คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : 21 ll Eagle boy
21
Eagle boy
เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มาเรียนที่ฮอกวอตส์กับการถูกกักบริเวณของลูน่า แม้ก่อนหน้านี้จะมีหลายครั้งที่เธอแหกกฎและโดยเฉพาะ
การเข้าป่าต้องห้ามแต่ก็เอาตัวรอดมาได้ทุกทีเพราะคนผมแดงบ้านกริฟฟินดอร์
ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มตรงพอดี ลูน่ายืนอยู่ตรงหน้าประตูไม้บานใหญ่ของห้องรางวัลกับชายผู้มีหน้าตาไม่เป็นมิตรกับเด็กนักเรียน
อย่างฟิลช์ เด็กสาวลอบมองเข้าไปในห้อง ในนั้นมีถ้วยรางวัลนับร้อยที่กำลังรอคอยให้เธอไปขัดถูจนเงาวับ ลูน่าไม่รู้สึกเบื่อหรือเสียใจที่ถูก
กักบริเวณแต่กลับตื่นเต้นและมีความหวังเล็กๆ ว่าจะได้เจอนาร์เกิ้ลในห้องที่ไม่ได้เข้ามาง่ายๆ อย่างห้องนี้
มือเหี่ยวๆ ของฟิลช์ผลักบานประตูเปิดออกกว้าง “เข้าไปซะสิ!” เสียงแหบแห้งตะคอกใส่ลูน่าจนเธอสะดุ้งสุดตัว
เธอกำลังจะก้าวเข้าไปข้างในด้วยการต้อนรับของแสงไฟสลัวจากตะเกียงในห้อง แต่แล้วกลับมีเสียงฝีเท้าของคนสองคนเดินเข้ามาหา
“สวัสดีฮะ
คุณฟิลช์ --เธอมาทำอะไรที่นี่น่ะ นังหนู” จอร์จถามคนผมบลอนด์ทั้งที่ตัวเองรู้ดีอยู่แล้วก่อนขยิบตาให้
ฟิลช์แค่นหัวเราะในลำคอ “ก็ถูกกักบริเวณน่ะสิ เจ้าเด็กแสบ” เขามองฝาแฝดวีสลีย์อย่างดูแคลน พ่นน้ำลายเป็นฟองฝอยไม่หยุด
“อยู่ดีไม่ว่าดี ไปสาปใส่คนอื่นแบบนั้นก็สมควรแล้วล่ะ เอ้า! เข้าไปสักที
ฉันยังมีงานให้ทำอีกเยอะนะ”
“ให้พวกเราช่วยไหม”
เฟร็ดรีบโพล่งถาม
ฟิลช์หันกลับมามองทั้งคู่คล้ายกำลังแยกเขี้ยวใส่ “อยากเป็นคนดีอะไรเอาป่านนี้ ฉันว่าอีกไม่นานพวกเธอได้โดนทำโทษสมใจแน่
ไม่ต้องห่วง แต่ยังไม่ใช่วันนี้....”
ฟิลช์พูดยังไม่ทันขาดคำ จอร์จก็หยิบไม้กายสิทธิ์ออกจากกระเป๋าเสื้อคลุมมาร่ายคาถาใส่คุณนายนอร์ริสจนทั้งตัวมันเป็นสีเขียว
ภายในพริบตาเดียว แล้วเฟร็ดก็กลัวว่าคืนนี้จะต้องเดินกลับไปนอนที่หอคนเดียวเลยช่วยเสกให้มันกลายร่างเป็นหนูตัวเล็กวิ่งผ่านหน้าห้อง
ไปต่อหน้าต่อตาเจ้าของอย่างฟิลช์
“แก!”
ฟิลช์จ้องเขม็ง เขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า แก้มย้อยๆ ของเขากระตุก “เสกให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมเดี๋ยวนี้นะ!”
“ไม่มีประโยชน์หรอกฮะ”
เฟร็ดตอบตามความจริง
“อีกสิบนาทีแม่ยอดยาหยีของคุณก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว”
“แต่เราแนะนำให้คุณตามไปจะดีกว่า ไม่แน่แม่ยอดดวงใจของคุณอาจวิ่งไปที่ป่าต้องห้ามก็ได้นะ ที่นั่นน่ะมีสัตว์อันตรายเยอะน่าดู”
ฟิลช์หายใจฟืดฟาดราวกับมังกรกำลังจะพ่นไฟ “พวกแกสองคนถูกกักบริเวณด้วยในคืนนี้!! เข้าไปซะ แล้วขัดให้เอี่ยม ไม่อย่างนั้น
ก็อย่าหวังว่าจะได้กลับไปนอนสบายใจเฉิบ! แล้วก็อย่าคิดหนีด้วยถ้าไม่อยากถูกทรมาน ฉันพูดจริงนะ!” พูดจบร่างผอมๆ ของฟิลช์ก็วิ่งตาม
คุณนายนอร์ริสด้วยท่าทางเงอะงะงุ่มง่าม
สุดท้ายทั้งสามต้องมาขัดถ้วยรางวัลตามคำสั่ง ไม่อย่างนั้นฟิลช์ต้องเล่นงานพวกเขาหนักแน่ ซึ่งไม่ดีสำหรับต้นเทอมแบบนี้
เพราะหลังจากนี้ทั้งคู่ต้องเจอหน้าฟิลช์ไปอีกนานทีเดียว
