ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] Little Loony Lovegood [George x Luna] [END]

    ลำดับตอนที่ #67 : 67 ll Inquisitorial Squad

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 824
      92
      19 ก.ค. 63


    67


    Inquisitorial Squad




           “ยังไม่หลับอีกเหรอ ลูน่า” เสียงงัวเงียของมาเรียเอ่ยถามผ่านผ้าม่านรอบเตียงของเธอเพราะยังเห็นแสงจากตะเกียงลอดเข้ามา

                

              ลูน่าชะงักมือที่กำลังพลิกเปิดหน้าหนังสือ เธอคิดว่าทำมันเบาที่สุดแล้วแต่มาเรียก็ยังได้ยินอยู่ดี “ขอโทษนะ ฉันทำให้เธอตื่นหรือเปล่า”

                

              “เปล่า” มาเรียเปิดผ้าม่าน ย่องจากเตียงเธอไม่ให้คนอื่นในห้องตื่นแล้วเปิดม่านที่เตียงของลูน่าพร้อมยื่นหน้าเข้าไปดู 

    “ฉันเห็นเธอเปิดหนังสือเล่มนี้จนดึกดื่นมาตั้งหลายคืนแล้ว กำลังหาคาถาอะไรอยู่เหรอ เผื่อฉันจะได้ช่วยหา”


           “ไม่เป็นไร ขอบใจนะมาเรีย แต่ฉันว่าฉันจะลองหาต่อด้วยตัวเองอีกสักนิด ถ้าคืนนี้ฉันหาไม่เจอก็จะไม่หาแล้วล่ะ”


           มาเรียครางตอบรับในคอ “เธอเองก็รีบนอนล่ะ ไม่งั้นพรุ่งนี้เธอได้ไปเชียร์จอร์จี้ของเธอแบบครึ่งหลับครึ่งตื่นแน่ ฝันดีอีกครั้งนะ” 

    เธอบอกฝันดีเพื่อนสนิทด้วยรอยยิ้มประหนึ่งแม่มองลูกสาวพร้อมหยิกแก้มเบาๆ ด้วยความมันเขี้ยวก่อนเดินกลับเตียงตัวเอง

        

              เช้าวันรุ่งขึ้นในห้องโถงใหญ่นั้นเต็มไปด้วยสีแดงกับสีเหลืองตามบ้านที่พวกเขาเชียร์สำหรับควิดดิชนัดที่สี่ของปีนี้ระหว่างกริฟฟินดอร์

    กับฮัฟเฟิลพัฟ แน่นอนอยู่แล้วว่าทั้งโต๊ะกริฟฟินดอร์ทุกคนต่างสวมเสื้อสีแดงทั้งยังมีป้ายเชียร์กับธงประจำบ้านวางบนโต๊ะระหว่างที่พวกเขา

    กำลังกินอาหารเช้า

                

              “ฉันขอแค่แต้มสีนิดเดียวตรงแก้มไม่ได้เหรอ” มาเรียอ้อนวอนกับเชมัสที่รับหน้าที่เขียนหน้าให้ใครก็ตามที่อยากมีส่วนร่วมมากขึ้น

    ตอนเชียร์ ใจนึงมาเรียอยากเชียร์เซดริกแม้เขาจะเป็นของโช แชงและตัวเธอเองก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนที่กำลังคนสีในกระป๋องตรงหน้าอยู่แล้ว 

    แต่อีกใจเธออยากเชียร์กริฟฟินดอร์เพราะเพื่อนหลายคนและแฟนอยู่บ้านนี้ -- ในเมื่อเซดริกเป็นของคนอื่นไปแล้วสุดท้ายมาเรียจึงยอมให้

    เชมัสทาสีแดงกับสีเหลืองเต็มแก้มทั้งสองข้าง

                

              ฝาแฝดวีสลีย์เดินเข้าห้องโถงใหญ่พร้อมกันด้วยความกระตือรือร้น พวกเขาเอื้อมมือไปคว้าแซนด์วิชแล้วนั่งลงใกล้กับมาเรีย 

    จอร์จสอดส่องสายตามองทั่วห้องตามสัญชาตญาณแต่ไร้วี่แววเด็กสาวผมบลอนด์ที่มักตัวติดกับมาเรียเสมอ


           “ลูน่าล่ะ มาเรีย”


           “ยังไม่มาเลย แต่เดี๋ยวคงมาแล้วล่ะ”


           พูดยังไม่ทันขาดคำ คนที่ถูกพูดถึงก็เข้าห้องโถงใหญ่มาพอดีพร้อมกับหมวกหัวสิงโตของเธอที่ยังคงสร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้พบเห็น

    ได้เสมอแต่ลูน่าไม่ได้สนใจเสียงหัวเราะพวกนั้น จอร์จลุกขึ้นยืนอัตโนมัติพร้อมกวักมือเรียกให้เธอมาทางเขา แต่ด้วยน้ำหนักที่มีไม่น้อย

    ของหมวกใบนั้นทำให้ลูน่าเดินได้ช้าลง คนผมแดงเลยลุกขึ้นไปหาเธอด้วยตัวเอง


           ใบหน้าของลูน่าเป็นสีชมพูเรื่อ ดวงตาสีซีดของเธอแวววาวด้วยความตื่นเต้นเมื่อจอร์จมาถึงตัวเธอ มือขาวซีดยกขึ้นพร้อมแตะหมวก

    ด้วยไม้กายสิทธิ์ สิงโตบนหัวเธออ้าปากกว้างแล้วส่งเสียงคำรามเหมือนจริงมากจนทำให้ทุกคนในบริเวณใกล้เคียงสะดุ้งเฮือกโดยเฉพาะ

    พวกที่หัวเราะเธอก่อนหน้านี้


           “นี่สินะเหตุผลที่เธอนอนดึกมาตั้งหลายวัน” มาเรียบอกกับลูน่า เธอยังนั่งอยู่ที่โต๊ะกริฟฟินดอร์เพราะขี้เกียจลุกกลับไปตรงโต๊ะ

