ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] Captain [Colin x OC] [END]

    ลำดับตอนที่ #7 : 7 ll Love Potion

    • อัปเดตล่าสุด 26 เม.ย. 64



    7


    Love Potion


     


              คืนวันแห่งความสงบสุขกำลังจะผ่านพ้นไปแต่ไม่ใช่สำหรับคาเรน เด็กสาวแอบย่องลงบันไดหอนอนหญิงพร้อมกับปากกาขนนก

    และสมุดจดกลยุทธ์ควิดดิชในมือ เธอไม่อยากรบกวนเพื่อนร่วมห้องที่กำลังหลับใหลด้วยแสงจากตะเกียงที่อาจไปแยงตา เลยเอาตัวเอง

    ออกมาแล้วไปใช้สมองให้เต็มที่แบบไม่ต้องระแวงที่ห้องนั่งเล่นรวมคงดีกว่า โดยที่ไม่รู้เลยว่าสิ่งที่รออยู่ข้างหน้านอกจากจะขัดขวาง

    ไม่ให้เธอคิดแผนยังทำให้เธอตื่นเต็มตาอีกต่างหาก!

                

              ที่ห้องนั่งเล่นรวมมีพ่อมดหนุ่มชื่อคอลินกำลังนั่งง่วนอยู่กับของบนโต๊ะท่ามกลางแสงสลัวจากเตาผิง บนนันมีกล้องคู่ใจ

    ที่เอามาเช็ดเลนส์กล้อง ขนมทาร์ตน้ำตาลข้นที่แอบไปขอจากห้องครัวมาและกล่องพัสดุเล็กจิ๋วอีกหนึ่งกล่องจากเฟร็ดกับจอร์จ วีสลีย์

    ที่เพิ่งมาส่งถึงมือเขาตอนหัวค่ำนี้เอง


           คอลินเก็บความลับนี้มานานกระทั่งถึงเวลาเปิดกล่องคนเดียวในยามวิกาล ก่อนหน้านี้ที่ฮอกส์มี้ดเขาเคยขอคำปรึกษาเรื่อง

    จะจีบคาเรนยังไงดีกับฝาแฝดผมแดง พวกเขาบอกว่าจะเก็บเอาไปคิดจนในที่สุดพวกเขาก็ส่งกล่องนี่มา


              ตอนแรกคอลินคิดว่ามันคงหรือควรจะเป็นจดหมาย ทว่าพอแกะกล่องดูกลับมีขวดแก้วเล็กจิ๋วรูปหัวใจ ข้างในบรรจุของเหลวสีชมพู 

    -- ไม่ใช่ความผิดเขาที่คิดว่ามันคือน้ำหอมเพราะไม่มีแม้แต่ฉลากกำกับว่ามันคืออะไร เด็กหนุ่มเปิดจุกขวด เอาขวดเข้ามาจ่อใกล้จมูก 

    สูดดมควันจางๆ ที่ลอยขึ้นมาเป็นรูปหัวใจสีชมพูฟุดฟิด น่าแปลกที่น้ำหอมนี้ไม่มีกลิ่น


           ตอนนั้นเองที่จู่ๆ เดนนิสย่องเข้ามาจากข้างหลังแล้วแกล้งพี่ชายให้ตกใจ


              “ทำอะไรน่ะ!!


              คอลินสะดุ้งเฮือกเผลอทำน้ำในขวดหกไปเกือบครึ่ง “ตกใจหมด เดนนิส!


           “ก็ฉันไม่เห็นพี่ที่ห้องนอน แล้วนี่มาทำอะไรอยู่คนเดียวล่ะ อ๋อ แอบมากินขนมนี่เอง” ว่าแล้วเดนนิสก็เอื้อมมือมาหยิบทาร์ตน้ำตาลข้น

    ที่เหลืออยู่ชิ้นเดียวบนโต๊ะเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย


           คอลินรีบเก็บขวด(ที่คิดว่าเป็นน้ำหอม)เก็บใส่กล่องตามเดิมแล้วยัดใส่กระเป๋า “พี่ง่วงแล้ว ขึ้นไปนอนก่อนนะ ฝันดี”


           “พี่คอลิน”


           คนถูกเรียกหมุนตัวกลับมา “หือ?”


