ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] Little Loony Lovegood [George x Luna] [END]

    ลำดับตอนที่ #63 : 63 ll Draco

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 917
      104
      16 มิ.ย. 63


    63


    Draco



                  

              ผลการตรวจสอบคณะอาจารย์ด้วยกันของเจ้าพนักงานสอบสวนใหญ่ประจำฮอกวอตส์หรืออัมบริดจ์ออกมาแล้ว ซึ่งไม่ส่งผลใดๆ 

    กับศาสตราจารย์มักกอนนากัลหรือศาสตราจารย์ฟลิตวิกผู้ใจดีเลยแม้แต่นิด แต่อาจไม่ใช่กับศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์ผู้เที่ยงตรง

    ที่ทำนายอย่างตรงไปตรงมาว่าศาสตราจารย์อัมบริดจ์จะเจอจุดจบกับการเป็นอาจารย์ของฮอกวอตส์แบบไม่สวยงามนัก

                

              และคำทำนายนั้นมีผลย้อนกลับมาหาทรีลอว์นีย์โดยตรงในอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา...

        

              ศาสตราจารย์อัมบริดจ์ยืนประกาศต่อหน้าศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์ที่ร้องไห้โหยหวนอยู่กับกองหีบสัมภาระของเธอตรงลานปราสาท

    โดยที่ฟิลช์ยังคงทำงานขยันขันแข็งเทียวยกหีบออกมากองเพิ่มไม่หยุด “จากการตรวจสอบของดิฉันทำให้ดิฉันได้ทราบว่าการสอนของคุณ

    นั้นไร้ประสิทธิภาพถึงขนาดแค่การทำนายสภาพอากาศในวันพรุ่งนี้คุณก็ยังทำไม่ได้ อีกทั้งคุณยังไม่มีการปรับปรุงตัวใดๆ 

    ดิฉันจึงมีความเห็นว่าคุณไร้ประโยชน์กับนักเรียนผู้เป็นอนาคตของพวกเรา”

                

              เกิดเสียงฮือฮาขึ้นในหมู่นักเรียนทั้งโรงเรียนที่ต่างมามุงดูกันระหว่างพักกลางวันหลังรู้ข่าวจากลี จอร์ดันว่ามีอาจารย์ของฮอกวอตส์

    ถูกไล่ออก ทุกสายตามองดูอาจารย์ที่น่าสงสารทรุดนั่งลงบนหีบใบหนึ่ง แม้ใจอยากไปช่วยเธอแต่ก็ไม่มีใครสามารถทำได้

    กระทั่งศาสตราจารย์มักกอนนากัลเดินมา เสียงฝีเท้าที่มั่นคงพาให้นักเรียนเหลียวกลับไปมอง ทุกคนที่ยืนขวางทางจึงพร้อมใจกัน

    แหวกทางให้เธอเดินไปหาทรีลอว์นีย์

                

              “ได้โปรด... คุณไล่ฉันออกไม่ได้ ...ฮอกวอตส์เป็นบ้านของฉัน” ทรีลอว์นีย์พูดปนเสียงสะอื้นขณะรับผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่

    จากมักกอนนากัลที่เข้ามาปลอบเธอ

                

              “ทำไมดิฉันจะไล่คุณออกไม่ได้ล่ะคะ” อัมบริดจ์เชิดหน้าขึ้นด้วยใบหน้าพอใจพลางตบม้วนกระดาษในมือกับมืออีกข้าง 

    “ในเมื่อรัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์ลงนามกำกับในคำสั่งปลดคุณออกจากการเป็นอาจารย์ของฮอกวอตส์ กรุณาย้ายตัวเองพร้อมกับ

    สัมภาระทั้งหมดออกไปจากปราสาทภายในวันนี้ด้วย”

                

              อัมบริดจ์ยิ้มอย่างได้ใจระคนภูมิใจที่ตนมีอำนาจนี้มาอยู่ในมือ ระหว่างที่ศาสตราจารย์มักกอนนากัลกำลังเจรจากับอัมบริดจ์