    ของเรเวนคลอแล้วพลางอ้าปากกัดขนมปังปิ้งก่อนพบว่ามันช่างยากลำบากเหลือเกินเมื่อสีบนหน้าเริ่มแห้ง ลูน่าพยักหน้าตอบเธอหงึกหงัก

                

              “ช่วยขยายความที่เธอพูดกันให้ฉันเข้าใจหน่อยได้ไหม” จอร์จชะโงกหน้ามาถามระหว่างทาแยมบนขนมปังปิ้งให้ลูน่า


           “ไม่มีอะไรหรอก”


           “ลูน่านอนดึกเพราะหาคาถาทำให้หัวสิงโตคำราม” มาเรียตอบจอร์จแทนเด็กสาวที่แก้มเริ่มแดงให้เสร็จสรรพ


           “เจ๋งไปเลย แบบนี้ค่อยใจชื้นหน่อย” แอนเจลิน่าชื่นชมลูน่าจากใจจริงก่อนเลื่อนสายตามาจ้องจอร์จ “ควิดดิชนัดนี้จอร์จต้อง

    ไม่ทำให้ฉันผิดหวังแน่ ใช่ไหม -- หรือไม่อย่างงั้นก็อย่าทำให้สิงโตน้อยของเธอผิดหวังล่ะ” กัปตันสาวฉีกยิ้ม หันไปยกนิ้วโป้งให้ลูน่า

    แล้วลุกจากโต๊ะเตรียมตัวไปห้องเปลี่ยนชุดกับอลิเซียแล้วก็แคตี้ เฟร็ดยิ้มให้แคตี้ตอนที่เธอสบตากับเขาพอดีและมีเพียงชั่วพริบตาเดียว

    ที่เธอยิ้มตอบให้กับเขาเพราะไม่อยากให้คนอื่นแซว



           นักเรียนทั้งฮอกวอตส์ต่างพากันมาอัฒจันทร์เพื่อดูควิดดิชทำให้สนามควิดดิชกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง นักกีฬากริฟฟินดอร์

    ใส่เสื้อคลุมสีแดงขณะที่ฮัฟเฟิลพัฟใส่เสื้อคลุมควิดดิชสีเหลืองนกขมิ้น นักกีฬาควิดดิชทุกคนชอบเวลาที่มีเสียงเชียร์ให้กำลังใจกันทั้งนั้น 

    ...แต่บางทีอาจยกเว้นคีปเปอร์บ้านกริฟฟินดอร์อย่าง รอน วีสลีย์


              รอนเกิดอาการตื่นเต้นปนประหม่าเวลาได้ยินเสียงคนหัวเราะเขาทั้งที่อุตส่าห์เรียกกำลังใจจากที่พี่ชายฝาแฝดของเขาบอก

    หลังจบนัดแรกมาได้แล้วแท้ๆ แถมยังมีจินนี่ แฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่ที่ส่งกำลังใจมาให้ แต่ดูเขาตอนนี้สิ แทบทรงตัวบนไม้กวาดไม่ไหว

    เพราะหมดความมั่นใจจนห่อเหี่ยวไปหมดและเขาก็กำลังจะปล่อยให้ลูกควัฟเฟิลจากฮัฟเฟิลพัฟเข้าห่วงอีกแล้ว


              “จอร์จ!” แอนเจลิน่าตะโกนเรียกจากกลางสนามพร้อมกับชี้ไปที่รอน


           จอร์จเข้าใจในทันทีและพยักหน้ารับ เขาตีลูกบลัดเจอร์ให้ออกห่างจากอลิเซียแล้วบังคับไม้กวาดพุ่งไปหารอนตรงเสาทำคะแนน


              “โรนัลด์! เจ้าน้องชายซื่อบื้อ! นายมัวทำอะไรอยู่ เราปล่อยให้ฝั่งนั้นได้แต้มไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วนะ!


           “ขอโทษนะ จอร์จ แต่ฉันทำไม่ได้”


           จอร์จอยากยกมือกุมขมับแทบแย่ถ้านี่เป็นแค่การซ้อม แต่เขาไม่ได้โง่เกินกว่าจะเข้าใจน้องชายตัวเองว่ารอนน่ะใช้กำลังใจ

    เป็นแรงขับเคลื่อนมากกว่าการถูกด่าหรือพูดจาแดกดันใส่ ยิ่งเป็นเวลานี้ที่รอนกำลังหมดความมั่นใจสุดๆ แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่

    เขาไม่มั่นใจว่าถ้าเป็นเขาพูดแล้วรอนจะยอมเชื่อไหม


              “ถ้าพวกเราไม่เชื่อใจนายแล้วจะให้นายมาแข่งทำไมกัน ฉันเชื่อว่านายทำได้อยู่แล้ว”


              “จอร์จ ระวัง!” เฟร็ดตะโกนบอกทำให้จอร์จพลิกตัวหลบลูกบลัดเจอร์ได้ทัน ทว่าถูกบีตเตอร์ฝั่งตรงข้ามตีย้อนกลับมาหาอีกครั้ง

    จอร์จเลยเหวี่ยงไม้สุดแขนฟาดลูกบลัดเจอร์กลับคืนไปให้ทำเอาบีตเตอร์คนนั้นร่วงลงจากไม้กวาด


           ทางฝั่งของรอน หลังจากได้ยินจอร์จพูดแบบนั้นแล้วพลันมีประกายไหววูบอยากเอาชนะในดวงตา ความมั่นใจที่มอดไป

    ถูกจุดขึ้นมาใหม่อีกครั้งในเวลาที่ทีมต้องการพอดี เขากลับมาฮึดสู้งัดความสามารถที่ทำให้เขาได้เข้ารวมทีมออกมาและกันลูกควัฟเฟิล

    จากเชสเซอร์ทีมฮัฟเฟิลพัฟได้ทุกลูกและเชสเซอร์ทีมกริฟฟินดอร์ก็กำลังทำแต้มได้เรื่อยๆ จนคะแนนเท่าฮัฟเฟิลพัฟได้แล้ว แต่เซดริก ดิกกอรี่ 

