ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] Little Loony Lovegood [George x Luna] [END]

    ลำดับตอนที่ #81 : 81 ll Surprise

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 835
      87
      16 พ.ย. 63


    81


    Surprise




    วันหยุดสุดสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคมในหมู่บ้านฮอกส์มี้ดละลานตาไปด้วยนักเรียนผู้ร่าเริงจากฮอกวอตส์ที่มาเดินเที่ยวตั้งแต่เช้า 

    ร้านรวงต่างเอาฟักทองมาตกแต่งให้เข้ากับบรรยากาศฤดูใบไม้ร่วงที่เป็นฤดูเก็บเกี่ยว อย่างเช่นร้านไม้กวาดสามอันที่พวกแฮร์รี่ รอน

    และเฮอร์ไมโอนี่นั่งดื่มบัตเตอร์เบียร์อยู่ในมุมหนึ่งของร้านทว่าเวลานี้ทั้งสามกลับมองสบตากันเองไปมาเพราะเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

    มีเฟร็ดกับจอร์จผู้สวมเสื้อคลุมสีส้มอย่างกับผลฟักทองนั่งจิบเครื่องดื่มอย่างสบายใจเฉิบอยู่ด้วย

                

              “บางทีเจ้าของร้านก็ต้องมีเวลาพักผ่อนบ้างสิ จริงไหม” เฟร็ดบอกพลางยกแก้วบัตเตอร์เบียร์อุ่นๆ ขึ้นจิบ


           “หรือบางทีอาจพักมาทำเรื่องสำคัญ” จอร์จเสริม


           “หมายความว่าไง” รอนชะโงกหน้ามาถามด้วยความสนอกสนใจเสียออกนอกหน้า “จะมาขอลูน่าหมั้นรึเปล่า ตอนงานแต่งบิล

    ฉันได้ยินแม่คุยกับคุณเลิฟกู๊ดเกี่ยวกับหมั้นหมายอะไรนี่แหละ”


           “ม่ายรู้สิ” จอร์จตอบแบบกำกวมแล้วยิ้มมีเลศนัยทำเอาทั้งสามคนหันไปซุบซิบกันใหญ่


           ขณะที่เฟร็ดผู้ไม่คิดถึงเรื่องนี้มาก่อนนั่งอ้าปากค้างจนบัตเตอร์เบียร์ไหลจากปากลงมาเปื้อนกางเกงตัวเอง “ให้ตายสิ จอร์จจี้ 

    นายไม่เห็นบอกฉันเรื่องนี้เลย ไหนว่าวันนี้เรามีธุระแค่ที่ฮอกวอตส์ไม่ใช่รึ” 


           “ก็ฉันคิดว่านายจะรู้แล้วน่ะสิเฟร็ดดี้ อีกไม่กี่เดือนข้างหน้านังหนูก็จะสิบเจ็ด นายก็รู้ว่ามันหมายความว่าไง ตอนนั้นเธอจะเป็นผู้ใหญ่

    ตามกฎหมายแล้ว แปลกตรงไหนที่ฉันจะคิดเรื่องนี้”


              “ให้ตายสิ” รอนสบถ “แล้วพี่จะขอตอนไหน ฉันจะได้อยู่ด้วย -- โอ๊ย! เธอมาตีฉันทำไมล่ะเฮอร์ไมโอนี่”


           “มีมารยาทหน่อยสิ”


           “แต่ถ้าขอหมั้นที่นี่พวกเราก็น่าจะอยู่ด้วยได้นะ” แฮร์รี่พูดแทรกเฮอร์ไมโอนี่เพื่อช่วยรอน


           “ใช่ไหมล่ะ แฮร์รี่พูดถูก”


           “นายจะขอหมั้นจริงดิ” เฟร็ดยังข้องใจไม่หายจนถึงขั้นเอี้ยวตัวเพื่อคุยกับฝาแฝดคนน้องให้ถนัดๆ


           จอร์จที่เห็นว่าทั้งกลุ่มกำลังจะตื่นเต้นกันไปใหญ่โตเลยยกมือห้ามเอาไว้ก่อน “ฉันแค่บอกว่าไม่แปลกที่ฉันจะคิด แต่ฉันก็ไม่ได้

    หมายความว่าวันนี้จะมาขอหมั้นซะหน่อย พวกนายน่ะเอาสติกลับมากันก่อน”


           “สรุปว่าไม่ได้มาขอหมั้น?”


           “เปล่า” สิ้นเสียงจอร์จ เฟร็ดรวมทั้งน้องๆ อีกสามคนก็เงียบสนิท “ฉันว่าค่อยขอแต่งทีเดียวไปเลยดีกว่า”


           เฟร็ดถอนหายใจ เมื่อกี้นี้ก็อุตส่าห์ตื่นเต้นไปด้วยตั้งหลายนาทีแต่คราวนี้เขาต้องการคุยแบบจริงจัง “นายจะขอเมื่อไร”


           “แน่นอนว่าหลังจากลูน่าเรียนจบแล้วนั่นแหละ แต่ถ้าคุณเลิฟกู๊ดต้องการความมั่นใจว่าฉันจริงจังกับลูกสาวเขาจริงหรือเปล่า