เฟร็ด จอร์จ
และลูน่า นั่งรวมกันอยู่ตรงกลางห้องเพราะแสงไฟส่องถึงโดยมีผ้าสำหรับขัดถ้วยรางวัลอยู่ในมือกันอีกคนละผืน
ครึ่งชั่วโมงให้หลัง ฟิลช์เดินกลับมาในห้องพร้อมคุณนายนอร์ริสที่คืนสภาพกลับมาเป็นแมวเหมือนเดิมแล้วก่อนนั่งบนเก้าอี้
ด้วยอาการเหนื่อยหอบ
“แม่นแฮะ” เฟร็ดเอียงตัวกระซิบกับจอร์จ “คำทำนายของศาสตราจารย์ทรีลอว์นีย์ไง -- โดนลงโทษอย่างทรมาน ฉันว่าวันนี้เราต้องขัด
จนกล้ามขึ้นซะมั้ง”
“อย่าบ่นมาก
ทำงานไป!” แม้จะเหนื่อยเต็มทีแต่ฟิลช์ก็ยังมีแรงตะคอกเสมอ
จอร์จหยุดมือที่ขัดทันที
“ฉันว่าเรื่องถูกทำโทษ ต่อให้ไม่มีตาพยากรณ์ก็เดากันออกน่า”
“ก็จริง”
พวกเขาหันมาขัดถ้วยรางวัลต่อ จากที่อวดครวญเพราะเมื่อยก็ชักจะเริ่มสนุกขึ้นมาอย่างกับจะเจอแผนที่ขุดหาสมบัติอย่างไงอย่างงั้น
เพราะเมื่อกี้เฟร็ดเพิ่งเจอแผนที่ลับในฮอกวอตส์ที่สลักอยู่ใต้ฐานถ้วยรางวัลควิดดิชเมื่อสิบปีก่อน เขากับจอร์จจ้องตาเป็นมันพลางจดจำ
รายละเอียดนั้นเอาไว้เผื่อมีโอกาสเหมาะให้ได้ออกผจญภัยอีกครั้ง
ในขณะที่ฟิลช์เริ่มง่วงนอน เขาหาวร่วมสิบครั้งได้ในสามนาทีที่ผ่านมา “น่าเสียดายนะที่ฉันต้องบอกว่าขอตัวไปนอนหลับฝันดีก่อน
พวกเธอก็อย่าหยุดมือล่ะ ขัดให้เสร็จ แล้วพรุ่งนี้ฉันจะมาตรวจ” พูดจบฟิลช์ก็เดินจากไปอย่างง่ายดาย
เฟร็ดมองตามร่างผอมที่เดินออกไปพร้อมกับแม่ยอดยาหยีในอ้อมแขน “ไม่เคยเสียดายอะไรขนาดนี้มาก่อน ฟิลช์จากเราไปแล้ว”
เขาทำเป็นถอนหายใจประชด ก่อนหันมาหาลูน่าที่ตั้งอกตั้งใจขัดถ้วยรางวัลมาเงียบๆ ตั้งแต่เริ่ม “จริงๆ นะ แม่หนูลูน่า มันผิดแผนไปหน่อย
พวกเรากะจะพาเธอหนี แต่กลายเป็นต้องมานั่งขัดถ้วยรางวัลทั้งสามคนซะได้...”
อากาศหนาวขึ้นทุกทีพอๆ กับเวลาที่เดินมาเรื่อยๆ จนเกือบถึงวันใหม่ ตอนนี้ทั้งสามแยกกันนั่งอยู่คนละมุมและกำลังรับผิดชอบ
ถ้วยรางวัลสามถ้วยสุดท้ายที่เหลือ
จอร์จมองดูถ้วยรางวัลควิดดิชในมืออย่างภูมิใจที่ออกแรงฮึดขัดรวดเดียวจนเป็นเงาวาว เขาค่อยๆ บรรจงวางกลับลงที่เดิม
แล้วหันมาหาเฟร็ดที่อยู่ไม่ไกลกันเท่าไร
คนผมแดงที่ดูเหมือนเขาจนแทบแยกไม่ออก นั่งหลับอ้าปากหวอพร้อมโอบสองแขนกอดถ้วยรางวัลที่ขัดเสร็จแล้ว จอร์จส่ายหัวน้อยๆ
พลางหยิบถ้วยรางวัลนั้นเพื่อเอาไปเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย ทีนี้ก็เหลือลูน่า ถ้าเธอขัดเสร็จแล้ว พวกเขาก็จะได้กลับไปนอนกันเสียที
ทว่าภาพที่เห็นนั้นแทบไม่ต่างจากเฟร็ดซะทีเดียวแต่ก็อดปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพนังหนูหลับนั้นน่าดูกว่าเฟร็ดเยอะ
จอร์จหยิบถ้วยนั้นออกมาจากอ้อมแขนลูน่าอย่างแผ่วเบา
จัดแจงให้เธอนอนพิงกำแพงดีๆ แล้วเริ่มขัดถ้วยรางวัลที่ยังไม่เสร็จแทน
ห้านาทีต่อมา ถ้วยรางวัลในห้องล้วนดูเงาแวววาวราวกับเป็นของใหม่ จอร์จยกมือนวดแขน ทุบไหล่ที่ปวดระบม และนวดคอ
ก่อนเงยหน้าขึ้นมองดูเด็กสาวที่น่าจะหลับอยู่ตรงหน้า ทว่านังหนูกลับมองเขาด้วยดวงตาปรือๆ ฉ่ำเยิ้มคู่นั้น
อย่ามองฉันแบบนั้นนะ ฉันขอเตือนเธอ นังหนู!! ...เธออย่าไว้ใจฉันขนาดนั้น
จอร์จหลบตาและไม่กล้าสบตาลูน่าในตอนนี้อีกเลย
นี่พ่อมดเมอร์ลินกำลังทดสอบจิตใจเขาอยู่งั้นเรอะ??