           “พี่หล่อถึงขนาดนี้แถมเป็นคนดีขนาดนั้นทำไมคาเรนถึงไม่ชอบพี่กันนะ”


           “หา?” คอลินงงเป็นไก่ตาแตก รู้สึกขนลุกถึงต้นคอกับคำพูดแปลกๆ ที่เดนนิสมาบอกเอาในเวลานี้ น้องชายของเขากำลังก้าวมาหา

    เรื่อยๆ ด้วยท่าทางราวกับล่องลอย แววตาฉ่ำเยิ้มดูไม่เป็นตัวของตัวเองและดูไม่เป็นมิตรในสายตาพี่ชาย


           “ไม่ยุติธรรมเลยที่ฉันเห็นพี่หล่ออยู่แค่คนเดียว” ไม่ว่าเปล่า เดนนิสยังยกมือมาจับแก้มอีกฝ่ายแล้วมองด้วยความหลงใหล


              “ไม่ใช่แล้วเดนนิส นายละเมออยู่รึ ตื่นเดี๋ยวนี้นะ” คอลินสั่ง เขย่าตัวปลุกเดนิสให้ตื่นขึ้นจากฝันหรืออะไรสักอย่าง แต่ก็ไร้วี่แวว

    ว่าจะกลับมาเป็นปกติ จู่ๆ เดนนิสก็เข้ามากอดเข้าแน่น “อ๊ากกกก!”    


           คอลินร้องลั่นห้องนั่งเล่นรวมพอดีกับประตูฝั่งหอนอนหญิงที่เปิดออกมาพอดี คาเรนควักไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาในท่าเตรียมพร้อม

    เพราะคิดว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลกำลังบุกรุกเข้ามาในหอคอย -- เวลานี้เธอยังไม่เห็นปีศาจสักตัว จะมีก็แต่คอลินวิ่งหน้าตื่น

    มาหลบหลังเธอแล้วเกาะไหล่ไว้แน่นทำเอาเด็กสาวต้องเพ่งสายตามองหาสิ่งที่ทำให้คอลินหนีมา  


              “อะไร! อะไร! มีอะไรกัน เกิดอะไรขึ้น” เธอถามคอลิน จังหวะนั้นพลันเหลือบไปเห็นเดนนิสด้วยอีกคน  


           “ช่วยฉันด้วยคาเรน อยู่ดีๆ เดนนิสก็คลั่งไคล้ฉันขึ้นมา”


           “หา?”


           “เดนนิสเป็นอะไรก็ไม่รู้” คอลินว่าพลางใช้คาเรนเป็นเกาะกำบังระหว่างตัวเองกับน้องชาย


           “แล้วก่อนหน้านี้เดนนิสไปทำอะไรมา”


           “ฉันไม่รู้ -- อ้อ เขากินทาร์ตน้ำตาลข้นของฉันบนโต๊ะนั่น แต่ฉันว่ามันไม่มีอะไรหรอก”


           คาเรนเดินไปทางโต๊ะที่คอลินชี้โดยมีเจ้าตัวตามติดมาด้วย เธอมองหาร่องรอยของอาการก็เห็นขวดรูปร่างคุ้นตาเหมือนเคยเห็นที่ไหน

    มาก่อน ที่เดียวที่ผุดขึ้นมาในหัวคือร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์... “นายเป็นคนใส่ยานั่นให้เดนนิสกินเหรอ”


           “ฉันเปล่านะ มันเป็นอุบัติเหตุ -- เดี๋ยวก่อน นั่นไม่ใช่น้ำหอมหรอกหรือ”


           คาเรนยืนนิ่ง หันไปจับตัวเดนนิสแล้วดันให้เข้าไปในหอนอนชาย เสกคาถาล็อกกลอนแล้วหันมาคว้าไหล่คอลินให้สบตาเธอตรงๆ 

    “นายจะเอายาเสน่ห์ไปใส่ใคร”


              “ฉันเปล่า...นั่นยาอะไรนะ?!


