คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #34 : 34 ll Erumpent Horn
34
Erumpent Horn
“โอ๊ย! ทำยังไงดี!” จอร์จกระวนกระวายใจจนอยู่ไม่สุข เขาดีดตัวผึงลุกขึ้นจากเตียงในห้องนอนที่มีเฟร็ดนอนเหยียดตัวอยู่บนพื้น
เพราะมันเย็นกว่านอนบนเตียง
“ฉันเห็นนายบ่นเป็นตาแก่ตั้งนานแล้ว” เฟร็ดพลิกตัวนอนคว่ำ ยันข้อศอกกับพื้นมองน้องชายผมแดงที่ทำหน้ายับยู่ยี่ “มีปัญหาอะไร
ไหนเล่ามาซิ”
“นังหนูไม่ตอบจดหมายฉันมาสองวันแล้ว ก่อนหน้านี้หลังวันที่ไปส่งที่บ้านก็ยังตอบกลับมาดีๆ อยู่เลย นี่ถ้าเย็นวันนี้ไม่มีอีก
ก็เป็นสามวันแล้วนะ!”
เฟร็ดส่งเสียงครางในลำคออย่างใช้ความคิด
“นังหนูของนายรู้แล้วหรือเปล่าว่าวันนั้นนายฉวยโอกาสหอมแก้มเธอ”
“ฉันเปล่าฉวยโอกาสซะหน่อย
นายนั่นแหละที่ขับรถเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา”
“แหม งั้นนายจะปฏิเสธว่าตอนแรกนายไม่ได้คิดจะหอมแก้มงั้นสิ” เฟร็ดเลิกคิ้วถาม เมื่อเห็นจอร์จนิ่งไปรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ผุดขึ้นมา
ฉับพลัน
“ถ้าแม่หนูลูน่ารู้ก็อาจจะโกรธนายจนไม่เขียนตอบกลับมาก็ได้ หรือยิ่งแย่ไปกว่านั้น
--”
“มีแย่กว่านั้นอีกหรือ”
“คุณเลิฟกู๊ดรู้ว่านายฉวยโอกาสหอมแก้ม
--”
“ฉันเปล่า!”
“เออนั่นแหละ บางทีถ้าเขารู้เรื่องขึ้นมา
อาจออกคำสั่งห้ามให้ติดต่อกับนายเด็ดขาด”
จอร์จเบะปากคล้ายจะร้องไห้อยู่รอมร่อ “...มีความเป็นไปได้ในทางบวกบ้างไหม”
“ริบหรี่เชียวล่ะ -- ฉันว่านะ
ทำไมนายไม่ไปถามกับเจ้าตัวให้รู้เรื่องกันไปเลย จะได้ไม่ต้องมานอนกลิ้งแบบนี้”
⭐
“เพราะไอ้แก่หงำเหงือกนั่นคนเดียวเลย!
มาหลอกกันได้ว่ามันคือสนอร์แค็กเขาย่น”
เสียงแหบๆ ของพ่อมดคนหนึ่งที่ชื่อ เซโนฟิเลียส บ่นเป็นหนที่ร้อยอย่างเดือดดาลอยู่ในห้องครัวที่ปราศจากหลังคาหรือแม้กระทั่ง
ชั้นสองของบ้าน...