    ซีกเกอร์ทีมฮัฟเฟิลกลับคว้าลูกสนิชไปได้สำเร็จในวินาทีสุดท้าย...เป็นอันจบเกม



              “ทุกคนทำดีที่สุดแล้ว อย่างน้อยในทีมพวกเราก็ไม่มีใครบาดเจ็บ” แอนเจลิน่าพูดปลอบใจตัวเธอเองรวมทั้งลูกทีมโดยเฉพาะแฮร์รี่ 

    เขาดูเงียบไปถนัดตา ทุกคนพยักหน้ารับก่อนทยอยออกจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ทว่ากัปตันกลับแตะบ่าฝาแฝดที่เดินรั้งท้าย 

    “เห็นได้ชัดว่าตอนเกมใกล้จบรอนเล่นได้ดีกว่านัดที่แล้ว ทีนี้พวกเธอจะเชื่อฉันได้หรือยัง กำลังใจจากครอบครัวมีผลมากกว่ากัปตันอย่างฉัน

    ซะอีก แต่ขอให้จำเอาไว้ ครั้งหน้าเป็นนัดสุดท้ายแล้ว ฉันไม่ยอมให้บ้านอื่นได้ถ้วยควิดดิชไปแน่!


           เมื่อกลับเข้ามาในปราสาท ที่ห้องโถงกลางทุกคนก็เอาแต่ชมเซดริกกันไม่ขาดปาก เฟร็ดกับจอร์จยืนพิงกำแพงเลื่อนสายตามองตาม

    กลุ่มคนพวกนั้นแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ตอนนั้นเองที่จอร์จเพิ่งรู้ตัวว่ามีลูน่ามายืนอยู่ข้างๆ หลังจากหันกลับมามองซ้ำอีกที 

    -- สายตาเลื่อนลอยของเธอมองตามเซดริกจนเขาลับสายตาไปแล้วก็ยังมองอยู่ จอร์จเลยมายืนบังข้างหน้า ก้มตัวให้สายตาอยู่ใน

    ระดับเดียวกันเพื่อดึงสายตาลูน่าให้มาอยู่ที่เขา


           “แฟนเธออยู่นี่นะ นังหนู”


           “ทำไมหรือ”


           “เมื่อกี้นี้เธอมองใครกัน”


           “เซดริก” ลูน่าตอบอย่างตรงไปตรงมา


           “แต่แฟนเธอชื่อจอร์จหรือก็คือฉันคนนี้นะ”


           “นั่นถูกต้องแล้ว”


           “แต่ --”


           “แล้วตอนนี้ฉันก็มองอยู่ด้วย”


           จอร์จยอมแพ้หลบคนอื่นมายืนพิงกำแพงข้างลูน่าตามเดิมเพราะคิดคำมาเถียงไม่ออกและเธอก็แสดงออกชัดเจนพอแล้ว

    ว่าเขาเป็นแฟนเธออยู่


           “ขอโทษนะนังหนู เธออุตส่าห์นอนดึกเพื่อหาคาถาเสกหัวสิงโตนี่ให้คำราม ฉันคงทำให้เธอผิดหวังเพราะเชียร์ฉัน”


           “ทำไมฉันต้องผิดหวังด้วยล่ะ คุณตั้งใจเล่นขนาดนั้นฉันก็ต้องภูมิใจสิถึงจะถูก จริงอยู่ที่ฉันนอนดึกแต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ฉันตั้งใจเอาไว้

    ตั้งแต่จบจากนัดแรก มันสนุกจะตายไป ตอนวันหยุดที่ผ่านมาฉันถามพ่อว่าจะทำยังไงให้มันดีกว่าเดิมดี ตอนแรกฉันกะว่าจะเพิ่ม

    ตรงส่วนลำตัวสิงโตเข้ามาด้วย แต่พ่อบอกว่ามันจะดูเหมือนกับว่าฉันกำลังถูกสิงโตงับหัวอยู่ก็เลยเปลี่ยนเป็นให้มันคำรามดีกว่า 

    โชคดีมากเลยที่ฉันหาคาถาเจอทันในคืนสุดท้ายพอดี -- มันค่อนข้างเสียงดังไปหน่อยนะว่าไหม เมื่อเช้านี้ฉันหูอื้อไปเป็นชั่วโมงเลยล่ะ”


           ลูน่าเผลอลืมตัวเอาไม้กายสิทธิ์แตะไปที่หัวสิงโต มันคำรามเสียงดังกึกก้องห้องโถงกลางอีกหน นอกจากคนรอบตัวจะสะดุ้งแล้ว

    คนที่สวมหัวสิงโตอยู่ก็ตกใจไม่แพ้กัน


           “ขอโทษทีนะ” แววตาล่องลอยเลื่อนมองทุกคนไปทั่วๆ แล้วบอกด้วยน้ำเสียงฝันๆ ของเธอ


           เฟร็ดอมยิ้มแล้วโบกมือเป็นเชิงว่าไม่ต้องสนใจให้กับนักเรียนที่ยังยืนนิ่งเหมือนถูกสาป “ไปๆ แยกย้ายกันได้แล้วหนูๆ ไม่มีสิงโตตัวจริง

    ในปราสาทหรอก”


           ขณะที่จอร์จคลี่ยิ้มจนเห็นฟัน เขาจับมือลูน่าแล้วถามเธอว่า “ไม่เป็นไรนะ”


           ลูน่ายิ้มตอบกลับมาด้วยท่าทางเคอะเขินพร้อมส่ายหัวไปมา


           เฟร็ดกลอกตาก่อนกระแอม “อีกนานกว่าจะถึงเวลาอาหารเย็น ฉันว่าจะไปหาอะไรกินที่ห้องครัวรองท้องแก้เซ็งสักหน่อย 

