ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] Captain [Colin x OC] [END]

    ลำดับตอนที่ #6 : 6 ll Butterbeer

    • อัปเดตล่าสุด 22 เม.ย. 64



    6


    Butterbeer




              “ฉันได้คุยกับมิสเตอร์ครีฟวีย์ น้องชายของเธอแล้ว” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดเสียงเรียบกับคอลินและคาเรนที่นั่งตัวแข็งทื่อ

    อยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะในห้องทำงานของเธอ ดวงตาเบื้องหลังแว่นสี่เหลี่ยมมองเด็กนักเรียนทั้งสองทว่าไม่มีใครกล้าสบตากลับมาสักคน


              คอลินออกจากห้องพยาบาลได้แล้วแม้ยังมีร่องรอยบอบช้ำหลงเหลืออยู่บนหน้าเขานิดหน่อย สภาพจิตใจกลับมาเป็นคอลิน

    คนร่าเริงคนเดิมเพราะตลอดเวลาที่นอนติดแหง็กอยู่บนเตียงผู้ป่วย เวลาที่คาเรนไม่มีเรียนมักจะแวะมาคุยกับเขาเสมอ...แบบที่ไม่ใช่

    เรื่องควิดดิชด้วย! แค่นี้คอลินก็มีความสุขกับพัฒนาการเล็กๆ น้อยๆ นี้แล้ว -- แต่ตอนนี้ต่อให้อยากร่าเริงก็ร่าเริงไม่ออก 

    เขาต้องมาฟังบทลงโทษจากศาสตราจารย์ประจำบ้านเรื่องที่ไปทะเลาะกับพวกคาเมรอนเมื่อหลายวันก่อน


           “อาจารย์เชื่อเดนนิสใช่ไหมครับ”


           มักกอนนากัลจ้องคอลิน “ในฐานะอาจารย์ ฉันเป็นคนที่ยุติธรรมกับทุกฝ่ายเสมอ แต่ในกรณีนี้ฉันเชื่อน้องชายของเธอ 

    แต่ฉันไม่เข้าใจว่าพวกเธอคิดอะไรกันอยู่ถึงได้เข้าไปมีเรื่องกับมิสเตอร์เบรฟลีย์ โดยเฉพาะเธอ มิสเคลียร์วอเทอร์”


           คาเรนรู้สึกฉุนขึ้นนิดๆ กับคำถาม “พวกนั้นเขามาแกล้งเด็กบ้านกริฟฟินดอร์ก่อนค่ะอาจารย์ เดนนิส ครีฟวีย์” เธอชี้ไปที่คอลิน 

    “น้องชายของเขาโดนกระทำก่อนแล้วหนูก็ยอมรับผิดว่ามีเรื่องส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวกับเดนนิสด้วย หนูกับเบรฟลีย์ไม่ถูกกันก็จริง 

    แต่ที่ทำให้หนูทนไม่ได้เพราะเขาทำกับลูกทีมของหนู ตั้งแต่ควิดดิชนัดที่ผ่านมาแล้ว ถ้าพวกเขาไม่เล่นขี้โกงเราก็คงชนะไปแล้วค่ะ  

    ล้วยังมีเรื่องเดนนิสเพิ่มเข้ามาอีก”


           “แค่นี้น่ะหรือ”


           “หนูไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องแค่นี้นะคะอาจารย์ เดนนิสไม่ผิด เขาโดนทำร้ายแถมเขาว่ายน้ำไม่เป็นด้วย ถ้าตอนนั้นจินนี่ไม่บังเอิญ

    ไปเจอเข้าเขาคงจะแย่กว่านี้”


           “แล้วเธอก็เลยทำร้ายเขาคืนบ้างแบบนั้นมันถูกแล้วเหรอ ทำไมไม่ปล่อยให้อาจารย์เป็นคนจัดการ อันที่จริงเธอควรจะเป็นคนห้าม

    มิสเตอร์ครีฟวีย์ด้วยซ้ำ -- ฉันหมายถึงคอลิน ไม่ใช่โต้กลับกับพวกเขา”


           “ที่หนูไม่ห้ามเพราะหนูคิดว่าพวกนั้นสมควรโดนบ้างค่ะ ศาสตราจารย์มักกอนนากัล พวกเขาแกล้งเดนนิส ดูถูกหนู ดูถูกน้องชายเขา 

    แล้วก็พวกเราทุกคน ที่เบรฟลีย์กับอีกสองคนนั่นโดนไปยังน้อยกว่าที่หนูคิดด้วยซ้ำ แถมเบรฟลีย์ยังเรียกคอลินว่า...ว่า...” 

