คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #67 : 67 ll Inquisitorial Squad
67
Inquisitorial Squad
“ยังไม่หลับอีกเหรอ ลูน่า” เสียงงัวเงียของมาเรียเอ่ยถามผ่านผ้าม่านรอบเตียงของเธอเพราะยังเห็นแสงจากตะเกียงลอดเข้ามา
ลูน่าชะงักมือที่กำลังพลิกเปิดหน้าหนังสือ เธอคิดว่าทำมันเบาที่สุดแล้วแต่มาเรียก็ยังได้ยินอยู่ดี “ขอโทษนะ
ฉันทำให้เธอตื่นหรือเปล่า”
“เปล่า” มาเรียเปิดผ้าม่าน ย่องจากเตียงเธอไม่ให้คนอื่นในห้องตื่นแล้วเปิดม่านที่เตียงของลูน่าพร้อมยื่นหน้าเข้าไปดู
“ฉันเห็นเธอเปิดหนังสือเล่มนี้จนดึกดื่นมาตั้งหลายคืนแล้ว กำลังหาคาถาอะไรอยู่เหรอ เผื่อฉันจะได้ช่วยหา”
“ไม่เป็นไร ขอบใจนะมาเรีย แต่ฉันว่าฉันจะลองหาต่อด้วยตัวเองอีกสักนิด ถ้าคืนนี้ฉันหาไม่เจอก็จะไม่หาแล้วล่ะ”
มาเรียครางตอบรับในคอ “เธอเองก็รีบนอนล่ะ ไม่งั้นพรุ่งนี้เธอได้ไปเชียร์จอร์จี้ของเธอแบบครึ่งหลับครึ่งตื่นแน่ ฝันดีอีกครั้งนะ”
เธอบอกฝันดีเพื่อนสนิทด้วยรอยยิ้มประหนึ่งแม่มองลูกสาวพร้อมหยิกแก้มเบาๆ ด้วยความมันเขี้ยวก่อนเดินกลับเตียงตัวเอง
เช้าวันรุ่งขึ้นในห้องโถงใหญ่นั้นเต็มไปด้วยสีแดงกับสีเหลืองตามบ้านที่พวกเขาเชียร์สำหรับควิดดิชนัดที่สี่ของปีนี้ระหว่างกริฟฟินดอร์
กับฮัฟเฟิลพัฟ แน่นอนอยู่แล้วว่าทั้งโต๊ะกริฟฟินดอร์ทุกคนต่างสวมเสื้อสีแดงทั้งยังมีป้ายเชียร์กับธงประจำบ้านวางบนโต๊ะระหว่างที่พวกเขา
กำลังกินอาหารเช้า
“ฉันขอแค่แต้มสีนิดเดียวตรงแก้มไม่ได้เหรอ” มาเรียอ้อนวอนกับเชมัสที่รับหน้าที่เขียนหน้าให้ใครก็ตามที่อยากมีส่วนร่วมมากขึ้น
ตอนเชียร์ ใจนึงมาเรียอยากเชียร์เซดริกแม้เขาจะเป็นของโช แชงและตัวเธอเองก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนที่กำลังคนสีในกระป๋องตรงหน้าอยู่แล้ว
แต่อีกใจเธออยากเชียร์กริฟฟินดอร์เพราะเพื่อนหลายคนและแฟนอยู่บ้านนี้ -- ในเมื่อเซดริกเป็นของคนอื่นไปแล้วสุดท้ายมาเรียจึงยอมให้
เชมัสทาสีแดงกับสีเหลืองเต็มแก้มทั้งสองข้าง
ฝาแฝดวีสลีย์เดินเข้าห้องโถงใหญ่พร้อมกันด้วยความกระตือรือร้น พวกเขาเอื้อมมือไปคว้าแซนด์วิชแล้วนั่งลงใกล้กับมาเรีย
จอร์จสอดส่องสายตามองทั่วห้องตามสัญชาตญาณแต่ไร้วี่แววเด็กสาวผมบลอนด์ที่มักตัวติดกับมาเรียเสมอ
“ลูน่าล่ะ มาเรีย”
“ยังไม่มาเลย แต่เดี๋ยวคงมาแล้วล่ะ”
พูดยังไม่ทันขาดคำ คนที่ถูกพูดถึงก็เข้าห้องโถงใหญ่มาพอดีพร้อมกับหมวกหัวสิงโตของเธอที่ยังคงสร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้พบเห็น
ได้เสมอแต่ลูน่าไม่ได้สนใจเสียงหัวเราะพวกนั้น จอร์จลุกขึ้นยืนอัตโนมัติพร้อมกวักมือเรียกให้เธอมาทางเขา แต่ด้วยน้ำหนักที่มีไม่น้อย
ของหมวกใบนั้นทำให้ลูน่าเดินได้ช้าลง คนผมแดงเลยลุกขึ้นไปหาเธอด้วยตัวเอง
ใบหน้าของลูน่าเป็นสีชมพูเรื่อ ดวงตาสีซีดของเธอแวววาวด้วยความตื่นเต้นเมื่อจอร์จมาถึงตัวเธอ มือขาวซีดยกขึ้นพร้อมแตะหมวก
ด้วยไม้กายสิทธิ์ สิงโตบนหัวเธออ้าปากกว้างแล้วส่งเสียงคำรามเหมือนจริงมากจนทำให้ทุกคนในบริเวณใกล้เคียงสะดุ้งเฮือกโดยเฉพาะ
พวกที่หัวเราะเธอก่อนหน้านี้
“นี่สินะเหตุผลที่เธอนอนดึกมาตั้งหลายวัน” มาเรียบอกกับลูน่า เธอยังนั่งอยู่ที่โต๊ะกริฟฟินดอร์เพราะขี้เกียจลุกกลับไปตรงโต๊ะ
ของเรเวนคลอแล้วพลางอ้าปากกัดขนมปังปิ้งก่อนพบว่ามันช่างยากลำบากเหลือเกินเมื่อสีบนหน้าเริ่มแห้ง ลูน่าพยักหน้าตอบเธอหงึกหงัก
“ช่วยขยายความที่เธอพูดกันให้ฉันเข้าใจหน่อยได้ไหม” จอร์จชะโงกหน้ามาถามระหว่างทาแยมบนขนมปังปิ้งให้ลูน่า
“ไม่มีอะไรหรอก”
“ลูน่านอนดึกเพราะหาคาถาทำให้หัวสิงโตคำราม” มาเรียตอบจอร์จแทนเด็กสาวที่แก้มเริ่มแดงให้เสร็จสรรพ