    และปลอบทรีลอว์นีย์ไปพร้อมๆ กันอยู่นั้น จอร์จก็ได้เหลือบลงมองคนข้างตัวที่ขมวดคิ้วยุ่งด้วยความกังวลใจ ทรีลอว์นีย์เป็นอาจารย์ที่

    แปลกพิลึกยากจะเข้าใจก็จริง แต่เขาก็รู้ว่าเธอยกให้ลูน่าเป็นหนึ่งในศิษย์คนโปรดเพราะมีพรสวรรค์ในการทำนาย พอเห็นแบบนี้

    ลูน่าคงไม่มีทางรู้สึกยินดีได้แน่นอนที่อาจารย์สอนพยากรณ์ศาสตร์ถูกไล่ออก

                

              จอร์จใช้หลังมือแตะกับหลังมือลูน่าอย่างแผ่วเบาราวกับบอกให้รู้ว่าเขาเข้าใจความรู้สึกของเธอดี แววตาเด็กสาวเกิดไหววูบขึ้นมา

    บวกกับเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นที่น่าสงสารของศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์กับนักเรียนบางคนที่ชื่นชอบในวิชาพยากรณ์ศาสตร์

    ทำให้ลูน่าเปลี่ยนมาเป็นจับมือจอร์จแทน

                

              จอร์จบีบมือตอบ “เดี๋ยวดัมเบิลดอร์ก็มาจัดการได้ -- ศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์ต้องไม่ถูกไล่ออกจากฮอกวอตส์ไปได้หรอก 

    ...ฉันเชื่ออย่างนั้น” จอร์จบอก ทั้งที่ในใจกลับไม่มั่นใจอย่างที่พูดเพราะเขารู้ดีว่าถ้าอัมบริดจ์คิดจะทำอะไรก็ย่อมเป็นไปได้ทั้งนั้น        



           ณ ห้องต้องประสงค์อันเป็นที่รวมตัวของกองทัพดัมเบิลดอร์มีสมาชิกทั้งหมดกำลังฝึกคาถาสกัดภัย เสกคำสาปทลายด่าน

    และคาถาปลดอาวุธ แฮร์รี่กับเซดริกกำลังเดินไล่ดูแต่ละคนและคอยให้ความช่วยเหลือทว่าการฝึกครั้งนี้นั้นต่างจากสองหนแรกที่ผ่านมา


           เวลานี้ดูเหมือนทุกคนจะไม่มีกระจิตกระใจจะตั้งสมาธิเสกคาถา สาเหตุทั้งหมดไม่ใช่แค่ที่ทรีลอว์นีย์ถูกปลดจากการเป็นอาจารย์ 

    แต่เป็นเพราะไม่รู้ว่าตนกำลังต่อสู้กับอะไรอยู่และทำไปเพื่ออะไร ในเมื่อฮอกวอตส์กำลังถูกกระทรวงควบคุมในแบบที่พวกเขา

    อยากให้เป็นไปแล้วจริงๆ แม้แต่ดัมเบิลดอร์ยังทำได้แค่รั้งตัวทรีลอว์นีย์ให้อยู่ต่อที่ปราสาทแห่งนี้ แต่เขาไม่มีอำนาจถึงขนาดถอนคำสั่ง

    ของรัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์อย่างฟัดจ์ให้อาจารย์ที่อยู่กับฮอกวอตส์มานานเกือบยี่สิบปีเป็นอาจารย์ต่อได้


           เฮอร์ไมโอนี่หันไปหาลาเวนเดอร์กับปาราวตีที่เสกให้เดนนิสลอยหวือขึ้นกลางอากาศพร้อมกับปล่อยให้ร่างนั้นร่วงลงกระแทกพื้น

    แต่พวกเธอกลับทำเพียงมองด้วยแววตาว่างเปล่า “พวกเธอต้องตั้งใจกันกว่านี้นะ” เธอเดินเข้าไปช่วยพยุงให้เดนนิสลุกขึ้น