    ดวงตาสีเขียวเหล่มองคอลิน ไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ “ว่า...”


           “เลือดสีโคลนครับ ศาสตราจารย์”


           “เคราเมอร์ลิน” มักกอนนากัลอุทานเบาๆ


           “แต่เขาคงไม่รู้ว่าผมไม่รู้สึกโกรธเขาเพราะคำๆ เดียวหรอกครับ ถึงยังไงเราก็มีเลือดสีแดงเหมือนกันทุกคน -- เรื่องที่เกิดที่ทะเลสาบ

    ผมเป็นคนเริ่มเพราะโมโหที่น้องชายโดนกระทำก่อนทั้งที่ผมควรจะบอกอาจารย์แต่ผมกลับเข้าไปต่อยเขา สำหรับบทลงโทษ

    ผมขอรับผิดเองคนเดียวครับ ศาสตราจารย์มักกอนนากัล”            


           คาเรนหันมองขวับ “ได้ยังไง ฉันทำผิดกฎมากกว่านายตั้งเยอะ”

                

              ทว่าคอลินหาได้สนใจรุ่นน้องข้างตัวไม่ เขายังคงมองตรงไปยังอาจารย์ประจำบ้าน “ผมเริ่มก่อนเพราะผมอยากแก้แค้นให้เดนนิส 

    แต่ผมพลาดคาเรนก็เลยเข้ามาช่วยผมแทน”

                

              ศาสตราจารย์มักกอนนากัลยกมือนวดหว่างคิ้วอย่างใช้ความคิด เธอถอนหายใจ “ยังไงก็แล้วแต่ พวกเธอจะถูกหักคะแนน

    คนละห้าคะแนน ใช่แล้ว ฉันหักคะแนนบ้านตัวเอง และพวกเธอจะถูกกักบริเวณด้วยกันทั้งคู่ ถึงฉันจะไม่อยากทำแต่พวกเธอก็ต้อง

    ถูกลงโทษกับสิ่งที่ทำผิดในส่วนของเธอ หวังว่าเธอจะเข้าใจ คืนนี้ศาสตราจารย์สเปราต์กำลังต้องการผู้ช่วยย้ายต้นแมนเดรก

    ไปใส่กระถางใหม่ที่เหลืออยู่พอดี -- มิสเคลียร์วอเทอร์ ฉันขอบอกว่าไม่เคยคิดเลยว่ามันเป็นเรื่องแค่นั้น มิสเตอร์เบรฟลีย์จะถูกหักคะแนน

    และถูกกักบริเวณรวมทั้งมีจดหมายรายงานความประพฤติถึงผู้ปกครองแน่นอน ถ้าอาจารย์ประจำบ้านสลิธีรินไม่เห็นด้วยแล้วเพิกเฉย

    ก็ขอให้พวกเธอรู้ไว้เลยว่าฉันเนี่ยแหละจะเป็นคนไปบอกศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ด้วยตัวเอง แล้วพวกเด็กอันธพาลจะต้องไม่ถูกหักคะแนน

    แค่ห้าคะแนนแน่ฉันสัญญา ที่สำคัญฉันหาหลักฐานที่จะมัดตัวคนผิดในงานแข่งควิดดิชได้แล้ว พรุ่งนี้ฉันจะไปคุยกับมาดามฮู้ช

    ให้ช่วยจัดการ”


           “คุยวันนี้เลยไม่ได้หรือคะ พรุ่งนี้เบรฟลีย์จะได้ไม่ต้องไปฮอกส์มี้ด”


           มักกอนนากัลหรี่ตาจับพิรุธ “มีอะไรกันรึเปล่า”


           “ไม่มีค่ะ” คาเรนตอบทันควันแล้วทำเหมือนไม่ใส่ใจนัก ทั้งที่ความจริงวันพรุ่งนี้คือวันที่เธอจะต้องไปดื่มบัตเตอร์เบียร์กับคาเมรอน 

    ถ้าเขาถูกกักบริเวณเธอจะได้เป็นอิสระ แต่ดูเหมือนความหวังของเธอจะกลายเป็นความหวังลมๆ แล้งๆ ซะแล้ว