“เจ๋งไปเลย แบบนี้ค่อยใจชื้นหน่อย” แอนเจลิน่าชื่นชมลูน่าจากใจจริงก่อนเลื่อนสายตามาจ้องจอร์จ “ควิดดิชนัดนี้จอร์จต้อง
ไม่ทำให้ฉันผิดหวังแน่ ใช่ไหม -- หรือไม่อย่างงั้นก็อย่าทำให้สิงโตน้อยของเธอผิดหวังล่ะ” กัปตันสาวฉีกยิ้ม หันไปยกนิ้วโป้งให้ลูน่า
แล้วลุกจากโต๊ะเตรียมตัวไปห้องเปลี่ยนชุดกับอลิเซียแล้วก็แคตี้ เฟร็ดยิ้มให้แคตี้ตอนที่เธอสบตากับเขาพอดีและมีเพียงชั่วพริบตาเดียว
ที่เธอยิ้มตอบให้กับเขาเพราะไม่อยากให้คนอื่นแซว
⭐
นักเรียนทั้งฮอกวอตส์ต่างพากันมาอัฒจันทร์เพื่อดูควิดดิชทำให้สนามควิดดิชกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง นักกีฬากริฟฟินดอร์
ใส่เสื้อคลุมสีแดงขณะที่ฮัฟเฟิลพัฟใส่เสื้อคลุมควิดดิชสีเหลืองนกขมิ้น นักกีฬาควิดดิชทุกคนชอบเวลาที่มีเสียงเชียร์ให้กำลังใจกันทั้งนั้น
...แต่บางทีอาจยกเว้นคีปเปอร์บ้านกริฟฟินดอร์อย่าง รอน วีสลีย์
รอนเกิดอาการตื่นเต้นปนประหม่าเวลาได้ยินเสียงคนหัวเราะเขาทั้งที่อุตส่าห์เรียกกำลังใจจากที่พี่ชายฝาแฝดของเขาบอก
หลังจบนัดแรกมาได้แล้วแท้ๆ แถมยังมีจินนี่ แฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่ที่ส่งกำลังใจมาให้ แต่ดูเขาตอนนี้สิ แทบทรงตัวบนไม้กวาดไม่ไหว
เพราะหมดความมั่นใจจนห่อเหี่ยวไปหมดและเขาก็กำลังจะปล่อยให้ลูกควัฟเฟิลจากฮัฟเฟิลพัฟเข้าห่วงอีกแล้ว
“จอร์จ!” แอนเจลิน่าตะโกนเรียกจากกลางสนามพร้อมกับชี้ไปที่รอน
จอร์จเข้าใจในทันทีและพยักหน้ารับ เขาตีลูกบลัดเจอร์ให้ออกห่างจากอลิเซียแล้วบังคับไม้กวาดพุ่งไปหารอนตรงเสาทำคะแนน
“โรนัลด์! เจ้าน้องชายซื่อบื้อ! นายมัวทำอะไรอยู่ เราปล่อยให้ฝั่งนั้นได้แต้มไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วนะ!”
“ขอโทษนะ จอร์จ แต่ฉันทำไม่ได้”
จอร์จอยากยกมือกุมขมับแทบแย่ถ้านี่เป็นแค่การซ้อม แต่เขาไม่ได้โง่เกินกว่าจะเข้าใจน้องชายตัวเองว่ารอนน่ะใช้กำลังใจ
เป็นแรงขับเคลื่อนมากกว่าการถูกด่าหรือพูดจาแดกดันใส่ ยิ่งเป็นเวลานี้ที่รอนกำลังหมดความมั่นใจสุดๆ แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่
เขาไม่มั่นใจว่าถ้าเป็นเขาพูดแล้วรอนจะยอมเชื่อไหม
“ถ้าพวกเราไม่เชื่อใจนายแล้วจะให้นายมาแข่งทำไมกัน ฉันเชื่อว่านายทำได้อยู่แล้ว”
“จอร์จ ระวัง!” เฟร็ดตะโกนบอกทำให้จอร์จพลิกตัวหลบลูกบลัดเจอร์ได้ทัน ทว่าถูกบีตเตอร์ฝั่งตรงข้ามตีย้อนกลับมาหาอีกครั้ง
จอร์จเลยเหวี่ยงไม้สุดแขนฟาดลูกบลัดเจอร์กลับคืนไปให้ทำเอาบีตเตอร์คนนั้นร่วงลงจากไม้กวาด
ทางฝั่งของรอน หลังจากได้ยินจอร์จพูดแบบนั้นแล้วพลันมีประกายไหววูบอยากเอาชนะในดวงตา ความมั่นใจที่มอดไป
ถูกจุดขึ้นมาใหม่อีกครั้งในเวลาที่ทีมต้องการพอดี เขากลับมาฮึดสู้งัดความสามารถที่ทำให้เขาได้เข้ารวมทีมออกมาและกันลูกควัฟเฟิล
จากเชสเซอร์ทีมฮัฟเฟิลพัฟได้ทุกลูกและเชสเซอร์ทีมกริฟฟินดอร์ก็กำลังทำแต้มได้เรื่อยๆ จนคะแนนเท่าฮัฟเฟิลพัฟได้แล้ว แต่เซดริก ดิกกอรี่
ซีกเกอร์ทีมฮัฟเฟิลกลับคว้าลูกสนิชไปได้สำเร็จในวินาทีสุดท้าย...เป็นอันจบเกม
⭐
“ทุกคนทำดีที่สุดแล้ว อย่างน้อยในทีมพวกเราก็ไม่มีใครบาดเจ็บ” แอนเจลิน่าพูดปลอบใจตัวเธอเองรวมทั้งลูกทีมโดยเฉพาะแฮร์รี่
เขาดูเงียบไปถนัดตา ทุกคนพยักหน้ารับก่อนทยอยออกจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ทว่ากัปตันกลับแตะบ่าฝาแฝดที่เดินรั้งท้าย
“เห็นได้ชัดว่าตอนเกมใกล้จบรอนเล่นได้ดีกว่านัดที่แล้ว ทีนี้พวกเธอจะเชื่อฉันได้หรือยัง กำลังใจจากครอบครัวมีผลมากกว่ากัปตันอย่างฉัน
ซะอีก แต่ขอให้จำเอาไว้ ครั้งหน้าเป็นนัดสุดท้ายแล้ว ฉันไม่ยอมให้บ้านอื่นได้ถ้วยควิดดิชไปแน่!”
