ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] Little Loony Lovegood [George x Luna] [END]

    ลำดับตอนที่ #14 : 14 ll Letter from the Moon

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.06K
      199
      12 ก.ย. 62


    14


    Letter from the Moon




              เช้าวันหนึ่งในบ้านโพรงกระต่าย มีเสียงดังกระแทกกระทั้นข้าวของอยู่ภายในครัวราวกับต้องการระบายอารมณ์เปรียบเสมือนดั่งเสียง

    นาฬิกาปลุกได้เป็นอย่างดี เด็กๆ ตระกูลวีสลีย์ลืมตาตื่นบนเตียงในห้องของตัวเองด้วยความงุนงง            

              

              นับเป็นเรื่องแปลกที่รอนตื่นขึ้นเพราะเสียงหม้อและชาม เสียงนี่คงมาจากเฟร็ดและจอร์จที่ก่อกวนแต่เช้าตรู่แทนที่จะเป็นผีกูลที่ห้องใต้หลังคา มันชอบเตะท่อน้ำและร้องครวญครางเพื่อปลุกเขาทุกครั้ง


              เพอร์ซี่ รอนและจินนี่คิดว่าฝาแฝดจอมแสบเกิดอาละวาดตั้งแต่เช้า แต่ผิดคาดเมื่อทั้งสามเดินสะลึมสะลือออกจากห้องนอนของตัวเอง

    แล้วพบว่าเฟร็ดและจอร์จเพิ่งเดินตาบวมตุ่ยกับผมเผ้ายุ่งเหยิงออกมาจากห้องนอนของตัวเองเหมือนกัน

                

              “เกิดอะไรขึ้นน่ะ” จินนี่ถามพี่ชายทั้งสี่ของเธอ คำตอบที่ได้กลับมามีเพียงการยักไหล่ที่บ่งบอกว่าพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน

                

              “แล้วในมือนั่นอะไร” จอร์จชี้นิ้วไปยังจดหมายในมือจินนี่

                

              “ฉันกำลังจะเอาให้แอรัลไปส่ง...”

                

              “ถึงลูน่า เลิฟกู๊ด” เฟร็ดก้มตัวเอียงคออ่านชื่อผู้รับในจดหมาย จินนี่รีบเอามาแนบไว้กับตัวขณะที่จอร์จตาสว่างขึ้นมาทันที

                

              “พวกเธอเขียนจดหมายถึงกันเหรอ?” จอร์จถามอย่างสนอกสนใจแม้จะมีเสียงหม้อที่กระแทกลงในอ่างล้างจานดังแทรกไม่หยุด

                

              “แล้วมันแปลกตรงไหน” จินนี่ถามสลับกับมองรอน กับเพอร์ซี่และเฟร็ดที่ชะโงกหน้าดูข้างล่างผ่านราวบันได

                

              “เปล่า --ไม่แปลกอะไร --ว่าแต่เขียนว่าอะไรบ้าง”

                

              “ฉันว่าฉันไม่จำเป็นต้องบอกพี่นะ ลูน่าไม่ได้เขียนอะไรถึงพวกพี่หรอก”

                

              “...ไม่มีเลยเหรอ”

                

              “ใช่ อ้อ ...มีอยู่ครึ่งบรรทัดได้มั้ง”

                

              “เหรอ เธอเขียนว่าอะไร”

                

              “พวกพี่เป็นยังไงบ้าง แค่นั้นแหละ”

                

              “แล้วเธอตอบว่าไงจินนี่”

                

              “เปล่า ไม่ได้ตอบ ฉันคิดว่าเธอคงถามเป็นมารยาทไปอย่างนั้นเอง”

                

              “ไม่เอาน่า เอางี้ ขอที่อยู่หน่อย พี่จะเขียนตอบกลับไปเอง ถ้าเธอถามมาแล้วไม่ตอบด้วยตัวเองมันก็ยังไงอยู่จริงไหมล่ะ”

                

              “ไม่มีทาง พี่ต้องเขียนไปก่อกวนลูน่าแน่ ฉันไม่มีวันให้มันเป็นแบบนั้นหรอก”

                

              “ให้มันได้อย่างนี้สิ เธอจะคิดกับพี่ในแง่ดีบ้างไม่ได้เลยหรือไง ไม่งั้นก็ขอเขียนจดหมายแทรกไปอีกฉบับก็ได้ ไม่ก่อกวนแน่นอน”

                

              “ไม่ -- เอา !!” จินนี่พูดเสียงดังฟังชัด “หรือพี่คิดจะจีบเพื่อนฉัน?”

                

              “เปล่า” จอร์จยกมือสองข้างขึ้นอย่างยอมแพ้เมื่อหว่านล้อมไม่สำเร็จ ก่อนทำทีเดินไปยืนข้างเฟร็ด

                

              “ตะวันขึ้นตั้งนานแล้ว จะนอนจนถึงเที่ยงกันเลยหรือไงกัน!!” เสียงหวีดแหลมตะโกนขึ้นมาจากชั้นล่าง ไม่ต้องเดาว่าเป็นใคร 

    ถ้าไม่ใช่มอลลี่ แม่ของพวกเขานั่นเอง


              ทุกคำถามคลี่คลายลงเมื่อรู้ต้นเหตุของเสียงนาฬิกาปลุกที่ชวนให้ปวดหัวในเช้าวันนี้

                

            เด็กทั้งห้าเดินลงมาข้างล่างในชุดนอน บนโต๊ะไม้ที่ถูกขัดถูสะอาดกลางห้องครัวเล็กๆ และแออัดเล็กน้อย มีจดหมายเขียนด้วยหมึกสีดำ