           ยาเสน่ห์ปลูกรักจากร้านของพวกวีสลีย์ แค่ดูผลก็รู้แล้วนี่”


           “ฉะ...ฉันไม่รู้ว่ามันคือยาเสน่ห์ จริงๆ นะสาบานได้”


           เธอยอมปล่อยมือเพราะไม่เห็นแววโกหกจากแววตาและน้ำเสียง “งั้นก็รู้ซะสิ” เธอยกมือนวดหว่างคิ้ว “ใครเป็นคนส่งมา”


           “จอร์ -- ไม่รู้สิ”


           คาเรนจ้องตาคนตัวสูงกว่า แต่เขาหลบตาไม่ยอมปริปากพูดอะไรอีก 


           “ช่างเถอะ ตอนนี้นายควรพาเดนนิสไปหาศาสตราจารย์ซลักฮอร์น”


           “ดึกขนาดนี้แล้ว ไม่เอาหรอก”


           “นายจะปล่อยให้เดนนิสเป็นยังงี้ได้ไง -- ไม่งั้นก็ไปหาศาสตราจารย์สเนป เลือกเอาก็แล้วกันระหว่างอาจารย์สองคนกับเดนนิส

    ที่จะตามติดตัวนายไปตลอด ฉันไปล่ะ”


           คอลินคว้าแขนรุ่นน้องหมับ “อย่าปล่อยให้ฉันอยู่กับเดนนิสสองคนนะ”


           “น้องชายนายเองนะ จะไปกลัวอะไร”


           “ไม่ นี่ไม่ใช่น้องชายที่ฉันรู้จัก เธอไปด้วยกันหน่อยสินะ”


           “ถ้าฉันไปด้วยฉันจะไปหาศาสตราจารย์สเนป”


           “ไม่เอา” คลินตอบทันควัน แค่คิดถึงใบหน้าน่าเกรงขามที่มองมาเพราะไปปลุกเขาเวลากลางดึกแบบนี้ก็ขนลุกซู่แล้ว


           ขณะที่คาเรนเองก็มีเหตุผลที่ไม่อยากไปเจอหน้าซลักฮอร์นตอนนี้เหมือนกัน


           “งั้นฉันไปนอนละ”


              “อย่าทิ้งฉันไปเลยนะ” คอลินพยายามรั้งเธอไว้สุดฤทธิ์ “ฉันจะตั้งใจซ้อมควิดดิช อยู่ซ้อมเกินเวลาซ้อมสองชั่วโมงเลยก็ได้เอ้า!


           ข้อเสนอนั้นล่อตาล่อใจกัปตันยิ่งนัก แต่สายตากับน้ำเสียงอ้อนวอนนั่นทำให้คาเรนพ่ายแพ้ยิ่งกว่าจนตัวเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน 

    อยู่ดีๆ ใบหน้าก็ร้อนผ่าวอย่างไม่มีเหตุผล เธอแกะมือคอลินที่เกาะแขนตัวเองออกพลางถอนหายใจที่สุดท้ายใจอ่อนจนได้


           “ก็ได้ ฉันจะไปด้วย”


           คาเรนเปิดประตูให้เดนนิสออกมาหาพี่ชาย คอลินปล่อยให้เดนนิสได้กอดเขาเพราะฤทธิ์ยาที่ทำให้ชอบพี่ชายจนเกินเหตุ

    ทว่ามือคอลินนั้นไม่ยอมปล่อยออกจากแขนเสื้อคาเรนแม้แต่วินาทีเดียวราวกับกลัวว่าเธอจะหายไปจากเขา


           ระยะทางจากหอคอยกริฟฟินดอร์ไปถึงห้องของซลักฮอร์นช่างไกลสิ้นดีเมื่อมีเดนนิสอยู่ในสภาพนี้จนคาเรนเริ่มหมดความอดทน 

    เธอหันไปถามคอลิน   


              “จะว่าอะไรไหมถ้าฉันใช้คาถาเพ็ตตริฟิคัส โททาลัสกับเดนนิส


           “ได้เลย”


           คาเรนดึงไม้กายสิทธิ์ออกมาร่ายคาถาใส่เดนนิสทำให้ทั้งขาทั้งแขนเขาแนบชิดติดกันราวกับเป็นหินก้อนหนึ่ง เมื่อแน่ใจแล้ว

    ว่าจะไม่ก่อกวนอีกก็ช่วยกันแบกไปยังหน้าห้องทำงานของซลักฮอร์น


           หลังรอราวห้านาที ประตูสวรรค์ก็เปิดรับพร้อมกับศาสตราจารย์ซลักฮอร์นที่โผล่หน้าออกมาในชุดนอน


           “ขอโทษค่ะศาสตราจารย์ที่พวกเรามารบกวนตอนดึกๆ แบบนี้ แต่พวกเรามีเรื่องให้ช่วยน่ะค่ะ”


