ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] Little Loony Lovegood [George x Luna] [END]

    ลำดับตอนที่ #22 : 22 ll Christmas Tree

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.73K
      165
      17 ต.ค. 62


    22


    Christmas Tree




         ถึงคราวฤดูหนาวแบบเต็มตัวมาเยือนฮอกวอตส์อีกครั้ง ในวันหยุดนักเรียนทั้งฮอกวอตส์ต่างเก็บตัวนั่งผิงไฟอยู่แต่ในหอนอนของตัวเอง

    ราวกับหมีจำศีล จอร์จเองก็อยากทำแบบนั้นบ้างถ้าไม่ติดว่าเมื่อคืนนี้เขาเล่นหมากรุกพ่อมดแพ้เฟร็ดกับรอน...


              คนผมแดงใส่เสื้อกันหนาวสีเขียวตัวหนาที่แม่ถักให้ เดินฝ่าลมหนาวที่ทำให้หน้าชาพร้อมกับมีถั่วเต็มถุงสอดอยู่ใต้เสื้ออีกทีสำหรับ

    เจ้าแอรัล นกฮูกชราที่พวกเขาเพิ่งตระหนักได้ว่าตลอดปีที่ผ่านมาเฟร็ด จอร์จ รอน และจินนี่ได้ใช้งานมันหนักมากเหลือเกิน

    เมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเลยบอกรอนให้ซื้ออะไรดีๆ มาบำรุงร่างกายแอรัลบ้าง ซึ่งก็ได้ถั่วหน้าตาธรรมดาแต่ราคาอู้ฟู่นี่มา...


              จอร์จเดินขึ้นบันไดที่ตอนนี้มีน้ำแข็งเกาะเต็มไปหมดทำเอาเขาเกือบลื่นล้มไปหลายหน โชคดีที่ฝึกทักษะการทรงตัวบนไม้กวาดมา 

    แค่น้ำแข็งบนขั้นบันไดไม่ได้กินเขาหรอก


              ลมหายใจพ่นออกมาเป็นควันขาวเพราะความหนาวและเหนื่อย จอร์จเดินจับราวบันไดเข้าโรงเลี้ยงนกฮูก แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้า

    ส่องไขว้กันไปมาภายในห้องทรงกลม ทว่าหน้าต่างนั้นไม่มีกระจกทำให้ลมหนาวพัดเข้ามา นกฮูกนับร้อยเกาะเบียดเสียดกันเป็นก้อนกลม

    เพราะความหนาว


              เขายืนมองภาพชวนอมยิ้มนั้นก่อนนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่ควรอยู่ที่นี่นาน เขากวาดสายตามองหานกฮูกสีเทาตัวใหญ่ที่ชื่อแอรัล 

    ปกติมันจะชอบเกาะอยู่แถวเพดานแต่เมื่อปีสองปีหลังมันชอบอยู่แถวล่างๆ มากกว่าเพราะขี้เกียจบินลงมาไกลเวลาพวกเขาเอาจดหมาย

    มาให้


              ...นั่นไง!


              จอร์จเดินเหยียบบนพื้นปูฟางตัดกลางห้องไปหานกฮูกตัวหนึ่ง มันมีสีขาว และตัวเล็กที่สุดในบรรดานกฮูกที่อยู่รอบข้าง

    และแน่นอน...ไม่ใช่แอรัล


              “หวัดดี ฟลัฟฟี่!” คนผมแดงส่งเสียงทักทายอย่างร่าเริงพลางย่อตัวลงให้อยู่ในระดับเดียวกัน ‘ฟลัฟฟี่’ เป็นนกฮูกแคระขนปุยสีขาว

    ของลูน่า ที่จอร์จรู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดีเพราะเมื่อปิดเทอมที่ผ่านมามีหลายครั้งทีเดียวที่นังหนูใช้ฟลัฟฟี่มาส่งจดหมายแทนแอรัล

    เพราะเห็นว่ามันเหนื่อยที่จะต้องบินไปมาทุกวันแถมฟลัฟฟี่ก็เด็กกว่าและมีแรงบินเหลือเฟือ


              จอร์จแกะห่อที่ใส่ถั่วแล้วหยิบมันส่งให้นกฮูกตัวเล็กไปหนึ่งกำมือเต็มๆ แบบไม่หวงของ และในจังหวะที่กำลังจะหยิบให้เพิ่มอีก 

    สายตาพลันเหลือบไปเห็นชัดๆ ว่านกฮูกตัวใหญ่ที่ฟลัฟฟี่อิงแอบขอไออุ่นอยู่เมื่อกี้นี้คือ แอรัล เจ้าของดวงตากลมสีแสดมองคว่ำพร้อมส่งเสียง

