ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] Little Loony Lovegood [George x Luna] [END]

    ลำดับตอนที่ #34 : 34 ll Erumpent Horn

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.27K
      129
      1 ม.ค. 63


    34


    Erumpent Horn



     

                “โอ๊ย! ทำยังไงดี!” จอร์จกระวนกระวายใจจนอยู่ไม่สุข เขาดีดตัวผึงลุกขึ้นจากเตียงในห้องนอนที่มีเฟร็ดนอนเหยียดตัวอยู่บนพื้น

    เพราะมันเย็นกว่านอนบนเตียง

                

              “ฉันเห็นนายบ่นเป็นตาแก่ตั้งนานแล้ว” เฟร็ดพลิกตัวนอนคว่ำ ยันข้อศอกกับพื้นมองน้องชายผมแดงที่ทำหน้ายับยู่ยี่ “มีปัญหาอะไร 

    ไหนเล่ามาซิ”

                

              “นังหนูไม่ตอบจดหมายฉันมาสองวันแล้ว ก่อนหน้านี้หลังวันที่ไปส่งที่บ้านก็ยังตอบกลับมาดีๆ อยู่เลย นี่ถ้าเย็นวันนี้ไม่มีอีก

    ก็เป็นสามวันแล้วนะ!”


                เฟร็ดส่งเสียงครางในลำคออย่างใช้ความคิด “นังหนูของนายรู้แล้วหรือเปล่าว่าวันนั้นนายฉวยโอกาสหอมแก้มเธอ”


                “ฉันเปล่าฉวยโอกาสซะหน่อย นายนั่นแหละที่ขับรถเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา”


                “แหม งั้นนายจะปฏิเสธว่าตอนแรกนายไม่ได้คิดจะหอมแก้มงั้นสิ” เฟร็ดเลิกคิ้วถาม เมื่อเห็นจอร์จนิ่งไปรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ผุดขึ้นมา

    ฉับพลัน “ถ้าแม่หนูลูน่ารู้ก็อาจจะโกรธนายจนไม่เขียนตอบกลับมาก็ได้ หรือยิ่งแย่ไปกว่านั้น --”


                “มีแย่กว่านั้นอีกหรือ”


                “คุณเลิฟกู๊ดรู้ว่านายฉวยโอกาสหอมแก้ม --”


                “ฉันเปล่า!”


                “เออนั่นแหละ บางทีถ้าเขารู้เรื่องขึ้นมา อาจออกคำสั่งห้ามให้ติดต่อกับนายเด็ดขาด”


                จอร์จเบะปากคล้ายจะร้องไห้อยู่รอมร่อ “...มีความเป็นไปได้ในทางบวกบ้างไหม”


                “ริบหรี่เชียวล่ะ -- ฉันว่านะ ทำไมนายไม่ไปถามกับเจ้าตัวให้รู้เรื่องกันไปเลย จะได้ไม่ต้องมานอนกลิ้งแบบนี้”



                “เพราะไอ้แก่หงำเหงือกนั่นคนเดียวเลย! มาหลอกกันได้ว่ามันคือสนอร์แค็กเขาย่น”


                เสียงแหบๆ ของพ่อมดคนหนึ่งที่ชื่อ เซโนฟิเลียส บ่นเป็นหนที่ร้อยอย่างเดือดดาลอยู่ในห้องครัวที่ปราศจากหลังคาหรือแม้กระทั่ง

    ชั้นสองของบ้าน...


                “พักดื่มชาก่อนเถอะค่ะพ่อ” เสียงฝันๆ พูดขึ้น ยื่นถ้วยชาสีเหลืองส่งให้ผู้เป็นพ่อแล้วนั่งลงบนบันไดตรงหน้าประตูบ้าน

    ที่เหลือเพียงธรณีประตู

                

              “ลูน่าลูกรัก พ่อขอโทษนะ เพราะพ่อเชื่อไอ้พ่อมดเฒ่าที่หลอกขายเขาอีรัมเพนท์ให้พ่อ บ้านเราถึงได้เป็นแบบนี้ ห้องนอนของหนู

    ก็ไม่เหลือด้วย”


                ดวงตาสีซีดของเขาไล่สายตามองบ้านตัวเองที่ตอนนี้ไม่เหลือเค้าของสิ่งที่เรียกว่าบ้านได้เลย ของเกือบทุกอย่างในบ้าน