           เมื่อเจรจาสำเร็จก็ถึงเวลารักษาหรือเรียกให้ถูกคือถอนยาออกจากตัวเดนนิสซะก่อนที่คอลินกับคาเรนจะเสียสติไปมากกว่านี้


           คาเรนนั่งกอดอกตรงเก้าอี้นวมมองดูเดนนิสที่กำลังโดนกรอกยาใส่ปากอยู่บนโซฟายาวตัวหนึ่งตรงกลางห้องโดยมีคอลินคอยดู

    อยู่ไม่ห่าง พริบตาเดียวเดนนิสก็กลับมาเป็นคนเดิม


           “ฉันมาทำอะไรที่นี่?” เดนนิสถาม มองคนในห้องสลับกันไปมา


              “เธอโดนยาเสน่ห์น่ะสิ พ่อหนุ่ม!” ซลักฮอร์นตอบก่อนหันไปเก็บอุปกรณ์ปรุงยา “ทีหลังอย่าไปกินอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าล่ะ”


           วินาทีแรกที่ได้ยินคำตอบ สายตาเดนนิสก็พุ่งไปที่คาเรนทันที “เมื่อกี้นี้ฉันหลงรักเธอหรือ”


              “ขอละ อย่ามองฉันอย่างงั้น ฉันไม่ได้พิศวาสใครทั้งนั้นล่ะ นายหลงรักคอลินต่างหาก ส่วนฉันก็แค่แจ็คพอตมาเจอนายสองคน

    ถูกจังหวะพอดี”


           เดนนิสกะพริบตาปริบๆ ในหัวประติดประต่อเรื่องเอาเอง ในเมื่อพี่คอลินเป็นคนใช้ยาเสน่ห์แถมคาเรนก็อยู่ด้วย...


           “อ๋อ” เดนนิสทำเสียงว่าเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้วก่อนขมวดคิ้วยุ่งใส่คอลิน “ทำแบบนี้มันผิดนะพี่ --”


           คอลินรีบเอามือตะครุบปากเดนนิสก่อนที่เจ้าตัวจะโพล่งอะไรผิดๆ ออกมา


           “อย่าเพิ่งเข้าใจผิด เรื่องนี้พี่อธิบายให้นายฟังได้แน่”


           คาเรนกระแอม “แล้วจะอธิบายให้ฉันฟังด้วยได้ไหม ไหนๆ ฉันก็ต้องลืมตาตื่นถ่อมาถึงนี่ด้วยแล้ว”


           “ไม่ได้อยู่แล้ว” คอลินเลิ่กลั่ก เรื่องอะไรจะให้บอกว่าเขาไปขอคำปรึกษาจากฝาแฝดว่าจะจีบเธอยังไงดี แต่แทนที่จะได้จดหมาย

    ดันกลายเป็นยาเสน่ห์ “มันเป็นเรื่องของพวกผู้ชายน่ะ”


           “อ้อ” คาเรนพยักหน้าหงึกหงักและรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกินขึ้นมาทันที “งั้นฉันควรจะไปดีกว่า -- ขอบคุณนะคะ ศาสตราจารย์

    แล้วก็ขอโทษด้วยที่มารบกวนเอาตอนดึกแบบนี้”


           “ประเดี๋ยวก่อนมิสเคลียร์วอเทอร์”


           “คะ?”


           “การบ้านครั้งล่าสุดเธอยังไม่ได้ส่งนะ”


           จนได้สินะ...


           เหตุผลที่คาเรนไม่อยากมาเจอศาสตราจารย์ซลักฮอร์นก็ด้วยเหตุผลนี้นี่แหละ คิดแล้วไม่ผิดว่าต้องโดนทวงการบ้านแน่


           “พรุ่งนี้หนูส่งแน่นอนค่ะ”


           “ดีเลย -- อย่าว่ายังงั้นยังงี้เลยนะ ฉันน่ะเข้าใจดีว่ากัปตันทีมควิดดิชน่ะงานหนักเชียวละ แต่รายงานก็สำคัญไม่แพ้กันเพราะมันจะ

    ทำให้เธอสอบผ่านในระดับส.พ.บ.ส. -- ไม่นานมานี้มิสเตอร์เบรฟลีย์มาขอผลัดเวลาส่งงานเพราะหน้าที่กัปตัน ฉันก็เลยให้อภิสิทธิ์