“เอ่อ ...ฉันขัดถ้วยเสร็จแล้ว -- นังหนู เรากลับกันได้แล้วล่ะ” จอร์จพูดตะกุกตะกัก แต่ไร้วี่แววเสียงตอบรับเลยจำใจต้องหันกลับไป
มองใบหน้าน้อยๆ นั่นอีกครั้ง “ง่วงใช่ไหม”
คนผมบลอนด์พยักหน้าน้อยๆ เป็นคำตอบ ทำเอาใจคนมองแทบเหลวเป็นน้ำ จอร์จอยากจะยิ้มแต่ก็ยิ้มไม่ได้เพราะต้องเก็บอาการ
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
คุณวีสลีย์--” น้ำเสียงฝันๆ พูดยานๆ ก่อนล้มตัวลงนอน
“เดี๋ยวก่อน นังหนู ที่นี่ไม่ใช่หอคอยเรเวนคลอนะ” จอร์จดีดตัวลุกไปรองรับตัวลูน่าเอาไว้ได้ทันก่อนที่เธอจะนอนไปบนพื้น “กลับหอกัน
ฉันจะไปส่งเธอเอง”
จอร์จลุกขึ้นยืนพลางดึงมือคนตัวเล็กให้ลุกตามขึ้นมา ลูน่าง่วงนอนมากจนแทบจะหลับตาเดินตามเขาไปอยู่แล้ว คนผมแดง
เดินไปปลุกแฝดคนพี่ของเขา เฟร็ดลุกยืนแล้วเดินงัวเงียไปตรงระเบียงทางเดินที่อยู่หน้าห้องพร้อมทิ้งตัวนั่งแปะลงกับพื้น เอนตัวพิงกำแพง
“นายจะไปส่งแม่หนูลูน่าก่อนก็ไปเลย
ฉันจะนอนรอนายอยู่ตรงนี้แหละ...”
จอร์จกะพริบตามองปริบๆ นี่เขากำลังทำอะไรอยู่เนี่ย? คนนึงหลับไปแล้ว ส่วนอีกคนก็กำลังจะหลับแหล่มิหลับแหล่อยู่ข้างๆ
ด้วยความกลัวว่าจะพลัดหลงหรือล้มพับไปซะก่อน คนผมแดงเลยถือวิสาสะจับมือน้อยๆ ของลูน่าเอาไว้ซึ่งเธอไม่ได้มีท่าทีต่อต้านแต่อย่างใด
ทางเดินต่อจากนี้ค่อนข้างมืดมากจนแทบมองไม่เห็นอะไรเลย “ลูมอส” จอร์จพึมพำเบาๆ มีแสงสว่างวาบขึ้นตรงปลายไม้กายสิทธิ์
เขายื่นมือข้างที่ถือไม้ไปข้างหน้าแล้วเริ่มออกเดิน มือเล็กที่กุมเอาไว้ออกแรงบีบน้อยๆ จอร์จเลยกระชับมือให้แน่นขึ้นกว่าเดิม
จนทั้งคู่เดินมาถึงหน้าหอคอยเรเวนคลอ
“ถึงหน้าประตูแล้ว นังหนู” จอร์จออกแรงกระตุกมือน้อยๆ เพื่อปลุก พลางก้มลงกระซิบบอกเพราะเวลานี้คนอื่นๆ
น่าจะนอนหมดแล้ว
ลูน่าก้าวเดินขึ้นหน้าตามความเคยชินไปยังประตูโดยมือข้างซ้ายยังจับมือจอร์จเอาไว้อยู่ มือขาวซีดของเด็กสาวเอื้อมออกไปเคาะ
ที่รูปสลักอินทรีหนึ่งครั้ง ทันใดนั้นจะงอยปากของนกอินทรีเปิดออกพร้อมมีเสียงดังขึ้นเป็นปริศนาคำทาย ทว่าครั้งนี้เธอกลับไม่ตอบ
แต่มีเสียงดัง กึก! เพราะศีรษะของเธอโน้มไปข้างหน้าแล้วพิงประตูและไม่มีเสียงอะไรออกมาจากปากอีกเลย
จอร์จรู้ในทันทีว่าเธอหลับไปอีกรอบแล้วเลยคิดจะตอบคำถามแทน แต่ตอบเท่าไรประตูก็ไม่ยอมเปิดออกสักที กระทั่งได้ยินเสียงคน
เดินขึ้นบันไดตามหลังมา
จอร์จหันขวับไปมองก็เจอกับร่างล่ำบึ้กของแอนโทนี
นายอีกแล้วเหรอ?
ดวงตาคมตวัดมองคนผมแดงอย่างไม่ไว้ใจทันทีเมื่อเห็นเขาอยู่ที่นี่พร้อมกับคนตัวเล็ก
“คุณวีสลีย์? คุณมาทำอะไรที่นี่”
“ฉันมาส่ง
นังหนู...ลูน่าน่ะ เราเพิ่งกลับจากห้องรางวัล แต่เธอง่วงมาก ...อย่างที่เห็น
แล้วนายล่ะ ดึกแล้วทำไมถึงยังเดินอยู่นอกหอนอน”
“บังเอิญว่าพรีเฟ็คของเราป่วย ผมเลยต้องรับหน้าที่เดินตรวจตรารอบโรงเรียนแทน แล้วก็เพิ่งเสร็จ -- เท่าที่ผมดู คุณคงยังตอบคำถาม
ไม่ถูกสินะ”
แอนโทนีเดินแทรกตัวมายังประตูอย่างวางมาดแล้วเคาะตรงอินทรีเพื่อฟังคำถามอีกครั้ง
จอร์จมองคนมาใหม่อย่างไม่ชอบใจนัก
ทว่ายังไม่ทันถึงหนึ่งนาทีดีนัก เขาก็ได้ยินเสียงประตูเปิดออก
แอนโทนีหันมายิ้มให้ราวกับจะบอกว่ามันก็แค่คำถามง่ายๆ “เข้าไปข้างในเถอะ เลิฟกู๊ด” มือใหญ่ของเขากำลังจะยื่นไปจับไหล่
แต่จอร์จเบี่ยงตัวเองบังเอาไว้แล้วปลุกลูน่าด้วยตัวเองก่อนปล่อยมือเล็กอย่างไม่ค่อยเต็มใจ
แอนโทนียื่นมือมาตรงหน้าเด็กสาวหวังรับช่วงต่อจากจอร์จพาเธอไปส่งข้างใน
ลูน่ามองมือนั้นนิ่งๆ แล้วหันกลับมาหาคนผมแดง
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
คุณวีสลีย์” แล้วก็เดินเข้าประตูด้วยท่าทางงัวเงียโดยไม่ได้สนใจมองมือที่ชูให้เธออีกเลย...
