คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #80 : 80 ll Wedding
80
Wedding
ฤดูร้อนคืบคลานเข้ามาเมื่อย่างเข้าเดือนมิถุนายน ลูกชายคนโตตระกูลวีสลีย์เดินอยู่คนเดียวในตรอกไดแอกอนยามที่รอบข้าง
มืดสนิท ยกเว้นร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์ที่ยังคงเปิดไฟสว่างไสวลอดออกมาทางหน้าต่าง บิลผลักบานประตูที่แขวนป้ายว่า ‘ ปิด ’
เข้าไปข้างในเพื่อมาหาน้องชายฝาแฝดที่ช่วงนี้เริ่มกลับมานอนในห้องเล็กๆ ที่ร้านกันอีกแล้ว
“ลมอะไรหอบพี่มาถึงที่นี่ได้ล่ะนี่” เฟร็ดถามพลางยื่นขวดบัตเตอร์เบียร์ให้บิล ส่วนจอร์จร่ายคาถาใส่เก้าอี้ให้ลอยมาวางตรงหน้า
เคาน์เตอร์
“ลมที่นายก็คิดไม่ถึงน่ะสิ” บิลว่า นั่งเก้าอี้ที่จอร์จหาให้พลางยกบัตเตอร์เบียร์ขึ้นดื่มด้วยท่วงท่าธรรมดาทว่าฝาแฝดกลับเห็น
รัศมีความสุขที่เปล่งประกายออกมาจากตัวเขาจนได้แต่อุทานในใจว่าช่างเท่อะไรขนาดนี้
“แล้วพี่มีธุระอะไรกับพวกเรา” จอร์จถาม
“ทะเลาะกับเฟลอร์มาหรือ”
“หรืออยากมาซื้อของที่ร้านเรา?”
“ไม่ใช่ทั้งหมดนั่นแหละ คืนนี้ฉันจะมานอนกับพวกนายเพราะพรุ่งนี้ฉันจะไปรับรอนกับจินนี่ที่สถานีรถไฟแล้วฉันก็รู้ว่ายังไงพวกนาย
ก็ต้องตามไปด้วยอยู่แล้ว อีกอย่างฉันจะมาบอกข่าว”
“ข่าว?”
“เรื่องงานแต่งงานของฉันกับเฟลอร์ในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้น่ะ”
ข่าวใหม่นี้ทำเอาเฟร็ดกับจอร์จอ้าปากค้างก่อนรัวคำถามใส่พี่ชายไม่ยั้งกระทั่งดึกดื่นสามพี่น้องก็ยังนั่งคุยกันจนเกือบเช้า
ชานชาลาที่เก้าเศษสามส่วนสี่แน่นขนัดไปด้วยบรรดาผู้ปกครองที่มารับบุตรหลานของตนและเด็กนักเรียนจากฮอกวอตส์ที่กำลัง
เดินขวักไขว่เข็นรถเข็นสัมภาระพร้อมมองหาคนที่บ้านไปด้วย
“อยู่กันพร้อมหน้าพอดีเลย” บิลฉีกยิ้มกว้างให้น้องๆ เขาเดินมาพร้อมกับเฟร็ด จอร์จและเซโนฟิเลียสที่เพิ่งมาเจอกันที่นี่
ทำให้จอร์จที่อยากเข้าไปกอดนังหนูให้หายคิดถึงต้องหักห้ามใจตัวเองเอาไว้ก่อนแล้วปล่อยให้พ่อลูกได้กอดกันตามสบาย
“คราวนี้ถึงตาพวกพี่มารับพวกเธอบ้างแล้ว” เฟร็ดบอกอย่างร่าเริง
“มารับหรืออยากมาเจอใครกันแน่” จินนี่แซวแต่คนพี่ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“อันที่จริงแม่ให้เจ้าสองคนนี้มารับนั่นแหละ” บิลพยักเพยิดไปทางฝาแฝดผมแดง “แต่พี่ว่างพอดีเลยถือโอกาสมารับแล้วก็มา
บอกข่าวด้วยเลย --วันหยุดหน้าร้อนปีนี้ฉันอยากเชิญพวกเธอทุกคนมาที่บ้านโพรงกระต่าย” เขากวาดตามองแฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี่และลูน่า
“จะมีงานเลี้ยงฉลองอะไรเหรอ” รอนถาม ใจก็นึกไปถึงอาหารอร่อยๆ เต็มโต๊ะเรียบร้อยแล้ว
“เพราะพี่ได้เลื่อนตำแหน่งหรือเปล่า” จินนี่เสริมด้วยความตื่นเต้น
“เปล่า” บิลส่ายหน้าก่อนยิ้มอ่อนโยน “งานแต่งงานของพี่กับเฟลอร์น่ะ”
ทันทีที่ได้ยินอย่างนั้นทั้งแฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี่และลูน่าต่างก็ร่วมแสดงความยินดีล่วงหน้าแต่น้องแท้ๆ อย่างรอนกับจินนี่ได้แต่
ยืนอ้าปากค้างไม่ต่างจากฝาแฝดเมื่อคืนนี้...
