ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] Little Loony Lovegood [George x Luna] [END]

    ลำดับตอนที่ #80 : 80 ll Wedding

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.01K
      93
      10 พ.ย. 63


    80


    Wedding



     

              ฤดูร้อนคืบคลานเข้ามาเมื่อย่างเข้าเดือนมิถุนายน ลูกชายคนโตตระกูลวีสลีย์เดินอยู่คนเดียวในตรอกไดแอกอนยามที่รอบข้าง

    มืดสนิท ยกเว้นร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์ที่ยังคงเปิดไฟสว่างไสวลอดออกมาทางหน้าต่าง บิลผลักบานประตูที่แขวนป้ายว่า ‘ ปิด ’ 

    เข้าไปข้างในเพื่อมาหาน้องชายฝาแฝดที่ช่วงนี้เริ่มกลับมานอนในห้องเล็กๆ ที่ร้านกันอีกแล้ว


           “ลมอะไรหอบพี่มาถึงที่นี่ได้ล่ะนี่” เฟร็ดถามพลางยื่นขวดบัตเตอร์เบียร์ให้บิล ส่วนจอร์จร่ายคาถาใส่เก้าอี้ให้ลอยมาวางตรงหน้า

    คาน์เตอร์


           “ลมที่นายก็คิดไม่ถึงน่ะสิ” บิลว่า นั่งเก้าอี้ที่จอร์จหาให้พลางยกบัตเตอร์เบียร์ขึ้นดื่มด้วยท่วงท่าธรรมดาทว่าฝาแฝดกลับเห็น

    รัศมีความสุขที่เปล่งประกายออกมาจากตัวเขาจนได้แต่อุทานในใจว่าช่างเท่อะไรขนาดนี้


           “แล้วพี่มีธุระอะไรกับพวกเรา” จอร์จถาม


           “ทะเลาะกับเฟลอร์มาหรือ”


           “หรืออยากมาซื้อของที่ร้านเรา?”


           “ไม่ใช่ทั้งหมดนั่นแหละ คืนนี้ฉันจะมานอนกับพวกนายเพราะพรุ่งนี้ฉันจะไปรับรอนกับจินนี่ที่สถานีรถไฟแล้วฉันก็รู้ว่ายังไงพวกนาย

    ก็ต้องตามไปด้วยอยู่แล้ว อีกอย่างฉันจะมาบอกข่าว”


           “ข่าว?”


           “เรื่องงานแต่งงานของฉันกับเฟลอร์ในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้น่ะ”


           ข่าวใหม่นี้ทำเอาเฟร็ดกับจอร์จอ้าปากค้างก่อนรัวคำถามใส่พี่ชายไม่ยั้งกระทั่งดึกดื่นสามพี่น้องก็ยังนั่งคุยกันจนเกือบเช้า

       

              ชานชาลาที่เก้าเศษสามส่วนสี่แน่นขนัดไปด้วยบรรดาผู้ปกครองที่มารับบุตรหลานของตนและเด็กนักเรียนจากฮอกวอตส์ที่กำลัง

    เดินขวักไขว่เข็นรถเข็นสัมภาระพร้อมมองหาคนที่บ้านไปด้วย


           “อยู่กันพร้อมหน้าพอดีเลย” บิลฉีกยิ้มกว้างให้น้องๆ เขาเดินมาพร้อมกับเฟร็ด จอร์จและเซโนฟิเลียสที่เพิ่งมาเจอกันที่นี่

    ทำให้จอร์จที่อยากเข้าไปกอดนังหนูให้หายคิดถึงต้องหักห้ามใจตัวเองเอาไว้ก่อนแล้วปล่อยให้พ่อลูกได้กอดกันตามสบาย


           “คราวนี้ถึงตาพวกพี่มารับพวกเธอบ้างแล้ว” เฟร็ดบอกอย่างร่าเริง


           “มารับหรืออยากมาเจอใครกันแน่” จินนี่แซวแต่คนพี่ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้


           “อันที่จริงแม่ให้เจ้าสองคนนี้มารับนั่นแหละ” บิลพยักเพยิดไปทางฝาแฝดผมแดง “แต่พี่ว่างพอดีเลยถือโอกาสมารับแล้วก็มา

    บอกข่าวด้วยเลย --วันหยุดหน้าร้อนปีนี้ฉันอยากเชิญพวกเธอทุกคนมาที่บ้านโพรงกระต่าย” เขากวาดตามองแฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี่และลูน่า


           “จะมีงานเลี้ยงฉลองอะไรเหรอ” รอนถาม ใจก็นึกไปถึงอาหารอร่อยๆ เต็มโต๊ะเรียบร้อยแล้ว


           “เพราะพี่ได้เลื่อนตำแหน่งหรือเปล่า” จินนี่เสริมด้วยความตื่นเต้น


           “เปล่า” บิลส่ายหน้าก่อนยิ้มอ่อนโยน “งานแต่งงานของพี่กับเฟลอร์น่ะ”


           ทันทีที่ได้ยินอย่างนั้นทั้งแฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี่และลูน่าต่างก็ร่วมแสดงความยินดีล่วงหน้าแต่น้องแท้ๆ อย่างรอนกับจินนี่ได้แต่

    ยืนอ้าปากค้างไม่ต่างจากฝาแฝดเมื่อคืนนี้...



           ก่อนถึงวันงานแต่งงานหนึ่งวัน รุ่งอรุณแสนสดใสก็มาเยือนพร้อมกับชาลีที่เพิ่งกลับมาจากโรมาเนียเพื่อร่วมงานแต่ง ผิวเขาดูคล้ำขึ้น

    กว่าแต่ก่อนแต่ยังคงมาพร้อมกับความร่าเริงเหมือนเดิมขัดกับภาพลักษณ์ที่มีรอยขีดข่วนตามแขนล่ำและกล้ามเป็นมัดๆ ของเขา


              “อรุณสวัสดิ์ วีสลีย์!” เสียงทุ้มเอ่ยทักทายมาตั้งแต่หน้าประตูบ้าน จินนี่ลุกจากโต๊ะไปช่วยพี่ชายยกกระเป๋าเข้ามาในบ้าน


           มอลลี่ผละออกจากหน้าเตามากอดพร้อมด้วยจูบแก้มลูกชาย ส่วนเฟร็ดกับจอร์จเพิ่งจะลืมตาตื่นแบบเต็มตาก็ตอนที่มีเสียงชาลี

    โพล่งเข้ามา ฝาแฝดลุกขึ้นไปหาพี่ชายพลางจับแขนชาลีคนละข้างอย่างพินิจพิจารณา


           “ตอนนี้พี่ล่ำบึ้กกว่าโอลิเวอร์ซะอีก” เฟร็ดบอก ทั้งเอานิ้วจิ้มกล้ามทั้งจับไม่หยุดด้วยความชื่นชม