    ร้องฮูกต่ำๆ อย่างไม่พอใจ


              “ฉันแค่หยอกแกเล่นน่า แอรัล อย่าเพิ่งโกรธกันสิ เอ้า นี่ของแก” จอร์จแก้ตัวแล้วรีบเทเมล็ดถั่วใส่ที่ให้อาหารตรงหน้าแอรัลทันที 

    “ใครมันจะไปทึ่มถึงขนาดลืมนกฮูกตัวเองกันได้เล่า”


              มีเสียงร้องฮูกเบาๆ ดังมาจากตัวข้างกัน เมื่อเพิ่งพูดอยู่หยกๆ ว่าไม่ได้ตั้งใจจะสนใจนกฮูกตัวอื่นมากกว่า แต่พอฟลัฟฟี่ร้องทีเดียว

    คนผมแดงก็หันขวับไปหาทันทีอย่างลืมตัว


              จอร์จยกมือขึ้นลูบหัวนกฮูกเบาๆ จากที่เคยเห็นนังหนูชอบทำ แล้วดูเหมือนเจ้าตัวขาวนี่จะชอบมากเสียด้วย ฟลัพฟี่ส่งเสียงอีกครั้ง

    แทนคำขอบคุณพลางเข้ามาคลอเคลียกับฝ่ามือใหญ่พร้อมหลับตาพริ้ม


              ให้ตายสิ! นี่คิดจะน่ารักทั้งนกฮูกทั้งเจ้าของเลยหรือไงกัน??


              ก่อนที่จอร์จจะหลงทั้งเจ้าของทั้งนกฮูกไปมากกว่านี้ก็มีเสียงนกฮูกตัวอื่นร้องบ้าง พวกมันจ้องถั่วในมือเขาตาเป็นมัน 

    ตอนแรกเขากะจะเก็บเอาไว้ให้แอรัลวันหลังบ้างแต่สุดท้ายก็ยอมใจอ่อน เทถั่วให้ตัวที่เหลือจนเดินรอบโรงเลี้ยงนกฮูกได้หนึ่งรอบถ้วนพอดี


              “เห็นฉันเป็นแฮกริดไปแล้วหรือ? ...เอ้านี่ ฟลัฟฟี่ กินเยอะๆ นะ จะได้โตเร็วๆ ตัวเล็กหน่อยเดียวเหมือนเจ้าของแกเปี๊ยบเลย 

    -- บอกเจ้าของแกทีสิว่าโตเร็วๆ กว่านี้อีกหน่อยไม่ได้เหรอ เอ๊ะ ไม่ได้สิ --ไม่น่าจะดี ฉันขอถอนคำพูดนะ” จอร์จพูดอย่างจริงจังกับนกฮูกตัวเล็ก

    ราวกับว่ามันจะไปบอกลูน่าจริงๆ เขาคิดแล้วคิดอีก ถ้านังหนูโตเร็วๆก็คงจะดี แต่ตอนนี้แค่อยู่ปีสองก็มีเริ่มหนุ่มมาจีบแล้ว --รวมตัวเองด้วย 

    หากให้โตกว่านี้มีแววคู่แข่งเยอะแน่ เพราะงั้น...ค่อยๆ โตก็ได้นะ นังหนู

               

              เสียงนกฮูกร้องเจี๊ยวจ๊าวกันทั่วห้องดึงจอร์จให้ออกจากภวังค์


              “ถั่วหมดแล้ว” เขาชูถุงกระดาษเปล่าๆ ให้ดูรอบห้องเพราะคิดว่าพวกมันจะขออาหารอีก ทว่าไม่ใช่เลยเมื่อเขาหมุนจนหันไปมอง

    ตรงประตูทางเข้า


              “อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณวีสลีย์” น้ำเสียงนิ่มเจ้าของดวงตากลมไม่แพ้นกฮูกตัวเองเอ่ยทักทายอย่างร่าเริง แต่สายตาของเธอ

    กลับไม่ได้มองมาที่เขาแม้แต่น้อย


              “อะ...อรุณสวัสดิ์ นังหนู” จอร์จอึกอักมองดูคนตัวเล็กที่พวงแก้มขึ้นสีแดงน้อยๆ เธอเดินเข้ามาพร้อมกับจดหมายในมือ 

    เขาไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองเลยคิดว่าคงเพราะอากาศหนาว ทั้งแก้ม จมูกและใบหูของนังหนูเลยเป็นสีแดง


              “อรุณสวัสดิ์ ฟลัฟฟี่ ช่วยเอาจดหมายไปส่งให้พ่อทีนะ” เสียงฝันๆ พูดกับนกฮูกสีขาว จะงอยปากน้อยๆ ยื่นมาคาบรับจดหมาย