⭐
ก่อนถึงวันงานแต่งงานหนึ่งวัน รุ่งอรุณแสนสดใสก็มาเยือนพร้อมกับชาลีที่เพิ่งกลับมาจากโรมาเนียเพื่อร่วมงานแต่ง ผิวเขาดูคล้ำขึ้น
กว่าแต่ก่อนแต่ยังคงมาพร้อมกับความร่าเริงเหมือนเดิมขัดกับภาพลักษณ์ที่มีรอยขีดข่วนตามแขนล่ำและกล้ามเป็นมัดๆ ของเขา
“อรุณสวัสดิ์ วีสลีย์!” เสียงทุ้มเอ่ยทักทายมาตั้งแต่หน้าประตูบ้าน จินนี่ลุกจากโต๊ะไปช่วยพี่ชายยกกระเป๋าเข้ามาในบ้าน
มอลลี่ผละออกจากหน้าเตามากอดพร้อมด้วยจูบแก้มลูกชาย ส่วนเฟร็ดกับจอร์จเพิ่งจะลืมตาตื่นแบบเต็มตาก็ตอนที่มีเสียงชาลี
โพล่งเข้ามา ฝาแฝดลุกขึ้นไปหาพี่ชายพลางจับแขนชาลีคนละข้างอย่างพินิจพิจารณา
“ตอนนี้พี่ล่ำบึ้กกว่าโอลิเวอร์ซะอีก” เฟร็ดบอก ทั้งเอานิ้วจิ้มกล้ามทั้งจับไม่หยุดด้วยความชื่นชม
และจอร์จก็ไม่ต่างกัน “ตากแดดตลอดทั้งวันเลยหรือเปล่านี่”
“จะว่างั้นก็ได้ ช่วยไม่ได้นี่ ช่วงนี้มีลูกมังกรกำลังหัดบิน จะให้คนดูแลอย่างฉันอยู่แต่ในร่มก็ใช่ที่จริงไหมล่ะ”
“กินอะไรมารึยังจ๊ะ” มอลลี่หันมาถาม
“ยังเลยครับ”
“งั้นไข่ดาวเกรียมๆ เหมือนเดิมนะ” ว่าแล้วมอลลี่ก็หันหน้าเข้าหาเตาแล้วเริ่มลงมือทำอาหารเช้าให้ชาลีพลางโบกไม้กายสิทธิ์
เร่งเสียงเพลงจากวิทยุให้ดังขึ้นแล้วส่งเสียงฮัมตามเพลงไปด้วยอย่างอารมณ์ดี
“ยินดีด้วย พี่ชาย!” ชาลีอ้าแขนกอดบิลที่เพิ่งลงมาจากชั้นบน
“มาถึงซะเช้าเลย”
“โชคดีเลยเคลียร์งานได้เร็วน่ะซี่ แล้วก็กะจะมาช่วยเตรียมสถานที่ด้วยว่าแต่ว่าที่เจ้าสาวของพี่ล่ะ”
“อยู่กับครอบครัวเขาที่ลอนดอนเพราะห้องพักที่บ้านเรามีไม่พอต้อนรับพวกเขาหรอก เห็นว่าจะมากันตอนเย็นๆ”
หลังมื้อเช้าอันอิ่มหนำจบลงก็ถึงเวลาออกไปเตรียมสถานที่สำหรับงานแต่งในวันพรุ่งนี้แต่เพราะงานที่ธนาคารมีเยอะจนท่วมหัว
ว่าที่เจ้าบ่าวอย่างบิลจึงต้องออกไปทำงานจนวินาทีสุดท้ายพร้อมกับพ่อของเขาและเพอร์ซี่ที่ต่างก็แยกตัวออกมาจากงานที่กระทรวงไม่ได้
เช่นกัน
ทำให้เหลือพี่น้องวีสลีย์ที่ดูเหมือนจะสร้างปัญหามากกว่าสร้างงานอยู่ห้าคน -- บางทีอาจยกเว้นจินนี่ที่ดูจริงจังกว่าใครทุกคน
แต่เพราะเธอมีอายุยังไม่ครบสิบเจ็ดปีจึงใช้เวทมนตร์นอกโรงเรียนไม่ได้ทำให้หน้าที่ของเธอคือการไปไล่โนมออกจากสวนดอกไม้รอบๆ
กระโจมที่พวกชาลี เฟร็ด จอร์จและรอนกำลังใช้ไม้กายสิทธิ์เสกให้ผืนผ้าใบสีขาวเหลือบมุกลอยขึ้นแล้วตั้งเป็นกระโจมใหญ่บนสวนผลไม้
ที่อุดมสมบูรณ์โดยมีมอลลี่ยืนอยู่เพื่อคอยกำกับไม่ให้พวกเด็กๆ เล่นเรื่อยเฉื่อย แต่ก็ยังไม่วายมีระเบิดนกต่อรูปร่างเหมือนแตรสีดำอันเล็กๆ
จากเกมกลวิเศษวีสลีย์ที่เล่นเอาหูแทบดับและหลังจากนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าเฟร็ดกับจอร์จจะโดนดุหรือเปล่า
⭐
ช่วงเที่ยงของวันงานแต่งงาน ครอบครัววีสลีย์แต่งชุดออกงานกันเรียบร้อยแล้วระหว่างที่เจ้าสาวกำลังแต่งตัวอยู่ชั้นบน
ของบ้านโพรงกระต่าย รวมทั้งครอบครัวของเฟลอร์ก็มากันครบแล้ว
เฟร็ด จอร์จและรอนออกมาตรวจดูความเรียบร้อยภายในกระโจมที่มีเก้าอี้สีทองตั้งเรียงเป็นแถวอยู่สองข้างพรมยาวสีม่วง
เสาที่รับน้ำหนักกระโจมพันด้วยดอกไม้สีทองและขาว เฟร็ดกับจอร์จไปผูกลูกโป่งสีทองพวงเบ้อเริ่มไว้เหนือจุดที่บิลกับเฟลอร์จะเป็น
สามีภรรยากันในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้าเป็นการตกแต่งอย่างสุดท้าย
แขกคนแรกที่มาถึงคือแฮร์รี่ พอตเตอร์ เขาตื่นเต้นที่จะมาร่วมงานและอยากมาขอบคุณเรื่องของขวัญวันเกิดที่ครอบครัววีสลีย์
ส่งไปให้เขาเมื่อวานนี้ตั้งสองกล่องเบ้อเริ่ม
“เรื่องเล็กน้อยน่า” จอร์จบอก โบกกระดาษในมือเป็นเชิงว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเพราะในใจเขาตอนนี้กำลังจินตนาการ