    แล้วปล่อยให้รอนช่วยดูแลต่อ


           ลาเวนเดอร์กำไม้กายสิทธิ์ในมือแน่น “เธอก็พูดได้สิเฮอร์ไมโอนี่ เพราะเธอไม่ได้เรียนกับศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์ไง เธอไม่รู้

    ว่าอาจารย์รู้สึกยังไงที่ถูกปลดออกจากอาชีพที่เขารักมากกว่าทุกอย่างบนโลกนี้”


           เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจ “ฉันเข้าใจเหมือนกับเธอนั่นแหละ แต่ตอนนี้เธอช่วยอาจารย์ของเธอได้สักอย่างหรือเปล่าล่ะ” 

    ลาเวนเดอร์ปิดปากเงียบทันควัน “เพราะอย่างนั้นเราต้องฝึกต่อไป อย่างน้อยก็ถือซะว่าได้ช่วยอาจารย์ทรีลอว์นีย์ของพวกเธอ 

    รวมทั้งอาจารย์คนอื่นๆ ที่อาจจะตรวจสอบไม่ผ่านอย่างอาจารย์...แฮกริด ถ้าเราทำได้ดีก็จะยิ่งตอกย้ำว่าอัมบริดจ์เป็นอาจารย์ที่...ที่...”


           “ห่วยแตก” รอนช่วยพูดแทนความคิดที่ไม่กล้าบอกออกมาเป็นคำพูดของเฮอร์ไมโอนี่


           “ไม่ได้เรื่อง” เฟร็ดพูดต่อ


           แล้วตามด้วยจอร์จ “และไม่เอาไหน”


           “อย่างน้อยศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์ก็ยังอยู่ที่ปราสาทนี้นะ ถึงไม่ได้สอนต่อแต่พวกเธอจะไปคุยกับเขาก็ได้นี่” แฮร์รี่พูด 

    ทำให้ลาเวนเดอร์กับปาราวตีหันมองหน้ากันเงียบๆ


              “เอาล่ะ งั้นเราก็มาฝึกกันต่อเถอะ!” เซดริกกล่าวกับทุกคนในห้องพร้อมรอยยิ้มที่ช่วยเพิ่มกำลังใจให้โดยเฉพาะสาวๆ ที่กำลังใจฝ่อ


           การฝึกดำเนินต่อมาเรื่อยๆ จนใกล้เวลางดออกจากหอคอยของตัวเอง ในฐานะที่เป็นพี่ใหญ่ที่สุดของกลุ่มและได้รับความนับถือ 

    เซดริกจึงบอกให้ทุกคนกลับหอคอยของตัวเอง ระหว่างที่ลีจอร์ดันกับแก๊งแอนโทนีคอยดูต้นทางเพื่อปล่อยให้รุ่นน้องได้กลับหอคอยกัน

    โดยไม่ถูกจับได้ เซดริกก็หันมาคุยกับแฮร์รี่ถึงผลการฝึกวันนี้ที่ก้าวหน้าขึ้นจากวันแรกอย่างไม่ต้องสงสัย


           แฮร์รี่ยิ้มน้อยๆ ให้กับรุ่นน้องปีสามที่โบกมือให้และตะโกนขอบคุณกลับมา บางทีตอนนี้อาชีพครูอาจเป็นหนึ่งในอาชีพที่เขากำลัง

    สนใจรองจากมือปราบมารขึ้นมาบ้างแล้ว คนที่ทำให้คิดอย่างนั้นเห็นทีจะเป็นเนวิลล์ที่ใช้คาถาปลดอาวุธกับจินนี่ได้อย่างไม่มีที่ติ 

    แม้เขาจะรับไม้กายสิทธิ์ไม่แม่นจนทำให้ไม้ของจินนี่ลอยมาชนหน้าผากแฮร์รี่ก็เถอะ


           ลูน่าชูมือออกไปจับเกล็ดหิมะเย็นเฉียบที่ปลิวลงมาจากเพดานเพราะมีใครสักคนเสกเอาไว้ก่อนเจ้าของเสียงทุ้มจะเดินเข้ามาหา

