ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] Little Loony Lovegood [George x Luna] [END]

    ลำดับตอนที่ #21 : 21 ll Eagle boy

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.9K
      189
      16 ต.ค. 62


    21


    Eagle boy





              เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มาเรียนที่ฮอกวอตส์กับการถูกกักบริเวณของลูน่า แม้ก่อนหน้านี้จะมีหลายครั้งที่เธอแหกกฎและโดยเฉพาะ

    การเข้าป่าต้องห้ามแต่ก็เอาตัวรอดมาได้ทุกทีเพราะคนผมแดงบ้านกริฟฟินดอร์

              

              ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มตรงพอดี ลูน่ายืนอยู่ตรงหน้าประตูไม้บานใหญ่ของห้องรางวัลกับชายผู้มีหน้าตาไม่เป็นมิตรกับเด็กนักเรียน

    อย่างฟิลช์ เด็กสาวลอบมองเข้าไปในห้อง ในนั้นมีถ้วยรางวัลนับร้อยที่กำลังรอคอยให้เธอไปขัดถูจนเงาวับ ลูน่าไม่รู้สึกเบื่อหรือเสียใจที่ถูก

    กักบริเวณแต่กลับตื่นเต้นและมีความหวังเล็กๆ ว่าจะได้เจอนาร์เกิ้ลในห้องที่ไม่ได้เข้ามาง่ายๆ อย่างห้องนี้


              มือเหี่ยวๆ ของฟิลช์ผลักบานประตูเปิดออกกว้าง “เข้าไปซะสิ!” เสียงแหบแห้งตะคอกใส่ลูน่าจนเธอสะดุ้งสุดตัว


              เธอกำลังจะก้าวเข้าไปข้างในด้วยการต้อนรับของแสงไฟสลัวจากตะเกียงในห้อง แต่แล้วกลับมีเสียงฝีเท้าของคนสองคนเดินเข้ามาหา


              “สวัสดีฮะ คุณฟิลช์ --เธอมาทำอะไรที่นี่น่ะ นังหนู” จอร์จถามคนผมบลอนด์ทั้งที่ตัวเองรู้ดีอยู่แล้วก่อนขยิบตาให้    


              ฟิลช์แค่นหัวเราะในลำคอ “ก็ถูกกักบริเวณน่ะสิ เจ้าเด็กแสบ” เขามองฝาแฝดวีสลีย์อย่างดูแคลน พ่นน้ำลายเป็นฟองฝอยไม่หยุด 

    “อยู่ดีไม่ว่าดี ไปสาปใส่คนอื่นแบบนั้นก็สมควรแล้วล่ะ เอ้า! เข้าไปสักที ฉันยังมีงานให้ทำอีกเยอะนะ”


              “ให้พวกเราช่วยไหม” เฟร็ดรีบโพล่งถาม


              ฟิลช์หันกลับมามองทั้งคู่คล้ายกำลังแยกเขี้ยวใส่ “อยากเป็นคนดีอะไรเอาป่านนี้ ฉันว่าอีกไม่นานพวกเธอได้โดนทำโทษสมใจแน่ 

    ไม่ต้องห่วง แต่ยังไม่ใช่วันนี้....” 


              ฟิลช์พูดยังไม่ทันขาดคำ จอร์จก็หยิบไม้กายสิทธิ์ออกจากกระเป๋าเสื้อคลุมมาร่ายคาถาใส่คุณนายนอร์ริสจนทั้งตัวมันเป็นสีเขียว

    ภายในพริบตาเดียว แล้วเฟร็ดก็กลัวว่าคืนนี้จะต้องเดินกลับไปนอนที่หอคนเดียวเลยช่วยเสกให้มันกลายร่างเป็นหนูตัวเล็กวิ่งผ่านหน้าห้อง

    ไปต่อหน้าต่อตาเจ้าของอย่างฟิลช์


              “แก!” ฟิลช์จ้องเขม็ง เขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า แก้มย้อยๆ ของเขากระตุก “เสกให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมเดี๋ยวนี้นะ!”


              “ไม่มีประโยชน์หรอกฮะ” เฟร็ดตอบตามความจริง


              “อีกสิบนาทีแม่ยอดยาหยีของคุณก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว”


              “แต่เราแนะนำให้คุณตามไปจะดีกว่า ไม่แน่แม่ยอดดวงใจของคุณอาจวิ่งไปที่ป่าต้องห้ามก็ได้นะ ที่นั่นน่ะมีสัตว์อันตรายเยอะน่าดู”

     

              ฟิลช์หายใจฟืดฟาดราวกับมังกรกำลังจะพ่นไฟ “พวกแกสองคนถูกกักบริเวณด้วยในคืนนี้!! เข้าไปซะ แล้วขัดให้เอี่ยม ไม่อย่างนั้น

    ก็อย่าหวังว่าจะได้กลับไปนอนสบายใจเฉิบ! แล้วก็อย่าคิดหนีด้วยถ้าไม่อยากถูกทรมาน ฉันพูดจริงนะ!” พูดจบร่างผอมๆ ของฟิลช์ก็วิ่งตาม

    คุณนายนอร์ริสด้วยท่าทางเงอะงะงุ่มง่าม  


              สุดท้ายทั้งสามต้องมาขัดถ้วยรางวัลตามคำสั่ง ไม่อย่างนั้นฟิลช์ต้องเล่นงานพวกเขาหนักแน่ ซึ่งไม่ดีสำหรับต้นเทอมแบบนี้

    เพราะหลังจากนี้ทั้งคู่ต้องเจอหน้าฟิลช์ไปอีกนานทีเดียว

         

              เฟร็ด จอร์จ และลูน่า นั่งรวมกันอยู่ตรงกลางห้องเพราะแสงไฟส่องถึงโดยมีผ้าสำหรับขัดถ้วยรางวัลอยู่ในมือกันอีกคนละผืน