เมื่อกลับเข้ามาในปราสาท ที่ห้องโถงกลางทุกคนก็เอาแต่ชมเซดริกกันไม่ขาดปาก เฟร็ดกับจอร์จยืนพิงกำแพงเลื่อนสายตามองตาม
กลุ่มคนพวกนั้นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ตอนนั้นเองที่จอร์จเพิ่งรู้ตัวว่ามีลูน่ามายืนอยู่ข้างๆ หลังจากหันกลับมามองซ้ำอีกที
-- สายตาเลื่อนลอยของเธอมองตามเซดริกจนเขาลับสายตาไปแล้วก็ยังมองอยู่ จอร์จเลยมายืนบังข้างหน้า ก้มตัวให้สายตาอยู่ใน
ระดับเดียวกันเพื่อดึงสายตาลูน่าให้มาอยู่ที่เขา
“แฟนเธออยู่นี่นะ นังหนู”
“ทำไมหรือ”
“เมื่อกี้นี้เธอมองใครกัน”
“เซดริก” ลูน่าตอบอย่างตรงไปตรงมา
“แต่แฟนเธอชื่อจอร์จหรือก็คือฉันคนนี้นะ”
“นั่นถูกต้องแล้ว”
“แต่ --”
“แล้วตอนนี้ฉันก็มองอยู่ด้วย”
จอร์จยอมแพ้หลบคนอื่นมายืนพิงกำแพงข้างลูน่าตามเดิมเพราะคิดคำมาเถียงไม่ออกและเธอก็แสดงออกชัดเจนพอแล้ว
ว่าเขาเป็นแฟนเธออยู่
“ขอโทษนะนังหนู เธออุตส่าห์นอนดึกเพื่อหาคาถาเสกหัวสิงโตนี่ให้คำราม ฉันคงทำให้เธอผิดหวังเพราะเชียร์ฉัน”
“ทำไมฉันต้องผิดหวังด้วยล่ะ คุณตั้งใจเล่นขนาดนั้นฉันก็ต้องภูมิใจสิถึงจะถูก จริงอยู่ที่ฉันนอนดึกแต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ฉันตั้งใจเอาไว้
ตั้งแต่จบจากนัดแรก มันสนุกจะตายไป ตอนวันหยุดที่ผ่านมาฉันถามพ่อว่าจะทำยังไงให้มันดีกว่าเดิมดี ตอนแรกฉันกะว่าจะเพิ่ม
ตรงส่วนลำตัวสิงโตเข้ามาด้วย แต่พ่อบอกว่ามันจะดูเหมือนกับว่าฉันกำลังถูกสิงโตงับหัวอยู่ก็เลยเปลี่ยนเป็นให้มันคำรามดีกว่า
โชคดีมากเลยที่ฉันหาคาถาเจอทันในคืนสุดท้ายพอดี -- มันค่อนข้างเสียงดังไปหน่อยนะว่าไหม เมื่อเช้านี้ฉันหูอื้อไปเป็นชั่วโมงเลยล่ะ”
ลูน่าเผลอลืมตัวเอาไม้กายสิทธิ์แตะไปที่หัวสิงโต มันคำรามเสียงดังกึกก้องห้องโถงกลางอีกหน นอกจากคนรอบตัวจะสะดุ้งแล้ว
คนที่สวมหัวสิงโตอยู่ก็ตกใจไม่แพ้กัน
“ขอโทษทีนะ” แววตาล่องลอยเลื่อนมองทุกคนไปทั่วๆ แล้วบอกด้วยน้ำเสียงฝันๆ ของเธอ
เฟร็ดอมยิ้มแล้วโบกมือเป็นเชิงว่าไม่ต้องสนใจให้กับนักเรียนที่ยังยืนนิ่งเหมือนถูกสาป “ไปๆ แยกย้ายกันได้แล้วหนูๆ ไม่มีสิงโตตัวจริง
ในปราสาทหรอก”
ขณะที่จอร์จคลี่ยิ้มจนเห็นฟัน เขาจับมือลูน่าแล้วถามเธอว่า “ไม่เป็นไรนะ”
ลูน่ายิ้มตอบกลับมาด้วยท่าทางเคอะเขินพร้อมส่ายหัวไปมา
เฟร็ดกลอกตาก่อนกระแอม “อีกนานกว่าจะถึงเวลาอาหารเย็น ฉันว่าจะไปหาอะไรกินที่ห้องครัวรองท้องแก้เซ็งสักหน่อย
สวีทกันเสร็จเมื่อไรจะตามไปก็ได้นะ” เฟร็ดขยิบตาให้จอร์จแล้วถูกชกแขนกลับมา ทำเอาแฝดคนพี่ยิ้มร่าเดินแหวกกลุ่มนักเรียน
ไปทางห้องครัวที่อยู่ติดกับหอคอยฮัฟเฟิลพัฟ
“นัดหน้าเป็นนัดสุดท้ายแล้ว ฉันจะชนะให้ได้เลย นังหนู เธอกับหัวสิงโตของเธอจะต้องไม่เสียใจที่เชียร์ฉัน”
อารมณ์จอร์จจากที่ขุ่นมัวก่อนหน้านี้หายไปแล้ว เขาใจเย็นลงแถมอารมณ์ยังดีมากๆ ด้วย เขาคิดจะจูบหัวสิงโตปลอบขวัญแฟนสาว