    สวีทกันเสร็จเมื่อไรจะตามไปก็ได้นะ” เฟร็ดขยิบตาให้จอร์จแล้วถูกชกแขนกลับมา ทำเอาแฝดคนพี่ยิ้มร่าเดินแหวกกลุ่มนักเรียน

    ไปทางห้องครัวที่อยู่ติดกับหอคอยฮัฟเฟิลพัฟ


           “นัดหน้าเป็นนัดสุดท้ายแล้ว ฉันจะชนะให้ได้เลย นังหนู เธอกับหัวสิงโตของเธอจะต้องไม่เสียใจที่เชียร์ฉัน”


           อารมณ์จอร์จจากที่ขุ่นมัวก่อนหน้านี้หายไปแล้ว เขาใจเย็นลงแถมอารมณ์ยังดีมากๆ ด้วย เขาคิดจะจูบหัวสิงโตปลอบขวัญแฟนสาว

    บวกกับเป็นการแทนคำขอบคุณแต่ก็ต้องถอยห่างเพราะหัวสิงโตมันอาจจะงับหัวเขาได้ทุกเมื่อเลยเปลี่ยนเป็นชิงหอมแก้มเธอแบบเร็วๆ


           ลูน่าอึ้งนิดๆ ไม่คิดว่าจอร์จจะหอมแก้มเธอต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ ต่อให้ไม่มีใครทันสังเกตเห็นแต่ใบหน้าเธอพลันร้อนผ่าวขึ้นมา 

    เด็กสาวเรียกสติกลับมาแล้วยิ้มให้เขา “ดีใจจังที่ได้ยินแบบนั้น...แต่ครั้งหน้ากริฟฟินดอร์แข่งกับเรเวนคลอไม่ใช่เหรอ”


           จอร์จยิ้มค้างกะพริบตาปริบๆ มองเจ้าของดวงตาสีซีดที่มองเขากลับ


           เออ...ลืมไปเลยว่าต้องแข่งกับเรเวนคลอ

               

              “เรเวนคลอก็ไม่ได้ถ้วยมาหลายปีแล้วด้วย” ดวงตากลมโตเหลือบขึ้นมองจอร์จ พอเห็นเขาทำตัวไม่ถูกเลยผุดยิ้มขึ้นมา 

    “ถึงฉันจะเชียร์เรเวนคลอแต่ฉันก็ต้องเชียร์คุณด้วยอยู่แล้ว”



           ต้นเดือนมีนาคมได้มาเยือน อากาศเย็นสบายเป็นที่ชื่นชอบสำหรับคนไม่ชอบความหนาวเพราะฤดูกาลที่สายลมเย็นยะเยือก

    ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ทว่าฮอกวอตส์กลับไม่สงบเหมือนอย่างลมหนาวแถมสิ่งที่เกิดขึ้นยิ่งคล้ายกับเป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายซะด้วยซ้ำ


           ฝาแฝดวีสลีย์ถูกอัมบริดจ์หักคะแนนคนละยี่สิบแต้มเพราะพกของเล่นตลกเข้าห้องเรียนแม้ว่าพวกเขาจะเก็บมันไว้อย่างดีในกระเป๋า

    ก็ตามแถมยังยึดของไปทั้งหมด บอกว่าของที่พวกเขาประดิษฐ์ขึ้นมานั้นห่วยแตกและไร้สาระไม่ต่างจากขยะ ก่อนที่เธอจะเผาดอกไม้ไฟ

    กับของอื่นๆ ที่ยึดมากลางอากาศเหลือเพียงผุยผงปลิวไปกองลงที่พื้นต่อหน้าต่อตาเฟร็ดกับจอร์จที่เป็นคนคิดค้นขึ้นมาเองกับมือ


           ฝาแฝดวีสลีย์โกรธจัดชนิดที่ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้วอารมณ์ข้างในยังคงเดือดปุดๆ ไม่หาย อัมบริดจ์ทำแบบนี้มันเท่ากับว่า

    เธอกำลังประกาศความเป็นศัตรูกับนักเรียนจอมแสบอย่างชัดเจน เฟร็ดระบายอารมณ์ด้วยการโยนก้อนหินก้อนใหญ่ลงไปในทะเลสาบ


              “นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ! อาจารย์คนนี้อยู่นานเกินไปแล้วด้วยซ้ำ เราไม่นับเป็นอาจารย์ใหญ่หรอก ถึงจะแค่ชั่วคราวก็เถอะ”


           จอร์จขว้างก้อนหินลงทะเลสาบบ้าง “กล้าพูดมาได้ยังไงว่าสิ่งที่เราคิดค้นและประดิษฐ์มาตั้งนานไม่ต่างจากขยะ”


           “ฉันไม่คิดว่าของพวกนั้นเป็นขยะหรอกนะ” ลูน่าบอก “-- บางทีฉันก็อยากลองตังเมเลือดกำเดาดูบ้าง แค่คิดน่ะ เพราะไม่รู้ว่าจะ

    เอาไปใช้ตอนไหนอยู่ดี แต่ว่านะ ฉันก็ยังคิดว่าของเล่นพวกนั้นน่าสนใจแถมยังวิเศษมากอยู่ดี”


           ขณะนั้นจอร์จอารมณ์พลันเย็นลงในพริบตา “ฉันดีใจที่เธอเห็นค่าของมันนะ เธออยากลองกล่องอาหารว่างเลี่ยงงานไหมล่ะ 

    ฉันจะให้ขนมที่ทดลองแล้วกับเธอเท่าที่เธออยากได้เลย เจ้าตังเมนั่นพวกเรากำลังปรับปรุงกันอยู่ เอ้อนี่ ฉันว่าพวกพิกมี่พัฟน่ะน่าสนใจดีนะ 

    ตัวมันฟูฟ่องน่ารักดี น่าจะขายได้กำไรเยอะเชียวล่ะ บางทีฉันกับเฟร็ดจะลอง...”