              ครึ่งชั่วโมงให้หลัง ฟิลช์เดินกลับมาในห้องพร้อมคุณนายนอร์ริสที่คืนสภาพกลับมาเป็นแมวเหมือนเดิมแล้วก่อนนั่งบนเก้าอี้

    ด้วยอาการเหนื่อยหอบ


              “แม่นแฮะ” เฟร็ดเอียงตัวกระซิบกับจอร์จ “คำทำนายของศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์ไง -- โดนลงโทษอย่างทรมาน ฉันว่าวันนี้เราต้องขัด

    จนกล้ามขึ้นซะมั้ง”


              “อย่าบ่นมาก ทำงานไป!” แม้จะเหนื่อยเต็มทีแต่ฟิลช์ก็ยังมีแรงตะคอกเสมอ


              จอร์จหยุดมือที่ขัดทันที “ฉันว่าเรื่องถูกทำโทษ ต่อให้ไม่มีตาพยากรณ์ก็เดากันออกน่า”


              “ก็จริง”


              พวกเขาหันมาขัดถ้วยรางวัลต่อ จากที่อวดครวญเพราะเมื่อยก็ชักจะเริ่มสนุกขึ้นมาอย่างกับจะเจอแผนที่ขุดหาสมบัติอย่างไงอย่างงั้น 

    เพราะเมื่อกี้เฟร็ดเพิ่งเจอแผนที่ลับในฮอกวอตส์ที่สลักอยู่ใต้ฐานถ้วยรางวัลควิดดิชเมื่อสิบปีก่อน เขากับจอร์จจ้องตาเป็นมันพลางจดจำ

    รายละเอียดนั้นเอาไว้เผื่อมีโอกาสเหมาะให้ได้ออกผจญภัยอีกครั้ง


              ในขณะที่ฟิลช์เริ่มง่วงนอน เขาหาวร่วมสิบครั้งได้ในสามนาทีที่ผ่านมา “น่าเสียดายนะที่ฉันต้องบอกว่าขอตัวไปนอนหลับฝันดีก่อน 

    พวกเธอก็อย่าหยุดมือล่ะ ขัดให้เสร็จ แล้วพรุ่งนี้ฉันจะมาตรวจ” พูดจบฟิลช์ก็เดินจากไปอย่างง่ายดาย


              เฟร็ดมองตามร่างผอมที่เดินออกไปพร้อมกับแม่ยอดยาหยีในอ้อมแขน “ไม่เคยเสียดายอะไรขนาดนี้มาก่อน ฟิลช์จากเราไปแล้ว” 

    เขาทำเป็นถอนหายใจประชด ก่อนหันมาหาลูน่าที่ตั้งอกตั้งใจขัดถ้วยรางวัลมาเงียบๆ ตั้งแต่เริ่ม “จริงๆ นะ แม่หนูลูน่า มันผิดแผนไปหน่อย 

    พวกเรากะจะพาเธอหนี แต่กลายเป็นต้องมานั่งขัดถ้วยรางวัลทั้งสามคนซะได้...”


              อากาศหนาวขึ้นทุกทีพอๆ กับเวลาที่เดินมาเรื่อยๆ จนเกือบถึงวันใหม่ ตอนนี้ทั้งสามแยกกันนั่งอยู่คนละมุมและกำลังรับผิดชอบ

    ถ้วยรางวัลสามถ้วยสุดท้ายที่เหลือ


              จอร์จมองดูถ้วยรางวัลควิดดิชในมืออย่างภูมิใจที่ออกแรงฮึดขัดรวดเดียวจนเป็นเงาวาว เขาค่อยๆ บรรจงวางกลับลงที่เดิม

    แล้วหันมาหาเฟร็ดที่อยู่ไม่ไกลกันเท่าไร


              คนผมแดงที่ดูเหมือนเขาจนแทบแยกไม่ออก นั่งหลับอ้าปากหวอพร้อมโอบสองแขนกอดถ้วยรางวัลที่ขัดเสร็จแล้ว จอร์จส่ายหัวน้อยๆ 

    พลางหยิบถ้วยรางวัลนั้นเพื่อเอาไปเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย ทีนี้ก็เหลือลูน่า ถ้าเธอขัดเสร็จแล้ว พวกเขาก็จะได้กลับไปนอนกันเสียที 

    ทว่าภาพที่เห็นนั้นแทบไม่ต่างจากเฟร็ดซะทีเดียวแต่ก็อดปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพนังหนูหลับนั้นน่าดูกว่าเฟร็ดเยอะ

                

              จอร์จหยิบถ้วยนั้นออกมาจากอ้อมแขนลูน่าอย่างแผ่วเบา จัดแจงให้เธอนอนพิงกำแพงดีๆ แล้วเริ่มขัดถ้วยรางวัลที่ยังไม่เสร็จแทน

                

              ห้านาทีต่อมา ถ้วยรางวัลในห้องล้วนดูเงาแวววาวราวกับเป็นของใหม่ จอร์จยกมือนวดแขน ทุบไหล่ที่ปวดระบม และนวดคอ

    ก่อนเงยหน้าขึ้นมองดูเด็กสาวที่น่าจะหลับอยู่ตรงหน้า ทว่านังหนูกลับมองเขาด้วยดวงตาปรือๆ ฉ่ำเยิ้มคู่นั้น

        

              อย่ามองฉันแบบนั้นนะ ฉันขอเตือนเธอ นังหนู!! ...เธออย่าไว้ใจฉันขนาดนั้น


              จอร์จหลบตาและไม่กล้าสบตาลูน่าในตอนนี้อีกเลย นี่พ่อมดเมอร์ลินกำลังทดสอบจิตใจเขาอยู่งั้นเรอะ??