    ส่งงานช้ากับเธอด้วยเพราะเขาก็มาขอผลัดให้เธอด้วยเหมือนกัน”


           “เบรฟลีย์น่ะหรือคะ”


           “ใช่แล้ว” ซลักฮอร์นยิ้มน้อยๆ ด้วยความภาคภูมิใจในตัวเด็กสลิธีรินอันเป็นบ้านที่เขาเคยอยู่สมัยเรียน “เด็กคนนั้นเป็นเด็กดี

    แล้วก็ขยันเชียวละ ถ้าเขางานไม่ยุ่งคงได้เข้าสโมสรซลักไปแล้ว แต่น่าเสียดายที่ฉันรู้ข่าวมาว่าเขาถูกพักไม่ให้ลงแข่งควิดดิชตลอดปีนี้”


           “เขาถูกพักหรือคะ”


           “ถูกต้อง ฉันรู้มาจากศาสตราจารย์มักกอนนากัลนี่แหละ ว่าแต่การบ้านของเธอล่ะ”


           “เอ่อ...พรุ่งนี้หนูส่งแน่ๆ ค่ะ อาจารย์”



           นับเป็นเรื่องดีของการมาหาซลักฮอร์นครั้งนี้ที่ได้รู้ว่าในที่สุด คาเมรอน เบรฟลีย์ ก็ได้รับบทลงโทษอะไรบ้างกับสิ่งที่ทำเอาไว้ 

    ระหว่างเดินกลับหอคอยเลยยิ้มแย้มไปตลอดทาง


           คอลินเองก็ดีใจแต่เรื่องที่เขาเพิ่งได้รู้นั้นดึงความสนใจเขามากกว่า


           “เป็นเด็กหลังห้องไปตั้งแต่เมื่อไรน่ะ”


           คาเรนเอาลูกอมมะนาวเข้าปากแล้วส่งเปลือกให้คอลินโทษฐานที่ถามอะไรไม่เข้าหู “ฉันเป็นเด็กส่วนไหนของห้องแล้วนาย

    มีส่วนได้เสียอะไรด้วยหรือ?”


           “ก็ไม่เชิง”


           “ถ้าอยากให้ฉันเป็นเด็กหน้าห้อง งั้นก็ตั้งใจซ้อมควิดดิชไม่ให้ฉันต้องเป็นห่วงว่านายจะถูกเก็บระหว่างลงแข่งสิ ฉันจะได้เอาเวลา

    คุมนายซ้อมไปทำการบ้าน”


           “เธอเป็นห่วงฉันหรือ”


           “ฉันเป็นห่วงลูกทีมทุกคน แต่ที่เป็นห่วงนายมากที่สุดเพราะได้ข่าวมาว่าแผนอีกสองทีมที่จะแข่งด้วยคือเก็บนายเป็นคนแรก”


           คอลินอึ้งไปชั่วขณะ “แหม ได้ฟังแล้วรู้สึกฮึกเหิมดีจัง”


           “ใช่ไหมล่ะ”


           “นี่ แล้วการบ้านของซลักฮอร์นเธอจะทำยังไง เธอทำเสร็จแล้วใช่ไหมถึงได้รับปากเขาอย่างงั้น”


           “ยังไม่ได้ทำเลยถูกกว่า ฉันว่าจะทำคืนนี้แหละ เสร็จไม่เสร็จนั่นอีกเรื่องนึง”


           “ทำไมเธอพูดเหมือนขอไปทีงั้นล่ะ”


           “ฉันไม่สนวิชานี้อยู่แล้ว -- ต่อให้พรุ่งนี้ถอนวิชานี้ออกจากตารางเรียนยังได้ แต่ก็ต้องทนฟังแม่บ่นหน่อยล่ะนะ ดีไม่ดีพวกเราอาจ

    ได้ฟังจดหมายกัมปนาทจากแม่ฉันในเช้าวันถัดไปเลยก็ได้ใครจะไปรู้”


           “แม่เธออยากให้เรียนวิชานี้เหรอ”


           “ใช่” คาเรนพยักหน้า “แม่คาดหวังว่าฉันจะเรียนเก่งเหมือนพี่สาว -- สาบานได้ ฉันคิดว่าแม่คิดผิดมหันต์”


           “คงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง”