            

              แดดร่มลมตกเป็นเวลาที่คอลินกับคาเรนต้องเดินออกจากปราสาทไปยังเรือนกระจกหมายเลขสาม ด้วยท้องที่อิ่มแปล้หลังมื้อเย็น

    จบลง


           คืนนี้ยังอีกยาวไกล ศาสตราจารย์สเปราต์ยืนรออยู่ในเรือนกระจกท่ามกลางแสงสลัวจากตะเกียงที่ตกกระทบกับสีเขียว

    ของบรรดาต้นไม้ให้ความรู้สึกสงบ หากแต่สิ่งที่กำลังรอคอยทั้งสองอยู่นั้นไม่ชวนให้ใจสงบอะไรทั้งนั้น -- มีต้นแมนเดรกเรียงรายนับสิบ

    รอให้เปลี่ยนกระถาง อาจารย์ผู้มีผ้ากันเปื้อนกับหมวกแหลมที่เปื้อนดินอยู่ตลอดเวลายิ้มให้เด็กๆ เธอชี้ไปยังผ้ากันเปื้อนกับที่ปิดหู

    แล้วบอกให้ทั้งคู่เริ่มงานทันที


           แบบนี้ก็ไม่ได้คุยกันเลยน่ะสิ...


           คอลินแอบเหลือบมองรุ่นน้องเป็นระยะ เธอกำลังมุ่งมั่นกับการห่มผ้าเพิ่มความอบอุ่นให้แมนเดรกวัยรุ่นด้วยดินใหม่ๆ 

    จนไม่ได้สนใจเขาเลย เด็กหนุ่มถอนใจกับโชคชะตา ไหนๆ ก็ถูกกักบริเวณด้วยกันแล้วจะเปิดโอกาสให้ได้คุยกันบ้างไม่ได้เลยหรือไงนะ 

    ไหนจะเรื่องฮอกส์มี้ดวันพรุ่งนี้อีก ไม่ช้าเขาก็สะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่าน ตั้งหน้าตั้งตาทำงานของตัวเองต่อให้มันเสร็จเร็วๆ


           เด็กสาวผมบลอนด์ย้ายกระถางให้แมนเดรกเสร็จไปอีกหนึ่งต้น สองมือปัดเศษดินพลางมองด้วยความภูมิใจประหนึ่งเป็นลูกตัวเอง 

    เธอเงยหน้าขึ้นมองดูคอลินบ้าง ใบหน้านั้นดูจริงจังไม่ต่างจากตอนซ้อมควิดดิชสักนิด เธออมยิ้มน้อยๆ ก่อนสะดุดกับรอยช้ำจางๆ 

    ตรงจมูกเขาที่ยังไม่หายดี นึกถึงคาเมรอนแล้วก็โมโห ทำเอาตอนที่วางกระถางใบใหม่ถึงกับกระแทกแรงจนเธอเองยังตกใจ

                

              “เธอไม่น่ามาโดนกักบริเวณด้วยเลย” คอลินบอกกับคาเรนขณะเดินกลับปราสาทด้วยกันตอนเที่ยงคืนพร้อมกับอาการปวดเมื่อย

    ไปทั้งตัว


           “ฉันสิควรต้องโดน ฉันเป็นคนร่ายคาถาใส่พวกนั้น ไม่ใช่นาย แต่ก็อีกนั่นแหละ ถึงยังไงถ้านับว่าเราทำผิดกฎมันก็คือผิดกฎอยู่ดี 

    มาที่เรือนกระจกก็ยังดีกว่าป่าต้องห้ามหรือไม่ก็ต้องกักบริเวณพร้อมกับพวกสลิธีรินละนะ --” คาเรนหยุดชะงักเพราะเห็นเงาของใครบางคน

    นั่งอยู่ในมุมมืดข้างรูปภาพสุภาพสตรีอ้วน เจ้าของร่างนั้นกระตุกเพราะเผลอผล็อยหลับไป พอลืมตาขึ้นเห็นคนสองคนมองเขาอยู่ก็ยิ้มแฉ่ง


           “กลับมากันแล้วหรือ” เดนนิสลุกขึ้นเดินงัวเงียมาหา


           “มานั่งทำอะไรข้างนอกนี่ ตรงนี้หนาวจะตาย ลืมรหัสเข้าหอคอยรึยังไง” คอลินถามพลางหันไปบอกรหัสผ่านกับสุภาพตรีอ้วน 

