ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] Little Loony Lovegood [George x Luna] [END]

    ลำดับตอนที่ #7 : 7 ll " G "

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.54K
      253
      14 ส.ค. 62


    7  


    “ G ”  


     

               


                ป่าต้องห้ามนี้เงียบกริบและมืดลงเรื่อยๆ กว่าสิบนาทีแล้วที่จอร์จแอบยืนอยู่ในมุมมืดใต้ต้นไม้ใหญ่ เมื่อเขาดึงสติกลับมาได้

    และเงี่ยหูฟังบทสนทนาของทั้งคู่ไปเรื่อยๆ ก็รู้ได้ในทันทีว่านังหนูของเขากำลังคุยกับเซนทอร์ --สัตว์ครึ่งม้าครึ่งคน ร่างกายส่วนบนเป็นมนุษย์ 

    แต่ส่วนลำตัวลงไปเป็นร่างของม้า


              แฮกริดเคยบอกกับพวกเขาตอนที่ถูกกักบริเวณในป่าแห่งนี้ว่า ‘พวกนี้เป็นลูกครึ่งนักดูดาว ไม่สนอะไรที่ใกล้กว่าพระจันทร์เลย’ 

    จอร์จเชื่อคำพูดนั้นของแฮกริดอย่างสนิทใจ ไม่สนอะไรนอกจากดาวนั่นจริงร้อยเปอร์เซ็นต์ จะมีข้อยกเว้นก็แต่ตัวที่กำลังคุยอยู่กับลูน่า 

    ดูท่าเซนทอร์ตัวนี้จะหันมาสนใจพระจันทร์มากกว่าดวงดาวซะแล้ว

                

              จอร์จรู้จักเซนทอร์ตัวนี้ดี เขาชื่อเบนจามิน แต่ก็ไม่ค่อยจะลงรอยกันสักเท่าไรเพราะด้วยวัยที่ใกล้เคียงกันแถมยังมีความกวนประสาท

    ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน และตอนนี้ก็เหมือนพวกเขาจะมีความสนใจในตัวเด็กสาวคนนี้เหมือนกันอีก

                

              หลายนาทีที่ผ่านมาจอร์จแอบยืนฟังว่าเซนทอร์ตัวนี้จะกวนประสาทลูน่าเหมือนที่เคยกวนเขากับเฟร็ดไหม แน่นอนว่าไม่ 

    --เบนจามินใช้ถ้อยคำสุภาพกับเด็กสาวมากและจอร์จยังรู้อีกด้วยว่าสายตาคู่นั้นที่กำลังมองนังหนูต้องแพรวพราว หว่านเสน่ห์แถมยังเจ้าเล่ห์

    เบนจามินหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามของลูน่าแล้วเอาแต่ซักประวัติของเธอ ขณะที่เด็กสาวผมบลอนด์พยายามหาทางเลี่ยงออกมา

    จากตรงนั้นแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะคำพูดหว่านล้อมอันแสนหวานหูรั้งเธอเอาไว้

                

              แต่ลูน่าไม่ใช่คนที่จะหลงรูปลักษณ์ภายนอกง่ายๆ ทำให้เธอเริ่มมีอารมณ์หงุดหงิดเล็กๆ

                

              “ถ้าคุณไม่ตอบ งั้นฉันคงต้องขอตัวกลับ...”

                

              “ช้าก่อนสาวน้อย -- สิ่งที่เธอตามหา ที่นี่ไม่มีหรอก ...นาร์เกิ้ลน่ะ แต่รู้อะไรไหม ฉันเจอสิ่งที่ฉันตามหามานานแล้วนะ อยากรู้ไหม

    ว่าคืออะไร”

                

              “ถ้าคุณไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร -- ยินดีที่ได้พบคุณนะคะ ลาก่อน”

                

              “คำตอบก็คือเธอไงสาวน้อย” เสียงทุ้ม นุ่มลึกพูดขึ้นขณะที่ลูน่ากำลังจะหันหลังกลับ

                