    ก่อนบินออกไปทางหน้าต่าง “โชคดีนะ” คนผมบลอนด์โบกมือน้อยๆ ส่งฟลัฟฟี่และยืนเหม่อมองท้องฟ้าคล้ายลืมไปแล้วว่ายังมีเขาอีกคน

    ยืนอยู่ตรงนี้


              ตั้งแต่แยกกันจากสนามควิดดิชวันนั้น ทั้งคู่ก็มักจะเป็นแบบนี้เสมอ คือทักทายกันพอเป็นพิธีแล้วต่างฝ่ายต่างก็อึกอักไม่รู้ว่าควรจะ

    เริ่มคุยยังไงดี ทั้งที่จอร์จมีเรื่องร้านค้าที่เขาไปฮอกส์มี้ดจะมาเล่าให้ฟังเต็มไปหมด หรือแม้กระทั่งลูน่าเองก็มีเรื่องสัตว์วิเศษที่อยากเอามาเล่า

    ให้เขาฟัง แต่สุดท้ายทั้งสองก็ไม่ได้คุยอะไรต่อแล้วแยกย้ายกันไปคนละทาง


              วันนี้เป็นครั้งแรกที่จอร์จกับลูน่าเจอกันตามลำพัง คนผมแดงคิดจะใช้โอกาสนี้ทำให้เขากับนังหนูกลับมาพูดคุยเยอะๆ 

    เหมือนอย่างเคย แต่อย่างแรก เขาควรเลิกมองเธอด้วยแววตาอาลัยอาวรณ์คล้ายอยากกลับไปคืนดีกับแฟนก่อน เพราะหนึ่ง นังหนูไม่ได้โกรธ

    ที่เขาเผลอลืมตัวไปกอด และสอง เขากับเธอไม่ได้เป็นแฟนกัน


              “...อยู่ดีๆ ช่วงนี้อากาศก็หนาวขึ้นมาเลยเนอะ ว่าไหม” จอร์จพับถุงกระดาษเก็บใส่กระเป๋ากางเกงพลางเดินไปยืนข้างๆ ลูน่า

    ด้วยอาการประหม่าเล็กน้อย


              “ค่ะ มาดามพอมฟรีย์บอกว่าช่วงนี้คนป่วยบ่อย เมื่อกี้นี้ฉันก็เห็นว่ามีนักเรียนไปขอยาพริกไทยสูตรพิเศษ -- ฉันสงสัยอยู่เหมือนกัน

    ว่ารสชาติมันจะเป็นยังไง”


              “แค่สงสัยอย่างเดียวน่ะดีแล้ว ไม่ต้องลองหรอก ฉันเคยดื่มหนนึง ตอนเป็นไข้หวัดเมื่อตอนปีสอง เผ็ดจนน้ำหูน้ำตาไหลเป็นทาง 

    ควันงี้พุ่งออกจากหูหลายชั่วโมงเลยล่ะ” จอร์จทำท่าทางประกอบ ยกมือทำเป็นควันพุ่งออกมาจากหู เขายังนึกขอบคุณตัวเองที่ตอนนั้น

    กินยานั่นครั้งเดียวแล้วหายมาได้ มันเป็นรสชาติที่ลืมไม่ลงและคงไม่ลืมสำหรับเขาไปตลอดชีวิต


              ด้วยท่าทางที่ออกจะโอเวอร์เกินจริงของเขา ทำให้ลูน่าหลุดขำออกมาน้อยๆ จอร์จหันมามองคนข้างตัวก็อดยิ้มตามไม่ได้ กำแพงบางๆ

    ที่กั้นทั้งคู่เอาไว้ก่อนหน้านี้ค่อยๆ หายไปอย่างไม่น่าเชื่อ


              หลังจากนั้น เมื่ออะไรๆ ดูจะเข้าที่เข้าทาง ทั้งคู่ก็กลับมาคุยกันตามปกติ ดีไม่ดีอาจมากกว่าปกติด้วยซ้ำราวกับไม่ได้เจอกันมาเป็นปี 

    ไม่รู้ว่าพวกเขายืนคุยในโรงเลี้ยงนกฮูกนี้นานแค่ไหนแต่คงนานพอดู เพราะนักเรียนคนอื่นเริ่มออกมาเล่นกันข้างนอกปราสาทบ้างแล้ว


              เวลาแห่งความสุขมักหมดเร็วเสมอ จอร์จนึกเสียดายอยู่ไม่น้อยที่ได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังวิ่งขึ้นบันไดมา ขอเวลาอีกนิดไม่ได้หรือ??


