี้เป็นใครกันล่ะนี่ ผมจำได้ว่าคุณมีลูกสาวไม่ใช่หรือ”


           “ครับ มีลูกสาว ส่วนนี่ก็...” เซโนฟิเลียสลอบกลืนน้ำลายลงคอที่ฝืดขึ้นมากะทันหันเมื่อต้องพูดคำนี้แบบเต็มปากเต็มคำ 

    “แฟนของลูกสาวผม”


           “จอร์จ วีสลีย์ครับ” จอร์จทักทาย รีบยื่นมือไปจับกับโจนาธานด้วยความสุภาพ


              “อ๋อ! นึกออกแล้ว เธอเป็นเจ้าของร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์ใช่ไหม ลูกชายฉันไปซื้อของเล่นตลกที่นั่นบ่อยเชียวล่ะ”


           “ขอบคุณที่มาอุดหนุนนะครับ”


           โจนาธานตีแขนเซโนฟิเลียสอย่างหยอกล้อ “แหม ไม่คิดว่าคุณจะยอมให้ลูกสาวมีแฟนนะนี่ แล้วนี่แต่งงานกันหรือยัง” เขาถามจอร์จ 

    แต่เห็นจอร์จนิ่งเลยหันมองสลับไปมากับเซโนฟิเลียสจนคนผมแดงต้องตอบในที่สุด


           “ยังครับ”


              “รออะไรอยู่เล่าพ่อหนุ่ม! เซโนฟิเลียสไม่ยอมให้แต่งรึ”

                

              เซโนฟิเลียสกระแอมไออย่างจงใจ “ไม่ใช่หรอก ลูกสาวผมยังเรียนปีเจ็ดอยู่เลย”

                

              “งั้นหรอกเหรอ แต่ปีเจ็ดก็ใกล้จบแล้วนี่นา อีกแค่สองเดือนเอง” พ่อมดรูปร่างท้วมมองจอร์จด้วยรอยยิ้มแบบไม่ประสงค์ร้าย 

    “จะขอแต่งงานเลยหรือเปล่าล่ะ”

                

              “เอ่อ...เรื่องนั้น”

                

              “เรื่องนั้นเป็นเรื่องของอนาคตน่ะ โจนาธาน” เซโนฟิเลียสตัดบทก่อนจะแยกกับโจนาธาน เขาหยุดชะงัก หันมาหาจอร์จ 

    “เมื่อกี้เธอบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาพักนี่ -- แวะดื่มอะไรหน่อยไหม”

                

              จอร์จหลบตาเขาแล้วมองอย่างอื่นแทน แม้จะรู้สึกเหมือนกาแฟในท้องยังอุ่นๆ อยู่เลย แต่แววตาแกมบังคับแบบนั้นยังจะให้เขา

    ตอบอย่างอื่นได้อีกหรือ? “ครับ”

                

              เมื่อเข้าร้านกาแฟ พ่อมดวัยกลางคนผู้เป็นเจ้าของร้านก็จำจอร์จได้ในทันที  


           “เพิ่งออกไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนเองไม่ใช่หรือ”


           จอร์จยิ้มน้อยๆ “คงเป็นฝาแฝดผมมากกว่าน่ะครับ”


           พ่อมดต่างวัยสองคนพากันไปนั่งในมุมหนึ่งของร้าน กาแฟร้อนมีควันลอยเอื่อยๆ อยู่ตรงหน้าทั้งสองก่อนต่างฝ่ายต่างยกกาแฟขึ้นดื่ม

    เป็นอันดับแรกเพื่อกลบเกลื่อนบรรยากาศอึดอัดที่ลอยอบอวลอยู่รอบตัว

                

              “เธอคิดวางแผนกับลูกสาวฉันถึงขั้นไหน” เซโนฟิเลียสวางแก้วกาแฟหลังจากจิบไปเพียงอึกเดียวพร้อมเปิดคำถามแรกที่เป็น

    จุดประสงค์ให้เขาชวนอีกฝ่ายมาดื่มกาแฟ

                

              “ขั้นไหน...เหรอครับ?” จอร์จทวนคำถาม


           “เธอแค่คิดคบเล่นๆ แล้วหาเวลาหักอกลูกสาวฉันตอนเขาไปทำงานไกลนานๆ หรือคิดสร้างครอบครัวจริงจัง”


           นัยน์ตาสีซีดเหมือนลูกสาวจ้องจอร์จเขม็ง แต่ช่างให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันลิบลับจนคนถูกมองเริ่มมีเหงื่อซึมตามขมับ 

    เมื่อเขาจริงจังมาขนาดนี้ คนผมแดงก็จ้องกลับบ้าง


              “ผมไม่รู้ว่าคุณเลิฟกู๊ดอยากได้ยินคำตอบแบบไหนมากกว่ากัน -- อย่าว่าผมเลยนะครับ ที่พูดอย่างงั้นเพราะผมคิดว่าคุณ

    หวงลูน่ามากจนบางทีคุณอาจจะอยากให้ผมเลิกกับเธอ แต่ผมจริงจังกับลูน่าครับ ผมไม่ปฏิเสธว่าผมเริ่มคิดถึงเรื่อง...เรื่องสร้างครอบครัว

    มาสักพักใหญ่ๆ แล้ว...ครับ”


              เซโนฟิเลียสอึ้งกับคำตอบที่ตรงและชัดเจนจากคนตรงหน้า เขาจิบกาแฟอีกอึกเพื่อให้คอโล่ง “จะขอแต่งงานเมื่อไร เธอก็รู้ว่าลูน่า