              ระหว่างนั้นจอร์จได้แต่ข่มใจเอาไว้ไม่ให้พูดหรือสบถอะไรออกมา ประโยคหวานเลี่ยนออกมาจากปากเซนทอร์ตัวนั้นยังพอทน

    ถ้านั่นไม่ได้พูดกับลูน่า ในที่สุดคนผมแดงก็อดรนทนไม่ไหวจนต้องเผยตัวออกจากมุมมืดนี้

                

              “นั่นใครน่ะ!” เซนทอร์หนุ่มถามเสียงดุทันทีที่เห็นเงาของใครบางคน “อ้อ ฝาแฝดที่ชอบแอบเข้ามาในป่าต้องห้ามบ่อยๆ นี่เอง” 

    เบนจามินเลิกคิ้ว กอดอกมองคนมาใหม่อย่างถือดี

                

              จอร์จเดินมายืนประจันหน้ากับเบนจามิน เขามีผมสีบลอนด์จนเกือบขาวและร่างม้าจรดไปถึงหางเป็นสีขาวดูสง่างามเมื่อต้องกับ

    แสงจันทร์ แถมยังมีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ชวนให้จอร์จรู้สึกหมั่นไส้เล็กๆ กับท่าทางอวดดีนั่น

                

         หากเดรโก มัลฟอยเป็นพ่อมดที่หยิ่งยโส อวดดีชอบคุยโม้ไปทั่ว แถมเจ้าเล่ห์แล้วล่ะก็ เบนจามินก็เป็นเซนทอร์ที่มีนิสัยอย่างเดรโกดีๆ นี่เอง

                

               เท่าที่จอร์จเคยเจอ เซนทอร์ในป่านี้ค่อนข้างเป็นมิตรกับเขาพอสมควร แม้จะชอบตอบไม่ตรงคำถามแต่ก็ไม่เคยมีใครกวนเท่า

    เบนจามินมาก่อน

                

              ลูน่าหรี่ตาเพ่งมองก็พบว่าฝาแฝดที่เซนทอร์พูดถึงคือจอร์จ เด็กสาวฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจที่ได้เจอเขา

                

              “คุณวีสลีย์”

                

              คนถูกทักก้มหน้าลงมองคนตัวเล็กพร้อมส่งรอยยิ้มอบอุ่น “สายัณห์สวัสดิ์ นังหนู เธอมาทำอะไรที่นี่น่ะ”

                

              “เจอกันทั้งทีจะไม่ทักทายกันหน่อยหรือไง” เบนจามินถามห้วนๆ หลังถูกคนผมแดงเมิน

                

              “อ้าว นายก็อยู่ด้วยเหรอ” จอร์จพูดลอยๆ โดยไม่มองเบนจามินด้วยซ้ำ “ฉันว่าเราออกไปจากที่นี่กันดีกว่านะนังหนู”

                

              “สาวน้อย นี่เพื่อนเธอหรือ? ฉันว่าอย่าไปคบหาด้วยเลยดีกว่านะ”

                

              “โทษทีนะ แต่คนอย่างฉันมันไม่น่าคบตรงไหนเหรอ”


              “ยังต้องให้พูดอีกรึ? เฮอะ! ก็เพราะนายหลอกให้สาวน้อยคนนี้เข้ามาในป่าน่ะสิ”


              “ฉันเปล่า!”


              “งั้นเหรอ น่าเสียดาย --ฉันว่าจะขอบใจสักหน่อยที่พาให้สาวน้อยคนนี้มาเจอฉัน”


              “อย่ายุ่งกับเธอนะ” จอร์จพูดเสียงแข็ง เอาตัวเองมาขวางไม่ให้เบนจามินเห็นลูน่าพลางจ้องหน้ากับเขาตรงๆ แต่แล้วกลับมีเสียงเล็ก

    ดังขึ้นหลังพวกเขา ไม่ใช่ลูน่าและไม่ใช่คน แต่เป็น...

                

              “เมี้ยว~” เสียงเล็กๆ น่ารักดังขึ้นอีกครั้ง แต่ตัวนั้นไม่ได้น่ารักเหมือนอย่างเสียง เพราะนี่คือ คุณนายนอร์ริส แมวของฟิลช์!


