คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #79 : 79 ll Nosebleed Nougat
79
Nosebleed
Nougat
แม้อัมบริดจ์ออกจากฮอกวอตส์ไปแล้วก็ใช่ว่าศัตรูคู่แค้นของฝาแฝดวีสลีย์จะหมดไปด้วยเสียเมื่อไร -- ตราบใดที่ยังมีศาสตราจารย์
ผมดำเป็นมันเยิ้มอย่างเซเวอร์รัส สเนป...
สมัยที่ฝาแฝดวีสลีย์ยังเรียนอยู่ฮอกวอตส์พวกเขาได้ทำเจ็บแสบกับอาจารย์คนนี้ไว้ไม่น้อย แต่ตัวแสบเรียนจบออกไปแล้ว
ผลของการกระทำเลยมาตกอยู่กับเด็กสาวผมบลอนด์ที่ชื่อว่าลูน่า
เลิฟกู๊ดทั้งที่เธอไม่ได้ก่อวีรกรรมอะไรไว้...
การหาเรื่องหักคะแนนเรเวนคลอวันละนิดละหน่อยจึงเป็นของเล่นในช่วงนี้ของอาจารย์สอนวิชาการป้องกันตัวจากศาสตร์มืดคนนี้
ดวงตาสีเข้มที่ไม่เป็นมิตรกับใครละสายตาจากตำราเล่มหนาในมือเหลือบมองเด็กสาวที่นั่งท้ายห้อง
“มิสเลิฟกู๊ด จงบอกคาถาป้องกันตัวมาห้าคาถาภายในห้าวินาที”
ลูน่ายืดตัวตรงเพราะถูกถามกะทันหัน “ริดดิคูลัส เอ่อ...” เธอตอบพร้อมชูนิ้วนับไปด้วยแต่สเนปก็นับถอยหลังดังๆ เหมือนจงใจ
แกล้งปั่นสมาธิให้แตกกระเจิงจนสมองตื้อไปหมด
สเนปยิ้มเยาะก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง “หักเรเวนคลอห้าคะแนน”
“แบบนี้ใครจะไปตอบทัน” มาเรียเอียงตัวกระซิบกับเพื่อนสนิททั้งยังไม่โทษลูน่าด้วยที่ทำให้เรเวนคลอถูกหักคะแนน
มาเรียอัดอั้นตันใจคันมืออยากเขียนไปฟ้องจอร์จใจจะขาดเพราะศาสตราจารย์สเนปเรียกลูน่าให้ตอบคำถามแทบทุกครั้งที่มีเรียน
และเรเวนคลอก็ถูกหักคะแนนเป็นว่าเล่น จนมีบางครั้งที่เธอ จินนี่กับคอลินช่วยกันเดาใจว่าอาจารย์คนนี้จะงัดคำถามอะไรมาถามลูน่า
แล้วกดดันให้เธอตอบภายในเวลาอันน้อยนิดแต่ทุกครั้งที่เตรียมตัวเอาไว้แล้วเขากลับไม่ถาม “คนอื่นในห้องมีตั้งหลายคนนะคะ
ศาสตราจารย์ ทำไมไม่ถามบ้าง”
สเนปเลิกคิ้ว ใช้มือพลิกหน้ากระดาษโดยที่สายตายังจับจ้องอยู่ที่มาเรีย “งั้นเชิญเธอตอบมาในคำถามเดียวกัน มิสเกลนมอร์...หนึ่ง”
“เดี๋ยวสิคะ อาจารย์ เอ่อ...ริดดิคูลัส”
“ซ้ำ”
“อ้อ อิมเปดิเมนต้า...มีอะไรอีกนะ...” มาเรียอึกอักขณะที่ลูน่าคิดออกอีกหนึ่งคาถาและกำลังช่วยกระซิบบอกแต่ก็ไม่ทันสเนป
อาจารย์สอนการป้องกันตัวกระแอมไอ “หักเรเวนคลออีกห้าคะแนน”
“ถ้าอาจารย์ให้เวลาสักสิบวินาทีพวกเธออาจตอบทันก็ได้นะครับ” คอลินบอกมาจากโต๊ะข้างๆ