    รูปภาพบานนั้นเหวี่ยงตัวเปิดออก ทั้งคอลินแล้วก็คาเรนต่างก็ให้รุ่นน้องได้เดินเข้าไปก่อน เวลานี้ห้องนั่งเล่นรวมร้างผู้คน มีเพียงแสง

    กับเสียงไฟลั่นเปรี๊ยะดังมาจากเตาผิง


           “เปล่าหรอก ไม่ได้ลืม” เดนนิสตอบแบบสะลืมสะลือ เขาอ้าปากหาว ยกมือขยี้ตาพลางนำอีกสองคนไปที่โต๊ะหน้าเตาผิงอันอบอุ่น 

    “ก็เป็นเพราะฉัน พวกพี่ถึงได้โดนกักบริเวณ อย่างน้อยอยู่ตรงนั้นจะได้เข้าใจความรู้สึกหนาวเหมือนกันไงเล่า แล้วก็นะ ก่อนหน้านี้ฉันแอบ

    ไปขอขนมทาร์ตน้ำตาลข้นที่ห้องครัวมาให้ มีช็อกโกแลตร้อนๆด้วยนะ แต่ตอนนี้ฉันว่ามันน่าจะอุ่นหมดแล้ว” เด็กหนุ่มมองดูช็อกโกแลตร้อน

    ในแก้วอย่างนึกเสียดาย ถ้ารู้สักนิดว่าพวกพี่จะกลับช้ากว่านี้ก็คงไม่รีบไปเอามาหรอก


           แต่แค่นี้ก็ทำเอาคนโตกว่าสองคนผู้หิวโหยประทับใจมากแล้ว คาเรนคว้าทาร์ตน้ำตาลข้นมากัดหนึ่งคำ ความหวานแผ่ซึมไปทั่วปาก

    จนความสุขมันเอ่อล้นออกมาทางสีหน้า


           “ขอบใจนะ เดนนิส”


              คอลินมองดูคาเรนทำหน้าพริ้มก็สุขใจ ขณะเดียวกันก็เอื้อมมือไปขยี้ผมน้องชายตัวเองด้วยความเอ็นดูปนมันเขี้ยว 


              “นายนี่มันสุดยอดจริงๆ น้องพี่!” ว่าแล้วเขาก็หยิบทาร์ตน้ำตาลข้นในส่วนของตัวเองขึ้นมาแล้วแบ่งครึ่งนึงให้เดนนิสได้กินด้วย



           เช้าแห่งวันน่าเบื่อหน่ายที่สุดของคาเรนมาเยือนในที่สุด เธอกระชับเสื้อโค้ทตัวยาวสีน้ำตาลไม่ให้ลมหนาวพัดเข้ามาปะทะร่าง 

    ฝ่าหิมะโปรยปรายระหว่างมุ่งหน้าไปร้านไม้กวาดสามอันตามเวลานัด


              “ทางนี้!” คาเมรอนยกมือขึ้นโบกสุดแขนเมื่อเห็นเพื่อนต่างบ้านกำลังกวาดตามองหาเขา วันนี้เขาแต่งตัวดูดีเป็นพิเศษด้วยเสื้อโค้ทสีดำ

    ตัดเย็บอย่างดีบวกกับผมที่ตั้งใจเช็ตมาเป็นทรงต่างจากปกติ


              คาเรนนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับคาเมรอน ตำแหน่งที่นั่งเขาเลือกได้เยี่ยมทีเดียวแถมดีเกินกว่าที่จะมานั่งดื่มแบบลวกๆ แล้วแยกย้าย

    กันกลับเสียด้วยซ้ำ แสงแดดอ่อนลอดเข้ามาทางหน้าต่างให้ความอบอุ่นพอดีชวนให้นั่งสบายๆ แม้ข้างนอกจะมีหิมะตกอยู่ก็ตาม 

    เด็กสาวพิจารณาดูคาเมรอนก็พบว่าวันนี้เขาดูดีจริง ข้อนี้เธอไม่เถียง แต่เธอไม่ชอบใจเอาซะเลยเวลาได้ยินเด็กสาวๆ แถวนี้ซุบซิบกัน

    ว่าเธอได้เดตกับกัปตันสุดหล่อจากสลิธีรินทั้งที่พวกเธอหลายคนเคยลองชวนเขาแล้วแต่กลับถูกปฏิเสธกลับมาอย่างไม่ใยดี 

    -- ได้ยินแบบนั้นฉันก็ไม่ดีใจขึ้นมาหรอกนะขอบอก!


