คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #39 : 39 ll Grow old together
39
Grow old
together
เช้าวันนี้เป็นทั้งวันหยุดสุดสัปดาห์ ทั้งฮาโลวีน และวันประกาศชื่อตัวแทนเพื่อลงแข่งขันการประลองเวทไตรภาคี
เพราะอย่างนั้นแทนที่นักเรียนทั้งหลายจะเอาเวลาตอนเช้าตรู่แบบนี้ไปนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงนอนอันแสนอบอุ่น
พวกเขากลับตื่นเต้นและตื่นตัวที่จะตื่นเช้าเป็นพิเศษ ที่โถงทางเข้า นักเรียนฮอกวอตส์นับสิบเดินวนเวียนรอบถ้วยอัคนีที่วางบนแป้นสูง
ที่ตามปกติเอาไว้วางหมวกคัดสรร
มีเส้นสีทองบางๆ ขีดอยู่บนพื้นเป็นวงกลมรัศมีสามเมตรล้อมรอบถ้วย
เฟร็ด จอร์จและลี จอร์ดันรีบวิ่งลงบันไดด้วยท่าทางกระตือรือร้นมายังห้องโถง
พร้อมด้วยขวดยาเล็กๆ ในมือ
“มีใครใส่ชื่อลงไปบ้างหรือยัง” เฟร็ดเดินไปถามคอลินที่ถือกล้องเอาไว้ในมือ ดูตื่นเต้นกับรูปที่เพิ่งได้ถ่ายไป ข้างกันนั้นมีเดนนิส
น้องชายตัวเล็กของเขาที่กระโดดไปรอบๆ
เพื่อดูว่าข้างในถ้วยนั้นมีอะไรอยู่บ้างแต่ก็มองไม่เห็นเพราะตัวเล็กเกินไป
“ฮะ พวกเดิร์มสแตรงก์ทุกคนใส่ไปหมดแล้ว”
“ว่าไงนะ! โธ่ -- อดเห็นครัมจนได้” เสียงรอนร้องอย่างเสียดายดังมาจากบันไดขั้นบนสุด ผมเผ้าของเขากับแฮร์รี่ยังยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง
บ่งบอกให้รู้ว่าพวกเขารีบตื่นกันมากแค่ไหน ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่กับจินนี่เดินลงมาอย่างไม่รีบร้อน
“เอาล่ะ งั้นทีนี้ก็ถึงตาเราบ้าง พร้อมไหมจอร์จ -- จอร์จ -- จอร์จ! จอร์จไปไหน?” เฟร็ดชูขวดยาในมือค้างอย่างงุนงง
เมื่อกี้นี้ก็ยังยืนอยู่ด้วยกันตรงนี้แท้ๆ เขาหมุนตัวหาฝาแฝดคนน้องรอบทิศแต่ไร้วี่แวว
“นายเห็นจอร์จไหม ลี”
“นู่น” ลีทำปากยื่นบุ้ยใบ้ไปทางมุมห้องโถง
ตรงที่มีคนผมแดงตัวสูงกับเด็กสาวผมบลอนด์ยืนคุยกันอยู่อย่างสนิทสนม...
“เธอคอยดูได้เลย นังหนู” จอร์จชูขวดยาในมือให้ลูน่าดูพลางเขย่ามันเบาๆ “เดี๋ยวฉันจะกินยานี่เข้าไป ทีนี้นะ ฉันก็จะแก่ขึ้นมา
อีกสามสี่เดือน นั่นหมายความว่าฉันจะอายุสิบเจ็ดตรงตามเกณฑ์แล้ว ทีนี้ก็หมดปัญหา เธอเตรียมตัวเชียร์ฉันได้เลย!” คนผมแดงยิ้มกว้าง
อย่างภาคภูมิใจที่เขากับเฟร็ดแล้วก็ลีอดหลับอดนอนคิดยานี่ขึ้นมาได้สำเร็จ
ลูน่าพยักหน้าหงึกหงักพลางเอาใจช่วยพวกเขาอยู่ห่างๆ เพราะถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ตามมาของนักเรียนอายุต่ำกว่าเกณฑ์
ที่ลองใส่ชื่อตัวเองลงไปแล้ว แต่ในใจลึกๆ เธอกลับมีความหวังว่าอย่างน้อยพวกเขาก็น่าจะทำได้ จอร์จเดินแยกกับเธอไปหาเฟร็ด
ที่ยืนเท้าเอวคอยอยู่แล้ว
“พร้อมหรือยัง จอร์จ”
“พร้อมเสมอเมื่อนายพร้อม ! ”
ฝาแฝดวีสลีย์คล้องแขนกันพร้อมกับดื่มยาในขวดจนหมดทุกหยด น้ำสีใสที่ไหลลงคอทำให้ร่างกายอุ่นวาบขึ้นมา
สองพี่น้องมองตากันอย่างรู้ใจ
กระโดดเข้าไปในเส้นสีทองรอบถ้วยอัคนีพร้อมกัน ทุกคนในที่นี้เงียบกริบเพื่อรอดูผล
สามวินาทีต่อมา ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฝาแฝดจึงตีมือกันให้กับก้าวแรกของชัยชนะและความฉลาดหลักแหลมของตนก่อนหันมา
ขอเสียงเชียร์จากรอบข้าง
ลูน่าชะโงกหน้าเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะคนอื่นต่างวิ่งกรูกันไปยืนรอบๆ เฟร็ดกับจอร์จ รอนกับแฮร์รี่ปรบมือพลางโห่ร้อง
เชียร์ไปกับคนอื่นๆ ว่า ‘วีสลีย์!