เมื่อกลับมาถึงหอนอนกริฟฟินดอร์อย่างทุลักทุเลเพราะต้องแบกเฟร็ดกลับมาด้วย จอร์จก็ทิ้งตัวนอนลงบนเตียงตัวเองทันที
พลางคิดถึงแอนโทนี ที่อยู่ดีๆ ช่วงนี้ก็พยายามทำตัวสนิทสนมกับลูน่าเป็นพิเศษ แต่จู่ๆ ก็มีเสียงของเฟร็ดดังขึ้นเรียกให้เขาออกจากภวังค์
“ฉันเห็นนะ!”
จอร์จใจเต้นโครมคราม ยันตัวเองลุกขึ้นนั่งมองดูเฟร็ดที่ขมวดคิ้วยุ่ง เฟร็ดหมายถึงอะไรกันแน่
เห็นที่เขาจับมือนังหนูน่ะหรือ
“นาย...เห็นอะไร”
“นายแอบหยิบตังเมเลือดกำเดาไปใช่ไหม
รอน สารภาพมาเดี๋ยวนี้นะ”
จอร์จถอนหายใจอย่างโล่งอก
ที่แท้ก็แค่ละเมอ “แล้วฉันจะจ่ายให้นะ”
“ดีมากน้องรัก” เฟร็ดพยักหน้าอย่างพอใจแล้วล้มตัวลงนอนต่อ สร้างความโล่งใจให้จอร์จเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังมีเรื่องคำทำนาย
มาคอยกวนใจ ทำให้กว่าจะหลับก็ในอีกสองชั่วโมงให้หลัง...
⭐
อากาศเย็นเริ่มมาเยือนฮอกวอตส์อีกครั้ง ในวันหยุดอย่างนี้คงไม่มีเด็กนักเรียนคนไหนอยากแงะตัวเองออกจากเตียงและผ้าห่ม
อันแสนอบอุ่นแน่ ยกเว้นก็แต่หากตัวเองเป็นนักกีฬาควิดดิชทีมบ้านกริฟฟินดอร์...
สมาชิกทั้งหกต้องตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ตามคำสั่งของกัปตันทีมอย่าง ‘โอลิเวอร์ วู้ด’ ปีนี้จะเป็นปีสุดท้ายของเขาที่ฮอกวอตส์ในฐานะ
นักกีฬาควิดดิชและนักเรียน จึงไม่แปลกใจเลยถ้าได้เห็นเขากระตือรือร้นตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมา เช้าวันนี้เขาลงทุนไปปลุกสมาชิกจอมขี้เซา
อย่างแฮร์รี่ เฟร็ดและจอร์จถึงเตียง
“ทำตัวให้มันสดชื่นกันหน่อยทุกคน!” โอลิเวอร์ตบมือเสียงดังลั่นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อปลุกทั้งหกให้ตื่น “ควิดดิชครั้งที่จะถึงนี้
เราจะแพ้ไม่ได้แล้วนะ”
“แต่ โอลิเวอร์” เฟร็ดยกมือถามด้วยน้ำเสียงงัวเงียทั้งที่ตายังปิดอยู่ “-- อาทิตย์หน้าไม่ใช่เราแข่งซะหน่อย”
“ใช่ นั่นแหละ -- เราถึงต้องรีบซ้อมตามแผนที่จะแข่งกับแต่ละบ้านให้จำได้จนขึ้นใจ เราไม่รู้ว่าจะมีใครบาดเจ็บจนต้องเลื่อนการแข่ง
อีกไหม เพราะงั้นฉันคิดว่าเราจะประมาทกันไม่ได้อีกแล้ว”
ชายหนุ่มร่างบึ้กดูเอาจริงเอาจังกว่าทุกครั้ง หลังนัดแรกของการพบกันระหว่างกริฟฟินดอร์กับฮัฟเฟิลพัฟนั้น พวกเขาได้พ่ายแพ้ไป
แทบขาดลอย
ทีมบ้านกริฟฟินดอร์รู้สึกว่ามันไม่ค่อยยุติธรรมสักเท่าไร ในเมื่อก่อนหน้าวันแข่งเกือบเดือน พวกเขาซ้อมตามแผนการอย่างดิบดี
เพื่อเจอกับสลิธีรินตามตารางแข่งที่เหมือนเดิมทุกปี ทว่าหนึ่งวันก่อนลงแข่งพวกเขากลับพบว่าต้องเปลี่ยนไปแข่งกับฮัฟเฟิลพัฟก่อน
เพราะซีกเกอร์บ้านสลิธีรินบาดเจ็บ
เฟร็ด จอร์จและแฮร์รี่ท้วงว่าแผลที่แขนของมัลฟอยหายดีแล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ขณะที่บ้านฮัฟเฟิลพัฟนั้นรู้ล่วงหน้าก่อนราวๆ
หนึ่งอาทิตย์ซึ่งมีเวลามากพอสำหรับการเปลี่ยนแผนการเล่นให้เหมาะกับคู่แข่งอยู่แล้ว
