ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] Little Loony Lovegood [George x Luna] [END]

    ลำดับตอนที่ #46 : 46 ll New scarf

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.21K
      110
      13 มี.ค. 63


    46


    New scarf



     

              “ดูอะไรอยู่เหรอ” เสียงหวานใสเอ่ยทักรุ่นน้องต่างบ้านที่กำลังด้อมๆ มองๆ อยู่แถวหน้าหอคอยเรเวนคลอ


              แฮร์รี่สะดุ้งจนตัวโยนหลังถูกจับได้ แถมยังเป็นโช แชง คนที่เขาแอบมองตลอดงานเต้นรำ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้มาแอบซุ่มดูเธอ 

    แต่เป็นจอร์จกับลูน่าต่างหากที่เขาแอบสะกดรอยตามมาดูจนได้เห็นฉากจูบมือที่ทำเอาชายหนุ่มอย่างเขายังเขิน


              “เอ่อ เปล่า ...ฉันตามชาวฟ้าตัวน้อยมาน่ะ คงจะหลงจากพวกมา ก็เลยตามมาช่วยบอกทาง” แฮร์รี่แก้ตัวน้ำขุ่นๆ เขาไม่ได้หวัง

    ว่าเธอจะเชื่อแต่ถ้าเชื่อก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์


              “ใจดีจัง” โชชมแฮร์รี่ แต่เขารู้สึกได้ว่าในคำพูดนั้นไม่ได้มีความเชื่อเลย “งั้นฉันไปก่อนนะ” เธอบอกลาแล้วเดินขึ้นบันไดไป

    โดยไม่รอว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรต่อ


              ทว่าตรงนี้นั้นไม่ได้มีแฮร์รี่แอบอยู่คนเดียว คนผมแดงเดินออกมาจากข้างหลังเสาต้นหนึ่ง


              “จินนี่ล่ะ นายทิ้งจินนี่มางั้นเรอะ!” เฟร็ดตบบ่ารุ่นน้องผมดำเต็มแรงจนเข่าแฮร์รี่แทบทรุด


              “เปล่า ฉันพาจินนี่ไปส่งที่หอกริฟฟินดอร์แล้ว”


              “แล้วไป นึกว่านายทิ้งน้องสาวฉัน --” เฟร็ดชะงัก จับบ่าแฮร์รี่ให้นั่งหลบด้วยกัน หรี่ตามองน้องชายผมแดงคนเล็กที่กึ่งเดินกึ่งวิ่ง

    ไปทางหอคอยกริฟฟินดอร์ เขายกยิ้มอย่างมีเลศนัย “ฉันว่าคืนนี้เรามีอะไรให้เล่นแล้วล่ะ ไปเหอะแฮร์รี่!”


              เฟร็ดคว้าแขนเสื้อแฮร์รี่ให้ลุกขึ้น แล้ววิ่งนำไปยังหอคอยกริฟฟินดอร์ตามทางลัดที่มีเขากับจอร์จเท่านั้นที่รู้


              “ทำไมเราต้องรีบวิ่งมาด้วยล่ะ” แฮรรี่ถาม ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้นวมหน้าเตาผิงในห้องนั่งเล่นรวม ยกมือขึ้นปาดเหงื่อ


              “ดูเหมือนเจ้าทึ่มนั่นยังมาไม่ถึงนะ” เฟร็ดว่าพลางนั่งลงที่เก้าอี้นวมอีกตัวอย่างสบายใจ ถึงทั้งคู่จะวิ่งหนีฟิลช์มาด้วยก็ตาม 

    แต่ก็ยังมาถึงก่อนรอนอยู่ดี


              ยังไม่ทันหายเหนื่อยดี รูปภาพสุภาพสตรีอ้วนเหวี่ยงออกพร้อมกับมีรอนปีนเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นเต้นที่เห็นว่าเฟร็ดกับแฮร์รี่ยังนั่งอยู่ที่

    ห้องนั่งเล่นรวม


            “นี่” รอนโอบคอเฟร็ดกับแฮร์รี่ให้ขยับเข้ามาใกล้ๆ กระซิบให้ฟังดูน่าตื่นเต้น “ฉันพิสูจน์ได้แล้วว่าจอร์จชอบลูน่าจริงๆ ฉันเห็นมากับตา

    ตัวเองเลย”


              เฟร็ดทำตาโต แสร้งทำเป็นสนอกสนใจเต็มที่ “เหรอ นายเห็นอะไรล่ะ”


              ซึ่งรอนก็เชื่อเสียด้วย “ฉันเห็นจอร์จชวนลูน่าไปเที่ยวฮอกส์มี้ดด้วยกัน มีเด็ดกว่านั้นอีกนะ ฉันเห็นจอร์จจูบมือลูน่าด้วย! อย่างงี้เลย!” 

    ว่าแล้วรอนก็จับมือเฟร็ดมาจูบ


              “อี๋! นายจะมาจูบฉันทำไมเนี่ย” เฟร็ดทำหน้าขยะแขยง เอามือข้างที่ถูกจูบไปเช็ดกับชุดของแฮร์รี่ ซึ่งเจ้าของชุดที่กำลังกลั้นขำถึงกับ

    มองตาละห้อย “ถึงงั้นก็เหอะ ฉันไม่เชื่อนายหรอกว่าจอร์จจะทำแบบนั้น”

     

              “จริงๆ นะ!” รอนนั่งไม่ติดเก้าอี้ แทบดิ้นเร่าๆ ที่ไม่มีใครยอมเชื่อ เขาลุกยืนมองหาจอร์จ ขณะที่เฟร็ดกับแฮร์รี่อ้าปากขำแบบไม่มีเสียง

    แล้วรีบหุบปากตอนรอนหันกลับมา “งั้นนายลองถามดูก็ได้ เฟร็ด เป็นฝาแฝดกัน ยังไงก็ต้องยอมบอกความลับอยู่แล้ว”


              เฟร็ดเลิกคิ้ว ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง “ฉันเนี่ยนะ”


              “ใช่ ให้มันรู้กันคืนนี้ไปเลย แฮร์รี่ นายไปเอาผ้าคลุมล่องหนมา”


              “เอามาทำไม”


              “ถามได้ เราก็เข้าไปแอบฟังน่ะสิ ทีนี้จะได้รู้กันไปเลยว่าใครกันแน่ที่ถูก ถ้าฉันถูกฉันจะกลายเป็นผู้ค้นพบล่ะ -- น่าสงสารจริง 

    พี่เป็นฝาแฝดกันทำไมถึงดูไม่ออกนะว่าจอร์จชอบลูน่า”



              เฟร็ดรีบวิ่งเข้ามาในห้องนอนระหว่างที่พวกรอนกำลังไปเอาผ้าคลุมล่องหน โดยมีแผนการจากรอนให้เฟร็ดชวนจอร์จคุย

    เรื่องอะไรไปก่อนก็ได้แล้วค่อยเข้าเรื่องว่าชอบลูน่าจริงหรือเปล่าในตอนที่อีกสองคนเข้ามา


              “จอร์จจี้! ฉันมีอะไรสนุกๆ มาบอกล่ะ -- นายทำอะไรน่ะ” เขาถามน้องชายฝาแฝดที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างพร้อมกับของบางอย่างในมือ