              “ให้ตายสิ! นี่ตามมาถึงนอกปราสาทกันเลยเรอะ” จอร์จสบถออกมาอย่างหัวเสีย ถ้าแมวของเขาอยู่นี่ งั้นเจ้าของก็คง...

                

              จอร์จหันกลับไปมอง เห็นแสงไฟดวงเล็กๆ กำลังใกล้เข้ามาเต็มที เขาไม่มัวมายืนรอให้พวกเขาถูกจับได้แน่ๆ อย่างน้อยก็ในคืนนี้ 

    คนผมแดงคว้ามือเล็กพลางออกแรงดึงให้เธอวิ่งไปหลบหลังต้นไม้กับเขา อย่างเบนจามินที่ยืนอยู่ตรงนั้นน่ะไม่เป็นไรหรอก 

    แต่พวกเขาน่ะสิที่จะเป็นถ้าฟิลช์มาเจอ

                

              “เรากำลังหนีอะไรอยู่เหรอ” เสียงเล็กถามอย่างใจเย็น ไม่มีแววตื่นตระหนกสักนิด


              “คุณนายนอร์ริส..แล้วก็ฟิลช์” จอร์จกระซิบบอก ขณะจ้องมองดูแสงไฟจากตะเกียงที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ยิ่งใกล้เท่าไรจอร์จก็ยิ่ง

    เอาตัวเองเข้ามาบังลูน่าให้มิดที่สุดเท่าที่จะทำได้ เผื่อว่าถ้าฟิลช์มาเจอ เขาอาจเสกคาถาหรือไม่ก็ใช้ไม้กวาดในมือถ่วงเวลาให้นังหนูหนีไปได้

    โดยที่ฟิลช์จะไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร


              “ไหน พวกเด็กดื้อไปอยู่ไหนกัน?”

                

              “คุณเป็นใคร?” เสียงทุ้มนุ่มถามภารโรงที่เสียมารยาทยกตะเกียงส่องไปทางร่างเซนทอร์หนุ่ม หนำซ้ำตอนนี้ยังจ่อหน้าเขาเต็มๆ

                

              “คนที่จะมาจับเด็กดื้อไปลงโทษยังไงล่ะ พวกเขาอยู่ไหน?”

                

              “คุณหมายถึงใคร”

                

              “พวกเด็กนักเรียนที่แอบออกนอกปราสาทน่ะอยู่ไหน มีใครบางคนบอกฉันว่ามีเด็กนักเรียนผู้หญิงเข้ามาในป่านี่ ...จะบอกให้นะ 

    ถ้านายไม่บอกล่ะก็ เด็กนักเรียนคนนั้นอาจกลับออกไปไม่ครบสามสิบสองก็ได้ ว่าไง เห็นบ้างไหม ถ้าเห็นก็บอกมา เร็วเข้า!” ฟิลช์บอกอย่าง

    ร้อนรน

                

          “ถ้าอย่างนั้นคุณเองก็อาจกลับไปไม่ครบสามสิบสองได้เหมือนกัน ที่นี่ไม่มีเด็กนักเรียนที่คุณตามหาเพราะงั้นขอให้รีบออกไปจากป่านี้ซะ”

                

              จอร์จแอบได้ยินฟิลช์กระฟัดกระเฟียดเดินกลับไปทางเดิมเพราะไม่เจอตัวคนที่เขาต้องการ คนตัวสูงค่อยๆ ชะโงกหน้าดูว่าฟิลช์

    ไปถึงไหนแล้ว เมื่อเห็นแสงไฟลับตาไปถึงได้หายใจทั่วท้องหน่อย เขาหันกลับมาหาเจ้าของมือเล็กที่กุมอยู่ แต่กลับเจอเบนจามินที่โน้มตัว

    ลงมาอยู่ในระดับเดียวกับเธอ


             “แล้วไว้พบกันใหม่นะ สาวน้อย” เบนจามินยื่นหน้ามากระซิบ ไม่ทันจบประโยคคนตัวเล็กก็เข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของคนผมแดงซะก่อน