บวกกับเป็นการแทนคำขอบคุณแต่ก็ต้องถอยห่างเพราะหัวสิงโตมันอาจจะงับหัวเขาได้ทุกเมื่อเลยเปลี่ยนเป็นชิงหอมแก้มเธอแบบเร็วๆ
ลูน่าอึ้งนิดๆ ไม่คิดว่าจอร์จจะหอมแก้มเธอต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ ต่อให้ไม่มีใครทันสังเกตเห็นแต่ใบหน้าเธอพลันร้อนผ่าวขึ้นมา
เด็กสาวเรียกสติกลับมาแล้วยิ้มให้เขา “ดีใจจังที่ได้ยินแบบนั้น...แต่ครั้งหน้ากริฟฟินดอร์แข่งกับเรเวนคลอไม่ใช่เหรอ”
จอร์จยิ้มค้างกะพริบตาปริบๆ มองเจ้าของดวงตาสีซีดที่มองเขากลับ
เออ...ลืมไปเลยว่าต้องแข่งกับเรเวนคลอ
“เรเวนคลอก็ไม่ได้ถ้วยมาหลายปีแล้วด้วย” ดวงตากลมโตเหลือบขึ้นมองจอร์จ พอเห็นเขาทำตัวไม่ถูกเลยผุดยิ้มขึ้นมา
“ถึงฉันจะเชียร์เรเวนคลอแต่ฉันก็ต้องเชียร์คุณด้วยอยู่แล้ว”
⭐
ต้นเดือนมีนาคมได้มาเยือน อากาศเย็นสบายเป็นที่ชื่นชอบสำหรับคนไม่ชอบความหนาวเพราะฤดูกาลที่สายลมเย็นยะเยือก
ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ทว่าฮอกวอตส์กลับไม่สงบเหมือนอย่างลมหนาวแถมสิ่งที่เกิดขึ้นยิ่งคล้ายกับเป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายซะด้วยซ้ำ
ฝาแฝดวีสลีย์ถูกอัมบริดจ์หักคะแนนคนละยี่สิบแต้มเพราะพกของเล่นตลกเข้าห้องเรียนแม้ว่าพวกเขาจะเก็บมันไว้อย่างดีในกระเป๋า
ก็ตามแถมยังยึดของไปทั้งหมด บอกว่าของที่พวกเขาประดิษฐ์ขึ้นมานั้นห่วยแตกและไร้สาระไม่ต่างจากขยะ ก่อนที่เธอจะเผาดอกไม้ไฟ
กับของอื่นๆ ที่ยึดมากลางอากาศเหลือเพียงผุยผงปลิวไปกองลงที่พื้นต่อหน้าต่อตาเฟร็ดกับจอร์จที่เป็นคนคิดค้นขึ้นมาเองกับมือ
ฝาแฝดวีสลีย์โกรธจัดชนิดที่ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้วอารมณ์ข้างในยังคงเดือดปุดๆ ไม่หาย อัมบริดจ์ทำแบบนี้มันเท่ากับว่า
เธอกำลังประกาศความเป็นศัตรูกับนักเรียนจอมแสบอย่างชัดเจน เฟร็ดระบายอารมณ์ด้วยการโยนก้อนหินก้อนใหญ่ลงไปในทะเลสาบ
“นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ! อาจารย์คนนี้อยู่นานเกินไปแล้วด้วยซ้ำ เราไม่นับเป็นอาจารย์ใหญ่หรอก ถึงจะแค่ชั่วคราวก็เถอะ”
จอร์จขว้างก้อนหินลงทะเลสาบบ้าง “กล้าพูดมาได้ยังไงว่าสิ่งที่เราคิดค้นและประดิษฐ์มาตั้งนานไม่ต่างจากขยะ”
“ฉันไม่คิดว่าของพวกนั้นเป็นขยะหรอกนะ” ลูน่าบอก “-- บางทีฉันก็อยากลองตังเมเลือดกำเดาดูบ้าง แค่คิดน่ะ เพราะไม่รู้ว่าจะ
เอาไปใช้ตอนไหนอยู่ดี แต่ว่านะ ฉันก็ยังคิดว่าของเล่นพวกนั้นน่าสนใจแถมยังวิเศษมากอยู่ดี”
ขณะนั้นจอร์จอารมณ์พลันเย็นลงในพริบตา “ฉันดีใจที่เธอเห็นค่าของมันนะ เธออยากลองกล่องอาหารว่างเลี่ยงงานไหมล่ะ
ฉันจะให้ขนมที่ทดลองแล้วกับเธอเท่าที่เธออยากได้เลย เจ้าตังเมนั่นพวกเรากำลังปรับปรุงกันอยู่ เอ้อนี่ ฉันว่าพวกพิกมี่พัฟน่ะน่าสนใจดีนะ
ตัวมันฟูฟ่องน่ารักดี น่าจะขายได้กำไรเยอะเชียวล่ะ บางทีฉันกับเฟร็ดจะลอง...”