              จอร์จผูกจดหมายที่ขาเฮอร์มีส นกฮูกของเพอร์ซี่แล้วปล่อยให้มันโบยบินออกไปนอกหน้าต่าง


              “ก็จะอะไรซะอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่พี่ชายพวกนายส่งเจ้านกฮูกนั่นมา” ลีตอบมาจากเตียงตัวเอง ถอดชุดออกงานตัวนอกโยนไว้ข้างตัว


              “เพอร์ซี่ให้นายส่งจดหมายไปทำไม”


              “ไม่ใช่เพอร์ซี่” จอร์จดึงหน้าต่างปิด กลับมานั่งที่เตียงพลางปลดกระดุมเสื้อ “บิลกับชาลียืมเฮอร์มีสของเพอร์ซี่ส่งจดหมายมา 

    ว่าให้ฉันเขียนรายงานไปว่าวันนี้เป็นยังไงบ้าง -- กับนังหนูน่ะ ก็เลยเขียนแล้วส่งกลับไป”


              “ใช่” ลีเสริม “ฉันเห็นเจ้านกฮูกมารอจนตัวแทบแข็งอยู่ที่หน้าต่าง ดีนะที่ฉันเข้ามาเห็นพอดีเลยเปิดให้มันเข้ามา แล้วจอร์จก็มาพอดี”


              “สองคนนั้นจะอยากรู้มากอะไรขนาดนั้นนะ” เฟร็ดเอียงคอสงสัย มองออกไปนอกหน้าต่างที่มองไม่เห็นอะไรแล้วนอกจากสีดำสนิท


              “ไม่รู้สิ ว่าแต่ตอนที่เข้ามานายจะบอกอะไรฉัน”


              “อ้อ -- คืองี้ รอนอยากพิสูจน์ว่านายชอบแม่หนูลูน่ารึเปล่า”


              “ฮะ?”


              “ได้ยินไม่ผิดหรอก แล้วทีนี้เจ้านั่นก็ให้ฉันมาถ่วงเวลาให้นายยังไม่นอนระหว่างที่ไปเอาผ้าคลุมล่องหนกับแฮร์รี่ แล้วก็จะเข้ามาแอบฟัง

    ตอนที่ฉันเค้นถามนาย”


              “รู้อีกคนแล้วเหรอเนี่ย”


              “เขารู้กันทั่วโรงเรียนแล้วมั้งฉันว่า ยกเว้นก็แต่รอนกับแม่หนูที่นายตามจีบอยู่”


              “แล้วรอนจะมาตอนไหน”


              “อีกเดี๋ยวคงมาแล้วล่ะ นายก็ช่วยทำเป็นเหมือนว่าฉันไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนนะ แล้วก็ฉันมีอะไรอยากเล่นก่อนนอนสักหน่อย -- ” 

    เฟร็ดหัวเราะหึๆ วิ่งไปควานหาของในหีบ หยิบระเบิดเหม็นออกมาจากก้นหีบพร้อมดอกไม้ไฟฟิลิบัสเตอร์ “ตามแผนคือรอนกับแฮร์รี่

    จะมานั่งข้างๆ ฉันที่เตียง ส่วนแผนเราคือให้ไอ้นี่เป็นของขวัญต้อนรับคริสต์มาสแล้วก็เป็นของรางวัลสำหรับแผนการอันหละหลวมของรอน”


              “แฮร์รี่ล่ะ รู้ด้วยหรือเปล่า ไอ้ระเบิดเหม็นกับดอกไม้ไฟน่ะ”


              “เปล่า แกล้งรอนได้ถือว่าคุ้มทุน แต่ถ้าแฮร์รี่โดนด้วยก็คิดซะว่าเป็นผลพลอยได้ละกัน”


              ลีหันไปคว้าผ้าห่มมาใกล้ตัวเผื่อว่าระเบิดเหม็นนี่ทำงาน เขาจะได้เอามาปิดจมูกทัน “โชคดีชะมัดที่ฉันไม่มีพี่ชายอย่างพวกนาย”

                

              เสียงเคาะประตูดังขึ้นสามครั้ง


              “รอแกล้งรอนเสร็จก่อน แล้วฉันจะมาคุยเรื่องแม่หนูลูน่ากับนายทีหลัง เข้าใจไหม” เฟร็ดกระซิบบอกจอร์จ ลุกขึ้นจากเตียงไปที่ประตู 

    บิดลูกบิดเปิดประตู ทำทีเป็นมองหาคนเคาะประตู เป็นจังหวะเดียวกับที่รอนและแฮร์รี่ในผ้าคลุมล่องหนแอบย่องเข้ามา


              “ใครเหรอ เฟร็ดดี้”


              “ไม่เห็นมีใครเลย” เฟร็ดปิดประตู แอบยกเท้าขัดขารอนระหว่างเดินกลับมานั่งที่เตียง เกิดเสียงกลิ้งกลุกๆ อันมาจากรอนที่กลิ้งล้ม 

    เผยให้เห็นขารอนแวบนึง แต่จอร์จกับลีก็ทำเป็นไม่เห็นและไม่รับรู้ว่ามีอีกสองคนเข้ามาในห้อง

                

              “คงเป็นพวกเด็กปีหนึ่งมาเคาะเล่นล่ะมั้ง” ลีกลิ้งตัวบนเตียงหันมาทางเฟร็ดกับจอร์จจากเตียงที่อยู่ติดกัน

                

              “ไว้วันหลังค่อยจัดการพวกนั้นแล้วกัน -- ฉันว่าเรามาคุยเรื่องแม่หนูลูน่าต่อกันดีกว่า นายชอบแม่หนูลูน่าใช่ไหม”

                

              จอร์จเลิกคิ้ว “นายไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน”

                

              “มีคนบอกมา เขาคนนั้นบอกว่านายชอบแม่หนูลูน่าแบบมากกว่าน้องสาวหรือเพื่อน”


              “ฉันว่าคนที่บอกนายต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ ฉันเนี่ยนะจะชอบนังหนู”


              “แต่ฉันว่านายน่าสงสัยนะ”


              ช่วงเวลานั้นเป็นตอนที่ระเบิดเหม็นที่เฟร็ดแอบเอาใส่ไว้ใต้ผ้าคลุมล่องหนเริ่มทำงานพอดี รอนแอบเผยอผ้าคลุมเล็กน้อย

    แล้วกระพือให้ลมพัดกลิ่นนั้นลอยออกไป


              “ที่เตียงนายมีอะไรน่ะ” จอร์จชี้มาที่เตียงเฟร็ด


              “อ้อ ไม่มีอะไรหรอก” ว่าแล้วก็จับผ้าคลุมที่เลิกขึ้นมาหน่อยนึงให้ปิดลง


              ฝาแฝดผมแดงมองหน้ากันแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย แฝดคนพี่แอบเอาดอกไม้ไฟฟิลิบัสเตอร์ออกมาจากใต้ผ้าห่ม โบกไม้กายสิทธิ์น้อยๆ 

    เพื่อจุดไฟแล้วโยนดอกไม้ไฟเข้าไปในผ้าคลุมล่องหน เกิดเสียงซู่ซ่าและเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้นหนึ่งที


              รอนสบถเสียงดังลั่นก่อนวิ่งหนีออกจากผ้าคลุมล่องหนพร้อมกับแฮร์รี่ที่วิ่งหน้าตื่นอย่างกับหนีปีศาจแบนซี


              เฟร็ดระเบิดเสียงหัวเราะ ขำจนทรุดลงไปนั่งรัวกำปั้นที่พื้น ขณะที่จอร์จขำจนน้ำตาไหลอยู่ที่เตียง ส่วนลีนั้นนอนกุมท้องเพราะ

    หัวเราะจนเหนื่อย   


              รอนหน้าบึ้ง ผมเผ้ายุ่งเหยิง “นี่มันอะไรกัน กะจะฆ่ากันหรือไง!”