              อากาศในร้านไม้กวาดสามอันกำลังอุ่นสบายขณะที่ข้างนอกนั้นหนาวจับใจ ตรงหน้าต่างร้านมีคอลินกับเดนนิสเกาะราวกับเป็นปลิง

    คอยสอดส่องมองหาคาเรน วันนี้คอลินพกกล้องมาด้วย แสงยามเช้าก็สวยไร้ที่ติแต่ไม่มีกระจิตกระใจจะถ่ายรูปตราบใดที่คาเรนยังอยู่กับ

    คาเมรอนสองต่อสองในร้านนั่น!


           เมื่อคืนนี้ระหว่างมีงานเลี้ยงเล็กๆ ที่ห้องนั่งเล่นรวมหลังกลับจากถูกกักบริเวณ ทั้งสามก็นั่งรวมหัวช่วยกันคิดว่าทำยังไงคาเรน

    ถึงจะเลี่ยงออกมาจากคาเมรอนให้เร็วที่สุด -- และแน่นอนว่าสุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว


              กระทั่งเช้านี้เดนนิสเสนอตัวขอดูแลคาเรนอยู่ห่างๆ ให้แทนพี่ชายเพราะกลัวคนพี่จะเจ็บ แต่คอลินปฏิเสธเสียงแข็ง ยืนยันหนักแน่น

    ว่าจะมา(แอบ)ดูให้ได้ต่อให้ต้องช้ำใจจนกระอักเลือดก็จะดู!


           “เผื่อพี่จะช่วยอะไรคาเรนได้บ้างนิดนึงก็ยังดี”


           คนที่มองจากมุมคนนอกมายังคู่กัปตันบ้านงูกับบ้านสิงห์คงจะนึกอิจฉากันไปเป็นแถบๆ กับบรรยากาศละมุนอบอวลไปด้วยรอยยิ้ม

    กระชากใจของคาเมรอนที่กำลังส่งให้คาเรน แต่หากมองจากมุมคนในของคาเรนนั้นช่างอึดอัดสิ้นดีเพราะหนี้แค้นที่คนตรงหน้านี้ทำไว้

    กับลูกทีมที่รักยิ่งของเธอยังไม่ถูกชำระ


           “ไม่ต้องทำเป็นยิ้มชวนขนลุกได้ไหม ที่ฉันมานี่ก็เพราะไม่อยากผิดคำพูดหรอก”


           “รู้แล้วว่ายังไงเธอก็ไม่เปลี่ยนใจลองหันมาคบกับฉัน -- เอ้า ดื่มบัตเตอร์เบียร์สักทีสิ ฉันไม่ใส่ยาเสน่ห์ปลูกรักจากเกมกลวิเศษวีสลีย์

    หรอกนะ ถึงฉันจะอยากลองใช้มันบ้างก็เถอะ”


           มือที่กำลังจะยกแก้วขึ้นดื่มชะงักกึก เด็กสาวขมวดคิ้วเพ่งมองน้ำในแก้วอย่างหวาดระแวง “ลองสั่งซื้อยานั่นมาสิ ฉันจะบอก

    ศาสตราจารย์สเนปแน่”


           คาเรนบอกอย่างมั่นใจ เมื่อสมัยปีหนึ่งถึงปีสามเธอเคยได้คะแนนสูงสุดในชั้นเรียนวิชาปรุงยา ต่อให้ศาสตราจารย์ผู้น่าเกรงขาม

    อย่างสเนปจะมีอคติกับกริฟฟินดอร์แต่ดูเหมือนคาเรนจะเป็นข้อยกเว้นเพราะเธอไม่เคยโดนหักคะแนนจากเขาเลยสักคะแนนเดียว 

    แม้ตอนนี้อะไรๆ ก็เปลี่ยนไปตั้งแต่จะเปลี่ยนคนสอนเป็นศาสตราจารย์ซลักฮอร์นสอนแทน และผลการเรียนปรุงยาของเธอก็ไม่เป็นเหมือน