           และจอร์จก็ไม่ต่างกัน “ตากแดดตลอดทั้งวันเลยหรือเปล่านี่”


           “จะว่างั้นก็ได้ ช่วยไม่ได้นี่ ช่วงนี้มีลูกมังกรกำลังหัดบิน จะให้คนดูแลอย่างฉันอยู่แต่ในร่มก็ใช่ที่จริงไหมล่ะ”


           “กินอะไรมารึยังจ๊ะ” มอลลี่หันมาถาม


           “ยังเลยครับ”


           “งั้นไข่ดาวเกรียมๆ เหมือนเดิมนะ” ว่าแล้วมอลลี่ก็หันหน้าเข้าหาเตาแล้วเริ่มลงมือทำอาหารเช้าให้ชาลีพลางโบกไม้กายสิทธิ์

    เร่งเสียงเพลงจากวิทยุให้ดังขึ้นแล้วส่งเสียงฮัมตามเพลงไปด้วยอย่างอารมณ์ดี


              “ยินดีด้วย พี่ชาย!” ชาลีอ้าแขนกอดบิลที่เพิ่งลงมาจากชั้นบน


           “มาถึงซะเช้าเลย”


           “โชคดีเลยเคลียร์งานได้เร็วน่ะซี่ แล้วก็กะจะมาช่วยเตรียมสถานที่ด้วยว่าแต่ว่าที่เจ้าสาวของพี่ล่ะ”


           “อยู่กับครอบครัวเขาที่ลอนดอนเพราะห้องพักที่บ้านเรามีไม่พอต้อนรับพวกเขาหรอก เห็นว่าจะมากันตอนเย็นๆ”


           หลังมื้อเช้าอันอิ่มหนำจบลงก็ถึงเวลาออกไปเตรียมสถานที่สำหรับงานแต่งในวันพรุ่งนี้แต่เพราะงานที่ธนาคารมีเยอะจนท่วมหัว 

    ว่าที่เจ้าบ่าวอย่างบิลจึงต้องออกไปทำงานจนวินาทีสุดท้ายพร้อมกับพ่อของเขาและเพอร์ซี่ที่ต่างก็แยกตัวออกมาจากงานที่กระทรวงไม่ได้

    เช่นกัน

                

              ทำให้เหลือพี่น้องวีสลีย์ที่ดูเหมือนจะสร้างปัญหามากกว่าสร้างงานอยู่ห้าคน -- บางทีอาจยกเว้นจินนี่ที่ดูจริงจังกว่าใครทุกคน

    แต่เพราะเธอมีอายุยังไม่ครบสิบเจ็ดปีจึงใช้เวทมนตร์นอกโรงเรียนไม่ได้ทำให้หน้าที่ของเธอคือการไปไล่โนมออกจากสวนดอกไม้รอบๆ 

    กระโจมที่พวกชาลี เฟร็ด จอร์จและรอนกำลังใช้ไม้กายสิทธิ์เสกให้ผืนผ้าใบสีขาวเหลือบมุกลอยขึ้นแล้วตั้งเป็นกระโจมใหญ่บนสวนผลไม้

    ที่อุดมสมบูรณ์โดยมีมอลลี่ยืนอยู่เพื่อคอยกำกับไม่ให้พวกเด็กๆ เล่นเรื่อยเฉื่อย แต่ก็ยังไม่วายมีระเบิดนกต่อรูปร่างเหมือนแตรสีดำอันเล็กๆ 

    จากเกมกลวิเศษวีสลีย์ที่เล่นเอาหูแทบดับและหลังจากนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าเฟร็ดกับจอร์จจะโดนดุหรือเปล่า


       

               ช่วงเที่ยงของวันงานแต่งงาน ครอบครัววีสลีย์แต่งชุดออกงานกันเรียบร้อยแล้วระหว่างที่เจ้าสาวกำลังแต่งตัวอยู่ชั้นบน

    ของบ้านโพรงกระต่าย รวมทั้งครอบครัวของเฟลอร์ก็มากันครบแล้ว


           เฟร็ด จอร์จและรอนออกมาตรวจดูความเรียบร้อยภายในกระโจมที่มีเก้าอี้สีทองตั้งเรียงเป็นแถวอยู่สองข้างพรมยาวสีม่วง 

    เสาที่รับน้ำหนักกระโจมพันด้วยดอกไม้สีทองและขาว เฟร็ดกับจอร์จไปผูกลูกโป่งสีทองพวงเบ้อเริ่มไว้เหนือจุดที่บิลกับเฟลอร์จะเป็น

    สามีภรรยากันในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้าเป็นการตกแต่งอย่างสุดท้าย

                

              แขกคนแรกที่มาถึงคือแฮร์รี่ พอตเตอร์ เขาตื่นเต้นที่จะมาร่วมงานและอยากมาขอบคุณเรื่องของขวัญวันเกิดที่ครอบครัววีสลีย์

    ส่งไปให้เขาเมื่อวานนี้ตั้งสองกล่องเบ้อเริ่ม


              “ขอบคุณสำหรับของขวัญวันเกิด”


           “เรื่องเล็กน้อยน่า” จอร์จบอก โบกกระดาษในมือเป็นเชิงว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเพราะในใจเขาตอนนี้กำลังจินตนาการ

    ไปถึงว่านังหนูของเขาจะแต่งตัวแบบไหนมางาน จะโตขึ้นมากกว่าเดิมหรือเปล่าเพราะไม่ได้เจอหน้ากันร่วมเดือนแถมเขายังคิดถึงมาก

    จนแทบจะขับรถไปรับเธอจากที่บ้านมาด้วยตัวเองแล้วถ้าไม่ติดว่าเซโนฟิเลียสเบรกเขาเอาไว้ซะก่อน


           เฟร็ดยื่นกระดาษแบบเดียวกันกับที่จอร์จ เขาหรือรอนกำลังถืออยู่ให้แฮร์รี่ ซึ่งมันคือแผนที่ที่มีชื่อแขกเขียนกำกับตามเก้าอี้ 

    “ตอนนี้ที่นายต้องทำเป็นการตอบแทนก็คือช่วยพาบรรดาญาติๆ ที่ฉันรู้จักบ้างไม่รู้จักบ้างของพวกเราไปนั่งให้ถูกที่ก็พอแล้ว”


           แฮร์รี่เหลือบตามองรอนซึ่งยักไหล่ให้เขาเพราะฉะนั้นแฮร์รี่จึงกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของพี่น้องวีสลีย์ไปโดยปริยาย -- เมื่อถึงเวลา

