ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] Little Loony Lovegood [George x Luna] [END]

    ลำดับตอนที่ #82 : 82 ll Ronald

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 773
      82
      24 พ.ย. 63


    82


    Ronald


     


           ยามบ่ายแก่ๆ ของวันหยุดในห้องโถงใหญ่เต็มไปด้วยนักเรียนที่มาพบปะกันกับเพื่อนต่างบ้าน นั่งจับกลุ่มคุยกัน อ่านหนังสือ 

    ทำการบ้านหรือแม้แต่แอบเล่นของเล่นตลกจากเกมกลวิเศษวีสลีย์ที่แอบลักลอบเอาเข้ามาที่ฮอกวอตส์


              ต่อให้ฝาแฝดเจ้าของร้านจะมาเป็นอาจารย์สอนพิเศษบ้างเป็นครั้งคราว(แน่นอนว่าไม่ใช้เครือข่ายฟลูในการเดินทางมาอีกแล้ว) 

    เวลามายืนรอที่หน้าประตูรั้วฮอกวอตส์กิจวัตรที่ทำประจำคือแซวฟิลช์เล็กๆ น้อยๆ เพราะเขาเป็นคนมาเปิดประตูให้ ภารโรงเจ้าอารมณ์

    ก็มักจะหายใจฟึดฟัดเป็นการต้อนรับแบบไม่เต็มใจแต่หลายคนสังเกตได้ว่าเขาดูกระปี้กระเป่าตั้งใจทำงาน(จับผิด)เด็กๆ มากขึ้น 

    ถึงกระนั้นฟิลช์ยังคงยืนกรานกับอาจารย์ใหญ่อย่างดัมเบิลดอร์ว่าขอให้ของเล่นจากร้านพวกนี้ผิดกฎโรงเรียนและห้ามนำเข้ามาเด็ดขาด

    เพราะเขามองเห็นปัญหาใหญ่หลวงว่าถ้าหากอนุญาตให้มีการซื้อขาย ฮอกวอตส์อาจได้ระเบิดกลายเป็นเถ้าในเร็ววันนี้แน่


           ดัมเบิลดอร์ได้คุยเรื่องนี้กับเฟร็ดจอร์จเรียบร้อย ทั้งคู่เข้าใจดี ไม่ประท้วง ไม่เรียกร้อง -- ตราบใดที่ฟิลช์ยังจับไม่ได้ไล่ไม่ทันกลลวง

    ที่พวกเขาใช้ส่งของให้เด็กๆ ยิ่งไปกว่านั้นคือดัมเบิลดอร์เพิ่งซื้อไม้กายสิทธิ์ปลอมจากที่ร้านของพวกเขามาโบกเล่นแถมยัง

    จุดดอกไม้ไฟวีสลีย์ในห้องทำงานของเขาไปเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เอง...


           ลูน่าโบกปากกาขนนกไปมาระหว่างใช้ความคิดกับคำตอบของการบ้านวิชาการป้องกันตัวจากศาสตร์มืด “หวัดดี แฮร์รี่” 

    ดวงตาล่องลอยของลูน่ามองดูแฮร์รี่ที่ยิ้มน้อยๆ เป็นการทักทายให้เธอ “สีหน้าไม่ค่อยดีเลยนะ”


           เฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังสอนการบ้านรุ่นน้องอยู่เงยหน้าขึ้นมองตาม  


           สายตามาเรียไล่มองตามแฮร์รี่ตั้งแต่เดินจากประตูจนมาถึงโต๊ะที่พวกเธอนั่งอยู่ “ฉันว่าสีที่หน้ามากกว่าล่ะมั้งที่ไม่ดี”


           เฮอร์ไมโอนี่ยกมือขึ้นปิดปาก “โอ ตายละแฮร์รี่ หน้าเธอไปโดนอะไรมา” เธออุทาน รีบหยิบกระเป๋าข้างตัวบนเก้าอี้ออกเพื่อให้เขานั่ง


           “โดนต่อยมา” แฮร์รี่บอกเรียบๆ เหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร มือขวายื่นไปรับผ้าเช็ดหน้าที่มาเรียยื่นให้ “ขอบใจ มาเรีย”


           “ใครต่อยเธอ” เฮอร์ไมโอนี่ถามพลางแย่งผ้าเช็ดหน้าจากมือแฮร์รี่มาแล้วช่วยซับเลือดให้ตรงมุมปาก “มัลฟอยหรือเปล่า”


           “เสียใจที่เธอทายผิด เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ทำหน้าเหยเกเมื่อเพื่อนผมฟูมือหนักกดที่แผลแรงไปหน่อย “รอนต่างหาก”


           เฮอร์ไมโอนี่ชะงัก ขมวดคิ้วยุ่ง “ว่าไงนะ แล้วรอนจะต่อยเธอทำไม -- รอนเนี่ยนะ?” เธอถามย้ำอีกหลายหน ยังไม่อยากเชื่ออยู่ดี

    ว่าแฟนตัวเองจะทำอย่างนั้นกับเพื่อนที่สนิทกันมาเกือบเจ็ดปี


           “ใช่แล้ว รอนของแท้แน่นอนแบบไม่ได้ดื่มน้ำยาสรรพรสเลยสักหยดเดียว”


           “แล้วเธอไปทำอะไร...”