“พักดื่มชาก่อนเถอะค่ะพ่อ” เสียงฝันๆ พูดขึ้น ยื่นถ้วยชาสีเหลืองส่งให้ผู้เป็นพ่อแล้วนั่งลงบนบันไดตรงหน้าประตูบ้าน
ที่เหลือเพียงธรณีประตู
“ลูน่าลูกรัก พ่อขอโทษนะ เพราะพ่อเชื่อไอ้พ่อมดเฒ่าที่หลอกขายเขาอีรัมเพนท์ให้พ่อ บ้านเราถึงได้เป็นแบบนี้ ห้องนอนของหนู
ก็ไม่เหลือด้วย”
ดวงตาสีซีดของเขาไล่สายตามองบ้านตัวเองที่ตอนนี้ไม่เหลือเค้าของสิ่งที่เรียกว่าบ้านได้เลย ของเกือบทุกอย่างในบ้าน
กระจัดกระจายกันไปคนละทิศเพราะแรงระเบิดจากเขาอีรัมเพนท์ที่เซโนฟิเลียสซื้อมาจากพ่อมดคนหนึ่ง เขาคิดว่ามันจะเป็นของขวัญ
แสนมีค่าให้กับลูกสาวเพื่อต้อนรับปิดเทอม แต่ใครจะไปคิดว่าวันดีคืนดีมันจะระเบิดตัวเองทำลายบ้านแทบทั้งหลังขนาดนี้ โชคดีที่ตอนนั้น
ไม่มีใครอยู่ในบ้าน
สองพ่อลูกใช้เวลาตลอดสองวันที่ผ่านมาซ่อมแซมบ้าน เซโนฟิเลียสใช้เวทมนตร์ซ่อมผนังบ้าน ในขณะที่ลูน่าคอยหาของ
และเก็บรวบรวมเครื่องใช้จากทั่วบริเวณยอดเขาที่ยังใช้ได้กลับมากองรวมกันไว้ในเต็นท์ผ้าใบจนไม่มีเวลาแม้แต่จะเขียนจดหมาย
ตอบกลับไปหลังจากที่ใช้เวลาก่อนนอนในเต็นท์ อาศัยแสงตะเกียงอ่านจดหมายที่เขียนด้วยลายมือมาจากคนผมแดงที่บ้านอยู่ไม่ไกลกันนี้
ก่อนจะผล็อยหลับไปคาจดหมายเพราะเหนื่อยล้ามาสองคืนติดกันแล้ว
“ไม่ต้องขอโทษหนูหรอกค่ะพ่อ นานๆ ทีเราจะได้นอนในเต็นท์กันแบบนี้” เด็กสาวผมบลอนด์จิบชาหนึ่งอึก “สนุกดีจะตายไป
เหมือนได้ตั้งแคมป์เลย!”
เซโนฟิเลียสหัวเราะน้อยๆ
“งั้นคืนนี้เราต้องก่อกองไฟกันสินะ แล้วก็ย่างมาร์ชเมลโล่กินกัน”
“น่าอร่อยจัง” ดวงตากลมโตล่องลอยเหมือนอยู่ในความฝัน จินตนาการถึงสัมผัสนุ่มหยุ่น รสชาติหวานนิดๆ ของมาร์ชเมลโล่
แต่มันเหมือนขาดอะไรไปอย่างหนึ่ง “พ่อจ๋า -- ขอพุดดิ้งด้วยได้ไหม”
“ได้อยู่แล้ว!
เออ ถ้างั้นวันนี้เราต้องรีบกันหน่อยล่ะ ต้องก่อกองไฟอีกนี่นะ”
เซโนฟิเลียสยกถ้วยชาดื่มรวดเดียวหมด ลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง บ่ายวันนี้เขายังมีอะไรให้ต้องทำอีกเยอะก่อนฟ้ามืด
โดยเฉพาะทำให้ลูกสาวของเขารู้สึกสนุกและไม่เศร้าเมื่อมองดูสภาพ(ซาก)บ้าน
ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดที่จะฝากลูน่าให้ไปอยู่ที่บ้านญาติชั่วคราวระหว่างที่ซ่อมแซมบ้าน(หรือในที่นี้คือเกือบจะเรียกว่าต้องสร้างใหม่)
แต่ติดปัญหาอยู่อย่างเดียว ตรงที่ญาติๆ ที่สนิทและไว้ใจได้นั้นออกไปเที่ยวพักร้อนกันหมด ครั้นจะให้ไปอาศัยบ้านของครอบครัววีสลีย์
ที่ใจดีกับเขาเสมอมา ภาพเด็กชายผมแดงก็โผล่เข้ามา ทำเอาเขารีบสะบัดหัวทิ้งความคิดที่จะให้ไปอยู่บ้านนั้นแทบไม่ทัน
สุดท้ายเลยมาลงเอยที่เต็นท์ผ้าใบเก่าแก่ที่ไม่ได้ใช้มานานและรอดพ้นจากระเบิดมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ
“ตายจริง!”