    และลายมือหวัดๆ กางอยู่บนโต๊ะ

                

              เพอร์ซี่หยิบมันขึ้นมาอ่านก่อนส่งให้เจ้าของชื่อในจดหมายอย่างเฟร็ดกับจอร์จ เฟร็ดเป็นคนยื่นมือไปรับจดหมายนั้นมาอ่าน 

    เห็นรายงานพฤติกรรมในคืนก่อนปิดเทอมที่ก่อเอาไว้ยาวเป็นพรืด ถูกส่งมาให้พวกเขาบ้านเดียวเป็นกรณีพิเศษสำหรับคนสำคัญของฟิลช์

                

              “พวกลูกคิดจะให้แม่หัวระเบิดไปเลยหรือยังไงกัน ฮึ!” มอลลี่หันมาหาลูกชายของเธอพร้อมตะหลิวในมือที่หวั่นใจเหลือเกิน

    ว่ามันจะลอยมาโดนใครสักคนเข้า “ตลอดปีที่ส่งมานับสิบนั่นก็ยิ่งปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว จะต้องมีอีกสักกี่ฉบับกันถึงจะพอใจ” 

                

              “แม่ฮะ ที่เขาเขียนมานี่มันเกินไปนะฮะ พวกเราไม่ได้ไประเบิดห้องทำงานของเขาซะหน่อย” จอร์จเงยหน้าแย้ง ก็ในจดหมาย

    ที่น่าจะเป็นลายมือของฟิลช์เขียนเอาไว้ตัวเบ้อเริ่มว่าพวกเขาไประเบิดห้องทำงานของเขาแถมยังรังแกแมวของเขาจนบาดเจ็บด้วย

                

              “แล้วแมวก็ไม่ได้บาดเจ็บด้วย” เฟร็ดเสริมแต่ก็ต้องรีบหุบปากเงียบเมื่อมีสายตาราวกับเสือจ้องกลับมา ขัดกับผ้ากันเปื้อนลายดอกไม้

    บนตัวเธอซะจนน่าขัน

                

              “งั้นลูกก็อธิบายมาซิ ว่าลูกไปทำอะไร เขาถึงได้เขียนจดหมายมาด้วยตัวเองแบบนี้!” มอลลี่ตวาดใส่เสียงเขียว 

    พร้อมกับกระแทกจานอาหารเช้าที่มีไส้กรอกกับไข่ดาวที่เหมือนกับเธอไม่ใส่ใจนักว่าตอนนี้ไข่แดงมันแตกและกำลังไหลเยิ้มออกมาท่วมจาน

                

              “พวกเราแค่ทาสีให้ห้องทำงานของฟิลช์ใหม่” เฟร็ดพูดพลางหยิบจานที่ไข่แดงยังไม่แตกก่อนผลักจานที่เหลือใบสุดท้ายให้เพอร์ซี่ 

    “ด้วยดอกไม้ไฟฟิลิบัสเตอร์ --เห็นไหมว่าพวกเราไม่ได้ระเบิดห้องทำงานของเขา ไม่อย่างนั้นฟิลช์คงไม่มีกระดาษกับจดหมายให้เขียน

    มาหาแม่ได้หรอก...”

                

              “ส่วนคุณนายนอร์ริสก็ไม่ได้บาดเจ็บ เราก็แค่เปลี่ยนบรรยากาศให้มันนิดหน่อย ด้วยสีชมพู...ทั้งตัว”

                

              “วิเศษไปเลยนี่ลูกรัก!” มอลลี่กระแทกเสียงประชด “เอ้า นั่งลง! แล้วกินซะ! จะได้ออกไปไล่พวกโนม ถอนหญ้า จัดการเล้าไก่ด้วย 

    และต้องเสร็จภายในวันนี้เท่านั้น!!” เธอพ่นลมฟึดฟัดออกทางจมูกก่อนนั่งลงกินอาหารเช้าพร้อมกับพวกเขา

                

              รอนปล่อยเสียงพ่นลมพรวดออกมาทางจมูกคล้ายกำลังกลั้นขำก่อนอวยพรให้พี่ชายของเขา “โชคดีนะ”

                

              มอลลี่ตวัดหางตาไปมอง “ลูกก็ด้วยนะรอน แม่ยังไม่ลืมที่ลูกเอารถบินได้ของพ่อไปตะลอนทั่วท้องฟ้านั่นหรอกนะ!”

                

              ทุกคนก้มหน้าเงียบไม่เว้นกระทั่งจินนี่ เมื่อถูกผู้เป็นแม่กราดเกรี้ยวใส่ ต่อให้เพอร์ซี่เอาคะแนนสอบมาให้ดู อารมณ์ของเธอก็คงเย็นลง

    กว่านี้ไม่ได้แล้ว

                

              หลังเวลาอาหารเช้าจบลง เด็กทั้งห้าก็ถูกมอลลี่ไล่ให้ออกมาข้างนอก

                

              “แม่ฮะ ผมขออยู่ในห้องไม่ได้เหรอฮะ” เพอร์ซี่หันไปถามแม่ที่ยืนเท้าเอวมองส่งอยู่ตรงประตู

                

              “ไม่ได้ หัดออกมาตากแดดซะบ้าง ลูกน่ะตัวซีดอย่างกับโดนทากดูดเลือดไปหมดตัวแล้วรู้ไหม”

                

              “แล้วหนูล่ะคะแม่”

                

              “หนูก็ด้วยจ้ะจินนี่ อยู่ข้างนอกช่วยดูพี่ชายของลูกแทนแม่ที ถ้าพวกเขาอู้ ให้มาบอกแม่ ถ้าไม่เสร็จ ไม่ต้องกลับเข้ามา เข้าใจไหม”