              “เราเปล่านะรอนน้องรัก” เฟร็ดบอกหลังควบคุมสติได้แล้ว “ดอกไม้ไฟนี่ไม่ทำให้นายตายหรอก อย่างมากก็แค่ตกใจจนฉี่ราด” 

    เขาชำเลืองมองกางเกงรอน


              “ฉันไม่ได้ฉี่ราด!!”


              “นี่พวกนายรู้กันอยู่ก่อนแล้วเหรอ” แฮร์รี่ถามน้ำเสียงแฝงแววขุ่นเคืองนิดๆ


              “โทษทีนะ แฮร์รี่ มันอดไม่ได้น่ะ นายก็รู้ หน้ารอนตอนตกใจน่ะสุดยอดจนเอาไปลงหนังสือรวมภาพตลกได้เลยนะ”


              “ฉันไว้น่าไว้ใจนายเลย เฟร็ด!” รอนตวาดใส่ “แล้วก็ตอบฉันมาเดี๋ยวนี้ จอร์จ นายชอบลูน่าใช่ไหม!”


              “ใช่ ฉันชอบ แต่พวกนายรู้อยู่แล้วนี่”


            “หมายความว่าไง ที่ว่า ‘พวกนายรู้อยู่แล้ว’ ” รอนขมวดคิ้วมองเฟร็ดกับแฮร์รี่พลางเอามือปัดประกายดาวจากดอกไม้ไฟที่กระเด็นมา

    แถวหน้าเขา “อย่าบอกนะว่ารู้กันอยู่แล้วน่ะ -- ทำไมไม่บอกกันบ้าง”


              “ต้องให้เตือนความจำหน่อยไหม” เฟร็ดกอดอก “เมื่อวันเกิดฉันที่ผ่านมาตอนจอร์จนอนห้องพยาบาลเพราะตกจากไม้กวาดคราวนั้น 

    ฉันเคยบอกนายแล้วแต่นายไม่เชื่อเอง”


              “ฉันบอกแบบนั้นเหรอ”


              “ใช่” แฮร์รี่ช่วยเสริม “นายบอกว่าอย่าคิดนะว่านายไม่รู้ว่าวันนี้วันอะไร”


              รอนอ้าปากพะงาบๆ “แต่วันนั้นมันเป็นวันเมษาหน้าโง่ด้วยนี่ ฉันไม่เชื่อก็ไม่เห็นแปลก”


              “เดี๋ยวนะ นายบอกรอนเหรอ เฟร็ด” จอร์จพูดแทรก จ้องหน้าเฟร็ด


              “ใช่ จอร์จจี้ แต่นายก็เห็นแล้วนี่ รอนเชื่อฉันซะที่ไหน -- อีกอย่าง เขารู้กันตั้งชาตินึงแล้วรอน”


              ข้อมูลใหม่นี้ทำให้รอนยิ่งนึกฉุน “แล้วพวกเชมัสล่ะ เนวิลล์ ดีน เฮอร์ไมโอนี่ จินนี่ด้วย พวกนั้นรู้ด้วยไหม”


              “รู้หมดแล้ว” แฮร์รี่ตอบเรียบๆ ก่อนสะดุ้งเพราะรอนโพล่งออกมาว่า


              “เจ้าพวกคนทรยศ!”



              ลูน่าเปลี่ยนเป็นชุดนอนและกลับเข้ามาในห้องนอนพร้อมนอนเต็มที่ แต่บนเตียงสี่เสาของเธอกลับมีเพื่อนสนิทนอนจองเอาไว้ 

    เด็กสาวผมบลอนด์รู้ทันทีว่าคืนนี้คงยังไม่ได้นอนเร็วๆ นี้แน่


              “มานั่งเร็ว” มาเรียลุกจากเตียงมาลากลูน่าให้ไปนั่งที่เตียง

                

              “มีอะไรเหรอ มาเรีย”


              “แค่จะคุยด้วยนิดหน่อยเรื่องงานเต้นรำคืนนี้น่ะ แต่ก่อนอื่น -- ไหนดูซิ” ว่าแล้วเธอก็ยกมือสองข้างทาบแก้มลูน่า จับหันซ้ายทีขวาที 

    “อุ๊ย มีสาวน้อยแก้มแดงกำลังเขินอยู่ตรงนี้หนึ่งคนล่ะ”


              “ฉันน่ะหรือ” ลูน่าจ้องตามาเรียเขม็ง ยกมือจับแก้มตัวเอง


              “มีอะไรคืบหน้าบ้างหรือเปล่า เธอกับเขาน่ะ คงไม่ต้องให้บอกนะว่าฉันกำลังพูดถึงใคร”

                

              “หมายถึงอะไร”

                

              มาเรียจิ๊ปากอย่างขัดใจ “ก็คุณวีสลีย์ของเธอไง เขาบอกชอบเธอหรือยัง”

                

              ลูน่านั่งนิ่งราวรูปสลักหิน ทว่าในหัวนั้นมีแต่คำพูดของจอร์จในคืนนี้วิ่งเข้ามาตีกันวุ่นวายไปหมดก่อนจะส่ายหัว “เปล่า เขาแค่ถามว่า

    ฉันจะไปฮอกส์มี้ดกับเขาตอนวันหยุดครั้งหน้าไหมก็แค่นั้น”

                

              “โถ เด็กน้อยของฉัน! นั่นมันก็เท่ากับเขาบอกเธออ้อมๆ อยู่ไม่ใช่หรือ -- ถ้าเขาไม่ได้ชอบเธอแล้วจะชวนเธอไปฮอกส์มี้ดทำไม 

    นั่นน่ะเขาเรียกว่าขอเดท เขาขอเธอออกเดทน่ะเข้าใจไหม”

                

              “ทำไมเธอถึงคิด --”

                

              “พนันได้เลย คนอื่นเขาก็คิดเหมือนฉัน ว่าแต่เธอเถอะ คิดยังไงกับเขา”

                

              ลูน่าตั้งตัวแทบไม่ทันกับมาเรียที่จู่ๆ ก็ยิงคำถามมา ฟังคำถามจบ ภาพตอนที่เต้นรำกับเขา ภาพที่เขาจูบหลังมือเธอก็ย้อนกลับมา