ไปถึงว่านังหนูของเขาจะแต่งตัวแบบไหนมางาน จะโตขึ้นมากกว่าเดิมหรือเปล่าเพราะไม่ได้เจอหน้ากันร่วมเดือนแถมเขายังคิดถึงมาก
จนแทบจะขับรถไปรับเธอจากที่บ้านมาด้วยตัวเองแล้วถ้าไม่ติดว่าเซโนฟิเลียสเบรกเขาเอาไว้ซะก่อน
เฟร็ดยื่นกระดาษแบบเดียวกันกับที่จอร์จ เขาหรือรอนกำลังถืออยู่ให้แฮร์รี่ ซึ่งมันคือแผนที่ที่มีชื่อแขกเขียนกำกับตามเก้าอี้
“ตอนนี้ที่นายต้องทำเป็นการตอบแทนก็คือช่วยพาบรรดาญาติๆ ที่ฉันรู้จักบ้างไม่รู้จักบ้างของพวกเราไปนั่งให้ถูกที่ก็พอแล้ว”
แฮร์รี่เหลือบตามองรอนซึ่งยักไหล่ให้เขาเพราะฉะนั้นแฮร์รี่จึงกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของพี่น้องวีสลีย์ไปโดยปริยาย -- เมื่อถึงเวลา
บ่ายสามโมง เขา เฟร็ด จอร์จและรอนก็ถือแผนที่ของตัวเองมายืนอยู่หน้ากระโจมคอยตอนรับแขกเหรื่อและเครือญาติวีสลีย์
ที่มีอยู่เป็นจำนวนมากที่เดินทางมาร่วมพิธีแต่งงานและนำพวกเขาให้ไปนั่งถูกที่
เมื่อถึงเวลาพ่อมดแม่มดในชุดสีสันสดใสก็ปรากฏขึ้นทีละร่างๆ ตรงสุดปลายถนน พวกเขาแยกย้ายกันนำบรรดาแขกไปนั่ง
ตามรายชื่อในแผนที่ -- เฟร็ดอาสาจะพาสาวๆ จากฝรั่งเศสที่เป็นเพื่อนของเฟลอร์เข้าไปในงาน แฮร์รี่พาแฮกริดเข้าไปจึงเหลือจอร์จกับรอน
ทว่าจอร์จหรี่ตามองดูชายหนุ่มที่เดินมาลิบๆ พอรู้ว่าเป็นใครเลยเสนอตัวจะพาเพื่อนร่วมงานสูงอายุของพ่อที่กระทรวงเข้างานเอง
“ทำไมนายมาอยู่นี่ได้” รอนถามชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสีหน้าไม่ค่อยรับแขกเท่าไร
ชายผู้นี้มีผมสีเข้ม จมูกใหญ่งองุ้มคิ้วดกดำสวมชุดสูทสีดำดูสง่า -- เขาคือ วิกเตอร์ ครัม และกำลังยื่นบัตรเชิญให้รอน
“เพราะฉันถูกเชิญให้มาร่วมงานน่ะสิ” เขามองข้ามหัวรอนเข้าไปข้างในงาน “เฮอร์ไมโอนี่ล่ะ เธออยู่ไหน”
“ไม่รู้” รอนบอกทันควัน “เอ้า จะเข้างานก็รีบตามมาเร็วเข้า มัวชักช้าอืดอาดอยู่นั่นแหละ”
ภายในงานมีคณะนักดนตรีของชาวไอริชกำลังบรรเลงเพลงทำนองสนุกสนานเพื่อไม่ให้บรรยากาศระหว่างรอพิธีน่าเบื่อจนเกินไป
ซึ่งชายในเสื้อแจ็กเกตสีทองเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มเพื่อนของบิลทั้งสิ้น
และแล้วพ่อมดที่ดูแปลกประหลาดที่สุดในงานก็มาถึง เซโนฟิเลียสในชุดออกงานสีเหลืองไข่แสบตา ผมขาวยาวประบ่าของเขา
ยังคงฟูฟ่องเหมือนขนมสายไหมและสวมหมวกมีพู่ห้อยต่องแต่งข้างหน้าจมูกเดินเข้ามาทักทายกับมอลลี่
“ขอบคุณที่เชิญผมกับลูกสาวมางาน พวกคุณใจดีมาก”
“แหม มาขอบคงขอบคุณอะไรกัน ถ้าไม่ชวนฉันคงต้องเป็นคนสติเลอะเลือนไปแล้วแน่ๆ -- แล้วหนูลูน่าล่ะคะ”
“แกยังเอ้อระเหยอยู่ในสวนอยู่เลยครับ สวนที่นี่ก็วิเศษมาก มีโนมอยู่ยั้วเยี้ยเต็มไปหมด สวนที่บ้านเราไม่ยักกะมีสักตัว”
“อ๋อ ยังงั้นหรอกเหรอคะ” มอลลี่คิดในใจว่าอยากแบ่งไปสักสิบตัวไหม เอาไปแบบไม่ต้องเอากลับมาคืนเลยก็ย่อมได้
“เอ้อ ฉันขอถามอะไรสักหน่อยได้ไหม เซโนฟิเลียส”
“ครับ แน่นอนอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเป็นเรื่องนาร์เกิ้ลละก็เรามีเรื่องให้ถกเถียงกันเยอะเชียวละ”
“นาร์เกิ้ล? ฉันไม่รู้ว่ามันคือตัวอะไรแต่ว่าไม่ใช่หรอกค่ะ คือว่า คุณคิดเห็นยังไงกับเรื่อง...การหมั้นหมายของหนูลูน่า”
จากปฏิกิริยาที่แข็งทื่อและหน้าที่ตึงเล็กน้อยจากคู่สนทนาทำให้มอลลี่ต้องรีบพูดต่อพร้อมกับยิ้มทำใจดีสู้เสือเข้าไว้ก่อน “เป็นแค่การถาม
ความเห็นเฉยๆ น่ะค่ะ ฉันเองแค่อยากรู้...แบบว่าอยากรู้ตั้งแต่เนิ่นๆ น่ะค่ะ ถ้าเผื่อว่าในอนาคตแกเรียนจบแล้วอะไรทำนองนี้...”