              “พี่ อยู่นี่เอง” น้องสาวคนสุดท้องตระกูลวีสลีย์พ่นลมหายใจออกมาหนักๆ ด้วยความดีใจปนเหนื่อยหอบ


              “มีอะไร จินนี่”


              “เฟร็ดให้ฉันมาบอกพี่ว่าเขากับพวกรอนจะไปที่กระท่อมของแฮกริดกัน เห็นว่าผลการตัดสินเรื่องฮิปโปกริฟฟ์ออกมาแล้ว”


              “...ไปด้วยกันไหม นังหนู” จอร์จถามคนข้างตัวที่ใจคอเริ่มไม่ดี เขารู้มาตลอดว่าลูน่าแอบไปช่วยแฮกริดเลี้ยงฮิปโปกริฟฟ์บ่อยๆ ตั้งแต่

    เกิดเรื่องที่มัลฟอยถูกทำร้าย และเขาก็รู้ด้วยว่านังหนูของเขามีความรู้สึกผูกพันธ์กับพวกมันมากแค่ไหนโดยเฉพาะบัคบีค 

    คนผมบลอนด์พยักหน้าตอบแทบจะทันที


              ทั้งสามเดินลงจากโรงเลี้ยงนกฮูกแล้วเดินตัดผ่านสนามหญ้าที่เป็นสีขาวโพลนตรงไปยังกระท่อมเล็กๆ ของแฮกริด ก่อนพบว่าทุกคน

    นั่งอยู่ที่นั่นกันหมดแล้ว เฟร็ด รอน แฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่แต่ทุกคนกลับมีสีหน้าตึงเครียด


              “บัคบีคถูกตัดสินโทษประหาร” แฮกริดพูดอย่างเศร้าๆ ขณะส่งกาน้ำชาให้เด็กๆ ที่เข้ามานั่งจนแน่นกระท่อม ร่างใหญ่ทิ้งตัวนั่ง

    บนเก้าอี้นวมอย่างหมดแรงข้างเจ้าเขี้ยว หมาของเขา “มัลฟอย พ่อของเด็กนั่น บอกว่ายอมลดโทษให้ไม่ได้...บัคบีคไม่ได้ทำอะไรผิดร้ายแรง

    สักหน่อย” แฮกริดหยิบผ้าขาดรุ่งริ่งจากใต้เบาะออกมาซับน้ำตาที่มันห้ามเอาไว้ไม่อยู่ โดยมีแฮร์รี่กับรอนช่วยกันปลอบ


             “แล้วเราทำอะไรไม่ได้บ้างเลยหรือ” เฟร็ดที่นั่งกอดอกอยู่บนเตียงแฮกริดออกความเห็น “พวกนายเป็นพยานได้นี่ ตอนนั้นก็เห็นกันหมด

    ทุกคนไม่ใช่เหรอ” 


              จอร์จแอบชำเลืองตามองลูน่าที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้นวมใกล้ๆ กัน เขาเห็นว่าเธอพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้มันไหลออกมา เห็นแล้วก็อด

    เป็นห่วงไม่ได้แต่เวลาอย่างนี้เขาทำอะไรไม่ได้มากนอกจากตบบ่าเธอเบาๆ กับจินนี่ที่ปลอบอยู่ก่อนแล้ว


              “จริงด้วย” รอนร้องขึ้น “เราเป็นพยานให้ได้นะฮะ แฮกริด พวกเราเห็นว่าบัคบีคทำร้ายมัลฟอยเพราะเขาพูดดูถูกมันก่อน ทั้งที่ก็บอก

    เอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าอย่าทำแบบนั้น”


              เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าเห็นด้วย “หนูว่ามีอีกหลายคนในชั้นที่ช่วยเป็นพยานให้ได้นะคะ”


              “เห็นๆ กันอยู่ว่ามัลฟอยแกล้งทำเป็นเจ็บ มาดามพอมฟรีย์สามารถรักษาแผลให้เขาได้สบายๆ ไม่เห็นถึงกับต้องใช้ผ้าคล้องแขน

    เลยด้วยซ้ำ” แฮร์รี่พูดเสริม


              “มันไม่มีประโยชน์หรอก” แฮกริดสูดน้ำมูกแล้วเอนหลังพิงพนัก “เว้นเสียแต่ว่ามัลฟอยจะขอร้องพ่อของเขา -- ใครก็รู้ว่าคนบ้านนั้น

    ตามใจลูกอย่างกับอะไรดี -- เราทำอะไรไม่ได้หรอก”


              ภายในกระท่อมดูหม่นหมองลงทุกขณะ ทุกคนต่างนั่งเงียบจนถึงเวลาที่ต้องกลับปราสาท พวกเขาทั้งเจ็ดเดินกลับปราสาท

    กันแบบเงียบๆ กระทั่งมีเสียงหัวเราะดังขึ้นพร้อมปรากฏร่างของเดรโก แครบและกอยล์


              พวกแฮร์รี่ไม่สนใจและเดินผ่านไป เฟร็ดโอบไหล่จินนี่ให้เดินเลี่ยงพวกนั้นแล้วเดินเข้าปราสาท เดรโกกัดฟันกรอดพลางหันขวับไปหา