           แฮร์รี่เอาแขนมาวางบนโต๊ะ แบมือขอดูการบ้านของลูน่าเพราะเขาสังเกตเห็นว่าเธอใช้เวลาอยู่กับข้อนี้ตั้งนานแล้ว 

    “ฉันบอกว่าฉันชอบน้องสาวเขา จินนี่น่ะ” เขาตอบเฮอร์ไมโอนี่ก่อนตั้งสมาธิอ่านคำถาม


           “เธอบอกรอนไปแล้ว” ตาเฮอร์ไมโอนี่เบิกกว้าง คราวนี้เธอยิ่งไม่อยากเชื่อเข้าไปใหญ่


           แฮร์รี่คิดเอาไว้แล้วว่าปฏิกิริยาของเธอจะต้องออกมาเป็นแบบนี้ เขายักไหล่ “ฮื่อ ฉันว่าข้อนี้ตอบคาถาโพรเทโก้น่าจะเข้าเค้าที่สุดนะ” 

    เขาบอกลูน่าพลางคืนม้วนกระดาษกลับคืนไปก่อนหันมาคุยกับเฮอร์ไมโอนี่ตรงๆ “บอกแล้วด้วยว่าเราตกลงคบกันแล้ว”


           “บอกถึงขั้นนี้แล้วด้วย”


           “อือ แล้วฉันก็บอกว่าฉันจูบจินนี่ไปแล้วด้วย ฉันคิดว่าควรบอกเพื่อความบริสุทธิ์ใจ -- เลยโดนต่อยมาอย่างที่เห็น”


           “ฉันไม่เข้าใจ...”


           “แต่ฉันว่าฉันเข้าใจนะ จินนี่เป็นน้องสาวรอน ถ้าจะหวงหรือห่วง...อาจจะมากเกินกว่าที่ฉันคิดไปหน่อยแต่ก็คงไม่แปลก

    ที่ฉันจะโดนแบบนี้” 


           “บอกฉันมาแฮร์รี่ รอนอยู่ไหน”


           “หอคอยกริฟฟินดอร์”


           เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้น ท่าทางเอาเรื่อง “ฉันจะไปคุยกับรอน”


           แฮร์รี่รีบลุกตามแล้วคว้าแขนเธอไม่ให้ใจร้อน “ไม่เป็นไร เฮอร์ไมโอนี่ -- อย่าไปว่าเขาเลย ปล่อยรอนไปก่อนเถอะ เดี๋ยวก็เข้าใจเอง

    นั่นแหละ ขอแค่เวลาสักนิดหน่อย...เขาบอกฉันมาแบบนั้น”


           เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจแล้วยอมกลับมานั่งลงอย่างเสียไม่ได้ “แล้วถ้าจินนี่ถามถึงแผลนี่เธอจะบอกว่ายังไง”


              “ฉันว่าจะบอกว่าโดนวิลโลว์จอมหวดฟาดมาเพราะฉันคิดว่าจะสู้กับมันได้ก่อนเรียนจบ -- คิดว่านะ แล้วเธอก็อย่าไปบอกความจริงล่ะ 

    ...เธอสองคนด้วย” แฮร์รี่จงใจมองมาเรียกับลูน่าเพื่อขอความร่วมมือ


                

              หนึ่งสัปดาห์ให้หลังเฮอร์ไมโอนี่ยังวิตกไม่หายเรื่องที่เพื่อนรักสองคนอย่างแฮร์รี่กับรอนยังไม่ลงรอยกันเพราะเรื่องจินนี่ 

    ทุกครั้งเวลาอยู่ในห้องนั่งเล่นรวมแล้วจินนี่อยู่ใกล้แฮร์รี่ แม้จะมีเฮอร์ไมโอนี่นั่งอ่านหนังสืออยู่ใกล้ๆ แต่รอนก็เป็นอันต้องลุกหนีขึ้นหอนอน

    เพื่อเลี่ยงคู่รักคู่ใหม่ทุกทีไป ยกเว้นก็แต่ตอนประชุมเรื่องกลยุทธ์เกมควิดดิชที่เลี่ยงไม่ได้ซึ่งเพื่อนรักทั้งสองก็แทบไม่พูดคุยกันเลย


           เหตุประหลาดเกิดขึ้นในเช้าวันศุกร์นี้เองที่อดีตสองเพื่อนซี้กลับมาคืนดีกันแล้ว รอนกับแฮร์รี่เดินกอดคอกันลงบันไดมาจากหอนอน 

    เฮอร์ไมโอนี่ผู้กำลังทบทวนบทเรียนวิชามักเกิ้ลศึกษาถึงกับลืมตำราไปชั่วขณะ เธอเลิกคิ้วอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง


           “เราเข้าใจกันแล้วน่า” รอนบอกเธออย่างอารมณ์ดีเมื่อเดินผ่านเก้าอี้นวมตัวที่แฟนสาวนั่ง “ยังไงซะเป็นแฮร์รี่ก็ยังดีกว่าให้จินนี่มีแฟน