จอร์จที่เพิ่งพาญาติคนหนึ่งของเขาไปนั่งเก้าอี้ในตำแหน่งที่ถูกต้องบังเอิญเดินมาเห็นเซโนฟิเลียสเข้า นั่นหมายความว่าลูน่า
ก็ต้องมาแล้ว เขาอยากรีบเดินออกไปหาแต่คิดว่าการเข้าไปทักพ่อของนังหนูก่อนคงจะดูดีกว่าทว่าเขาบังเอิญได้ยินคำถามที่แม่เพิ่งถาม
ออกมาพอดีเลยแอบไปยืนข้างเสาแบบเนียนๆ รอฟังคำตอบ
“เวลาที่ลูน่าของผมเรียนจบก็คงบรรลุนิติภาวะแล้ว ถ้าหากตอนนั้นทั้งคู่มีความคิดไปในทางเดียวกันผมคงไม่ติดอะไรครับ”
“อ้อ ดีจังเลยค่ะ” มอลลี่ฉีกยิ้มกว้างพอๆ กับลูกชายจอมแสบที่แอบฟัง ขณะที่เซโนฟิเลียสได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ เมื่อคิดว่าสักวัน
อาจถึงเวลาที่ลูกสาวจะออกจากอ้อมอกของคนเป็นพ่อเข้าจริงๆ -- คิดแล้วก็อยากยืดเวลานั้นออกไปอีกสักสิบปี
“สวัสดีครับ คุณเลิฟกู๊ด” จอร์จเข้าไปทักทายด้วยรอยยิ้มสดใสต่อให้อีกฝ่ายจะยิ้มไม่ค่อยออกที่เห็นเขาโผล่มาในเวลานี้ก็ตาม
“สวัสดี...จอร์จ”
“วันนี้อากาศดีนะครับ ว่าแต่ลูน่าอยู่ไหนเหรอครับ”
เซโนฟิเลียสนิ่งไปราวสามวิก่อนตอบอย่างไม่ค่อยเต็มใจนักเพราะรู้ว่าเจ้าเด็กหนุ่มผมแดงนี่ต้องรีบวิ่งแจ้นไปหาลูกสาวเขาแน่นอน
“ยังคุยอยู่กับโนมในสวนนู่นแน่ะ”
“ขอบคุณครับ!”
ภาพในหัวเซโนฟิเลียสฉายให้เห็นตรงหน้าทันทีทันใด บัดนี้จอร์จได้หายออกไปจากกระโจมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...
“เรียบร้อยดีใช่ไหม” เพอร์ซี่ถามจอร์จทันทีที่น้องชายออกมารวมกลุ่มกับพวกเฟร็ด
“ใช่แล้ว” จอร์จตอบ ยัดแผนที่ใส่มือเพอร์ซี่แล้วรีบเดินแยกออกไปก่อนหันหลังมาบอกว่า “ฝากที่เหลือด้วยนะเพิร์ซ!”
“แล้วนายจะไปไหน!?”
“ไปหาลูน่าล่ะสิ” รอนว่า
“หมอนั่นต้องเก็บเอาไปเพ้ออีกหลายวันแน่ถ้าได้เห็นแม่หนูลูน่าวันนี้ พนันกันไหมล่ะ” เฟร็ดกอดอกหันไปหารอนกับแฮร์รี่
เพราะเพอร์ซี่คงไม่เล่นอะไรอย่างนี้ด้วยอยู่แล้ว “ฉันลงห้าเกลเลียน”
“ฉันลงหนึ่งเกลเลียนว่าจอร์จต้องเพ้อแน่ๆ” รอนบอก
แฮร์รี่เอาบ้าง “ฉันขอลงสองเกลเลียน ฝั่งเดียวกับรอน”
เฟร็ดหน้ามุ่ย เก็บทองกลับเข้ากระเป๋ากางเกง “ให้ตายสิ เราลงฝั่งเดียวกันหมดแล้วจะได้อะไรขึ้นมา” แต่ที่หน้ามุ่ยยิ่งกว่าคือเพอร์ซี่
ที่อยู่ดีๆ ก็ถูกยัดงานมาให้
“แขกมากันเต็มแล้ว พวกนายอย่ามัวแต่คุยกันสิ”
⭐
จอร์จเดินอ้อมกระโจมไปทางสวนดอกไม้ ริมฝีปากค่อยๆ ระบายยิ้มออกมาเมื่อเห็นคนที่เขาตามหากำลังคุยอยู่กับพวกโนม
“อยู่นี่เอง”
ลูน่าหันมองตามเสียงทุ้มที่ทักมา วันนี้เธอสวมชุดสีเหลืองสดใสเช่นเดียวกับพ่อของเธอ บนผมสีบลอนด์ประดับด้วยดอกทานตะวัน
-- เรียกได้ว่าสดใสยิ่งกว่าท้องฟ้าวันนี้ก็เธอนี่แหละ
ดวงตากลมโตมองไปเห็นจอร์จยิ้มแฉ่งตัวเองก็ยิ้มบ้างทำเอาหัวใจจอร์จกระตุก เขาสาวเท้าเข้ามาหาแล้วดึงเธอเข้าไปกอด
เด็กสาวยกมือขึ้นกอดตอบด้วยเช่นกันนั่นยิ่งทำให้เมื่อผละออกจากอ้อมกอด จอร์จเป็นอันต้องก้มลงจุ๊บเบาๆ ที่แก้มเธอด้วยความคิดถึง
เขากุมมือเธอเอาไว้ทว่าตาดันสังเกตเห็นจุดสีแดงตรงปลายนิ้วชี้
“เมื่อกี้นี้บังเอิญโดนโนมกัดน่ะ” เสียงฝันๆ ตอบจอร์จก่อนที่เขาจะถามอะไรเธอด้วยซ้ำเพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องถามแน่ๆ
แต่เธอคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรแถมโชคดีเสียอีกเพราะพ่อเคยบอกเอาไว้ว่าน้ำลายโนมนั้นวิเศษมาก
“เจ้าตัววายร้ายนั่นอยู่ไหน”
“หมายถึงโนมน่ะหรือ พวกนั้นตลกดีออกนะ”
“ใช่ ตลกมาก” จอร์จกัดฟันพูด “ฉันก็เลยอยากเห็นอีกสักครั้งน่ะ”
“อ้อ” ลูน่าร้อง “เราเพิ่งคุยกันแถวๆ นั้นน่ะ” มือเล็กชี้ไปแถวพุ่มไม้เตี้ยซึ่งไร้วี่แววตัวโนม