    และแตะมือลงบนบ่าเธอ


           “นังหนู กลับหอคอยกัน ฉันไปส่ง” จอร์จก้มลงปัดหิมะบนผมลูน่าออกแล้วยืดตัวตรงพลางตบเบาๆ บนกระเป๋าที่สะพาย

    เอาไว้บนไหล่ขวาเพื่อบอกว่าเขาเอากระเป๋าของเธอมาให้แล้ว


           เด็กสาวผมบลอนด์พยักหน้ารับหงึกหงัก ยื่นมือหมายจะรับกระเป๋าตัวเองแต่คนตัวสูงกว่ากลับหันกระเป๋าหนีแล้วเดินนำเธอ

    ไปยังประตู แต่แล้วทั้งคู่กลับยืนนิ่งค้างเพราะเห็นคนที่ยืนประจันหน้ากับแฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่ข้างนอกห้องต้องประสงค์ 

    เซดริกยกแขนกั้นเฟร็ด จอร์จ ลูน่ารวมทั้งคนอื่นๆ เอาไว้ไม่ให้ออกไปตอนนี้


           เด็กชายผมบลอนด์จากสลิธีรินเผยตัวออกมาจากเงามืดให้เห็นใบหน้าเสี้ยมแหลมได้ชัดเจนขึ้น เดรโกขมวดคิ้วมอง

    ก่อนผุดยิ้มหยันใส่เพื่อนร่วมชั้น


           “พวกเธอทำผิดกฤษฎีกาฉบับที่ยี่สิบหกอยู่นี่นา”


           “เธอคิดจะทำอะไร” เฮอร์ไมโอนี่ถามเสียงเย็น


           “เธอไม่ได้โง่เง่าซะหน่อย เกรนเจอร์ คิดสิว่าฉันจะทำอะไร” เดรโกเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม ยักคิ้วให้พลางเอามือล้วงกระเป๋า

    เตรียมเดินจากไปอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่าถ้าไม่ติดว่ามีคำสั่งจากเฮอร์ไมโอนี่ให้จับตัวเขาเอาไว้


           พริบตาเดียวแขนทั้งสองข้างของเดรโกก็ถูกล็อกด้วยมือรอนกับแฮร์รี่ ส่วนขาถูกแอนโทนีกับฟรานซิกโกเพื่อนของเขา

    ช่วยยกกันคนละข้าง ดังนั้นเดรโกจึงถูกพาตัวให้เข้าไปในห้องต้องประสงค์อย่างไม่เต็มใจ


           เมื่อเข้ามาข้างในก็ถูกปล่อยให้นั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งตรงกลางห้อง ดวงตาสีซีดของเดรโกเหลียวมองรอบห้องด้วยความสนอกสนใจ

    อย่างลืมตัวโดยไม่ปริปากพูดอะไร ขณะที่สายตาคนรอบข้างต่างมองเขาด้วยความหวาดกลัว


           “ไม่เป็นไร ทุกคนจะไม่เป็นอะไรฉันรับรองได้” เฮอร์ไมโอนี่หันไปพูดปลอบคนอื่นๆ โดยเฉพาะเดนนิสที่เกาะแขนคอลินแน่น 

    “พวกเธอกลับหอคอยกันไปเถอะ” เด็กสาวพยักหน้าให้ลีที่ยืนคอยอยู่ตรงหน้าประตู ชายหนุ่มพยักหน้ารับพร้อมกวักมือเรียกให้สองพี่น้อง

    ออกมา


           คนอื่นๆ ที่เหลือทยอยกันเดินออกอย่างรวดเร็วราวกับกลัวว่าเดรโกจะจำตนได้แล้วเอาไปฟ้องอัมบริดจ์


           ตอนนี้จึงเหลือเซดริก เฟร็ด จอร์จ ลูน่า จินนี่ มาเรียและเพื่อนร่วมชั้นของเดรโกอย่างเฮอร์ไมโอนี่ รอน แฮร์รี่ ดีน เชมัสที่คอยยืน