    กระจัดกระจายกันไปคนละทิศเพราะแรงระเบิดจากเขาอีรัมเพนท์ที่เซโนฟิเลียสซื้อมาจากพ่อมดคนหนึ่ง เขาคิดว่ามันจะเป็นของขวัญ

    แสนมีค่าให้กับลูกสาวเพื่อต้อนรับปิดเทอม แต่ใครจะไปคิดว่าวันดีคืนดีมันจะระเบิดตัวเองทำลายบ้านแทบทั้งหลังขนาดนี้ โชคดีที่ตอนนั้น

    ไม่มีใครอยู่ในบ้าน


                สองพ่อลูกใช้เวลาตลอดสองวันที่ผ่านมาซ่อมแซมบ้าน เซโนฟิเลียสใช้เวทมนตร์ซ่อมผนังบ้าน ในขณะที่ลูน่าคอยหาของ

    ละเก็บรวบรวมเครื่องใช้จากทั่วบริเวณยอดเขาที่ยังใช้ได้กลับมากองรวมกันไว้ในเต็นท์ผ้าใบจนไม่มีเวลาแม้แต่จะเขียนจดหมาย

    ตอบกลับไปหลังจากที่ใช้เวลาก่อนนอนในเต็นท์ อาศัยแสงตะเกียงอ่านจดหมายที่เขียนด้วยลายมือมาจากคนผมแดงที่บ้านอยู่ไม่ไกลกันนี้ 

    ก่อนจะผล็อยหลับไปคาจดหมายเพราะเหนื่อยล้ามาสองคืนติดกันแล้ว


                “ไม่ต้องขอโทษหนูหรอกค่ะพ่อ นานๆ ทีเราจะได้นอนในเต็นท์กันแบบนี้” เด็กสาวผมบลอนด์จิบชาหนึ่งอึก “สนุกดีจะตายไป 

    เหมือนได้ตั้งแคมป์เลย!”


              เซโนฟิเลียสหัวเราะน้อยๆ “งั้นคืนนี้เราต้องก่อกองไฟกันสินะ แล้วก็ย่างมาร์ชเมลโล่กินกัน”


              “น่าอร่อยจัง” ดวงตากลมโตล่องลอยเหมือนอยู่ในความฝัน จินตนาการถึงสัมผัสนุ่มหยุ่น รสชาติหวานนิดๆ ของมาร์ชเมลโล่

    แต่มันเหมือนขาดอะไรไปอย่างหนึ่ง “พ่อจ๋า -- ขอพุดดิ้งด้วยได้ไหม”


              “ได้อยู่แล้ว! เออ ถ้างั้นวันนี้เราต้องรีบกันหน่อยล่ะ ต้องก่อกองไฟอีกนี่นะ”


              เซโนฟิเลียสยกถ้วยชาดื่มรวดเดียวหมด ลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง บ่ายวันนี้เขายังมีอะไรให้ต้องทำอีกเยอะก่อนฟ้ามืด

    โดยเฉพาะทำให้ลูกสาวของเขารู้สึกสนุกและไม่เศร้าเมื่อมองดูสภาพ(ซาก)บ้าน


              ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดที่จะฝากลูน่าให้ไปอยู่ที่บ้านญาติชั่วคราวระหว่างที่ซ่อมแซมบ้าน(หรือในที่นี้คือเกือบจะเรียกว่าต้องสร้างใหม่) 

    แต่ติดปัญหาอยู่อย่างเดียว ตรงที่ญาติๆ ที่สนิทและไว้ใจได้นั้นออกไปเที่ยวพักร้อนกันหมด ครั้นจะให้ไปอาศัยบ้านของครอบครัววีสลีย์

    ที่ใจดีกับเขาเสมอมา ภาพเด็กชายผมแดงก็โผล่เข้ามา ทำเอาเขารีบสะบัดหัวทิ้งความคิดที่จะให้ไปอยู่บ้านนั้นแทบไม่ทัน 

    สุดท้ายเลยมาลงเอยที่เต็นท์ผ้าใบเก่าแก่ที่ไม่ได้ใช้มานานและรอดพ้นจากระเบิดมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ


              “ตายจริง!”