    ฉายซ้ำ ทำเอาหัวใจเต้นแรง เลือดสูบฉีดจนหน้าร้อนผ่าว ความง่วงที่มีลอยหายไป -- ถึงไม่ตอบ มาเรียก็จับอะไรบางอย่างได้จากปฏิกิริยา

    เพื่อนสนิทของเธอ


            มาเรียยกยิ้มมุมปาก ลุกจากเตียงเพื่อปล่อยให้ลูน่าได้คิดอะไรตามลำพัง “ฝันดีนะ” เธอกล่าวฝันดี ปิดม่านคืนให้แต่แล้วก็อดไม่ได้ที่จะ

    กลับมาหยิกแก้มเพื่อนผมบลอนด์เบาๆ อีกทีนึง โทษฐานที่ทำให้เธอมันเขี้ยว


              ลูน่าเอนตัวลงนอน มือขาวซีดจับที่สร้อยรูปพระจันทร์ตรงคอตัวเองเบาๆ เวลาที่นึกถึงคนให้สร้อยเส้นนี้ รอยยิ้มก็ผุดขึ้นมาซะดื้อๆ 

    เด็กสาวยิ้มกับตัวเองก่อนเอาหน้าซุกหมอนด้วยความเขิน   



              ทางด้านหอกริฟฟินดอร์เองก็ยังไม่นอน แถมดูจะจริงจังกว่าทางบ้านเรเวนคลอเสียด้วยซ้ำ รอนกับแฮร์รี่กลับไปเปลี่ยนเป็นชุดนอน

    แล้วรีบกลับมายังห้องนอนของเด็กปีหกอีกครั้ง


              “เห็นว่าจะคุยกันต่อ ฉันเองก็ยังไม่ง่วงด้วย” รอนว่าพลางนั่งลงข้างลีบนพรมที่พื้น


              “ส่วนฉัน -- พูดตามตรง ฉันว่าจะมาขอความเห็นเรื่องไขปริศนาภารกิจที่สอง”


              คืนนี้ยาวไกลยิ่งกว่าใครในกลุ่มคาดคิด พวกเขานั่งคุยกันจริงจังแบบไม่รู้ตัวเรื่องปริศนาในไข่สีทองที่แฮร์รี่ได้มันมาตอนภารกิจที่หนึ่ง 

    หนึ่งชั่วโมงผ่านไปตอนนี้กลายเป็นพวกผู้ชายนั่งล้อมวงคุยกันตามประสาหนุ่มๆ -- แสงไฟสลัวจากตะเกียงส่องต้องหน้า ทุกคนต่างมีใบหน้า

    แจ่มใส ไม่มีใครง่วง ไม่มีใครหาว จะมีก็แต่แววตากระหายความอยากรู้ที่จ้องมายังจอร์จ


              “ที่พวกนายไม่ง่วงเลยมานั่งคุยกันนี่ฉันไม่สงสัย แต่ทำไมต้องปิดไฟทั้งห้องแล้วลงมานั่งที่พื้นล้อมวงตรงหน้าตะเกียงอันเดียวด้วย” 

    จอร์จขมวดคิ้ว มองเฟร็ดที่เป็นตัวตั้งตัวตีให้ลงมานั่งแบบนี้


              “ดูศักดิ์สิทธิ์จะตายไป นายจะได้ไม่โกหกพวกเรา”


              “ฉันจะไปโกหกอะไรได้อีกล่ะ ก็รู้กันหมดอยู่แล้วนี่”


              “นายจะบอกแม่หนูลูน่าเมื่อไร ฉันบอกแคตี้ไปแล้วนะ”


              โดยไม่ได้นัดหมาย สายตาสี่คู่จ้องไปที่เฟร็ดราวกับสิงโตจ้องจะกินเหยื่อ


              “นายบอกอะไรแคตี้ เฟร็ดดี้”


              “บอกชอบไง” เฟร็ดตอบเรียบๆ เหมือนไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่นั่นยิ่งทำให้ทั้งกลุ่มนั่งแทบไม่ติดพื้น “พวกนายตื่นเต้นอย่างกับตัวเอง

    เป็นฉันงั้นแหละ”


              “นายบอกตอนไหน”


              “ตอนที่นายมัวแต่เต้นรำกับนังหนูของนาย”


              “แล้วแคตี้ตอบนายว่าไง” ลีคว้าคอเสื้อเฟร็ด เค้นเอาคำตอบ


              “ไม่ได้ตอบอะไร”


              “ไม่ได้ตอบเนี่ยนะ” รอนตั้งข้อสงสัย “เป็นไปได้ไง”


              “ก็ฉันไม่ได้ต้องการคำตอบตอนนี้ ฉันแค่อยากบอกก็เลยบอก -- แหม พวกนายให้เวลาแคตี้คิดบ้างสิ”


              “ถ้าแคตี้ตอบว่าชอบนายเหมือนกันล่ะ” แฮร์รี่ถาม


              “ก็ดีสิ”


              “แต่ถ้าแคตี้ตอบตรงข้ามล่ะ” จอร์จถามบ้าง  


              “-- นั่นก็ไม่ดีเท่าไร ช่างเรื่องของฉันเถอะน่า เรามาคุยกันเรื่องจอร์จนี่ สรุปนายจะบอกเมื่อไร”


              พอเข้าเรื่องนี้จากที่จอร์จยิ้มเรื่องเฟร็ดก็ห่อเหี่ยว “ฉันไม่รู้ ขนาดตอนไปงานวันนี้ยังบอกขอบคุณที่ชวนเธอในฐานะเพื่อนเลย 

    อีกอย่างฉันยังไม่แน่ใจว่านังหนูคิดเหมือนฉันหรือเปล่า” เขายักไหล่ โบกไม้กายสิทธิ์เสกให้กระต่ายกระดาษตัวน้อยที่เขานั่งพับมีชีวิต 

    มันกระโดดไปรอบๆ ห้องอย่างร่าเริง -- ให้ตาย มันทำให้เขาคิดถึงลูน่าอีกแล้ว!


              “เอางี้ ฉันว่าอย่างแรกเลย นายคิดว่าแม่หนูลูน่ารู้รึเปล่าว่านายจีบอยู่”


              “นั่นแหละปัญหา ...บางทีอาจจะรู้บ้างแล้วก็ได้ บางทีน่ะนะ”


              “ฉันว่าอาจจะรู้นิดนึง” ลีพูด หันไปขอความเห็นจากเฟร็ด


              “ฉันก็ว่างั้น -- ยกเว้นก็แต่รอนที่ทึ่มอยู่ตั้งนาน”


              “เฮ้!” รอนท้วง “อย่ามาว่าฉันนะ ก่อนหน้านั้นลูน่าก็ไม่รู้เหมือนฉันนั่นแหละ”


              เฟร็ดทำเสียงจุ๊ๆ “มันไม่เหมือนกันน่า แม่หนูลูน่าเป็นคนโดนจีบ วิธีตีสนิทแบบเนียนๆ อาจทำให้ไม่ทันได้สังเกตก็ได้ แต่นายมองจาก