เฟร็ดกระแอมเสียงหนักขยับเข้าใกล้จอร์จแล้วกระซิบเป่าหูคนน้อง “แต่อัมบริดจ์บอกว่ามันเป็นขยะนะ”
“เออ” จอร์จคราง “แบบนี้ยอมปล่อยผ่านไปไม่ได้หรอก”
จินนี่ส่ายหัว ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายใจ “เฟร็ด พี่เนี่ยนะ จอร์จเขาอุตส่าห์ลืมไปแล้วแท้ๆ”
“นายสองคนลืมฉันไปได้ไง” ลีดีดตัวลุกจากสนามหญ้ามากอดคอฝาแฝด “เราเป็นเพื่อนกันมาจะเจ็ดปีแล้วนะเพื่อน
เรื่องอะไรฉันจะยอมให้พวกนายเล่นกันอยู่สองคน”
“เอาล่ะสิ สนุกแน่ล่ะงานนี้” รอนบอกกับแฮร์รี่ “ยายคางคกนั่นเตรียมรอรับหายนะเล็กๆ น้อยๆ ได้เลย” แฮร์รี่พยักหน้าเห็นด้วย
ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ได้แต่ส่ายหัวแล้วก้มลงอ่านอักษรรูนในหนังสือบนตักต่อ
พวกเขาทั้งหลายไม่ปล่อยให้อัมบริดจ์รอนานเกินกว่าสามวัน อันดับแรกต้องให้อัมบริดจ์พบเจอกับสิ่งที่เธอคุ้นเคยก่อนอย่าง
ตัวนิฟเฟลอร์ แต่อาจไม่คุ้นตรงที่คราวนี้มาทั้งฝูงซึ่งแต่ละตัวก็กระหายอยากรื้อค้นดูในห้องทำงานของเธอเต็มที่และได้ผลดีมากๆ ด้วย
เพราะขนาดเฟร็ด จอร์จและลีแอบอยู่ชั้นถัดลงมาจากห้องเกิดเหตุยังได้ยินเสียงกรีดร้องของอัมบริดจ์ได้อย่างชัดเจน
วันต่อมาช่วงเช้ามีหนูตัวใหญ่วิ่งวุ่นทั่วห้องเรียนวิชาแปลงร่างในคาบเรียนของศาสตราจารย์มักกอนนากัล เธอยืนยันว่าไม่ได้มาจาก
สัตว์ที่เธอเตรียมมาสอนเลยให้นักเรียนไปเรียกศาสตราจารย์อัมบริดจ์ให้มากำจัดออกไปให้ทีทั้งที่ความจริงเพียงแค่มักกอนนากัล
โบกไม้กายสิทธิ์ทีเดียวเจ้าหนูพวกนั้นห็หายวับไปแล้ว ทำให้ในชั่วโมงนั้นนักเรียนปีสามจากฮัฟเฟิลพัฟกับเรเวนคลอได้ชมความบันเทิงเล็กๆ
น้อยๆ ระหว่างที่อาจารย์ใหญ่ของพวกเขาวิ่งวุ่นไม่ต่างจากหนูเพื่อกำจัดพวกมัน
ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ข่าวว่ามีคนปล่อยระเบิดเหม็นในเรือนกระจกของศาสตราจารย์สเปราต์มาถึงหูอัมบริดจ์เพราะนักเรียนปีหก
คนหนึ่งขึ้นมาร้องเรียนขอให้แม่มดที่มีความสามารถอย่างเธอไปช่วยจัดการให้หน่อย ตอนนั้นพวกรอนมีเรียนวิชาการป้องกันตัว
จากศาสตร์มืดอยู่พอดีเลยได้เห็นอะไรที่ช่วยให้หายง่วงไปได้บ้าง
ร่างเตี้ยป้อมของอัมบริดจ์ย้ายจากหน้าห้องไปยังประตูตามคำขออย่างรวดเร็ว ทว่าพอเปิดประตูออก เพียงแค่ก้าวแรกร่างนั้น
ก็จมหายลงไปในหนองน้ำที่ไม่รู้ว่ามันมาโผล่ตรงนี้ได้ยังไง
“ไม่ต้อง!” อัมบริดจ์ตะคอก ปฏิเสธการช่วยเหลือจากเด็กนักเรียนปีหกที่มารายงานกับเธอแล้วตะเกียกตะกายปีนขึ้นมาด้วยตัวเอง
เธอพยายามเสกให้หนองน้ำนั้นหายไปแต่ไม่ว่าเธอจะใช้คาถาอะไร หนองน้ำนั้นยังคงนิ่งไม่ไหวติงจนเธอต้องเสกสะพานขึ้นมาแทน
เพื่อออกไปจัดการระเบิดเหม็นในเรือนกระจก
กว่าจะจัดการกับระเบิดเหม็นได้ทั้งหมดก็เล่นเอาผมที่ดัดเป็นลอนไว้อย่างสวยของอัมบริดจ์ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง เธอกลับมายัง
ห้องทำงานของเธอด้วยท่าทางอิดโรยเพราะหมดเวลาเรียนแล้ว แต่ห้องทำงานที่ควรจะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำหอมกลับมีกลิ่น
อันไม่พึงประสงค์คล้ายระเบิดเหม็นลอยอบอวลอยู่รอบตัวเธอ
อัมบริดจ์หยิบขวดน้ำหอมสีหวานออกจากกระเป๋าถือแล้วฉีดน้ำหอมให้ฟุ้งกระจายไปทั่วห้องก่อนเห็นว่ามีริบบิ้นสีชมพูห้อยลงมา
ตรงกลางห้อง ด้วยความเหนื่อยและรำคาญอะไรก็ตามที่ทำให้รกหูรกตาแม้มันจะมีสีชมพูเธอก็อยากจัดการให้มันหมดไปซะ
มืออวบๆ ข้างขวากระชากริบบิ้นลงมา สิ่งที่ตามมาด้วยนอกจากริบบิ้นคือลูกโป่งที่ภายในเต็มไปด้วยระเบิดเหม็น มันตกลงมาแตก