    อยู่ข้างๆ มาเรีย และเนวิลล์ที่เห็นว่าเพื่อนร่วมห้องที่หอนอนของเขายังไม่กลับ เขาก็จะยังไม่กลับและอยู่เพื่อช่วยกดดันเดรโกด้วยอีกคน 


           เซดริกลากเก้าอี้มาวางตรงหน้าเดรโกและนั่งลงประจันหน้ากันด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “นายรู้ได้ยังไงว่าพวกเราอยู่ที่นี่ นายตามใครมา”


           “เปล่า ฉันไม่ได้ตามใครมา” เดรโกตอบทันที


           “นายมาคนเดียวหรือมีคนอื่นมากับนายด้วย”


           “ฉันมาคนเดียว บางทีนายอาจลืมว่าฉันเป็นพรีเฟ็ค ฉันมาเดินตรวจตราตามหน้าที่ของฉัน”


           เซดริกเลิกคิ้ว พอใจกับคำตอบไม่น้อย “จริงของนาย”


           “แล้วเราจะทำยังไงต่อ” แฮร์รี่ขอความเห็นจากเฮอร์ไมโอนี่


           “มีอยู่ทางเดียว -- ให้มัลฟอยเซ็นชื่อร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มก.ด.ของเรา”


           รอนหันขวับมองเฮอร์ไมโอนี่อย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง “ไม่เอาน่า เฮอร์ไมโอนี่ เธอคิดอะไรของเธอ”


           “คิดดูนะโรนัลด์ ถ้ามัลฟอยเซ็นชื่ออยู่กับก.ด.ของเรา เขาก็ต้องไม่มีทางไปบอกอัมบริดจ์อยู่แล้วเพราะมีชื่อตัวเองอยู่ในใบรายชื่อ”


           ทุกคนเงียบกับข้อเท็จจริงข้อนี้ แต่รอนกับแฮร์รี่ที่เคยเป็นอริกับเดรโกกลับยังไม่ไว้วางใจที่จะให้มีคนจากสลิธีรินมาอยู่ในกลุ่มด้วย


           “แต่เดรโกมาจากสลิธีริน”


           “แล้วยังไงล่ะรอน” เด็กสาวผมฟูยกแขนกอดอกถาม


           “เราไว้ใจเขาได้ที่ไหนกัน”


           “เขาจะไม่บอกอัมบริดจ์หรอก” เสียงฝันๆ พูดแทรกทั้งคู่ เฮอร์ไมโอนี่กับรอนหันขวับมองเธอ รวมทั้งเดรโกที่เลื่อนสายตามองเธอ

    เช่นกัน ดวงตาสีซีดของทั้งคู่มองสบกันก่อนเดรโกต้องเป็นฝ่ายหลบดวงตากลมโตคู่นั้นเสียเอง


           “ทำไมเธอถึงคิดอย่างนั้นล่ะ ลูน่า” รอนถาม ไม่ใช่แค่สงสัยแต่เขาไม่เข้าใจมากๆ


           ลูน่าเชื่อว่าถ้าเฮอร์ไมโอนี่พูดอะไรออกมานั่นย่อมผ่านการไตร่ตรองมาดีแล้วเพราะฉะนั้นการให้เดรโกมาอยู่ในกลุ่ม

    ก็ต้องเป็นทางเลือกที่ถูกต้องและอีกอย่าง... “เพราะฉันเชื่อว่าเขาเป็นคนรักษาสัญญา” ลูน่าเว้นช่วง มองเดรโกที่เสมองไปทางอื่น “ใช่ไหม”


           เดรโกนั่งนิ่งครู่หนึ่งก่อนพยักหน้ารับเล็กน้อย “อือ”


           “นายสัญญาแล้วนะว่าจะไม่บอกอัมบริดจ์เรื่องกลุ่มลับของเรา” เซดริกถามเสียมเข้ม


           “อือ ไม่บอก”