    ฉันก็อาจขอหมั้นเอาไว้ก่อน -- อย่ามัวแต่สนใจเรื่องฉันเลย ปีนี้พวกนายต้องสอบส.พ.บ.ส.แล้วนี่ มีโรคเครียดกำเริบขึ้นมาบ้างรึยัง”


           รอนพ่นลมออกทางจมูก “จะกำเริบตั้งแต่เรียนวันแรกแล้ว พวกอาจารย์เอาแต่ย้ำเรื่องนี้ตอนต้นชั่วโมงจนฉันกับแฮร์รี่อยากไปขอ

    ยาสงบใจที่ห้องพยาบาลหลายรอบแล้วเนี่ย -- ทำไมหนทางสู่การเป็นมือปราบมารนี่มันยากนักนะ”


           “พวกนายจะเครียดกันไปทำไม ปีนี้เป็นปีสุดท้ายของวัยเรียนแล้วควรเอาเวลามาเล่นสนุกดีกว่าแทนที่จะคิดมากเรื่องสอบในอีกตั้ง

    หลายเดือนข้างหน้า ดูอย่างฉันกับจอร์จเป็นตัวอย่างสิ ตอนนั้นแทบไม่มีคำว่าเครียดกับเรื่องเรียนโผล่มาในสมองเลยสักนิด ตอนอยู่ปีเจ็ด

    จะมีก็แต่ปวดหัวเรื่องอัมบริดจ์นั่นละ โชคดีชะมัดที่ไปซะได้” เฟร็ดบอก “เฮ้ จอร์จจี้ สะใภ้วีสลีย์ในอนาคตมานู่นแล้ว”


           จอร์จเงยหน้าขึ้นมองตามทันควัน ลูน่าเข้ามาในร้านพร้อมกับจินนี่และมาเรีย ตอนนี้พวกเธอกำลังไปซื้อบัตเตอร์เบียร์ตรงเคาน์เตอร์ 

    ชายหนุ่มผมแดงลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่แล้วแอบไปยืนอยู่ข้างหลังแฟนสาว จินนี่ที่ยืนอยู่ข้างลูน่าเหลือบมองเห็นพี่ชายตัวเองทางหางตา

    ก็ตาโตทันทีแต่จอร์จยกนิ้วชี้ขึ้นมาจ่อที่ริมฝีปากก่อนยื่นมืออ้อมลูน่าส่งเหรียญทองให้มาดามโรสเมอร์ทาสำหรับค่าบัตเตอร์สามแก้ว


           ลูน่าขมวดคิ้วยุ่ง ไล่ตามองตามแขนบุคคลปริศนาขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงใบหน้าของคนที่คุ้นเคยดี เธอกะพริบตาปริบๆ ก่อนยิ้มแป้น 

    “หวัดดี จอร์จี้”


           “หวัดดี ฉันเดาเอาไว้แล้วว่าเธอต้องมาร้านนี้แน่ๆ ไปนั่งตรงนู้นกันเถอะ” จอร์จถือแก้วของลูน่าแล้วนำไปยังโต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่ 

    โดยมีจินนี่กับมาเรียรีบยกแก้วแล้วเดินตามไปติดๆ


           ทว่าจินนี่กลับผงะถอยหลังไปเล็กน้อยที่เห็นว่ามีแฮร์รี่นั่งอยู่ด้วย


           “เป็นอะไรไป” รอนถามน้องสาวที่ไม่ยอมมานั่งตรงข้ามกับแฮร์รี่ เขามองแฮร์รี่ที่นั่งอยู่ข้างกันสลับกับมองจินนี่ “หรือพวกนาย

    ไปทะเลาะกันมาตอนที่ฉันไม่รู้รึเปล่า”


           “เปล่า” แฮร์รี่กับจินนี่ตอบพร้อมกัน


           “งั้นก็มานั่งสิ” รอนกวักมือเรียก ทำให้จินนี่ต้องเข้ามานั่งที่โต๊ะเดียวกันอย่างปฏิเสธไม่ได้แต่รอนยิ่งติดใจสงสัยหนักกว่าเก่า

    เมื่อทั้งคู่เอาแต่นั่งก้มหน้าดื่มบัตเตอร์เบียร์ของตัวเองโดยไม่มองหรือมีบทสนทนาระหว่างกันเลย


           หลังจากบัตเตอร์เบียร์หมดแก้ว พวกเขาก็ออกมานอกร้านแล้วแยกย้ายกันไปร้านอื่นๆ ต่อ แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่เดินไปที่ร้าน

    ขายอาหารสัตว์เพื่อซื้อถั่วให้เฮ็ดวิกกับพิกวิดเจียน ส่วนมาเรียกับจินนี่ยืนกรานว่าจะไปร้านฮันนี่ดุกส์เพราะไม่อยากไปขัดบรรยากาศ

    ระหว่างจอร์จกับลูน่า จากแค่มองดูท่าทีจอร์จก็รู้แล้วว่าไม่ได้อยากให้พวกเธอไปด้วยแม้ไม่ได้พูดอะไรออกมา


           “บ่ายสามไปเจอกันที่ฮอกวอตส์นะ”  


           จอร์จพยักหน้าให้กับเฟร็ดตรงหน้าร้าน ก่อนแยกไปเดินเล่นกับลูน่าสองคนโดยกุมมือกันไปตลอดทาง