    เป็นผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้จริงไหมล่ะ”


           หญิงสาวเหลือบมองเพื่อนผมดำซึ่งเขายักไหล่ให้ เธอมองตามทั้งสองเดินกอดคอกันไปที่ประตูก็ได้แต่ส่ายหัวให้กับความสัมพันธ์

    แบบลูกผู้ชายที่เธอไม่มีวันเข้าใจได้ง่ายๆ “พวกผู้ชายนี่นะ”


           รอนหยุดชะงัก เหลียวกลับมามองแฟนสาว “มัวนั่งทำอะไรตรงนั้นล่ะ ลงไปกินมื้อเช้าเร็วเข้า ฉันว่าวันนี้ต้องมีของโปรดเธอแน่ๆ” 

    ไม่ว่าเปล่าเขายังย้อนกลับมาช่วยเฮอร์ไมโอนี่เก็บหนังสือใส่กระเป๋าที่แน่นจนแทบปริ จนแล้วจนรอดเขาก็ยัดไม่เข้าเลยอาสาเก็บหนังสือ

    เล่มหนาเตอะใส่กระเป๋าเขาเองแล้วแบกไปให้ซะเลย


           เฮอร์ไมโอนี่มองรอนอย่างหวาดระแวง “รู้ไหม เวลาเธออารมณ์ดีจนน่าใจหายแบบนี้มันทำให้ฉันกลัวนะ”


           “ดูเธอพูดเข้าสิเฮอร์ไมโอนี่ หรือเธออยากให้ฉันเป็นเหมือนก่อนหน้านี้”


           “เปล่า ไม่ใช่อย่างงั้น”


           ในตอนนั้นเองที่ทั้งสามได้ยินแว่วๆ มาจากกำแพงอีกด้านที่พวกเขากำลังจะเดินผ่าน


           “วีสลีย์น่ะหรือ”


           รอนขมวดคิ้ว “ใครนินทาอะไรฉันอีกล่ะ” ว่าแล้วเขาก็ย่องเข้าใกล้เพื่อแอบฟังบทสนทนาของนักเรียนชายสองคน


           “ดูเหมือนจะไม่ได้หมายถึงนายนะ”


           “ชู่ว เงียบก่อนแฮร์รี่” รอนยกนิ้วชี้จรดริมฝีปาก หรี่ตาพลางเอาหูแนบกำแพงให้ใกล้สองคนนั้นมากที่สุด


           “อ้อ เห็นซี่ ถ้านายหมายถึงคู่นั้นล่ะก็นะ เมื่อวานเขามาสอนชมรมคาถาด้วยนี่ เป็นอาจารย์พิเศษที่ฉันไม่เข้าใจมากที่สุด

    ว่าพวกนักเรียนเด็กๆ เคารพนับถือไปได้ยังไงกันทั้งที่ตอนเขายังเรียนอยู่นี่ก็สร้างปัญหาสารพัด”


           “ใช่ คนนึงเป็นจอมก่อกวนหาแต่เรื่องให้บ้านตัวเองโดนหักคะแนน อีกคนก็เพี้ยนๆ ชอบเพ้อว่ามีนาร์เกิ้ลอะไรเทือกนั้นแหละ 

    เมื่อคราวก่อนฉันได้ยิน...”


           “ฉันว่าฉันรู้นะว่าสองคนนั้นกำลังหมายถึงใคร” เฮอร์ไมโอนี่กระซิบ “เขากำลังหมายถึงจอร์จกับลู...”


           “ขอบคุณ ฉันเองก็ไม่ได้โง่จนไม่รู้นะเฮอร์ไมโอนี่” รอนพูดอย่างนึกฉุนขึ้นมานิดๆ แล้วแอบฟังต่อแถมยังมีจินนี่ที่ผ่านมาพอดี

    แอบยืนฟังด้วยอีกคน


           “บางทีอาจมากกว่าจูบแล้วก็ได้ ใครจะไปรู้ วีสลีย์เป็นผู้ใหญ่ตามกฎหมายแล้วนี่”


           “เลิฟกู๊ดก็สิบเจ็ดแล้วด้วย ฉันคิดว่างั้นนะ”


           รอนพ่นลมฟึดฟัดคล้ายมังกร ความอดทนที่มีหายวับราวกับฟางเส้นสุดท้ายขาดผึง เขาขยับเท้าก้าวไปข้างหน้าทว่าถูกแฮร์รี่

    จับบ่าคว้าตัวเอาไว้แล้วบีบไหล่เบาๆ


           “นายต้องใจเย็นนะ รอน”


           “เธอไม่จำเป็นต้องเข้าไปนะ รอน” เฮอร์ไมโอนี่เข้ามาช่วยแฮร์รี่อีกแรง เธอรั้งแขนเสื้อคลุมรอนเอาไว้ แต่รอนกลับปล่อยเสื้อคลุม

    ให้หลุดติดมือเธอมา


           “รอน พี่คิดจะทำอะไรน่ะ” 


              “ก็เข้าไปคุยน่ะสิ” รอนจับมือจินนี่ออกจากแขนเขา เดินด้วยความมุ่งมั่นเข้าไปประจันหน้ากับแซคคาไรอัส สมิท 