           “ขนาดนั้นเลยแหละ แม่ผิดหวังในตัวฉันตั้งแต่รู้คะแนนสอบว.พ.ร.ส. ของฉันที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินเทียบไม่ติดกับเพเนโลพีพี่สาวคนเก่ง

    ของฉันแล้ว อย่าคิดว่าฉันไม่สนิทกับพี่สาวนะ ฉันรักพี่สาวของฉันมากที่สุดแล้วเพราะพี่เข้าใจในสิ่งที่ฉันเป็น รู้ว่าฉันรักควิดดิชมากกว่า

    หม้อปรุงยา ส่วนพ่อก็ยุ่งอยู่แต่กับงานที่กระทรวง ก่อนหน้านั้นฉันถนัดปรุงยาก็จริง แต่พอฉัน -- พอฉันรู้ว่าแม่อยากให้ฉันเป็นยังไง

    ก็ดันอยากทำตรงข้ามไปซะหมด วิชาปรุงยาปีหลังๆ เลยห่วยแตก ฉันก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน”


           “แต่เธอเก่งควิดดิชจะตายไป”


           “เก่งไปแม่ก็ไม่สนหรอก ที่แน่ๆ คือแม่ฉันไม่สนับสนุน แล้วฉันมีสิทธิ์ขัดใจอะไรได้ซะที่ไหน ในเมื่อเงินสำหรับค่าใช้จ่ายทุกอย่าง

    ของฉันยังต้องพึ่งครอบครัวอยู่ -- ฉันนับถือฝาแฝดวีสลีย์มากนะ อย่างน้อยพวกเขาก็ยังหารายได้ตอนเรียนอยู่ได้ ในขณะที่ตัวฉันเองจะไป

    ฮอกส์มี้ดแต่ละทียังคิดแล้วคิดอีก กว่าฉันจะเป็นอิสระก็ตอนทำงานนู่นล่ะ แต่ก็คงเป็นงานที่แม่ปักธงบอกทางเอาไว้ให้ฉันเดินตามไปอยู่ดี”


           “เธอไม่จำเป็นต้องคิดอย่างนั้นนะ รู้ไหม เธออยากเป็นนักกีฬาควิดดิชไม่ใช่เหรอ พิสูจน์ให้พวกเขาเห็นสิว่าเธอมีทางเลือกของตัวเอง 

    แล้วเธอก็ทำได้ดีด้วย แม่เธอไม่สนับสนุนก็ปล่อยเขาไปก่อน ยังไงเธอก็มีแฟนคลับคอยเชียร์อยู่แล้ว”


           “ไหนล่ะ”


           “ตรงหน้าเธอนี่ไง!” คอลินตอบอย่างกระตือรือร้น ดวงตาเป็นประกายวิบวับ “เธออยากเข้าทีมอะไรว่ามา วันที่เธอไปคัดตัวเข้าทีม 

    ฉันจะไปตะโกนเชียร์ข้างสนามเอง จะเอาป้ายเชียร์อันใหญ่ไปด้วย”


              “ฉันอยากเข้าทีมโฮลี่เฮดฮาร์ปีส์ แต่ก็นะ ฉันว่านายมาไม่ได้หรอก”


           “ได้สิ”


           “นายมีงานต้องทำนะตอนนั้นน่ะ”


           “หายห่วง ฉันตั้งใจจะเป็นช่างภาพอิสระ เธอมีคัดตัววันไหน ฉันจะไม่รับงาน มันก็แค่นี้”


           คาเรนมองเขานิ่งๆ “ถามหน่อยได้ไหม งั้นทำไมนายถึงอยากเล่นควิดดิชทีมบ้าน”


              “ฉันชอบควิดดิช มันเริ่มมาฉันคิดว่าคนที่เล่นควิดดิชเก่งๆ มีเสน่ห์อะไรบางอย่างให้ฉันอยากมองไปตลอดทั้งวัน” คอลินมองสบตา

    อีกฝ่ายเพราะเธอเองนั่นแหละที่เป็นสาเหตุให้เขาคิดอย่างนั้น


           แต่คาเรนหลบตาไปซะเฉยๆ แล้ววกกลับเข้าเรื่องเดิม “ตอนฉันไปคัดตัวเข้าทีมอาชีพฉันขอป้ายเชียร์สีแดงมีตัวหนังสือสีเหลือง