วีสลีย์! วีสลีย์!’
เมื่อได้รับเสียงเชียร์จนพอใจ เฟร็ดและจอร์จยื่นมือออกไปพร้อมกันแล้วใส่กระดาษเล็กๆ ที่มีชื่อตัวเองพร้อมชื่อโรงเรียน
ลงไปในถ้วย ฉับพลันนั้นเอง ขณะที่ทุกคนคิดว่ามันได้ผล กลับเกิดเสียงซู่ซ่าขึ้น เพียงเสี้ยววินาที ร่างทั้งสองของฝาแฝดก็ถูกเหวี่ยงออกมา
คนละทิศ
ทำให้พวกเขากลิ้งลงไปบนพื้นหินอันเย็นเฉียบ
ร่างของจอร์จถูกเหวี่ยงออกไปไกลสามเมตรก่อนจะกลิ้งไปหยุดอยู่ใกล้กับจุดที่ลูน่ายืนอยู่ ดวงตากลมสีซีดจ้องเขาเขม็ง
เธอเดินเข้าใกล้เขาหวังจะดูว่าเขาเป็นยังไงบ้างแล้วช่วยให้เขาลุกขึ้น ทันใดนั้นเอง ที่หน้าของคนผมแดงกลับมีเครายาวสีขาวงอกออกมา
ผมที่เคยเป็นสีแดงเพลิงแปรเปลี่ยนเป็นสีขาวโพลน
คนทั้งห้องส่งเสียงหัวเราะดังลั่นรับรุ่งอรุณ จอร์จชูมือจับมือเล็กที่ยื่นมาให้เขาจับแล้วพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น เด็กสาวกะพริบตาถี่ๆ
มองคนตรงหน้าแต่ไม่ได้หัวเราะไปกับคนอื่น
คนที่อดีตเคยผมแดงหันไปมองฝาแฝดคนพี่ของตัวเองเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น
เพียงวินาทีแรกที่สบตา ได้เห็นสภาพเคราของกันและกันแจ่มชัดสองตา
เสียงหัวเราะของทั้งคู่ก็ร่วมผสมโรงไปกับคนอื่นๆ ด้วย
กระทั่งเสียงหัวเราะเริ่มซาลงเพราะมาดามมักซีมเดินผ่านประตูหน้าเข้ามาจากข้างนอกปราสาท เธอเดินนำกลุ่มนักเรียนของเธอ
เข้ามาพร้อมสั่งจัดแถวและทุกคนก็เดินเรียงแถวเพื่อใส่ชื่อตัวเองลงไปในถ้วยอัคนี
จอร์จหลีกทางให้คนมาใหม่และหลบไปยืนอยู่ข้างๆ ลูน่าอย่างไม่ชอบใจนักที่รู้ว่าสายตาจากเด็กหนุ่มโบซ์บาตงคนนั้น
สามารถหาลูน่าเจอตั้งแต่นาทีแรกที่เข้ามา
โดมินิคบอกให้แคลร์ น้องสาวของเขายืนรอข้างนอกเส้นที่ขีดเอาไว้และใส่กระดาษที่มีชื่อตัวเองลงไป ก่อนหันกลับมาจับมือน้องสาว
แล้วพากันเดินมาหาเพื่อนใหม่ที่เพิ่งรู้จักกันเมื่อวานนี้
“อรุณสวัสดิ์ ลูน่า อากาศที่นี่ดีจังเลยนะ
สดชื่นดี” โดมินิคว่าพลางสูดอากาศเข้าเต็มปอด
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ!” แคลร์พูดอย่างร่าเริง
รอยยิ้มใสซื่อบริสุทธิ์ของเธอทำให้ลูน่ายิ้มตามไปด้วยอย่างง่ายดาย
“อรุณสวัสดิ์จ้ะ”
แคลร์ยิ้มตอบ
ก่อนจะเห็นว่ามีอีกคนที่ยืนอยู่ข้างลูน่าไม่ห่าง “คุณตามาทำอะไรเหรอคะ”
จอร์จถึงกับสะอึกไปเล็กน้อย เขาหันมองเสียงหัวเราะพรืดของโดมินิคแล้วเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองอยู่ในสภาพไหน เจ็บใจก็ส่วนหนึ่ง
แต่ขายหน้านี่สิยิ่งกว่า จอร์จพยายามฉีกยิ้มอย่างเป็นมิตรให้เด็กหญิงตัวน้อย
ย่อตัวลงแล้วพูดกับเธอด้วยเสียงที่ดัดให้เหมือนชายชรา
“ตาเป็นนักพยากรณ์
หนูน้อยเอ๋ย! ตามาดูว่าใครจะได้เป็นตัวแทนน่ะ”