              “เอ่อ ...ฉันขัดถ้วยเสร็จแล้ว -- นังหนู เรากลับกันได้แล้วล่ะ” จอร์จพูดตะกุกตะกัก แต่ไร้วี่แววเสียงตอบรับเลยจำใจต้องหันกลับไป

    มองใบหน้าน้อยๆ นั่นอีกครั้ง “ง่วงใช่ไหม”


              คนผมบลอนด์พยักหน้าน้อยๆ เป็นคำตอบ ทำเอาใจคนมองแทบเหลวเป็นน้ำ จอร์จอยากจะยิ้มแต่ก็ยิ้มไม่ได้เพราะต้องเก็บอาการ


              “ราตรีสวัสดิ์ค่ะ คุณวีสลีย์--” น้ำเสียงฝันๆ พูดยานๆ ก่อนล้มตัวลงนอน


              “เดี๋ยวก่อน นังหนู ที่นี่ไม่ใช่หอคอยเรเวนคลอนะ” จอร์จดีดตัวลุกไปรองรับตัวลูน่าเอาไว้ได้ทันก่อนที่เธอจะนอนไปบนพื้น “กลับหอกัน 

    ฉันจะไปส่งเธอเอง”  

                

              จอร์จลุกขึ้นยืนพลางดึงมือคนตัวเล็กให้ลุกตามขึ้นมา ลูน่าง่วงนอนมากจนแทบจะหลับตาเดินตามเขาไปอยู่แล้ว คนผมแดง

    เดินไปปลุกแฝดคนพี่ของเขา เฟร็ดลุกยืนแล้วเดินงัวเงียไปตรงระเบียงทางเดินที่อยู่หน้าห้องพร้อมทิ้งตัวนั่งแปะลงกับพื้น เอนตัวพิงกำแพง

                

              “นายจะไปส่งแม่หนูลูน่าก่อนก็ไปเลย ฉันจะนอนรอนายอยู่ตรงนี้แหละ...”

                

              จอร์จกะพริบตามองปริบๆ นี่เขากำลังทำอะไรอยู่เนี่ย? คนนึงหลับไปแล้ว ส่วนอีกคนก็กำลังจะหลับแหล่มิหลับแหล่อยู่ข้างๆ 

    ด้วยความกลัวว่าจะพลัดหลงหรือล้มพับไปซะก่อน คนผมแดงเลยถือวิสาสะจับมือน้อยๆ ของลูน่าเอาไว้ซึ่งเธอไม่ได้มีท่าทีต่อต้านแต่อย่างใด

                

              ทางเดินต่อจากนี้ค่อนข้างมืดมากจนแทบมองไม่เห็นอะไรเลย “ลูมอส” จอร์จพึมพำเบาๆ มีแสงสว่างวาบขึ้นตรงปลายไม้กายสิทธิ์

    เขายื่นมือข้างที่ถือไม้ไปข้างหน้าแล้วเริ่มออกเดิน  มือเล็กที่กุมเอาไว้ออกแรงบีบน้อยๆ จอร์จเลยกระชับมือให้แน่นขึ้นกว่าเดิม

    จนทั้งคู่เดินมาถึงหน้าหอคอยเรเวนคลอ

                

              “ถึงหน้าประตูแล้ว นังหนู” จอร์จออกแรงกระตุกมือน้อยๆ เพื่อปลุก พลางก้มลงกระซิบบอกเพราะเวลานี้คนอื่นๆ น่าจะนอนหมดแล้ว


              ลูน่าก้าวเดินขึ้นหน้าตามความเคยชินไปยังประตูโดยมือข้างซ้ายยังจับมือจอร์จเอาไว้อยู่ มือขาวซีดของเด็กสาวเอื้อมออกไปเคาะ

    ที่รูปสลักอินทรีหนึ่งครั้ง ทันใดนั้นจะงอยปากของนกอินทรีเปิดออกพร้อมมีเสียงดังขึ้นเป็นปริศนาคำทาย ทว่าครั้งนี้เธอกลับไม่ตอบ

    แต่มีเสียงดัง กึก! เพราะศีรษะของเธอโน้มไปข้างหน้าแล้วพิงประตูและไม่มีเสียงอะไรออกมาจากปากอีกเลย


              จอร์จรู้ในทันทีว่าเธอหลับไปอีกรอบแล้วเลยคิดจะตอบคำถามแทน แต่ตอบเท่าไรประตูก็ไม่ยอมเปิดออกสักที กระทั่งได้ยินเสียงคน

    เดินขึ้นบันไดตามหลังมา จอร์จหันขวับไปมองก็เจอกับร่างล่ำบึ้กของแอนโทนี


              นายอีกแล้วเหรอ?


              ดวงตาคมตวัดมองคนผมแดงอย่างไม่ไว้ใจทันทีเมื่อเห็นเขาอยู่ที่นี่พร้อมกับคนตัวเล็ก “คุณวีสลีย์? คุณมาทำอะไรที่นี่”


           “ฉันมาส่ง นังหนู...ลูน่าน่ะ เราเพิ่งกลับจากห้องรางวัล แต่เธอง่วงมาก ...อย่างที่เห็น แล้วนายล่ะ ดึกแล้วทำไมถึงยังเดินอยู่นอกหอนอน”


              “บังเอิญว่าพรีเฟ็คของเราป่วย ผมเลยต้องรับหน้าที่เดินตรวจตรารอบโรงเรียนแทน แล้วก็เพิ่งเสร็จ -- เท่าที่ผมดู คุณคงยังตอบคำถาม

    ไม่ถูกสินะ” แอนโทนีเดินแทรกตัวมายังประตูอย่างวางมาดแล้วเคาะตรงอินทรีเพื่อฟังคำถามอีกครั้ง