“งั้นเธอตอบก็ได้มิสเตอร์ครีฟวีย์” สเนปบอก เมื่อเห็นคอลินนั่งนิ่งก็แค่นหัวเราะ “หักกริฟฟินดอร์ห้าคะแนน”
⭐
“ให้ลูน่าเขียนจดหมายไปบอกจอร์จเลยสิ” รอนเสนอความเห็นกับจินนี่ทั้งที่ในปากยังเคี้ยวเนื้อตุ้ยๆ หลังจากน้องสาวมาระบายให้ฟัง
ว่าสเนปทำอะไรกับพวกเธอบ้าง
“ฉันเคยบอกลูน่าหลายหนแล้วแต่ยุไม่ขึ้น
บอกว่าจอร์จมีงานยุ่งมากพออยู่แล้ว”
“แหม ทำอย่างกะไม่รู้จักจอร์จยังงั้นล่ะ แค่ลูน่าปริปากบอกแอะเดียวจอร์จก็แทบพุ่งจากตรอกไดแอกอนมาฮอกวอตส์แล้ว”
“หรืออีกนัยนึงลูน่าอาจรู้จักจอร์จดีด้วยซ้ำ” เฮอร์ไมโอนี่ออกความเห็น “เพราะอย่างที่เธอว่า แค่ลูน่าปริปากบอกแอะเดียว
เขาก็พร้อมทำให้ทุกอย่างแล้ว -- แต่ฉันว่าก็ดีแล้วล่ะที่ไม่บอกเพราะไม่งั้นจอร์จอาจจะส่งอะไรแปลกๆ มาให้ก็ได้ แล้วฮอกวอตส์ก็จะ
ยุ่งวุ่นวายไปหมด แค่ตอนนี้ฉันก็ยึดของเล่นพิเรนทร์จากเด็กปีหนึ่งปีสองมาแทบไม่หวาดไม่ไหว อีกอย่างฉันอยากเตือนความจำเธอนะรอน
เธอเป็นพรีเฟ็ค เธอไม่ควรจะแนะนำอย่างนั้น”
รอนกลอกตา “ฉันละอยากถอดเข็มกลัดทิ้งตำแหน่งอันทรงเกียรตินี่ไปซะจริงๆ จะได้เล่นของเล่นพิเรนทร์ที่เธอว่ามาทุกอย่างเลย”
เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหัวก่อนหันเหความสนใจไปยังเพื่อนผมดำที่อุตส่าห์นั่งเงียบมาตั้งนาน “เธอล่ะแฮร์รี่ คิดว่าไง”
“หือ? ฉันหรือ เอ่อ...คงยังไงก็ได้แหละมั้ง ถ้าลูน่าไม่บอก ยังไงสักวันเรื่องนี้ก็ต้องรู้ไปถึงหูจอร์จอยู่ดี”
“ไม่ต้องถึงหูหรอก” จินนี่ว่า “ฉันว่าถึงตาแล้วมากกว่า”
“หมายความว่าไง” รอนเลิกคิ้วถาม
“ฉันเขียนจดหมายไปบอกจอร์จแล้วน่ะสิ”
“ว่าไงนะ!?” เฮอร์ไมโอนี่โพล่งออกมาอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเองขณะที่รอนกับแฮร์รี่ยิ้มแฉ่งให้เด็กสาวผมแดง
บ่ายวันศุกร์นักเรียนปีห้ามีเรียนวิชาการป้องกันตัวจากศาสตร์มืดอีกครั้ง นักเรียนทั้งชั้นเดินเข้าไปนั่งตามตำแหน่งประจำของตัวเอง
ด้วยความสงบเสงี่ยมเมื่อสเนปก้าวฉับๆ เข้ามาในห้องเรียนพร้อมตำราในมือ เขาเดินผ่านโต๊ะลูน่าไปก่อนหยุดชะงัก
“ก่อนเริ่มบทเรียน” สเนปพูดทั้งที่ยืนหันหลังให้พวกเขา “ฉันขอถามคำถามเพื่อทดสอบว่าเธอได้อ่านหนังสือมาตามที่ฉันสั่งหรือเปล่า
มิสเลิฟกู๊ด ตอบฉันมาว่า...”