เพราะอย่างนั้นเองทำให้โอลิเวอร์ไม่อยากประมาท
เขาเรียกซ้อมล่วงหน้าทั้งที่ครั้งต่อไปที่จะถึงนี้ไม่ใช่กริฟฟินดอร์แข่งก็ตาม
โอลิเวอร์ปลุกให้มาซ้อมแต่เช้าอย่างนี้ติดต่อกันทุกวันมาสองสัปดาห์แล้วเพราะเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีทีมไหนตื่นมาใช้สนามเพื่อซ้อมกัน
ทางจึงสะดวก
ช่วงนี้นอกจากจะเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียสะสมกันมาทั้งทีม จอร์จยังรู้สึกจิตใจห่อเหี่ยวหนักขึ้นทุกวัน ช่วงเวลาที่เขาจะได้นั่งมอง
นังหนูนานๆ อย่างตอนกินอาหารเช้า หรือตอนเย็นก็เป็นอันต้องผล็อยหลับไปทุกที แถมหงุดหงิดที่เห็นแอนโทนีคอยวนเวียนอยู่แถวๆ
ลูน่าตลอด จนลำบากแฮร์รี่ต้องคอยบอกให้ใจเย็นๆ
วันนี้เป็นวันหยุด หลังซ้อมควิดดิชและกินอาหารเช้าเสร็จ เฟร็ดขอแยกตัวไปนอน ส่วนจอร์จลากตัวแฮร์รี่ให้ไปหอคอยทางทิศเหนือ
ด้วยกัน
ซึ่งเป็นที่ที่แฮร์รี่ไม่เคยคิดจะมานอกจากถึงชั่วโมงเรียน
“เธอจ๋า ฉันยังยืนยันคำเดิม เธออาจเสียน้ำตาให้กับความรักครั้งนี้” น้ำเสียงอ่อนเครือพูดขึ้นขณะดูลายมือให้ลูกศิษย์ที่มีแววจะช้ำรัก
ดวงตากลมโปนเบื้องหลังแว่นตาอันใหญ่ก้มลงเพ่งมองต่อ “แต่เธอจะมีความสุขแน่นอน ไม่ต้องห่วง --แต่ไม่ใช่เร็วๆ
นี้”
“ที่ว่าเขาจะมีความสุขนี่ใช่กับคนที่ทำให้เขาต้องเสียใจหรือเปล่าฮะ” แฮร์รี่อดรนทนไม่ไหวอยากออกจากห้องที่แสนอึดอัดนี้เร็วๆ
เลยถามแทนสิ่งที่อยู่ในใจจอร์จ
“ฉันบอกไม่ได้หรอกนะ พ่อหนู --” ทรีลอว์นีย์ตอบแฮร์รี่แต่ยังไม่ละสายตาไปจากจอร์จ “ถ้าความรักที่เธอมีให้ต่อหนูน้อยคนนั้นมากพอ
ก็ไม่น่าจะมีอะไรให้ต้องกังวล ยกเว้นก็แต่เมื่อไรก็ตามที่ความรักของใครอีกคนที่เข้ามามีมากกว่าเธอ เมื่อนั้นแหละจ้ะที่เธอควรจะต้องกังวล
-- ฉันพูดได้แค่นี้”
“งั้นเรากลับกันเถอะฮะ” แฮร์รี่เอียงตัวกระซิบบอกกับจอร์จ
“เดี๋ยวก่อน -- เธอน่ะ พอตเตอร์ใช่ไหม”
“...ฮะ”
“ในปีหน้าถ้าเธอมีการแข่งขันอะไร ฉันแนะนำว่าเธอต้องมีสมาธิกับมันให้มากๆ ไม่อย่างนั้นเธอจะเสียชัยชนะไป อุปสรรคคือ
ความหลง พ่อหนู -- อาการตกหลุมรัก
ฉันมองเห็นอย่างนั้น” ใบหน้าเล็กภายใต้ผมฟูที่แทบจะปิดหน้าฉีกยิ้มหวาน
ทำเอาแฮร์รี่ขนลุกเกรียว
“นายกำลังจะมีความรักเหรอ แฮร์รี่”
“ไม่มีทางหรอกฮะ ผมไม่ได้ชอบหรือแอบมองใครอยู่ซะหน่อย เอ่อ...เราขอตัวก่อนนะฮะ” ว่าแล้วแฮร์รี่ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้นวมตัวเตี้ย
แล้วดึงชายแขนเสื้อจอร์จให้ลุกตามมาทันที
⭐
ภายในห้องโถงใหญ่ของเช้าวันเสาร์ดูคึกครื้นกว่าปกติเพราะวันนี้จะเป็นอีกวันที่มีการแข่งควิดดิชระหว่างเรเวนคลอกับฮัฟเฟิลพัฟ
ทว่าไร้วี่แววของจอมแสบเฟร็ดกับจอร์จอยู่ที่นี่ แฮร์รี่บอกลูน่าว่าพวกเขายังไม่ตื่นก่อนที่เธอจะถามด้วยซ้ำ จากท่าทางที่เธอคล้ายมองหา
ใครบางคนตอนเขากับรอนเข้ามาทักเธอพร้อมบอกว่าวันนี้จะแอบไปเชียร์อยู่ที่ฝั่งเรเวนคลอด้วย