              จอร์จมองคนมาใหม่อย่างไม่ชอบใจนัก ทว่ายังไม่ทันถึงหนึ่งนาทีดีนัก เขาก็ได้ยินเสียงประตูเปิดออก


              แอนโทนีหันมายิ้มให้ราวกับจะบอกว่ามันก็แค่คำถามง่ายๆ “เข้าไปข้างในเถอะ เลิฟกู๊ด” มือใหญ่ของเขากำลังจะยื่นไปจับไหล่ 

    แต่จอร์จเบี่ยงตัวเองบังเอาไว้แล้วปลุกลูน่าด้วยตัวเองก่อนปล่อยมือเล็กอย่างไม่ค่อยเต็มใจ


              แอนโทนียื่นมือมาตรงหน้าเด็กสาวหวังรับช่วงต่อจากจอร์จพาเธอไปส่งข้างใน ลูน่ามองมือนั้นนิ่งๆ แล้วหันกลับมาหาคนผมแดง


              “ราตรีสวัสดิ์ค่ะ คุณวีสลีย์” แล้วก็เดินเข้าประตูด้วยท่าทางงัวเงียโดยไม่ได้สนใจมองมือที่ชูให้เธออีกเลย...

     


              เมื่อกลับมาถึงหอนอนกริฟฟินดอร์อย่างทุลักทุเลเพราะต้องแบกเฟร็ดกลับมาด้วย จอร์จก็ทิ้งตัวนอนลงบนเตียงตัวเองทันที 

    พลางคิดถึงแอนโทนี ที่อยู่ดีๆ ช่วงนี้ก็พยายามทำตัวสนิทสนมกับลูน่าเป็นพิเศษ แต่จู่ๆ ก็มีเสียงของเฟร็ดดังขึ้นเรียกให้เขาออกจากภวังค์


              “ฉันเห็นนะ!”


              จอร์จใจเต้นโครมคราม ยันตัวเองลุกขึ้นนั่งมองดูเฟร็ดที่ขมวดคิ้วยุ่ง เฟร็ดหมายถึงอะไรกันแน่ เห็นที่เขาจับมือนังหนูน่ะหรือ


              “นาย...เห็นอะไร”


              “นายแอบหยิบตังเมเลือดกำเดาไปใช่ไหม รอน สารภาพมาเดี๋ยวนี้นะ”


              จอร์จถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่แท้ก็แค่ละเมอ “แล้วฉันจะจ่ายให้นะ”


              “ดีมากน้องรัก” เฟร็ดพยักหน้าอย่างพอใจแล้วล้มตัวลงนอนต่อ สร้างความโล่งใจให้จอร์จเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังมีเรื่องคำทำนาย

    มาคอยกวนใจ ทำให้กว่าจะหลับก็ในอีกสองชั่วโมงให้หลัง...



              อากาศเย็นเริ่มมาเยือนฮอกวอตส์อีกครั้ง ในวันหยุดอย่างนี้คงไม่มีเด็กนักเรียนคนไหนอยากแงะตัวเองออกจากเตียงและผ้าห่ม

    อันแสนอบอุ่นแน่ ยกเว้นก็แต่หากตัวเองเป็นนักกีฬาควิดดิชทีมบ้านกริฟฟินดอร์...

                

              สมาชิกทั้งหกต้องตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ตามคำสั่งของกัปตันทีมอย่าง ‘โอลิเวอร์ วู้ด’ ปีนี้จะเป็นปีสุดท้ายของเขาที่ฮอกวอตส์ในฐานะ

    นักกีฬาควิดดิชและนักเรียน จึงไม่แปลกใจเลยถ้าได้เห็นเขากระตือรือร้นตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมา เช้าวันนี้เขาลงทุนไปปลุกสมาชิกจอมขี้เซา

    อย่างแฮร์รี่ เฟร็ดและจอร์จถึงเตียง

                

              “ทำตัวให้มันสดชื่นกันหน่อยทุกคน!” โอลิเวอร์ตบมือเสียงดังลั่นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อปลุกทั้งหกให้ตื่น “ควิดดิชครั้งที่จะถึงนี้

    เราจะแพ้ไม่ได้แล้วนะ” 


         “แต่ โอลิเวอร์” เฟร็ดยกมือถามด้วยน้ำเสียงงัวเงียทั้งที่ตายังปิดอยู่ -- อาทิตย์หน้าไม่ใช่เราแข่งซะหน่อย”


         “ใช่ นั่นแหละ -- เราถึงต้องรีบซ้อมตามแผนที่จะแข่งกับแต่ละบ้านให้จำได้จนขึ้นใจ เราไม่รู้ว่าจะมีใครบาดเจ็บจนต้องเลื่อนการแข่ง

    อีกไหม เพราะงั้นฉันคิดว่าเราจะประมาทกันไม่ได้อีกแล้ว” 


              ชายหนุ่มร่างบึ้กดูเอาจริงเอาจังกว่าทุกครั้ง หลังนัดแรกของการพบกันระหว่างกริฟฟินดอร์กับฮัฟเฟิลพัฟนั้น พวกเขาได้พ่ายแพ้ไป

    แทบขาดลอย

                

              ทีมบ้านกริฟฟินดอร์รู้สึกว่ามันไม่ค่อยยุติธรรมสักเท่าไร ในเมื่อก่อนหน้าวันแข่งเกือบเดือน พวกเขาซ้อมตามแผนการอย่างดิบดี

    เพื่อเจอกับสลิธีรินตามตารางแข่งที่เหมือนเดิมทุกปี ทว่าหนึ่งวันก่อนลงแข่งพวกเขากลับพบว่าต้องเปลี่ยนไปแข่งกับฮัฟเฟิลพัฟก่อน

    เพราะซีกเกอร์บ้านสลิธีรินบาดเจ็บ

                