    อยากเป็นนักสัตว์วิเศษวิทยามากแค่ไหน งานแสนวิเศษที่ต้องท่องไปทั่วโลกเพื่อค้นพบสัตว์ที่วิเศษยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดน่ะ -- หวังว่าไม่ใช่

    ลูน่าของฉันเรียนจบแล้วก็ขอเลยนะ”

                

              “ไม่ใช่ครับ ความจริงผมก็ไม่ได้รีบอะไรอยู่แล้ว ถ้าลูน่าอยากเต็มที่กับงานก่อนผมก็ไม่ได้ขัดอะไร”

                

              “จริงหรือ แล้วถ้าหากลูกสาวฉันต้องไปทำงานที่ต่างประเทศบ่อยๆ ล่ะ”

                

              “ไม่มีปัญหาอยู่แล้วครับ ถ้าเธอมีความสุขผมก็พร้อมสนับสนุนเหมือนที่เธอสนับสนุนผมมาตลอด”

                

              พ่อมดผมขาวจิบกาแฟอีกครั้ง มือเคาะโต๊ะไปด้วย “ฟังนะ ฉันไม่อยากเห็นปัญหาคู่รักที่ทะเลาะกันเพราะระยะทาง 

    ฉันเห็นมานักต่อนักแล้วที่เลิกกันด้วยเหตุผลง่ายๆ แต่ก็ฟังไม่ขึ้นและฉันจะไม่ยอมให้มันเกิดกับลูกสาวของฉันเด็ดขาด”

                

              “นั่นยิ่งไม่ใช่ปัญหาเลยครับ พูดตามจริง ตอนนี้ผมแทบไม่ได้เจอลูน่าอยู่แล้ว จะมีก็แต่จดหมายที่เราเขียนถึงกัน แถมตอนนี้ผมอยู่

    อังกฤษ เธออยู่สกอตแลนด์ -- แต่ถ้าถึงตอนนั้นจริงๆ เธอไปทำงานที่ต่างประเทศอย่างมากก็แค่เดือนเดียวหรือสองเดือน”


           “รู้ได้ยังไง”

               

              “ชาลีพี่ชายของผมบอกว่าส่วนใหญ่จะเดินทางกันในระยะเวลาประมาณนี้ครับ ซึ่งผมยอมรับในข้อนี้ได้แน่นอน”

                

              เซโนฟิเลียสจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลราวกับต้องการความมั่นใจ ในฐานะคนเป็นพ่อย่อมทั้งหวงและห่วงลูกสาว

    หัวแก้วหัวแหวนจนไม่อยากยกให้ผู้ชายที่ไหนมารับหน้าที่ดูแลต่อจากพ่อไปได้ง่ายๆ -- จริงอยู่ว่าเรื่องดูแลลูน่า ถ้าเป็นวีสลีย์คนนี้

    เขาค่อนข้างวางใจ เรื่องฐานะที่ต้องดูประกอบกันก็ไม่มีปัญหาเพราะเด็กหนุ่มผมแดงตรงหน้านี้ก็ดูแลตัวเองได้แล้ว ทว่าเซโนฟิเลียสก็ยัง

    ทำใจยอมรับความจริงพวกนี้ไม่ได้อยู่ดี...แต่ถ้ามันเป็นความสุขของลูกสาวแล้วล่ะก็...


           “เอาเถอะ ถ้าคิดจะขอแต่งงานเมื่อไรก็ขอให้มาคุยกันก่อน เข้าใจไหม”


           “ครับ”

               

              เซโนฟิเลียสออกค่ากาแฟให้จอร์จ ก่อนเดินทางกลับบ้านด้วยเครือข่ายฟลูโดยมีจอร์จตามเอาของที่ซื้อมาให้ถึงที่บ้าน


           “ขอบใจ -- กลับไปทำงานเถอะ” เซโนฟิเลียสบอกจอร์จ เตรียมปิดประตูบ้านแต่ก็นึกขึ้นมาได้ “อย่าคิดว่าฉันอนุญาตเรื่องแต่งงาน

    แล้วหลงระเริงเชียวล่ะ เพราะต่อจากนี้ฉันจะตั้งใจจับตาดูเธอให้มากกว่าเดิม”


                

              จอร์จกลับถึงร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์ด้วยรอยยิ้มที่กระจายไปทั่วหน้า

               

              “มาแล้วเหรอ” เฟร็ดถาม


           “โทษที ฉันช้าไปหน่อย เมื่อกี้ฉัน...”


           “ฉันรู้แล้ว นายไปเจอคุณเลิฟกู๊ด รอนบอกมา” แฝดคนพี่บอกแล้วขยับไปข้างๆ ให้เห็นรอนที่ยืนอยู่ข้างหลัง

               

              “หวัดดีพี่ชาย เจอเค้นถามเรื่องแต่งงานล่ะสิท่า ฉันเห็นหน้าคุณเลิฟกู๊ดดูจริงจังมากเลย”

                

              “อือ เขาถามว่าฉันคิดจะคบเล่นๆ หรือคิดสร้างครอบครัวจริงจัง”


           เฟร็ดยื่นหน้าเข้าใกล้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น “แล้วนายตอบว่าไง”

               

              “ก็ต้องอย่างหลังอยู่แล้วสิ แล้วฉันก็บอกคุณเลิฟกู๊ดด้วยว่าฉันเริ่มคิดเรื่องสร้างครอบครัวแบบจริงจังมาสักพักแล้ว”

                

              “นายบอกงั้นจริงดิ”


           “ฮื่อ”


              “วีสลีย์เป็นพยาน! มหัศจรรย์มากที่นายรอดกลับมาได้แบบครบสามสิบสอง!


     

     

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×