“ศาสตราจารย์คะ! ลูน่ามีเลือดกำเดาไหลค่ะ!” มาเรียโพล่งออกมาด้วยอาการตื่นตระหนก เธอเอาผ้าเช็ดหน้ามาให้เพื่อนผมบลอนด์
“หนูขออนุญาตพาเพื่อนไปห้องพยาบาลได้ไหมคะ”
สเนปเหลียวกลับมามองก็เห็นลูกศิษย์มีเลือดกำเดาไหลออกมาไม่หยุดและเพื่อป้องกันไม่ให้นักเรียนในห้องคนอื่นแตกตื่น
กันไปมากกว่านี้เลยบอกอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
“ก็พาไปซะสิ! เดี๋ยวเลือดก็เต็มห้องเรียนกันหมดพอดี”
ได้ยินดังนั้นมาเรียกับจินนี่ก็ช่วยกันพยุงลูน่าออกจากห้องโดยมีคอลินเปิดประตูให้และวิ่งตามไปติดๆ
“โทษทีนะ ลูน่า ที่ฉันกับมาเรียไม่ได้บอกอะไรกับเธอก่อน” จินนี่บอกเพื่อนต่างบ้านหลังจากพามานั่งตรงม้านั่งที่ห่างไกล
จากห้องเรียนวิชาการป้องกันตัวจากศาสตร์มืดอยู่พอสมควร
คอลินเอามือกอดอกพลางมองจินนี่กับมาเรียสลับกัน “สรุปก็คือตังเมเลือดกำเดา?” สายตาเลื่อนไปมองลูน่าที่จินนี่สั่งให้เงยหน้า
เอาไว้เพื่อรอเวลาให้ครบกำหนดของมันแล้วเลือดกำเดาก็จะหยุดไหลไปเองเพราะถ้าพาไปหามาดามพอมฟรีย์เธออาจจะจับได้
แล้วเอาเรื่องนี้ไปบอกอาจารย์
“ใช่ ฉันเขียนไปบอกจอร์จเอง -- ทีนี้เจ้าของร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์ก็ส่งเจ้านี่มาให้แบบด่วนจี๋เลยล่ะพอรู้ว่าจะใช้กับใคร
และเพราะอะไร แถมยังมีอะไรอีกก็ไม่รู้เต็มกล่องไปหมด”
เรียมองลูน่าด้วยความรู้สึกผิดนิดๆ “ที่ฉันไม่บอกเธอเพราะกลัวเธอจะไม่ยอมกินมันเข้าไปน่ะสิ พอศาสตราจารย์สเนปกำลังจะ
เล่นสกปรกฉันก็เลยยัดมันเข้าปากเธอไปเลย”
ระหว่างที่กำลังคุยกันอยู่นั้นโชคก็ไม่เข้าข้างเมื่อพรีเฟ็คผู้เคร่งครัดในกฎระเบียบกำลังเดินมาทางนี้พอดี ไม่ใช่เฮอร์ไมโอนี่ รอน
แอนโทนีหรือแพนซี่ที่สงบเสงี่ยมลงไปเยอะตั้งแต่อัมบริดจ์ไม่อยู่แต่หากเป็นเดรโก มัลฟอย -- พรีเฟ็คบ้านงู
เด็กหนุ่มผมบลอนด์เอามือล้วงกระเป๋ากางเกงเดินทอดน่องไปทั่วปราสาทด้วยความเบื่อหน่ายเพราะเป็นคาบว่างทว่าเขาไม่คิด
ว่าจะได้เห็นภาพที่อยู่ตรงหน้านี้
เดรโกสาวเท้าปรี่เข้าหาลูน่า ดวงตาสีซีดไล่มองสำรวจเธอและเห็นว่าผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดผืนในมือเธอนั้นเต็มไปด้วยเลือด
เขาหันขวับไปมองเพื่อนของเด็กสาวอีกสามคนทันที
“ลูน่าเป็นอะไร ทำไมไม่พาไปห้องพยาบาล” เดรโกขมวดคิ้วด้วยสีหน้าจริงจังแต่กลับไม่มีใครตอบอะไรเขาเลย อันที่จริงต้องบอกว่า
เขาใจร้อนเกินกว่าจะฟังคำตอบคงจะตรงที่สุด “เป็นเพื่อนกันยังไง ถึงได้นั่งคุยยิ้มแย้มกันอยู่อีก” ในเมื่อไม่มีใครทุกข์ร้อน ในฐานะพรีเฟ็ค
และรุ่นพี่เดรโกจึงโน้มตัวลงจับแขนลูน่าให้เอนมาพิงตัวเขาพร้อมสอดแขนไปใต้ขาเตรียมอุ้มเธอขึ้นมา
ลูน่ารีบปฏิเสธแต่เพราะเลือดยังไหลไม่หยุดทำให้เธอพูดไม่ชัดจนฟังไม่ได้ศัพท์ทำเอาจินนี่ต้องรีบเข้ามาช่วยด้วยการตีมือเดรโก
“อย่ามาแตะตัวแฟนพี่ชายฉันนะ”
“พวกเธอกำลังเล่นอะไรกันอยู่”
“เอาเป็นว่าลูน่าไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วงก็พอ ทีนี้ปล่อยเพื่อนฉันลงได้แล้ว”
เดรโกยอมปล่อยลูน่าลงแต่โดยดีแต่ยังไม่วางใจจนคิ้วขมวดยุ่งอีกหน “อย่าบอกนะว่านี่...” เขาเว้นช่วง “ตังเมเลือดกำเดา?”