เสียงแหลมดังมาจากประตูรั้วของบ้านที่ใกล้พังเต็มที ขณะที่สองพ่อลูกแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน เซโนฟิเลียสเงยหน้ามองหา
ต้นเสียงก่อนมองตามสายตาลูน่าไปยังหญิงร่างอวบที่ยืนอยู่ข้างๆ
รถฟอร์ดแองเกลียสีฟ้า พร้อมด้วยลูกๆ ของเธออีกสี่คน
“สวัสดีครับ
คุณนายวีสลีย์!” พ่อมดผมขาวโบกมือทักทาย
“สวัสดีค่ะ
คุณนายวีสลีย์!” ลูน่าเองก็เอ่ยทักทายเสียงใส
ขัดกับภาพตระกูลวีสลีย์ทั้งห้าที่ยืนอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น
มอลลี่เดินนำทัพเข้ามาในรั้ว มองดูสภาพบ้านสลับกับมองสองพ่อลูกด้วยอาการตกตะลึง ตามมาด้วยรอน จินนี่และฝาแฝดวีสลีย์
ที่ถือห่อขนมกันมาอีกคนละห่อ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะ”
มอลลี่ถามเสียงสั่น
“เอ้อ
ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่ระเบิดนิดหน่อย” เซโนฟิเลียสตอบอย่างใจเย็น
“ระเบิด!!” ไม่ใช่เสียงมอลลี่ แต่เป็นเสียงของจอร์จที่โพล่งออกมา เขาตรงรี่เข้าหาลูน่าทันทีแต่กลับถูกแม่ของเขาตัดหน้าคว้าตัว
คนผมบลอนด์เข้าไปกอดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมไม่ได้รับจดหมายตอบจากเธอ
“หนูเป็นอะไรมากหรือเปล่า
โถ หนูคงจะกลัวมากเลยสินะ”
“ผมว่าจะเป็นก็เพราะแม่กอดแน่นแบบนั้นมากกว่า” เฟร็ดบอก ตายังคงมองซากบ้านพังๆ อย่างไร้ทิศทาง เพราะข้าวของกระจาย
เต็มไปหมด
“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ
พ่อก็ด้วย”
“จริงหรือจ๊ะ งั้นก็โล่งอกไปที” มอลลี่ถอนใจออกมาเฮือกใหญ่ มองสำรวจรอบตัวลูน่าเพื่อให้แน่ใจก่อนหันไปหาเซโนฟิเลียส
“ใครเป็นคนทำคะ คุณรู้ตัวคนทำหรือยัง พวกมักเกิ้ลหรือเปล่า แบบนี้มันเจตนาไม่ดีชัดๆ -- หรือพวกพ่อมด คุณบอกใครหรือยัง --
อาเธอร์สามีฉันต้องช่วยพวกคุณได้แน่ คนพวกนั้นต้องถูกจับขังคุกไปซะ! โอ๊ย แบบนี้มันอันตรายมากเลย นี่โชคดีมากนะที่พวกคุณ
ไม่เป็นอะไรกัน แล้วนี่จะนอนกันยังไง อ้อ เต็นท์นี่เหรอ -- แบบนี้มันค่อนข้างเสี่ยงอันตรายไม่ใช่หรือ พวกมันอาจย้อนกลับมาอีกก็ได้
คืนนี้ให้หนูลูน่าไปค้างที่บ้านฉันนะคะ
ฉันแน่ใจว่ามีที่เพียงพอ...”