    ก็แล้วกัน เวลามองจะได้รู้สึกเหมือนอยู่ฮอกวอตส์ จะได้ไม่ตื่นเต้นเกินไป”


              “ได้เลยกัปตัน! ได้ตามคำขอแน่นอนส่วนการบ้านของเธอคืนนี้ฉันจะช่วยเอง” 


           เดนนิสกระแอมแล้วพูดแทรกขึ้นมาด้วยความเกรงใจ “เอ่อ ฉันพูดได้หรือยัง”


           “อ้าว อยู่ด้วยเหรอ” คอลินหันไปมองก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีน้องชายเดินตามมาด้วย “ว่ามาสิ”


           “พวกเราเดินเลยทางเข้าหอคอยมาไกลแล้ว”


           ทั้งสามเดินย้อนกลับไปทางหอคอยกริฟฟินดอร์ ระหว่างนั้นคาเรนแอบได้ยินคอลินพึมพำกับตัวเองว่า “ป้ายแดงตัวหนังสือเหลือง 

    ป้ายแดงตัวหนังสือเหลือง”


           ทำเอาคาเรนอมยิ้มแถมใจเต้นตึกตักจนกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน เลยรีบเดินนำสองพี่น้องกลับเข้าห้องนั่งเล่นแล้วไม่โผล่หน้า

    ให้คอลินเห็นอีกเลยตลอดคืนนั้น... 


                

              วันหยุดคริสต์มาสใกล้มาเยือนเต็มที ทั่วทั้งปราสาทไม่ว่าจะเหล่าวิญญาณ บรรดาผู้คนในรูปภาพบนกำแพงหรือพ่อมดแม่มดน้อย

    ต่างก็ร้องเพลงกันอย่างมีความสุขต้อนรับเทศกาล วันหยุดก่อนปิดเทอมแรก   


              “คาเรนล่ะ โจซี่” คอลินถามรุ่นน้องที่เพิ่งกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่นรวมกริฟฟินดอร์เพื่อเก็บของเตรียมกลับบ้าน

                

              “วางแผนควิดดิชอยู่ข้างบนแน่ะ” เมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังจากคนถามเลยถามกลับ “มีอะไรรึเปล่า ฝากฉันไปบอกได้นะ”


           “ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรหรอก ขอบใจนะ”


           โจซี่พยักหน้าหงึกๆ เดินหายลับเข้าประตูหอนอนหญิง ก้าวขึ้นบันไดไปจนถึงห้องที่มีป้ายบอกว่าสำหรับนักเรียนปีหกพลาง

    เปิดประตูเข้าไป เพื่อนสนิทที่พ่วงด้วยตำแหน่งกัปตันกำลังนั่งง่วนคิดไม่ตกอยู่บนเตียงกับม้วนกระดาษที่มีแผนควิดดิชตรงหน้า 

    คาเรนเคาะปากกาขนนกกับหน้าผากแล้วก็เป็นอันต้องกุมขมับล้มพับไปซุกหน้าอยู่บนหมอน


           “ฉันจะทำยังไงดีโจซี่ แข่งกับฮัฟเฟิลพัฟไม่ใช่ง่ายๆ เลยนะ ถ้าเราแพ้อีกมีหวังอดฝันถึงถ้วยรางวัลแน่เลย”


           “ทำใจให้สบายเถอะน่า เหลือเวลาอีกตั้งเป็นเดือนกว่าจะถึงวันแข่ง ตอนนี้เธอน่าจะไปสนุกกับหน้าหนาวให้สมกับช่วงเทศกาลนะ 

    คนที่จัดของใส่หีบไม่เสร็จอย่างฉันยังต้องเครียดมากกว่าอีก  น่าอิจฉาเธอชะมัดที่เก็บของเสร็จตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เออนี่ เมื่อกี้มีหนุ่ม

    ถามถึงเธอแน่ะ”


           “ใคร” ถึงปากจะถามแต่หัวไม่ได้คิดตามเลยสักนิด


           โจซี่เข้ามาคว้าปากกาขนนกออกไปจากมือคาเรนเพื่อดึงความสนใจ “ทายซิ”


           “ใครสักคนที่อยากเข้าทีมควิดดิชเลยอยากมาปรึกษา”


           “ไม่ใช่”


           “วิกเตอร์? เมื่อวานก่อนเขาเพิ่งมาปรึกษาฉันเรื่องไม้กวาดด้ามใหม่”