    บ่ายสามโมง เขา เฟร็ด จอร์จและรอนก็ถือแผนที่ของตัวเองมายืนอยู่หน้ากระโจมคอยตอนรับแขกเหรื่อและเครือญาติวีสลีย์

    ที่มีอยู่เป็นจำนวนมากที่เดินทางมาร่วมพิธีแต่งงานและนำพวกเขาให้ไปนั่งถูกที่


           เมื่อถึงเวลาพ่อมดแม่มดในชุดสีสันสดใสก็ปรากฏขึ้นทีละร่างๆ ตรงสุดปลายถนน พวกเขาแยกย้ายกันนำบรรดาแขกไปนั่ง

    ตามรายชื่อในแผนที่ -- เฟร็ดอาสาจะพาสาวๆ จากฝรั่งเศสที่เป็นเพื่อนของเฟลอร์เข้าไปในงาน แฮร์รี่พาแฮกริดเข้าไปจึงเหลือจอร์จกับรอน 

    ทว่าจอร์จหรี่ตามองดูชายหนุ่มที่เดินมาลิบๆ พอรู้ว่าเป็นใครเลยเสนอตัวจะพาเพื่อนร่วมงานสูงอายุของพ่อที่กระทรวงเข้างานเอง


           “ทำไมนายมาอยู่นี่ได้” รอนถามชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสีหน้าไม่ค่อยรับแขกเท่าไร


           ชายผู้นี้มีผมสีเข้ม จมูกใหญ่งองุ้มคิ้วดกดำสวมชุดสูทสีดำดูสง่า -- เขาคือ วิกเตอร์ ครัม และกำลังยื่นบัตรเชิญให้รอน


           “เพราะฉันถูกเชิญให้มาร่วมงานน่ะสิ” เขามองข้ามหัวรอนเข้าไปข้างในงาน “เฮอร์ไมโอนี่ล่ะ เธออยู่ไหน”


           “ไม่รู้” รอนบอกทันควัน “เอ้า จะเข้างานก็รีบตามมาเร็วเข้า มัวชักช้าอืดอาดอยู่นั่นแหละ”


           ภายในงานมีคณะนักดนตรีของชาวไอริชกำลังบรรเลงเพลงทำนองสนุกสนานเพื่อไม่ให้บรรยากาศระหว่างรอพิธีน่าเบื่อจนเกินไป 

    ซึ่งชายในเสื้อแจ็กเกตสีทองเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มเพื่อนของบิลทั้งสิ้น

              

              และแล้วพ่อมดที่ดูแปลกประหลาดที่สุดในงานก็มาถึง เซโนฟิเลียสในชุดออกงานสีเหลืองไข่แสบตา ผมขาวยาวประบ่าของเขา

    ยังคงฟูฟ่องเหมือนขนมสายไหมและสวมหมวกมีพู่ห้อยต่องแต่งข้างหน้าจมูกเดินเข้ามาทักทายกับมอลลี่


           “ขอบคุณที่เชิญผมกับลูกสาวมางาน พวกคุณใจดีมาก”


           “แหม มาขอบคงขอบคุณอะไรกัน ถ้าไม่ชวนฉันคงต้องเป็นคนสติเลอะเลือนไปแล้วแน่ๆ -- แล้วหนูลูน่าล่ะคะ”


           “แกยังเอ้อระเหยอยู่ในสวนอยู่เลยครับ สวนที่นี่ก็วิเศษมาก มีโนมอยู่ยั้วเยี้ยเต็มไปหมด สวนที่บ้านเราไม่ยักกะมีสักตัว”


           “อ๋อ ยังงั้นหรอกเหรอคะ” มอลลี่คิดในใจว่าอยากแบ่งไปสักสิบตัวไหม เอาไปแบบไม่ต้องเอากลับมาคืนเลยก็ย่อมได้ 

    “เอ้อ ฉันขอถามอะไรสักหน่อยได้ไหม เซโนฟิเลียส”


           “ครับ แน่นอนอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเป็นเรื่องนาร์เกิ้ลละก็เรามีเรื่องให้ถกเถียงกันเยอะเชียวละ”


           “นาร์เกิ้ล? ฉันไม่รู้ว่ามันคือตัวอะไรแต่ว่าไม่ใช่หรอกค่ะ คือว่า คุณคิดเห็นยังไงกับเรื่อง...การหมั้นหมายของหนูลูน่า” 

    จากปฏิกิริยาที่แข็งทื่อและหน้าที่ตึงเล็กน้อยจากคู่สนทนาทำให้มอลลี่ต้องรีบพูดต่อพร้อมกับยิ้มทำใจดีสู้เสือเข้าไว้ก่อน “เป็นแค่การถาม

    ความเห็นเฉยๆ น่ะค่ะ ฉันเองแค่อยากรู้...แบบว่าอยากรู้ตั้งแต่เนิ่นๆ น่ะค่ะ ถ้าเผื่อว่าในอนาคตแกเรียนจบแล้วอะไรทำนองนี้...”


           จอร์จที่เพิ่งพาญาติคนหนึ่งของเขาไปนั่งเก้าอี้ในตำแหน่งที่ถูกต้องบังเอิญเดินมาเห็นเซโนฟิเลียสเข้า นั่นหมายความว่าลูน่า

    ก็ต้องมาแล้ว เขาอยากรีบเดินออกไปหาแต่คิดว่าการเข้าไปทักพ่อของนังหนูก่อนคงจะดูดีกว่าทว่าเขาบังเอิญได้ยินคำถามที่แม่เพิ่งถาม

    ออกมาพอดีเลยแอบไปยืนข้างเสาแบบเนียนๆ รอฟังคำตอบ


           “เวลาที่ลูน่าของผมเรียนจบก็คงบรรลุนิติภาวะแล้ว ถ้าหากตอนนั้นทั้งคู่มีความคิดไปในทางเดียวกันผมคงไม่ติดอะไรครับ”


           “อ้อ ดีจังเลยค่ะ” มอลลี่ฉีกยิ้มกว้างพอๆ กับลูกชายจอมแสบที่แอบฟัง ขณะที่เซโนฟิเลียสได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ เมื่อคิดว่าสักวัน

    อาจถึงเวลาที่ลูกสาวจะออกจากอ้อมอกของคนเป็นพ่อเข้าจริงๆ -- คิดแล้วก็อยากยืดเวลานั้นออกไปอีกสักสิบปี


           “สวัสดีครับ คุณเลิฟกู๊ด” จอร์จเข้าไปทักทายด้วยรอยยิ้มสดใสต่อให้อีกฝ่ายจะยิ้มไม่ค่อยออกที่เห็นเขาโผล่มาในเวลานี้ก็ตาม


           “สวัสดี...จอร์จ”


           “วันนี้อากาศดีนะครับ ว่าแต่ลูน่าอยู่ไหนเหรอครับ”


           เซโนฟิเลียสนิ่งไปราวสามวิก่อนตอบอย่างไม่ค่อยเต็มใจนักเพราะรู้ว่าเจ้าเด็กหนุ่มผมแดงนี่ต้องรีบวิ่งแจ้นไปหาลูกสาวเขาแน่นอน 

    “ยังคุยอยู่กับโนมในสวนนู่นแน่ะ”


              “ขอบคุณครับ! 