จินนี่ยักไหล่ หลบตาเดรโก “คงงั้นมั้ง”
“พวกเธอเล่นอะไรกัน”
“ไม่ได้เล่น นี่มันก็แค่วิธีเอาตัวรอดจากปีศาจจมูกงุ้มแค่นั้นเอง”
มาเรียพยักหน้าหงึกหงัก “ฉันเป็นคนให้ลูน่ากินเอง
ลูน่าไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนหรอก”
“แต่พวกเธอควรรู้ว่าของทุกอย่างจากร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์ถูกห้ามไม่ให้เอาเข้ามาในโรงเรียน แล้วตังเมเลือดกำเดานี่...ถ้าเกิด
มันหยุดไม่ได้ขึ้นมา...”
“ฉันเชื่อใจพี่ชายของฉัน” จินนี่จ้องตากับเดรโกตรงๆ “จอร์จต้องคิดดีแล้วถึงได้ส่งเจ้านี่มา ส่วนเรื่องกฎนั่นเราก็รู้ดี เธอจะบอก
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลให้กักบริเวณก็ได้ อย่างน้อยก็ยังดีกว่าถูกหักคะแนนเป็นว่าเล่นแบบไม่ยุติธรรม”
เดรโกถอนหายใจอย่างอ่อนแรง มองนักเรียนสี่คนที่กำลังทำผิดกฎ “พวกเธอก็รู้ว่าตามหน้าที่พรีเฟ็คฉันควรจะบอกเรื่องนี้กับอาจารย์”
จินนี่ มาเรียและคอลินชำเลืองมองกันเองแบบรู้ชะตากรรมทว่าพวกเขากลับได้ยินสิ่งที่ไม่คาดคิด “ครั้งนี้ฉันจะปล่อยผ่านไปก่อน
แต่พวกเธอต้องสัญญากับฉันก่อนว่าจะไม่เล่นอะไรแบบนี้อีก” ...เพราะเขาตกใจจริงๆ พูดจบเจ้าตัวก็หมุนตัวเดินจากไป
“ไม่เสียแรงที่เคยเป็นสมาชิก ก.ด.มาก่อน” มาเรียพูด รู้สึกโล่งอกและเริ่มรู้สึกนิยมชมชอบพรีเฟ็คบ้านงูขึ้นมานิดนึง
แต่แล้วเดรโกดันเดินย้อนกลับมา “แล้วนี่เลือดจะหยุดไหลเมื่อไร”
จินนี่หรี่ตาจับพิรุธที่บวกกับอคติเล็กๆ ที่มีต่อเดรโกเพราะปีนี้สลิธีรินคว้าถ้วยควิดดิชประจำปีไปได้ส่วนกริฟฟินดอร์ได้ที่สอง
เลยทำให้เธอมองเขาในแง่ดีแบบเต็มร้อยไม่ได้ “มีอะไรหรือเปล่า”
“ก็แค่ถามดู”
“ประมาณห้านาที คิดว่านะ”
เดรโกพยักหน้ารับก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ถ้าหายดีแล้วพวกเธอควรกลับเข้าชั้นเรียน ฉันกล้าพนันได้เลยว่าเขาจะหาเรื่อง
มาหักคะแนนอีกถ้าพวกเธอเล่นหายไปทั้งคาบจริงๆ เพราะมันคือการโดดเรียน”
⭐
หลังวันหยุดอีสเตอร์เป็นธรรมเนียมของฮอกวอตส์ที่อาจารย์ประจำบ้านแต่ละบ้านจะเรียกนักเรียนปีห้าในบ้านตัวเองไปพบ