    สองคนที่เดินรั้งท้าย ก่อนเดินไปขวางทางเอาไว้ จอร์จพาลูน่าเดินไปอีกทางแต่ก็ถูกร่างยักษ์ใหญ่ของแครบกับกอยล์ขวางเอาไว้


              “หวัดดี ยัยสติเฟื่อง ...กับเจ้าวีเซิล” เดรโกเดินเข้ามายืนข้างหน้าพลางกอดอก “เป็นอะไรไป อ้อ คงดีใจกันอยู่ล่ะสิ พวกเธอคงรู้ข่าว

    เรื่องเจ้าสัตว์จิตใจโหดเหี้ยมนั่นแล้วสินะ เธอควรขอบคุณฉันนะเลิฟกู๊ด ที่ปีหน้าเธอจะได้ไม่ต้องเจอเจ้าอัปลักษณ์นั่น” ใบหน้าเสี้ยมแหลม

    แสยะยิ้มส่อแววชั่วร้าย แต่สะใจได้ไม่นานรอยยิ้มนั้นเริ่มจางลงเพราะเห็นเจ้าของดวงตากลมโตมีน้ำตาคลอเบ้า


              “คนที่จะดีใจได้คงมีแต่คนใจร้ายอย่างคุณเท่านั้นแหละ” ลูน่ายกหลังมือปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆ ในเมื่อทางเข้าปราสาท

    มีพวกเขายืนอยู่ เธอก็ไม่อยากจะเดินผ่านเลยเลือกที่จะเดินกลับไปทางกระท่อมของแฮกริด


              จอร์จจ้องหน้าเดรโกอย่างเอาเรื่อง ในมือกำไม้กายสิทธิ์เอาไว้แน่น แต่สุดท้ายก็เลือกเดินไปกระท่อมแทนปราสาทโดยไม่ทำอะไร


              คนผมแดงนั่งเป็นเพื่อนนังหนูที่คุยกับบัคบีคตลอดทั้งบ่ายวันนั้น โดยมีแฮกริดนั่งอยู่ด้วย เขาไม่ชอบนักหรอกที่เห็นเธอซึม 

    แต่ก็อย่างที่แฮกริดบอก -- พวกเขาทำอะไรไม่ได้หรอก...    

         


              เมื่อเดือนธันวาคมมาถึง มีเรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้นกับแฮกริดก่อนคริสต์มาสจะมาถึง เขาถึงกับอดรนทนไม่ไหวจนต้องเดินไปบอกเด็กๆ 

    ด้วยตัวเองถึงโต๊ะกริฟฟินดอร์ตอนช่วงเวลาอาหารเย็นในคืนหนึ่ง


              “บัคบีครอดแล้ว! -- ไม่ถูกประหาร! ได้ยินไหม” แฮกริดพูดด้วยน้ำเสียงดีใจสุดขีด เขายิ้มจนตาหยี ที่ทุกคนลงความเห็นกันในใจ

    ว่าช่างไม่เหมาะกับหนวดและเคราของเขาเอาเสียเลย


              “เป็นไปได้ยังไง” รอนอ้าปากค้าง กระดูกไก่ที่แทะอยู่ร่วงจากปากลงจาน


              “ไม่รู้สิ ดัมเบิลดอร์บอกว่าเรื่องของบัคบีคถูกรื้อมาตัดสินใหม่”


              “แล้วคุณไม่ถูกไล่ออกใช่ไหมคะ” เฮอร์ไมโอนี่พยายามเลี่ยงไม่มองรอนขณะถามแฮกริด


              “แน่นอน ฉันยังอยู่ที่นี่ต่อไปอีกนานเลยล่ะ แต่ก็นะ ฉันถูกสั่งห้ามอย่างเด็ดขาดว่าไม่ให้เอาสัตว์อันตรายมาใช้สอนอีก -- จริงๆนะ 

    ฉันยังคิดว่าฮิปโปกริฟฟ์ไม่เห็นจะอันตรายตรงไหน มันสวยจะตายไป”


              “แต่ก็ดีแล้วที่ไม่ถูกประหารไม่ใช่เหรอคะ”


              “เอ้อ ก็ใช่”

              

              วันรุ่งขึ้น ศาสตราจารย์มักกอนนากัลเดินรอบปราสาทแต่เช้าเพื่อเก็บรวบรวมรายชื่อนักเรียนที่จะพักอยู่ฮอกวอตส์ตลอดช่วงวันหยุด

    คริสต์มาสที่จะถึงนี้

                