                

              ทั้งห้าตอบรับเสียงค่อยพร้อมกับเสียงประตูที่ปิดดังปัง ปิดเทอมได้ไม่เท่าไรก็มีเรื่องน่าตื่นเต้นแล้ว จินนี่กับเพอร์ซี่เดินเอื่อยๆ ไปนั่ง

    ตรงเก้าอี้ที่ใกล้จะพังแหล่มิพังแหล่แถวๆ ประตู

                

              “เฮ้ มาช่วยกันหน่อยสิ” เฟร็ดตะโกนกลับมาหลังถูกกระทำเหมือนแบ่งชนชั้นกับพวกเขาชัดเจน

                

              “เรื่องอะไร พวกฉันไม่ได้ทำอะไรผิดนะ” เพอร์ซี่ตะโกนกลับไป ไม่ถึงวินาที น้องชายฝาแฝดก็ปรี่เข้ามาหาทิ้งรอนให้ยืนเคว้งคว้างมองดู

    ว่าจะจัดการกับอะไรก่อนดี

                

              เฟร็ดวาดแขนโอบรอบคอเพอร์ซี่พลางเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้และพูดในระดับเสียงที่แทบจะเป็นการกระซิบ “นายจะยอมช่วย

    ทำให้มันเสร็จๆ หรือจะให้ฉันป่าวประกาศให้ทุกคนรู้ว่าฉันเห็นนายจูบกับพรีเฟ็คสาวบ้านเรเวนคลอเมื่อคืนก่อนปิดเทอม”

                

              เพอร์ซี่ตาเบิกกว้างมองน้องชายผมแดงของเขาที่ยิ้มแป้น ก่อนพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนักแล้วลุกขึ้นเดินไปหารอนพร้อมกับเฟร็ด

                

              จอร์จมองตามเพอร์ซี่และหันมาทำแบบเดียวกันกับจินนี่ “จินนี่น้องรัก เธอจะยอมช่วยทำให้มันเสร็จๆ หรือจะ...”

                

              “หรือจะอะไร ฉันไม่ได้จูบกับผู้ชายที่ไหนนะ” จินนี่รีบสวนกลับ

                

              “ใช่ พี่รู้ แต่เธอคงไม่อยากให้แฮร์รี่รู้หรอกใช่ไหม ว่าเพลงบอกรักที่กามเทพร้องให้เขาเมื่อวันวาเลนไทน์มาจากเธอ” จอร์จงัดไพ่

    ใบสำคัญมาใช้กับจินนี่ เรื่องดูอาการน้องสาวของเขาว่าแอบชอบใครอยู่น่ะ ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพี่ชายอย่างเขาอยู่แล้ว 

    ทว่าจอร์จกลับถูกจินนี่ใช้ไพ่ที่มีพลังมากกว่ามาสู้กับเขา

                

              “งั้นพี่ก็ไม่อยากรู้ที่อยู่ลูน่าใช่ไหม”

                

              จอร์จอึกอักถึงขั้นไปต่อไม่เป็น “อยากสิ เอ้อ..ไม่ ไม่ใช่...ไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้นซะหน่อย” 

                

              จินนี่ยืดตัวขึ้นพลางกอดอกอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่า “ถ้าพี่แน่ใจอย่างนั้น ก็ได้ ฉันจะไปช่วย...”

                

              “เอ้อ..อย่าเพิ่งสิน้องรัก เธอออกไปตากแดดแบบนี้ไม่ดีต่อผิวของเธอแน่ นั่งพักอยู่ในร่มนี้เถอะนะ” จอร์จจัดแจง ใช้ปากเป่าเก้าอี้อย่าง

    ประจบประแจงแล้วให้จินนี่นั่งลงอีกครั้ง “งั้นพี่ไปไล่พวกโนมก่อนนะ”

                

              เวลาผ่านไปกระทั่งตะวันคล้อยต่ำลงเหลือเพียงแสงแดดที่กลายเป็นสีแดงฉานในฤดูร้อนอย่างนี้ ลูกชายตระกูลวีสลีย์เดินลากขา

    เข้ามาในบ้านด้วยสภาพเนื้อตัวมอมแมมก่อนนั่งฟุบกับโต๊ะกินข้าวทันที

                

              “ดีมาก แล้วทีหลังอย่าก่อเรื่องวุ่นวายที่โรงเรียนอีกล่ะ” มอลลี่ยกอาหารมาวางจนเต็มโต๊ะก่อนนั่งลงตรงเก้าอี้หัวโต๊ะ “วันนี้พ่อทำงาน

    กว่าจะกลับก็ดึกอีกแล้วล่ะ บอกให้เรากินกันก่อนเลย ไม่ต้องรอ” เธอบอกก่อนเริ่มลงมือตักอาหาร ขณะที่ลูกชายของเธองัวเงียอยากนอน

    มากกว่า ยกเว้นก็แต่จอร์จที่ดูจะตื่นตัวทั้งวัน

                

              จอร์จเอียงตัวหาจินนี่แล้วกระซิบถาม “ทีนี้ก็บอกได้แล้วใช่ไหม ที่อยู่น่ะ”         

                

              “ใช่ แต่พี่ควรรู้ไว้ว่าฉันจะไม่ขายเพื่อนตัวเองเด็ดขาด แม่ขา เนื้อนี่อร่อยจังเลยค่ะ”

                

              “ใช่ไหมล่ะจ๊ะ แม่ตั้งใจทำเป็นพิเศษเลยนะ”

                

              สองแม่ลูกคุยกันราวกับพลิกหน้ามือเป็นหลังมือจากเมื่อเช้านี้ คนอื่นๆ ตักชิ้นเนื้อเข้าปากอย่างอ่อนระโหยโรยแรงเต็มที 

    ทิ้งให้จอร์จนั่งนิ่งเป็นรูปสลักหินอยู่คนเดียว

                

              ....นี่ฉันถูกจินนี่หลอกงั้นเรอะ??!!