    มุมคนนอก ยังไงก็ต้องมีเอะใจบ้างสิ ขนาดเชมัสเพื่อนนายยังดูออกจนต้องเอาชื่อนาตาลีมาอ้างเลย ทั้งที่ไม่มีตัวตนจริงๆ”


              “ว่าไงนะ!” รอนถามย้ำ เขาดูตกใจจริงๆ “ถึงว่าสิ ฉันคอยฟังพวกรุ่นน้องคุยกันตอนเดินผ่านตลอด ไม่เห็นมีใครชื่อนาตาลีสักคน” 

    รอนบ่นงึมงำกับตัวเอง ฟังดูเหมือนเสียงผึ้งบินหึ่งๆ


              “เออนี่ แม่หนูลูน่าตอบตกลงไปฮอกส์มี้ดกับนายแล้วนี่”


              “ใช่”


              “อย่าลืมที่ฉันกับเฟร็ดบอกนะ” ลีเสริมพลางยักคิ้วหลิ่วตาอยู่กับเฟร็ดกันสองคน “ตอนที่ไปดื่มบัตเตอร์เบียร์กันสองคนน่ะ”


              “บอกอะไรกันเหรอ” รอนยื่นหน้าเข้าใกล้ตะเกียงมากขึ้น โน้มตัวไปหาเฟร็ดกับจอร์จ


              เฟร็ดยกมือดันหน้ารอนให้กลับไปนั่งที่เดิม “เรื่องของผู้ใหญ่ เด็กอย่างนายอย่ารู้เลย”


              “อ้อเหรอ งั้นพี่ลืมไปหรือเปล่าว่าลูน่าที่จอร์จจีบอยู่น่ะเด็กกว่าฉันหนึ่งปี”


              “แหม ทีอย่างนี้ล่ะฉลาดขึ้นมาเลยเชียว -- แต่ฉันไม่บอกนายหรอก”


              “ก็ได้ เฟร็ด แล้วอย่ามาบอกฉันทีหลังล่ะ! จะว่าไป ทำไมพี่ไม่ลองจีบคนอื่นต่อหน้าลูน่าดูล่ะ จอร์จ จะได้รู้ว่าเธอชอบพี่หรือเปล่า”


              “ไม่เอาล่ะ ฉันยังไม่เห็นข้อดีจากการทำอย่างนั้นเลยสักข้อ เล่นกับความรู้สึกคนมันไม่สนุกนักหรอก ขืนนังหนูไปชอบคนอื่นขึ้นมา

    ฉันจะทำยังไง อีกอย่าง...ฉันจริงจัง”


              ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล -- ใครจะไปคิดว่าทั้งเพื่อน ฝาแฝดตัวเอง น้องแล้วก็เพื่อนของน้องจะมานั่งรวมกลุ่มเพื่อหารือว่าจอร์จจะทำยังไง

    ตอนที่ไปฮอกส์มี้ดเพื่อมัดใจนังหนู และแล้วทั้งหมดก็นอนแผ่อยู่บนพื้นที่ห้องนี้ รวมทั้งรอนกับแฮร์รี่ที่ขี้เกียจลากสังขารตัวเองกลับห้องด้วย 

    สร้างความประหลาดใจให้รูมเมทอีกสองคนที่เพิ่งกลับมา ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้ปลุกแถมยังปล่อยให้นอนกันอย่างนั้นจนถึงเช้าโดยมีแขนเฟร็ด

    พาดหน้ารอนอยู่แล้วเจ้าตัวคิดว่าเป็นพิกวิดเจียน นกฮูกตัวจ้อยของเขา



             เช้าวันคริสต์มาสเริ่มต้นด้วยการแกะห่อของขวัญที่วางอยู่ท้ายเตียง ลูน่าได้รับถุงมือชนิดหนาพิเศษสำหรับช่วงฤดูหนาว

    จากเซโนฟิเลียส ถุงมือข้างหนึ่งเป็นสีม่วง ส่วนอีกข้างเป็นสีส้ม เธอไม่รอช้าหยิบมันมาใส่ทันที

                

             เวลาเดียวกันในห้องโถงใหญ่ มีกลุ่มใหญ่ๆ นั่งอยู่ด้วยกันประจำโต๊ะกริฟฟินดอร์ พี่น้องวีสลีย์มานั่งรวมกันในวันครอบครัวตามคำบอก

    ของคนที่อายุเยอะที่สุดตอนนี้อย่างเฟร็ด โดยมีแฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี่ คอลินและเดนนิสที่สวมหมวกสีเหลืองแสบตาที่ได้จากประทัดคริสต์มาส

    มานั่งรวมอยู่ด้วย


              รอนผู้มีรอยแดงพาดหน้าเพราะแขนเฟร็ดนั่งจ้องห่อกระดาษห่อหนึ่งตรงหน้าจอร์จที่มีตัวหนังสือลายมือที่คุ้นเคยดีเขียนว่า 

    ‘ ลูน่า เลิฟกู๊ด ’ ราวกับเพ่งกระแสจิตดูว่าข้างในนั้นมีอะไร “พวกนายคิดว่าในนั้นเป็นอะไร” เขาถามทั้งที่ปากยังเคี้ยวแซนด์วิชตุ้ยๆ


              จินนี่วางแก้วนมอุ่นๆ ลง “หนูว่าแม่คงถักอะไรสักอย่างมาให้เหมือนพวกเรานั่นแหละ” เธอตอบ มองห่อกระดาษอย่างพินิจพิจารณา

    ด้วยเหมือนกัน ห่อกระดาษนี้มาจากมอลลี่ แม่ของพวกเขาที่ส่งตรงมาจากบ้านโพรงกระต่ายถึงมือจอร์จแล้วเขียนกำชับว่าให้พี่ชายฝาแฝด

    เป็นคนมอบให้ลูน่าด้วยตัวเอง


              “งั้นฉันว่าเขาคงไม่รับหรอก ว่าไหม” รอนยังพูดต่อไป ทำเอาเฮอร์ไมโอนี่เริ่มขยับห่างจากเขาเรื่อยๆ “ดูเสื้อที่แม่ถักให้ฉันกับจินนี่

    แล้วก็แฮร์รี่สิ -- สีสันจัดจ้านอย่าบอกใครเชียว” เขาจับเสื้อกันหนาวสีแดงตัวใหม่ที่แม่ถักให้


              “ลูน่าไม่ทำแบบพี่หรอกน่า” จินนี่แย้ง ส่งจานคุกกี้ต่อให้คอลิน “แม่อุตส่าห์ตั้งใจถักให้เชียวนะ แล้วมันก็อุ่นดีด้วย”


              “พูดได้เพราะสีเสื้อของเธอดูดีกว่าของฉันน่ะสิ จินนี่”


              “เอาล่ะหนูๆ พี่ใหญ่อย่างฉันไม่อยากฟังพวกนายเถียงกันแต่เช้าหรอกนะ --” เฟร็ดเว้นช่วง มองเห็นเด็กสาวผมบลอนด์ร่างเล็ก

    เดินมาพร้อมกับมาเรียเพื่อนสนิท เขาลุกขึ้นยืนโบกมือให้ทั้งสอง จอร์จลุกตามด้วย “แม่หนูลูน่า มาเรีย มานั่งด้วยกันสิ!”