    เชสเซอร์บ้านฮัฟเฟิลพัฟและเป็นเพื่อนร่วมชั้นของรอน “ไหนพูดมาใหม่ดิ๊ ใครว่าพี่ชายของฉันกับแฟนพี่ชายฉันเป็นยังไงนะ”


              แซคคาไรอัสไม่ตกใจกับการปรากฏตัวของรอนสักนิด “อ้อ โทษทีนะ ฉันไม่คิดว่านายจะได้ยิน แต่ถ้าได้ยินไม่ชัดงั้นฉันบอกใหม่ก็ได้ 

    -- ก็เป็นตัวชอบสร้างปัญหากับคนเพี้ยนๆ น่ะสิ”


           “อ๋อ อย่างงั้นเหรอ แล้วว่าพวกเขาไปถึงขั้นไหนกันแล้วนะ”


              “ก็มากกว่าจูบไงเล่า สองคนนั้นตัวติดกันอย่างกับอะไรดีตอนที่พี่ชายนายมาสอนที่นี่ ฉันจะไม่แปลกใจเลยถ้าสองคนนั้นจะมีอะไร

    เกินเลยมากกว่านั้น” แซคคาไรอัสพูดแล้วหันไปหัวเราะคิกคักกับเพื่อนข้างตัว เขาขยับใกล้รอนพลางกัดริมฝีปากตัวเองอย่างจงใจ

    จะกวนประสาท


              “ถอนคำพูดนั้นซะ แซคคาไรอัส” แฮร์รี่เตือน


           รอนยังคงตีหน้านิ่งไม่สะทกสะท้าน หนำซ้ำยังยิ้มกลับไปอีกต่างหาก “พวกนายเป็นหูดที่ก้นพวกเขาหรือไงถึงได้รู้ลึกขนาดนั้น อ้อ 

    หรือบางทีอาจเป็นแมลงน่าเกลียดที่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น”


           “ว่าไงนะ”


              ทั้งรอนและแซคคาไรอัสต่างชักไม้กายสิทธิ์ออกมาพร้อมกันแล้วชี้ฝ่ายตรงข้าม


           “เอาสิ ร่ายคาถามาเลย” รอนท้า “มาลองดูว่าระหว่างพวกปากเน่าๆ อย่างนายกับน้องชายเจ้าของร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์

    ใครจะแน่กว่ากัน นายอยากลองคาถาที่ทำให้ลิ้นยาวเหมือนหมาไหมล่ะ หรืออยากลองคาถาตัวพองเหมือนคางคกดี เอ้อ 

    หรืออยากเป็นหูดที่ก้นเพราะหมากฝรั่งหูดที่นายจะไม่มีวันรู้ว่าตัวเองกินเข้าไปตั้งแต่เมื่อไร”


           ทั้งสองต่างจ้องตากันเขม็งแต่แล้วจู่ๆ เด็กบ้านแบดเจอร์กลับล้มตึงหงายหลังด้วยท่าที่ทั้งมือและเท้าสองข้างแนบชิดติดกัน 

    รอนยังงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะเขายังไม่ทันได้ร่ายคาถาเลยสักคาถา -- เมื่อพวกนั้นล้มลงก็เผยให้เห็นเดรโกยืนอยู่ข้างหลัง 

    ชายหนุ่มผมบลอนด์จากสลิธีรินเก็บไม้กายสิทธิ์ใส่กระเป๋าเสื้อคลุมพลางเดินข้ามทั้งสอง


           “เกะกะขวางทางชะมัด” เดรโกขมวดคิ้วยุ่งมองคนสองคนที่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติงเพราะคาถาราวกับเป็นเศษขยะ ดวงตาสีฟ้าซีด

    เลื่อนขึ้นมองเพื่อนต่างบ้านที่กำลังมองมาเช่นกัน “มองอะไร”


           “นายช่วยฉันสาปเจ้าพวกนี้รึ” รอนถามด้วยความงงงวย “หวังว่าพวกนี้จะไม่ม่องนะ”


           “เห็นฉันเป็นคนยังไง? เจ้านี่ไม่ได้ตายหรอกน่า อีกอย่างฉันไม่ได้ช่วยนายแต่เจ้าพวกนี้มันน่ารำคาญ พูดมากอยู่นั่นละกะอีเรื่อง

    ไร้สาระที่เกิดขึ้นจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้”


           “มันไม่ได้เกิดขึ้นจริงอยู่แล้ว”


           “ฉันก็ยืนยันด้วยอีกคน” จินนี่เสริม


           เดรโกมองสองพี่น้องวีสลีย์แล้วพยักหน้า “ก็ดีแล้ว” ก่อนเดินหายเข้าไปในห้องโถงใหญ่


           รอนเลิกคิ้วข้างนึงมองตามหลังเดรโก “แปลกแฮะ”


           เฮอร์ไมโอนี่ก้มลงมองดูคนที่นอนแน่นิ่งเพราะคำสาปของเดรโก “แล้วทีนี้จะเอายังไงกับสองคนนี้ดีล่ะ”