                

              “ไม่มีวันซะหรอก!” จอร์จพูดทิ้งท้ายก่อนดึงมือเด็กสาวให้เดินหนีห่างจากเซนทอร์เจ้าเล่ห์นี่



              “น่าจะโดนจิ้งจอกคาบไปซะ ทั้งเจ้าแมวทั้งเจ้าของเลย” หลังเดินห่างออกมาจากเบนจามินได้สักพัก จอร์จถึงค่อยหยุดเดินแล้วมองดู

    สภาพต้นไม้รอบๆป่า ว่าอยู่ตรงไหนแล้ว เพราะตอนเดินมาก็ไม่ทันได้ดูซะด้วยว่ามาทิศไหน แต่ด้วยความชำนาญ(ในการแอบเข้าป่าบ่อยๆ) 

    ไม่ถึงสองนาทีเขาก็หาทิศกลับไปปราสาทถูก


              “เธอเข้ามาทำอะไรในป่ามืดๆ คนเดียวแบบนี้นังหนู อ้อ มาหานาร์เกิ้ลสินะ ว่าแต่ทำไมถึงมาหาที่นี่ล่ะ” ในเมื่อรู้ทางกลับ 

    จอร์จก็เบาใจขึ้น จึงเริ่มหาเรื่องคุยกับลูน่าที่เดินเคียงข้างเขา แม้จะไม่ได้จับมือแล้วแต่แค่ได้เดินข้างกันก็เกินพอแล้วสำหรับเขา  

                

              “มีใครบางคนบอกว่าเคยเห็นพวกนาร์เกิ้ลในป่านี้” ลูน่าพูดเสียงฝันๆ เมื่อเธอนึกถึงภาพเมื่อเจอตัวนาร์เกิ้ลในป่า


              ทว่าจอร์จอยากจะเอามือตีหน้าผากตัวเอง ...เวลาอื่นที่มันไม่เสี่ยงก็มีไหม??

                

              “ใครบอกเธอกัน พวกเรเวนคลอหรือ?”

                

              “ไม่ใช่ เธออยู่สลิธีริน น่าจะชื่อพาร์กินสัน ฉันเห็นคนอื่นเรียกเธอแบบนั้น..น่าจะใช่นะ”

                

              “เธอฟังฉันนะนังหนู คนบ้านสลิธีรินน่ะไว้ใจไม่ได้ โดยเฉพาะพวกเพื่อนของมัลฟอย..” จอร์จหยุดพูดไปชั่วขณะหลังมีความคิดหนึ่ง

    แวบเข้ามาในหัว ...หรือนี่จะเป็นฝีมือมัลฟอย? หากเป็นอย่างนั้นเดรโกต้องบอกฟิลช์ว่ามีเด็กนักเรียนเข้ามาในป่า แล้วให้ฟิลช์มาตามหาแน่

                

              “แต่ถ้ามีนาร์เกิ้ลอยู่จริงๆ คงจะดีมากเลย..”

                

              “เธออยากเห็นขนาดนั้นเลยเหรอ” จอร์จหันไปถาม คนตัวเล็กก็พยักหน้าหงึกหงักกลับมาเป็นคำตอบ

                

              จอร์จมองดูตัวอักษร G สีแดงที่อยู่ตรงแก้มลูน่าก่อนตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “งั้นเราไปหานาร์เกิ้ลกัน!” 

              คนผมแดงพูดด้วยความมั่นใจ ไหนๆ ก็มาเสี่ยงอยู่ที่นี่ด้วยกันแล้วนี่ ถ้าไม่ตามหาคืนนี้ให้รู้เรื่องว่ามีหรือไม่มี เกรงว่านังหนูของเขา

    จะออกมาตามหาในคืนอื่นที่เขาอาจไม่รู้อีกก็ได้ ทว่าพอเห็นดวงตากลมแป๋วจ้องกลับมา ทำเอาเขาถึงกับไปไม่เป็น “พะ--พอดีช่วงนี้กำลัง

    สนใจเรื่องสัตว์วิเศษน่ะ”

                

              “จริงเหรอ?”