เฟร็ดยกมือขึ้นห้ามแม่ของเขาหลังจากมีคำพูดพรั่งพรูออกมาไม่หยุด
ขณะที่เซโนฟิเลียสได้แต่อ้าปากพะงาบๆ
จอร์จหันมาถามลูน่าเพราะตอนนี้เซโนฟิเลียสคงไม่พร้อมที่จะตอบ
“ตกลงว่าคนพวกนั้นเป็นใคร นังหนู”
ดวงตากลมโตหันมาสบตาเขาช้าๆ
“เขาอีรัมเพนท์”
เกิดความเงียบขึ้นมาชั่วขณะเมื่อลูน่าพูดจบ
มีเพียงเสียงหวีดหวิวของลมที่พัดมากับเสียงร้องฮูกเบาๆ ของฟลัฟฟี่
“ใครกันที่เอาของอันตรายมาโยนใส่บ้านแบบนี้” รอนพูดพลางมองดูถ้วยชาที่เขาจำได้ว่าเป็นถ้วยใบที่เขาดื่มเมื่อครั้งก่อน
ตอนนี้มันนอนแอ้งแม้งอยู่ใกล้ๆ เท้าเขา แถมอีกเกือบครึ่งถ้วยนั้นหายไปอย่างลึกลับ
ก่อนจะพบว่ามันอยู่ไกลออกไปราวสามเมตร
เซโนฟิเลียสกระแอม
“ฉันเองแหละที่ซื้อมันมา” เขาเห็นแววตาตำหนิเล็กๆ แม้ไม่ได้พูดมาจากมอลลี่
“แต่มันระเบิดของมันเอง”
“เอาล่ะ ในเมื่อมันเป็นอย่างนี้
ฟังนะลูกๆ ที่น่ารักน่าเอ็นดูของแม่” มอลลี่หันไปหาเด็กๆ ผมแดง
“ได้เวลาทำงานกันแล้ว”
“เดี๋ยวก่อนครับ”
เซโนฟิเลียสขมวดคิ้ว “คุณคงไม่ได้หมายความว่า --”
“ฉันหมายความอย่างที่คุณคิดนั่นแหละ คงจะดีกว่าถ้ามีคนช่วยหลายคน ฉันทนเห็นคุณสองคนแบบนี้ไม่ได้หรอก ลูกๆ ฉันเอง
ถ้าอยู่บ้านก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากจะหาแต่เรื่องให้ปวดหัว -- ที่จริงวันนี้ฉันมากับพวกตัวแสบเพราะจะเอาขนมมาให้ เผื่อว่าครั้งที่แล้ว
เจ้าพวกนี้จะมารบกวนคุณ”
“พวกเขาเป็นเด็กดีครับ
ไม่ได้รบกวนอะไรเลย”
“ดีใจที่ได้ยินอย่างนั้นนะคะ”
มอลลี่ตอบด้วยสีหน้าดีใจและโล่งอกจริงๆ
พลางถกแขนเสื้อขึ้นและหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมา
“ได้เวลาที่นายจะได้ทำคะแนนกับว่าที่พ่อตาแล้วล่ะ”
เฟร็ดเอียงตัวกระซิบกระซาบกับจอร์จพร้อมตบบ่าเบาๆ สองสามที
เฟร็ด จอร์จและรอนถูกสั่งให้ทำงานง่ายๆ แต่อันตรายกว่านอกบ้าน อย่างการเก็บของที่ใช้ได้อยู่ในบ้าน แต่พอเห็นเซโนฟิเลียส
ต้องการความช่วยเหลือ จอร์จก็ไม่รอช้าออกวิ่งไปช่วยก่อนคนอื่นจะไปถึงซะอีก จินนี่อยู่กับลูน่าบริเวณรอบๆ บ้านเพราะห่างไกลจากจุด
ที่มีการระเบิดมากกว่า
ส่วนมอลลี่ไปช่วยเซโนฟิเลียสซ่อมผนัง
⭐
ตกเย็นในวันเดียวกัน อาเธอร์ วีสลีย์ กับ เพอร์ซี่ วีสลีย์ ตามมาสมทบด้วยหลังเลิกงานโดยการหายตัวมา ตามข้อความในจดหมาย