              ปีนี้เป็นอีกปีที่แฮร์รี่ และเด็กๆ ตระกูลวีสลีย์ลงชื่ออยู่ฮอกวอตส์ แถมปีนี้เฮอร์ไมโอนี่กับจินนี่ก็อยู่ด้วย เฟร็ดกับจอร์จเลยเตรียมคิดเกม

    เอาไว้เล่นตอนช่วงวันหยุดกับพวกน้องๆ แล้วเรียบร้อย

                

              ระหว่างเดินกลับหอคอยกริฟฟินดอร์ แฮร์รี่แกล้งเดินรั้งท้ายเพื่อจะได้คุยกับจอร์จที่กำลังชะเง้อมองหาใครบางคน 

                

              “มองหาใครอยู่เหรอฮะ”

                

              “เปล่านี่”

                

              “เหรอฮะ งั้นผมคงมองผิดไป เอ้อ รู้หรือยังฮะ ลูน่าเพิ่งคุยกับผมเมื่อวาน เธอบอกว่าถ้าไม่มีใครอยากให้อยู่ช่วงวันหยุดก็จะกลับบ้าน

    ด้วยล่ะฮะ” แฮร์รี่แสร้งพูดแบบไม่คิดอะไรคล้ายต้องการเล่าสู่กันฟังเฉยๆ


              ซึ่งจอร์จติดกับดักนั้นชนิดที่ว่าดิ้นไม่หลุด จู่ๆ เขาก็หายตัวจากกลุ่มที่เดินด้วยกันไปอย่างไร้ร่องรอย แฮร์รี่อมยิ้มให้กับแผนของตัวเอง 

    เพราะไม่มีเลยสักวันที่เขาจะลืมขนมจากฮอกส์มี้ดที่ฝาแฝดวีสลีย์ซื้อมาฝากเขาเมื่อคราวก่อน 

     

              จอร์จเดินไปทั่วปราสาทเพื่อตามหาลูน่าจนมาถึงแถวๆ ห้องโถงใหญ่ คนผมบลอนด์กำลังยืนอยู่คนเดียวท่ามกลางนักเรียนคนอื่น

    ที่จับกลุ่มคุยกันอยู่ ขายาวๆ ก้าวไปหาเธอทันที

     

              “ถ้าฉันบอกว่าฉันอยากให้เธออยู่ล่ะ นังหนู” มาถึงจอร์จก็ตรงเข้าหาลูน่าแล้วบอกกับเธออย่างไม่อ้อมค้อม ทว่าคนตัวเล็กกว่ากลับ

    กะพริบตามองปริบๆ ด้วยความงุนงง


              “อะไรนะคะ”


              “ฉันบอกว่า ถ้าฉันอยากให้เธออยู่ฮอกวอตส์ช่วงคริสต์มาสนี้ล่ะ นังหนู เธอจะอยู่ไหม”


              เกิดเสียงเงียบลงชั่วขณะที่จอร์จพูดด้วยระดับเสียงที่คล้ายเป็นการตะโกนมากกว่า ลูน่าหันมองรอบข้างที่มองเธอกับคนผมแดง

    อย่างสนอกสนใจ ดวงตากลมเลื่อนกลับมามองคนตัวสูงอีกครั้งและกำลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง ทว่ามีเสียงของศาสตราจารย์

    มักกอนนากัลแทรกขึ้นมาซะก่อน


              “คุณเลิฟกู๊ดเป็นคนสุดท้ายที่ลงชื่ออยู่ในช่วงวันหยุดนี้นะ ไม่มีใครแล้วใช่ไหม” ดวงตาเบื้องหลังแว่นกรอบสี่เหลี่ยมกวาดไปมา 

    เมื่อไม่มีใครยกมือ เธอจึงม้วนกระดาษม้วนใหญ่ที่มีชื่อนักเรียนเก็บแล้วเดินจากไป


              “เมื่อกี้นี้--”


              “เปล่า ไม่มีอะไรหรอก เอ่อ...ช่วยทำเป็นไม่ได้ยินทีนะ นังหนู” จอร์จรีบพูดแทรก เขารู้สึกว่าตอนนี้ทั้งหน้าของเขากำลังจะเป็นสีแดง 

    นี่เขาพูดอะไรออกไป...


              ...น่าอายชะมัด ทั้งๆ ที่นังหนูก็จะอยู่อยู่แล้ว ดันไปพูดอะไรแบบนั้นซะได้! แฮร์รี่นะแฮร์รี่!