           “จะไปทำอะไรกันที่ฮอกวอตส์หรือ”


           “มีธุระกับอาจารย์ฟลิตวิกนิดหน่อยน่ะ เห็นว่าเขามีเรื่องอยากปรึกษา ช่วงนี้ที่ฮอกวอตส์เป็นยังไงบ้างล่ะ พีฟส์จอมก่อกวน

    ยังทะเลาะกับฟิลช์บ่อยๆ อยู่หรือเปล่า” จอร์จถามเพราะวันนี้อยู่ๆ เขาก็คิดถึงภารโรงที่ชอบเดินท่าทางเงอะงะงุ่มง่ามขึ้นมา 

    แถมเรื่องที่เกี่ยวกับลูน่าหรือคนรอบตัวเธอก็เขียนมาเล่าในจดหมายหมดแล้ว


           “ไม่นะ ช่วงนี้พีฟส์ทะเลาะกับคุณนายนอร์ริสมากกว่าเพราะมันเอาแต่ขู่ฟ่อๆ ใส่เขาทุกครั้งที่เจอหน้ากัน -- เมอร์เทิลก็ร้องไห้คร่ำครวญ

    น้อยลงไปเยอะแล้วด้วย อ้อ แล้วก็ฟักทองของแฮกริดก็ลูกใหญ่เบ้อเริ่มยิ่งกว่าปีไหนๆ เลยละ...ทางนั้นล่ะเป็นยังไงบ้าง”


           “ที่ร้านราบรื่นดีทุกอย่าง ส่วนแม่ฉันก็บอกว่าปีนี้มีเวลาว่างไปถักเสื้อกันหนาวสำหรับของขวัญคริสต์มาสอีกตั้งเยอะตั้งแต่

    ไม่มีจดหมายรายงานความประพฤติจากฮอกวอตส์ส่งไปที่บ้าน แล้วก็เมื่อวันก่อนฉันกับเฟร็ดไปหาบิลกับเฟลอร์ที่กระท่อมเปลือกหอยมา 

    -- คู่นั้นหวานฉ่ำกันจนฉันกับเฟร็ดรู้สึกเป็นส่วนเกิน ต้องขอตัวกลับแทบไม่ทัน แล้วขากลับฉันแวะไปเยี่ยมพ่อเธอที่บ้านมาด้วย พอเฟร็ดรู้ว่า

    เขาจะให้ดื่มน้ำประสานของรากเกิร์ดดี้ก็รีบชิ่งหนีกลับบ้านไปก่อนเฉยเลย เอ้อ มีอีกเรื่องที่ว่าจะบอกเธอ -- ตอนนี้เฟร็ดคบกับแคตี้แล้วนะ”



           เดือนธันวาคมมาเยือนฮอกวอตส์พร้อมอากาศอันหนาวเหน็บหลังจากควิดดิชนัดแรกที่แข่งกันสูสีจนแทบลืมหายใจ

    ระหว่างกริฟฟินดอร์และสลิธีรินจบไปและบ้านสิงห์เป็นฝ่ายกอดชัยชนะไปก่อน


           ที่ห้องนั่งเล่นรวมอันอบอุ่นของแต่ละบ้านในเช้าวันหนึ่งมีป้ายประกาศติดอยู่บนบอร์ดใหญ่

     

    * * * * * * *

    ชมรมคาถามหาสนุก!

    ขอเชิญชวนนักเรียนผู้ที่มีความสนใจในศาสตร์การเสกคาถา

    มาร่วมชั้นเรียนพิเศษกับอาจารย์รุ่นใหม่ไฟแรงผู้มากความสามารถ ! !

    ไม่จำกัดอายุ ไม่จำกัดเพศ

    พบกันที่ห้องโถงใหญ่ วันศุกร์ที่ 12 เวลาสี่โมงเย็น

    * * * * * * *

     

                “เก็บไว้เป็นความลับจนกว่าจะถึงเวลานั้นก็แล้วกันนะ นักเรียน -- อีกไม่กี่อึดใจนี้พวกเธอก็จะได้รู้กันแล้วละ” ศาสตราจารย์ตัวเล็ก

    ย่างฟลิตวิกให้คำตอบกับนักเรียนคนหนึ่งที่ยกมือถามเขาเรื่องอาจารย์พิเศษที่จะมาสอนในตอนเย็นวันนี้ เขายิ้มแย้มให้กับนักเรียนทุกคน

    ก่อนบอกเลิกชั้นเรียน


           “เธอว่าอาจารย์พิเศษคนนั้นจะเป็นใครกัน...หวังว่าคงไม่ใช่ล็อกฮาร์ตนะ” คอลินหันมาถามความเห็นกับจินนี่ มาเรียและลูน่า


           “ไม่รู้สิ แต่วันนี้ฉันไม่มีซ้อมควิดดิชอยู่แล้วเลยว่าจะแวะไปดูสักหน่อย” จินนี่ตอบ


           “ถ้าถามฉันละก็จะเป็นใครก็ได้ทั้งนั้นแหละ แค่ไม่ใช่อัมบริดจ์ก็พอ” มาเรียทำท่าขนลุกซู่เมื่อนึกถึงใบหน้าของอัมบริดจ์ 