           เฟร็ดกระแอมเสียงหนักขยับเข้าใกล้จอร์จแล้วกระซิบเป่าหูคนน้อง “แต่อัมบริดจ์บอกว่ามันเป็นขยะนะ”

               

              “เออ” จอร์จคราง “แบบนี้ยอมปล่อยผ่านไปไม่ได้หรอก”

                

              จินนี่ส่ายหัว ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายใจ “เฟร็ด พี่เนี่ยนะ จอร์จเขาอุตส่าห์ลืมไปแล้วแท้ๆ”


           “นายสองคนลืมฉันไปได้ไง” ลีดีดตัวลุกจากสนามหญ้ามากอดคอฝาแฝด “เราเป็นเพื่อนกันมาจะเจ็ดปีแล้วนะเพื่อน 

    เรื่องอะไรฉันจะยอมให้พวกนายเล่นกันอยู่สองคน”            


           “เอาล่ะสิ สนุกแน่ล่ะงานนี้” รอนบอกกับแฮร์รี่ “ยายคางคกนั่นเตรียมรอรับหายนะเล็กๆ น้อยๆ ได้เลย” แฮร์รี่พยักหน้าเห็นด้วย

    ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ได้แต่ส่ายหัวแล้วก้มลงอ่านอักษรรูนในหนังสือบนตักต่อ


           พวกเขาทั้งหลายไม่ปล่อยให้อัมบริดจ์รอนานเกินกว่าสามวัน อันดับแรกต้องให้อัมบริดจ์พบเจอกับสิ่งที่เธอคุ้นเคยก่อนอย่าง

    ตัวนิฟเฟลอร์ แต่อาจไม่คุ้นตรงที่คราวนี้มาทั้งฝูงซึ่งแต่ละตัวก็กระหายอยากรื้อค้นดูในห้องทำงานของเธอเต็มที่และได้ผลดีมากๆ ด้วย

    เพราะขนาดเฟร็ด จอร์จและลีแอบอยู่ชั้นถัดลงมาจากห้องเกิดเหตุยังได้ยินเสียงกรีดร้องของอัมบริดจ์ได้อย่างชัดเจน 


           วันต่อมาช่วงเช้ามีหนูตัวใหญ่วิ่งวุ่นทั่วห้องเรียนวิชาแปลงร่างในคาบเรียนของศาสตราจารย์มักกอนนากัล เธอยืนยันว่าไม่ได้มาจาก

    สัตว์ที่เธอเตรียมมาสอนเลยให้นักเรียนไปเรียกศาสตราจารย์อัมบริดจ์ให้มากำจัดออกไปให้ทีทั้งที่ความจริงเพียงแค่มักกอนนากัล

    โบกไม้กายสิทธิ์ทีเดียวเจ้าหนูพวกนั้นห็หายวับไปแล้ว ทำให้ในชั่วโมงนั้นนักเรียนปีสามจากฮัฟเฟิลพัฟกับเรเวนคลอได้ชมความบันเทิงเล็กๆ 

    น้อยๆ ระหว่างที่อาจารย์ใหญ่ของพวกเขาวิ่งวุ่นไม่ต่างจากหนูเพื่อกำจัดพวกมัน


           ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ข่าวว่ามีคนปล่อยระเบิดเหม็นในเรือนกระจกของศาสตราจารย์สเปราต์มาถึงหูอัมบริดจ์เพราะนักเรียนปีหก

    คนหนึ่งขึ้นมาร้องเรียนขอให้แม่มดที่มีความสามารถอย่างเธอไปช่วยจัดการให้หน่อย ตอนนั้นพวกรอนมีเรียนวิชาการป้องกันตัว

    จากศาสตร์มืดอยู่พอดีเลยได้เห็นอะไรที่ช่วยให้หายง่วงไปได้บ้าง


           ร่างเตี้ยป้อมของอัมบริดจ์ย้ายจากหน้าห้องไปยังประตูตามคำขออย่างรวดเร็ว ทว่าพอเปิดประตูออก เพียงแค่ก้าวแรกร่างนั้น

    ก็จมหายลงไปในหนองน้ำที่ไม่รู้ว่ามันมาโผล่ตรงนี้ได้ยังไง


              “ไม่ต้อง!” อัมบริดจ์ตะคอก ปฏิเสธการช่วยเหลือจากเด็กนักเรียนปีหกที่มารายงานกับเธอแล้วตะเกียกตะกายปีนขึ้นมาด้วยตัวเอง 

    เธอพยายามเสกให้หนองน้ำนั้นหายไปแต่ไม่ว่าเธอจะใช้คาถาอะไร หนองน้ำนั้นยังคงนิ่งไม่ไหวติงจนเธอต้องเสกสะพานขึ้นมาแทน

    เพื่อออกไปจัดการระเบิดเหม็นในเรือนกระจก


           กว่าจะจัดการกับระเบิดเหม็นได้ทั้งหมดก็เล่นเอาผมที่ดัดเป็นลอนไว้อย่างสวยของอัมบริดจ์ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง เธอกลับมายัง

    ห้องทำงานของเธอด้วยท่าทางอิดโรยเพราะหมดเวลาเรียนแล้ว แต่ห้องทำงานที่ควรจะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำหอมกลับมีกลิ่น

    อันไม่พึงประสงค์คล้ายระเบิดเหม็นลอยอบอวลอยู่รอบตัวเธอ


           อัมบริดจ์หยิบขวดน้ำหอมสีหวานออกจากกระเป๋าถือแล้วฉีดน้ำหอมให้ฟุ้งกระจายไปทั่วห้องก่อนเห็นว่ามีริบบิ้นสีชมพูห้อยลงมา

    ตรงกลางห้อง ด้วยความเหนื่อยและรำคาญอะไรก็ตามที่ทำให้รกหูรกตาแม้มันจะมีสีชมพูเธอก็อยากจัดการให้มันหมดไปซะ 

    มืออวบๆ ข้างขวากระชากริบบิ้นลงมา สิ่งที่ตามมาด้วยนอกจากริบบิ้นคือลูกโป่งที่ภายในเต็มไปด้วยระเบิดเหม็น มันตกลงมาแตก