              ภาพในหัวเซโนฟิเลียสฉายให้เห็นตรงหน้าทันทีทันใด บัดนี้จอร์จได้หายออกไปจากกระโจมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...


           “เรียบร้อยดีใช่ไหม” เพอร์ซี่ถามจอร์จทันทีที่น้องชายออกมารวมกลุ่มกับพวกเฟร็ด


              “ใช่แล้ว” จอร์จตอบ ยัดแผนที่ใส่มือเพอร์ซี่แล้วรีบเดินแยกออกไปก่อนหันหลังมาบอกว่า “ฝากที่เหลือด้วยนะเพิร์ซ!


              “แล้วนายจะไปไหน!?”


           “ไปหาลูน่าล่ะสิ” รอนว่า 


           “หมอนั่นต้องเก็บเอาไปเพ้ออีกหลายวันแน่ถ้าได้เห็นแม่หนูลูน่าวันนี้ พนันกันไหมล่ะ” เฟร็ดกอดอกหันไปหารอนกับแฮร์รี่

    เพราะเพอร์ซี่คงไม่เล่นอะไรอย่างนี้ด้วยอยู่แล้ว “ฉันลงห้าเกลเลียน”


           “ฉันลงหนึ่งเกลเลียนว่าจอร์จต้องเพ้อแน่ๆ” รอนบอก


           แฮร์รี่เอาบ้าง “ฉันขอลงสองเกลเลียน ฝั่งเดียวกับรอน”

                

              เฟร็ดหน้ามุ่ย เก็บทองกลับเข้ากระเป๋ากางเกง “ให้ตายสิ เราลงฝั่งเดียวกันหมดแล้วจะได้อะไรขึ้นมา” แต่ที่หน้ามุ่ยยิ่งกว่าคือเพอร์ซี่

    ที่อยู่ดีๆ ก็ถูกยัดงานมาให้


           “แขกมากันเต็มแล้ว พวกนายอย่ามัวแต่คุยกันสิ”



           จอร์จเดินอ้อมกระโจมไปทางสวนดอกไม้ ริมฝีปากค่อยๆ ระบายยิ้มออกมาเมื่อเห็นคนที่เขาตามหากำลังคุยอยู่กับพวกโนม


           “อยู่นี่เอง”


           ลูน่าหันมองตามเสียงทุ้มที่ทักมา วันนี้เธอสวมชุดสีเหลืองสดใสเช่นเดียวกับพ่อของเธอ บนผมสีบลอนด์ประดับด้วยดอกทานตะวัน 

    -- เรียกได้ว่าสดใสยิ่งกว่าท้องฟ้าวันนี้ก็เธอนี่แหละ


           ดวงตากลมโตมองไปเห็นจอร์จยิ้มแฉ่งตัวเองก็ยิ้มบ้างทำเอาหัวใจจอร์จกระตุก เขาสาวเท้าเข้ามาหาแล้วดึงเธอเข้าไปกอด 

    เด็กสาวยกมือขึ้นกอดตอบด้วยเช่นกันนั่นยิ่งทำให้เมื่อผละออกจากอ้อมกอด จอร์จเป็นอันต้องก้มลงจุ๊บเบาๆ ที่แก้มเธอด้วยความคิดถึง 

    เขากุมมือเธอเอาไว้ทว่าตาดันสังเกตเห็นจุดสีแดงตรงปลายนิ้วชี้


           “เมื่อกี้นี้บังเอิญโดนโนมกัดน่ะ” เสียงฝันๆ ตอบจอร์จก่อนที่เขาจะถามอะไรเธอด้วยซ้ำเพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องถามแน่ๆ 

    แต่เธอคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรแถมโชคดีเสียอีกเพราะพ่อเคยบอกเอาไว้ว่าน้ำลายโนมนั้นวิเศษมาก


           “เจ้าตัววายร้ายนั่นอยู่ไหน”


           “หมายถึงโนมน่ะหรือ พวกนั้นตลกดีออกนะ”


           “ใช่ ตลกมาก” จอร์จกัดฟันพูด “ฉันก็เลยอยากเห็นอีกสักครั้งน่ะ”


           “อ้อ” ลูน่าร้อง “เราเพิ่งคุยกันแถวๆ นั้นน่ะ” มือเล็กชี้ไปแถวพุ่มไม้เตี้ยซึ่งไร้วี่แววตัวโนม


           จอร์จไม่ได้มองตามมือนั้นทันทีเพราะเขารู้ว่าตัวการได้แอบหนีไปอยู่ข้างหลังเขาแล้ว โนมตัวหนึ่งกำลังกุมท้องหัวเราะจนตัวงอ

    ด้วยความขบขัน ท่าทางกวนประสาทนั่นจุดไฟลุกโชนในตัวจอร์จให้ลุกพรึ่บอย่างไม่ต้องสงสัย เขาอาศัยจังหวะตอนลูน่าเผลอ

    เข้าไปคว้าแขนโนมตัวนั้นแล้วออกแรงเหวี่ยงมันออกไปนอกรั้วด้วยสถิติที่ไกลกว่าเดิมถึงสามฟุต


           โนมตัวนั้นร้องเสียงหลงเมื่อถูกเหวี่ยงออกไป ลูน่าหันกลับมามองก็เห็นจอร์จยืนโยกตัวไปมาบนปลายเท้าพร้อมผิวปากราวกับว่า

    เสียงที่เธอได้ยินมาจากเขา


           “กว่างานจะเริ่มก็อีกสักพักนึง ตอนนี้ไปเดินเล่นกันดีกว่า” จอร์จเสนอและลูน่าก็ไม่ขัด ทั้งคู่เดินเล่นดูดอกไม้ที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ


           ระหว่างที่เด็กสาวเพลิดเพลินไปกับสวนอยู่นั้น ดวงตาสีน้ำตาลก็คอยสอดส่องดูทุกซอกทุกมุมเผื่อว่าถ้าเห็นโนมโผล่ออกมา