           รอนหันกลับมามองด้วยสายตารังเกียจ “ปล่อยเจ้าพวกงั่งไว้อย่างนี้แหละ เธอไม่ต้องไปช่วยนะ เฮอร์ไมโอนี่”


              ระหว่างกินมื้อค่ำมีเรื่องให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกตงิดๆ เธอตักมันบดเข้าปาก ตาก็มองดูรอนจ้องแซคคาไรอัสกับเพื่อนอีกคนแล้วยิ้มมุมปาก

    เหมือนถอดแบบพี่ชายฝาแฝดของเขามาไม่มีผิด เธอดีดนิ้วตรงหน้ารอนเพื่อดึงความสนใจ 


              “เธอคิดจะทำอะไรอีกน่ะรอน เมื่อตอนเช้าพวกเขาก็โดนคำสาปมาแล้วนะ”


           “นั่นมันฝีมือมัลฟอย เธอก็เห็น -- ส่วนฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่าง”


           “แล้วมันจำเป็นต้องทำอะไรสักอย่างด้วยหรือ”


           “ใช่”


              เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นอันประจักษ์สู่สายตาเฮอร์ไมโอนี่แล้ว เธอทอดสายตามองตามแซคคาไรอัสกับเพื่อนอีกคนที่นินทาด้วยกันเมื่อวาน 

    ทั้งคู่กำลังเดินขาถ่างไปที่โต๊ะฮัฟเฟิลพัฟ เวลาใครแตะตัวทีก็สะดุ้งจนตัวโยน นั่งที่โต๊ะก็สะดุ้งอย่างกับเห็นผี


           “พนันได้เลย ฝีต้องขึ้นที่ก้นของพวกนั้นแน่” รอนกระซิบบอกแฮร์รี่ เนวิลล์ เชมัสและดีนที่รู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วก่อนหัวเราะกันคิกคัก


           เฮอร์ไมโอนี่หรี่ตาจับพิรุธ “อย่าบอกนะว่าเธอกับแฮร์รี่”


           “ไม่ต้องไปว่าแฮร์รี่หรอก ให้เป็นความผิดฉันคนเดียวเถอะ เจ้าพวกคนที่มาพูดถึงคนในครอบครัวฉันแบบนี้อย่าคิดว่าฉัน

    จะยอมปล่อยผ่านไปง่ายๆ”



           เมษายนเป็นวันหยุดเทศกาลอีสเตอร์ ที่ห้องนั่งเล่นรวมมีนักเรียนหลายคนกำลังเปิดไข่อีสเตอร์จากครอบครัวที่ส่งมาให้ 

    เช่นเดียวกันกับรอน ทว่าเขามองยังไงมันก็ผิดวิสัยเฟร็ดกับจอร์จ พวกเขาส่งไข่อีสเตอร์ลูกเท่าล้อรถฟอร์ดแองเกลียของที่บ้านซึ่งต้องใช้

    นกฮูกถึงหกตัวกว่าจะเอามาส่งถึงมือเขาได้


           จากงุนงงสายตาแปรเปลี่ยนเป็นเริ่มระแวงขึ้นมา “นี่มันบ้าไปแล้ว นายว่าฉันควรทำยังไงกะมันดี มันจะระเบิดใส่หน้าฉันไหม” 

    เขาถามความเห็นจากแฮร์รี่ที่ได้ไข่อีสเตอร์เท่าไข่มังกรซึ่งเทียบไม่ติดกับของรอน

                

              จินนี่ที่นั่งอยู่ข้างแฮร์รี่หัวเราะ เธอรู้ว่าทำไมพี่ชายฝาแฝดของเธอถึงได้ให้ความรักกับรอนถึงขนาดนี้ 


              “พี่เปิดดูเถอะน่า มันไม่ระเบิดหรอก”

                

              รอนยอมเชื่อน้องสาวจึงค่อยๆ หมุนไข่เปิดออกดู “โอ้โห” ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกาย ทั้งหมดในนั้นคือของเล่นจากเกมกลวีสลีย์

    ที่เขาเคยคิดจะซื้อแต่พี่ชายขี้งกไม่ยอมลดราคาให้ เขาเลยโยนทิ้งไปในวันนั้นทั้งปีก่อนแล้วก็ปีนี้ รวมทั้งช็อกโกแลต ดอกไม้ไฟวีสลีย์

    หนึ่งกล่องใหญ่ แล้วก็กล่องอาหารว่างเลี่ยงงานอีกสองกล่องใหญ่ ของทั้งหมดนี้ทำให้เขารู้สึกรักพี่ชายจอมแสบขึ้นมาอีกเป็นกอง


                

              ยิ่งใกล้ปิดเทอมรอนก็ยิ่งรู้สึกว้าเหว่ขึ้นทุกที มีเพื่อนก็ไปอยู่ในส่วนไหนของปราสาทกับแฟนก็ไม่รู้ แถมแฟนที่ว่านั่นก็คือน้องสาว

    ของเขาด้วย ส่วนรอนเองก็ใช่ว่าจะไม่มีแฟน ถึงอย่างนั้นแฟนก็เอาแต่ขลุกอยู่ในห้องสมุดทั้งวันเพื่อเตรียมตัวสอบส.พ.บ.ส. อันที่จริง