              หนึ่งวันก่อนถึงวันหยุด มีเวลาว่างๆ ระหว่างที่เด็กคนอื่นเก็บของเตรียมกลับบ้าน พวกวีสลีย์กับแฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่ที่ไม่มีอะไรทำ 

    เลยมาช่วยกันตกแต่งต้นสนต้นใหญ่สิบสองต้นที่แฮกริดลากเอามาตั้งไว้รอบๆ ห้องโถงใหญ่


              มีบางต้นตกแต่งเสร็จแล้ว ต้นหนึ่งตกแต่งด้วยแท่งน้ำแข็งย้อยที่ไม่มีวันละลายส่องแสงเป็นประกาย และบางต้นส่องแสงสว่างไสว

    ด้วยเทียนไขนับร้อยเล่ม


              ยังเหลืออีกสามสี่ต้นที่ยังโล่งไร้ของประดับตกแต่ง และพวกเขาก็ได้รับความไว้วางใจจากศาสตราจารย์มักกอนนากัลให้ช่วยตกแต่ง

    ต้นที่เหลือ


              ไม่รู้ว่าเธอไว้ใจคนผิดหรือเปล่า ฝาแฝดผมแดงแบ่งกันคนละต้น เฟร็ดเอาลูกบอลคริสต์มาสหลากสีมาห้อยจนแทบไม่เห็นสีเขียว

    ของต้นสน จอร์จก็ใช้แต่สีแดงกับสีน้ำเงินที่ไม่บอกก็คงรู้ว่ามาจากสีประจำบ้านไหนบ้าง


              ถัดไปที่ต้นทางขวา รอนถูกจับให้คู่กับเฮอร์ไมโอนี่เพราะถ้าคู่กับแฮร์รี่คงจะเล่นกันไม่เลิกแน่ แต่ก็ใช่ว่าคู่นี้จะไปกันได้ด้วยดี

    เมื่อเฮอร์ไมโอนี่หยิบลูกบอลสีเขียวมาแขวนเพื่อความสมดุลกับสีอื่นๆ รอนก็หยิบมันออกหน้าตาเฉยด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นว่าสีเขียวเป็นสีของ

    บ้านสลิธีริน และเขาไม่ชอบ


              เฮอร์ไมโอนี่จ้องหน้ารอน ขมวดคิ้วเล็กน้อย “งั้นเธอก็ต้องไม่ชอบต้นสนด้วยงั้นสิ”


              “มันไม่เหมือนกันน่า”


              สุดท้ายก็เป็นหน้าที่พี่ใหญ่อย่างเฟร็ดต้องเข้ามาไกล่เกลี่ย “อย่าทะเลาะกันสิหนูๆ ทำอย่างกับเป็นคู่แต่งงานใหม่ไปได้”


              เฮอร์ไมโอนี่กับรอนหันหลังมองตาเขียวใส่คนตัวสูงที่ยืนเท้าเอวอยู่ข้างหลัง แต่เพราะแว่นตาตลกที่มีหนวดขยับได้กับจมูกอันใหญ่

    ทำให้ทั้งคู่พ่นลมพรวดออกมาทางจมูกก่อนปล่อยเสียงหัวเราะดังลั่น


              ส่วนคู่จินนี่กับแฮร์รี่ ถึงไม่เล่นกันหรือทะเลาะอย่างคู่ที่อยู่ข้างๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะเสร็จ มีสองคนก็เหมือนทำคนเดียวเพราะ

    จินนี่มัวแต่เขินเด็กชายใส่แว่น เจ้าของผมดำอันยุ่งเหยิงจนไม่เป็นอันทำอะไร แฮร์รี่ต้องทำเป็นมองไม่เห็นเธอแล้วก้มหน้าก้มตา

    แขวนของตกแต่งต่ออยู่คนเดียว       


              ระหว่างนี้ศาสตราจารย์มักกอนนากัลและศาสตราจารย์ฟลิตวิกกำลังวุ่นกับการตกแต่งทั้งห้องสำหรับเทศกาลคริสต์มาส 

    ลูน่ากับมาเรียยกเถาต้นฮอลลี่และมิสเซิลโทที่จะเอามาแขวนตามผนังมาให้ตามที่อาจารย์ประจำบ้านบอก


              “เฮ้ ข้างล่างนั่นน่ะ ใครก็ได้ ส่งดาวมาให้ที” จอร์จตะโกนลงมาจากบนบันไดขั้นบนสุด อุตส่าห์ปีนขึ้นมาตั้งสูงดันลืมดาว

    สำหรับวางไว้บนสุดซะได้


              ลูน่าอยู่แถวนั้นพอดี ดวงตาสีซีดเหลือบลงมองหาดาวที่ว่า ก่อนจะเจอมันส่องประกายอยู่ใต้ต้นสน เธอก้มหยิบมันขึ้นมาแล้วส่งให้

    คนข้างบน


              จอร์จชะงักเล็กน้อยที่เห็นนังหนูเป็นคนส่งมาให้ “ขอบใจนะ” เขาคลี่ยิ้มบางๆ ให้เธอพลางรับดาวสีทองจากมือน้อยๆ นั่นมาวางไว้