จอร์จไม่ได้มองตามมือนั้นทันทีเพราะเขารู้ว่าตัวการได้แอบหนีไปอยู่ข้างหลังเขาแล้ว โนมตัวหนึ่งกำลังกุมท้องหัวเราะจนตัวงอ
ด้วยความขบขัน ท่าทางกวนประสาทนั่นจุดไฟลุกโชนในตัวจอร์จให้ลุกพรึ่บอย่างไม่ต้องสงสัย เขาอาศัยจังหวะตอนลูน่าเผลอ
เข้าไปคว้าแขนโนมตัวนั้นแล้วออกแรงเหวี่ยงมันออกไปนอกรั้วด้วยสถิติที่ไกลกว่าเดิมถึงสามฟุต
โนมตัวนั้นร้องเสียงหลงเมื่อถูกเหวี่ยงออกไป ลูน่าหันกลับมามองก็เห็นจอร์จยืนโยกตัวไปมาบนปลายเท้าพร้อมผิวปากราวกับว่า
เสียงที่เธอได้ยินมาจากเขา
“กว่างานจะเริ่มก็อีกสักพักนึง ตอนนี้ไปเดินเล่นกันดีกว่า” จอร์จเสนอและลูน่าก็ไม่ขัด ทั้งคู่เดินเล่นดูดอกไม้ที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ
ระหว่างที่เด็กสาวเพลิดเพลินไปกับสวนอยู่นั้น ดวงตาสีน้ำตาลก็คอยสอดส่องดูทุกซอกทุกมุมเผื่อว่าถ้าเห็นโนมโผล่ออกมา
จะได้ขว้างก้อนหินใส่ให้เจ้าวายร้ายหลบไปให้พ้น ไม่งั้นนังหนูของเขาได้พุ่งไปหาเจ้าพวกตัวปัญหาแน่
จอร์จกำลังรอคอยเวลาที่น้ำลายโนมออกฤทธิ์แต่ลูน่ากลับดูปกติดีทุกอย่างแม้จะดูล่องลอยมากกว่าเดิมไปบ้างแต่ยังช่างจ้อ
จนเขาอมยิ้มได้เหมือนเคย
ทั้งคู่เดินมายังทางเข้ากระโจมเมื่อใกล้ถึงเวลาแต่แขกคนที่เพิ่งมาถึงกลับทำให้จอร์จชะงัก เด็กหญิงผมดำกับชายหนุ่มผมสีเดียวกัน
ที่มาจากฝรั่งเศสกำลังยื่นบัตรเชิญให้รอน -- ดวงตาสีน้ำตาลตวัดมองคนข้างตัวทันทีก่อนพบว่าเธอกำลังมองไปยังคนเดียวกันอยู่
“พี่ลูน่า!” แคลร์ร้องออกมาก่อนวิ่งเข้ามากอดลูน่า ตามด้วยโดมินิคอดีตศัตรูหัวใจของจอร์จจากโบซ์บาตงที่เข้ามาทักทาย
โดมินิคยื่นมือมาจับมือกับจอร์จและลูน่าก่อนก้มตัวจูบหลังมือลูน่าเร็วๆ “ดีใจที่ได้เจอกันอีกนะ อ้อ แล้วก็ดีใจด้วยที่คบกันแล้ว”
เขาบอกพร้อมกับยิ้มอย่างเป็นมิตร
มุมปากจอร์จกระตุกแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากคว้ามือนังหนูมาเช็ดกับสูทตัวนอกของตัวเองในตอนที่สองพี่น้องเดินแยกไปแล้ว
⭐
ภายในงานเฟร็ด จอร์จ รอน เฮอร์ไมโอนี่ แฮร์รี่และลูน่านั่งโต๊ะเดียวกันโดยที่รอนพยายามชวนเฮอร์ไมโอนี่คุยให้ได้มากที่สุด
เพื่อดึงดูดความสนใจไม่ให้เธอเจอกับครัมหรืออย่างน้อยที่สุดก็ไม่ต้องไปสบตากับซีกเกอร์หนุ่มจากบัลแกเรียคนนั้น --
ส่วนจอร์จก็มองตาลูน่าแล้วตั้งใจฟังเธอเล่าเรื่องตอนสอบว.พ.ร.ส. ในวิชาการดูแลสัตว์วิเศษอย่างออกรส
เฟร็ดใช้ศอกสะกิดจอร์จ “ดูแม่เราสิ ร้องไห้ใหญ่เลย” ทั้งคู่มองดูแม่ของตนแล้วก็ได้แต่ยิ้มออกมา
พ่อมดร่างเล็กพูดต่อจนถึงประโยคสำคัญ “คุณวิลเลียม อาเธอร์ วีสลีย์ จะรับ เฟลอร์ อิซาแบล เดอลากูร์...”
จู่ๆ ตาแฮร์รี่ก็เบิกกว้างเมื่อในเวลาสำคัญแบบนี้เขาดันไปเห็นว่ามีระเบิดนกต่อกำลังแอบอยู่ใต้โต๊ะที่นั่งอยู่
“เฟร็ด จอร์จ พวกนายปล่อยเจ้านี่ออกมาหรือเปล่า”
ฝาแฝดผมแดงละสายตาจากคู่บ่าวสาวมามองแฮร์รี่ก่อนหลุบตาลงมองไปใต้โต๊ะ “ซวยละสิ” ทั้งคู่ผุดลุกจากเก้าอี้ มุดเข้าไปใต้โต๊ะ
พยายามจับเจ้าตัวเล็กแสนขี้อายที่กำลังจะหนีไปแอบและร่ายคาถาให้มันนิ่งสนิทก่อนที่แตรสีดำอันเล็กจิ๋วนี่จะทำให้งานสะดุด
ด้วยเสียงอันน่าหนวกหู
เมื่อจัดการได้เฟร็ดกับจอร์จก็กลับมานั่งตามเดิมและดูพิธีต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ดังนั้นผมขอประกาศให้คุณทั้งสองผูกพันกันชั่วชีวิต”
พ่อมดชูไม้กายสิทธิ์ขึ้นสูงเหนือศีรษะของบิลและเฟลอร์ ดาวสีเงินโปรยปรายลงมาบนตัวทั้งสองคน ล้อมรอบร่างที่กำลังจุมพิตกัน
อย่างดูดดื่ม แล้วลูกโป่งสีทองเหนือศีรษะก็แตกออกพาให้นกปักษาสวรรค์และระฆังทองใบเล็กจิ๋วบินลอยละล่องออกมา
“สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งหลายโปรดยืนขึ้น” พ่อมดโบกไม้กายสิทธิ์อีกครั้ง ผนังผ้าใบของกระโจมหายวับไป ทำให้ทุกคนยืน
ท่ามกลางทิวทัศน์อันงดงามของสวนผลไม้ มีแอ่งทองหลอมเหลวปรากฏขึ้นที่กลางกระโจมและแผ่ขยายออกเป็นเวทีเต้นรำที่ส่องประกาย
ระยิบระยับ เก้าอี้ที่ลอยคว้างจับกลุ่มกับโต๊ะที่ปูผ้าสีขาวและทั้งหมดก็ลอยลงกลับสู้พื้นดินรอบเวทีเต้นรำก่อนที่นักดนตรีจะเดินเรียงแถว
ขึ้นสู่แท่นแสดง
วงดนตรีเริ่มบรรเลงเพลงจังหวะเพลงวอลตซ์ บิลกับเฟลอร์ออกไปเต้นรำบนเวทีเป็นคู่แรกท่ามกลางเสียงปรบมือกึกก้อง
สักครู่หลังจากนั้นอาเธอร์นำมาดามเดอลากูร์ออกไปบนเวที ตามด้วยพ่อของเฟลอร์และมอลลี่ -- คนอื่นๆ เริ่มออกไปเต้นรำด้วยความ
สนุกสนานโดยเฉพาะเซโนฟิเลียสที่กำลังวาดลวดลายเต้นรำกับลูกสาวสุดที่รักของเขา
“เอ่อ” แฮร์รี่ขยับเท้าเข้าใกล้จินนี่ “เธออยากเต้นรำกับฉันไหม จินนี่”
เด็กสาวผมแดงประหลาดใจเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มอย่างยินดี “แน่นอน”
จากนั้นสองหนุ่มสาวก็พากันออกไปเต้นรำที่เวทีด้วยใบหน้ายิ้มแย้มโดยมีรอนยืนจ้องเขม็ง
เฟร็ดตีไหล่รอนดังแปะ “ตั้งใจจ้องอะไรขนาดนั้น”
“แค่แปลกใจ ทำไมสองคนนั้นถึงไปเต้นรำด้วยกันได้”
“ไม่เห็นมีอะไรน่าแปลกใจเลยนี่” เฟร็ดบอก ยกขวดบัตเตอร์เบียร์ขึ้นดื่มทว่ารอนก็ยังจ้องแฮร์รี่กับจินนี่ไม่หยุดแต่ดูๆ ไปแล้ว
คนที่ทำให้น้องชายของเขากำลังพ่นลมหายใจฟึดฟัดไม่ต่างจากมังกรคงจะเป็นคู่ของครัมกับเฮอร์ไมโอนี่ที่อยู่ใกล้ๆ กันมากกว่า
จอร์จขยับมายืนข้างรอน “งานนี้โทษใครไม่ได้เลย โรนัลด์”
“นายพูดถึงอะไร”
“เฮอร์ไมโอนี่ไง”
เฟร็ดรับช่วงพูดต่อ “ถ้าก่อนหน้านี้นายบอกความรู้สึกกับเธอป่านนี้คนที่แทนที่ครัมคงเป็นนายไปแล้ว ไม่ใช่มายืนมองแล้วพ่นลม
ฟึดฟัดเหมือนแม่มังกรหวงไข่แบบนี้”
รอนหน้าแดง อ้าปากคิดจะปฏิเสธแต่ก็เถียงไม่ออก “แล้วตอนนี้ฉันทำอะไรได้ที่ไหนกันเล่า”
ฝาแฝดจอมแสบยิ้มให้กันอย่างมีเลศนัยก่อนคว้ามือรอนแล้วพากันไปยังเวทีเต้นรำ เฟร็ดกับจอร์จจับคู่เต้นรำกันเองด้วยท่วงท่า
ที่สนุกเกินเหตุจนสามารถแยกคู่เฮอร์ไมโอนี่กับวิกเตอร์ ครัมออกจากกันได้จึงเกิดการเปลี่ยนคู่ขึ้น เฟร็ดเต้นรำกับครัมต่อด้วยความยินดี
ขณะที่จอร์จจับมือเฮอร์ไมโอนี่แล้วพาเธอไปยืนตรงหน้ารอนที่กำลังยืนตกตะลึง
“ถ้าแค่นี้นายไม่รู้จะทำไงต่อก็อยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิตเถอะ” จอร์จกระซิบจากข้างหลังรอน ตบบ่าให้กำลังใจสองสามทีแล้วเริ่ม
ออกตามหาลูน่าให้ทันก่อนเพลงนี้จบเพราะไม่งั้นอาจถูกโดมินิคตัดหน้าไปก่อน เขาชะเง้อคอมองหารอบงานก็เจอแต่เซโนฟิเลียส
ที่กำลังยืนคุยอยู่กับพ่อมดคนหนึ่ง ถ้าพ่อนังหนูอยู่นั่นแล้วลูกสาวเขาไปอยู่ที่ไหนล่ะ? เขารีบกวาดตามองหาโดมินิคก็โล่งใจที่ชายหนุ่ม
จากฝรั่งเศสกำลังเต้นรำกับน้องสาวตัวเองอยู่ เขามองหาแล้วหาอีกกระทั่งมีมือมาแตะหลังเขาเบาๆ
“ฉันชอบเพลงนี้มากเลย” เสียงฝันๆ บอกจอร์จก่อนเลื่อนดวงตากลมโตมองเขาราวกับมีประกายวิบวับอยู่ในตาคู่นั้น “ไปเต้นรำกัน”
คำชวนของลูน่าทำเอาหัวใจแทบเหลวไปกองอยู่บนพื้นราวกับตกหลุมรักอีกครั้ง จอร์จยิ้มเผล่ก่อนเก๊กหน้าขรึม ยืดตัวตรง
เอามือซ้ายไพล่หลัง โน้มตัวเล็กน้อยและยื่นมือขวาไปข้างหน้า เมื่อลูน่าวางมือบนมือเขาทั้งคู่ก็ยิ้มให้กันแล้วเริ่มเต้นรำในเพลงที่มีจังหวะ
สนุกสนานมากขึ้น
ในช่วงแรกทั้งคู่เต้นรำกันเหมือนอย่างที่คนอื่นๆ ทำ ทว่าพอจบเพลงนี้แล้วดนตรีเพลงใหม่ดังขึ้น ลูน่ากลับปล่อยมือจอร์จ