เพื่อให้คำแนะนำเรื่องอาชีพและหนทางในอนาคต
มาเรียเดินออกจากห้องทำงานของศาสตราจารย์ฟลิตวิกในช่วงบ่ายของวันศุกร์ด้วยสายตาว่างเปล่า เธอเดินกลับหอคอยเรเวนคลอ
ไปหาลูน่าที่กำลังรอเธออยู่ที่นั่น มาเรียทิ้งตัวนอนบนเตียงนุ่มๆ ข้างเตียงของลูน่า
“ฉันไม่เข้าใจเลย ศาสตราจารย์ฟลิตวิกบอกให้ฉันไปคิดมาใหม่แล้วเขาจะนัดฉันอีกที”
เด็กสาวผมบลอนด์เงยหน้าขึ้นจากปริศนาอักษรรูนในเดอะควิบเบลอร์ฉบับใหม่มามองเพื่อนสนิท “ทำไมล่ะ”
มาเรียพลิกตัวมาทางลูน่าราวกับกำลังรอคำถามนี้อยู่เชียว “ฉันแค่บอกเขาว่าถ้าฉันคบกับแฟนคนนี้ไปจนตลอดรอดฝั่ง
แล้วได้แต่งงาน ฉันก็อยากเป็นภรรยาที่ดีให้กับสามีในอนาคตส่วนอาชีพยังมีหลายอย่างที่ฉันสนใจแล้วก็ยังเลือกไม่ถูก เขาก็ยิ้มแล้วนัดฉัน
มาคุยใหม่ครั้งหน้า ฉันไม่เข้าใจ การเป็นภรรยาที่ดีมันผิดตรงไหน จริงไหม” เธอเลิกคิ้วถามความเห็นลูน่าเพื่อหาพวก
“ที่เธอพูดก็ถูก” ลูน่าพูดเสียงฝันๆ
“ใช่ไหมล่ะ เธอเองก็อยากทำหน้าที่เป็นภรรยาที่ดีตอนแต่งงานกับจอร์จใช่ไหมล่ะ”
ลูน่าตัวแข็งทื่อ ไม่คิดว่ามาเรียจะถามมาแบบนี้ทำเอาหน้าร้อนผ่าวไปหมด “เอ่อ...ฉัน...”
“แล้วเธอตอบศาสตราจารย์ฟลิตวิกไปว่าไง”
“ฉันไม่ได้ตอบเรื่องนั้น ฉันตอบว่าฉันอยากเป็นนักสัตว์วิเศษวิทยา แล้วเขาก็แนะนำว่าฉันควรจะเรียนวิชาอะไรบ้างในปีหน้า”
⭐
ยิ่งถึงช่วงใกล้สอบว.พ.ร.ส. ของนักเรียนปีห้ากับ ส.พ.บ.ส.ของนักเรียนปีเจ็ดมากเท่าไร ที่ห้องพยาบาลก็ยิ่งคึกคักมากเท่านั้น
มาดามพอมฟรีย์กับนางพยาบาลคนอื่นๆ
เดินขวักไขว่กันให้วุ่นเพื่อเอายาสงบใจให้กับบรรดานักเรียนที่ใกล้สติแตกเต็มที
ขณะที่ลูน่า มาเรีย จินนี่และคอลินยังอยู่ปกติสุขดีกันทุกคนแถมยังสนุกสนานกับการดูพวกนักเรียนปีหกวิ่งวุ่นเปิดการค้าตลาดมืด
ขายของประเภทเครื่องช่วยให้มีสมาธิ จิตใจว่องไวและช่วยให้ตื่นเสมอกับนักเรียนที่สติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเพราะคร่ำเคร่งกับการตำรา
ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพวกพ่อค้ามือสมัครเล่นทั้งหลายจะได้กำไรไปเป็นกอบเป็นกำก็ช่วงนี้แหละ!