              เสียงแหลมดังมาจากประตูรั้วของบ้านที่ใกล้พังเต็มที ขณะที่สองพ่อลูกแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน เซโนฟิเลียสเงยหน้ามองหา

    ต้นเสียงก่อนมองตามสายตาลูน่าไปยังหญิงร่างอวบที่ยืนอยู่ข้างๆ รถฟอร์ดแองเกลียสีฟ้า พร้อมด้วยลูกๆ ของเธออีกสี่คน


              “สวัสดีครับ คุณนายวีสลีย์!” พ่อมดผมขาวโบกมือทักทาย


              “สวัสดีค่ะ คุณนายวีสลีย์!” ลูน่าเองก็เอ่ยทักทายเสียงใส ขัดกับภาพตระกูลวีสลีย์ทั้งห้าที่ยืนอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น


              มอลลี่เดินนำทัพเข้ามาในรั้ว มองดูสภาพบ้านสลับกับมองสองพ่อลูกด้วยอาการตกตะลึง ตามมาด้วยรอน จินนี่และฝาแฝดวีสลีย์

    ที่ถือห่อขนมกันมาอีกคนละห่อ  


              “นี่มันเกิดอะไรขึ้นคะ” มอลลี่ถามเสียงสั่น


              “เอ้อ ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่ระเบิดนิดหน่อย” เซโนฟิเลียสตอบอย่างใจเย็น


              “ระเบิด!!” ไม่ใช่เสียงมอลลี่ แต่เป็นเสียงของจอร์จที่โพล่งออกมา เขาตรงรี่เข้าหาลูน่าทันทีแต่กลับถูกแม่ของเขาตัดหน้าคว้าตัว

    คนผมบลอนด์เข้าไปกอดแน่นจนแทบหายใจไม่ออก ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมไม่ได้รับจดหมายตอบจากเธอ


              “หนูเป็นอะไรมากหรือเปล่า โถ หนูคงจะกลัวมากเลยสินะ”


              “ผมว่าจะเป็นก็เพราะแม่กอดแน่นแบบนั้นมากกว่า” เฟร็ดบอก ตายังคงมองซากบ้านพังๆ อย่างไร้ทิศทาง เพราะข้าวของกระจาย

    เต็มไปหมด


              “หนูไม่เป็นอะไรค่ะ พ่อก็ด้วย”


              “จริงหรือจ๊ะ งั้นก็โล่งอกไปที” มอลลี่ถอนใจออกมาเฮือกใหญ่ มองสำรวจรอบตัวลูน่าเพื่อให้แน่ใจก่อนหันไปหาเซโนฟิเลียส 

    “ใครเป็นคนทำคะ คุณรู้ตัวคนทำหรือยัง พวกมักเกิ้ลหรือเปล่า แบบนี้มันเจตนาไม่ดีชัดๆ -- หรือพวกพ่อมด คุณบอกใครหรือยัง -- 

    อาเธอร์สามีฉันต้องช่วยพวกคุณได้แน่ คนพวกนั้นต้องถูกจับขังคุกไปซะ! โอ๊ย แบบนี้มันอันตรายมากเลย นี่โชคดีมากนะที่พวกคุณ

    ไม่เป็นอะไรกัน แล้วนี่จะนอนกันยังไง อ้อ เต็นท์นี่เหรอ -- แบบนี้มันค่อนข้างเสี่ยงอันตรายไม่ใช่หรือ พวกมันอาจย้อนกลับมาอีกก็ได้ 

    คืนนี้ให้หนูลูน่าไปค้างที่บ้านฉันนะคะ ฉันแน่ใจว่ามีที่เพียงพอ...”


              เฟร็ดยกมือขึ้นห้ามแม่ของเขาหลังจากมีคำพูดพรั่งพรูออกมาไม่หยุด ขณะที่เซโนฟิเลียสได้แต่อ้าปากพะงาบๆ


              จอร์จหันมาถามลูน่าเพราะตอนนี้เซโนฟิเลียสคงไม่พร้อมที่จะตอบ “ตกลงว่าคนพวกนั้นเป็นใคร นังหนู”


              ดวงตากลมโตหันมาสบตาเขาช้าๆ “เขาอีรัมเพนท์”


              เกิดความเงียบขึ้นมาชั่วขณะเมื่อลูน่าพูดจบ มีเพียงเสียงหวีดหวิวของลมที่พัดมากับเสียงร้องฮูกเบาๆ ของฟลัฟฟี่   