ที่มอลลี่ส่งไปหาพวกเขา แม้เพอร์ซี่จะดูไม่ค่อยเต็มใจนักเพราะยังมีงานกองรออยู่ แต่ก็ยังมาช่วยโดยไม่ปริปากบ่น พวกเขาช่วยให้
งานซ่อมบ้านคืบหน้าไปได้มาก ระหว่างนั้นมอลลี่ก็เสกคาถาพาข้าวของเครื่องครัวที่ยังใช้ได้ลอยออกมาจากเต็นท์ที่เก็บของชั่วคราว
ลอยมาอยู่ในตำแหน่งที่สมควรของมันในห้องครัวที่มีสภาพใหม่เอี่ยม
ในคืนนั้น พวกเขาทั้งเก้านั่งล้อมวงรอบกองไฟกินมื้อเย็นด้วยกันที่บ้านเลิฟกู๊ดราวกับมาตั้งแคมป์กันจริงๆ อาเธอร์ตื่นเต้น
และสนุกสนานมากทีเดียวกับการได้จุดไฟแบบพวกมักเกิ้ลโดยมีเซโนฟิเลียสมองอย่างสนอกสนใจอยู่ข้างๆ กัน กระทั่งมอลลี่หงุดหงิด
ที่เห็นสามีตัวเองทำท่าทางอย่างกับเด็กๆ พอจุดไม้ขีดติดก็เป่าให้มันดับไปซะดื้อๆ เพราะกลัวว่าไฟมันจะลามมาถึงมือ จนเธอทนไม่ไหว
โบกไม้กายสิทธิ์ทีเดียวไฟก็ลุกพรึ่บ สร้างเสียงตบมือจากเด็กๆ ที่นั่งท้องร้องด้วยความหิว จอร์จที่มัวแต่อธิบายว่าขนมที่เอามานั้น
อร่อยยังไงให้ลูน่าฟังอย่างตั้งใจก็เออออหันมาตบมือด้วยทั้งที่ไม่รู้ว่าพวกที่เหลือดีใจอะไรกัน
“กลับบ้านกันดีๆนะ ขับรถดีๆ นะเฟร็ด” อาเธอร์ยืนมาส่งภรรยา ลูกๆ
ของเขารวมทั้งลูน่าที่รถบินได้
คืนนี้อาเธอร์จะอยู่ช่วยเซโนฟิเลียสจนกว่าบ้านที่ใกล้สมบูรณ์นี้จะพร้อมอยู่ได้ในวันรุ่งขึ้น ขณะที่มอลลี่ต้องใช้เวลาร่วม
สองชั่วโมงเต็มๆ ในการเกลี้ยกล่อมเซโนฟิเลียสให้ยอมอนุญาตให้ลูน่าไปนอนที่บ้านโพรงกระต่ายด้วยกันในคืนนี้
⭐
จินนี่เดินนำลูน่าเข้ามาในห้องนอนของเธอด้วยความยินดีที่จะแบ่งเตียงนอนของเธอครึ่งหนึ่งให้เพื่อนผมบลอนด์ จินนี่เคยวาดฝัน
ไว้ว่าถ้ามีเพื่อนมาค้างที่บ้าน พวกเธอคงจะนอนคุยกันทั้งคืนจนฟ้าสว่าง ทว่าตอนนี้ดวงตากลมสีซีดกลับหรี่ปรือจากความเหนื่อยล้าสะสม
ลูน่าบอกราตรีสวัสดิ์กับเพื่อนผมแดงและหลับไปในทันทีที่หัวถึงหมอน
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ ที่ประตูห้อง จินนี่หันขวับไปมองก่อนลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปเปิดประตู ซึ่งคนที่ยืนรออยู่ก็ไม่ผิดจากที่เธอ
คิดไว้เลย พี่ชายฝาแฝดของเธอยืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าประตูพร้อมด้วยถาดที่มีแก้วสองใบใหญ่ๆ
อยู่ในมือ
“จอร์จ -- พี่มาทำไม”
“ไม่ใช่นะ นี่เฟร็ด”
“อย่ามาโกหกกันซะให้ยากเลย ถ้าพี่เป็นเฟร็ดจริง จอร์จต้องไม่มีทางให้พี่มาแน่ๆ”