              หลายวันผ่านไปในบ้านโพรงกระต่าย ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเป็นปกติ เพอร์ซี่เอาแต่เก็บตัวหมกอยู่ในห้อง เขียนจดหมาย

    ส่งหาพรีเฟ็คสาวบ้านเรเวนคลอที่ตอนนี้คงจะเรียกได้อย่างเต็มปากแล้วว่าเป็นแฟน จินนี่ก็ยังเข้าขาได้ดีกับแม่ของเธอเวลาบ่นฟร็ดกับจอร์จ

    ที่ทดลองเสกคาถาจนเกิดเสียงระเบิดลั่นบ้าน ส่วนพ่อก็ยังทำงานหนักเหมือนเช่นเคย

                

              ในเช้าวันหนึ่งจอร์จตั้งใจตื่นแต่เช้าคอยเฝ้าดูว่าแอรัลจะบินออกไปส่งจดหมายเมื่อไร เขาอยากส่งจดหมายคุยกับนังหนูบ้างแต่ก็พลาด

    ตอนที่นกฮูกจะไปส่งทุกที จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน

              

              ให้ตายสิ!  

                

              จอร์จสบถกับตัวเองไม่รู้กี่หนแล้วในสัปดาห์นี้ โอกาสยิ่งมีน้อยแต่เขาก็ไม่มีทางจับแอรัลได้สักที เขาไม่เคยกระวนกระวายใจขนาดนี้

    มาก่อน ถ้าทำได้เขาอยากจะเข้าไปที่ห้องของจินนี่และตะโกนใส่หน้าว่า 

              

              ‘ พี่คิดถึงเพื่อนของเธอจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว ส่งที่อยู่ลูน่ามาให้เดี๋ยวนี้เลยนะ!! ’  


              ซึ่งนั่นไม่มีทางเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว...


              ระหว่างกินอาหารเช้าหกคนแม่ลูก จอร์จทำทีเป็นส่งขนมปังให้จินนี่แล้วลองหยั่งเชิงถามว่าเนื้อหาในจดหมายที่คุยเป็นยังไงบ้าง 

    แต่จะให้ถามตามตรงว่าลูน่าเขียนถึงเขาบ้างไหมก็ไม่กล้าถามอีก

                

              “ก็คุยกันปกติ มีถามถึงพี่ด้วยนะ”

                

              “ถามว่าอะไร” จอร์จเอียงตัวเข้าหาจินนี่มากขึ้นด้วยหัวใจพองโต แต่ไม่คาดคิดว่าจินนี่จะพูดราวกับตะโกนให้ทุกคนบนโต๊ะได้ยิน

                

              “ลูน่าถามถึงพี่ว่านาร์เกิ้ลไม่มารบกวนใช่ไหม”


              “หืม?” มอลลี่เหล่ตามอง “ลูกมีอะไรเกี่ยวข้องกับนาร์เกิ้ลหรือจ๊ะจอร์จ”

                

              “เปล่าฮะ”

                

              “นาร์เกิ้ล?” เฟร็ดทวนคำก่อนนึกอะไรขึ้นได้ “อ้อ นาร์เกิ้ล --แม่หนูลูน่าให้เครื่องรางจอร์จฮะ”

                

              “เครื่องราง?” มอลลี่เอียงคออย่างงงๆ ก่อนรอนจะเป็นคนอธิบายต่อจากเฟร็ดราวกับเขาเป็นฝาแฝดแทนจอร์จ

                

              “เป็นสร้อยสีฟ้าฮะ”

                

              “ห้อยจุกขวดบัตเตอร์เบียร์” เฟร็ดชูนิ้วกะขนาดเท่าจุกไม้เล็กๆ ให้แม่ของเขาดู

                

              “ตอนที่ได้มาวันแรกก็อวดไปทั่ว”  

                

              “จนพวกเราจำได้แล้วว่ามีลูกปัดอยู่กี่เม็ด”

                

              “จอร์จหวงอย่างกับอะไรดี” รอนชักเริ่มสนุกขึ้นมา เขายอมวางขนมปังกลับลงจานแล้วเล่าต่ออย่างลื่นไหล

                

              “แม่ไม่มีทางได้เห็นหรอกฮะ”

                 

              “พวกนายพอเถอะน่า!!” จอร์จตวาดใส่เฟร็ดกับรอนด้วยความที่เขินจนไม่รู้จะเอาตัวเองไปไว้ตรงไหน ถ้าเป็นไปได้เขาอยากเสกตัวเอง

    ให้กลายเป็นมดตัวเล็กจิ๋วให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย



              เมื่อเฟร็ดกับรอนเลิกแซวเขาได้เสียที ในที่สุดความตั้งใจของจอร์จก็ประสบความสำเร็จในสัปดาห์ที่สามหลังปิดเทอม ในช่วงบ่ายแก่ ๆ 

    ระหว่างที่เขากับเฟร็ดกำลังลองเสกลูกอมช่วยโดดเรียนแบบใหม่ เจ้านกฮูกตัวใหญ่สีเทาที่ดูแก่เต็มทีก็บินถลาเข้ามาในห้องของพวกเขา