“คุณหนูๆ ทั้งหลาย -- สนใจเจ้านี่ไหม” ฟรานซิสโก เด็กหนุ่มร่างสูงเพื่อนแก๊งเดียวกับแอนโทนีเดินเข้ามาหากลุ่มลูน่าอย่างเป็นมิตร
พร้อมด้วยจอห์น เด็กหนุ่มหน้าคมผู้แต่งตัวเป๊ะทุกกระเบียดนิ้ว
“มันจะช่วยให้เธอทำคะแนนว.พ.ร.ส.ได้ดีขึ้นอีกเท่าตัวเชียวนะ”
จอห์นเสริม
“เราเสนอขายไพนท์ละแค่สิบสองเกลเลียนเท่านั้น เฉพาะเธอ” ฟรานซิสโกชี้มาที่ลูน่าก่อนชี้ไปยังพวกมาเรีย “และพวกเพื่อนของเธอ”
“หรือเธอสนใจผงอุ้งตีนมังกร” เจคอบ อีกหนึ่งคนในกลุ่มแอนโทนีเดินมาสมทบด้วย “มันจะช่วยให้สมองมีกำลังเพิ่มขึ้น -- ในฐานะ
ที่เราอยู่เรเวนคลอเหมือนกัน รุ่นพี่คนนี้จะเสนอขายให้ราคาถูกๆ แค่...”
“แค่หนึ่งคนุตฉันก็ไม่ให้พวกนายขายให้รุ่นน้องกลุ่มนี้” แอนโทนียืนอยู่ข้างหลังเพื่อนสามคนก่อนเหลือบมองลูน่า
“มันไม่มีอะไรใช้งานได้หรอก”
“พูดอะไรของนาย” ฟรานซิสโกโพล่งออกมา “ของพวกนี้มันใช้ได้ผลจริงๆ นะ ฉันสาบานได้ว่าคะแนนว.พ.ร.ส.ของฉันเต็มตั้งห้าวิชา
ก็เพราะของพวกนี้ อีกอย่างนายก็เห็นใบคะแนนของฉัน”
“ฉันไม่ได้ใช้ของที่พวกนายเสนอขายแต่ฉันก็ได้คะแนนเกินความคาดหมายตั้งหกวิชา” แอนโทนีพูดซะจนฟรานซิสโกเถียงไม่ออก
“คะแนนที่ได้มานั่นมันเพราะตัวนายเองต่างหาก นายก็รู้ว่าการสอบไม่มีทางโกงได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีที่แยบยลแค่ไหนก็ตาม”
หลังผ่านการซื้อชายที่ล่อตาล่อใจมาได้แบบที่ทองอยู่ครบก็ถึงเวลาสอบว.พ.ร.ส. เข้าในที่สุด การสอบจะกระจายไปสองสัปดาห์
ติดต่อกัน สอบภาคทฤษฎีตอนเช้าและภาคปฏิบัติในตอนบ่าย
นักเรียนปีห้าและปีเจ็ดหลายคนตื่นตั้งแต่เช้ามืดด้วยความตื่นเต้นจนข่มตาหลับต่อไม่ลงจึงลุกขึ้นมาแต่งตัวและลงมาทบทวนตำรา
ในห้องนั่งเล่นรวม ลูน่านั่งสัปหงกบนเก้าอี้นวมตัวใหญ่หลังทบทวนจบไปสองรอบและได้อ่านจดหมายของพ่อกับจอร์จที่ส่งมาให้กำลังใจ
โดยเฉพาะจบแล้ว ขณะที่มาเรียที่เผลอหลับไปเมื่อคืนกำลังตั้งใจอ่านโน้ตวิชาคาถาและท่องคำจำกัดความของคาถาที่เป็นเนื้อหา
อย่างขะมักเขม้นเพราะกำลังจะสอบเป็นวิชาแรกในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้แล้วโดยมีอมยิ้มที่เชมัสซื้อให้มาวางเป็นกำลังใจอยู่บนโต๊ะใกล้ๆ
นอกจากนักเรียนปีห้าและเจ็ด คนอื่นๆ ก็คงจะหลับอุตุอยู่ในเตียงอุ่นๆ เพราะการสอบของพวกเขาจะมาถึงช้ากว่าซึ่งเป็นไปตาม
กำหนดการปกติของฮอกวอตส์ แต่ไม่ใช่กับพรีเฟ็คหนุ่มจากเรเวนคลอผู้แสนจะเพอร์เฟ็คอย่างแอนโทนี โกลด์สตีน เขาได้ไปคุยกับ