    เมื่อก่อนก็เถอะ


           “ฉันไม่ขอท้าเธอเรื่องนี้แน่ วางใจได้ว่าฉันไม่ใช้มันกับเธอหรอกน่า จะมีค่าอะไรถ้าเธอรักฉันเพราะยานั่น ไม่แน่นะวันนึงเธออาจ

    ชอบฉันขึ้นมาบ้างก็ได้”


           “ฝันอยู่รึเปล่า ตอนนี้ฉันไม่ร่ายคำสาปใส่นายก็ดีเท่าไรแล้ว”


           “รู้แล้วๆ ฉันรู้ว่าเธอเกลียดฉันเข้าไส้ แต่ตอนนี้ช่วยทำให้เหมือนเรามาเดตกันหน่อยเถอะ ตัดเรื่องความแค้นกับควิดดิชออกไปก่อน

    ไม่ได้หรือไง”


           “ควิดดิชที่นายเล่นสกปรกน่ะหรือ”


           “ฉันเปล่า”


           “แค่ยอมรับมาก็จบ”


           “ก็ได้ฉันยอมรับ แล้วเธอจะทำอะไรได้ล่ะ ตอนนี้ถึงฉันยอมรับเธอก็ทำอะไรไม่ได้แล้วจริงไหม ทีนี้เธอจะตัดเรื่องที่ทำให้เธอไม่พอใจฉัน

    ได้หรือยัง”


           “ก็ได้ ฉันตัดเรื่องควิดดิชออกไปแล้วแต่เรื่องที่นายทำร้ายรุ่นน้องฉันกับรุ่นพี่ฉันไม่ได้ออกไปด้วยหรอกนะ”


           “อะไรกันคาเรน เรารู้จักกันก่อนที่เธอจะได้รู้จักพี่น้องคู่นั้นอีกนะ เธอจะไปโมโหอะไรแทนเขา”


           “เพราะพวกเขานิสัยดีกว่านาย เดนนิสไม่ควรต้องเจอแบบที่นายทำกับเขา คอลินก็ด้วย แล้วก็ไม่ใช่แค่เพราะว่าพวกเขา

    อยู่กริฟฟินดอร์เหมือนฉัน ต่อให้สองคนนั้นอยู่สลิธีรินฉันก็ยังคิดเหมือนเดิม ขอถามหน่อยเถอะ นายมีปัญหาอะไรกับพวกเขานักหนา”


           “กับคนน้องฉันไม่มีอะไรหรอกแต่คนพี่เนี่ยสิ เธอน่าจะมองคนให้ออกหน่อยนะที่รัก หมอนั่นน่ะเข้าทีมเพราะเรื่องอื่น ไม่ได้สนใจหรอก

    ว่าทีมจะแพ้หรือชนะยังไง”


           “เรื่องอะไรล่ะ”


           “จะมีประโยชน์อะไรถ้าฉันบอกไปแล้วเธอก็ไม่เชื่อ เอาเป็นว่าเธออยู่ห่างสองพี่น้องนั่นไว้จะดีกว่า”


           “ถึงตรงนี้แล้วนายไม่บอกก็หมายความว่ามันไม่มีอะไรน่ะสิ ฉันว่านายนั่นแหละที่ฉันควรอยู่ห่างให้มากที่สุด”


           “เธอไว้ใจเขามากกว่าฉันรึไง”


           “ฉันไว้ใจลูกทีมของฉันทุกคนหรือจะให้พูดถึงสองพี่น้องครีฟวีย์ล่ะก็ ใช่ ฉันไว้ใจเขามากกว่านาย”


           “ไม่เอาน่า ที่พูดงั้นเพราะเธอยังโกรธฉันอยู่ใช่ไหมล่ะ อย่าโกรธฉันเลยนะ -- โธ่เอ๊ยคาเรน จะให้ฉันทำยังไงเธอถึงจะหายโกรธ

    ล้วเรามาคุยกันดีๆ”


              “ไปขอโทษพวกเขา ขอโทษวิกเตอร์ด้วยที่นายเล่นสกปรกจนเขาต้องเป็นผื่นทั้งตัวแล้วก็ขอโทษลูกทีมของฉันที่ต้องเสียความรู้สึก

    เพราะนาย


           “ตกลง ถ้าถึงเวลาเหมาะๆ”