คนตัวสูงหลุดยิ้ม “ยอมรับก็ได้น้องรัก ฉันจอร์จเองแหละ แต่อย่าเพิ่งบ่น แม่ให้พี่เอานมอุ่นๆ มาให้ ขอเข้าไปหน่อยนะ”
จอร์จไม่รอคำตอบ เขาแทรกตัวเข้าห้องมาทันทีแล้วก็ถูกจินนี่ตีเข้าที่แขนจนเขาต้องยกมือมาลูบป้อยๆ
ตรงที่โดนตี
“อย่ามากวนกันสิ ลูน่าหลับไปแล้ว พี่ไม่เห็นเหรอ”
“จินนี่น้องรัก อย่ามองด้วยสายตาแบบนั้น พี่ไม่ได้คิดจะทำอะไรนะ
แม่ให้พี่มาจริงๆ”
“กลับห้องตัวเองเดี๋ยวนี้” จินนี่ยืนกรานหนักแน่น
ยืนบังเพื่อนผมบลอนด์ไม่ให้พี่ชายของเธอมากวนจนปลุกเธอตื่น
“พวกนั้นมากันแล้ว จอร์จ” เฟร็ดเปิดประตูออกช้าๆ
ชะโงกหน้าเข้ามาบอกกับจอร์จด้วยเสียงที่แทบจะเป็นการกระซิบ
จินนี่เอียงคอสงสัย “ใครมาหรือ”
“เรื่องของผู้ใหญ่น่ะน้องรัก เด็กน้อยอย่างเธอดื่มนมแล้วเข้านอนซะ แม่ต้องบ่นแน่ถ้าเธอลงไปป้วนเปี้ยนข้างล่างอีก” จอร์จบอก
พลางยีผมสีแดงเพลิงของน้องสาว
บอกราตรีสวัสดิ์กับลูน่าเบาๆ แล้วรีบออกจากห้องไป
เช้าวันรุ่งขึ้น จินนี่เดินนำลูน่าออกมาจากห้องเพื่อกินอาหารเช้าก่อนพาเธอไปส่งที่บ้าน
วินาทีแรกที่จินนี่เหยียบเท้าลงบนพื้นขั้นล่างสุด ร่างของเธอก็ถูกมือของใครบางคนคว้าไปกอด ลูน่าเดินตามลงมา
เลี้ยวไปทางห้องนั่งเล่นเห็นจินนี่กอดอยู่กับชายผมแดงคนหนึ่งที่เธอไม่เคยเห็น
แล้วหันไปกอดกับอีกคน
“อรุณสวัสดิ์ นังหนู” จอร์จเอ่ยทักมาจากทางขวามือของเธอ
ดูเหมือนเขาจะตื่นเต็มที่แล้วแม้ยังอยู่ในชุดนอน
“อรุณสวัสดิ์ --”
“หวัดดี!” ชายร่างสูงคนหนึ่งทักลูน่า เขาไว้ผมยาวรวบเป็นหางม้าด้านหลัง สวมต่างหูเขี้ยวสัตว์ไว้ข้างหนึ่งและเดินมาแทรกกลาง
ระหว่างลูน่ากับจอร์จพลางคว้ามือเธอไปจับพร้อมเขย่าเบาๆ
“บิล วีสลีย์ พี่ชายคนโตของเจ้าพวกตัวแสบนี่ล่ะ -- โอ้ ตากลมจริงด้วยแฮะ”
“อย่างที่เฟร็ดบอกเลย -- สวัสดี ฉันชาลี หวังว่าเจ้าพวกนี้จะเคยเล่าเรื่องของฉันให้ฟังบ้างนะ” ชายอีกคนที่ผิวกรำแดดเดินมา
จับมือลูน่าบ้างแล้วยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“แต่ดูจากสีหน้าเธอ คงไม่บ่อยนักล่ะสิ ฉันทำงานอยู่ที่โรมาเนีย ศึกษาเรื่องมังกร”
วินาทีนั้นดวงตาลูน่าเป็นประกายวิบวับทันที “นั่นเป็นอาชีพที่ฉันใฝ่ฝันเลยล่ะ
-- ขอโทษค่ะ ฉัน ลูน่า --”
“เลิฟกู๊ด” บิลพูดต่อให้ “ชื่อของเธอโผล่มาในจดหมายที่พวกฝาแฝดเขียนมาบ่อยกว่าชื่อรอนซะอีก”
“เด็กๆ มากินอาหารเช้าได้แล้วจ้ะ” มอลลี่เดินมาเรียกทั้งกลุ่มที่ยืนออกันอยู่ในห้องนั่งเล่น “บ้านของหนูซ่อมแซมเสร็จเรียบร้อย