    จะได้ขว้างก้อนหินใส่ให้เจ้าวายร้ายหลบไปให้พ้น ไม่งั้นนังหนูของเขาได้พุ่งไปหาเจ้าพวกตัวปัญหาแน่


           จอร์จกำลังรอคอยเวลาที่น้ำลายโนมออกฤทธิ์แต่ลูน่ากลับดูปกติดีทุกอย่างแม้จะดูล่องลอยมากกว่าเดิมไปบ้างแต่ยังช่างจ้อ

    จนเขาอมยิ้มได้เหมือนเคย


           ทั้งคู่เดินมายังทางเข้ากระโจมเมื่อใกล้ถึงเวลาแต่แขกคนที่เพิ่งมาถึงกลับทำให้จอร์จชะงัก เด็กหญิงผมดำกับชายหนุ่มผมสีเดียวกัน

    ที่มาจากฝรั่งเศสกำลังยื่นบัตรเชิญให้รอน -- ดวงตาสีน้ำตาลตวัดมองคนข้างตัวทันทีก่อนพบว่าเธอกำลังมองไปยังคนเดียวกันอยู่


              “พี่ลูน่า!แคลร์ร้องออกมาก่อนวิ่งเข้ามากอดลูน่า ตามด้วยโดมินิคอดีตศัตรูหัวใจของจอร์จจากโบซ์บาตงที่เข้ามาทักทาย


           โดมินิคยื่นมือมาจับมือกับจอร์จและลูน่าก่อนก้มตัวจูบหลังมือลูน่าเร็วๆ “ดีใจที่ได้เจอกันอีกนะ อ้อ แล้วก็ดีใจด้วยที่คบกันแล้ว” 

    เขาบอกพร้อมกับยิ้มอย่างเป็นมิตร


           มุมปากจอร์จกระตุกแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากคว้ามือนังหนูมาเช็ดกับสูทตัวนอกของตัวเองในตอนที่สองพี่น้องเดินแยกไปแล้ว


                

              ภายในงานเฟร็ด จอร์จ รอน เฮอร์ไมโอนี่ แฮร์รี่และลูน่านั่งโต๊ะเดียวกันโดยที่รอนพยายามชวนเฮอร์ไมโอนี่คุยให้ได้มากที่สุด

    เพื่อดึงดูดความสนใจไม่ให้เธอเจอกับครัมหรืออย่างน้อยที่สุดก็ไม่ต้องไปสบตากับซีกเกอร์หนุ่มจากบัลแกเรียคนนั้น -- 

    ส่วนจอร์จก็มองตาลูน่าแล้วตั้งใจฟังเธอเล่าเรื่องตอนสอบว.พ.ร.ส. ในวิชาการดูแลสัตว์วิเศษอย่างออกรส


              อึดใจต่อมาบิลกับชาลีออกไปยืนข้างหน้า ทั้งสองสวมเสื้อคลุมตัวยาวมีดอกกุหลาบสีขาวเสียบไว้ที่รูกระดุม แขกทั้งหมดเงียบกริบ

    เมื่อดนตรีดังขึ้นอีกครั้ง


              ที่ทางเข้าเมอซีเยอร์เดอลากูร์กับเฟลอร์เดินเข้ามาตามทางตรงกลาง เฟลอร์เดินราวกับล่องลอยทำเอาผู้คนต่างพากันถอนใจ 

    เธอสวมชุดกระโปรงสีขาวแบบเรียบและมีนกยูงสองตัวยาวตั้งแต่ชุดช่วงบนยาวลงมาถึงชายกระโปรง ทุกย่างก้าวของเธอดูเหมือนจะ

    เปล่งแสงสีเงินสว่างไสวออกมาโดยมีจินนี่กับกาเบรียล น้องสาวของเฟลอร์ผู้สวมชุดสีทองเดินตามมาข้างหลังจนไปถึงบิล


              “สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษทั้งหลาย” เสียงสูงๆ ต่ำๆ ดังขึ้น และตอนนั้นเองที่ทุกคนเพิ่งสังเกตเห็นพ่อมดร่างเล็กยืนอยู่หน้า

    บิลกับเฟลอร์ “เรามารวมกันอยู่ที่นี่ในวันนี้ เพื่อฉลองการรวมเป็นหนึ่งเดียวของวิญญาณอันสัตย์ซื่อสองดวง...”


           เฟร็ดใช้ศอกสะกิดจอร์จ “ดูแม่เราสิ ร้องไห้ใหญ่เลย” ทั้งคู่มองดูแม่ของตนแล้วก็ได้แต่ยิ้มออกมา


           พ่อมดร่างเล็กพูดต่อจนถึงประโยคสำคัญ “คุณวิลเลียม อาเธอร์ วีสลีย์ จะรับ เฟลอร์ อิซาแบล เดอลากูร์...”


           จู่ๆ ตาแฮร์รี่ก็เบิกกว้างเมื่อในเวลาสำคัญแบบนี้เขาดันไปเห็นว่ามีระเบิดนกต่อกำลังแอบอยู่ใต้โต๊ะที่นั่งอยู่


           “เฟร็ด จอร์จ พวกนายปล่อยเจ้านี่ออกมาหรือเปล่า”


           ฝาแฝดผมแดงละสายตาจากคู่บ่าวสาวมามองแฮร์รี่ก่อนหลุบตาลงมองไปใต้โต๊ะ “ซวยละสิ” ทั้งคู่ผุดลุกจากเก้าอี้ มุดเข้าไปใต้โต๊ะ

    พยายามจับเจ้าตัวเล็กแสนขี้อายที่กำลังจะหนีไปแอบและร่ายคาถาให้มันนิ่งสนิทก่อนที่แตรสีดำอันเล็กจิ๋วนี่จะทำให้งานสะดุด

    ด้วยเสียงอันน่าหนวกหู


           เมื่อจัดการได้เฟร็ดกับจอร์จก็กลับมานั่งตามเดิมและดูพิธีต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


              “ดังนั้นผมขอประกาศให้คุณทั้งสองผูกพันกันชั่วชีวิต”


           พ่อมดชูไม้กายสิทธิ์ขึ้นสูงเหนือศีรษะของบิลและเฟลอร์ ดาวสีเงินโปรยปรายลงมาบนตัวทั้งสองคน ล้อมรอบร่างที่กำลังจุมพิตกัน

    อย่างดูดดื่ม แล้วลูกโป่งสีทองเหนือศีรษะก็แตกออกพาให้นกปักษาสวรรค์และระฆังทองใบเล็กจิ๋วบินลอยละล่องออกมา


           “สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งหลายโปรดยืนขึ้น” พ่อมดโบกไม้กายสิทธิ์อีกครั้ง ผนังผ้าใบของกระโจมหายวับไป ทำให้ทุกคนยืน