              เฟร็ด จอร์จและแฮร์รี่ท้วงว่าแผลที่แขนของมัลฟอยหายดีแล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ขณะที่บ้านฮัฟเฟิลพัฟนั้นรู้ล่วงหน้าก่อนราวๆ 

    หนึ่งอาทิตย์ซึ่งมีเวลามากพอสำหรับการเปลี่ยนแผนการเล่นให้เหมาะกับคู่แข่งอยู่แล้ว

                

              เพราะอย่างนั้นเองทำให้โอลิเวอร์ไม่อยากประมาท เขาเรียกซ้อมล่วงหน้าทั้งที่ครั้งต่อไปที่จะถึงนี้ไม่ใช่กริฟฟินดอร์แข่งก็ตาม

                

              โอลิเวอร์ปลุกให้มาซ้อมแต่เช้าอย่างนี้ติดต่อกันทุกวันมาสองสัปดาห์แล้วเพราะเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีทีมไหนตื่นมาใช้สนามเพื่อซ้อมกัน 

    ทางจึงสะดวก

                

              ช่วงนี้นอกจากจะเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียสะสมกันมาทั้งทีม จอร์จยังรู้สึกจิตใจห่อเหี่ยวหนักขึ้นทุกวัน ช่วงเวลาที่เขาจะได้นั่งมอง

    นังหนูนานๆ อย่างตอนกินอาหารเช้า หรือตอนเย็นก็เป็นอันต้องผล็อยหลับไปทุกที แถมหงุดหงิดที่เห็นแอนโทนีคอยวนเวียนอยู่แถวๆ 

    ลูน่าตลอด จนลำบากแฮร์รี่ต้องคอยบอกให้ใจเย็นๆ

                

              วันนี้เป็นวันหยุด หลังซ้อมควิดดิชและกินอาหารเช้าเสร็จ เฟร็ดขอแยกตัวไปนอน ส่วนจอร์จลากตัวแฮร์รี่ให้ไปหอคอยทางทิศเหนือ

    ด้วยกัน ซึ่งเป็นที่ที่แฮร์รี่ไม่เคยคิดจะมานอกจากถึงชั่วโมงเรียน


              “เธอจ๋า ฉันยังยืนยันคำเดิม เธออาจเสียน้ำตาให้กับความรักครั้งนี้” น้ำเสียงอ่อนเครือพูดขึ้นขณะดูลายมือให้ลูกศิษย์ที่มีแววจะช้ำรัก 

    ดวงตากลมโปนเบื้องหลังแว่นตาอันใหญ่ก้มลงเพ่งมองต่อ “แต่เธอจะมีความสุขแน่นอน ไม่ต้องห่วง --แต่ไม่ใช่เร็วๆ นี้”


              “ที่ว่าเขาจะมีความสุขนี่ใช่กับคนที่ทำให้เขาต้องเสียใจหรือเปล่าฮะ” แฮร์รี่อดรนทนไม่ไหวอยากออกจากห้องที่แสนอึดอัดนี้เร็วๆ 

    เลยถามแทนสิ่งที่อยู่ในใจจอร์จ


              “ฉันบอกไม่ได้หรอกนะ พ่อหนู --” ทรีลอว์นีย์ตอบแฮร์รี่แต่ยังไม่ละสายตาไปจากจอร์จ “ถ้าความรักที่เธอมีให้ต่อหนูน้อยคนนั้นมากพอ

    ก็ไม่น่าจะมีอะไรให้ต้องกังวล ยกเว้นก็แต่เมื่อไรก็ตามที่ความรักของใครอีกคนที่เข้ามามีมากกว่าเธอ เมื่อนั้นแหละจ้ะที่เธอควรจะต้องกังวล 

    -- ฉันพูดได้แค่นี้”


              “งั้นเรากลับกันเถอะฮะ” แฮร์รี่เอียงตัวกระซิบบอกกับจอร์จ


              “เดี๋ยวก่อน -- เธอน่ะ พอตเตอร์ใช่ไหม”


              “...ฮะ”


              “ในปีหน้าถ้าเธอมีการแข่งขันอะไร ฉันแนะนำว่าเธอต้องมีสมาธิกับมันให้มากๆ ไม่อย่างนั้นเธอจะเสียชัยชนะไป อุปสรรคคือ 

    ความหลง พ่อหนู -- อาการตกหลุมรัก ฉันมองเห็นอย่างนั้น” ใบหน้าเล็กภายใต้ผมฟูที่แทบจะปิดหน้าฉีกยิ้มหวาน ทำเอาแฮร์รี่ขนลุกเกรียว


              “นายกำลังจะมีความรักเหรอ แฮร์รี่”


              “ไม่มีทางหรอกฮะ ผมไม่ได้ชอบหรือแอบมองใครอยู่ซะหน่อย เอ่อ...เราขอตัวก่อนนะฮะ” ว่าแล้วแฮร์รี่ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้นวมตัวเตี้ย

    แล้วดึงชายแขนเสื้อจอร์จให้ลุกตามมาทันที



              ภายในห้องโถงใหญ่ของเช้าวันเสาร์ดูคึกครื้นกว่าปกติเพราะวันนี้จะเป็นอีกวันที่มีการแข่งควิดดิชระหว่างเรเวนคลอกับฮัฟเฟิลพัฟ 

    ทว่าไร้วี่แววของจอมแสบเฟร็ดกับจอร์จอยู่ที่นี่ แฮร์รี่บอกลูน่าว่าพวกเขายังไม่ตื่นก่อนที่เธอจะถามด้วยซ้ำ จากท่าทางที่เธอคล้ายมองหา

    ใครบางคนตอนเขากับรอนเข้ามาทักเธอพร้อมบอกว่าวันนี้จะแอบไปเชียร์อยู่ที่ฝั่งเรเวนคลอด้วย

                