    “ฉันว่าจะแอบไปดูก่อนว่าอาจารย์คนนั้นว่าเป็นใครแล้วค่อยเข้าชมรมพยากรณ์ศาสตร์ช้าสักสิบนาทีก็ยังไม่สาย ศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์

    คงไม่ว่าอะไรหรอกเพราะลูกแก้วพยากรณ์ของเขาคงจะฉายภาพให้ดูแล้วว่ามีลูกศิษย์คิดจะเข้าสาย”


           “งั้นก็ดีเลย เราจะได้ไปพร้อมกัน ฉันไม่มีชมรมอยู่แล้ว เดนนิสก็บอกว่าจะไปดูด้วยเหมือนกัน” คอลินยิ้มกว้าง “ฉันจะได้ลองใช้

    กล้องตัวใหม่นี่ด้วย แล้วเธอล่ะลูน่า”


           “ฉันมีนัดกับศาสตราจารย์แฮกริดแล้วก็นักเรียนคนอื่นๆ น่ะ เราจะไปให้อาหารเธสตรอลกัน แล้วก็ได้ข่าวมาว่ามีโบวทรัคเกิล

    ที่น่าสงสารได้รับบาดเจ็บมา ถ้าโชคดีอาจารย์คงให้พวกเราอยู่ดูตอนเขาปฐมพยาบาลด้วย” ลูน่าพูดเสียงฝันๆ แต่ดูมีความสุขอยู่ในโลก

    ของเธอซึ่งอีกสามคนที่เหลือก็เข้าไม่ถึง


           “ไม่เอาน่า” มาเรียเข้ามาโอบไหล่เพื่อนผมบลอนด์ “นานๆ ฮอกวอตส์จะมีอะไรแปลกใหม่มาสักทีนะ แวะไปดูด้วยกันก่อนเข้าชมรม

    สักแป๊บก็ไม่เสียหายหรอก ศาสตราจารย์แฮกริดต้องเข้าใจแน่ -- อีกอย่างนึงนะ ดวงตาพยากรณ์ของฉันก็บอกเป็นลางๆ มาว่า

    อาจารย์พิเศษคนนั้นต้องหล่อหรือไม่ก็ต้องเท่มากแน่ๆ”


                

              ที่ห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่ อัลบัส ดัมเบิลดอร์ กำลังนั่งหันเก้าอี้ไปทางเตาผิง ดวงตาสีฟ้าเบื้องหลังแว่นทรงครึ่งวงพระจันทร์

    จ้องเข้าไปในเปลวไฟอย่างใจจดใจจ่อราวกับกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง เวลาเดียวกันก็มีศาสตราจารย์ฟลิตวิกเดินวนไปเวียนมาอยู่รอบๆ 

    ห้องด้วยพร้อมกับมองดูนาฬิกา

                

              เวลานี้คือสิบห้านาฬิกา ยี่สิบเก้านาที เมื่อเข็มนาทีเลื่อนไปยังเลขหกปุ๊บ ฉับพลันนั้นในเตาผิงก็เกิดเสียงดังขลุกขลักก่อนที่เปลวเพลิง

    จะแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวสว่างวาบแล้วปรากฏภาพฝาแฝดผมสีแดงเพลิงกลิ้งกลุกๆ ออกมาจากเตาผิง คาดว่าทั้งสองคงจะแย่งกัน

    เข้าเตาผิงมาจากต้นทางเลยออกมาในสภาพคลุกฝุ่นดูมอมแมมแบบนี้

                

              “มาตรงเวลาพอดีเลย!” ฟลิตวิกถลันไปข้างหน้าแล้วช่วยฉุดทั้งสองคนให้ลุกขึ้นยืน


           “ขอบคุณครับ ศาสตราจารย์ฟลิตวิก”


           “ยินดีต้อนรับกลับสู่ฮอกวอตส์ คุณวีสลีย์” ดัมเบิลดอร์กล่าวด้วยรอยยิ้มอบอุ่นแล้วยื่นมือให้ผู้มาเยือนทั้งสอง


               เฟร็ดยื่นมือจับกับดัมเบิลดอร์ ทว่าพอปล่อยมือแล้วเขม่าที่มือเขากลับทำให้อาจารย์ใหญ่มือดำไปด้วย “ขอโทษครับ มันคงจะเป็น

    ฝุ่นจากที่บ้านเราเองครับ ศาสตราจารย์” เขาว่าพลางเอามือเช็ดกับเสื้อคลุมแต่กลายเป็นว่ามันดำกว่าเก่า


              “ไม่เป็นไร! ฉันไม่ถือเรื่องเล็กน้อยแค่นี้หรอก” ดัมเบิลดอร์ยิ้มกว้างกว่าเดิมแล้วจับมือทักทายจอร์จด้วยอีกคน

                

              “พวกเราขอตัวก่อนนะครับ ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ ขอบคุณที่ให้สองคนนี้ใช้เครือข่ายฟลูมาที่นี่” ฟลิตวิกบอกก่อนหันไปคุย