    ท่ามกลางทิวทัศน์อันงดงามของสวนผลไม้ มีแอ่งทองหลอมเหลวปรากฏขึ้นที่กลางกระโจมและแผ่ขยายออกเป็นเวทีเต้นรำที่ส่องประกาย

    ระยิบระยับ เก้าอี้ที่ลอยคว้างจับกลุ่มกับโต๊ะที่ปูผ้าสีขาวและทั้งหมดก็ลอยลงกลับสู้พื้นดินรอบเวทีเต้นรำก่อนที่นักดนตรีจะเดินเรียงแถว

    ขึ้นสู่แท่นแสดง


           วงดนตรีเริ่มบรรเลงเพลงจังหวะเพลงวอลตซ์ บิลกับเฟลอร์ออกไปเต้นรำบนเวทีเป็นคู่แรกท่ามกลางเสียงปรบมือกึกก้อง 

    สักครู่หลังจากนั้นอาเธอร์นำมาดามเดอลากูร์ออกไปบนเวที ตามด้วยพ่อของเฟลอร์และมอลลี่ -- คนอื่นๆ เริ่มออกไปเต้นรำด้วยความ

    สนุกสนานโดยเฉพาะเซโนฟิเลียสที่กำลังวาดลวดลายเต้นรำกับลูกสาวสุดที่รักของเขา


           “เอ่อ” แฮร์รี่ขยับเท้าเข้าใกล้จินนี่ “เธออยากเต้นรำกับฉันไหม จินนี่”


           เด็กสาวผมแดงประหลาดใจเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มอย่างยินดี “แน่นอน”


           จากนั้นสองหนุ่มสาวก็พากันออกไปเต้นรำที่เวทีด้วยใบหน้ายิ้มแย้มโดยมีรอนยืนจ้องเขม็ง


           เฟร็ดตีไหล่รอนดังแปะ “ตั้งใจจ้องอะไรขนาดนั้น”


           “แค่แปลกใจ ทำไมสองคนนั้นถึงไปเต้นรำด้วยกันได้”


           “ไม่เห็นมีอะไรน่าแปลกใจเลยนี่” เฟร็ดบอก ยกขวดบัตเตอร์เบียร์ขึ้นดื่มทว่ารอนก็ยังจ้องแฮร์รี่กับจินนี่ไม่หยุดแต่ดูๆ ไปแล้ว

    คนที่ทำให้น้องชายของเขากำลังพ่นลมหายใจฟึดฟัดไม่ต่างจากมังกรคงจะเป็นคู่ของครัมกับเฮอร์ไมโอนี่ที่อยู่ใกล้ๆ กันมากกว่า


           จอร์จขยับมายืนข้างรอน “งานนี้โทษใครไม่ได้เลย โรนัลด์”


           “นายพูดถึงอะไร”


           “เฮอร์ไมโอนี่ไง”


           เฟร็ดรับช่วงพูดต่อ “ถ้าก่อนหน้านี้นายบอกความรู้สึกกับเธอป่านนี้คนที่แทนที่ครัมคงเป็นนายไปแล้ว ไม่ใช่มายืนมองแล้วพ่นลม

    ฟึดฟัดเหมือนแม่มังกรหวงไข่แบบนี้”


           รอนหน้าแดง อ้าปากคิดจะปฏิเสธแต่ก็เถียงไม่ออก “แล้วตอนนี้ฉันทำอะไรได้ที่ไหนกันเล่า”


           ฝาแฝดจอมแสบยิ้มให้กันอย่างมีเลศนัยก่อนคว้ามือรอนแล้วพากันไปยังเวทีเต้นรำ เฟร็ดกับจอร์จจับคู่เต้นรำกันเองด้วยท่วงท่า

    ที่สนุกเกินเหตุจนสามารถแยกคู่เฮอร์ไมโอนี่กับวิกเตอร์ ครัมออกจากกันได้จึงเกิดการเปลี่ยนคู่ขึ้น เฟร็ดเต้นรำกับครัมต่อด้วยความยินดี

    ขณะที่จอร์จจับมือเฮอร์ไมโอนี่แล้วพาเธอไปยืนตรงหน้ารอนที่กำลังยืนตกตะลึง


           “ถ้าแค่นี้นายไม่รู้จะทำไงต่อก็อยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิตเถอะ” จอร์จกระซิบจากข้างหลังรอน ตบบ่าให้กำลังใจสองสามทีแล้วเริ่ม

    ออกตามหาลูน่าให้ทันก่อนเพลงนี้จบเพราะไม่งั้นอาจถูกโดมินิคตัดหน้าไปก่อน เขาชะเง้อคอมองหารอบงานก็เจอแต่เซโนฟิเลียส

    ที่กำลังยืนคุยอยู่กับพ่อมดคนหนึ่ง ถ้าพ่อนังหนูอยู่นั่นแล้วลูกสาวเขาไปอยู่ที่ไหนล่ะ? เขารีบกวาดตามองหาโดมินิคก็โล่งใจที่ชายหนุ่ม

    จากฝรั่งเศสกำลังเต้นรำกับน้องสาวตัวเองอยู่ เขามองหาแล้วหาอีกกระทั่งมีมือมาแตะหลังเขาเบาๆ


           “ฉันชอบเพลงนี้มากเลย” เสียงฝันๆ บอกจอร์จก่อนเลื่อนดวงตากลมโตมองเขาราวกับมีประกายวิบวับอยู่ในตาคู่นั้น “ไปเต้นรำกัน”


           คำชวนของลูน่าทำเอาหัวใจแทบเหลวไปกองอยู่บนพื้นราวกับตกหลุมรักอีกครั้ง จอร์จยิ้มเผล่ก่อนเก๊กหน้าขรึม ยืดตัวตรง

    เอามือซ้ายไพล่หลัง โน้มตัวเล็กน้อยและยื่นมือขวาไปข้างหน้า เมื่อลูน่าวางมือบนมือเขาทั้งคู่ก็ยิ้มให้กันแล้วเริ่มเต้นรำในเพลงที่มีจังหวะ

    สนุกสนานมากขึ้น


           ในช่วงแรกทั้งคู่เต้นรำกันเหมือนอย่างที่คนอื่นๆ ทำ ทว่าพอจบเพลงนี้แล้วดนตรีเพลงใหม่ดังขึ้น ลูน่ากลับปล่อยมือจอร์จ 

    ยกแขนขึ้นโบกไปมาคล้ายล่องลอยอยู่ในความฝันของตัวเอง วินาทีนั้นที่เธอเต้นแปลกๆ จอร์จก็รู้ได้ในทันทีว่าน้ำลายโนมออกฤทธิ์แล้ว 