“จริงเหรอคะ แล้วพี่ชายของหนูมีโอกาสจะได้เป็นตัวแทนไหม” เด็กน้อยแสนไร้เดียงสาเชื่ออย่างสนิทใจว่าชายตรงหน้าเป็นคุณตา
นักพยากรณ์
จึงถามถึงความเป็นไปได้อย่างเอาจริงเอาจัง
“มี -- มีสิ” จอร์จตอบอึกอัก “ตราบใดที่เขาอายุถึงสิบเจ็ดปี แน่นอนว่าต้องมีอยู่แล้ว อ้อ! จะว่าไป เธออยากรู้เรื่องความรัก
ด้วยไหมล่ะพ่อหนุ่ม”
ดวงตาสีน้ำตาลเหลือบมองคนพี่
โดมินิคมองลูน่าแล้วเลื่อนมามองอีกคน
“ครับ ถ้าคุณตาจะกรุณาทำนายให้ผม”
“อืม งั้นขอฉันใช้ดวงตาพยากรณ์หน่อยนะ” จอร์จยืดตัวขึ้น แสร้งยกมือจับหลังเพราะอาการปวดตามประสาคนแก่ “ไม่มี --
ไม่มีดวงด้านนี้เลย คนที่พ่อหนุ่มสนใจอยู่ไม่ว่าจะเล็กน้อยหรือสนใจมากคนนั้นไม่มีทางสนใจพ่อหนุ่มเลย อ้อ สาวน้อยคนนั้นดูเหมือนจะมี
คนจองอยู่แล้วนะ ไม่ใกล้ไม่ไกลตัวคนแถวนี้หรอก --
รู้อย่างนี้แล้วอย่าเข้าใกล้เธอเชียวล่ะ”
จอร์จหัวเราะหึๆ
อย่างชอบอกชอบใจ ขณะที่โดมินิคยังยิ้มได้
“ขอบคุณสำหรับคำทำนายนะครับ แต่ผมดันเป็นคนไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ซะด้วยสิ” คำพูดนุ่มนวลของเขาทำเอาจอร์จชะงัก
แต่ยังไม่หมดแค่นั้นเมื่อโดมินิคยื่นหนังสือเล่มเล็กกะทัดรัดเล่มหนึ่งให้ลูน่า “คิดว่าเธอน่าจะชอบเรื่องสัตว์วิเศษ แล้วบังเอิญว่าฉันเอาเล่มนี้
ติดตัวมาด้วย เลยเอามาให้เธอยืมไปอ่านก่อน มีบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับสัตว์ที่พ่อมดแม่มดทั่วไปไม่เชื่อว่ามันมีอยู่จริงด้วยนะ
อย่างน้อยก็มีนาร์เกิ้ลตัวนึงล่ะ”
“นาร์เกิ้ล! ถ้าเป็นเจ้านั่นฉันก็ เอ้อ --” จอร์จกระแอมให้คอโล่งเพราะดันลืมตัวใช้เสียงจริงไป “หมายถึงตาน่ะ ตาก็เชื่อเรื่องนาร์เกิ้ลด้วย
เหมือนกันนะ”
“ดีจังเลยนะครับ” เด็กหนุ่มผมดำตอบเป็นการตัดบทเพื่อไม่ให้จอร์จตอบอะไรได้อีก แถมยังได้แต่มองโดมินิคยิ้มให้นังหนูของเขา
แล้วเดินกลับไปยังรถม้าอย่างสบายใจ
เฟร็ดเดินมาตบบ่าแฝดของเขาสองสามทีพลางมองตามนักเรียนจากโบซ์บาตงออกไปนอกปราสาทอย่างเข้าใจความรู้สึกนี้ดี
แล้วชำเลืองมองหนังสือในมือลูน่า
“ทำยังไงต่อดีล่ะทีนี้ จอร์จจี้ -- อ้อ ไม่ใช่สิ คุณตานักพยากรณ์”
ยังไม่ทันได้ตอบอะไร คอลินกับเดนนิสก็เดินเข้ามาหาพวกเขา ทักทายลูน่าแล้วหันไปหาฝาแฝดที่ยืนประกบข้างลูน่าอยู่
“ขอถ่ายรูปหน่อยได้ไหมฮะ” พร้อมชูกล้องในมือเป็นเชิงขออนุญาต
ลูน่าคิดในใจว่าตัวเองคงขวางทางอยู่เลยจะเดินหลบออกไป
ทว่าฝาแฝดวีสลีย์จับบ่าเธอเอาไว้ทั้งสองข้าง
“ถ่ายด้วยกันแหละ เอ้า ยิ้มหน่อยแม่หนูลูน่า” เฟร็ดบอก ล้วงสองมือเข้ากระเป๋ากางเกงตั้งท่าเตรียมพร้อมรอถ่ายรูป
แต่คิดไปคิดมาเครายาวๆ
ของเขาคงไม่เหมาะกับท่านี้เท่าไร เลยค้อมตัวลงใช้มือนึงเอื้อมไปจับที่หลังแล้วทำหน้าเหมือนปวดหลังเหลือเกิน