หลังกินอาหารเช้าเสร็จ ลูน่ากับมาเรียก็เดินไปให้กำลังใจซีกเกอร์สาวหนึ่งเดียวของเรเวนคลออย่าง ‘โช แชง’ เธอยิ้มรับ
แล้วเดินไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมคนอื่นในทีม
“ฉันไม่อยากทรยศต่อเรเวนคลอเลย ให้ตายสิ” มาเรียกอดแขนลูน่าระหว่างที่ทั้งคู่เดินฝ่าลมหนาวไปทางอัฒจันทร์ สีหน้าเธอ
ออกอาการเคลิบเคลิ้มคล้ายจะเป็นลมล้มพับไปตรงนั้นซะให้ได้ “เขาน่ะเทพบุตรชัดๆ เซดริกน่ะ เขาทั้งหล่อ ตัวสูง เงียบขรึม แถมยังเป็น
กัปตันทีมควิดดิชอีก -- เฮ้อ ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากได้เขามาเป็นแฟนจัง” มาเรียยกมือที่สวมถุงมือทาบแก้มทั้งสองข้างที่ขึ้นสีแดงเรื่อ
แล้วพูดถึงความหล่อของเซดริก ดิกกอรี่ไปตลอดทาง
สายลมในฤดูหนาวพัดพาผ้าพันคอกับผมปลิวไสว มาเรียกับลูน่านั่งอยู่แถวกลางบนอัฒจันทร์ ทุกคนต่างนั่งรอเวลาจนหน้าชา
เพราะลมพัดมาตีหน้าอย่างไม่ปราณี
“สวัสดี เลิฟกู๊ด ฉันขอนั่งด้วยนะ” น้ำเสียงทุ้มติดแหบนิดๆ ถามขึ้น เขาดึงผ้าพันคอลงเผยให้เห็นใบหน้าที่ส่งยิ้มมาให้
ก่อนลงมานั่งตรงที่ว่างข้างเด็กสาวโดยไม่รอคำตอบด้วยซ้ำ
แฮร์รี่กับรอนโบกมือมาทางนี้น้อยๆ ขณะเดินเข้ามาหาแต่แล้วพวกเขากลับหยุดชะงักเพราะเดินไปชนกับใครบางคนที่คนหนึ่ง
สวมหัวอินทรียักษ์ใหญ่ที่ดูเหมือนจริงอยู่บนหัว
ขณะที่อีกคนใส่ชุดเป็นอินทรีเดินได้ทั้งตัว
“เดินดูทางหน่อยเจ้าทึ่ม!” รอนเหวใส่หน้ากากนกอินทรีสองหัวที่ชวนให้รู้สึกโมโหมากกว่าจะชมชอบ ก่อนจะถูกมือใหญ่ๆ
ของคนที่สวมแค่หัวอินทรีตีเข้าที่ศีรษะ “แกกล้าดียังไงถึงมาตบหัวฉัน
นายเป็นใครกันฮึ?!” รอนยกกำปั้นเตรียมพร้อมหากมีเรื่อง
“เป็นพี่ชายนายไง เจ้าบื้อ”
รอนและแฮร์รี่มองอ้าปากค้าง ฟังจากน้ำเสียงแล้วไม่ผิดแน่
จะเป็นใครไปซะไม่ได้ถ้าไม่ใช่เฟร็ดกับจอร์จ ต่อให้ไม่รู้ว่าใครเป็นใครก็เถอะ
“น่าเกลียด
นายสองคนกล้าใส่อะไรแบบนี้มาได้ยังไง”
“นายไม่รู้อะไรซะแล้ว น้องเอ๋ย ในอนาคตอีกปีสองปีข้างหน้ามันจะกลายเป็นสินค้าขาดตลาดที่พวกฉันผลิตกันไม่ทันเชียวนะ
แล้วจะบอกอะไรให้ -- ฉันไม่ลดราคาให้นายด้วย”
“เหอะ ให้ตายยังไง ฉันก็ไม่มีทางใส่มันหรอก ตลกพิลึก” รอนพูดกับหัวอินทรีทั้งสองแบบทั้งไม่รู้ว่าใครเป็นใครนั่นแหละ แต่ดูแล้ว
เหมือนคนที่อยู่ในชุดอินทรีทั้งตัวจะไม่ได้มองน้องชายตัวเองสักนิด จะงอยปากแหลมๆ หันไปทางข้างหลังแล้วค้างอยู่อย่างนั้นก่อนเดินจ้ำ
ตรงไปหาคนผมบลอนด์แบบไม่ต้องคิดพลางใช้ชุดขนนกนี่ให้เป็นประโยชน์ด้วยการแทรกตัวแล้วกระแซะเบียดลงตรงกลางระหว่าง
คนผมบลอนด์ทั้งสองทีละนิดเพื่อให้มีที่ว่างพอสำหรับเขา
แววตาขุ่นมัวของแอนโทนีจ้องนกอินทรีตัวยักษ์ที่เข้ามาแทรกกลางอย่างไม่พอใจพลางลอบสำรวจดูว่าใครอยู่ภายใต้หน้ากาก
ราวกับจอร์จรับรู้ได้ถึงรังสีแปลกๆ จากคนข้างตัว เขายกมือที่เต็มไปด้วยขนโบกไปมาให้แอนโทนี
“หวัดดี! ยินดีที่ได้เจอนะ!”