บนกลางกระหม่อมเธออย่างพอดิบพอดีราวกับถูกจับวาง
เธอพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองด้วยการสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วลงไปกินมื้อค่ำที่ห้องโถงใหญ่ แต่เพราะมีกลิ่นตุๆ
ติดตัวมาด้วยทำให้ศาสตราจารย์มักกอนนากัลต้องแอบขยับเก้าอี้ออกห่าง
ฮอกวอตส์ในค่ำคืนนี้ไม่มีทางจบลงง่ายๆ ฝาแฝดวีสลีย์ตบท้ายคืนแห่งความสนุกด้วยการสร้างเสียงอื้ออึงนิดหน่อยด้วยดอกไม้ไฟ
ที่ส่งเสียงอย่างกับมีคนมาระเบิดปราสาท
อัมบริดจ์โกรธเป็นฟืนเป็นไฟราวกับคางคกพองลมที่พร้อมระเบิดตัวเองได้ทุกเมื่อ เธอจับคนทำอย่างฝาแฝดไม่ได้เพราะไม่มีหลักฐาน
แน่ชัดว่ามาจากเฟร็ดกับจอร์จ ช่วงค่ำในวันเดียวกันเธอจึงตั้งหน่วยสอบสวนขึ้นมากะทันหัน ‘ หน่วยสอบสวน ’ คือกลุ่มนักเรียน
ที่ถูกเลือกสรรแล้วว่าเป็นผู้สนับสนุนกระทรวงเวทมนต์และอัมบริดจ์จะเป็นคนคัดเลือกเองกับมือเพื่อให้มาช่วยดูแลความสงบเรียบร้อย
ของนักเรียน แน่นอนว่าเรื่องนี้ไปถึงหูกองทัพดัมเบิลดอร์ที่มารวมตัวกันในห้องต้องประสงค์ในเวลาต่อมา
“แบบนี้ในกลุ่มเราควรมีใครสักคนที่คอยส่งข่าวสารเกี่ยวกับอัมบริดจ์”
สิ้นเสียงเซดริก ทุกคนต่างหันมองเดรโกและเขาก็ไม่ได้ทึ่มเกินกว่าจะไม่เข้าใจว่าสายตาที่ว่านั่นหมายความว่ายังไง
“ทำไมต้องเป็นฉัน”
“อัมบริดจ์เอ็นดูนาย” รอนบอกหน้านิ่ง
“อัมบริดจ์เคยอยู่สลิธีรินมาก่อนด้วย” แฮร์รี่ช่วยเสริม
“เขาคงไม่คิดหรอกว่านายจะเป็นกบฏกับเขา”
ก่อนที่ทั้งสองจะพูดให้เกิดความเข้าใจผิดมากกว่านี้ เซดริกจึงเป็นคนเข้ามาพูดแทน “เอาเป็นว่าไม่ใช่เพราะนายอยู่สลิธีริน
แล้วจะเป็นพวกเดียวกับอัมบริดจ์ นายไม่ได้ผิดที่อยู่สลิธีริน เข้าใจใช่ไหม -- แต่นายก็น่าจะเห็นอยู่แล้วก็เห็นด้วยกับฉันว่าอัมบริดจ์ปฏิบัติ
กับนักเรียนแต่ละบ้านยังไง”
เดรโกยืนนิ่งใช้ความคิด พริบตาเดียวที่เขาได้สบตากับลูน่าจากอีกมุมหนึ่งของห้องเขาก็ตัดสินใจได้ทันที “แล้วฉันต้องทำอะไรบ้าง”
เมื่อกลับมารวมตัวกันอีกครั้งในสัปดาห์ถัดมาที่ห้องต้องประสงค์ นักเรียนหลายคนกลับรู้สึกแปลกๆ เมื่อมีเดรโกมายืนอยู่ด้วย
พร้อมกับเข็มกลัดสีเงินเป็นตัวอักษร ‘ส’ บนเสื้อคลุมของเขาอันเป็นสัญลักษณ์ของสมาชิกหน่วยสอบสวน
รอนหลบไปยืนห่างๆ จากเดรโก “รู้สึกแปลกๆ แฮะ” เหมือนเขาถูกจับตามองตลอดเวลาทั้งที่เดรโกก็มาเรียนด้วยหลายครั้งแล้ว
หนำซ้ำตัวรอนเองยังเป็นคนเห็นดีเห็นงามคนแรกๆ ด้วยที่คนผมบลอนด์ควรจะไปเป็นสมาชิกหน่วยสอบสวนของอัมบริดจ์...
⭐
----- ด้วยคำสั่ง
-----
ของอาจารย์ใหญ่และเจ้าพนักงานสอบสวนใหญ่ประจำฮอกวอตส์
ห้ามนักเรียนคนใดซื้อ-ขายสินค้าจากร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์ และห้ามนักเรียนนำสิ่งของหรือสินค้าจากร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์
เข้ามาในปราสาทหรือชั้นเรียน หากนักเรียนคนใดฝ่าฝืนกฎจะถูกกักบริเวณ หักคะแนนหรือโทษสูงสุดคือถูกไล่ออกจากโรงเรียน
คำสั่งข้างบนนี้เป็นไปตาม
กฤษฎีกาการศึกษาฉบับที่ยี่สิบแปด
ลงนาม :
โดโลเรส เจน อัมบริดจ์
อาจารย์ใหญ่ , เจ้าพนักงานสอบสวนใหญ่
“ให้ตายสิ! พวกเรากลายเป็นคนดังแล้ว จอร์จจี้”
“พวกเราน่าจะขอให้คอลินมาถ่ายรูปพวกเรากับประกาศนี่นะ” จอร์จพูดอย่างร่าเริง “เป็นหลักฐานว่าอัมบริดจ์ให้ความสำคัญกับเรา
มากแค่ไหน”
“มีใครพูดถึงผมรึเปล่า”
ฝาแฝดวีสลีย์เหลียวมองด้านหลังไปตามเสียงเห็นคอลินพร้อมกับกล้องคู่ใจของเขาและกำลังเลิกคิ้วถาม
“คอลินน้องรัก!”