    ซึ่งเขาไม่มีทางปล่อยให้เธอเต้นอยู่คนเดียว เลยยกแขนขึ้นแล้วเต้นท่าเดียวกับเธอบ้างจนกลายเป็นจุดสนใจและใครๆ ต่างก็ชี้กันให้มอง -- 

    หากถามว่าหนุ่มสาวสองคนนี้สนใจคนเหล่านั้นไหม แน่นอนคำตอบคือไม่ ต่างฝ่ายต่างหัวเราะให้กันอย่างมีความสุขเมื่อเต้นรำจนจบเพลง


           มอลลี่ออกมายืนอยู่นอกเวทีเต้นรำพลางมองดูทุกคนที่กำลังสนุกสนานรื่นเริง “มีความสุขจัง” เธอบอกกับชาลีด้วยความตื้นตัน 

    “ไม่รู้ว่าจะมีงานแบบนี้อีกเมื่อไร”


           “ไม่ต้องห่วงหรอกครับแม่ ตอนนี้มีลูกชายแม่อีกคนอยากแต่งงานใจจะขาด” เขามองคู่เต้นรำชุดสีเหลืองเด่นแล้วยิ้มด้วยความเอ็นดู 

    “แต่ติดตรงว่าที่เจ้าสาวยังเรียนอยู่ก็แค่นั้นเอง”


           “แล้วเราล่ะ”


           “วกเข้ามาที่ผมได้ยังไงกันล่ะเนี่ย...แม่อย่าหวังสะใภ้จากผมเลย ชีวิตนี้ผมแต่งงานกับมังกรไปแล้ว ลูกๆ ผมก็คือมังกร ถ้าแม่อยาก

    เยี่ยมหลานก็ไปหาได้นะครับ” 


           “ไม่เอาละ แม่ไม่อยากเล่นกับหลานที่เป็นมังกร แต่แบบนี้ลูกจะเหงาเอานะ”


           “โธ่แม่ครับ ผมไม่มีทางเหงาได้หรอกเพราะผมมีพี่น้องอยู่ตั้งหกคนหรือถ้าผมเหงาจริงๆ ในอนาคตผมก็ยังมีหลานๆ”


           บิลกับเฟลอร์เดินเข้ามาทักคู่เต้นรำที่เป็นจุดสนใจเมื่อครู่ ทั้งยังชมเรื่องท่าเต้นรำอีกด้วย


           “ผมว่าคุณควรทำความรู้จักกันไว้ตั้งแต่ตอนนี้เลย นี่ลูน่า เลิฟกู๊ด” บิลเอียงตัวยกมือขึ้นป้องปากแล้วกระซิบกับเจ้าสาว 

    “สะใภ้วีสลีย์ในอนาคตอีกคนนึงละ”


           ได้ยินอย่างนั้นเฟลอร์ก็ยกมือปิดปาก รอยยิ้มผุดขึ้นบนหน้าที่สวยสง่า เธอยื่นมือมาจับกับลูน่าแล้วพูดติดสำเนียงฝรั่งเศสนิดๆ 

    “ยินดีที่ได้รู้จักนะ”


           ลูน่าเขย่ามือตอบ “เช่นกันค่ะ”


              ทันใดนั้นแม่มดวัยชราคนหนึ่งก็เดินเกาะแขนเฟร็ดมาหาเมื่อบิลกับเฟลอร์ไปคุยกับแขกคนอื่นๆ เฟร็ดมองแม่มดข้างตัว

    แล้วส่งสายตามีนัยให้จอร์จเป็นเชิงบอกว่า ‘ นายไม่รอดแล้วละ ’ 


           แม่มดชราผู้มีจมูกงองุ้ม ขอบตาแดงและสวมหมวกขนนกสีชมพูที่ทำให้เธอดูเหมือนนกฟลามิงโกที่ดูหัวเสียเดินเข้าใกล้จอร์จ

    มากขึ้นเรื่อยๆ เธอคือคุณยายมิวเรียล ยายของพวกเด็กๆ วีสลีย์ที่เคยประกาศกร้าวว่าจะตัดเฟร็ดกับจอร์จออกจากพินัยกรรมเพราะ

    การเล่นแผลงๆ อย่างการแกล้งเอาระเบิดเหม็นไปใส่ในกระเป๋าของเธอเมื่อสิบปีก่อน


           จอร์จกลอกตา “ให้ตายสิ” เขาเอียงตัวกระซิบกับลูน่า “อย่าถือสาแกเลยนะถ้าจะพูดอะไรไม่ดีกับเธอ ยายแกหยาบคายกับทุกคน

    เป็นปกติอยู่แล้ว”


           “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ เจ้าหลานตัวแสบ”


           “ครับ” เขาตอบเพียงแค่นั้น มือเริ่มอยู่ไม่สุขอยากจะคว้ามือนังหนูแล้วพาออกไปจากตรงนี้เสียเต็มแก่


           แต่ดวงตาที่เริ่มฝ้าฟางเต็มทีเลื่อนมามองเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างจอร์จ ลูน่าจึงทักทายด้วยความสุภาพพร้อมจับมือกับเธอ 


           “ลูน่า เลิฟกู๊ดค่ะ”


           “ยินดีที่ได้รู้จัก -- เป็นเพื่อนกับเจ้าตัวแสบนี่เหรอ”


           “เธอเป็นแฟนผมเองครับ”


              “เคราเมอร์ลิน! หนูไปคบกับคนแบบนี้ได้ยังไงกัน เลิกไปเสียเถอะ” มือที่เหี่ยวย่นยกขึ้นจับแก้มลูน่า บังคับให้จ้องตากับเธอตรงๆ 

    “เจ้าคนพวกนี้น่ะชอบเล่นอะไรพิเรนทร์ๆ ขืนหนูคบต่อไปประเดี๋ยวได้ปวดหัวจนกลายเป็นบ้าเลยคอยดูสิ -- ไหน พ่อแม่หนูอยู่ไหนจ๊ะ 

    ฉันจะไปบอกให้พวกเขาตาสว่างด้วยอีกคน จะได้ไม่ปล่อยให้ลูกสาวของเขามาคบกับตาคนนี้”


           “คุณยายครับ ผมไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้นสักหน่อย อีกอย่างตาคนนี้ที่ว่านั่นก็หลานยายเองไม่ใช่เหรอครับ”


              “เหอะ! ฉันตัดแกออกจากกองมรดกไปตั้งนานแล้ว”


           “น่าเสียดายจังเลยนะครับ”