                

              “ฮื่อ”

                

              “คุณสนใจตัวอะไรเป็นพิเศษเหรอคะ?”

                

              “เอ่อ..นั่นสินะ ฉันสนใจ ตัว..ตัว..อ้อใช่ ก็อบลิน ใช่ๆ ก็อบลิน” จอร์จตอบด้วยสุ้มเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจนัก เขาเห็นลูน่าแค่ยิ้ม

    แล้วเดินต่อไปโดยไม่พูดอะไร


              ...ซวยล่ะ มาถามคำถามไม่ให้ตั้งตัวแบบนี้ก็คิดไม่ทันน่ะสิ --ว่าแต่ ก็อบลินนี่ใช่สัตว์วิเศษหรือเปล่าหว่า..

                

              ระหว่างเดินจอร์จก็คิดหาคำตอบอื่นไปด้วย “นี่ ไม่ใช่หรอกนะ ความจริงแล้วฉันสนใจเรื่องมังกรอยู่น่ะ พี่ชายฉันกำลังศึกษาเรื่องมังกร

    อยู่ที่โรมาเนีย เมื่อปีก่อนก็เพิ่งรับเจ้านอร์เบิร์ตไปดูแล ชื่อมันน่ะ แฮกริดเป็นคนตั้งให้ พันธุ์นอร์เวย์หลังเป็นสัน”          


              “มุกก็อบลินนี่ตลกดีนะ” ลูน่าหัวเราะในลำคอ เพราะเธอคิดว่านั่นเป็นมุกของเขาจริงๆ “แต่มังกรนี่ก็น่าสนใจดีเหมือนกัน”

                

              “ใช่ไหมล่ะ!” จอร์จเบิกตากว้าง ในที่สุดเขามาถูกทางแล้ว! “ตอนนั้นฉัน เฟร็ด เฮอร์ไมโอนี่แล้วก็แฮร์รี่ช่วยกันพาไปส่งบนหอคอยของ

    ปราสาทเพื่อให้เพื่อนของชาลีมารับไปน่ะ ส่วนรอน ตอนนั้นมือบวมฉึ่งเพราะถูกเจ้านอร์เบิร์ตกัด แผลน่าสยดสยองอย่าบอกใครเชียวล่ะ...”

                

              พอจอร์จพูดถึงเรื่องน่าสยดสยอง ก็เป็นอันต้องเจอสิ่งที่น่าสยดสยองยิ่งกว่า

                

              ซวยของแท้...

                

              เสียงรองเท้าเหยียบใบไม้ดังสวบสาบเข้าใกล้มาเรื่อยๆ  พร้อมแสงจากตะเกียง และร่างยักษ์ใหญ่ของแฮกริด 

    มื่อกี้นี้เจอคุณนายนอร์ริสยังพอทน อย่างน้อยก็ยังพอจับโยนเข้าไปในถ้ำหรือไม่ก็เสกให้หายไปได้ แต่นี่คือแฮกริดที่ตัวมหึมาขนาดนี้ 

    ใครจะไปจับโยนไหว ที่ผ่านมาเขากับเฟร็ดถูกไล่ออกจากป่าเป็นกิจวัตรจนชินเสียแล้ว แต่ไม่ใช่กับนังหนูผมบลอนด์นี่ 

    เธอจะถูกกักบริเวณไม่ได้เด็ดขาด

                

              เด็กสาวยังมัวแต่สนใจหาตัวนาร์เกิ้ลอยู่เลย 


              ...เคยทุกข์ร้อนใจอะไรกับเขาบ้างไหมเนี่ย? 