แอนโทนีไม่ได้รู้สึกยินดีด้วย
เขายกมือปัดมือขนนกที่ปัดโดนหน้าออกอย่างไม่ใส่ใจแล้วลุกเดินไปนั่งที่อื่น
หัวนกโตๆ
หันมองตามแล้วยิ้มเยาะในใจก่อนหันมาทำแบบเดียวกันกับเด็กสาวผมบลอนด์ที่นั่งอยู่ข้างๆ
กันบ้าง
“หวัดดี!” ดูเหมือนจอร์จจะโบกมือแรงไปหน่อยจนขนนกปลิวหลุดไปสองสามก้าน เขาโบกไปมาอยู่อย่างนั้นจนตัวเองก็ยังแปลกใจ
ว่าทำไมถึงไม่หยุด
ทว่าดวงตากลมสีซีดไม่ได้มีแววไม่พอใจ เธอจ้องเขาก่อนเผยรอยยิ้มกว้าง “สวัสดีค่ะ
คุณวีสลีย์ -- คุณคือจอร์จใช่ไหม”
มือที่โบกอยู่ชะงักค้างทันที “เธอรู้ได้ยังไงน่ะ นังหนู”
“ท่าทางแล้วก็ส่วนสูงค่ะ -- น้ำเสียงด้วย”
ได้ยินอย่างนั้น นกอินทรีที่มีแต่หัว ส่วนตัวยังเป็นคนก็ชะโงกหน้ามาจากที่นั่งข้างหลัง “เจ๋งไปเลยแม่หนูลูน่า! น้องชายแท้ๆ ของพวกเรา
ยังเรียกพี่ชายแท้ๆ สุดหล่อว่าเจ้าทึ่มอยู่เลย”
รอนที่นั่งอยู่ข้างเฟร็ดเบะปาก
“ก็ใครจะไปนึกว่าพี่ชายของฉันจะเพี้ยนได้ถึงขนาดนี้ล่ะ แค่หัวก็ว่าน่าเกลียดแล้ว
นี่ยังใส่ทั้งตัวเข้าไปอีก”
“นายนี่ไม่รู้อะไรซะแล้ว”
“ก็มันจริงนี่!”
หากใครได้เห็นภาพนี้คงคิดว่ามันพิลึกน่าดู ที่คนผมแดงกำลังเถียงกับหัวนกอินทรีอย่างเอาจริงเอาจัง ระหว่างที่เฟร็ดกำลังสนุกอยู่กับ
การได้ยั่วโมโหรอน
ลูน่าก็หันกลับมาหาคนข้างตัวแล้วมองอย่างพิจารณาอีกครั้ง
“ฉันว่าน่ารักดีออก” เด็กสาวพูดไปตามที่คิด หารู้ไม่ว่านั่นยิ่งทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ของจอร์จยิ่งเต้นอย่างลิงโลด แค่นังหนูจำเขาได้
ก็ดีใจแล้ว นี่ยังชมชุดเขาว่าน่ารักอีก
“เธอคิดงั้นเหรอ -- ขอบใจนะ” จอร์จยิ้มด้วยความดีใจและแอบเขินอยู่เล็กๆ แม้รู้ว่ายิ้มไปแล้วลูน่าจะมองไม่เห็นก็ตาม
“ใช่ไหมล่ะ! ฉันกับจอร์จลงทุนไปขอขนนกร่วงๆ
จากแฮกริดมานั่งทำกันทั้งคืนเพื่อการนี้เลยนะเนี่ย! เห็นไหมรอน เธอบอกว่าน่ารักล่ะ!”
เฟร็ดหันไปพูดกับน้องชายผมแดงของเขาด้วยท่าทางกระดี๊กระด๊าจนรอนหมั่นไส้
รอนขมวดคิ้วมองสามคนที่เข้าขากันดีเหลือเกิน ไม่ว่าจะมองยังไงเขาก็ไม่เห็นแววว่ามันจะน่ารักอย่างที่คนตัวเล็กพูดเลยสักนิด
ครั้นจะไปขอคนมาช่วยสนับสนุนความเห็น
แฮร์รี่ก็เบือนหน้าหนีไปแล้ว
เอาใจกันเข้าไป...!
การแข่งขันเริ่มขึ้น นักกีฬาทั้งสองทีมเริ่มบินขึ้นเหนือพื้นเมื่อมาดามฮูชเป่านกหวีดเป็นสัญญาณเริ่ม โดยมีลี จอร์ดัน เพื่อนสนิท
ของฝาแฝดวีสลีย์เป็นคนพากย์เหมือนทุกครั้ง
เชสเซอร์ของทีมเรเวนคลอพุ่งทะยานขึ้นไปคว้าลูกควัฟเฟิลและโยนลงห่วงได้ภายในสามนาทีแรก เรียกเสียงจากกองเชียร์ดังกระหึ่ม
และในตอนนั้นเองที่ซีกเกอร์พ่วงด้วยกัปตันทีมฮัฟเฟิลพัฟอย่าง เซดริกบินผ่านหน้ากองเชียร์บ้านตรงข้าม สายตาสาวๆ ก็เป็นอันเอนเอียง
ลืมบ้านตัวเองไปชั่วขณะ
“ทำยังไงดี ลูน่า ฉันอยากได้เขา --” มาเรียเขย่าแขนลูน่าอย่างเก็บอาการไม่อยู่ เธอเอาแต่ชี้ให้คนผมบลอนด์มองตามกัปตัน
ทีมฮัฟเฟิลพัฟพร้อมส่งเสียงเชียร์อย่างลืมตัว
“เขาหล่อเนอะ”
“ฮื่อ” ลูน่าตอบส่งๆ ไม่ได้สนใจเซดริกเลยสักนิดเพราะเธอสนใจซีกเกอร์บ้านตัวเองที่กำลังขี่ไม้กวาดพุ่งทะยานไปทางลูกสนิชมากกว่า
สนใจชายหนุ่ม
แต่ใครจะไปคิดว่าการตอบส่งๆ ของเธอจะมีคนแอบไม่พอใจ คนผมแดงภายใต้ชุดนกอินทรีทำหน้ามุ่ยบอกบุญไม่รับขึ้นมาทันควัน
ถ้าเขางอนแล้วเดินออกไปจากอัฒจันทร์ตอนนี้ นังหนูจะตามไปง้อเขาไหม...คำตอบคงไม่
จอร์จพร่ำบอกตัวเองว่านังหนูคงไม่ได้คิดอะไรจริงจัง ก็นังหนูชมชุดที่เขาอุตส่าห์ทำขึ้นมาเองว่าน่ารักแล้วนี่!...ถึงจะไม่ได้ชมคนใส่ก็เถอะ
เขากระแอมให้คอโล่งแล้วตะโกนเชียร์ด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม เพื่อดึงความสนใจลูน่าที่ตอนนี้คงจะมองเซดริกอยู่
“เรเวนคลอ! เรเวนคลอ! เรเวนคลอ!!”