           การเถียงกันจบลงที่ตรงนั้น คาเรนยอมดื่มบัตเตอร์เบียร์เสียทีหลังจากหงุดหงิดมาพักใหญ่แล้ว โชคดีที่รสชาตินุ่มละมุนลิ้น

    ของบัตเตอร์เบียร์อุ่นๆ ช่วยให้อารมณ์เย็นลงบ้าง


           คาเมรอนผุดยิ้มมุมปาก ยกบัตเตอร์เบียร์ของตัวเองดื่มบ้างก่อนเทความสนใจทั้งหมดไปที่เพื่อนตรงหน้า เขายกมือเท้าคางมองเธอ

    แบบไม่ปิดบังอย่างมีความสุข(อยู่คนเดียว) -- คาเรนหน้ายุ่งเพราะถูกสายตากดดัน ก่อนนึกขึ้นได้เลยควักเหรียญทองเกลเลียน

    ออกจากกระเป๋าเสื้อให้อีกฝ่ายเป็นค่าเครื่องดื่ม


           “ฉันไม่รับ”


           “เอาไปเถอะน่า ฉันแพ้พนันนายนะ”


           “แต่มันไม่ได้อยู่ในข้อตกลง ฉันบอกแค่ว่าให้เธอมาดื่มบัตเตอร์เบียร์กับฉัน ไม่ได้ให้ออกค่าบัตเตอร์เบียร์เลี้ยงฉันด้วย” 

    เขาบอกพร้อมดันเหรียญทองคืนให้เด็กสาว


           “รู้ไหม ถ้านายทำดีแบบนี้กับทุกคนฉันอาจจะมองนายดีขึ้นมาบ้างก็ได้”


           คาเมรอนหัวเราะน้อยๆ “ฉันจะทำแบบนั้นทำไมในเมื่อทุกคนไม่ได้สำคัญกับฉัน สำหรับฉันเธอสำคัญที่สุด”


           “อย่ามากวนกันหน่อยเลย เมื่ออาทิตย์ก่อนฉันยังเห็นนายตามจีบพรีเฟ็คหญิงบ้านเรเวนคลออยู่เลย ถามหน่อย นายทำแบบนี้ทำไม

    ในเมื่อนายก็ไม่ได้ชอบฉัน”


           “แล้วถ้าฉันบอกว่าฉันชอบเธอ”


           “ฉันก็จะบอกว่าฉันไม่ได้ชอบนาย”


           “ชัดเจนดี เอาเป็นว่าคำตอบของคำถามข้อก่อนมันง่ายมากก็แค่อยากกระชับมิตรหลังจากแข่งไง เพราะฉันไม่อยากเป็นศัตรูกับเธอ”


           “นายเป็นตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรกแล้วและยิ่งมากขึ้นเพราะไปแกล้ง...”


           “ให้ตายสิ เธอจะวกเข้าเรื่องเด็กนั่นอีกแล้วหรือ”


           “ก็เห็นหน้านายแล้วมันก็มีแต่เรื่องพวกนี้ทุกทีนี่ ถ้าไม่อยากได้ยินก็ไปชวนแม่พรีเฟ็คสาวของนายมาดื่มบัตเตอร์เบียร์แทนสิ”


           “พูดอย่างกับเธอกำลังหึงฉันงั้นแหละ”


           “ฉันเปล่า”

           

           “เธอหึง”


        

              “พวกนั้นคุยอะไรกันอยู่นะ” จินนี่พึมพำอยู่กับลูน่า พี่น้องครีฟวีย์แล้วก็สมาชิกทีมควิดดิชบ้านกริฟฟินดอร์ทุกคนที่บัดนี้

    ได้มารวมตัวกันเพื่อช่วยเหลือกัปตัน            

              

           “แต่ที่แน่ๆ คาเรนกำลังอารมณ์บูดสุดๆ” โจซี่ เชสเซอร์ของทีมรวมทั้งเพื่อนสนิทของคาเรนออกความเห็น

                

              “แล้วเราจะทำยังไงกันดี” คอลินหันไปถามลูน่า เพราะเธออาจมีความคิดที่คาดไม่ถึงก็ได้

                

              จังหวะนั้นเองที่ลูน่ากำลังจะพูด จู่ๆ ก็มีแขนใครบางคนมาโอบไหล่เธอเอาไว้พร้อมกับเสียงทุ้มๆ ที่กระซิบข้างหูเธอ