    บนกลางกระหม่อมเธออย่างพอดิบพอดีราวกับถูกจับวาง


           เธอพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองด้วยการสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วลงไปกินมื้อค่ำที่ห้องโถงใหญ่ แต่เพราะมีกลิ่นตุๆ 

    ติดตัวมาด้วยทำให้ศาสตราจารย์มักกอนนากัลต้องแอบขยับเก้าอี้ออกห่าง


           ฮอกวอตส์ในค่ำคืนนี้ไม่มีทางจบลงง่ายๆ ฝาแฝดวีสลีย์ตบท้ายคืนแห่งความสนุกด้วยการสร้างเสียงอื้ออึงนิดหน่อยด้วยดอกไม้ไฟ

    ที่ส่งเสียงอย่างกับมีคนมาระเบิดปราสาท


              อัมบริดจ์โกรธเป็นฟืนเป็นไฟราวกับคางคกพองลมที่พร้อมระเบิดตัวเองได้ทุกเมื่อ เธอจับคนทำอย่างฝาแฝดไม่ได้เพราะไม่มีหลักฐาน

    แน่ชัดว่ามาจากเฟร็ดกับจอร์จ ช่วงค่ำในวันเดียวกันเธอจึงตั้งหน่วยสอบสวนขึ้นมากะทันหัน หน่วยสอบสวนคือกลุ่มนักเรียน

    ที่ถูกเลือกสรรแล้วว่าเป็นผู้สนับสนุนกระทรวงเวทมนต์และอัมบริดจ์จะเป็นคนคัดเลือกเองกับมือเพื่อให้มาช่วยดูแลความสงบเรียบร้อย

    ของนักเรียน แน่นอนว่าเรื่องนี้ไปถึงหูกองทัพดัมเบิลดอร์ที่มารวมตัวกันในห้องต้องประสงค์ในเวลาต่อมา


           “แบบนี้ในกลุ่มเราควรมีใครสักคนที่คอยส่งข่าวสารเกี่ยวกับอัมบริดจ์”


           สิ้นเสียงเซดริก ทุกคนต่างหันมองเดรโกและเขาก็ไม่ได้ทึ่มเกินกว่าจะไม่เข้าใจว่าสายตาที่ว่านั่นหมายความว่ายังไง


           “ทำไมต้องเป็นฉัน”


           “อัมบริดจ์เอ็นดูนาย” รอนบอกหน้านิ่ง


           “อัมบริดจ์เคยอยู่สลิธีรินมาก่อนด้วย” แฮร์รี่ช่วยเสริม


           “เขาคงไม่คิดหรอกว่านายจะเป็นกบฏกับเขา”


           ก่อนที่ทั้งสองจะพูดให้เกิดความเข้าใจผิดมากกว่านี้ เซดริกจึงเป็นคนเข้ามาพูดแทน “เอาเป็นว่าไม่ใช่เพราะนายอยู่สลิธีริน

    แล้วจะเป็นพวกเดียวกับอัมบริดจ์ นายไม่ได้ผิดที่อยู่สลิธีริน เข้าใจใช่ไหม -- แต่นายก็น่าจะเห็นอยู่แล้วก็เห็นด้วยกับฉันว่าอัมบริดจ์ปฏิบัติ

    กับนักเรียนแต่ละบ้านยังไง”


              เดรโกยืนนิ่งใช้ความคิด พริบตาเดียวที่เขาได้สบตากับลูน่าจากอีกมุมหนึ่งของห้องเขาก็ตัดสินใจได้ทันที “แล้วฉันต้องทำอะไรบ้าง”          

              เมื่อกลับมารวมตัวกันอีกครั้งในสัปดาห์ถัดมาที่ห้องต้องประสงค์ นักเรียนหลายคนกลับรู้สึกแปลกๆ เมื่อมีเดรโกมายืนอยู่ด้วย

    พร้อมกับเข็มกลัดสีเงินเป็นตัวอักษร ‘ส’ บนเสื้อคลุมของเขาอันเป็นสัญลักษณ์ของสมาชิกหน่วยสอบสวน


           รอนหลบไปยืนห่างๆ จากเดรโก “รู้สึกแปลกๆ แฮะ” เหมือนเขาถูกจับตามองตลอดเวลาทั้งที่เดรโกก็มาเรียนด้วยหลายครั้งแล้ว 

    หนำซ้ำตัวรอนเองยังเป็นคนเห็นดีเห็นงามคนแรกๆ ด้วยที่คนผมบลอนด์ควรจะไปเป็นสมาชิกหน่วยสอบสวนของอัมบริดจ์...



    ----- ด้วยคำสั่ง -----

    ของอาจารย์ใหญ่และเจ้าพนักงานสอบสวนใหญ่ประจำฮอกวอตส์


        ห้ามนักเรียนคนใดซื้อ-ขายสินค้าจากร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์ และห้ามนักเรียนนำสิ่งของหรือสินค้าจากร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์

    เข้ามาในปราสาทหรือชั้นเรียน หากนักเรียนคนใดฝ่าฝืนกฎจะถูกกักบริเวณ หักคะแนนหรือโทษสูงสุดคือถูกไล่ออกจากโรงเรียน

     

    คำสั่งข้างบนนี้เป็นไปตาม

    กฤษฎีกาการศึกษาฉบับที่ยี่สิบแปด

              ลงนาม :

                 โดโลเรส เจน อัมบริดจ์

            อาจารย์ใหญ่ , เจ้าพนักงานสอบสวนใหญ่


              “ให้ตายสิ! พวกเรากลายเป็นคนดังแล้ว จอร์จจี้”


           “พวกเราน่าจะขอให้คอลินมาถ่ายรูปพวกเรากับประกาศนี่นะ” จอร์จพูดอย่างร่าเริง “เป็นหลักฐานว่าอัมบริดจ์ให้ความสำคัญกับเรา

    มากแค่ไหน”


           “มีใครพูดถึงผมรึเปล่า”


           ฝาแฝดวีสลีย์เหลียวมองด้านหลังไปตามเสียงเห็นคอลินพร้อมกับกล้องคู่ใจของเขาและกำลังเลิกคิ้วถาม


              “คอลินน้องรัก!