              เฮอร์ไมโอนี่หันขวับไปหาเชมัสที่อยู่ดีๆ ก็สำลักนมขึ้นมา เธอที่นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างรอนกับเชมัสนั้นอยากจะร้องไห้ 

    การจะกินอาหารเช้าแบบสงบสักวันนั้นไม่มีเลยหรือ? แค่ข่าวในเดลี่พรอเฟ็ตที่ริต้า สกีตเตอร์เขียนข่าวถึงเธอกับวิกเตอร์ครัมโดยไม่เคยเขียน

    ถึงการประลองเวทไตรภาคีที่ควรจะเป็นข่าวมากกว่าเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ที่ไม่ได้มีความจริงนั้นทำเอาเธอหงุดหงิดมากพออยู่แล้ว


              ลูน่ากับมาเรียเดินมานั่งที่โต๊ะกริฟฟินดอร์ตามคำชวน แฮร์รี่รีบขยับไปหาเดนนิสเพื่อเว้นที่ให้ลูน่าได้นั่งข้างคนที่คนทั้งกลุ่มก็รู้ว่าใคร


              “แฮปปี้คริสต์มาสทุกคน!” ลูน่าบอกพลางไล่สายตามองทุกคนพร้อมด้วยรอยยิ้มสดใส


              “แฮปปี้คริสต์มาส ถุงมือนั่นสวยดีนะ” จินนี่ชมถุงมือคู่ใหม่ที่สีสันบาดตาขณะคิดว่าถ้าลูน่าได้ใส่พร้อมกับสิ่งที่แม่ถักให้จะออกมา

    เป็นยังไง ตัวเธอคงเต็มไปด้วยสีสันรับเทศกาลนี้น่าดู


              เฟร็ดดันถุงขนมที่มีทั้งพาย มัฟฟินและทาร์ตผ่านหน้าจอร์จให้ผู้มาใหม่ “เอ้านี่ แม่ฉันให้มาแบ่งกันกิน ลองกินดู” และเลื่อนถุงเยลลี่

    ถุงใหญ่ที่บิลกับชาลีแล้วก็เพอร์ซี่ส่งรวมกันมาให้


            “มัฟฟินอร่อยนะ” จอร์จแนะนำ เทนมจากเหยือกใส่แก้วส่งให้ลูน่า ทว่าเห็นมาเรียมองกดดันมาจนทำตัวไม่ถูกเลยเทให้เธอด้วยอีกแก้ว


              มาเรียขำน้อยๆ ไปกับคนอื่นในโต๊ะแต่ก็รับนมแก้วนั้นมาด้วยความยินดี “ขอบคุณ”


              เวลานี้เด็กๆ ตระกูลวีสลีย์ต่างก็ลุ้นไปด้วยว่าข้างในห่อกระดาษที่พ่อกับแม่ส่งมาให้ลูน่านั้นคืออะไร -- ที่ลุ้นยิ่งกว่าคือเมื่อไรจอร์จ

    จะหยิบให้เจ้าของของขวัญนี้สักที


              เฟร็ดยกศอกถองสีข้างฝาแฝดคนน้องเบาๆ “รออะไรอยู่ ให้ไปเลยสิ -- เอ้อนี่ แม่หนูลูน่า แม่กับพ่อพวกฉันมีของขวัญมาให้เธอด้วยล่ะ 

    เอาให้สิจอร์จ”


              จอร์จถลึงตาใส่เฟร็ด แต่ก็หันไปหาเด็กสาวพร้อมยื่นห่อกระดาษให้ “แม่ให้รวมมากับห่อของขวัญของฉันแล้วก็เขียนว่าให้ฉัน

    เอามาให้เธอด้วย”


              “ขอบคุณค่ะ” ลูน่ารับมาด้วยความประหลาดใจปนตื่นเต้นเมื่อได้เห็นชื่อของเธออยู่บนห่อของขวัญ “ฉันแกะดูเลยได้ไหม”


              “เรากำลังรอเวลานี้อยู่เชียว” รอนบอกก่อนถูกจินนี่หยิกที่ขา เขาทำหน้าเบ้แล้วมองคนหยิก “ก็ฉันอยากรู้นี่ เธอไม่อยากรู้หรือ”


              จอร์จส่ายหัว “อย่าไปสนใจสองคนนี้เลย เธอแกะดูเลยก็ได้ นังหนู”


              ลูน่าพยักหน้า เริ่มต้นแกะริบบิ้นสีแดงที่ผูกมาออกและเปิดห่อดู เป็นผ้าพันคอที่รวมไหมพรมหลากสีมาอยู่ในผืนเดียว เธออ้าปากค้าง

    ก่อนฉีกยิ้มกว้าง “สวยจัง” มือขาวซีดหยิบออกมาดู สัมผัสนุ่มนิ่มนั้นทำให้เธอเผลอลืมตัวเอามาแนบแก้มอย่างรักใคร่ก่อนเอามาพันคอ 

    ลูน่ายิ้มบางๆ อย่างพอใจที่ผ้าพันคอผืนนี้ทั้งนิ่มแถมยังอุ่นมากด้วย


              จอร์จจ้องมองด้วยความเอ็นดู ท่าทางของเธอทำเอาหัวใจแทบเหลวเป็นน้ำ อยากพากลับบ้านไปหาพ่อแม่ซะเดี๋ยวนี้เลย!   


              “อ้าว ชอบด้วยแฮะ” รอนกะพริบตามองปริบๆ เขาลืมไปว่าเด็กผู้หญิงตรงหน้านี้ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา ดูจากถุงมือสีม่วงข้างนึง 

    สีส้มอีกข้างและถุงเท้าสีเขียวที่ไม่ได้มีความเข้ากันเลยก็น่าจะรู้แล้วแท้ๆ


              ลูน่าหยิบการ์ดที่อยู่ในห่อออกมาอ่าน ตัวหนังสือที่ถูกเขียนด้วยลายมือทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นขึ้นมากกว่าเดิม


    .  .  .  .  .  .  .  .  .  .  .  .  . 

    สุขสันต์วันคริสต์มาสนะจ๊ะหนูลูน่า

    มอลลี่และอาเธอร์ วีสลีย์

     

    แฮปปี้คริสต์มาส ฝากดูแลน้องชายจอมแสบของพวกเราด้วยนะ

    บิล

     

    เมอร์รี่คริสต์มาส มังกรน้อย!!

    ชาลี

    .  .  .  .  .  .  .  .  .  .  .  .  . 


              จอร์จหรี่ตาแอบอ่านการ์ดในมือลูน่า ได้แต่นึกในใจ อยู่ดีๆ พวกที่บ้านจะมานึกเอ็นดูออกหน้าออกตาอะไรกันขนาดนี้! เขาเข้าใจแล้ว

    ว่าทำไมบิลกับชาลีถึงให้ตอบจดหมายไปเมื่อคืน พวกนั้นคงรอข่าวแล้วบอกแม่จนแม่ต้องส่งของขวัญมาแน่นอน


              “มีอะไรอยู่ใต้กระดาษของนายแน่ะ” ลีชี้มาทางจอร์จ


            จอร์จเลิกคิ้ว ยกถุงกระดาษออก มีจดหมายอยู่ฉบับหนึ่งอยู่จริงๆ คนผมแดงหยิบขึ้นมาคลี่ดู พบตัวหนังสือที่ถูกเขียนด้วยลายมือของบิล 

    พี่ชายคนโตของบ้าน


    .  .  .  .  .  .  .  .  .  .  .  . 