    กับฝาแฝด “ถ้างั้นเราลงไปเตรียมตัวกันดีกว่า -- เอ้อ แต่ก่อนอื่นฉันอยากแนะนำว่าพวกเธอน่าจะปัดฝุ่นออกกันสักนิดสักหน่อยจะดีกว่า”

                

              เฟร็ดกับจอร์จทำตามทันที สองมือปัดฝุ่นออกจากตัวรวมทั้งผมก่อนเงยหน้าถามกันเอง


           “ฉันสะอาดรึยัง”


           “แน่นอน นายสะอาดหมดจดแล้ว จอร์จจี้”


           “นายก็เหมือนกัน เฟร็ดดี้”


              แล้วทั้งคู่ก็เดินตามฟลิตวิกไปยังห้องเรียนวิชาคาถาด้วยความมั่นใจเพื่อเตรียมตัวโดยไม่รู้เลยว่าต่างคนต่างก็โกหกว่าอีกฝ่าย

    สะอาดดีแล้วทั้งที่บนหน้ายังมีเขม่าสีดำเปื้อนอยู่


           เมื่อใกล้เวลาสี่โมงเย็น ที่ห้องโถงใหญ่ก็คับคั่งไปด้วยนักเรียนที่สนใจและตามมาจากใบประกาศ ดูท่าแล้วชมรมน้องใหม่นี้จะได้รับ

    ความนิยมไม่น้อยทีเดียวเพราะแม้แต่เดรโกก็ยังมาดูกับเขาด้วย


           “พวกเธอก็มาด้วยหรือ” รอนกับแฮร์รี่เดินมาหากลุ่มจินนี่ ในมือถือแซนด์วิชมากินด้วย


           “ฉันกะจะแวะมาดูเฉยๆ แค่อยากรู้ว่าใครจะมาสอน” จินนี่ตอบ “พี่ไปเอาแซนด์วิชมาจากไหนน่ะ”


           “ห้องครัว” รอบตอบก่อนกัดเข้าไปเต็มคำ


           มาเรียปล่อยให้พี่น้องได้คุยกันไป ส่วนเธอสังเกตเห็นว่าลูน่าพะวงอยู่กับทางกระท่อมของแฮกริดมาได้สักพักแล้ว “อย่ากังวลไปเลย 

    ลูน่า ใกล้ได้เวลามาแล้วอีกแค่สิบวินาที”


           ทุกคนจับจ้องไปยังเวทีที่ว่างเปล่าตรงกลางห้อง ทันทีที่นาฬิกาตีบอกเวลาสี่โมงตรง บนเวทีก็เกิดกลุ่มควันสีม่วงกับสีส้ม

    และขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ สร้างเสียงฮือฮาให้กับเหล่านักเรียนแต่แล้วเมื่อควันหายไป บนเวทีก็ยังว่างเปล่า


              “สวัสดีหนูๆ! เสียงสดใสและก้องกังวานของคนสองคนดังประสานกันที่ด้านหลังกลุ่มนักเรียน


           ฝาแฝดวีสลีย์ยื่นมือไปตีมือกับนักเรียนระหว่างวิ่งขึ้นไปบนเวทีเพื่อไปสมทบกับศาสตราจารย์ฟลิตวิก ท่ามกลางเสียงตบมือ

    และโห่ร้องด้วยความดีใจที่ได้รู้ว่าใครจะมาสอน -- ณ เวลานี้พ่อมดรุ่นใหม่ที่เด็กๆ รู้จักและชื่นชอบหนีไม่พ้นพวกเขาทั้งคู่ได้แน่นอน


           “พวกเขาเข้ามาได้ยังไงกันน่ะ ฉันมั่นใจว่าเมื่อกี้นี้ไม่เห็นเขาเข้ามาในห้องโถงใหญ่หรือแอบอยู่ตรงไหนเลยนี่” คอลินเอียงคอ

    ด้วยความสงสัย


           และมีอีกหลายคนที่คิดเหมือนกันกับเขา มีนักเรียนชายปีสองคนหนึ่งที่ยืนชิดติดขอบเวทียกมือถามคำถามนี้กับอาจารย์สอนพิเศษ  


           “มันน่าอัศจรรย์มากเลยใช่ไหมล่ะ แต่โทษทีนะเพราะมันเป็นความลับ” เฟร็ดตอบแล้วหลิ่วตาให้แฮร์รี่กับรอนที่ยืนกอดอกมอง

    ด้วยความตลกขบขันขณะที่รุ่นน้องต่างพูดถึงการหายตัวได้ในปราสาทของเฟร็ดกับจอร์จ


           อันที่จริงมันไม่มีอะไรยากเลยสักนิดแค่เขามีผ้าคลุมล่องหนของแฮร์รี่ที่ให้ยืมมาเพราะต่อให้เป็นฝาแฝดจอมแสบผู้ชอบแหกกฎ

    ก็ยังไม่สามารถหายตัวไปมาในฮอกวอตส์ได้


           จอร์จมองทุกคนในห้อง พอเห็นลูน่าแม้จะอยู่ไกลลิบแต่ก็มีกำลังใจเพิ่มมาอีกเป็นกอง “วันนี้เราจะมาสอนเทคนิคและเคล็ดลับ

    และหัวใจของการใช้คาถาเพื่อความบันเทิง”