เอลฟ์ประจำบ้านมาตั้งแต่เมื่อวานว่าขอให้ทำโกโก้ร้อนกับกาแฟมาแจกจ่ายให้กับรุ่นน้องและรุ่นพี่เรเวนคลอที่อ่านหนังสือตอนเช้า
เพื่อไม่ให้ท้องว่างระหว่างทบทวนบทเรียนจนอ่านไม่รู้เรื่องเพราะเขาเคยมีประสบการณ์มาแล้วจากปีก่อนที่ตื่นมาอ่านหนังสือแต่ก็ไม่เข้าหัว
เพราะหิว ทำให้เวลานี้ทั้งห้องนั่งเล่นรวมอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมละมุนของโกโก้กับกาแฟ
นอกจากจะห่วงเรื่องปากท้องแล้วแอนโทนียังช่วยติวให้รุ่นน้องคนใดก็ตามที่ขอความช่วยเหลือ หนำซ้ำยังลากแก๊งของเขาอีกสามคน
ให้มาช่วยกันรวมทั้งพรีเฟ็คหญิงที่ลงมาช่วยดูด้วยอีกแรง
⭐
เวลาเก้าโมงครึ่งนักเรียนปีห้าถูกเรียกเข้าห้องโถงใหญ่ที่บัดนี้โต๊ะกินอาหารประจำบ้านทั้งสี่ได้หายไปแล้วถูกแทนที่ด้วยโต๊ะ
ที่นั่งได้คนเดียว
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลก้าวมายืนด้านหน้านักเรียนทุกคนที่นั่งเรียงเป็นแถวยาวลงไปในห้องโถงใหญ่ก่อนกล่าวว่า
“เริ่มทำข้อสอบได้” พร้อมยกนาฬิกาแก้วเรือนมหึมาที่อยู่บนโต๊ะข้างตัวเธอกลับหัวให้ทรายไหลกลับลงมาข้างล่าง
การสอบวันแรกผ่านไปได้อย่างไม่ยากเย็นนักแต่ก็กินพลังงานไปมากโขชนิดที่ว่าเพียงแค่คลานขึ้นเตียงแล้วทิ้งตัวลงนอนก็หลับสนิท
ไปเลยตั้งแต่หัวยังไม่ทันถึงหมอน -- วิชาแปลงร่างที่สอบในวันถัดมาเป็นอะไรที่ลูน่าไม่ค่อยมั่นใจนักเพราะเธอมักจะร่ายคาถาให้สิ่งของ
เปลี่ยนเป็นอีกสิ่งหนึ่งได้แบบไม่ค่อยตรงโจทย์สักเท่าไรแต่ก็ยังนับว่าดีกว่าคอลินอยู่นิดหน่อย
วิชาสมุนไพรศาสตร์ผ่านไปอย่างราบรื่นเพราะพวกเธอได้เนวิลล์ช่วยติวให้ในชั่วโมงสุดท้ายจนคิดว่าน่าจะผ่านได้ฉลุย
ส่วนวิชาการดูแลสัตว์วิเศษในวันอังคารของสัปดาห์ต่อมาเป็นวิชาที่ลูน่าสนุกสนานกับการสอบมากที่สุดต่อให้อาจารย์ที่มาคุมสอบ
จะเป็นพ่อมดแม่มดแก่ๆ ดูเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้และการจับผิดทว่าเด็กสาวก็ไม่เกรงกลัวและทำความสะอาดปูไฟโดยไม่ให้
ถูกไฟลวกรุนแรงได้อย่างไร้ที่ติ
“เอาล่ะ! นี่แก้วที่สาม แล้วถ้าคืนนี้ยังง่วงอีกก็ให้มันรู้ไป!” มาเรียวางแก้วกาแฟบนโต๊ะยาวในห้องโถงใหญ่เป็นการตบท้ายมื้อค่ำ
ของวันพุธ แม้จะเหนื่อยกับการสอบดาราศาสตร์ภาคทฤษฎีมาในตอนเช้าและสอบวิชาพยากรณ์ศาสตร์ตอนบ่ายมาแล้ว แต่ห้าทุ่มคืนนี้
พวกเธอยังมีสอบวิชาดาราศาสตร์ภาคปฏิบัติรอคอยอยู่อีก...