ภูมิใจได้ไม่เท่าไร จอร์จก็เริ่มรู้สึกรำคาญชุดที่ตัวเองทำมากับมือเพราะมันทำให้เขามองเห็นลูน่าไม่ถนัดนัก -- เขาตะโกนไปตั้งขนาดนี้
แล้ว ยังจะบอกว่าเซดริกหล่ออยู่อีกหรือเปล่าฮึ??
แต่ในเมื่อมันเป็นอย่างนี้
จอร์จก็ไม่อยากคิดให้หงุดหงิดใจมากกว่าเดิม วันนี้เขามาเพื่อเชียร์เรเวนคลอ
ก็ควรตั้งใจเชียร์สิถึงจะถูก!
กลายเป็นเด็กกริฟฟินดอร์ทั้งสี่ที่แฝงตัวมาเชียร์เสียงดังยิ่งกว่าเด็กเรเวนคลอจริงๆ เสียอีก ไม่รู้ว่าพวกเขานึกสนุกหรือคึกมาจากไหน
แต่มันก็ช่วยให้คนรอบข้างสนุกไปกับพวกเขาด้วยไม่น้อยและเมื่อซีกเกอร์ทีมบ้านเรเวนคลอจับลูกสนิชได้สำเร็จภายในสิบห้านาทีแรก
ก็เกิดเสียงเฮดังลั่นสนามยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
จอร์จกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ จนเผลอไปคว้าตัวคนตัวเล็กข้างตัวที่กระโดดอยู่ด้วยกันเข้ามากอดอย่างลืมตัว
คนตัวสูงหันไปหาเฟร็ดกับน้องๆ ที่อยู่ข้างหลัง ทว่าแอบเห็นท่าทีแปลกๆ ของแฮร์รี่กับรอน แม้กระทั่งเฟร็ดยังยืนนิ่งถึงได้รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป
จอร์จรีบคลายอ้อมแขนปล่อยตัวคนผมบลอนด์ให้เป็นอิสระพลางโค้งขอโทษที่ลืมตัวไปนิดจนหัวเกือบทิ่มเพราะเจ้าหัวนี่มีน้ำหนัก
ไม่ใช่น้อยๆ เขาจับหัวอินทรีให้กลับเข้าที่พลางยกมือขึ้นเกาท้ายทอยแก้เขินโดยลืมไปอีกว่าตอนนี้ท้ายทอยตัวเองมีแต่ขนนกเต็มไปหมด
เลยเกิดอาการทำตัวไม่ถูกขึ้นมาซะอย่างนั้น
จอร์จหันหน้าเข้าหาสนามพลางทำเป็นจัดทรงขนนกให้เข้าที่แทนอาการเขิน ตอนนี้สภาพเขาก็ไม่ต่างอะไรกับกาต้มน้ำที่กำลังเดือด
จนเกิดเสียงหวีดแหลม ใบหน้าภายใต้หน้ากากนั้นร้อนรุ่มไปหมด ขณะที่ลูน่าได้แต่ยืนนิ่งแล้วหันหน้าเข้าหาสนามเหมือนกัน
ต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีใครพูดอะไรกันอีก แก้มขาวซีดของลูน่ามีสีชมพูระเรื่อขึ้นน้อยๆ เท่าที่เธอจำได้ เมื่อกี้นี้ยังกระโดดดีใจอยู่เลย
แต่จู่ๆ ภาพตรงหน้ากลับดำมืดเพราะถูกดึงเข้าไปกอดก่อนรับรู้ได้ถึงสัมผัสนุ่มนิ่มจากขนนกบนชุดของเขา
ซึ่งคนที่ยิ้มกว้างที่สุดให้กับเหตุการณ์นี้คงหนีไม่พ้นแฮร์รี่
พอตเตอร์อีกนั่นแหละ...
⭐
- Talk -
ถึงจะแอบคิดเรื่องคำทำนายแต่วีสลีย์ก็ยังคงเป็นวีสลีย์อยู่วันยังค่ำอะเนอะ แต่สำหรับจอร์จใส่แค่หัวมันไม่พอ เลยใส่ชุดเป็นอินทรีทั้งตัว
กันไปเลย! ลงทุนอดหลับอดนอนเพื่อทำชุดไปเชียร์บ้านน้องขนาดนี้ ถ้าไม่ได้ใจน้องก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วอะเนอะ >_<
ทิ้งท้ายด้วยแฟนอาร์ตน่ารักๆ อีกสองรูปจากคุณ Fabian ที่ส่งมาให้นะคะ ขอบคุณน้า ❤
เป็นเหตุการณ์เมื่อตอนที่ 17 ที่เชมัสผู้น่าสงสารต้องดื่มน้ำมันพืชเพราะปากตัวเองล้วนๆ นั่นล่ะค่ะ 555
ความคิดเห็น