    ที่เปิดหน้าต่างเอาไว้อย่างพอดิบพอดี


              จอร์จถูกใช้ให้ลุกไปหยิบจดหมายเพราะคิดว่าเป็นจดหมายจากลี จอร์ดันที่เขียนมาหาตามปกติ ทว่ามันไม่ใช่อย่างที่คิด ดวงตาจอร์จ

    เบิกกว้างพร้อมหัวใจที่เต้นอย่างลิงโลด ตัวหนังสือที่จ่าหน้าซองถึงจะเป็นของจินนี่ แต่ผู้ส่งเป็นนังหนูของเขาไม่ผิดแน่ แถมลายมือที่เขียนมา

    ก็ยิ่งตอกย้ำว่าเป็นของลูน่าด้วย

                

              จอร์จลอบมองดูเฟร็ดที่สนใจอยู่กับลูกอม แล้วหันกลับมามองจดหมายในมือ เขาดึงลิ้นชักข้างโต๊ะเปิดออก หยิบปากกาขนนกออกมา

    แล้วลอกที่อยู่ผู้ส่งลงในสมุดไดอารี่ของเขาอย่างตั้งใจ

                

              ตลอดเวลาที่ได้รู้จักแอรัลมาเขาไม่เคยรู้สึกรักมันมากขนาดนี้มาก่อนที่ส่งจดหมายผิด จอร์จชูจดหมายในมือให้เฟร็ดดูพร้อมบอกว่า

    จะเอาไปให้จินนี่เพราะเจ้าแอรัลบินมาส่งผิดห้อง

                

              จินนี่รีบคว้าจดหมายไปแล้วตวัดตามองคนพี่อย่างจับพิรุธในระหว่างที่เขาเดินกลับห้องของตัวเอง

                

              ก่อนกินอาหารเย็น ประตูห้องของฝาแฝดถูกเคาะขึ้นสามครั้ง จอร์จลุกขึ้นระหว่างที่เล่นหมากรุกพ่อมดอยู่กับเฟร็ดและรอน

    ที่เข้ามาเล่นในห้องของพวกเขา เมื่อเปิดประตูออกก็เจอจินนี่ยืนหน้าบูดบึ้งเป็นการต้อนรับ เธอชูกระดาษที่ถูกพับเป็นสามทบในมือขึ้น 

    คงจะเป็นจดหมายจากใครสักคน แต่จอร์จกลับจับอะไรบางอย่างได้ในสายตาคู่นั้น

                

              “สาบานได้ พี่ไม่ได้เปิดอ่านจดหมายของเธอเลยนะจินนี่ ถามเฟร็ดดูเอาก็ได้ว่าพอเห็นจ่าหน้าซองถึงเธอ พี่ก็รีบเอาไปให้เลย”

                

              “พี่ไม่ต้องสาบาน เอ้า รับไปซะ มีจดหมายจากลูน่าเขียนถึงพวกพี่แทรกมาด้วย”

                

              จอร์จยื่นมือรับกระดาษมาถือราวกับเป็นสิ่งของมีค่า เขามองดูมันอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองก่อนถูกเฟร็ดสั่งให้อ่านให้เขาฟังด้วย 

    เพราะได้ยินว่าลูน่าเขียนถึงพวกเขา ไม่ได้เขียนถึงจอร์จเพียงคนเดียว


              เนื้อความในจดหมายเป็นการทักทายตามปกติ และไม่ได้มีการทิ้งคำถามเอาไว้แต่อย่างใด ถึงอย่างนั้นจอร์จก็หยิบมันออกมาอ่าน

    หลายครั้งในคืนนั้นและนั่งเขียนตอบกลับรายงานเรื่องทั่วไปและคุยเรื่องสัตว์วิเศษต่อนิดๆ หน่อยๆ เผื่อว่าลูน่าที่สนใจเรื่องพวกนี้จะตอบกลับ


              เขานั่งเขียนจดหมายจนดึกดื่น กระทั่งมีเสียงกรนของเฟร็ดดังกลบเสียงเพลงระหว่างที่จอร์จกำลังเขียนและแม้ว่าเปลือกตาของเขา

    ใกล้จะปิดลงเต็มทีแต่ก็ฝืนปลุกตัวเองให้ตื่นมาเขียนต่อยาวเป็นพรืดเต็มหน้ากระดาษจนหลับคาโต๊ะไปถึงเช้า

                

            อันที่จริงจอร์จสามารถเขียนให้เสร็จได้ภายในหนึ่งชั่วโมง ถ้าเขาไม่มัวแต่นั่งเขินกับคำว่า ‘ นังหนูที่รัก ’  ที่เป็นเพียงคำขึ้นต้นหัวกระดาษ

                

            

              ในอีกสองวันให้หลัง แอรัลบินกลับมาพร้อมจดหมายในจะงอยปากคมๆ ของมัน จอร์จดึงจดหมายมาในตอนที่เฟร็ดกับรอนกำลังเล่น

    กันอยู่ ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้รับจดหมายตอบกลับจากลูน่าอีกแล้ว หลังผิดหวังมานานก็ถึงวันที่เขาได้จดหมายสมใจอยาก

                

              จอร์จเปิดซองจดหมายที่ผู้ส่งคือ The Moon ซึ่งเขาแอบเขียนเอาไว้ในท้ายจดหมายที่ส่งไปครั้งก่อนว่าให้เขียนมาแบบนี้

    หากเธอต้องการตอบกลับ


              ลูน่าเขียนตอบกลับมาเรื่องตัวพิกมี่พัฟ ที่เขาเกริ่นไว้ในจดหมายคราวก่อน จอร์จนั่งอ่านตัวหนังสือราวกับมีเสียงเล็กๆ ฟังดูตื่นเต้น