    คนผมแดงก็ควรจะทำอย่างเฮอร์ไมโอนี่นั่นแหละแต่บางทีเขาก็อยากพักสมองมาเล่นอะไรที่บันเทิงรื่นเริงใจดูบ้าง

                

              สายตารอนล็อกเป้าหมายชัดเจน มือสองข้างถือกระดานหมากรุกแล้วก้าวฉับๆ ไปยังโต๊ะเรเวนคลอในห้องโถงใหญ่

               

              รอนแกล้งเดินผ่านหน้าลูน่าไปแต่ก็ต้องขัดใจเพราะเธอจดจ่ออยู่กับนิตยสารในมือเลยไม่ได้สังเกตเห็นเขา เด็กหนุ่มเดินย้อนกลับ

    แล้วผ่านอีกรอบผลก็ยังเหมือนเดิม เขาทำอย่างนั้นอีกสองสามรอบจนรู้สึกว่าตัวเองกำลังเข้าใกล้คนบ้าเต็มทีเลยหยุดยืนอยู่ตรงหน้าลูน่า

    ได้ในที่สุด


           “หวัดดี เพื่อนเธอไปไหนซะล่ะ” เขาถามพลางเข้าไปนั่งตรงข้ามลูน่าก่อนขยับก้นไปทางซ้ายอีกนิดเพื่อหลบปลายไม้กายสิทธิ์ของลูน่า

    ที่เธอเอาเหน็บไว้ตรงหูข้างซ้ายเผื่อว่ามันเกิดลั่นขึ้นมา


           “มาเรียหรือ? เห็นว่าจะไปที่ริมทะเลสาบ” 


           “อ้อ ถึงว่าทำไมเชมัสถึงบอกว่าจะไปที่นั่น” รอนพยักหน้า วางกระดานหมากรุกพร้อมวางมือทับกันบนโต๊ะ รอคอยให้รุ่นน้อง

    ผมบลอนด์พูดถึงกระดานหมากรุกที่เขาวางแต่เธอกลับไม่ได้สนใจเขาเลย “แล้วเธอทำอะไรอยู่น่ะ”

               

              ดวงตาสีซีดละจากนิตยสารในมือแล้วมองรอน “กำลังไขปริศนาอักษรรูนอันใหม่ มันสนุกมากเลยละ”


           “ฉันไม่เห็นว่ามันจะสนุกตรงไหนเลย” ลูน่าเหลือบตาขึ้นจากขอบนิตยสารมองอีกฝ่าย รอนกะพริบตาปริบๆ ใช้ไหวพริบที่มี

    มองดูในมือเธอถึงเห็นว่านิตยสารนั่นคือเดอะควิบเบลอร์ “เธอพูดถูก มันต้องสนุกมากแน่ๆ เมื่อกี้นี้ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไรน่ะ -- แต่ก็คงไม่เท่า

    หมากรุกหรอกมั้ง”


           “คงอย่างนั้น ฉันไม่ว่าหรอกถ้าความคิดเราจะไม่เหมือนกัน”


           “งั้นเราลองมาเล่นหมากรุกพ่อมดกันสักตานึงไหม”


           “ฉันหรือ? คงจะมีคนที่เล่นเก่งกว่าฉันอีกเยอะเลยนะฉันว่า”


           “โธ่เอ๊ย เธอนั่นแหละ ฉันมานั่งตรงนี้ก็เพราะเธอเลย เล่นหมากรุกเป็นเพื่อนฉันหน่อย อย่าถามถึงคนอื่นนะ เจ้าพวกนั้นหนีฉัน

    ไปกันหมดแล้ว”


           “แล้วทำไม...”


           “ก็ฉันเหงาไง เล่นเป็นเพื่อนหน่อยสักตานึงก็ยังดี ตอนนี้ฉันเครียดกับส.พ.บ.ส.จนหัวจะระเบิดอยู่แล้วเนี่ย เอางี้ เดี๋ยวฉันจะสอน

    เทคนิคพิเศษให้ด้วยก็ได้เอ้า รับรองถ้าเอาไปเล่นกับจอร์จเธอจะชนะเขาแน่นอน แถมเธอก็ไม่ต้องเสียค่าเรียนสักซิกเกิ้ลเดียว”


           ลูน่านิ่งคิด ชั่งน้ำหนักระหว่างปริศนาอักษรรูนที่ยังแก้ไม่เสร็จกับหมากรุกพ่อมดของรอน “ตกลง”


           รอนยิ้มแป้น เริ่มตั้งกระดานหมากรุกทันทีแต่ช่วงจังหวะที่เขากำลังจะเดินหมากตัวแรก ตาดันเหลือบมองเห็นคู่กรณีจากฮัฟเฟิลพัฟ

    กำลังมองมาที่เขาอยู่ จ้องตามารอนก็จ้องกลับตาเขม็งจนฝั่งนั้นยอมหลบสายตาไป


           “นี่ลูน่า จำเอาไว้เลยนะ ฮัฟเฟิลพัฟบางคนก็ไม่ได้น่าคบเป็นเพื่อนเท่าไรหรอก”