ยกแขนขึ้นโบกไปมาคล้ายล่องลอยอยู่ในความฝันของตัวเอง วินาทีนั้นที่เธอเต้นแปลกๆ จอร์จก็รู้ได้ในทันทีว่าน้ำลายโนมออกฤทธิ์แล้ว
ซึ่งเขาไม่มีทางปล่อยให้เธอเต้นอยู่คนเดียว เลยยกแขนขึ้นแล้วเต้นท่าเดียวกับเธอบ้างจนกลายเป็นจุดสนใจและใครๆ ต่างก็ชี้กันให้มอง --
หากถามว่าหนุ่มสาวสองคนนี้สนใจคนเหล่านั้นไหม แน่นอนคำตอบคือไม่ ต่างฝ่ายต่างหัวเราะให้กันอย่างมีความสุขเมื่อเต้นรำจนจบเพลง
มอลลี่ออกมายืนอยู่นอกเวทีเต้นรำพลางมองดูทุกคนที่กำลังสนุกสนานรื่นเริง “มีความสุขจัง” เธอบอกกับชาลีด้วยความตื้นตัน
“ไม่รู้ว่าจะมีงานแบบนี้อีกเมื่อไร”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับแม่ ตอนนี้มีลูกชายแม่อีกคนอยากแต่งงานใจจะขาด” เขามองคู่เต้นรำชุดสีเหลืองเด่นแล้วยิ้มด้วยความเอ็นดู
“แต่ติดตรงว่าที่เจ้าสาวยังเรียนอยู่ก็แค่นั้นเอง”
“แล้วเราล่ะ”
“วกเข้ามาที่ผมได้ยังไงกันล่ะเนี่ย...แม่อย่าหวังสะใภ้จากผมเลย ชีวิตนี้ผมแต่งงานกับมังกรไปแล้ว ลูกๆ ผมก็คือมังกร ถ้าแม่อยาก
เยี่ยมหลานก็ไปหาได้นะครับ”
“ไม่เอาละ แม่ไม่อยากเล่นกับหลานที่เป็นมังกร แต่แบบนี้ลูกจะเหงาเอานะ”
“โธ่แม่ครับ ผมไม่มีทางเหงาได้หรอกเพราะผมมีพี่น้องอยู่ตั้งหกคนหรือถ้าผมเหงาจริงๆ ในอนาคตผมก็ยังมีหลานๆ”
บิลกับเฟลอร์เดินเข้ามาทักคู่เต้นรำที่เป็นจุดสนใจเมื่อครู่ ทั้งยังชมเรื่องท่าเต้นรำอีกด้วย
“ผมว่าคุณควรทำความรู้จักกันไว้ตั้งแต่ตอนนี้เลย นี่ลูน่า เลิฟกู๊ด” บิลเอียงตัวยกมือขึ้นป้องปากแล้วกระซิบกับเจ้าสาว
“สะใภ้วีสลีย์ในอนาคตอีกคนนึงละ”
ได้ยินอย่างนั้นเฟลอร์ก็ยกมือปิดปาก รอยยิ้มผุดขึ้นบนหน้าที่สวยสง่า เธอยื่นมือมาจับกับลูน่าแล้วพูดติดสำเนียงฝรั่งเศสนิดๆ
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
ลูน่าเขย่ามือตอบ “เช่นกันค่ะ”
ทันใดนั้นแม่มดวัยชราคนหนึ่งก็เดินเกาะแขนเฟร็ดมาหาเมื่อบิลกับเฟลอร์ไปคุยกับแขกคนอื่นๆ เฟร็ดมองแม่มดข้างตัว
แล้วส่งสายตามีนัยให้จอร์จเป็นเชิงบอกว่า ‘ นายไม่รอดแล้วละ ’
แม่มดชราผู้มีจมูกงองุ้ม ขอบตาแดงและสวมหมวกขนนกสีชมพูที่ทำให้เธอดูเหมือนนกฟลามิงโกที่ดูหัวเสียเดินเข้าใกล้จอร์จ
มากขึ้นเรื่อยๆ เธอคือคุณยายมิวเรียล ยายของพวกเด็กๆ วีสลีย์ที่เคยประกาศกร้าวว่าจะตัดเฟร็ดกับจอร์จออกจากพินัยกรรมเพราะ
การเล่นแผลงๆ อย่างการแกล้งเอาระเบิดเหม็นไปใส่ในกระเป๋าของเธอเมื่อสิบปีก่อน
จอร์จกลอกตา “ให้ตายสิ” เขาเอียงตัวกระซิบกับลูน่า “อย่าถือสาแกเลยนะถ้าจะพูดอะไรไม่ดีกับเธอ ยายแกหยาบคายกับทุกคน
เป็นปกติอยู่แล้ว”
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ เจ้าหลานตัวแสบ”
“ครับ” เขาตอบเพียงแค่นั้น มือเริ่มอยู่ไม่สุขอยากจะคว้ามือนังหนูแล้วพาออกไปจากตรงนี้เสียเต็มแก่
แต่ดวงตาที่เริ่มฝ้าฟางเต็มทีเลื่อนมามองเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างจอร์จ ลูน่าจึงทักทายด้วยความสุภาพพร้อมจับมือกับเธอ
“ลูน่า เลิฟกู๊ดค่ะ”
“ยินดีที่ได้รู้จัก -- เป็นเพื่อนกับเจ้าตัวแสบนี่เหรอ”
“เธอเป็นแฟนผมเองครับ”
“เคราเมอร์ลิน! หนูไปคบกับคนแบบนี้ได้ยังไงกัน เลิกไปเสียเถอะ” มือที่เหี่ยวย่นยกขึ้นจับแก้มลูน่า บังคับให้จ้องตากับเธอตรงๆ
“เจ้าคนพวกนี้น่ะชอบเล่นอะไรพิเรนทร์ๆ ขืนหนูคบต่อไปประเดี๋ยวได้ปวดหัวจนกลายเป็นบ้าเลยคอยดูสิ -- ไหน พ่อแม่หนูอยู่ไหนจ๊ะ
ฉันจะไปบอกให้พวกเขาตาสว่างด้วยอีกคน จะได้ไม่ปล่อยให้ลูกสาวของเขามาคบกับตาคนนี้”
“คุณยายครับ ผมไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้นสักหน่อย อีกอย่างตาคนนี้ที่ว่านั่นก็หลานยายเองไม่ใช่เหรอครับ”
“เหอะ! ฉันตัดแกออกจากกองมรดกไปตั้งนานแล้ว”