    ของเธอลอดออกมา เมื่ออ่านจบ เขาก็เริ่มต้นเขียนตอบกลับไปอีก

         

              หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปโดยที่มีจดหมายแวะเวียนมาส่งถึงจอร์จทุกวัน และแน่นอนว่าเขาก็เขียนตอบกลับไปทุกวันเช่นกัน ในคืนนั้นเองที่

    อาเธอร์ พ่อของพวกเขายิ้มต้อนรับลูกๆ ทั้งหก ซึ่งรวมถึงชาลีที่กลับมาเยี่ยมบ้านด้วย พ่อมดลุกขึ้นกระแอมให้คอโล่ง ก่อนผายมือออกกว้าง

    คล้ายที่ล็อกฮาร์ตชอบทำ แต่เรื่องที่พวกเขากำลังจะได้ยินนั้นน่ายินดีกว่ารู้ว่าล็อกฮาร์ตจัดงานเลี้ยงวาเลนไทน์ให้ซะอีก

                

              “เด็กๆที่รัก พ่อขอโทษที่ก่อนหน้านี้เอาแต่ทำงานจนแทบไม่เจอหน้าลูกเลย เพราะงั้นพ่อขอไถ่โทษด้วยการพาทุกคนไปเที่ยวอียิปต์!”

                

              เด็กๆ ตระกูลวีสลีย์นั่งนิ่งเป็นรูปปั้นไม่มีใครกล้าแม้แต่จะขยับตัว

                

              “ไม่ดีใจกันเหรอจ๊ะ” มอลลี่เอ่ยถาม เธอคิดว่าพวกลูกลิงทั้งหลายจะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจกันเสียอีก

                

              “เราต้องใช้เงินเยอะแน่ถ้าไปที่นั่น” เพอร์ซี่ออกความเห็น “ผมว่าเราเก็บเงินเอาไว้ใช้ซื้อหนังสือเรียนดีกว่าฮะ” เฟร็ดกับจอร์จพยักหน้า

    เห็นด้วยกับพี่ชายของเขา ครอบครัววีสลีย์ในทุกวันนี้ไม่ได้มีเงินเหลือจนถึงขั้นเอาไปเที่ยวอียิปต์กันทั้งครอบครัวได้ ไม่เหมือนกับครอบครัว

    มัลฟอยที่อยากจะไปไกลแค่ไหนก็ขอแค่เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมแล้วไปเที่ยวกันได้โดยไม่ต้องพะวงเรื่องเงินๆ ทองๆ

                

              “โธ่ นี่พวกลูกยังไม่รู้ข่าวหรอกหรือ? พ่อชนะรางวัลใหญ่จากการจับฉลากรางวัลเกลเลียนประจำปีของเดลี่พรอเฟ็ตล่ะ! 700 เกลเลียน 

    เราจะออกเดินทางพรุ่งนี้แล้ว --ไปเยี่ยมบิล --ได้ยินไหม --หนึ่งเดือนเต็ม!”

                

              สิ้นเสียงผู้เป็นพ่อ เด็กทั้งหกลุกขึ้นยืนปรบมือเสียงดังสนั่นห้องครัวเล็กๆ เพียงเสี้ยววินาทีหนึ่งที่จอร์จยกมือค้าง ในใจพลันรู้สึก

    ห่อเหี่ยวลงนิดหน่อย เขาเพิ่งมีโอกาสได้เขียนจดหมายโต้ตอบกับลูน่าเพียงแค่อาทิตย์เดียวเอง ถ้าไปอียิปต์ก็หมดโอกาสทองนี่กันพอดี 

    คืนนั้นเขาเขียนจดหมายไปหาลูน่าเป็นฉบับสุดท้ายก่อนไปอียิปต์ อธิบายว่าเขาไปทำไมและบอกว่าจะรีบเขียนจดหมายบอกทันทีที่เขา

    กลับมาถึงรวมทั้งจะส่งของฝากไปให้ด้วย



              หนึ่งเดือนเต็มที่เพื่อนๆ ขาดการติดต่อกับครอบครัววีสลีย์ พวกเขากลับมาถึงบ้านโพรงกระต่ายก่อนฮอกวอตส์เปิดเทอมเพียงไม่กี่วัน 

    เมื่อถึงห้องนอนจอร์จก็พุ่งไปที่โต๊ะเขียนหนังสือทันทีเพราะรู้ว่าแอรัลจะต้องมีคิวยาวแน่ๆ จินนี่กับรอนต่างก็ต้องการตัวแอรัลกันทั้งนั้น  

                

          “ถ้ากลับมาแล้วฉันจะเลี้ยงอาหารอย่างดีเลย” จอร์จกระซิบบอกกับแอรัลระหว่างใช้เชือกผูกห่อพัสดุที่เป็นของฝากกับจดหมายไปให้ลูน่า

                

              ตกเย็นในวันเดียวกันมีนกฮูกตัวเล็กสีขาวบินมาที่บ้าน จินนี่ตะโกนบอกจอร์จที่กำลังเล่นอยู่กับเฟร็ดและรอนในสวนว่ามีจดหมาย

    จาก The Moon

        

              จอร์จปล่อยผีเสื้อสีฟ้าในมือให้โบยบินไปแล้วรีบวิ่งกลับมารับจดหมายทันที และการโต้ตอบทางจดหมายก็เริ่มกลับมาเป็นเหมือน

    สัปดาห์ก่อนที่เขาจะไปเที่ยวอียิปต์อีกครั้ง



              มีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้นกับจอร์จ วีสลีย์ เวลาเกือบทั้งหมดที่นอกเหนือจากเสกของเล่นใหม่ๆ กับเฟร็ด จอร์จมักใช้เวลาไปกับ