           ฟลิตวิกกระแอม “และความสำเร็จ”


           “อ้อ ใช่ครับ และความสำเร็จ”


           “แต่ก่อนอื่นเราควรจะคลายเครียดกันก่อนเป็นอันดับแรก” เฟร็ดบอกพร้อมกับจุดดอกไม้ไฟวีสลีย์ชุดใหญ่ ประกายไฟหลากสี

    กระเด็นกระดอนไปทั่วทั้งห้องราวกับมีการเฉลิมฉลองครั้งใหญ่


           ประกายไฟระยิบระยับสะท้อนอยู่ในดวงตาสีซีดของลูน่า เธอยกมือขึ้นจับประกายเล็กๆ ด้วยความหลงใหลก่อนนึกขึ้นได้

    ว่าเธอเลยเวลาเข้าชมรมมานานแล้ว และไม่อยากอยู่กวนคนที่อยากมาเรียนจริงๆ รวมทั้งจอร์จที่มาสอนด้วยจึงแอบเดินออก

    จากห้องโถงใหญ่เงียบๆ แต่ก็เจอเข้ากับเจคอบหนึ่งหนุ่มในแก๊งแอนโทนีที่อยู่ชมรมเดียวกับลูน่าเข้าพอดี


              “อ้าวลูน่า เธอก็มาดูด้วยเหรอ เอ้อ เราอย่ามัวมาคุยกันอยู่ตรงนี้เลย เรารีบไปกันเถอะก่อนที่ศาสตราจารย์แฮกริดจะให้เรา

    ไปให้อาหารเจ้าสกู๊ตปะทุไฟแทนเธสตรอล”



           ความมืดลงมาปกคลุมเร็วกว่าเดิมเมื่อถึงฤดูหนาว ลูน่ากับเจคอบและนักเรียนคนอื่นๆ สี่ห้าคนเดินกลับเข้าปราสาทด้วยแสงนำทาง

    จากตะเกียงของแฮกริด เธอเดินรั้งแถวเป็นคนสุดท้ายทว่าตอนที่กำลังจะเลี้ยวเข้าห้องโถงใหญ่กลับเจอฝาแฝดวีสลีย์ยืนมองเธออยู่ 

    จอร์จกอดอกพิงกำแพง เอียงคอมองเธอพร้อมเลิกคิ้วเล็กน้อยเหมือนกับคนถูกมองไปทำความผิดอะไรมา


           “ไปไหนมา” จอร์จถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ


           “เมื่อกี้หรือ? ไปเข้าชมรมมา”


           “ชมรม?”


           เด็กสาวพยักหน้าหงึกหงัก “ดูแลสัตว์วิเศษ”


           “ดูแลสัตว์วิเศษ? ล้อเล่นใช่ไหมนังหนู แฟนเธอทั้งคนมาเป็นอาจารย์สอนพิเศษถึงฮอกวอตส์เชียวนะ ฉันยินดีสอนเธอแบบตัวต่อตัว

    ด้วยซ้ำแต่เธอดันหายไปจากห้องโถงใหญ่ซะเฉยๆ ได้ยังไงกัน”


           เฟร็ดกระแอมไอแบบจงใจ “แม่หนูลูน่าเพิ่งอยู่ปีหกเองนะ”


           “ก็ใช่น่ะสิ...เอ้อ อย่าเข้าใจผิดนะ ฉันหมายความอย่างที่พูด ไม่ได้มีอะไรแอบแฝง” คิดถึงตรงนั้นจอร์จก็เกิดเขินขึ้นมาซะดื้อๆ 

    แต่คนตัวเล็กกว่ากลับไม่ได้คิดอะไรเลยแถมยังเงยหน้าจ้องเขาตาแป๋วจนเขารู้สึกผิดอีกต่างหาก จอร์จยืดตัวตรงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ 

    “ไปคุยกันในห้องเรียนว่างๆ หน่อยได้ไหม อีกเดี๋ยวฉันกับเฟร็ดก็กลับกันแล้วล่ะ” และอีกอย่างพวกเขาก็กำลังยืนขวางทางนักเรียนผู้หิวโหย

    ที่กรูเข้าห้องโถงใหญ่กันอยู่ด้วย


           ภายในห้องเรียนว่างโล่งห้องหนึ่งนั้นไม่มีแม้แต่ตะเกียงให้แสงสว่าง เวลาคุยกันจึงต้องอาศัยแสงสลัวๆ จากดวงจันทร์ที่สาดส่อง

    เข้ามาทางกระจกหน้าต่าง   


           “ในเมื่อเธอยังไม่เข้าใจงั้นฉันว่าเราต้องคุยกันหน่อยแล้ว นังหนู -- แบบส่วนตัว” ดวงตาสีน้ำตาลเหล่มองทางเฟร็ด


              “อะไรกันเล่า ฉันเพิ่งเข้ามาเองนะ” เฟร็ดโวยวาย รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความยุติธรรมเอามากๆ !


           “ฉันขอเวลาแป๊บเดียว”


           “แต่แบบนี้มันจะผิดรึเปล่า”


           “อะไรที่นายว่าผิด”


           “ก็เรามาที่นี่ในฐานะอาจารย์พิเศษแต่อาจารย์จะมาอยู่ในห้องเรียนกับนักเรียนหญิงสองต่อสองได้ยังไงกัน”


           จอร์จทำปากยื่นพลางหาข้อแก้ตัว “จะผิดได้ไง ตอนนี้ฉันไม่ได้สอนแล้วเพราะงั้นไม่มีอะไรผิด”


           “ก็ได้” เฟร็ดยกมือเป็นเชิงยอมแพ้ก่อนมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้น “แล้วเจอกัน ฉันจะรออยู่หน้าห้อง...อย่างใกล้ชิดเชียวล่ะ” 

    เขาทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนออกจากห้องไปแต่โดยดี


           สายตาล่องลอยของลูน่าเลื่อนมองตามหลังเฟร็ดในความมืด ทว่าจู่ๆ ร่างเธอกลับลอยหวือขึ้นจากพื้นด้วยฝีมือจอร์จที่เข้ามาอุ้มเธอ 

    กว่าลูน่าจะตั้งตัวได้เธอก็ไปนั่งอยู่บนโต๊ะเรียบร้อยแล้วทั้งที่เธอค่อนข้างมั่นใจว่าก่อนหน้านี้ในห้องไม่มีโต๊ะหรือเก้าอี้แม้แต่ตัวเดียว 

    แต่ก็คงเป็นจอร์จอีกนั่นแหละที่เสกมันขึ้นมา


           คนผมแดงประชิตตัวเข้าใกล้ลูน่า เอามือเท้าโต๊ะคร่อมร่างเธอเอาไว้แล้วมองประสานสายตากัน


           “ฉันชะเง้อคอมองหาเธอทั้งชั่วโมง อุตส่าห์นึกว่าวันนี้จะได้อยู่ด้วยกันเป็นชั่วโมงๆ ซะอีก”


           “แต่ตอนนี้เราก็ได้อยู่ด้วยกันแล้วนี่ไง”


           “รู้ไหมว่าตอนนี้ฉันงอนเธออยู่นะ” จอร์จยื่นหน้าเข้าใกล้แฟนสาวมากขึ้น


           ลูน่าเบนสายตาไปมองกำแพงข้างๆ อัตโนมัติ ถึงจะเห็นไม่ชัดนักแต่การรับรู้ถึงลมหายใจของอีกฝ่ายทำให้เธอไม่กล้ามองเขา 

    “เอ่อ...ในนี้มืดจัง ว่าไหม”


           นั่นไม่ใช่ปัญหา เมื่อนังหนูร้องขอจอร์จก็จัดให้ เขาดึงไม้กายสิทธิ์ออกจากเสื้อคลุม โบกเล็กน้อยโดยไม่ต้องเปล่งเสียงพูดคาถา 

    ทันใดนั้นแสงสว่างก็ถูกจุดขึ้นที่ปลายไม้กายสิทธิ์


           “ทีนี้เป็นไง”


           “ดีขึ้นเยอะเลย” ลูน่ายิ้มน้อยๆ แต่ทำแบบนี้มันยิ่งเห็นภาพชัดกว่าเดิมเธอก็ยิ่งไม่กล้ามองดวงตาสีน้ำตาลที่ฉายแววประหลาด

    ชวนให้คนมองหน้าเห่อร้อนเข้าไปใหญ่

              

           จอร์จเอียงหน้าตามมาสบตากับเธอเข้าจนได้ราวกับกำลังไล่ต้อนกระต่ายตัวน้อยให้จนมุม


           “เรามาคุยกันต่อนะ -- หลังจากวันที่ศาสตราจารย์ฟลิตวิกติดต่อฉันมา ฉันก็รอเวลานี้มานานตลอดสองเดือนเต็ม เก็บเป็นความลับ

    ไม่บอกเธอเพราะกะจะเซอร์ไพรส์ กว่าเราจะได้เจอหน้ากันที่ฮอกวอตส์มันไม่ใช่ง่ายๆ แต่เธอกลับหายไปให้อาหารเธสตรอลเนี่ยนะ”


           “ช่วยปฐมพยาบาลให้โบวทรัคเกิลด้วย” ลูน่าช่วยเสริมเพิ่มเติมให้ครบแบบไม่ได้มีเจตนาจะกวนเขาแต่อย่างใด


           ทั้งคำตอบกับแววตาใสซื่อคู่นั้นทำเอาจอร์จเกือบหลุดยิ้มออกมาแล้วแต่เขาก็เก็บอารมณ์ตีหน้าขรึมเข้าไว้ “เธอเห็นเจ้าตัวน้อย

    พวกนั้นสำคัญกว่าแฟนงั้นสิ”


           “ฉันก็แค่ไม่อยากกวนเวลาสอนเลยคิดว่าออกไปคงจะดีกว่า”


           จอร์จรุกเข้าหาลูน่าอีกนิดจนอีกฝ่ายเอนหลังไปเล็กน้อย “อยู่กวนแล้วจะเป็นอะไรไป ฉันไม่ดุเธอหรอกน่า” เมื่อเขาเห็นลูน่า

    เริ่มหน้าแดงเพราะเขินได้สำเร็จก็ยกยิ้มมุมปากแล้วกลับมายืนตัวตรง “เมื่อสามวันก่อนฉันได้ข่าวจากสายของฉันว่าเธอป่วยจนต้อง