ส่วนลูน่ายิ้มกว้างตามที่บอกทำเอาจอร์จมันเขี้ยวอยากจิ้มแก้มเธอสักที แต่พอเห็นคอลินเตรียมกดชัตเตอร์ คนผมแดงก็โน้มตัวลง
ให้หน้าอยู่ในระดับเดียวกับเด็กสาวพลางฉีกยิ้มกว้างด้วยอีกคน
⭐
เวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงพักกลางวัน ฝาแฝดวีสลีย์ตกลงปลงใจกันไว้แล้วว่าจะใช้ชีวิตแบบคนแก่ล่วงหน้าหนึ่งวันเต็มๆ ก่อน
แล้วค่อยไปหามาดามพอมฟรีย์ตามที่ดัมเบิลดอร์บอกเขาทันทีที่เห็นเคราสีขาวของทั้งสอง แถมยังแอบชมว่าเคราของพวกเขานั้น
สวยกว่าเคราของตัวเองจนโดนศาสตราจารย์มักกอนนากัลมองตาเขียวใส่ เพราะแทนที่จะตำหนิทั้งสองคนโทษฐานที่ไม่ยอมเชื่อฟัง
แต่อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนกลับชอบอกชอบใจในสิ่งที่ฝาแฝดทำซะอย่างนั้น
เฟร็ดกับจอร์จยังคงสร้างความบันเทิงและเสียงหัวเราะให้นักเรียนในฮอกวอตส์ได้เสมอเมื่อทั้งคู่เดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่
เป็นภาพที่พิลึกน่าดู ที่บรรยากาศในห้องโถงใหญ่ถูกตกแต่งด้วยค้างคาวนับร้อยบินวนรอบฟักทองลูกยักษ์ที่แฮกริดฟูมฟักมาอย่างดี
ราวกับเป็นลูกตัวน้อยๆของเขาก็เพื่อการนี้โดยเฉพาะ แต่กลับมีซานตาคลอสพุงพุ้ยด้วยหมอนใบใหญ่ที่ยัดใส่ท้อง ใส่ชุดสีแดงบาดตาสองคน
แบกถุงผ้าใบใหญ่มาเดินเพ่นพ่านทั่วห้องโถงใหญ่ในวันฮาโลวีนอย่างนี้
แถมปากก็ร้องตะโกนว่า “เมอร์รี่คริสต์มาส!!” นานทีเดียวกว่าจะยอมหยุด
เฟร็ดกับจอร์จเดินโบกมือให้ทุกคนอย่างทั่วถึง โดยที่ระหว่างนั้นฝาแฝดคนน้องก็คอยมองหาคนผมบลอนด์บ้านเรเวนคลอไปด้วย
แต่ดูเหมือนเธอจะยังไม่ได้เข้ามาที่นี่
และมีเสียงยานคางดังขึ้นจากด้านหลังมาแทน
“พวกนายดูสิ มีคนโง่ที่ชอบทำแต่เรื่องน่าขายหน้าอยู่แถวนี้ด้วยล่ะ”
“พนันได้เลยว่าเป็นใคร” เฟร็ดพึมพำ ชำเลืองมองแล้วเห็นมัลฟอย “ผิดที่ไหนล่ะ”
จอร์จกระแอมก่อนปั้นหน้ายิ้มแล้วหันไปหามัลฟอย “เด็กไม่ดีอย่างเธอ อย่าหวังว่าจะได้ของขวัญเลย” ว่าแล้วก็หัวเราะร่า
ยกมือลูบเคราตัวเองอย่างรักใคร่
“เคราสวยดีนี่”
“ขอบใจ แคตี้” เฟร็ดหันไปทางโต๊ะกริฟฟินดอร์ เอ่ยขอบคุณเพื่อนร่วมทีมควิดดิช
“พวกนายเลิกเล่นได้แล้ว แบบนี้มันน่าอายชะมัดถ้าเกิดว่าใครต่อใครรู้ว่าฉันมีพี่ชายแบบนี้”
“เธอน่ะ พ่อหนุ่ม” จอร์จเลิกคิ้วมองรอน “เธอก็จะอดได้ของขวัญเหมือนกัน”
“แต่ฉันไม่ใจร้ายกับเธอหรอกนะ เจ้าหนู เอ้า” เฟร็ดหยิบคัพเค้กออกมาจากถุงผ้า
“เลือกมา ซ้ายหรือขวา”
รอนนิ่งไปนิดหนึ่ง ไม่รู้ว่าพวกพี่ชายจะมาไม้ไหน แต่ก็ยอมตอบอย่างเชื่อฟัง “ขวา”
“งั้นรับจากข้างซ้ายไปเลย” เฟร็ดโยนคัพเค้กจากมือซ้ายไปให้ รอนคว้าหมับได้พอดีและโยนอีกชิ้นให้แคตี้
“ส่วนเธอแคตี้ รับชิ้นนี้ไป”
ทันทีที่เห็นว่าได้ขนม แครบกับกอยล์เลยเอ่ยปากขอบ้าง เฟร็ดกับจอร์จอารมณ์ดีเลยยื่นให้พวกเขากันไปคนละชิ้นอย่างเต็มใจ...