    การเขียนจดหมายอยู่ในห้อง


              เฟร็ดกับรอนเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่อยู่ ปีที่แล้วเพอร์ซี่ก็ทำตัวแบบเดียวกัน แล้วคืนก่อนปิดเทอมก็ได้ประจักษ์สู่สายตาแล้ว

    ว่าที่ดูเปลี่ยนไปเป็นเพราะเขามีแฟน แต่จอร์จเนี่ยสิ จะเอาเวลาไหนไปมีแฟน ทั้งที่พวกเขาตัวติดกันแทบจะตลอดเวลา สายตาคู่หูเฉพาะกิจ

    เหล่มองอย่างจับผิดอยู่ตรงพื้นห้องนอนของฝาแฝดโดยไม่สนว่าตัวหมากรุกในกระดานกำลังประท้วงพวกเขาที่ไม่เล่นกันต่อเสียที

                

              “นายมีแฟนเหรอจอร์จ” เฟร็ดแกล้งถามขึ้นมาลอยๆ อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเผื่อว่าแฝดคนน้องจะเผลอบอกความจริง  


              “ฉัน --ไม่ --ได้ --มี --แฟน!!” จอร์จตั้งใจเน้นย้ำทีละคำเพราะเฟร็ดกับรอนหลอกถามเขานับสิบครั้งได้แล้วในวันนี้


              บ่ายวันถัดมาเฟร็ดจับได้ว่าจดหมายที่จอร์จเขียนโต้ตอบไปมาไม่ใช่ ลี จอร์ดัน อย่างที่ว่า เพราะเห็นชื่อผู้รับมีแค่ The Moon


              “จดหมายนั่นเขียนถึงใคร ฉันเห็นนายจ่าหน้าซองถึงพระจันทร์(The Moon)”


              “ลี ใช่ ฉันเขียนให้ ลี จอร์ดัน ตานั่นบอกว่าคงจะสนุกดีถ้าใช้รหัสลับเพื่อให้คนสงสัย” จอร์จทำท่าหัวเราะชอบใจพลางตบมือไม่หยุด 

    “นายถูกฉันหลอกแล้วล่ะ นั่นเป็นรหัสลับของฉันกับจอร์ดันเอาไว้หลอกคนอย่างนายไง เขียนไปบอกลีดีกว่าว่าฉันหลอกได้สำเร็จแล้ว” 

    เขาคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าสักวันเฟร็ดอาจเป็นคนรับจดหมายเลยคิดหาข้อแก้ตัวเอาไว้แล้วเรียบร้อย ซึ่งมันได้ผล เฟร็ดกับรอนหันไปสนใจ

    กระดานหมากรุกอย่างหมดอารมณ์ที่จะเซ้าซี้ต่อ

                

              “เสียเวลาชะมัด”

                

              ต่อให้เฟร็ดสืบดูเท่าไรก็ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจดหมายนั่นไปถึงมือจอร์ดันเพื่อนของเขาจริงหรือถึงมือคนอื่น สุดท้ายแฝดคนพี่ก็เลิกล้ม

    ความตั้งใจไปโดยปริยายเพราะคิดว่ามันเสียเวลา


              แสงแดดอุ่นๆ สาดส่องเข้ามาในห้องรับอรุณ แต่ดูเหมือนจะเป็นการต้อนรับอย่างอบอุ่นมากเกินไปหน่อยเพราะฝาแฝดทนนอนต่อ

    ไม่ไหวจนต้องลุกลงมากินอาหารเช้ากว่าปกติในสภาพที่แผ่นหลังเหนียวเหนอะหนะไปด้วยเหงื่อ


              ทั้งคู่เดินเอื่อยๆ มาในชุดนอนและกำลังจะนั่งลงบนเก้าอี้ในครัว ทว่าเพอร์ซี่กลับชี้อะไรบางอย่างข้างนอก วัตถุขนาดใหญ่สีเทา

    ลอยมาใกล้กระจกหน้าต่างจนรู้ว่าก้อนขนก้อนนั้นคือแอรัล แต่กว่าจะรู้ก็สายเกินไป เจ้านกฮูกแก่น่าสงสารที่อาการหนักขึ้นทุกวัน

    บินชนกระจกหน้าต่างเข้าอย่างจังก่อนร่วงลงไป เพอร์ซี่ลุกขึ้นออกไปดู เขานั่งลงยองๆ ใช้นิ้วจิ้มแอรัลที่นอนจมอยู่ในแอ่งเล็กๆ หน้าประตู 

    ทั้งตัวมันเลอะเปรอะเปื้อนไปด้วยโคลน


              “แกยังไม่ตายใช่ไหม” เพอร์ซี่ถาม ดวงตากลมโตของมันกะพริบปริบๆ เป็นสัญญาณว่ามันยังไม่ตาย เขาเอื้อมมืออุ้มแอรัลขึ้นมาวาง

    บนขอบหน้าต่างแล้วดึงจดหมายจากจะงอยปากของมันพร้อมอ่านชื่อผู้รับ “จอร์จ วีสลีย์ --น่าแปลก ลายมือนี่อย่างกับเป็นของผู้หญิง 

    ใครส่งมาน่ะ แฟน?”