              “ใครกันที่เอาของอันตรายมาโยนใส่บ้านแบบนี้” รอนพูดพลางมองดูถ้วยชาที่เขาจำได้ว่าเป็นถ้วยใบที่เขาดื่มเมื่อครั้งก่อน 

    ตอนนี้มันนอนแอ้งแม้งอยู่ใกล้ๆ เท้าเขา แถมอีกเกือบครึ่งถ้วยนั้นหายไปอย่างลึกลับ ก่อนจะพบว่ามันอยู่ไกลออกไปราวสามเมตร


              เซโนฟิเลียสกระแอม “ฉันเองแหละที่ซื้อมันมา” เขาเห็นแววตาตำหนิเล็กๆ แม้ไม่ได้พูดมาจากมอลลี่ “แต่มันระเบิดของมันเอง”


              “เอาล่ะ ในเมื่อมันเป็นอย่างนี้ ฟังนะลูกๆ ที่น่ารักน่าเอ็นดูของแม่” มอลลี่หันไปหาเด็กๆ ผมแดง “ได้เวลาทำงานกันแล้ว”


              “เดี๋ยวก่อนครับ” เซโนฟิเลียสขมวดคิ้ว “คุณคงไม่ได้หมายความว่า --”


              “ฉันหมายความอย่างที่คุณคิดนั่นแหละ คงจะดีกว่าถ้ามีคนช่วยหลายคน ฉันทนเห็นคุณสองคนแบบนี้ไม่ได้หรอก ลูกๆ ฉันเอง 

    ถ้าอยู่บ้านก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากจะหาแต่เรื่องให้ปวดหัว -- ที่จริงวันนี้ฉันมากับพวกตัวแสบเพราะจะเอาขนมมาให้ เผื่อว่าครั้งที่แล้ว

    เจ้าพวกนี้จะมารบกวนคุณ”


              “พวกเขาเป็นเด็กดีครับ ไม่ได้รบกวนอะไรเลย”


              “ดีใจที่ได้ยินอย่างนั้นนะคะ” มอลลี่ตอบด้วยสีหน้าดีใจและโล่งอกจริงๆ พลางถกแขนเสื้อขึ้นและหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมา


              “ได้เวลาที่นายจะได้ทำคะแนนกับว่าที่พ่อตาแล้วล่ะ” เฟร็ดเอียงตัวกระซิบกระซาบกับจอร์จพร้อมตบบ่าเบาๆ สองสามที


              เฟร็ด จอร์จและรอนถูกสั่งให้ทำงานง่ายๆ แต่อันตรายกว่านอกบ้าน อย่างการเก็บของที่ใช้ได้อยู่ในบ้าน แต่พอเห็นเซโนฟิเลียส

    ต้องการความช่วยเหลือ จอร์จก็ไม่รอช้าออกวิ่งไปช่วยก่อนคนอื่นจะไปถึงซะอีก จินนี่อยู่กับลูน่าบริเวณรอบๆ บ้านเพราะห่างไกลจากจุด

    ที่มีการระเบิดมากกว่า ส่วนมอลลี่ไปช่วยเซโนฟิเลียสซ่อมผนัง



                ตกเย็นในวันเดียวกัน อาเธอร์ วีสลีย์ กับ เพอร์ซี่ วีสลีย์ ตามมาสมทบด้วยหลังเลิกงานโดยการหายตัวมา ตามข้อความในจดหมาย

    ที่มอลลี่ส่งไปหาพวกเขา แม้เพอร์ซี่จะดูไม่ค่อยเต็มใจนักเพราะยังมีงานกองรออยู่ แต่ก็ยังมาช่วยโดยไม่ปริปากบ่น พวกเขาช่วยให้

    งานซ่อมบ้านคืบหน้าไปได้มาก ระหว่างนั้นมอลลี่ก็เสกคาถาพาข้าวของเครื่องครัวที่ยังใช้ได้ลอยออกมาจากเต็นท์ที่เก็บของชั่วคราว

    ลอยมาอยู่ในตำแหน่งที่สมควรของมันในห้องครัวที่มีสภาพใหม่เอี่ยม


              ในคืนนั้น พวกเขาทั้งเก้านั่งล้อมวงรอบกองไฟกินมื้อเย็นด้วยกันที่บ้านเลิฟกู๊ดราวกับมาตั้งแคมป์กันจริงๆ อาเธอร์ตื่นเต้น