“ขอฉันบ้างสิ” เชมัสลองขอกับเฟร็ด ทว่าเฟร็ดกลับโยนให้จอร์จรับหน้าที่คุยต่อ
“เลือกมาระหว่างลู -- พระจันทร์ กับ พระอาทิตย์” ดวงตาสีน้ำตาลหรี่ลงกับคำถามที่แฝงความนัย แต่ดูเหมือนเชมัสจะไม่เอะใจ
เลยสักนิด
“พระจันทร์”
“ดีมาก!” จอร์จพูดโพล่งออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ส่งคัพเค้กชิ้นหนึ่งไปให้เป็นของรางวัล
ในวินาทีนั้นเอง แครบกับกอยล์กลายร่างเป็นนกคีรีบูนตัวโตหลังจากกัดขนมเค้กไปเพียงแค่คำเดียว มัลฟอยมองคัพเค้กสองชิ้น
ร่วงจากกลางอากาศลงมาบนโต๊ะแล้วกลิ้งขลุกๆ หล่นไปใต้โต๊ะ อดีตเก้าอี้ที่เพื่อนทั้งสองเคยนั่งอยู่จนถึงเมื่อกี้นี้กลายเป็นนกคีรีบูนไปแล้ว
-- แถมยังบินขึ้นไปทะเลาะกับค้างคาวที่บินว่อนอยู่ทั่วเพดานอีกต่างหาก
ส่งผลให้เชมัสกับรอนไม่กล้ากินขึ้นมา
แม้ว่าชิ้นที่แคตี้เพิ่งกินเข้าไปนั้นไม่ส่งผลอะไรกับเธอเลยก็ตาม
“นี่พี่ใส่ไอ้ครีมนั่นมาในขนมพวกนี้ด้วยหรือเปล่า” รอนพลิกดูทั่วทั้งชิ้นอย่างระแวดระวัง
เฟร็ดฉีกยิ้ม แต่ด้วยเคราหนาที่ขึ้นอยู่ตอนนี้ทำให้มองแทบไม่ออกว่าเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ซุกซ่อนอยู่
“เปล่านะ -- ไม่เชื่อใจพี่ชายนายรึไง น่าน้อยใจชะมัด”
ในที่สุดรอนก็ยอมกิน -- และสุดท้ายเขาก็กลายเป็นนกคีรีบูนไปอีกตัว...
“ใช่ นายพูดถูก เฟร็ด” จอร์จบอก “น่าน้อยใจที่รอนเชื่อใจพี่ชายตัวเองมากเกินไป”
เมื่อเล่นสนุกกันจนพอแล้ว ฝาแฝดวีสลีย์ก็คิดว่าถึงเวลาอันสมควรแล้วที่พวกเขาจะไปหามาดามพอมฟรีย์ที่ห้องพยาบาล
เพราะคงจะกินไม่ถนัดถ้ายังมีหนวดเครายาวเฟื้อยอยู่อย่างนี้
เป็นเวลาเดียวกับที่ลูน่าเดินลอยละล่องกำลังจะเข้าห้องโถงใหญ่พอดิบพอดี
“ตอนนี้พวกเราเป็นซานตาคลอสแล้ว เธออยากได้อะไรล่ะนังหนู บ้าน คฤหาสน์หรือรถเหาะได้”
“หรือหัวใจของจอร์จ” เฟร็ดชะโงกหน้ามาพูดกับเด็กสาวพลางยกแขนกอดคอจอร์จแล้วหลิ่วตาให้ “เขาพร้อมควักออกมาให้เธอ
เสมอแหละ ถ้าเธอแค่เอ่ยปาก --”
“แทนที่จะสำนึกผิดกลับทำตัวร่าเริงได้อีกนะ”
เสียงที่คุ้นเคยดีดังมาจากด้านหลัง
เฟร็ดที่กำลังนึกสนุกสุดขีดไม่ทันได้เอะใจว่าเป็นเสียงใคร เขาหันไปหาต้นเสียงหวังจะเล่นด้วยแต่เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึม
ของศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็รู้ได้ทันทีว่าถึงเวลาเลิกเล่นสนุกแล้ว
“ฉันอยากจะขอให้เธอเลิกทำตัวเป็นเด็กๆ สักที ไหนบอกว่าอีกไม่กี่เดือนก็จะสิบเจ็ดแล้วใช่ไหม เพราะงั้นเธอสองคนก็ควรทำตัว
ให้สมกับการเป็นผู้ใหญ่ตามกฎหมายได้แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นอาจารย์คงต้องไปขอกับซานตาคลอสตัวจริงล่ะฮะ”
“วีสลีย์!!”