           “งั้นก็ดี” เซดริกพยักหน้า ส่งสายตาหาเฮอร์ไมโอนี่ เด็กสาวผมฟูเดินไปหยิบม้วนกระดาษออกมาจากกระเป๋าอย่างรู้งาน 

    คลี่กระดาษวางลงบนโต๊ะตรงหน้าเดรโกพร้อมปากกาขนนกกับหมึก


           “เพื่อการเข้าร่วมกลุ่มโดยสมบูรณ์ เธอต้องเซ็นชื่อตัวเองลงในนี้”


           เดรโกชั่งใจ แต่รับรู้ได้ว่ามีสายตาลูน่ากำลังมองมา เขารับรู้ได้แม้ไม่ต้องหันไปมองเพราะไม่อยากเห็นเธอยืนจับมือกับ

    ฝาแฝดตระกูลวีสลีย์ มือขาวซีดยื่นไปจับปากกาขนนก จุ่มปลายลงไปในกระปุกหมึก กลืนน้ำลายลงคอก่อนจรดปลายปากกา

    เขียนชื่อตัวเองลงในกระดาษเป็นรายชื่อท้ายสุด


              เซดริกหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นจากโต๊ะแล้วส่งให้เฮอร์ไมโอนี่ “ทีนี้ก็คงต้องบอกว่า ‘ ยินดีต้อนรับ ’


           “แล้วฉันต้องทำอะไรบ้าง”


           “ก็ปิดปากเงียบเรื่องนี้น่ะสิ” รอนตอบทันควัน


           เฮอร์ไมโอนี่ใช้ม้วนกระดาษตีเข้าที่แขนรอน “นายนั่นแหละที่ควรปิดปากเงียบตอนนี้” รอนส่งสายตาหาแฮร์รี่ว่าต้องการมีพวก 

    ทว่าเพื่อนผมดำกลับทำเพียงยักไหล่ให้ราวกับบอกว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรตอนนี้คงไม่ทันแล้ว


           เซดริกใช้สายตามองรอนเพียงชั่วครู่แล้วหันกลับมาหาสมาชิกใหม่ “ถ้านายอยากมาเรียนกับเราก็มาได้ สัปดาห์ละครั้ง แต่ในเมื่อนายเป็นซีกเกอร์ของสลิธีรินเพราะงั้นพวกฉันจะจัดวันไม่ให้ตรงกับวันซ้อมของนาย”


           “แล้วถ้าฉันไม่มาล่ะ”


           “ก็ดีน่ะสิ”


              “เงียบนะ โรนัลด์! อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำอีก” เฮอร์ไมโอนี่ตวาดใส่รอน


           เซดริกส่ายหัวน้อยๆ ให้กับรุ่นน้องทั้งสองแล้วพูดกับเดรโกต่อ “จะมาหรือไม่นั่นเป็นสิทธิ์ของนาย เราจะบอกว่าจะมารวมตัวกัน

    วันไหน ถ้านายอยากมา...ที่นี่ก็ต้อนรับ”



           “เรียนพยากรณ์ศาสตร์วันนี้มีความสุขมากที่สุดเลย อาจารย์ฟีเรนซีกับอาจารย์เบนจามินนี่หล่อจริงๆ”


           เสียงพูดคุยของปาราวตีกับลาเวนเดอร์เรื่องอาจารย์สอนพยากรณ์ศาสตร์คนใหม่ลอยเข้าหูจอร์จตรงโต๊ะกริฟฟินดอร์

    ในห้องโถงใหญ่ระหว่างกินอาหารเที่ยงทำเอามือที่ถือส้อมถึงกับชะงักค้าง


           “พวกเธอว่าไงนะ” จอร์จถาม “เธอว่ามีเรียนกับใครนะ”


           “อาจารย์ฟีเรนซีกับอาจารย์ผู้ช่วยเบนจามิน พวกเขาเป็นเซ็นทอร์” ปาราวตีตอบขณะส่องดูความเรียบร้อยของผมตัวเอง