“น่าเสียดายจังเลยนะครับ”
“นี่ยังไงละ! เห็นไหมล่ะหนู ตาคนนี้ต่อล้อต่อเถียงเก่งแค่ไหน ทีนี้หนูคิดจะเลิกกับตาคนนี้บ้างรึยัง”
“เอ่อ...หนูไม่ได้คิดเลยค่ะ”
“คิดให้ดีๆ นะ” หลังจากนั้นคุณยายมิวเรียลก็โวยวายออกมาเสียงดังทำให้มอลลี่ต้องรีบเข้ามาโอบไหล่เธอเพื่อไกล่เกลี่ยสถานการณ์
“ไปนั่งดีกว่านะคะ ยืนนานๆ แบบนี้จะเมื่อยเอา”
“มอลลี่หรอกเรอะ เอ้อ เธอมาก็ดีแล้ว ช่วยบอกให้หนูน้อยคนนี้เลิกคบกับเจ้าแฝดจอมแสบนี่ทีสิ”
“จอร์จน่ะหรือคะ” มอลลี่หันขวับมองลูกชายกับเด็กสาวตากลม “หนูไม่มีทางทำอย่างงั้นแน่นอนค่ะ”
“ว่าไงนะ!? เธอนี่ก็อีกคน โลกนี้มันเป็นอะไรกันไปหมดแล้วเนี่ย” ระหว่างทางที่มอลลี่พาไปนั่งคุณยายมิวเรียลก็ยังคงยืนหยัด
ในการบ่นต่อไปแบบไม่หยุดพัก
จอร์จชำเลืองมองลูน่า เห็นเธออมยิ้มก็อดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ก่อนที่มือเขาจะยื่นไปหยิกแก้มเบาๆ ด้วยความมันเขี้ยว
“อย่าไปบ้าจี้คิดตามยายฉันเชียวนะ”
⭐
ยามท้องฟ้ามืดสนิทและพร่างพราวไปด้วยดวงดาวก็เป็นเวลาที่ทุกคนแยกย้ายกันกลับไปหมดแล้ว รวมทั้งบิลกับเฟลอร์ก็ไปที่
กระท่อมเปลือกหอย บ้านที่ทั้งคู่ใช้เป็นเรือนหอ
หลังจากงานจบฝาแฝดวีสลีย์ก็ได้รู้ว่าท้ายที่สุดแล้วรอนก็ไม่ได้ทึ่มเหมือนโทรลล์อย่างที่คิดกันเพราะได้ข่าวมาจากจินนี่
ว่ารอนกับเฮอร์ไมโอนี่ตกลงคบกันแล้ว
จอร์จโบกมือลาลูน่าเสร็จก็หมุนตัวเตรียมเดินเข้าบ้านถ้าไม่ติดว่าเห็นเฟร็ดเดินเล่นอยู่คนเดียวตรงมุมมืดๆ ในสวน
“คิดถึงแคตี้อยู่รึไง”
เฟร็ดถอดสูท ทิ้งตัวนั่งบนพื้นหญ้าแล้วถอนหายใจ “คงงั้น”
“เธอไม่เขียนจดหมายมาหาบ้างเลยเหรอหรือไม่ก็ให้คำตอบอะไรสักนิด”
“ไม่มี”
“แล้วนายจะเอาไงต่อ”
“ฉันก็แค่รอต่ออีกสักหน่อย” เขาเอนตัวนอนหงายเหม่อมองท้องฟ้าที่มีดาวระยิบระยับ “เขาว่ากันว่ามีแต่คนที่สมหวังเท่านั้นแหละ
ที่บอกว่าการรอคอยมันคุ้มค่า -- พอมาคิดดีๆ แล้วฉันก็ไม่รู้ว่าฉันกำลังรออะไรอยู่แล้วถ้าเกิดไม่สมหวัง ฉันคง...” เฟร็ดหยุดพูด
เพราะมีอะไรบางอย่างหล่นตุ้บลงมาบนท้อง เขาหยิบขึ้นมาดู มันคือกุญแจรถที่จอร์จเป็นคนโยนมันมาใส่เขา
“ลุกขึ้นมาคู่หู” จอร์จยื่นมือให้แฝดคนพี่จับ เฟร็ดยันตัวขึ้นนั่งแล้วเงยหน้ามองเขาด้วยความงุนงง “แคตี้ไม่มาให้คำตอบ
นายก็ต้องไปฟังคำตอบด้วยตัวเอง ยังไงตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เธอควรจะให้คำตอบได้แล้วนี่ นายจะได้ไม่ต้องกลับมาคิดว่าสมหวังไม่สมหวัง
คุ้มค่าหรือไม่คุ้มค่าอีก -- ฉันจะไปเป็นเพื่อนเอง”
เฟร็ดหลุบตาลงมองมือที่ยังยื่นมาให้ มีรอยยิ้มผุดขึ้นน้อยๆ ก่อนจับมือจอร์จแล้วลุกขึ้นยืน
“ขอบใจ” เฟร็ดออกตัววิ่งไปที่รถ ส่วนจอร์จจะวิ่งตามไปติดๆ แต่เห็นเสื้อสูทของเฟร็ดที่กองทิ้งไว้บนพื้นเลยย้อนกลับมาเก็บ
แล้ววิ่งตามไป
“จะไปไหนกัน” รอนตะโกนถามพี่ชายฝาแฝดที่วิ่งผ่านหน้าไป
“ไปหาแคตี้” เฟร็ดตะโกนตอบ เปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่งตรงเบาะคนขับ
ชาลีกับรอนมองหน้ากัน เรื่องความสัมพันธ์ของแคตี้กับเฟร็ดที่ยังคลุมเครืออยู่นั้นในบรรดาพี่น้องวีสลีย์รู้เรื่องกันหมดแล้ว
แล้วแบบนี้มีหรือที่พวกเขาจะปล่อยให้ไปกันแค่สองคน สองพี่น้องวิ่งขึ้นไปนั่งเบาะหลังโดยที่ไม่ต้องคอยให้ใครชวน
รอนปิดประตูรถดังปังก่อนพบว่าฝาแฝดจากเบาะหน้ากำลังหันหลังมามองเขากับชาลี
“มีคนเยอะย่อมมีกำลังใจเยอะไปด้วยไม่ใช่หรือไง” ชาลีบอก “เอ้า ไปกันได้แล้ว”
รถฟอร์ดแองเกลียลอยขึ้นสู้ท้องฟ้ายามราตรี จินนี่กับเพอร์ซี่ได้แต่ส่ายหน้าทว่าในใจก็อวยพรขอให้เฟร็ดโชคดี...
⭐
ความคิดเห็น