           “คะ--ครับ”


           “ช่วยถ่ายรูปฉันกับเฟร็ดคู่กับกฤษฎีกาการศึกษาฉบับใหม่เอี่ยมนี่หน่อยสิ”


           “ขอแบบชัดๆ ทั้งหน้าพวกเราทั้งตัวหนังสือข้างหลังเลยนะ” เฟร็ดบอกแล้วเขากับฝาแฝดคนน้องก็พร้อมใจกันทำท่ายืนกอดอก

    ขนาบข้างประกาศด้วยความภาคภูมิใจราวกับข้างหลังพวกเขานั้นเป็นประกาศนียบัตรมอบให้แก่ผลงานอันล้ำค่าที่ทั้งคู่ได้ทำมา 

    จึงสมควรแก่การเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกยิ่งนัก


           คอลินยกกล้องขึ้นมาถ่ายแบบงงๆ ก่อนเข้าใจเรื่องราวเมื่อเดินเข้ามาอ่านประกาศชัดๆ กับตาตัวเอง 


           “ขยันออกกฎอย่างกับสั่งน้ำมูกเลยแฮะ”


              หากถามว่าฝาแฝดวีสลีย์นั้นจะเชื่อฟังกฤษฎีกาการศึกษาฉบับใหม่ที่เจาะจงถึงพวกเขาโดยเฉพาะหรือไม่นั้น -- สามารถรู้คำตอบ

    ได้จากการที่เฟร็ดกับจอร์จตั้งใจอ่านประกาศนั้นอย่างตั้งใจอีกครั้งพร้อมกับรับทองเกลเลียนและส่ง กล่องอาหารว่างเลี่ยงงาน  

    สินค้าของพวกเขาให้กับนักเรียนปีสองจากฮัฟเฟิลพัฟคนหนึ่ง


           “ตายจริง” เฟร็ดอุทานยกมือปิดปาก “เราขายไปแล้วล่ะสิ”


           ช่วงจังหวะนั้นเองเดรโก มัลฟอย หนึ่งในหน่วยสอบสวนของอัมบริดจ์ก็บังเอิญเดินผ่านมาเห็นพอดี เด็กชายจากฮัฟเฟิลพัฟ

    ตาเบิกกว้างทันทีที่เห็นเข็มกลัดสีเงินอันเป็นตราสัญลักษณ์ของหน่วยสอบสวนจึงรีบเผ่นหนีไป ขณะที่ฝาแฝดยืนมองผู้มาใหม่นิ่งๆ


           เดรโกยักไหล่ “ฉันแค่มาตามหาแครบกับกอยล์” พูดจบเด็กหนุ่มผมบลอนด์ก็หมุนตัวไปอีกทาง ไม่ได้มีท่าทีว่าจะฟ้องอัมบริดจ์

    แต่อย่างใด


           “มัลฟอย” เฟร็ดเรียก


           เมื่อเดรโกหันกลับมาจอร์จก็โยนขนมฟัดจ์สร้างไข้ให้ “เผื่อนายเกิดอยากโดดคาบที่อาจารย์ใหญ่สุดที่รักของนายสอนอยู่”


           เดรโกยิ้มมุมปาก ชูขนมฟัดจ์ในมือแล้วบอก “ขอบคุณ”


           เมื่อสมาชิกของหน่วยสอบสวนหายลับตาไปแล้ว เด็กหนุ่มปีสี่จากเรเวนคลอก็แอบมาขอซื้อบ้างแต่พอเห็นประกาศบนกำแพง

    จึงแสดงสีหน้าเสียดาย “แบบนี้ฉันก็ซื้อกล่องอาหารว่างเลี่ยงงานไม่ได้แล้วน่ะสิ”


           “นายมองมาที่ฉันนี่” จอร์จบอก เด็กหนุ่มคนนั้นยอมทำตามโดยมองมาที่จอร์จ “ตอนนี้นายเห็นกฎนั่นอยู่ไหม”


           “ไม่เห็น”


           “งั้นฉันก็ขายได้เพราะถือว่าเราทั้งคู่ไม่มีใครเห็นกฎนั่น” จอร์จส่งกล่องอาหารว่างเลี่ยงงานให้อีกฝ่ายหนึ่งกล่องพร้อมรับเหรียญทอง

    มาไว้ในมือ            


           เฟร็ดวาดแขนกอดคอแฝดคนน้องขณะโบกมือให้เด็กหนุ่มลูกค้าที่รีบเดินออกห่างจากจุดนี้ให้เร็วที่สุด 


           “นังหนูของนายจะต้องภูมิใจในตัวนาย จอร์จจี้” แล้วเขากับจอร์จก็ชนหมัดกัน

                

              “หวัดดี” น้ำเสียงฝันๆ เอ่ยทักทั้งสองจากข้างหลัง

                

              “อ้อ เลิกเรียนแล้วเหรอ นังหนู ฉันมีของเล่นใหม่จะให้เธอแหละ ฉันลองเสกมันขึ้นมาตั้งหลายหนกว่าจะได้แบบนี้” 

    จอร์จล้วงมือไปในกระเป๋ากางเกงจะหยิบลูกแก้วลูกเล็กที่อัดแน่นไปด้วยดวงดาว ครั้งนี้มันต่างจากก้อนหินขรุขระสีดำที่เขาเคยให้เธอ

    เมื่อหลายปีก่อน ตรงที่เพียงแค่ดีดเบาๆ ลูกแก้วนั้นก็จะแตกออกแล้วปล่อยให้เหล่าดวงดาวระยิบระยับนี้ลอยขึ้นทั่วเพดานห้องเหมือนกับ

    จำลองท้องฟ้ายามค่ำคืนมาไว้ใกล้ๆ -- จอร์จภูมิใจมากและคิดว่าลูน่าต้องชอบมากแน่ๆ จนรอเห็นปฏิกิริยาของเธอแทบไม่ไหวแล้ว 