มักกอนนากัลตะคอกใส่ทำเอาทั้งสามสะดุ้งตัวโยน เฟร็ดยัดคัพเค้กชิ้นหนึ่งใส่มือลูน่าแล้ววิ่งหนีไปพร้อมกับจอร์จ
แต่ยังไม่ทันพ้นจากสายตาลูน่าดีนัก จอร์จก็วิ่งย้อนกลับมาพร้อมกับฉวยคัพเค้กในมือเธอไป
“เธอกินอันนี้ไม่ได้ นังหนู เอาอันนี้ไปแทนนะ!” พร้อมกันนั้นเขาก็ให้ลูกอมรสมะนาวมาแทนแล้ววิ่งตามเฟร็ดไป
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่ายใจกับลูกศิษย์ผมแดงสองคนนี้ของเธอ
“ขอล่ะ เธออย่าเป็นอย่างพวกเขานะ มิสเลิฟกู๊ด”
⭐
ในค่ำคืนเดียวกันนั้นเอง
หลังจากงานเลี้ยงวันฮาโลวีนจบลง ช่วงเวลาแห่งการประกาศรายชื่อตัวแทนของแต่ละโรงเรียนก็มาถึง
ทั่วทั้งห้องโถงใหญ่ตกอยู่ในความเงียบโดยไม่ได้นัดหมาย เมื่อเปลวเทียนในตะเกียงฟักทองดับลงเหลือเพียงเปลวเพลิงสีฟ้า
ที่ลุกโชนอยู่ในถ้วยอัคนีที่เป็นแสงสว่างในห้องนี้เพียงอย่างเดียว
เปลวไฟสีฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อถึงเวลาประกาศชื่อ
วิกเตอร์ ครัม ได้เป็นตัวแทนจากเดิร์มสแตรงก์อย่างไม่ต้องสงสัย ขณะที่แคลร์ เด็กหญิงผมดำที่นั่งอยู่ข้างๆ ลูน่า
เกิดร้องอย่างเสียดายเมื่อ โดมินิค พี่ชายของเธอไม่ได้เป็นตัวแทนจากโบซ์บาตงแต่เป็น เฟลอร์ เดอลากูร์ ที่ได้ตำแหน่งนี้ไป
เด็กหญิงบ่นกระปอดกระแปดไม่หยุด หนำซ้ำยังตำหนิคุณตานักพยากรณ์ที่เจอกันเมื่อเช้าด้วยว่าไม่เห็นแม่นเลยสักนิด
กระทั่งโดมินิคที่นั่งถัดออกไปต้องปลอบว่าถึงเฟลอร์จะได้เป็นตัวแทนก็ไม่เห็นเสียหายตรงไหนเพราะสุดท้ายแล้วพวกเขาก็มาจากโบซ์บาตง
เหมือนกันอยู่ดี
นักเรียนทั้งฮอกวอตส์ต่างลุ้นกันจนตัวโก่งระหว่างรอเวลาที่ถ้วยจะพ่นกระดาษที่มีชื่อของใครสักคนออกมา
“เซดริก
ดิกกอรี่!” ดัมเบิลดอร์ยิ้มแย้มขณะประกาศเสียงดังลั่นห้องโถงใหญ่
นักเรียนบ้านฮัฟเฟิลพัฟโห่ร้องและส่งเสียงเชียร์เซดริกที่ลุกขึ้นยืนด้วยความเคอะเขินเล็กน้อยแต่ใบหน้านั้นยังคงประดับด้วยรอยยิ้ม
แห่งความดีใจระหว่างที่ลุกจากโต๊ะเข้าไปยังห้องด้านหลังโต๊ะอาจารย์ตามตัวแทนคนก่อนหน้า
แต่แล้วกลับเกิดเรื่องเหลือเชื่อขึ้น
เมื่อถ้วยอัคนีที่ไม่ควรจะมีไฟสีแดงกลับชุกโชนขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับเศษกระดาษหนึ่งชิ้น
ดัมเบิลดอร์ยื่นมือไปคว้าเอาไว้ จ้องไปยังกระดาษในมือ แววตาใจดีฉายแววประหลาดใจปนตกใจ เขากระแอมแล้วอ่านออกเสียง
ให้ทั้งห้องโถงใหญ่ได้ยินชื่อของตัวแทนคนที่สี่
“แฮร์รี่ พอตเตอร์!”
เกิดเสียงฮือฮา ผสมปนเปไปด้วยความไม่พอใจ กับเสียงชื่นชมที่แฮร์รี่หาทางใส่ชื่อตัวเองลงไปในถ้วยจนได้ทั้งที่อายุยังไม่ถึงเกณฑ์
ซึ่งก็คงมีเพียงแค่ฝาแฝดวีสลีย์สองคน(ที่โกนเคราออกหมดแล้ว)ที่มีความรู้สึกเป็นไปตามอย่างหลัง
“ฉันไม่ได้ใส่ชื่อตัวเองลงไป!”
แฮร์รี่หันมาบอกกับเพื่อนร่วมบ้านแต่ดูเหมือนคนที่เชื่อเขานั้นมีน้อยนิดเต็มที
ไหล่ทั้งสองข้างของแฮร์รี่ถูกจับโดยฝาแฝดผมแดงพร้อมออกแรงดันน้อยๆ
ให้เขาเดินไปข้างหน้า
“ไม่ต้องมามัวอธิบายให้เสียเวลาน่า”
เฟร็ดออกแรงดันแฮร์รี่เพิ่มอีกนิด
“แล้วนายก็อย่าลืมมาเล่าให้พวกฉันฟังด้วยล่ะ
ว่านายทำได้ยังไง” จอร์จเสริมก่อนขยิบตาให้แฮร์รี่
⭐