    และสนุกสนานมากทีเดียวกับการได้จุดไฟแบบพวกมักเกิ้ลโดยมีเซโนฟิเลียสมองอย่างสนอกสนใจอยู่ข้างๆ กัน กระทั่งมอลลี่หงุดหงิด

    ที่เห็นสามีตัวเองทำท่าทางอย่างกับเด็กๆ พอจุดไม้ขีดติดก็เป่าให้มันดับไปซะดื้อๆ เพราะกลัวว่าไฟมันจะลามมาถึงมือ จนเธอทนไม่ไหว

    โบกไม้กายสิทธิ์ทีเดียวไฟก็ลุกพรึ่บ สร้างเสียงตบมือจากเด็กๆ ที่นั่งท้องร้องด้วยความหิว จอร์จที่มัวแต่อธิบายว่าขนมที่เอามานั้น

    อร่อยยังไงให้ลูน่าฟังอย่างตั้งใจก็เออออหันมาตบมือด้วยทั้งที่ไม่รู้ว่าพวกที่เหลือดีใจอะไรกัน


              “กลับบ้านกันดีๆนะ ขับรถดีๆ นะเฟร็ด” อาเธอร์ยืนมาส่งภรรยา ลูกๆ ของเขารวมทั้งลูน่าที่รถบินได้


              คืนนี้อาเธอร์จะอยู่ช่วยเซโนฟิเลียสจนกว่าบ้านที่ใกล้สมบูรณ์นี้จะพร้อมอยู่ได้ในวันรุ่งขึ้น ขณะที่มอลลี่ต้องใช้เวลาร่วม

    องชั่วโมงเต็มๆ ในการเกลี้ยกล่อมเซโนฟิเลียสให้ยอมอนุญาตให้ลูน่าไปนอนที่บ้านโพรงกระต่ายด้วยกันในคืนนี้  



              จินนี่เดินนำลูน่าเข้ามาในห้องนอนของเธอด้วยความยินดีที่จะแบ่งเตียงนอนของเธอครึ่งหนึ่งให้เพื่อนผมบลอนด์ จินนี่เคยวาดฝัน

    ไว้ว่าถ้ามีเพื่อนมาค้างที่บ้าน พวกเธอคงจะนอนคุยกันทั้งคืนจนฟ้าสว่าง ทว่าตอนนี้ดวงตากลมสีซีดกลับหรี่ปรือจากความเหนื่อยล้าสะสม 

    ลูน่าบอกราตรีสวัสดิ์กับเพื่อนผมแดงและหลับไปในทันทีที่หัวถึงหมอน  


             มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ ที่ประตูห้อง จินนี่หันขวับไปมองก่อนลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปเปิดประตู ซึ่งคนที่ยืนรออยู่ก็ไม่ผิดจากที่เธอ

    คิดไว้เลย พี่ชายฝาแฝดของเธอยืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าประตูพร้อมด้วยถาดที่มีแก้วสองใบใหญ่ๆ อยู่ในมือ


              “จอร์จ -- พี่มาทำไม”


              “ไม่ใช่นะ นี่เฟร็ด”


              “อย่ามาโกหกกันซะให้ยากเลย ถ้าพี่เป็นเฟร็ดจริง จอร์จต้องไม่มีทางให้พี่มาแน่ๆ”


              คนตัวสูงหลุดยิ้ม “ยอมรับก็ได้น้องรัก ฉันจอร์จเองแหละ แต่อย่าเพิ่งบ่น แม่ให้พี่เอานมอุ่นๆ มาให้ ขอเข้าไปหน่อยนะ” 

    จอร์จไม่รอคำตอบ เขาแทรกตัวเข้าห้องมาทันทีแล้วก็ถูกจินนี่ตีเข้าที่แขนจนเขาต้องยกมือมาลูบป้อยๆ ตรงที่โดนตี


              “อย่ามากวนกันสิ ลูน่าหลับไปแล้ว พี่ไม่เห็นเหรอ”


              “จินนี่น้องรัก อย่ามองด้วยสายตาแบบนั้น พี่ไม่ได้คิดจะทำอะไรนะ แม่ให้พี่มาจริงๆ”