         ถึง น้องชายผู้กำลังตกหลุมรัก   

       

             พยายามเข้าจอร์จี้! พวกพี่ช่วยเต็มที่แล้วนะ ตอนที่นั่งห่อของขวัญหลังจากอ่านจดหมายที่นายส่งมา แม่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวล่ะ

    แฮปปี้คริสต์มาส -- ฝากให้เฟร็ด รอน จินนี่อ่านบรรทัดนี้ด้วย หรือนายจะบอกเลยก็ได้ ใช้กระดาษหลายแผ่นมันเปลือง

    ปล. ถึงคนที่นายจีบจะอายุสิบสาม แต่ก็อย่าปล่อยให้สะใภ้วีสลีย์คนนี้หลุดมือไปล่ะ!


    รักและคิดถึง

    บิล กับ ชาลีที่นั่งพูดกำกับอยู่ข้างๆ

    น่ารำคาญชะมัด     

    .  .  .  .  .  .  .  .  .  .  .  .  . 

     

              จอร์จพ่นลมออกทางจมูก หลุดขำบรรทัดสุดท้ายที่คงเป็นชาลีที่ขีดฆ่าเอาไว้


              เฟร็ดชำเลืองอ่านจดหมายด้วยแล้วยืดตัวขึ้น “ตัวฉันเอง รอน จินนี่ฟังนะ บิลกับชาลีเขียนมาบอกว่าแฮปปี้คริสต์มาส”


              เด็กๆ วีสลีย์นั่งฟังเฟร็ดแล้วยิ้มออกมา ถึงพวกพี่คนโตสองคนนั้นแทบไม่ต่างจากเฟร็ดกับจอร์จแต่พวกเขาก็เป็นที่รักของน้องทุกคน


              “เธอชอบไหม นังหนู”


              “ฮื่อ ชอบมากเลย ขอบคุณนะ ฝากขอบคุณแม่ของคุณด้วย”


              “ฉันว่านั่นไม่ใช่ความตั้งใจของแม่ฉันนะ แม่หนูลูน่า” เฟร็ดชะโงกหน้ามาคุยด้วย


              จินนี่พยักหน้าเห็นด้วย “แม่คงจะดีใจกว่า ถ้าเธอไปขอบคุณด้วยการไปหาที่บ้านโพรงกระต่ายบ่อยๆ”


              “ช่าย” รอนลากเสียง “แล้วก็จะมีคนแถวนี้ดีใจยิ่งกว่าแม่ด้วย”


              มาเรียมีความคิดผุดขึ้นมาในหัว ‘บางทีครอบครัวนี้ก็สามัคคีกันจนน่ากลัว’


              เวลาทั้งบ่ายพวกเขายังคงปักหลักนั่งที่เดิมในห้องโถงใหญ่โดยมีหมากรุกพ่อมดและไพ่สแนประเบิดปังช่วยสร้างความสนุกสนาน


              ในเกมหมากรุกพ่อมดนั้นแน่นอนว่ารอนกินเรียบ และตอนนี้ระหว่างเล่นไพ่สแนประเบิดปัง เขาก็กำลังรอให้ไพ่ที่ลูน่าวาง

    มันระเบิดออกมา คนที่ลุ้นยิ่งกว่าหนีไม่พ้นจอร์จ เขาลุ้นตามจนรำคาญผมที่ยาวมาเกะกะปรกหน้าเลยต้องขอยางมัดผมจากจินนี่

    แล้วมัดผมตัวเองซะเลย


              ลูน่ากำลังบรรจงวางไพ่ช้าๆ แวบนึงที่เธอเหลือบไปมองเห็นหน้ารอนที่กำลังลุ้นจนจมูกบานๆ หุบๆ ทำเอาสมาธิแตกกระเจิง 

    หลุดหัวเราะดังลั่นและพริบตานั้นเอง ไพ่ที่เธอวางเกิดระเบิดดังปัง!

                

            “เธอแพ้แล้ว ลูน่า!” รอนร้องอย่างดีใจไม่สนว่าเด็กสาวบ้านเรเวนคลอจะยังหัวเราะเขาไม่หยุด “เอ้านี่บทลงโทษ -- กินเปปเปอร์อิมพ์ซะ”   


              ทุกคนต่างให้กำลังใจลูน่าและโล่งใจไปพร้อมๆ กัน โดยเฉพาะแฮร์รี่ เขายังจำได้ดีว่าเจ้าขนมนี่มันร้ายกาจพอๆ กับเฟร็ดจอร์จเชียวล่ะ


              ลูน่ายอมรับเปปเปอร์อิมพ์มาอย่างจำนนต่อหลักฐานหลังเช็ดน้ำตาที่ไหลเพราะหัวเราะเสร็จ


              จอร์จฉวยเปปเปอร์อิมพ์จากมือลูน่าก่อนที่เธอจะกินมัน “ฉันกินเอง”  


              เขาโยนมันเข้าปากแล้วเคี้ยว ใบหน้าเหยเกเพราะความเผ็ดเริ่มออกฤทธิ์ ทั้งหน้า ใบหูลามไปถึงคอเปลี่ยนเป็นสีแดงจัด 

    มีควันโชยออกมาจากปากเพราะเขาสำลัก


              รอนมองพี่ชายฝาแฝดที่ไอจนน้ำตาไหล “แหม กินแทนกันขนาดนี้ก็ไม่ต้องมีกฎกันแล้วม้างง”


              ลูน่าแทบไม่ได้ยินที่รอนพูดเลยเพราะเธอมัวแต่หาน้ำมาให้จอร์จดื่ม


              คนผมแดงกุมมือที่ถือแก้วน้ำให้เขาแล้วยกดื่มรวดเดียวทั้งที่มือยังจับอยู่ ดวงตาที่แดงก่ำเพราะความเผ็ดหลุบลงมองคนตัวเล็กกว่า

    อย่างต้องการเรียกคะแนนความสงสาร -- ที่เป็นอยู่ตอนนี้อาจยังไม่น่าสงสารมากพอ จอร์จเลยถ่างตาโดยไม่กะพริบเพื่อให้น้ำตาไหลอีก

    จะได้ดูสมจริงมากยิ่งขึ้น ทว่ามันส่งไปไม่ถึงลูน่า น้ำตาหยดเดียวแสนมีค่าของเขาไหลลงไปหยดแหมะที่พื้นตอนที่เธอหันไปทางอื่นพอดี 

    จอร์จเบะปาก แต่แล้วกลับมีทาร์ตน้ำตาลข้นจ่อปากเขา


              “กินนี่อาจช่วยให้ดีขึ้นได้นะ”


              จอร์จอ้าปากรับอย่างยินดีแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ จนแก้มพองเหมือนหนูที่รอนเคยเลี้ยงเวลาที่มันเก็บเมล็ดถั่วเอาไว้ในกระพุ้งแก้ม 

    -- เขาโยนเรื่องน้ำตาเรียกคะแนนความสงสารนั่นไป เวลานี้จะมีอะไรคุ้มกว่าการที่นังหนูป้อนทาร์ตน้ำตาลข้นให้กับมือเธอเองอีกหรือ?!  