           “ไม่ใช่สิ โธ่เอ๊ยคาเรนของฉัน คอลินต่างหากที่ถามหาเธอ”


           “อ้อ แล้วเขามีธุระอะไรล่ะ”


           “จำเป็นต้องมีธุระด้วยหรือ” โจซี่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ทิ้งตัวนั่งบนเตียงคาเรน บรรจงหยิบอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับควิดดิช

    ไปไว้ปลายเตียงก่อน “เธอไม่คิดว่าเขาแปลกๆ มั่งเหรอ”


           “ไม่นะ เขาก็ปกติดี”


           “ฉันว่าเขาอยากตีสนิทกับเธอ”


           “มันเรื่องปกติอยู่แล้วนี่ เพราะเราเล่นตำแหน่งบีตเตอร์เหมือนกัน ต้องสนิทกันเข้าไว้สิถึงจะดี”


           โจซี่แทบอยากยกมือตบหน้าผากตัวเอง เธอเอามือประคองหน้าเพื่อนสาวให้จ้องหน้าเธอกลับ “เอาล่ะ แม่โทรลล์น้อยของฉัน 

    ที่ฉันจะสื่อคือคอลินกำลังจีบเธออยู่”


           “ฉันไม่คิดงั้นหรอก ไม่เห็นเขาจะทำอะไรเหมือนจีบฉันสักนิด”


           “ก็ได้ ตามใจเธอ เอาปากกาขนนกคืนไป ฉันจะไปจัดของต่อละ”


           ครึ่งชั่วโมงต่อมาหิมะเริ่มโปรยปรายลงมานอกหน้าต่าง ระหว่างที่โจซี่กำลังจัดของและคาเรนกำลังวางแผนควิดดิชต่อ 

    นกฮูกโรงนาตัวหนึ่งก็บินมาเกาะหน้าต่างพร้อมจดหมายหนึ่งฉบับในจะงอยปากของมัน โจซี่รู้ว่าเพื่อนของเธอไม่ทันได้สนใจมองแน่

    เลยเป็นฝ่ายลุกขึ้นไปรับจดหมายแทน ชื่อผู้รับจดหมายบนกระดาษที่ถูกพับครึ่งทำเอาเธอยิ้มกรุ้มกริ่ม


           “จดหมายถึงเธอแน่ะ แม่โทรลล์น้อย”


           “เลิกเรียกฉันโทรลล์น้อยเถอะน่า ฉันไม่ได้ทึ่มนะ” คาเรนทำหน้ามุ่ยแต่ก็ยอมรับจดหมายไปโดยดี


           “ฉันแนะนำว่าเธอควรเอาเวลาบ่นไปรีบเปิดอ่านจดหมายดีกว่า ถ้าให้ฉันเดาคงมีคนคิดถึงเธอแย่แล้ว”


           คาเรนทำมือให้โจซี่กลับไปสนใจงานของตัวเองก็แทนที่จะมาหยอกล้อเธอเล่น จดหมายในมือเธอนั้นไม่ใช่จากคนที่บ้าน 

    หากแต่เป็นจดหมายที่เพิ่งถูกเขียนขึ้นด้วยลายมือไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้แล้วก็ส่งมาถึงมือเธอจากหน้าต่างห้องนั่งเล่นรวมมาถึงชั้นที่เธออยู่



           ไปเดินเล่นรอบปราสาทกันคุณกัปตัน! พวกเขาตกแต่งไว้สวยเกินกว่าที่เธอจะเอาแต่นั่งเครียดอยู่ในห้องนอนนะ 

    ถึงควิดดิชจะเป็นชีวิตจิตใจ เป็นงานอดิเรกหรืออะไรก็ตามสำหรับเธอแต่อย่างน้อยลองหยุดพักในช่วงเวลาแบบนี้ วางปากกาขนนก 

    ละสายตาจากม้วนกระดาษที่มีแผนควิดดิชแล้วออกมาเดินผ่อนคลายให้ปมตรงหว่างคิ้วนั่นได้คลายบ้างน่าจะดีกว่า


    ถ้าเธออยากไปฉันจะรออยู่ที่ห้องนั่งเล่นรวมนะ

    คอลิน



              “ฮันแน่ เห็นนะว่ามีคนแถวนี้กำลังอมยิ้มอยู่”


    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×