              “กลับห้องตัวเองเดี๋ยวนี้” จินนี่ยืนกรานหนักแน่น ยืนบังเพื่อนผมบลอนด์ไม่ให้พี่ชายของเธอมากวนจนปลุกเธอตื่น


              “พวกนั้นมากันแล้ว จอร์จ” เฟร็ดเปิดประตูออกช้าๆ ชะโงกหน้าเข้ามาบอกกับจอร์จด้วยเสียงที่แทบจะเป็นการกระซิบ


              จินนี่เอียงคอสงสัย “ใครมาหรือ”


              “เรื่องของผู้ใหญ่น่ะน้องรัก เด็กน้อยอย่างเธอดื่มนมแล้วเข้านอนซะ แม่ต้องบ่นแน่ถ้าเธอลงไปป้วนเปี้ยนข้างล่างอีก” จอร์จบอก

    พลางยีผมสีแดงเพลิงของน้องสาว บอกราตรีสวัสดิ์กับลูน่าเบาๆ แล้วรีบออกจากห้องไป


              เช้าวันรุ่งขึ้น จินนี่เดินนำลูน่าออกมาจากห้องเพื่อกินอาหารเช้าก่อนพาเธอไปส่งที่บ้าน


              วินาทีแรกที่จินนี่เหยียบเท้าลงบนพื้นขั้นล่างสุด ร่างของเธอก็ถูกมือของใครบางคนคว้าไปกอด ลูน่าเดินตามลงมา 

    เลี้ยวไปทางห้องนั่งเล่นเห็นจินนี่กอดอยู่กับชายผมแดงคนหนึ่งที่เธอไม่เคยเห็น แล้วหันไปกอดกับอีกคน


              “อรุณสวัสดิ์ นังหนู” จอร์จเอ่ยทักมาจากทางขวามือของเธอ ดูเหมือนเขาจะตื่นเต็มที่แล้วแม้ยังอยู่ในชุดนอน


              “อรุณสวัสดิ์ --”


              “หวัดดี!” ชายร่างสูงคนหนึ่งทักลูน่า เขาไว้ผมยาวรวบเป็นหางม้าด้านหลัง สวมต่างหูเขี้ยวสัตว์ไว้ข้างหนึ่งและเดินมาแทรกกลาง

    ระหว่างลูน่ากับจอร์จพลางคว้ามือเธอไปจับพร้อมเขย่าเบาๆ “บิล วีสลีย์ พี่ชายคนโตของเจ้าพวกตัวแสบนี่ล่ะ -- โอ้ ตากลมจริงด้วยแฮะ”


              “อย่างที่เฟร็ดบอกเลย -- สวัสดี ฉันชาลี หวังว่าเจ้าพวกนี้จะเคยเล่าเรื่องของฉันให้ฟังบ้างนะ” ชายอีกคนที่ผิวกรำแดดเดินมา

    จับมือลูน่าบ้างแล้วยิ้มอย่างอารมณ์ดี “แต่ดูจากสีหน้าเธอ คงไม่บ่อยนักล่ะสิ ฉันทำงานอยู่ที่โรมาเนีย ศึกษาเรื่องมังกร”


              วินาทีนั้นดวงตาลูน่าเป็นประกายวิบวับทันที “นั่นเป็นอาชีพที่ฉันใฝ่ฝันเลยล่ะ -- ขอโทษค่ะ ฉัน ลูน่า --”


              “เลิฟกู๊ด” บิลพูดต่อให้ “ชื่อของเธอโผล่มาในจดหมายที่พวกฝาแฝดเขียนมาบ่อยกว่าชื่อรอนซะอีก”  


              “เด็กๆ มากินอาหารเช้าได้แล้วจ้ะ” มอลลี่เดินมาเรียกทั้งกลุ่มที่ยืนออกันอยู่ในห้องนั่งเล่น “บ้านของหนูซ่อมแซมเสร็จเรียบร้อย

    พร้อมอยู่แล้วนะ เดี๋ยวกินอะไรให้เสร็จก่อนแล้วอาเธอร์จะขับรถไปส่งหนูเอง”


              “อ้าว แม่ฮะ ผมว่าจะขับซะหน่อย เมื่อวานนี้เฟร็ดก็ได้ขับไปแล้ว” จอร์จท้วง


              “ไม่ได้! แม่อยากให้หนูลูน่าไปถึงบ้านอย่างปลอดภัย”