สำหรับลูน่านั้นความดึกไม่ใช่ปัญหาเพราะเธอชอบนั่งดูดาวถึงดึกดื่นบ่อยๆ อยู่แล้ว เมื่อถึงเวลาห้าทุ่ม นักเรียนปีห้าต่างก็เดิน
ขึ้นบันไดไปยังหอคอยดูดาว จัดแจงตั้งกล้องโทรทัศน์และเริ่มลงมือจรดปากกาขนนกลงตำแหน่งที่เที่ยงตรงของดาวฤกษ์และดาวเคราะห์
บนกระดาษเมื่ออาจารย์คุมสอบสั่งให้ทำข้อสอบได้
กว่าจะกลับมาถึงหอนอนก็ปาเข้าไปตีหนึ่ง ลูน่าสลบทันทีที่หัวถึงหมอน หมึกที่เปื้อนแก้มก็ยังติดอยู่แถมยังอยู่ทั้งชุดเสื้อคลุม
ครึ่งชั่วโมงให้หลังมาเรียเพิ่งกลับมาจากการไปแอบคุยกับเชมัสที่แอบลุกจากเตียงมาดักรอเพื่อให้กำลังใจ แต่เพราะฤทธิ์กาแฟที่อัดเข้าไป
ตั้งสามแก้วตาจึงยังสว่างอยู่
มาเรียเห็นเพื่อนตัวเล็กหลับไปทั้งอย่างนั้นจึงเข้าไปถอดเสื้อคลุมกับรองเท้าออกพร้อมห่มผ้าให้ ก่อนกลับไปที่เตียงตัวเอง
และใช้เวลาในช่วงที่ตัวเองยังไม่ง่วงมาอ่านทบทวนวิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์ วิชาสุดท้ายที่จะสอบพรุ่งนี้ -- เธอคิดว่าคิดถูกแล้ว
ที่ดื่มกาแฟไปตั้งสามแก้ว แต่ก็มาคิดได้เอาตอนที่ถึงเวลาสอบจริงๆ ...ความง่วงคืบคลานเข้ามาหามาเรียทีละนิดจนเธอต้องตบหน้าตัวเอง
เพื่อให้ตื่นทำเอาทุกคนหันมามอง
“ขอโทษค่ะ” เธอก้มหัวขอโทษเพื่อนร่วมชั้นและอาจารย์ที่คุมสอบก่อนส่งยิ้มให้ลูน่า จินนี่และคอลินที่ส่งสายตาเป็นห่วงมาให้เธอ
สอบว.พ.ร.ส.กินพลังงานจนทำให้ร่างกายที่เหนื่อยล้าสะสมมาเป็นสัปดาห์ไม่มีแก่ใจจะฉลองที่สอบเสร็จ ไม่ว่าจะปีห้าหรือปีเจ็ด
ต่างก็นอนหลับเป็นการฉลองกันทั้งนั้น
“ฉันว่านังหนูลืมส่งจดหมายมาให้ฉันแน่เลย” จอร์จชะเง้อคอมองหานกฮูกตัวจ้อยที่ชื่อฟลัฟฟี่เพื่อรอรับจดหมายจากลูน่า
เพราะเธอเคยบอกเอาไว้ว่าสอบเสร็จแล้วจะเขียนจดหมายมาหาทันที
“นังหนูของนายหลับไปแล้วมั้ง” เฟร็ดบอกพลางอ้าปากหาว
ที่เฟร็ดพูดนั้นถูกทีเดียวเพราะเด็กสาวผมบลอนด์นั้นได้ผล็อยหลับคากระดาษเขียนจดหมายไปตั้งแต่เขียนบรรทัดแรกจบ
ดูท่าแล้ววันนี้จอร์จคงต้องรอเก้อจริงๆ...
⭐
ความคิดเห็น