“คะ--ครับ”
“ช่วยถ่ายรูปฉันกับเฟร็ดคู่กับกฤษฎีกาการศึกษาฉบับใหม่เอี่ยมนี่หน่อยสิ”
“ขอแบบชัดๆ ทั้งหน้าพวกเราทั้งตัวหนังสือข้างหลังเลยนะ” เฟร็ดบอกแล้วเขากับฝาแฝดคนน้องก็พร้อมใจกันทำท่ายืนกอดอก
ขนาบข้างประกาศด้วยความภาคภูมิใจราวกับข้างหลังพวกเขานั้นเป็นประกาศนียบัตรมอบให้แก่ผลงานอันล้ำค่าที่ทั้งคู่ได้ทำมา
จึงสมควรแก่การเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกยิ่งนัก
คอลินยกกล้องขึ้นมาถ่ายแบบงงๆ ก่อนเข้าใจเรื่องราวเมื่อเดินเข้ามาอ่านประกาศชัดๆ กับตาตัวเอง
“ขยันออกกฎอย่างกับสั่งน้ำมูกเลยแฮะ”
หากถามว่าฝาแฝดวีสลีย์นั้นจะเชื่อฟังกฤษฎีกาการศึกษาฉบับใหม่ที่เจาะจงถึงพวกเขาโดยเฉพาะหรือไม่นั้น -- สามารถรู้คำตอบ
ได้จากการที่เฟร็ดกับจอร์จตั้งใจอ่านประกาศนั้นอย่างตั้งใจอีกครั้งพร้อมกับรับทองเกลเลียนและส่ง ‘ กล่องอาหารว่างเลี่ยงงาน ’
สินค้าของพวกเขาให้กับนักเรียนปีสองจากฮัฟเฟิลพัฟคนหนึ่ง
“ตายจริง” เฟร็ดอุทานยกมือปิดปาก “เราขายไปแล้วล่ะสิ”
ช่วงจังหวะนั้นเองเดรโก มัลฟอย หนึ่งในหน่วยสอบสวนของอัมบริดจ์ก็บังเอิญเดินผ่านมาเห็นพอดี เด็กชายจากฮัฟเฟิลพัฟ
ตาเบิกกว้างทันทีที่เห็นเข็มกลัดสีเงินอันเป็นตราสัญลักษณ์ของหน่วยสอบสวนจึงรีบเผ่นหนีไป ขณะที่ฝาแฝดยืนมองผู้มาใหม่นิ่งๆ
เดรโกยักไหล่ “ฉันแค่มาตามหาแครบกับกอยล์” พูดจบเด็กหนุ่มผมบลอนด์ก็หมุนตัวไปอีกทาง ไม่ได้มีท่าทีว่าจะฟ้องอัมบริดจ์
แต่อย่างใด
“มัลฟอย” เฟร็ดเรียก
เมื่อเดรโกหันกลับมาจอร์จก็โยนขนมฟัดจ์สร้างไข้ให้ “เผื่อนายเกิดอยากโดดคาบที่อาจารย์ใหญ่สุดที่รักของนายสอนอยู่”
เดรโกยิ้มมุมปาก ชูขนมฟัดจ์ในมือแล้วบอก “ขอบคุณ”
เมื่อสมาชิกของหน่วยสอบสวนหายลับตาไปแล้ว เด็กหนุ่มปีสี่จากเรเวนคลอก็แอบมาขอซื้อบ้างแต่พอเห็นประกาศบนกำแพง
จึงแสดงสีหน้าเสียดาย “แบบนี้ฉันก็ซื้อกล่องอาหารว่างเลี่ยงงานไม่ได้แล้วน่ะสิ”
“นายมองมาที่ฉันนี่” จอร์จบอก เด็กหนุ่มคนนั้นยอมทำตามโดยมองมาที่จอร์จ “ตอนนี้นายเห็นกฎนั่นอยู่ไหม”
“ไม่เห็น”
“งั้นฉันก็ขายได้เพราะถือว่าเราทั้งคู่ไม่มีใครเห็นกฎนั่น” จอร์จส่งกล่องอาหารว่างเลี่ยงงานให้อีกฝ่ายหนึ่งกล่องพร้อมรับเหรียญทอง
มาไว้ในมือ
เฟร็ดวาดแขนกอดคอแฝดคนน้องขณะโบกมือให้เด็กหนุ่มลูกค้าที่รีบเดินออกห่างจากจุดนี้ให้เร็วที่สุด
“นังหนูของนายจะต้องภูมิใจในตัวนาย จอร์จจี้” แล้วเขากับจอร์จก็ชนหมัดกัน
“หวัดดี”
น้ำเสียงฝันๆ เอ่ยทักทั้งสองจากข้างหลัง
“อ้อ เลิกเรียนแล้วเหรอ นังหนู ฉันมีของเล่นใหม่จะให้เธอแหละ ฉันลองเสกมันขึ้นมาตั้งหลายหนกว่าจะได้แบบนี้”
จอร์จล้วงมือไปในกระเป๋ากางเกงจะหยิบลูกแก้วลูกเล็กที่อัดแน่นไปด้วยดวงดาว ครั้งนี้มันต่างจากก้อนหินขรุขระสีดำที่เขาเคยให้เธอ
เมื่อหลายปีก่อน ตรงที่เพียงแค่ดีดเบาๆ ลูกแก้วนั้นก็จะแตกออกแล้วปล่อยให้เหล่าดวงดาวระยิบระยับนี้ลอยขึ้นทั่วเพดานห้องเหมือนกับ
จำลองท้องฟ้ายามค่ำคืนมาไว้ใกล้ๆ -- จอร์จภูมิใจมากและคิดว่าลูน่าต้องชอบมากแน่ๆ จนรอเห็นปฏิกิริยาของเธอแทบไม่ไหวแล้ว
ทว่าเขากลับเห็นร่างป้อมๆ
ของอัมบริดจ์เดินเข้ามาใกล้ทุกขณะจึงเปลี่ยนจากหยิบลูกแก้วเป็นช็อกโกแลตก้อนเล็กจิ๋วออกมาใส่มือลูน่าแทน
เสียงกระแอมแหลมสูงเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็กของอัมบริดจ์ดังขึ้นหลังลูน่า “หักกริฟฟินดอร์คนสิบแต้มเป็นสามสิบแต้มจากพวกเธอ
สามคนและเรเวนคลออีกสิบแต้ม โทษฐานที่พวกเธอทำผิดกฎ”
คอลินก้าวมาข้างหน้า “ผมทำผิดอะไรครับอาจารย์”
“เธอเห็นพวกเขาซื้อขายของเล่นไร้สาระกันแต่เธอกลับไม่ห้ามน่ะสิ”
“แบบนั้นมันไม่ยุติธรรม...”