    ทว่าเขากลับเห็นร่างป้อมๆ ของอัมบริดจ์เดินเข้ามาใกล้ทุกขณะจึงเปลี่ยนจากหยิบลูกแก้วเป็นช็อกโกแลตก้อนเล็กจิ๋วออกมาใส่มือลูน่าแทน

                

              เสียงกระแอมแหลมสูงเหมือนเด็กผู้หญิงตัวเล็กของอัมบริดจ์ดังขึ้นหลังลูน่า “หักกริฟฟินดอร์คนสิบแต้มเป็นสามสิบแต้มจากพวกเธอ

    สามคนและเรเวนคลออีกสิบแต้ม โทษฐานที่พวกเธอทำผิดกฎ”


           คอลินก้าวมาข้างหน้า “ผมทำผิดอะไรครับอาจารย์”


           “เธอเห็นพวกเขาซื้อขายของเล่นไร้สาระกันแต่เธอกลับไม่ห้ามน่ะสิ”


           “แบบนั้นมันไม่ยุติธรรม...”

               

              “มีอะไรกันหรือนักเรียน” ศาสตราจารย์ฟลิตวิกเข้ามาได้จังหวะพอดีทำให้เฟร็ดที่กำลังอ้าปากจะเถียงยอมหุบปากลง


           “อ้อ ศาสตราจารย์ฟลิตนิค” อัมบริดจ์ทักทายเสียงแหลม


           “ฟลิตวิก ครับ” อาจารย์ร่างเล็กแก้ใหม่ให้ถูกต้อง “อันที่จริงแล้วผมไม่ถือสาหรอกที่คนเป็นอาจารย์ใหญ่อย่างคุณจะจำชื่ออาจารย์

    ในโรงเรียนไม่ได้” เขาจบคำพูดด้วยรอยยิ้มที่สื่อถึงความจริงใจ


           “ก็ควรจะต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วนะคะ ศาสตราจารย์ฟลิตวิกคะ คือว่าดิฉันจับได้คาหนังคาเขาเลยล่ะค่ะ ว่าเด็กนักเรียนพวกนี้

    ทำผิดกฎ” เธอเชิดหน้าขึ้นด้วยความพึงพอใจ


           “ผมเปล่านะครับ” จอร์จท้วง “เราไม่ได้นำของเล่นตลกวีสลีย์เข้าไปชั้นเรียนและเราก็ไม่ได้มีการซื้อขายกันด้วย”


           “แล้วของในมือนั่นอะไรกันล่ะ”


           “ผมแค่ให้ช็อกโกแลตกับเธอเฉยๆ แล้วอาจารย์ก็คงไม่คิดว่ามันเป็นการพลอดรักตามกฤษฎีกาการศึกษาฉบับที่ยี่สิบสี่หรอกนะครับ”


              “ที่เธอพูดอาจจะถูกนะจ๊ะ แต่ฉันสงสัยว่ามันเป็นของไร้สาระจากร้านของพวกเธอที่เรียกว่าร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์มากกว่าจะเป็น

    แค่ช็อกโกแลตธรรมดาๆ”


           เมื่อถูกกดดัน ฟลิตวิกจึงพยักหน้าเล็กน้อยให้กับลูกศิษย์ในความดูแลของเขา ลูน่าเลยแบมือทุกคนดูของในมือ 

    -- ฟลิตวิกโบกไม้กายสิทธิ์พิสูจน์ให้อัมบริดจ์ดูเดี๋ยวนั้นว่ามันก็เป็นแค่ช็อกโกแลตธรรมดาก้อนหนึ่ง


           “ทีนี้คุณคงไม่หักคะแนนเรเวนคลอกับกริฟฟินดอร์แล้วใช่ไหมครับ” ฟลิตวิกถามซื่อๆ


              อัมบริดจ์ทำตัวพองลม หายใจเข้าออกฟึดฟัดก่อนตอบกระแทกเสียง “ค่ะ!” แล้วเดินจากไปด้วยท่าทางที่คนมองคิดว่า

    นั่นเหมือนกับคางคกสีชมพูกำลังกระโดดเสียมากกว่า


           คราวนี้พวกเด็กๆ ก็ต้องมาลุ้นกันต่อว่าศาสตราจารย์ฟลิตวิกจะตำหนิพวกเขาว่ายังไงบ้าง


           ฟลิตวิกหันมาทำสีหน้าจริงจังใส่เด็กทั้งสาม “ระวังไว้บ้างก็ดี เขาน่ะจมูกดีอย่างกับ...เธอคงคิดกันได้เองนะ” อาจารย์ร่างเล็กว่า

    ก่อนหลุดยิ้มน้อยๆ “แต่เมื่อกี้นี้ฉันก็สนุกเหมือนกัน ตอนที่ได้เห็นสีหน้าอาจารย์ใหญ่น่ะ” พูดจบฟลิตวิกก็หมุนตัวสะบัดเสื้อคลุมเดินไป

    และทักทายกับนักเรียนคนอื่นด้วยรอยยิ้มสดใส...


    ...มิน่าล่ะ เขาถึงได้เป็นเพื่อนกับศาสตราจารย์มักกอนนากัล



    - Talk -

        เมื่ออัมบริดจ์ย่ำยีหัวใจเฟร็ดกับจอร์จด้วยการบอกว่าสิ่งประดิษฐ์ของทั้งคู่ไม่ต่างจากขยะ ผลลงเอยมันก็จะเป็นแบบนี้นั่นแหละค่ะ 

    ฮอกวอตส์จะระเบิดมั้ยต้องมาลุ้นกัน 5555

                ส่วนในเรื่องหัวสิงโตของนังหนูน้านนน ก็ยังคงสร้างความบันเทิงให้ผู้พบเห็นเหมือนเช่นเคยแถมคราวนี้อัพเกรดมาพร้อมกับ

    เสียงคำรามด้วย เสกเองตกใจเองก็ลูน่านี่แหละ >_<

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×