เช้าวันรุ่งขึ้น คำว่า ‘เพื่อนสนิท’ ระหว่างแฮร์รี่กับรอนเป็นอันสั่นคลอนจนถึงขั้นไม่พูดคุยกันเลยแม้แต่คำเดียว
“เธอไม่เป็นฉัน เธอไม่เข้าใจหรอกเฮอร์ไมโอนี่ -- เป็นเพื่อนสนิทกันประสาอะไร ทำอะไรไม่ยอมบอกกันบ้างสักคำ! แล้วไม่ต้อง
มาถามฉันนะว่าเขาทำได้ยังไงเพราะฉันมันไม่มีค่าพอที่เขาจะบอกฉันอยู่แล้วนี่” รอนตะคอกใส่เฮอร์ไมโอนี่จนเธอได้แต่ยืนนิ่งด้วยความตกใจ
หลังพยายามไกล่เกลี่ยให้เพื่อนทั้งสองกลับมาคุยกันเหมือนเก่า ...เห็นได้ชัดเจนอยู่แล้วว่ามันไร้ประโยชน์ ในมือทั้งแฮร์รี่ทั้งรอน
ต่างก็ไม่มีใครยอมพูดกันเลยตั้งแต่วินาทีแรกที่แฮร์รี่ได้เป็นตัวแทนอีกคนของฮอกวอตส์
“ไม่รู้ว่ารอนจะโกรธแฮร์รี่อะไรขนาดนั้น” เฟร็ดส่ายหัวแล้วนั่งลงข้างๆ ลูน่าตรงสนามหญ้าหน้าปราสาท โดยที่อีกข้างมีจอร์จ
นั่งอยู่ก่อนแล้ว
จอร์จพยักหน้าเห็นด้วย “นั่นน่ะสิ”
แต่สายตายังคงแอบมองคนผมบลอนด์ข้างตัวที่กางนิตยสารเดอะควิบเบลอร์ฉบับใหม่อ่านอยู่
วันหยุดที่อากาศดีแบบนี้
นักเรียนส่วนใหญ่จึงเลือกมาปล่อยให้เวลาเดินไปเรื่อยๆ ข้างนอกปราสาท
“เขาทำได้ยังไงนะ
แฮร์รี่น่ะ -- ได้ผลแล้วน่าจะแอบบอกกันบ้าง” เฟร็ดยกมือกอดอก
“คงไม่อยากมีคู่แข่งเพิ่มล่ะมั้ง ใครๆ ก็อยากลงแข่งกันทั้งนั้น
เพื่อเกียรติยศกับตระกูลเชียวนะ”
“แต่พอมาคิดจริงๆ มันก็ช่วยไม่ได้นี่ อายุเราไม่ถึงเอง -- น่าจะเกิดเร็วกว่านี้อีกสักหน่อย”
ลูน่าเลิกทำเป็นไม่ได้ยินเฟร็ดกับจอร์จแล้ว ในเมื่อพวกเขากำลังพูดข้ามหัวเธอไปมาอยู่อย่างนี้ เธอวางเดอะควิบเบลอร์ลงบนตัก
“ฉันว่ามันน่าสนุกดีนะ แต่มันต้องอันตรายมากแน่ๆ
ทำไมพวกคุณถึงอยากแข่งนักล่ะ”
“เกียรติยศชั่วนิรันดร์” จอร์จตอบอย่างเคลิบเคลิ้มไปในความฝันว่าตัวเองกำลังได้รับชัยชนะ “-- อีกอย่าง เผื่อเธอจะได้ภูมิใจ
ที่ได้สนิทกับฉันไง” คนผมแดงพูดหน้าตาเฉยอย่างไม่แสดงอาการเคอะเขินเลยสักนิด
เฟร็ดยืดหลังตรง ค่อยๆ ถอยตัวเองออกไปนั่งกับลี
จอร์ดันด้านหลังที่ไม่ไกลจากตรงนี้ทันทีที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเป็นส่วนเกิน
เฟร็ดกับลีนั่งนิ่งพยายามเคลื่อนไหวให้น้อยที่สุดเพราะกลัวว่าจะพลาดประโยคสำคัญอะไรไป พร้อมกับเอาใจช่วยจอร์จอย่างเต็มที่
อยู่ห่างๆ
“ไม่เห็นเป็นไรเลย ตอนนี้ที่เป็นอยู่ก็ดีอยู่แล้ว คุณเก่งออกจะตายไป”
ลูน่าพูดตามที่เธอคิดอยู่จริงๆ แบบไม่ได้ต้องการยอเขาแต่อย่างใด
“ทั้งที่เธอเห็นฉันในสภาพคุณตาแก่ๆ เครายาวเฟื้อยเลยเนี่ยนะ”
“นั่นดีนะ” เด็กสาวพูดเสียงฝันๆ หันหน้ามามองคนข้างตัว
ดวงตากลมโตจับจ้องอยู่ที่ดวงตาสีน้ำตาล
“ยังไงล่ะ”
“ก็ฉันได้เห็นคุณตอนแก่แล้ว -- พอถึงเวลาที่เราแก่จริงๆ แล้วบังเอิญได้มาเจอกัน ฉันจะได้จำคุณได้ตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น
แล้วตอนนั้นฉันจะเข้าไปทักคุณก่อนเอง”
จอร์จนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง เอียงคอสงสัย
“ไม่ใช่ว่าตอนนั้นเราอยู่ด้วยกันหรอกหรือ”
ทั้งคู่มองสบตากันโดยไม่มีใครพูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง
ทางฝั่งของฝ่ายสนับสนุน เฟร็ดนั่งยิ้มกรุ้มกริ่ม ส่วนลีใช้เล็บจิกขาตัวเองด้วยความอิจฉา