    ไปนอนห้องพยาบาล นั่นเป็นความจริงหรือเปล่า”


           “อ้อ วันนั้นฉันแค่เป็นไข้นิดหน่อย ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก”


           “ทำไมในจดหมายเธอไม่เขียนบอกฉันล่ะ” จอร์จยังไม่ปักใจเชื่อจนกว่าจะได้พิสูจน์ เขายกมือหลังมือขึ้นทาบหน้าผากลูน่า

    แล้วเทียบกับหน้าผากตัวเอง ...ไม่มีไข้แล้ว


           “ก็ฉันคิดว่าคุณคงยุ่งเรื่องงานที่ร้านมากพออยู่แล้ว”


           “แต่ฉันอยากรู้เรื่องแฟนฉันนี่ แม้แต่เป็นหวัดนิดเดียวฉันก็อยากรู้”


           ลูน่าอมยิ้ม “แต่ตอนนี้ฉันแข็งแรงดีแล้ว...จมูกคุณเปื้อนแน่ะ”


           จอร์จกะพริบตามองนังหนูที่อยู่ๆ ก็เปลี่ยนเรื่อง -- สิ่งที่เขาทำไม่ใช่ยกมือขึ้นเช็ดจมูกตามที่ถูกทักแต่เขายื่นหน้าไปให้ลูน่าเช็ดออก

    ให้แทนเพราะยังไงซะคนที่มองเห็นรอยเปื้อนก็คือเธออยู่แล้วนี่


           ลูน่าเช็ดเขม่าสีดำที่ติดมาตั้งแต่ตอนที่จอร์จกลิ้งออกมาจากเตาผิงออกจากจมูกให้ -- จอร์จไม่ถอยออกไป ในทางกลับกันเขายิ่ง

    เลื่อนหน้าเข้าหาเธอมากขึ้นพร้อมเอียงหน้าเล็กน้อยแล้วจูบลูน่าอย่างอ่อนโยน ชั่วเวลาที่ถอนจูบออกจอร์จยังคงมองที่ริมฝีปากนั้น

    อย่างอ้อยอิ่ง เขามองเลื่อนขึ้นสบตากับดวงตาสีซีดที่นั่งตัวแข็งทื่อราวกับถูกสาป มีแต่ใจที่เต้นรัวกับจูบที่ไม่คาดคิดมาก่อน


           จอร์จเผลอเลียริมฝีปากก่อนส่ายหัวเรียกสติให้กลับมา ถอยหลังหนึ่งก้าวด้วยท่าทางเก้อเขิน “โทษที -- มันอดใจไม่ไหวน่ะ...

    ออกไปข้างนอกกันดีกว่า ป่านนี้เฟร็ดคงรอบ่นเราแล้วมั้ง แล้วฉันก็รั้งตัวเธอเอาไว้นานเกินไปแล้วด้วย ไปเถอะ เดี๋ยวฉันเดินไปส่ง

    ที่หน้าห้องโถงใหญ่” พูดจบเขาก็ชี้ไม้กายสิทธิ์ไปทางประตู ส่องทางให้อีกคนเดินนำไปก่อน

                

              ลูน่าหยุดยืนตรงที่จอร์จยืนอยู่ ไม่รู้อะไรดลใจให้เธอเขย่งปลายเท้าแล้วจูบเขาเบาๆ ที่แก้ม เธอยิ้มให้เขาก่อนเปิดประตูเดินออกไป

    สู่ความสว่างข้างนอกที่เต็มไปด้วยแสงจากคบเพลิง ขณะที่จอร์จผุดรอยยิ้มกว้างไม่ยอมหุบ

                

              ที่ม้านั่งหน้าห้องมีเฟร็ดนั่งรออยู่ มือหนึ่งถือถ้วยชาอีกมือหนึ่งถือจานรอง เมื่อเห็นคนที่กำลังรอออกมาจากห้องเขาก็ชูถ้วยชาที่มีควัน

    ลอยเอื่อยๆ ขึ้นให้คนทั้งสองพร้อมเลิกคิ้ว “ชาหน่อยไหม คงคอแห้งน่าดู”


           จอร์จหุบยิ้มทันควัน “ฉันไม่ได้พูดมากจนคอแห้งซะหน่อย”


           “ฉันก็ไม่ได้หมายความว่านายพูดมากจนคอแห้งซะหน่อย” เฟร็ดย้อนแล้วยิ้มมีเลศนัย


           จอร์จรู้ความหมายที่เฟร็ดจะสื่อเลยอึกอักไปต่อไม่ถูก ก่อนรีบเปลี่ยนเรื่องเพราะคิดว่ามีอยู่แค่ทางเดียวแล้ว 


           “นายไปเอาชานั่นมาจากไหนน่ะ”


           “ศาสตราจาร์ฟลิตวิกให้มา ชากุหลาบอย่างดีเชียวละ เขาบอกว่าชากุหลาบช่วยบำรุงหัวใจ อ้อ แต่อย่างนายคงไม่ต้องมีชา

    ไปบำรุงหัวใจแล้วล่ะมั้ง” พูดจบเฟร็ดก็ขยิบตาให้จอร์จ...



    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×