              หลังกินอาหารเช้าเสร็จ ลูน่ากับมาเรียก็เดินไปให้กำลังใจซีกเกอร์สาวหนึ่งเดียวของเรเวนคลออย่าง ‘โช แชง’ เธอยิ้มรับ

    แล้วเดินไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมคนอื่นในทีม

                

              “ฉันไม่อยากทรยศต่อเรเวนคลอเลย ให้ตายสิ” มาเรียกอดแขนลูน่าระหว่างที่ทั้งคู่เดินฝ่าลมหนาวไปทางอัฒจันทร์ สีหน้าเธอ

    ออกอาการเคลิบเคลิ้มคล้ายจะเป็นลมล้มพับไปตรงนั้นซะให้ได้ “เขาน่ะเทพบุตรชัดๆ เซดริกน่ะ เขาทั้งหล่อ ตัวสูง เงียบขรึม แถมยังเป็น

    กัปตันทีมควิดดิชอีก -- เฮ้อ ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากได้เขามาเป็นแฟนจัง” มาเรียยกมือที่สวมถุงมือทาบแก้มทั้งสองข้างที่ขึ้นสีแดงเรื่อ 

    แล้วพูดถึงความหล่อของเซดริก ดิกกอรี่ไปตลอดทาง

                

              สายลมในฤดูหนาวพัดพาผ้าพันคอกับผมปลิวไสว มาเรียกับลูน่านั่งอยู่แถวกลางบนอัฒจันทร์ ทุกคนต่างนั่งรอเวลาจนหน้าชา

    เพราะลมพัดมาตีหน้าอย่างไม่ปราณี

                

              “สวัสดี เลิฟกู๊ด ฉันขอนั่งด้วยนะ” น้ำเสียงทุ้มติดแหบนิดๆ ถามขึ้น เขาดึงผ้าพันคอลงเผยให้เห็นใบหน้าที่ส่งยิ้มมาให้ 

    ก่อนลงมานั่งตรงที่ว่างข้างเด็กสาวโดยไม่รอคำตอบด้วยซ้ำ

                

              แฮร์รี่กับรอนโบกมือมาทางนี้น้อยๆ ขณะเดินเข้ามาหาแต่แล้วพวกเขากลับหยุดชะงักเพราะเดินไปชนกับใครบางคนที่คนหนึ่ง

    สวมหัวอินทรียักษ์ใหญ่ที่ดูเหมือนจริงอยู่บนหัว ขณะที่อีกคนใส่ชุดเป็นอินทรีเดินได้ทั้งตัว


              “เดินดูทางหน่อยเจ้าทึ่ม!” รอนเหวใส่หน้ากากนกอินทรีสองหัวที่ชวนให้รู้สึกโมโหมากกว่าจะชมชอบ ก่อนจะถูกมือใหญ่ๆ 

    ของคนที่สวมแค่หัวอินทรีตีเข้าที่ศีรษะ “แกกล้าดียังไงถึงมาตบหัวฉัน นายเป็นใครกันฮึ?!” รอนยกกำปั้นเตรียมพร้อมหากมีเรื่อง


              “เป็นพี่ชายนายไง เจ้าบื้อ”


             รอนและแฮร์รี่มองอ้าปากค้าง ฟังจากน้ำเสียงแล้วไม่ผิดแน่ จะเป็นใครไปซะไม่ได้ถ้าไม่ใช่เฟร็ดกับจอร์จ ต่อให้ไม่รู้ว่าใครเป็นใครก็เถอะ

     

              “น่าเกลียด นายสองคนกล้าใส่อะไรแบบนี้มาได้ยังไง”


              “นายไม่รู้อะไรซะแล้ว น้องเอ๋ย ในอนาคตอีกปีสองปีข้างหน้ามันจะกลายเป็นสินค้าขาดตลาดที่พวกฉันผลิตกันไม่ทันเชียวนะ 

    แล้วจะบอกอะไรให้ -- ฉันไม่ลดราคาให้นายด้วย”


              “เหอะ ให้ตายยังไง ฉันก็ไม่มีทางใส่มันหรอก ตลกพิลึก” รอนพูดกับหัวอินทรีทั้งสองแบบทั้งไม่รู้ว่าใครเป็นใครนั่นแหละ แต่ดูแล้ว

    เหมือนคนที่อยู่ในชุดอินทรีทั้งตัวจะไม่ได้มองน้องชายตัวเองสักนิด จะงอยปากแหลมๆ หันไปทางข้างหลังแล้วค้างอยู่อย่างนั้นก่อนเดินจ้ำ

    ตรงไปหาคนผมบลอนด์แบบไม่ต้องคิดพลางใช้ชุดขนนกนี่ให้เป็นประโยชน์ด้วยการแทรกตัวแล้วกระแซะเบียดลงตรงกลางระหว่าง

    คนผมบลอนด์ทั้งสองทีละนิดเพื่อให้มีที่ว่างพอสำหรับเขา


              แววตาขุ่นมัวของแอนโทนีจ้องนกอินทรีตัวยักษ์ที่เข้ามาแทรกกลางอย่างไม่พอใจพลางลอบสำรวจดูว่าใครอยู่ภายใต้หน้ากาก


              ราวกับจอร์จรับรู้ได้ถึงรังสีแปลกๆ จากคนข้างตัว เขายกมือที่เต็มไปด้วยขนโบกไปมาให้แอนโทนี


              “หวัดดี! ยินดีที่ได้เจอนะ!”