              ทันใดนั้นจอร์จก็คิดหาวิธีได้ มีอยู่ทางเดียวคือไม้กวาดในมือที่เขาถือติดตัวมาด้วย

                

              “นังหนูตามฉันมา” จอร์จถือวิสาสะดึงข้อมือเล็กให้ตามเขาไปหลบตรงต้นโอ๊กใหญ่ที่เขากับเฟร็ดใช้เป็นจุดนัดพบเวลาเข้ามา

    ที่ป่าต้องห้าม พอหาจังหวะเหมาะได้ก็ขึ้นคร่อมขี่ไม้กวาด เหตุที่เขาไม่ใช้มันแต่แรกเพราะวันนี้อากาศเย็น เขากลัวว่าถ้าลูน่าขึ้นมาด้วยแล้ว

    ต้องเจอลมเย็นๆ ปะทะแล้วจะไม่สบายเอา

                

              จอร์จเตรียมพร้อมแล้วแต่เขากลับไม่ได้ยินเสียงลูน่าเลยหันกลับไปมอง เธอเอาแต่จ้องเขาตาไม่กะพริบ      

                

              “รออะไรอยู่นังหนู รีบขึ้นมาสิ --เอ้อ เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร ฉันแนะนำให้เธอจับเอวฉันนะ ถ้าไม่อยากกลิ้งตกลงไปน่ะ” 

    จอร์จจับไม้กวาดเอาไว้แน่น เมื่อรู้สึกถึงมือน้อยๆ ที่จับเอวเขา หัวใจก็เต้นตึกตักจนเกือบลืมไปแล้วว่าพวกเขากำลังจะหนีแฮกริดกันอยู่ 

    จอร์จถีบเท้ากับพื้นเล็กน้อยก่อนไม้กวาดจะพุ่งทะยานขึ้นไปบนฟ้า

                

              “น่าเสียดายนิดหน่อยที่เราไม่เห็นพวกนาร์เกิ้ล..” น้ำเสียงล่องลอยดังมาจากข้างหลังจอร์จ แต่ฟังดูก็รู้ว่าเด็กสาวไม่ได้เสียดาย

    แค่นิดหน่อยอย่างที่ปากพูดหรอก คนผมแดงเชิดไม้กวาดขึ้นอีกนิดเพื่อบินให้สูงขึ้นไปอีกเพราะแฮกริดจะได้ไม่เห็นพวกเขา

                

              “ไม่ได้กลัวความสูงใช่ไหม” จอร์จลืมถามไปซะสนิท ..ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา เขาคิดว่าบางทีนังหนูอาจตกไปแล้ว แต่เปล่าเลย... 

                

              ดวงตาสีซีดคู่โตสะท้อนแสงดาวระยิบระยับบนท้องฟ้า “สวยจัง” ลูน่าพูดเสียงฝันๆ เรียกรอยยิ้มให้คนมองอย่างจอร์จไปได้อีกครั้ง

                

              “ไว้วันหลังฉันพาเธอมาขี่ไม้กวาดเล่นอีกเอาไหม”

                

              “ก็ดีนะ ในวันที่พระจันทร์เต็มดวง” ดวงตากลมโตเลื่อนมาสบตากับจอร์จ หารู้ไม่ว่านั่นยิ่งทำให้หัวใจยิ่งพองโต ทว่าคำพูดต่อจากนั้น

    ทำเอาจอร์จแทบจะหุบยิ้มทันที “เผื่อจะเจอตัวมูนคาล์ฟ”  

                

              ...เธอเคยคิดเรื่องอื่นนอกจากสัตว์วิเศษบ้างไหมเนี่ยนังหนู??

     


                จอร์จขี่ไม้กวาดบินวนแถวๆ ปราสาทด้วยความเร็วที่ขนาดผีเสื้อยังแทบจะบินแซงได้อยู่แล้ว ก่อนพาลงจอดข้างปราสาทแล้ว

    ทั้งคู่ก็เดินเข้าปราสาทไปห้องโถงใหญ่พร้อมกันหลังจากจอร์จเอาไม้กวาดไปเก็บเสร็จแล้ว พอถึงหน้าประตูไม้บานใหญ่หน้าห้องโถง 

    ลูน่าก็หันมาพูดกับจอร์จราวกับได้ยินความในใจของเขาก่อนหน้านี้

                

              “จะว่าไป วันนี้คุณดูเท่มากเลย --ตอนที่แข่งควิดดิชน่ะ ฉันเห็นคุณตีลูกบลัดเจอร์ไม่ให้พุ่งไปโดนแฮร์รี่ด้วย อ้อนี่ ชื่อของคุณ” 