    ผ่านด้านหลังช้อนเผื่อว่าจะได้เจออาจารย์คนใหม่มารับประทานอาหารที่นี่


           ตามด้วยลาเวนเดอร์ที่ทำท่าเคลิ้มฝัน “แถมหุ่นยังดีมากๆ ด้วย”


              เด็กสาวทั้งสองเอาแต่ชมเรื่องหุ่นของเซ็นทอร์ไม่ขาดปากจนพวกหนุ่มๆ ที่เรียนพร้อมกันกับเธอได้แต่กลอกตา นี่มันยิ่งกว่าตอนที่

    มีล็อกฮาร์ตมาสอนซะอีก!!              

         

           “คิดถูกจริงๆ ที่ยังไม่ยกเลิกวิชานี้ไปซะก่อน แถมห้องเรียนก็เทียบไม่ติดกับห้องของศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์เลยว่าไหม 

    อย่างกับยกป่าต้องห้ามมาไว้ในห้องเรียนอย่างนั้นแหละ ยิ่งช่วงตอนกลางคืนที่มีดาวเต็มเพดานยิ่งโรแมนติกสุดๆ” ปาราวตีพูดต่อ

    กับลาเวนเดอร์            


           “พวกเธอความจำสั้นกันหรือยังไง ก่อนหน้านี้ยังร้องห่มร้องไห้ที่ทรีลอว์นีย์ถูกปลดอยู่เลย” รอนช่วยเตือนความจำแต่กลับถูก

    ลาเวนเดอร์มองตาขวางใส่

                

              “พวกเราเสียใจนะ! ปาราวตีก็แค่พูดถึงห้องเรียน ส่วนเรื่องเรียนพวกเราก็ยังชอบศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์อยู่ดีนั่นแหละ!

         

              รอนกับลาเวนเดอร์และปาราวตียังคงเถียงกันต่อไปโดยมีดีนกับเนวิลล์ที่รอนลากเข้ามาร่วมฝั่งด้วยระหว่างที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่อยู่

                

              จอร์จตากระตุก หันขวับไปหาเชมัสที่ตักสลัดเข้าปากเหมือนไม่คิดจะใส่ใจที่พวกสาวๆ พูดกัน


           “ไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอ” จอร์จถาม แต่เชมัสมองมาด้วยสีหน้างุนงง “มาเรียไง บ่ายวันนี้เรเวนคลอปีสี่มีเรียนพยากรณ์ศาสตร์

    กับเซ็นทอร์พวกนั้นนะ”


              “อ้อ ไม่หรอก ปกติมาเรียก็ชมคนหล่อๆ อยู่แล้ว ฉันได้ยินเธอพูดให้ฟังว่า ทำไมเซดริกหล่ออย่างนี้นะ มานับไม่ถ้วนแล้ว 

    แค่ต่อจากนี้จะได้ยินมาเรียชมว่าเซ็นทอร์หล่ออีกสักร้อยหนจะเป็นไรไป”


           “แต่มาเรียเป็นแฟนนายนะ”

         

           “ก็ใช่น่ะสิ เพราะงั้นฉันถึงไม่รู้สึกอะไรเพราะสุดท้ายแล้วยังไงมาเรียก็เป็นแฟนฉัน ไม่ได้เป็นแฟนผู้ชายคนอื่น”


           เฟร็ดตบมือสองสามแปะแล้วตบบ่าน้องชายฝาแฝด “คิดให้ได้อย่างเชมัสบ้างสิ หวงแฟนเกินไปแล้วนะนาย ฉันว่านังหนูของนาย

    ไม่หลงเสน่ห์เบนจามินง่ายๆ หรอก”


           “ฉันรู้น่า” จอร์จรู้แต่มันก็อดรู้สึกขัดแย้งอยู่ในใจไม่ได้อยู่ดี


           ...ใครจะไปทนเห็นคนอื่นมาหว่านเสน่ห์ใส่แฟนตัวเองกัน!