“มีอะไรกันหรือนักเรียน” ศาสตราจารย์ฟลิตวิกเข้ามาได้จังหวะพอดีทำให้เฟร็ดที่กำลังอ้าปากจะเถียงยอมหุบปากลง
“อ้อ ศาสตราจารย์ฟลิตนิค” อัมบริดจ์ทักทายเสียงแหลม
“ฟลิตวิก ครับ” อาจารย์ร่างเล็กแก้ใหม่ให้ถูกต้อง “อันที่จริงแล้วผมไม่ถือสาหรอกที่คนเป็นอาจารย์ใหญ่อย่างคุณจะจำชื่ออาจารย์
ในโรงเรียนไม่ได้” เขาจบคำพูดด้วยรอยยิ้มที่สื่อถึงความจริงใจ
“ก็ควรจะต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วนะคะ ศาสตราจารย์ฟลิตวิกคะ คือว่าดิฉันจับได้คาหนังคาเขาเลยล่ะค่ะ ว่าเด็กนักเรียนพวกนี้
ทำผิดกฎ” เธอเชิดหน้าขึ้นด้วยความพึงพอใจ
“ผมเปล่านะครับ” จอร์จท้วง “เราไม่ได้นำของเล่นตลกวีสลีย์เข้าไปชั้นเรียนและเราก็ไม่ได้มีการซื้อขายกันด้วย”
“แล้วของในมือนั่นอะไรกันล่ะ”
“ผมแค่ให้ช็อกโกแลตกับเธอเฉยๆ แล้วอาจารย์ก็คงไม่คิดว่ามันเป็นการพลอดรักตามกฤษฎีกาการศึกษาฉบับที่ยี่สิบสี่หรอกนะครับ”
“ที่เธอพูดอาจจะถูกนะจ๊ะ แต่ฉันสงสัยว่ามันเป็นของไร้สาระจากร้านของพวกเธอที่เรียกว่าร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์มากกว่าจะเป็น
แค่ช็อกโกแลตธรรมดาๆ”
เมื่อถูกกดดัน ฟลิตวิกจึงพยักหน้าเล็กน้อยให้กับลูกศิษย์ในความดูแลของเขา ลูน่าเลยแบมือทุกคนดูของในมือ
-- ฟลิตวิกโบกไม้กายสิทธิ์พิสูจน์ให้อัมบริดจ์ดูเดี๋ยวนั้นว่ามันก็เป็นแค่ช็อกโกแลตธรรมดาก้อนหนึ่ง
“ทีนี้คุณคงไม่หักคะแนนเรเวนคลอกับกริฟฟินดอร์แล้วใช่ไหมครับ” ฟลิตวิกถามซื่อๆ
อัมบริดจ์ทำตัวพองลม หายใจเข้าออกฟึดฟัดก่อนตอบกระแทกเสียง “ค่ะ!” แล้วเดินจากไปด้วยท่าทางที่คนมองคิดว่า
นั่นเหมือนกับคางคกสีชมพูกำลังกระโดดเสียมากกว่า
คราวนี้พวกเด็กๆ ก็ต้องมาลุ้นกันต่อว่าศาสตราจารย์ฟลิตวิกจะตำหนิพวกเขาว่ายังไงบ้าง
ฟลิตวิกหันมาทำสีหน้าจริงจังใส่เด็กทั้งสาม “ระวังไว้บ้างก็ดี เขาน่ะจมูกดีอย่างกับ...เธอคงคิดกันได้เองนะ” อาจารย์ร่างเล็กว่า
ก่อนหลุดยิ้มน้อยๆ “แต่เมื่อกี้นี้ฉันก็สนุกเหมือนกัน ตอนที่ได้เห็นสีหน้าอาจารย์ใหญ่น่ะ” พูดจบฟลิตวิกก็หมุนตัวสะบัดเสื้อคลุมเดินไป
และทักทายกับนักเรียนคนอื่นด้วยรอยยิ้มสดใส...
...มิน่าล่ะ
เขาถึงได้เป็นเพื่อนกับศาสตราจารย์มักกอนนากัล
⭐
- Talk -
เมื่ออัมบริดจ์ย่ำยีหัวใจเฟร็ดกับจอร์จด้วยการบอกว่าสิ่งประดิษฐ์ของทั้งคู่ไม่ต่างจากขยะ ผลลงเอยมันก็จะเป็นแบบนี้นั่นแหละค่ะ
ฮอกวอตส์จะระเบิดมั้ยต้องมาลุ้นกัน 5555
ส่วนในเรื่องหัวสิงโตของนังหนูน้านนน ก็ยังคงสร้างความบันเทิงให้ผู้พบเห็นเหมือนเช่นเคยแถมคราวนี้อัพเกรดมาพร้อมกับ
เสียงคำรามด้วย
เสกเองตกใจเองก็ลูน่านี่แหละ >_<
ความคิดเห็น