    ไม่ว่าเปล่าเด็กสาวผมบลอนด์ยังหันแก้มข้างขวาให้หันเข้าหาแสง แถมชี้ให้ดูเจ้าของชื่อดูตัว G ที่เธอภูมิใจนำเสนอด้วย

                

              จอร์จยืนตัวแข็งทื่อราวกับถูกสาป เขาไม่รู้แล้วว่าใจเต้นแรงกับการกระทำของนังหนูคนนี้กี่ครั้งต่อวัน มันไม่ดีต่อหัวใจก็จริง 

    ...แต่ใครสนล่ะ?  --นังหนูชมเขาว่าเท่ด้วย!!

              

              รู้ตัวไหมว่าเธอทำอะไรลงไปน่ะ นังหนู ตาย --แบบนี้ฉันก็ตายกันพอดีสิ!!

                

              เพราะจอร์จมัวแต่เหม่อลอยทำให้ไม่เห็นว่าลูน่าเดินเข้าห้องโถงไปแล้ว

                

              “สวัสดีฮะ คุณวีสลีย์” เสียงเด็กผู้ชายเรียกสติจอร์จให้กลับมา คนตัวสูงมองหาที่มาของเสียงแต่ก็ไม่พบ จนกระทั่งเขาก้มหน้าลง

                

              “อ้อ หวัดดี คอลิน” จอร์จทักทายเด็กผู้ชายตัวเล็ก ผมสีน้ำตาลที่กำลังจะเดินผ่านเขาไป แต่แล้วจอร์จก็นึกอะไรขึ้นได้เมื่อเห็น

    กล้องถ่ายรูปที่อยู่ในมือคอลิน “คอลินน้องรัก!”

                

              คนผมแดงหันหลังให้ห้องโถงแล้วก้าวฉับๆ ไปหาคอลินที่ตื่นตระหนกหลังถูกตะโกนเรียกซะดังลั่นขนาดนั้น

                

              “มะ --มีอะไรหรือฮะ?” คอลินถามตะกุกตะกัก จู่ๆ เขาก็ถูกคนตัวสูงมากอดคออย่างสนิทสนม

                

              “นายชอบถ่ายรูปใช่ไหม คอลิน”

                

              “ฮะ”

                

              “ช่วยถ่ายรูปคนคนนึงให้หน่อยสิ”

                

              “ไม่เอาหรอกฮะ ผมไม่ได้สนิทกับเลิฟกู๊ด”

                

              “...รู้ได้ไงว่าจะให้ถ่ายใคร ฉันยังไม่ได้บอกนายเลยนะ”

                

              “ก็ผมเห็นคุณเดินมากับเธอ”

                

              “อ้อ ..แต่บอกไว้ก่อน ฉันไม่ได้คิดอะไรนะ แค่อยากเห็นรูปคนที่เชียร์ฉันเฉยๆ ว่าไงถ่ายได้ไหม”

                

              “ไม่เอาดีกว่าฮะ”

                

              “ฟรีหนึ่งปี” จอร์จชูนิ้วชี้ขึ้นเพื่อยื่นข้อเสนอ “ของเล่นหรือลูกอมโดดเรียนหรืออะไรในร้านของฉันก็ได้ ฉันให้นายฟรีหนึ่งปีเต็ม”

                

              “งั้นก็ตกลงฮะ” คอลินยอมตอบตกลงง่ายกว่าที่คิด ทำเอาคนตัวสูงแอบคิดว่าตัวเองหลงกลเด็กนี่หรือเปล่า แต่ในเมื่อตกลงแล้ว 

    รูปที่ถ่ายเพื่อเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึกมันอาจจะคุ้มกับที่ยอมขาดรายได้ไปก็ได้ พี่น้องบ้านกริฟฟินดอร์ชนกำปั้นกันเบาๆ หนึ่งที

                