              แอนโทนีไม่ได้รู้สึกยินดีด้วย เขายกมือปัดมือขนนกที่ปัดโดนหน้าออกอย่างไม่ใส่ใจแล้วลุกเดินไปนั่งที่อื่น


              หัวนกโตๆ หันมองตามแล้วยิ้มเยาะในใจก่อนหันมาทำแบบเดียวกันกับเด็กสาวผมบลอนด์ที่นั่งอยู่ข้างๆ กันบ้าง


              “หวัดดี!” ดูเหมือนจอร์จจะโบกมือแรงไปหน่อยจนขนนกปลิวหลุดไปสองสามก้าน เขาโบกไปมาอยู่อย่างนั้นจนตัวเองก็ยังแปลกใจ

    ว่าทำไมถึงไม่หยุด


              ทว่าดวงตากลมสีซีดไม่ได้มีแววไม่พอใจ เธอจ้องเขาก่อนเผยรอยยิ้มกว้าง “สวัสดีค่ะ คุณวีสลีย์ -- คุณคือจอร์จใช่ไหม”


              มือที่โบกอยู่ชะงักค้างทันที “เธอรู้ได้ยังไงน่ะ นังหนู”


              “ท่าทางแล้วก็ส่วนสูงค่ะ -- น้ำเสียงด้วย”


             ได้ยินอย่างนั้น นกอินทรีที่มีแต่หัว ส่วนตัวยังเป็นคนก็ชะโงกหน้ามาจากที่นั่งข้างหลัง “เจ๋งไปเลยแม่หนูลูน่า! น้องชายแท้ๆ ของพวกเรา

    ยังเรียกพี่ชายแท้ๆ สุดหล่อว่าเจ้าทึ่มอยู่เลย”


             รอนที่นั่งอยู่ข้างเฟร็ดเบะปาก “ก็ใครจะไปนึกว่าพี่ชายของฉันจะเพี้ยนได้ถึงขนาดนี้ล่ะ แค่หัวก็ว่าน่าเกลียดแล้ว นี่ยังใส่ทั้งตัวเข้าไปอีก”


              “นายนี่ไม่รู้อะไรซะแล้ว”


              “ก็มันจริงนี่!”


              หากใครได้เห็นภาพนี้คงคิดว่ามันพิลึกน่าดู ที่คนผมแดงกำลังเถียงกับหัวนกอินทรีอย่างเอาจริงเอาจัง ระหว่างที่เฟร็ดกำลังสนุกอยู่กับ

    การได้ยั่วโมโหรอน ลูน่าก็หันกลับมาหาคนข้างตัวแล้วมองอย่างพิจารณาอีกครั้ง


              “ฉันว่าน่ารักดีออก” เด็กสาวพูดไปตามที่คิด หารู้ไม่ว่านั่นยิ่งทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ของจอร์จยิ่งเต้นอย่างลิงโลด แค่นังหนูจำเขาได้

    ก็ดีใจแล้ว นี่ยังชมชุดเขาว่าน่ารักอีก


              “เธอคิดงั้นเหรอ -- ขอบใจนะ” จอร์จยิ้มด้วยความดีใจและแอบเขินอยู่เล็กๆ แม้รู้ว่ายิ้มไปแล้วลูน่าจะมองไม่เห็นก็ตาม


            “ใช่ไหมล่ะ! ฉันกับจอร์จลงทุนไปขอขนนกร่วงๆ จากแฮกริดมานั่งทำกันทั้งคืนเพื่อการนี้เลยนะเนี่ย! เห็นไหมรอน เธอบอกว่าน่ารักล่ะ!”

    เฟร็ดหันไปพูดกับน้องชายผมแดงของเขาด้วยท่าทางกระดี๊กระด๊าจนรอนหมั่นไส้


              รอนขมวดคิ้วมองสามคนที่เข้าขากันดีเหลือเกิน ไม่ว่าจะมองยังไงเขาก็ไม่เห็นแววว่ามันจะน่ารักอย่างที่คนตัวเล็กพูดเลยสักนิด 

    ครั้นจะไปขอคนมาช่วยสนับสนุนความเห็น แฮร์รี่ก็เบือนหน้าหนีไปแล้ว

              

              เอาใจกันเข้าไป...!


              การแข่งขันเริ่มขึ้น นักกีฬาทั้งสองทีมเริ่มบินขึ้นเหนือพื้นเมื่อมาดามฮูชเป่านกหวีดเป็นสัญญาณเริ่ม โดยมีลี จอร์ดัน เพื่อนสนิท

    ของฝาแฝดวีสลีย์เป็นคนพากย์เหมือนทุกครั้ง


              เชสเซอร์ของทีมเรเวนคลอพุ่งทะยานขึ้นไปคว้าลูกควัฟเฟิลและโยนลงห่วงได้ภายในสามนาทีแรก เรียกเสียงจากกองเชียร์ดังกระหึ่ม 

    และในตอนนั้นเองที่ซีกเกอร์พ่วงด้วยกัปตันทีมฮัฟเฟิลพัฟอย่าง เซดริกบินผ่านหน้ากองเชียร์บ้านตรงข้าม สายตาสาวๆ ก็เป็นอันเอนเอียง 

    ลืมบ้านตัวเองไปชั่วขณะ


              “ทำยังไงดี ลูน่า ฉันอยากได้เขา --” มาเรียเขย่าแขนลูน่าอย่างเก็บอาการไม่อยู่ เธอเอาแต่ชี้ให้คนผมบลอนด์มองตามกัปตัน

    ทีมฮัฟเฟิลพัฟพร้อมส่งเสียงเชียร์อย่างลืมตัว “เขาหล่อเนอะ”


              “ฮื่อ” ลูน่าตอบส่งๆ ไม่ได้สนใจเซดริกเลยสักนิดเพราะเธอสนใจซีกเกอร์บ้านตัวเองที่กำลังขี่ไม้กวาดพุ่งทะยานไปทางลูกสนิชมากกว่า

    สนใจชายหนุ่ม


              แต่ใครจะไปคิดว่าการตอบส่งๆ ของเธอจะมีคนแอบไม่พอใจ คนผมแดงภายใต้ชุดนกอินทรีทำหน้ามุ่ยบอกบุญไม่รับขึ้นมาทันควัน 