              “นี่ยังไงละ! เห็นไหมล่ะหนู ตาคนนี้ต่อล้อต่อเถียงเก่งแค่ไหน ทีนี้หนูคิดจะเลิกกับตาคนนี้บ้างรึยัง”


           “เอ่อ...หนูไม่ได้คิดเลยค่ะ”


           “คิดให้ดีๆ นะ” หลังจากนั้นคุณยายมิวเรียลก็โวยวายออกมาเสียงดังทำให้มอลลี่ต้องรีบเข้ามาโอบไหล่เธอเพื่อไกล่เกลี่ยสถานการณ์


           “ไปนั่งดีกว่านะคะ ยืนนานๆ แบบนี้จะเมื่อยเอา”


           “มอลลี่หรอกเรอะ เอ้อ เธอมาก็ดีแล้ว ช่วยบอกให้หนูน้อยคนนี้เลิกคบกับเจ้าแฝดจอมแสบนี่ทีสิ”


           “จอร์จน่ะหรือคะ” มอลลี่หันขวับมองลูกชายกับเด็กสาวตากลม “หนูไม่มีทางทำอย่างงั้นแน่นอนค่ะ”


              “ว่าไงนะ!? เธอนี่ก็อีกคน โลกนี้มันเป็นอะไรกันไปหมดแล้วเนี่ย” ระหว่างทางที่มอลลี่พาไปนั่งคุณยายมิวเรียลก็ยังคงยืนหยัด

    ในการบ่นต่อไปแบบไม่หยุดพัก


           จอร์จชำเลืองมองลูน่า เห็นเธออมยิ้มก็อดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ก่อนที่มือเขาจะยื่นไปหยิกแก้มเบาๆ ด้วยความมันเขี้ยว


           “อย่าไปบ้าจี้คิดตามยายฉันเชียวนะ”



           ยามท้องฟ้ามืดสนิทและพร่างพราวไปด้วยดวงดาวก็เป็นเวลาที่ทุกคนแยกย้ายกันกลับไปหมดแล้ว รวมทั้งบิลกับเฟลอร์ก็ไปที่

    กระท่อมเปลือกหอย บ้านที่ทั้งคู่ใช้เป็นเรือนหอ 


           หลังจากงานจบฝาแฝดวีสลีย์ก็ได้รู้ว่าท้ายที่สุดแล้วรอนก็ไม่ได้ทึ่มเหมือนโทรลล์อย่างที่คิดกันเพราะได้ข่าวมาจากจินนี่

    ว่ารอนกับเฮอร์ไมโอนี่ตกลงคบกันแล้ว


           จอร์จโบกมือลาลูน่าเสร็จก็หมุนตัวเตรียมเดินเข้าบ้านถ้าไม่ติดว่าเห็นเฟร็ดเดินเล่นอยู่คนเดียวตรงมุมมืดๆ ในสวน


           “คิดถึงแคตี้อยู่รึไง”


           เฟร็ดถอดสูท ทิ้งตัวนั่งบนพื้นหญ้าแล้วถอนหายใจ “คงงั้น”


           “เธอไม่เขียนจดหมายมาหาบ้างเลยเหรอหรือไม่ก็ให้คำตอบอะไรสักนิด”


           “ไม่มี”


           “แล้วนายจะเอาไงต่อ”


           “ฉันก็แค่รอต่ออีกสักหน่อย” เขาเอนตัวนอนหงายเหม่อมองท้องฟ้าที่มีดาวระยิบระยับ “เขาว่ากันว่ามีแต่คนที่สมหวังเท่านั้นแหละ

    ที่บอกว่าการรอคอยมันคุ้มค่า -- พอมาคิดดีๆ แล้วฉันก็ไม่รู้ว่าฉันกำลังรออะไรอยู่แล้วถ้าเกิดไม่สมหวัง ฉันคง...” เฟร็ดหยุดพูด

    เพราะมีอะไรบางอย่างหล่นตุ้บลงมาบนท้อง เขาหยิบขึ้นมาดู มันคือกุญแจรถที่จอร์จเป็นคนโยนมันมาใส่เขา


           “ลุกขึ้นมาคู่หู” จอร์จยื่นมือให้แฝดคนพี่จับ เฟร็ดยันตัวขึ้นนั่งแล้วเงยหน้ามองเขาด้วยความงุนงง “แคตี้ไม่มาให้คำตอบ 

    นายก็ต้องไปฟังคำตอบด้วยตัวเอง ยังไงตอนนี้ก็ถึงเวลาที่เธอควรจะให้คำตอบได้แล้วนี่ นายจะได้ไม่ต้องกลับมาคิดว่าสมหวังไม่สมหวัง 

    คุ้มค่าหรือไม่คุ้มค่าอีก -- ฉันจะไปเป็นเพื่อนเอง”


           เฟร็ดหลุบตาลงมองมือที่ยังยื่นมาให้ มีรอยยิ้มผุดขึ้นน้อยๆ ก่อนจับมือจอร์จแล้วลุกขึ้นยืน


           “ขอบใจ” เฟร็ดออกตัววิ่งไปที่รถ ส่วนจอร์จจะวิ่งตามไปติดๆ แต่เห็นเสื้อสูทของเฟร็ดที่กองทิ้งไว้บนพื้นเลยย้อนกลับมาเก็บ

    แล้ววิ่งตามไป


           “จะไปไหนกัน” รอนตะโกนถามพี่ชายฝาแฝดที่วิ่งผ่านหน้าไป


           “ไปหาแคตี้” เฟร็ดตะโกนตอบ เปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่งตรงเบาะคนขับ


           ชาลีกับรอนมองหน้ากัน เรื่องความสัมพันธ์ของแคตี้กับเฟร็ดที่ยังคลุมเครืออยู่นั้นในบรรดาพี่น้องวีสลีย์รู้เรื่องกันหมดแล้ว 

    แล้วแบบนี้มีหรือที่พวกเขาจะปล่อยให้ไปกันแค่สองคน สองพี่น้องวิ่งขึ้นไปนั่งเบาะหลังโดยที่ไม่ต้องคอยให้ใครชวน


           รอนปิดประตูรถดังปังก่อนพบว่าฝาแฝดจากเบาะหน้ากำลังหันหลังมามองเขากับชาลี


           “มีคนเยอะย่อมมีกำลังใจเยอะไปด้วยไม่ใช่หรือไง” ชาลีบอก “เอ้า ไปกันได้แล้ว”


           รถฟอร์ดแองเกลียลอยขึ้นสู้ท้องฟ้ายามราตรี จินนี่กับเพอร์ซี่ได้แต่ส่ายหน้าทว่าในใจก็อวยพรขอให้เฟร็ดโชคดี...


     

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×