           “แต่จะว่าไป ห้องเรียนที่เหมือนยกป่าต้องห้ามมาไว้ในห้องนี่ก็น่าสนใจเหมือนกันนะ” เฟร็ดพูด เหล่มองจอร์จแล้วทั้งคู่ก็ยิ้มให้กัน


                

              และด้วยเหตุนั้นเอง ทุกอย่างก็ช่างประจวบเหมาะกับคาบว่างที่ฝาแฝดวีสลีย์มีพอดี จอร์จกับเฟร็ดมายืนอยู่หน้าห้องหมายเลข

    สิบเอ็ด ห้องเรียนวิชาพยากรณ์ศาสตร์ที่ตอนนี้นักเรียนทั่วทั้งฮอกวอตส์ต่างลงความเห็นว่าเป็นห้องเรียนที่น่าเรียนที่สุด จอร์จเอื้อมมือ

    เปิดประตูด้วยเสียงที่เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนทั้งคู่จะแอบคลานเข้าไปในห้อง แล้วพบว่าที่นี่ทำให้รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอยู่ใน

    ป่าต้องห้ามยามวิกาลไม่มีผิด ทั้งที่ข้างนอกห้องยังเป็นเวลาบ่ายสองโมงแต่ข้างในนี้มืดสลัวราวกับเวลาเที่ยงคืน


           เฟร็ดพอใจกับการนั่งมองดูดาวตรงมุมหนึ่งของห้อง จอร์จจึงแยกตัวมา เขาย่อตัวลงคลานบนพื้นตะไคร่หยุ่นๆ ผ่านต้นไม้หลายต้น

    และนักเรียนหลายคนที่นอนแผ่อยู่บนพื้น ฟังเซ็นทอร์ที่ชื่อฟีเรนซีอธิบายเรื่องการทำนายจากดวงดาวที่พวกเซ็นทอร์ค้นพบและเชื่อว่า

    ตำแหน่งการโคจรของดวงดาวนั้นสามารถบอกอนาคตได้


           จอร์จคลานไปแอบอยู่หลังต้นไม้ต้นหนึ่งพลางชะเง้อคอมองหาลูน่ากระทั่งคอลินสะกิดแขนแล้วชี้บอกตำแหน่งให้เสร็จสรรพ

    นจอร์จเจอเป้าหมาย หนำซ้ำคอลินยังบอกอีกด้วยว่าจินนี่อยู่ตรงไหนเพื่อให้จอร์จเลี่ยงน้องสาวตัวเองได้ถูก -- คนผมแดงเอนตัวลงนอน

    แล้วกลิ้งขลุกๆ ไปนอนอยู่ข้างเด็กสาวผมบลอนด์ได้สำเร็จ เขานอนตะแคงเอามือเท้าหัวมองแฟนสาวที่กำลังเพลิดเพลินกับดวงดาว

    บนท้องฟ้า เจ้าของแววตาที่สะท้อนแสงระยิบระยับข้างบนดูเลื่อนลอยคล้ายท่องอยู่ในโลกความฝันจึงไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครบางคนมาอยู่ใกล้ๆ


           ไม่นานเสียงกีบเท้าม้าก็เข้ามาในโสตประสาทดึงให้จอร์จกลับมาสู่โลกแห่งความจริงที่ว่านี่คือห้องเรียนและเป็นตอนกลางวัน 

    ดวงตาสีน้ำตาลเหลือบมองตามที่มาของเสียงนั้น มองไล่จากกีบเท้าขึ้นไปขา หน้าอกอันแข็งแกร่งจนถึงใบหน้าหล่อเหลาของเบนจามิน 

    เซ็นทอร์หนุ่มไม่พูดอะไรเพียงแต่มองจอร์จนิ่งๆ ขณะที่จอร์จก็จ้องตากลับเช่นกัน เขาชี้นิ้วไปที่ลูน่าแล้วชี้เข้าหาตัวเองราวกับต้องการ

    แสดงความเป็นเจ้าของและส่งยิ้มมุมปากให้เบนจามิน...


    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×