    ข้างบนสุดของต้นสน ก่อนค่อยๆ ปีนบันไดลงมายืนอยู่ข้างๆ ลูน่า ขณะที่มาเรีย เพื่อนของเธอเดินไปดูต้นอื่นอยู่อีกฝั่ง

      

              สายตาทั้งคู่มองอยู่ที่ต้นสนต้นเดียวกัน “สวยจัง” รอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนใบหน้าลูน่าขณะมองดูดวงดาวส่องประกายวิบวับรับกับ

    หิมะที่โปรยปรายลงมาจากเพดานเฉพาะหน้าหนาว ที่เป็นฤดูที่เธอชอบมองเพดานเวทมนตร์มากที่สุด รอยยิ้มนั้นทำเอาจอร์จอดยิ้มตาม

    ด้วยไม่ได้ แต่ดูเหมือนเขาจะมีความสุขมากเกินไปจนต้องฉีกยิ้มกว้างออกมาแทน


              แฮร์รี่รับรู้ได้ถึงแรงสะกิดจากเฮอร์ไมโอนี่ที่นั่งหันหลังชนกันอยู่ เด็กสาวผมฟูยักคิ้วหลิ่วตาส่งสัญญาณพลางพยักพเยิดไปทาง

    คนผมแดงตัวสูงกับเด็กสาวตัวเล็กผมบลอนด์ เพื่อนสนิททั้งสองแอบนั่งมองและยิ้มอยู่เงียบๆ เพื่อไม่ให้สองคนนั้นรู้ตัว


              ทว่าภาพที่ยืนคู่กันกลับสลายหายไปกับตาเมื่อเฟร็ดแอบดึงประทัดคริสต์มาสอยู่ข้างหลังทั้งคู่ พอดีกับที่จอร์จหันไปเห็นพอดี 

    มือใหญ่ๆ ของเขาเอื้อมมาปิดหูลูน่าทั้งสองข้างได้ทันเวลาก่อนที่จะเกิดเสียงระเบิดดังกึกก้อง คล้ายเสียงของปืนใหญ่ทำเอาหูแทบดับ  

    ควันสีน้ำเงินลอยออกมาล้อมรอบตัวลูน่ากับจอร์จ ส่วนเฟร็ด ก่อนหน้านี้เขายังหัวเราะชอบใจหลังแกล้งได้สำเร็จแต่ก็เป็นอันต้องวิ่งวุ่น

    ไปทั่วห้องโถงใหญ่เพื่อจับหนูสีขาวตัวเป็นๆ ที่วิ่งออกมาจากประทัดตามคำสั่งของศาสตราจารย์มักกอนนากัลที่มองตาเขียวใส่เขา 

    ถึงแม้เธอจะไม่ได้โมโหจริงๆ จังๆ ก็เถอะ


              แฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี่ รอนและจินนี่นั่งนิ่งเพราะหูอื้อ แต่ก็ไม่มีใครบ่นอะไรเพราะถึงบ่นไปก็ไม่มีใครตรงนี้ได้ยิน


              บรรยากาศในตอนนี้แม้จะดูยุ่งเหยิงไปนิดแต่ก็คึกครื้นสมกับเป็นเทศกาลแห่งความสุข ทำให้กว่าการตกแต่งอันแสนวุ่นวายจะเสร็จสิ้น

    ก็กินเวลาไปหลายชั่วโมงทีเดียวแต่ทุกคนกลับรู้สึกสนุกกว่าปีไหนๆ และตั้งหน้าตั้งตาคอยให้ถึงวันหยุดเร็วๆ เพราะคิดว่ามันต้อง

    สนุกมากกว่านี้แน่โดยเฉพาะจอร์จ...




    - Talk -


              จะคริสต์มาสแล้วว ใช่ค่ะ ถึงตอนนี้จะเดือนตุลาคมและไม่ได้มีความหนาวเลยก็เถอะ 5555 

    วันหยุดยาวปีนี้นังหนูจะอยู่ฮอกวอตส์ด้วยแหละ~ ไหนๆ ก็อยู่แล้ว เราก็เลยกะว่าจะแต่งให้อยู่ในช่วงคริสต์มาส ปีใหม่ไปอีกสักตอนสองตอน

    เพราะความชอบส่วนตัวล้วนๆ เลยค่ะ 

              เราชอบบรรยากาศช่วงนี้ ที่ถึงอากาศจะหนาวๆ แต่เวลาอยู่กับคนที่รักก็สามารถให้ความรู้สึกอบอุ่นได้ อะไรประมาณนี้~ >_< 

              รีดอย่าเพิ่งเบื่อกันไปก่อนน้า~  

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×