            จอร์จตาโต ลุกพรวดจากเก้าอี้ที่ก้นแตะยังไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำ เขาออกตัวพุ่งออกไปทางเพอร์ซี่ที่ดูจะสนอกสนใจจดหมายฉบับนี้มาก

    ด้วยความเร็วราวกับขี่ไม้กวาด เขายื่นมือคว้าจดหมายมาได้สำเร็จ ทว่าวิ่งเร็วไปนิดทำให้เบรกไม่อยู่จนหน้าทิ่มลงบ่อโคลนซ้ำรอยแอรัล


              รอนกับเฟร็ดวิ่งมาเกาะประตูดูสภาพน่าขันโดยไม่คิดจะช่วย ความจริงพวกเขาไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไงดี จะขำแต่ก็สงสาร 

    เลยกลายเป็นภาพครึ่งๆ กลางๆ แววตาสงสารแต่ทั้งหน้าแดงก่ำเพราะกลั้นขำ


              จอร์จไม่ได้สนใจว่าพี่ชายหรือน้องชายของเขาจะขำ ทั้งตัวเขาถูกชะโลมด้วยโคลน มีเพียงแขนข้างขวาที่เขาชูขึ้นโดยปราศจากโคลน

    แถมจดหมายในมือก็อยู่รอดปลอดภัยไม่เปื้อนโคลนสักนิด


              “ได้มาแล้ว!!” จอร์จชูมือขึ้นกลางอากาศหันหน้าให้กับแสงอาทิตย์ยามเช้า แต่แล้วจดหมายกลับถูกฉกฉวยไปจากมือโดยฝีมือจินนี่

    ที่เพิ่งลงมา

                

              “นี่มันลายมือลูน่านี่ ฉันจำได้”


              เมื่อเสียงแหลมของน้องสาวคนสุดท้องพูดจบ สายตาของเด็กชายราวกับเหยี่ยวต่างหันมามองจอร์จกันอย่างไม่ได้นัดหมาย

                

              “อ้อ ...เหรอ ...ฉันก็นึกว่าของจอร์ดันซะอีก” จอร์จเอื้อมมือหวังแย่งกลับคืนมาแต่จินนี่ไม่ให้ “สงสัยตอบว่าจะไปตรอกไดแอกอน

    วันไหนล่ะมั้ง ฉันถามไปด้วยเมื่อครั้งก่อน อย่ามองกันแบบนั้นสิ --ลูน่าเพิ่งจะขึ้นปีสองเองนะ เธอยังไม่เชี่ยวชาญเรื่องซื้อของที่นั่นหรอก 

    อีกอย่างเธอลองคิดดูสิ ถ้าเราไปวันเดียวกันเธอก็จะได้มีเพื่อนด้วยไงจินนี่ ใช่ไหม”


              จินนี่พยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ เฟร็ด รอน เพอร์ซี่กลับไปนั่งที่ตัวเองเพราะหมดเรื่องสนุกแล้ว

                

              จินนี่ยอมส่งจดหมายคืนให้แล้วมองลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลของพี่ชายตัวเอง ชำเลืองมองดูพี่ชายคนอื่นๆ ก่อนหันกลับมาหา

    พี่ชายตัวแสบ เด็กสาวเลิกคิ้วเจ้าเล่ห์ทำปากไม่ออกเสียงว่า “หนูรู้หมดแล้วว่าพี่คิดอะไรอยู่” แล้วเดินไปนั่งโต๊ะสวยๆ ทิ้งให้จอร์จนั่งทึ่มทื่อ

    อยู่กับจดหมายของเขา

                

              กระทั่งมีเสียงของแม่ลอยมาจากในครัว “ลุกขึ้นแล้วไปล้างเนื้อล้างตัวซะ จะคลุกโคลนเป็นหมูเลยหรือไงกัน!”

                

              จอร์จลุกขึ้นไปล้างตัวตรงสายยางข้างๆ บ้าน แล้วเก็บจดหมายไว้แอบอ่านตอนดึกเวลาเฟร็ดหลับไปแล้ว


              เมื่อครั้งที่จอร์จส่งไปให้ลูน่าครั้งแรกหลังกลับมาจากอียิปต์ เขาได้วาดรูปพีระมิดส่งไปให้ด้วย ครั้งนี้ดูเหมือนลูน่าไม่รู้จะวาดอะไร

    ส่งกลับมาดีเลยวาดตัวโนม พร้อมคำอธิบายว่ามันคือโนมตัวสุดท้ายในสวนที่บ้านส่งมาให้แทนในท้ายกระดาษ ล่างคำตอบที่ตอบเขา

    ว่าจะไปซื้อของที่ตรอกไดแอกอนเมื่อไร

                

              วันศุกร์นี้...ก็วันเดียวกันสิ!


              จอร์จพับกระดาษเก็บใส่ซองด้วยความดีใจแล้วเก็บไว้ในลิ้นชักอย่างทะนุถนอมราวกับผ่านไปสักวันสองวันรูปภาพตัวโนมนั้น

    จะเปลี่ยนเป็นรูปกระต่ายขนปุยน่ารักอย่างไงอย่างงั้นแล้วรีบเข้านอนหวังให้ถึงวันศุกร์เร็วๆ



    - Talk -


              ด้วยความที่ตัดใจทิ้งบางฉากไม่ลง มันก็เลยจะค่อนข้างยาวและยืดไปนิด(หรือไม่นิด)อย่างที่เห็นนะคะทุกคน เพราะตอนปิดเทอมปีนี้

    ไม่ได้มีอะไรมากเลยจับช่วงปิดเทอมสองเดือนมารวมๆ กันไว้ในตอนเดียวไปเลย ตอนนี้ลูน่าโผล่มาแค่ชื่อกับจดหมายที่จอร์จทุ่มสุดตัว

    จนหัวทิ่มลงบ่อโคลน แต่ตอนหน้าจอร์จจะได้เจอหน้าน้องสมใจแล้วว >_<

     

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×