     

              ระหว่างที่จอร์จมีความสุขจนตัวแทบลอย ข้างหลังมาเรียนั้นมีเชมัสยืนอยู่ เขายื่นเยลลี่เม็ดทุกรสของเบอร์ตี้บอตต์กล่องใหญ่ให้เธอ

    เป็นของขวัญ


              “ถ้าเธอไม่ชอบก็แบ่งคนอื่นเอาละกัน” เขาพูดโดยไม่มองหน้ามาเรียก่อนเดินไปหาดีนตรงหน้าประตูแล้วพากันเดินออกไป


              ลีไล่สายตามองตามรุ่นน้องบ้านเดียวกันไปจนลับตา “ดูเหมือนเราจะมีคู่ใหม่จากกริฟฟินดอร์กับเรเวนคลออีกคู่แล้วสินะ...”


            เฟร็ดพยักหน้าเห็นด้วย เขาปล่อยให้จอร์จเสพความสุขต่อไปโดยไม่มองต่อให้เกิดความอิจฉาในใจ เขากับลีมองมาเรีย เธอไม่ได้มีท่าที

    ขัดเขินอะไร ต่างจากเชมัสที่ทั้งหน้ากลายเป็นสีแดงด้วยความเขิน เธอแกะห่อแล้วก็กินเยลลี่ไปเป็นเม็ดที่สามแล้ว แถมยังแบ่งให้จินนี่ ลูน่า 

    คอลินแล้วก็เดนนิสกินอีกด้วย


       

              คืนวันสิ้นปีที่บ้านโพรงกระต่าย ครอบครัววีสลีย์อันประกอบด้วยอาเธอร์ มอลลี่ เพอร์ซี่ บิลและชาลีที่ลางานมาที่บ้านกำลังมี

    งานเลี้ยงฉลองเล็กๆ ในห้องนั่งเล่นแสนอบอุ่น ไฟที่ลุกโชนในเตาผิงช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับห้องเล็กๆ นี้ ต้นคริสต์มาสถูกประดับตกแต่ง

    ด้วยสายรุ้งหลากสีฝีมือบิลกับชาลี แถมพวกเขายังชวนเพื่อนบ้านอย่างเซโนฟิเลียสมาร่วมงานด้วย

                

              “ขอบคุณนะมอลลี่ สำหรับผ้าพันคอที่คุณส่งให้ลูกสาวผม” เซโนฟิเลียสผู้อยู่ในชุดสีเขียวสดกล่าวขอบคุณจากใจจริงที่ครอบครัวนี้

    เอ็นดูลูกสาวของเขาแถมยังใจดีเสมอมา  

                

              มอลลี่ยิ้มกว้าง “แหม หนูลูน่าก็เหมือนลูกสาวอีกคนของฉัน อีกอย่างแกก็สนิทกับลูกๆ พวกเราด้วยนี่นะ”

                

              “ครับ โดยเฉพาะฝาแฝด -- ดูเหมือนมีคนหนึ่งที่ดูจะสนิทกับลูน่าเป็นพิเศษ” เซโนฟิเลียสพูดเรียบๆ สองสามีภรรยามองตากัน

    แล้วยกบัตเตอร์เบียร์อุ่นๆ ขึ้นจิบโดยไม่พูดอะไร “เขาขอลูน่าเป็นคู่เต้นรำในงานเลี้ยงฉลองที่ผ่านมาด้วย”

                

              “ใช่ ฉันก็ได้ยินมาแบบนั้นเหมือนกัน -- หนูลูน่าต้องน่ารักมากแน่ๆ จอร์จเขียนมาบอกฉันว่าแกน่ารักมาก -- เอ้อ ฉันแค่เดาน่ะค่ะ 

    ไม่ได้มีจดหมายอะไรมาหรอก” เสียงมอลลี่แผ่วลงเรื่อยๆ เช่นเดียวกับเซโนฟิเลียสที่หน้าเริ่มตึงขึ้นเรื่อยๆ

                

              เพอร์ซี่ปล่อยให้พ่อแม่เคลียร์กับเซโนฟิเลียสกันต่อเองโดยไม่คิดจะเข้าไปแทรกอะไร บิลกับชาลีมองหน้ากันพลางยกแก้วชนกันเงียบๆ 

    กลางอากาศ ขณะที่พ่อกับแม่พวกเขาเริ่มเหงื่อตกn


              “แต่ลูกชายผม -- จอร์จน่ะ เขาก็เป็นเด็กดีใช้ได้คนนึงเลยนะ”


              “ใช่ๆ” มอลลี่เสริม “ถึงจะมีซนบ้างตามประสาเด็กผู้ชายแต่ก็ไม่ใช่เด็กเกเรแน่นอน ฉันมั่นใจ เอ่อ คุณคงไม่ให้พวกเขาเลิกคบกันใช่ไหม 

    หมายถึงแบบเพื่อนน่ะ”


              “แน่นอนครับ แน่นอนอยู่แล้ว ตราบใดที่พวกเขาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน”


              บิลวางแก้วบัตเตอร์เบียร์ “ถ้าเกิดว่ามีคนมาจีบลูน่าล่ะครับ”


              “ถ้ามีน่ะหรือ” เซโนฟิเลียสเลิกคิ้ว “ฉันมีลูกสาวคนเดียว ถ้ามีคนมาจีบก็คงก็ต้องมีคุยแบบส่วนตัวกับคนที่มาจีบกันหน่อยล่ะ 

    -- เห็นด้วยไหม”


              “เห็นด้วยทุกประการครับ!” บิลตอบเสียงสดใส ยกบัตเตอร์เบียร์ขึ้นดื่มอีกอึกพลางคิดในใจว่าจะส่งข่าวไปบอกให้จอร์จเตรียมตัว

    เอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ดีไหม กระทั่งได้ข้อสรุปดีๆ กับชาลีที่ลงความเห็นผ่านทางแววตาว่าปล่อยไว้ให้เป็นแบบนี้ก็สนุกดีเหมือนกัน 

    เขาจึงไม่ได้บอกเรื่องนี้ต่อกับน้องชายจอมแสบ...



    - Talk -


              ในขณะที่ครอบครัววีสลีย์เตรียมตัวอ้าแขนรับว่าที่สะใภ้วีสลีย์เต็มที่ แต่คุณพ่อตระกูลเลิฟกู๊ดก็ยังคงหวงลูกสาวดังเดิม 

    ยังไงก็ช่วยอวยพรให้จอร์จเอาชนะใจว่าที่พ่อตาได้ด้วยนะคะ =D

              บิลกับชาลีก็คือเฟร็ดกับจอร์จดีๆ นี่เองล่ะค่ะ อารมณ์แบบรักน้องนะแต่ก็อยากเห็นน้องโดนเซโนฟิเลียสสอบสวน 5555           

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×