    ถ้าเขางอนแล้วเดินออกไปจากอัฒจันทร์ตอนนี้ นังหนูจะตามไปง้อเขาไหม...คำตอบคงไม่

                

           จอร์จพร่ำบอกตัวเองว่านังหนูคงไม่ได้คิดอะไรจริงจัง ก็นังหนูชมชุดที่เขาอุตส่าห์ทำขึ้นมาเองว่าน่ารักแล้วนี่!...ถึงจะไม่ได้ชมคนใส่ก็เถอะ

    เขากระแอมให้คอโล่งแล้วตะโกนเชียร์ด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม เพื่อดึงความสนใจลูน่าที่ตอนนี้คงจะมองเซดริกอยู่

                

              “เรเวนคลอ! เรเวนคลอ! เรเวนคลอ!!” 

                

              ภูมิใจได้ไม่เท่าไร จอร์จก็เริ่มรู้สึกรำคาญชุดที่ตัวเองทำมากับมือเพราะมันทำให้เขามองเห็นลูน่าไม่ถนัดนัก -- เขาตะโกนไปตั้งขนาดนี้

    แล้ว ยังจะบอกว่าเซดริกหล่ออยู่อีกหรือเปล่าฮึ??

                

              แต่ในเมื่อมันเป็นอย่างนี้ จอร์จก็ไม่อยากคิดให้หงุดหงิดใจมากกว่าเดิม วันนี้เขามาเพื่อเชียร์เรเวนคลอ ก็ควรตั้งใจเชียร์สิถึงจะถูก!

                

              กลายเป็นเด็กกริฟฟินดอร์ทั้งสี่ที่แฝงตัวมาเชียร์เสียงดังยิ่งกว่าเด็กเรเวนคลอจริงๆ เสียอีก ไม่รู้ว่าพวกเขานึกสนุกหรือคึกมาจากไหน 

    แต่มันก็ช่วยให้คนรอบข้างสนุกไปกับพวกเขาด้วยไม่น้อยและเมื่อซีกเกอร์ทีมบ้านเรเวนคลอจับลูกสนิชได้สำเร็จภายในสิบห้านาทีแรก

    ก็เกิดเสียงเฮดังลั่นสนามยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

                

              จอร์จกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ จนเผลอไปคว้าตัวคนตัวเล็กข้างตัวที่กระโดดอยู่ด้วยกันเข้ามากอดอย่างลืมตัว 

    คนตัวสูงหันไปหาเฟร็ดกับน้องๆ ที่อยู่ข้างหลัง ทว่าแอบเห็นท่าทีแปลกๆ ของแฮร์รี่กับรอน แม้กระทั่งเฟร็ดยังยืนนิ่งถึงได้รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป


              จอร์จรีบคลายอ้อมแขนปล่อยตัวคนผมบลอนด์ให้เป็นอิสระพลางโค้งขอโทษที่ลืมตัวไปนิดจนหัวเกือบทิ่มเพราะเจ้าหัวนี่มีน้ำหนัก

    ไม่ใช่น้อยๆ เขาจับหัวอินทรีให้กลับเข้าที่พลางยกมือขึ้นเกาท้ายทอยแก้เขินโดยลืมไปอีกว่าตอนนี้ท้ายทอยตัวเองมีแต่ขนนกเต็มไปหมด 

    เลยเกิดอาการทำตัวไม่ถูกขึ้นมาซะอย่างนั้น

                

              จอร์จหันหน้าเข้าหาสนามพลางทำเป็นจัดทรงขนนกให้เข้าที่แทนอาการเขิน ตอนนี้สภาพเขาก็ไม่ต่างอะไรกับกาต้มน้ำที่กำลังเดือด

    จนเกิดเสียงหวีดแหลม ใบหน้าภายใต้หน้ากากนั้นร้อนรุ่มไปหมด ขณะที่ลูน่าได้แต่ยืนนิ่งแล้วหันหน้าเข้าหาสนามเหมือนกัน 

    ต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีใครพูดอะไรกันอีก แก้มขาวซีดของลูน่ามีสีชมพูระเรื่อขึ้นน้อยๆ เท่าที่เธอจำได้ เมื่อกี้นี้ยังกระโดดดีใจอยู่เลย 

    แต่จู่ๆ ภาพตรงหน้ากลับดำมืดเพราะถูกดึงเข้าไปกอดก่อนรับรู้ได้ถึงสัมผัสนุ่มนิ่มจากขนนกบนชุดของเขา

                

              ซึ่งคนที่ยิ้มกว้างที่สุดให้กับเหตุการณ์นี้คงหนีไม่พ้นแฮร์รี่ พอตเตอร์อีกนั่นแหละ...



    - Talk -


              ถึงจะแอบคิดเรื่องคำทำนายแต่วีสลีย์ก็ยังคงเป็นวีสลีย์อยู่วันยังค่ำอะเนอะ แต่สำหรับจอร์จใส่แค่หัวมันไม่พอ เลยใส่ชุดเป็นอินทรีทั้งตัว

    กันไปเลย! ลงทุนอดหลับอดนอนเพื่อทำชุดไปเชียร์บ้านน้องขนาดนี้ ถ้าไม่ได้ใจน้องก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วอะเนอะ >_<


              ทิ้งท้ายด้วยแฟนอาร์ตน่ารักๆ อีกสองรูปจากคุณ Fabian ที่ส่งมาให้นะคะ ขอบคุณน้า

    เป็นเหตุการณ์เมื่อตอนที่ 17 ที่เชมัสผู้น่าสงสารต้องดื่มน้ำมันพืชเพราะปากตัวเองล้วนๆ นั่นล่ะค่ะ 555


     

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×