              “ขอแบบเห็นตัว G ชัดๆ หน่อยนะ” จอร์จก้มลงกระซิบกับคอลิน เน้นย้ำว่าต้องการภาพแบบไหนพร้อมตบบ่าสองสามที

                

              “รับทราบฮะ!” คอลินตอบรับอย่างขยันขันแข็งก่อนเดินกลับเข้าไปในห้องโถงอีกครั้ง ขณะที่จอร์จเดินไปหาเฟร็ดกับพวกแฮร์รี่

                

              “หายไปไหนมาตั้งนานน่ะ พวกเรารอนายอยู่คนเดียว” เฟร็ดยืนขึ้นถามแฝดของเขาที่หายไปจนนึกว่าถูกพวกโทรลล์จับตัวไปซะแล้ว

                

              “ฉันเผลอหลับตอนไปเอาของที่ห้องเปลี่ยนเสื้อน่ะ โทษที”


              เฟร็ดส่ายหัวอย่างหน่ายใจ ทั้งที่อุตส่าห์ย้ำนักย้ำหนาแล้วว่าจะมีฉลองเล็กๆ ที่ทีมชนะแต่จอร์จก็ยังเผลอหลับไปได้เนี่ยนะ! 

    รอนยกเหยือกน้ำฟักทองรินใส่แก้วของจอร์จและคนอื่นๆ ในบ้านกริฟฟินดอร์จนครบ รวมทั้งคอลินที่ถูกดึงตัวให้มาที่โต๊ะก่อนด้วย 

    กริฟฟินดอร์ที่อยู่ในห้องโถงตอนนี้ต่างก็ชูแก้วขึ้นแล้วชนแก้วกับคนรอบตัวพร้อมโห่ร้องดีใจที่แข่งควิดดิชชนะ แม้จะเป็นแค่นัดแรกก็ตาม

                

              จอร์จหันมาชนแก้วกับแฮร์รี่และเฟร็ดเป็นคนสุดท้ายก่อนยกแก้วขึ้นดื่ม และในตอนนั้นเองที่จอร์จเห็นเจ้าหนูคอลินวิ่งเหยาะๆ ไปทาง

    โต๊ะเรเวนคลอ  


              อย่าบอกนะ...


              เพียงชั่วพริบตานั้นเองน้ำฟักทองที่เข้าปากไปแล้วกลับพุ่งออกมาใส่เชมัสผู้เคราะห์ร้าย เพราะเจ้าหนูคอลินพูดอะไรบางอย่างกับลูน่า 

    ก่อนจะชี้มาที่เขาแล้วหันไปถ่ายรูปเด็กสาวผมบลอนด์ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าหนูนั่นพูดอะไรกับเธอ คงหนีไม่พ้นประโยคที่บอกว่า 

    “คุณวีสลีย์ให้ฉันมาถ่ายรูปเธอ” หรอก.. 


                ให้ตายสิ!!




    - Talk –

        

              มีคนทายถูกว่าเป็นเซนทอร์ด้วยแหละ//ปรบมืออ!! ...เบนจามินเป็นเซนทอร์ที่เพิ่มเข้ามาเองนะคะ อาจจะต่างจากที่เจ.เค.โรว์ลิง แต่ง

    ไปสักหน่อย เพราะคุณเขาเล่นแสดงออกชัดเจนว่าสนใจพระจันทร์มากกว่าดวงดาวขนาดนั้น โชคดีที่น้องไม่เล่นด้วย ไม่งั้นจอร์จอาจได้ไปหา

    มาดามพอมฟรีย์ให้ช่วยหายามาสมานใจของเขาที่แตกเป็นเสี่ยงๆ แน่ (นี่ก็เวอร์ไป 55)


              จะว่าไป..ตอนนี้เขาได้จับมือกันแล้วค่ะคู๊ณณณ >_< ถึงจะได้จับเพราะวิ่งหนีฟิลช์ก็เถอะ 555


              ส่วนหนูคอลิน หนูทำดีแล้วลูก~ มัวแต่ไปแอบถ่ายตามที่จอร์จบอก ลูน่าก็ไม่รู้ตัวสักทีสิเนอะ >.<

     

                 

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×