“ถ้าฉันพูดกับแอนเจลิน่าแบบนี้คงโดนฟาดกลับมาแล้ว แต่ดูนั่นดิ แม่หนูเรเวนคลอกำลังยิ้มให้จอร์จอยู่เห็นไหม”
ในขณะที่จอร์จ เฟร็ดและลีตีความไปในทิศทางเดียวกันนั้น ใครเล่าจะไปคิดว่าลูน่านั้นจะตีความออกไปไกลคนละซีกโลก
เสียงฝันๆ พูดขึ้นกับจอร์จอย่างใสซื่อว่า
“คุณก็อยากเป็นนักสัตว์วิเศษวิทยาเหมือนกันเหรอ”
เฟร็ดยกมือกุมหน้าผาก ไม่รู้จะช่วยจอร์จยังไงดี -- ทำไมเธอถึงคิดแบบนั้นไปได้หนอ... หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ
ถ้าจอร์จขี่ไม้กวาดไปทางตรง ลูน่าก็เหมือนกับเลี้ยวหักศอกชนิดที่ว่าไม่เหลียวหลังกลับมามองข้างหลังสักนิด
จอร์จนั่งอึ้ง กะพริบตาปริบๆ แต่พอเห็นแววตาที่บ่งบอกว่าเธอคิดอย่างนั้นจริงๆ ก็หลุดขำ อีกใจก็รู้สึกมันเขี้ยวจนอยากจะฟัด
แก้มนั่นสักที แต่ทำได้เพียงพยักหน้ากลับไปให้
“ฮื่อ นั่นเป็นอาชีพที่สองที่ฉันคิดอยากจะทำรองจากขายของตลกน่ะ
มันน่าสนุกดีออกนะ จริงไหม”
“ใช่ ฉันว่ามันน่าสนใจมากเลยด้วย ดีใจจังที่คุณก็คิดแบบนั้น”
ภาพวัยรุ่นหนุ่มสาวยิ้มให้กันในวันที่บรรยากาศดีขนาดนี้ ทำเอาคนมองแทบดิ้นลงไปกลิ้งกับพื้น
“ให้ตายสินั่นน่ะ กะจะฆ่าฉันให้ตายไปเลยหรือ” ลีระบายอารมณ์ด้วยการหยิกแขนเฟร็ดที่ทำหน้าเหยเกเมื่อจู่ๆ ก็กลายเป็น
คนที่คอยรองรับอารมณ์ของเพื่อนสนิท
ทว่ามีอีกกลุ่มที่อยู่ถัดออกไปจากเฟร็ดอีกนิด เชมัส ฟินนิกันเป็นอีกคนที่แอบมองคู่นั้นอยู่
“ฉันเนี่ยสิจะตายแล้ว”
ดีนกับเนวิลล์ตบบ่าปลอบเพื่อนร่วมบ้านกันคนละข้างอย่างรู้งาน
“ตัดใจซะเถอะเพื่อน คิดซะว่า --” เสียงของดีนขาดช่วงไปเพราะมีเด็กสาวบ้านเรเวนคลอที่มักจะเห็นเธอเดินไปไหนมาไหน
กับลูน่าบ่อยๆ
กำลังเดินมาทางพวกเขา
“เธอคือเชมัส ฟินนิกันใช่ไหม ศาสตราจารย์ฟลิตวิกให้ฉันมาเรียกเธอให้ไปพบที่ห้องทำงาน” มาเรียพูดรวดเดียวจบ
เมื่อหมดหน้าที่ของเธอแล้วจึงเดินออกไปโดยไม่รอคำตอบ แต่พอเห็นจินนี่กำลังแอบซุ่มมองใครอยู่จากหลังพุ่มไม้ก็ไม่รอช้ารีบเข้าไปหา
และเห็นเพื่อนผมบลอนด์ของตัวเองนั่งคุยอยู่กับฝาแฝดจอมแสบจากมุมนี้พอดิบพอดี มีหรือที่เธอจะปล่อยผ่านไม่นั่งลงข้างๆ จินนี่
เพื่อคอยสังเกตการณ์ด้วยอีกคน
“นั่นเพื่อนลูน่านี่” ดีนพูดกับเชมัสหลังละสายตาจากมาเรียแล้ว “สองคนนั้นน่าจะมีอะไรคล้ายกันนะ”
“อย่า! ฉันรู้ว่านายกำลังจะพูดอะไร”
“ฉันยังไม่ได้พูดสักหน่อยว่านายน่าจะจีบเพื่อนลูน่าคนนั้น”
“นั่นนายพูดออกมาแล้วนะเพื่อน” เนวิลล์ทักท้วงแทนเชมัส
“อ้อ จริงด้วย..”
“เหอะ! ฉันยังจำได้แม่น เมื่อวันก่อนฉันเธอโดนเหยียบเท้า นึกแล้วก็ยังเจ็บไม่หาย ไหนจะเมื่อคริสต์มาสปีที่แล้วอีก
ฉันโดนผู้หญิงคนนั้นหยิกจนแขนฉันเขียวไปหมด”
“แล้วนายไปทำอะไรเขาให้ล่ะ”
“ไม่ได้ทำอะไร -- ให้ตาย นายทำฉันย้อนไปนึกถึงมันอีกแล้ว จำเซอร์ลักเลสส์กับอมตาได้ไหม ตอนจบน่ะ” เชมัสเบะปาก
เหมือนเด็กถูกแย่งของเล่นเมื่อตัวเองดันนึกถึงภาพบนเวทีซะเอง
“-- เข้าใจอยู่หรอกว่ามันเขิน แต่ก็ไม่น่ามาระบายกับฉันที่นั่งอยู่ข้างกันนี่”
ดีนกับเนวิลล์หันมองหน้ากันอัตโนมัติ
“ดูเหมาะกับนายดีนะ”
“ไม่เอา!!”
⭐
- Talk -
ความคิดเห็น