              “งั้นผมขอแค่นั่งติดรถไปด้วยได้ไหม”


              “ได้สิ ถ้าลูกมั่นใจว่าจะไม่ทำตัวป่วน”


              พระอาทิตย์คล้อยลงต่ำเมื่อทั้งหมดกลับมาถึงบ้าน แสงสีส้มอาบไล้ไปทั่วบริเวณรวมทั้งบนตัวบิล ชาลี เฟร็ดและจอร์จ

    ที่นั่งคุยกันสบายๆ ในสวนนอกบ้าน


              “ดูแล้วเธอน่าจะชอบสัตว์วิเศษนะ ลูน่าน่ะ พวกนายเห็นแววตาตอนที่ฉันบอกว่าทำงานอะไรไหม” ชาลีเปิดประเด็นเมื่อตอนนี้

    มีแค่พวกเขา “ฉันว่าเธอเหมือนมังกรล่ะ”


              “มังกรหรือ แบบที่พ่นไฟออกมาน่ะนะ” เฟร็ดพูด มองพี่ชายตัวเองราวกับชาลีกำลังเพี้ยนไปแล้ว

             

    “อย่างน้อยตอนมังกรหลับก็น่ารักน่าเอ็นดูกว่านายสองคนล่ะ”


    บิลส่ายหัว “ฉันว่าเหมือนนิฟเฟลอร์มากกว่า”


    “นิฟเฟลอร์? ตัวอะไรอีกล่ะนั่น” เฟร็ดหันหน้ามาทางบิล


              “ก็จอมวายร้ายขนปุยสีดำ ที่มีจมูกยาวๆ” บิลทำมือว่าจมูกของนิฟเฟลอร์นั้นยาวยังไง “ชอบทองกับของเป็นประกายวิบวับ 

    เป็นตัวป่วนเชียวล่ะถ้ามันออกมาเพ่นพ่านข้างนอกเหมืองที่มันอยู่ แต่ก็นะ ขนมันฟูนุ่มนิ่ม น่ารักน่ากอดอย่างกับตุ๊กตาแน่ะ”


    ชาลีพยักหน้าสนับสนุน “จริงด้วย ฉันเคยได้จับมันหนหรือสองหนนี่ล่ะ น่าเอามาเลี้ยงสักตัว”


              “เฮ้” จอร์จที่นั่งเงียบมานานพูดบ้าง “ฉันไม่ดีใจหรอกนะที่พวกพี่บอกว่าเธอน่ารักน่ากอดเหมือนตัวนิฟเฟลอร์นั่นน่ะ”


              “แหม ใจเย็นพ่อหนุ่ม ลูน่ายังไม่ได้เป็นแฟนนาย อย่าเพิ่งรีบหึงสิ” ชาลียกศอกกระทุ้งสีข้างจอร์จอย่างหยอกล้อ


              “แบบนี้ยิ่งตอกย้ำว่าลูน่าเหมือนนิฟเฟลอร์เข้าไปใหญ่” บิลยิ้มอย่างมีเลศนัย “ดูสิ หัวใจนายกลายเป็นของวิบวับที่เธอมาขโมย

    ไปจากตัวนายแล้ว รู้ตัวบ้างรึเปล่า”


    “เปลี่ยนเรื่องคุยเถอะน่า!”


              ทางฝั่งของจินนี่กับแม่ของเธอที่เตรียมมื้อเย็นอยู่ในบ้าน ทั้งคู่กำลังคุยเกี่ยวกับกลุ่มที่นั่งอยู่ข้างนอก


    “ทำไมบิลกับชาลีถึงกลับมาบ้านพร้อมกันแถมมีแผนอยู่ที่นี่หลายวันเหรอคะ”


    “ก็ควิดดิชเวิลด์คัพไงล่ะจ๊ะ” มอลลี่ตอบพร้อมยิ้มกว้าง



    - Talk -

              สวัสดีปีใหม่ค่ะ ~! ขอให้เป็นปีที่ดีสำหรับรีดทุกคนนะคะ

              บิลกับชาลีมาแล้ว ดูๆ แล้วตอนหน้าเฟร็ดคงจะมีตัวช่วยคอยชงเพิ่มมาอีกสองคนล่ะค่ะ >_<

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×