           “แฮร์รี่ ไหนๆ คืนนี้ก็เป็นคืนสุดท้ายแล้ว เราแอบออกจากแถวตอนนี้แล้วไปวิ่งเล่นทั่วปราสาทเป็นการทิ้งท้ายกันเถอะ” รอนชักชวน

    เพื่อนสนิทระหว่างขึ้นบันไดกลับหอคอยหลังงานเลี้ยงฉลองปิดเทอมและการประกาศรางวัลบ้านดีเด่นจบลงแล้ว


           “ตอนนี้เนี่ยนะ”


           “ใช่” รอนพยักหน้า สีหน้าตื่นเต้นกับการผจญภัยครั้งสุดท้ายก่อนเรียนจบ ทว่าเฮอร์ไมโอนี่เดินย้อนกลับมาแล้วบังเอิญได้ยินแผน

    ของรอนเข้าพอดีเลยดึงไม้กายสิทธิ์ออกมาแล้วร่ายคาถาแบบไม่เปล่งเสียงใส่รอนทำเอาเขาดูสงบเสงี่ยมกว่าเดิมเยอะ


           “เธอร่ายคาถาอะไรใส่รอนกันน่ะ เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ถาม สังเกตอาการรอนไปด้วย


           “แค่คาถางงงันนิดหน่อยน่ะ เธอคงไม่ได้อยากไปวิ่งเล่นเหมือนเด็กๆ กับรอนใช่ไหม” เธอถามเสียงเข้ม


           แฮร์รี่ส่ายหน้าช้าๆ แต่ในตอนนั้นเอง รอนที่ควรจะเดินกลับหอคอยกริฟฟินดอร์กลับฉีกยิ้มกว้าง ล้วงควานหาของในกระเป๋า

    แล้วหยิบดอกไม้ไฟวีสลีย์ออกมาเต็มกำมือ


           “ไม่นะ” เฮอร์ไมโอนี่เบิกตากว้าง นี่มันไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เธอวาดไว้สักนิด เธอยื่นมือหมายจะคว้ามือรอนแต่เขากลับวิ่งหนีไป 

    “ไม่ๆ รอน กลับมาเดี๋ยวนี้นะ!


           เธอกับแฮร์รี่ออกวิ่งตามรอนที่ควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับถูกเรียกให้ไปช่วยหยุดการทะเลาะวิวาทของเด็กปีสอง

    ระหว่างกริฟฟินดอร์กับเรเวนคลอทำให้เหลือแฮร์รี่ที่วิ่งตาม -- สุดท้ายก็ไม่ทัน รอนจุดดอกไม้ไฟชุดใหญ่ไปเรียบร้อยแล้ว


           เสียงระเบิดบึ้มดังก้องจนสะเทือนไปทั้งฮอกวอตส์ ประกายไฟหลากสีนับพันพุ่งไปทั่วปราสาทราวกับกำลังเฉลิมฉลองให้กับ

    วันสำคัญแบบนี้ นักเรียนส่วนใหญ่ร้องเฮและชื่นชมความสวยงามตระการตาและระยิบระยับเต็มไปหมด ลูน่าถึงกับหยุดเดิน ดวงตากลมโต

    ที่ล่องลอยเคลิ้มฝันมองดูดอกไม้ไฟราวกับท่องอยู่ในจินตนาการ


           แฮร์รี่ห้ามไม่ทัน ถึงจะไม่ปฏิเสธว่าดอกไม้ไฟพวกนี้สวยมากแต่มันต้องไม่ใช่ที่นี่และเวลานี้ เขาดึงแขนรอนที่ยังมึนงงกับคาถา

    ที่เฮอร์ไมโอนี่ร่ายใส่ให้เดินไปแอบในห้องว่างๆ ห้องหนึ่งเพื่อที่อย่างน้อยก็ไม่ถูกจับได้ แต่โชคช่างไม่เข้าข้างพวกเขาจนถึงวันสุดท้ายจริงๆ


           ฟิลช์ยืนอยู่ตรงหน้า พ่นลมหายใจครืดคราดด้วยความโมโหแต่ก็ดูมีความสุขไปพร้อมๆ กันที่จับตัวการของความวุ่นวายนี้ได้

    ก่อนพาตัวไปส่งศาสตราจารย์มักกอนนากัล


              “ผมบอกคุณแล้ว ศาสตราจารย์มักกอนนากัล! ยังไงวีสลีย์ก็คือวีสลีย์อยู่วันยังค่ำ! เหมือนกับพอตเตอร์! ทำตัววุ่นเหมือนอย่างรุ่นพ่อ

    ไม่มีผิด!