พร้อมอยู่แล้วนะ
เดี๋ยวกินอะไรให้เสร็จก่อนแล้วอาเธอร์จะขับรถไปส่งหนูเอง”
“อ้าว แม่ฮะ ผมว่าจะขับซะหน่อย เมื่อวานนี้เฟร็ดก็ได้ขับไปแล้ว” จอร์จท้วง
“ไม่ได้! แม่อยากให้หนูลูน่าไปถึงบ้านอย่างปลอดภัย”
“งั้นผมขอแค่นั่งติดรถไปด้วยได้ไหม”
“ได้สิ ถ้าลูกมั่นใจว่าจะไม่ทำตัวป่วน”
⭐
พระอาทิตย์คล้อยลงต่ำเมื่อทั้งหมดกลับมาถึงบ้าน แสงสีส้มอาบไล้ไปทั่วบริเวณรวมทั้งบนตัวบิล ชาลี เฟร็ดและจอร์จ
ที่นั่งคุยกันสบายๆ ในสวนนอกบ้าน
“ดูแล้วเธอน่าจะชอบสัตว์วิเศษนะ ลูน่าน่ะ พวกนายเห็นแววตาตอนที่ฉันบอกว่าทำงานอะไรไหม” ชาลีเปิดประเด็นเมื่อตอนนี้
มีแค่พวกเขา “ฉันว่าเธอเหมือนมังกรล่ะ”
“มังกรหรือ แบบที่พ่นไฟออกมาน่ะนะ” เฟร็ดพูด มองพี่ชายตัวเองราวกับชาลีกำลังเพี้ยนไปแล้ว
“อย่างน้อยตอนมังกรหลับก็น่ารักน่าเอ็นดูกว่านายสองคนล่ะ”
บิลส่ายหัว “ฉันว่าเหมือนนิฟเฟลอร์มากกว่า”
“นิฟเฟลอร์? ตัวอะไรอีกล่ะนั่น”
เฟร็ดหันหน้ามาทางบิล
“ก็จอมวายร้ายขนปุยสีดำ ที่มีจมูกยาวๆ” บิลทำมือว่าจมูกของนิฟเฟลอร์นั้นยาวยังไง “ชอบทองกับของเป็นประกายวิบวับ
เป็นตัวป่วนเชียวล่ะถ้ามันออกมาเพ่นพ่านข้างนอกเหมืองที่มันอยู่
แต่ก็นะ ขนมันฟูนุ่มนิ่ม น่ารักน่ากอดอย่างกับตุ๊กตาแน่ะ”
ชาลีพยักหน้าสนับสนุน “จริงด้วย
ฉันเคยได้จับมันหนหรือสองหนนี่ล่ะ น่าเอามาเลี้ยงสักตัว”
“เฮ้” จอร์จที่นั่งเงียบมานานพูดบ้าง “ฉันไม่ดีใจหรอกนะที่พวกพี่บอกว่าเธอน่ารักน่ากอดเหมือนตัวนิฟเฟลอร์นั่นน่ะ”
“แหม ใจเย็นพ่อหนุ่ม ลูน่ายังไม่ได้เป็นแฟนนาย อย่าเพิ่งรีบหึงสิ” ชาลียกศอกกระทุ้งสีข้างจอร์จอย่างหยอกล้อ
“แบบนี้ยิ่งตอกย้ำว่าลูน่าเหมือนนิฟเฟลอร์เข้าไปใหญ่” บิลยิ้มอย่างมีเลศนัย “ดูสิ หัวใจนายกลายเป็นของวิบวับที่เธอมาขโมย
ไปจากตัวนายแล้ว รู้ตัวบ้างรึเปล่า”
“เปลี่ยนเรื่องคุยเถอะน่า!”
ทางฝั่งของจินนี่กับแม่ของเธอที่เตรียมมื้อเย็นอยู่ในบ้าน ทั้งคู่กำลังคุยเกี่ยวกับกลุ่มที่นั่งอยู่ข้างนอก
“ทำไมบิลกับชาลีถึงกลับมาบ้านพร้อมกันแถมมีแผนอยู่ที่นี่หลายวันเหรอคะ”
“ก็ควิดดิชเวิลด์คัพไงล่ะจ๊ะ”
มอลลี่ตอบพร้อมยิ้มกว้าง
⭐
- Talk -
สวัสดีปีใหม่ค่ะ ~! ขอให้เป็นปีที่ดีสำหรับรีดทุกคนนะคะ
บิลกับชาลีมาแล้ว ดูๆ แล้วตอนหน้าเฟร็ดคงจะมีตัวช่วยคอยชงเพิ่มมาอีกสองคนล่ะค่ะ
>_<
ความคิดเห็น