           ศาสตราจารย์มักกอนนากัลส่ายหัวขณะมองนักเรียนทั้งสองแล้วเอ่ยน้ำเสียงดุ “จะมีสักปีไหมที่เธอสองคนไม่ถูกกักบริเวณ”


           “พวกเราแค่อยากมีประสบการณ์หลายๆ อย่างก่อนเรียนจบแล้วขึ้นรถไฟกลับบ้านพรุ่งนี้น่ะครับ” รอนบอกเสียงค่อย


           “ดี งั้นก็เพิ่มประสบการณ์ถูกกักบริเวณไปด้วยเลยก็แล้วกัน -- อาร์กัส ฉันฝากให้คุณดูสองคนนี้ที”  

       

              “ได้เลยครับ ศาสตราจารย์!!” ฟิลช์ตกปากรับคำด้วยใบหน้าแช่มชื่น เขาชี้นิ้วแล้วกวักมือเข้าหาตัวเรียกให้แฮร์รี่กับรอนเดินตามมา 

    สุดท้ายก็มาลงเอยที่การขัดถ้วยรางวัลในห้องรางวัล “ขัดให้เสร็จก่อนเช้านะ เจ้าหนู!


           “แล้วนั่นคุณจะไปไหนน่ะ” รอนถามเมื่อเห็นฟิลช์กำลังจะออกจากห้อง


           “ไปนอนน่ะสิถามได้”


              แล้วประตูก็ถูกปิดตามหลังฟิลช์ดังปึง!


           รอนยิ้มเยาะ “แหม ถูกกักบริเวณจนวันสุดท้ายของชีวิตวัยเรียนแบบนี้ต่อให้เป็นเฟร็ดกับจอร์จก็ไม่มีทางได้สัมผัสประสบการณ์นี้

    ได้เลยนะนี่”


           แฮร์รี่นั่งลงที่พื้นอย่างอ่อนใจพร้อมกับถ้วยรางวัลและผ้าสำหรับขัดถ้วย “เราควรจะดีใจงั้นเหรอ”


           “แน่นอนสิ”


           รุ่งเช้ามาเยือนด้วยอากาศอันอบอุ่น นักเรียนปีเจ็ดได้เข้าใจรุ่นก่อนๆ อย่างลึกซึ้งถึงแก่นขึ้นมาแล้วว่าพอถึงเวลาที่จะจบสถานะ

    การเป็นนักเรียนมันโหวงในช่องท้อง ดีใจแต่ก็เศร้าเป็นยังไง


           แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่เงยหน้ามองปราสาทที่เต็มไปด้วยความทรงจำอันน่าประทับใจบ้างหรือในทางตรงกันข้ามบ้าง

    ด้วยความอาลัยอาวรณ์ เฮอร์ไมโอนี่สูดจมูกพลางแอบยกมือปากน้ำตาที่ไหลออกมาเงียบๆ ก่อนเดินไปขึ้นรถม้าคันใหม่


           “ปีหน้าก็เหลือแต่รุ่นฉันแล้วละสิ” จินนี่เดินมายืนข้างรอน


           รอนวางมือบนหัวน้องสาวด้วยความรักและเอ็นดู “ก็อย่างว่าแหละ ที่ผ่านมาเธอมีพี่ชายที่แสนดีอยู่ด้วยตลอด พอฉันไม่อยู่เข้าจริงๆ 

    เธอก็คงเหงาสินะ”


           จินนี่จับมือเขาออกทันควัน “ใครว่า ฉันดีใจต่างหากที่เทอมหน้าก็ไม่ถูกเหมารวมแล้วว่าเป็นพวกวีสลีย์เวลาที่พี่ชอบก่อเรื่อง” 

    พูดจบเธอก็คว้ามือลูน่ากับมาเรียให้ขึ้นรถม้าไปด้วยกัน...


           “พวกผู้หญิงปากแข็งแบบนี้เหมือนกันหมดรึเปล่าเนี่ย” รอนถามแฮร์รี่แล้วได้คำตอบเป็นการยักไหล่แล้วเดินหนีเขาไปขึ้นรถม้าแทน...



    - Talk -

              ตอนนี้ทั้งตอนมีแต่รอนโผล่มาเหมือนชื่อตอนเลยค่ะ เป็นข้อพิสูจน์ว่าวีสลีย์คนนี้อันที่จริงก็มีมุมปกป้องครอบครัวเหมือนกัน 

    (นินทาฉันไม่ได้ นินทาครอบครัวฉันก็ไม่ได้เหมือนกัน)

              เรื่องรอนกับแฮร์รี่อาจจะเป็นปฏิกิริยาที่รุนแรงไปหน่อยแต่เพราะความเป็นพี่ชายมันพลุ่งพล่าน ก็แฮร์รี่เล่นบอกหมดกระทั่งมีจูบแรก

    กับน้องสาวตัวเอง คนเป็นพี่จะอารมณ์ขึ้นเยอะเกินไปหน่อยก็ไม่แปลกแต่ตอนนี้เขาดีกันแล้วเนอะ ส่วนน้อง(สะใภ้)ก็มีใครมาแตะไม่ได้

    อีกเหมือนกัน >_< 

        ~ ตอนนี้มาถึงช่วงท้ายเรื่องจริงๆ แล้ว ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นับจากตอนหน้าเป็นต้นไปจะเริ่มเคาน์ดาวน์สิบตอนสุดท้ายแล้วนะคะ 

    ยังไงก็ช่วยอยู่ด้วยกันไปจนถึงตอนจบเลยน้า 

     

     

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×