                

              “หวัดดี นังหนู”


           เฟร็ดกลอกตาหมั่นไส้แฝดคนน้องของตัวเองที่พักจากงานมาถึงฮอกส์มี้ดก็สวีทหวานกับแฟนเด็กทันที ถึงอย่างงั้นการที่จินนี่

    กับพวกเด็กๆ มารวมตัวกันด้อมๆ มองๆ อยู่หน้าร้านไม้กวาดสามอันแบบนี้ก็ดึงความสนใจของเขาได้มากกว่า  


           “หวัดดีเด็กน้อย! พวกเธอมาทำอะไรกันอยู่ตรงนี้ล่ะ?”



           อยากกลับฮอกวอตส์...


           การได้มานั่งติดแหง็กอยู่กับคาเมรอนที่เอาแต่พูดถึงความหล่อของตัวเองเปรียบเสมือนฝันร้ายที่อยากจะปลุกตัวเองให้ตื่น

    แต่ก็นึกขึ้นได้ว่านี่ไม่ใช่ฝัน คาเรนถอนหายใจนับครั้งไม่ถ้วน เธอตัดสินใจยกบัตเตอร์เบียร์ดื่มรวดเดียวก่อนถูกคาเมรอนดึงแก้วออกจากมือไป


           “เดี๋ยวก็สำลักหรอก ฉันยกโทษให้เธอแล้วที่ร่ายคาถาใส่ฉันวันนั้นแล้วก็ครั้งก่อนนู้น ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าบึ้งอย่างงั้นสิ 

    เธอยิ้มแล้วสวยออกรู้ไหม เธอตกลงกับฉันแล้วนะ ว่าเราจะมาดื่มบัตเตอร์เบียร์ นั่นหมายความว่าเราจะได้คุยกันแบบสบายๆ ไม่ใช่รีบดื่ม

    รีบกลับ แล้วดูสิ นี่ก็ใกล้หมดแก้วแล้ว เอาอีกแก้วไหม”


           เขายื่นมือหวังจะเช็ดปากให้ทว่ามือกลับค้างอยู่กลางอากาศเพราะคาเรนเอียงหน้าหลบก่อนยกมือเช็ดปากเอง


           “ขอบคุณแต่ไม่เอา ข้อตกลงของเราจบแล้ว” คาเรนผุดลุกขึ้นพร้อมกับวางเหรียญทองเกลเลียนเป็นค่าบัตเตอร์เบียร์ให้คาเมรอน


           “เดี๋ยวสิ” คาเมรอนเอื้อมมือมาคว้าข้อมือเธอไว้โดยไม่ได้สนใจเหรียญทองบนโต๊ะสักนิด “ฉัน...” เสียงของเขาขาดห้วงไปเพราะอยู่ๆ 

    ก็มีกลิ่นเหม็นตุๆ โชยมาเตะจมูก เขาสูดจมูกฟุดฟิดดมหาที่มาของกลิ่นก่อนพบว่ามาจากเบาะที่เขานั่ง เจ้าตัวหันขวับมองฝ่ายหญิงทันควัน 

    “ไม่ใช่ฉันผายลมแน่ๆ มีคนเล่นตลกเอาระเบิดเหม็นมาทิ้งไว้แหง”


           “แก้ตัวได้เยี่ยมไปเลย งั้นฉันลาละ” คาเรนฉุดมือตัวเองกลับมา คราวนี้คาเมรอนลุกขึ้นหวังรั้งเธอเอาไว้จนวินาทีสุดท้าย 

    เด็กสาวกวาดตามองรอบร้านหวังจะขอความช่วยเหลือจากมิตรของเธอสักคนแต่แล้วเธอกลับมองไม่เห็นอะไรเลย ไม่ใช่แค่เธอ

    แต่ทั้งร้านกำลังเจอปัญหาเดียวกัน


           ผงความมืดทันใจจากเปรูส่งตรงจากร้านเกมกลวีสลีย์ถึงร้านไม้กวาดสามอันภายในชั่วพริบตาเดียว เกิดความชุลมุนขึ้นเล็กน้อย

    พร้อมกับเสียงฮือฮาด้วยความตกใจกลัว


           ทันใดนั้นก็มีมือปริศนามาจับมือคาเรนเอาไว้ เธอสะบัดออกเพราะคิดว่าเป็นคาเมรอนแต่ก็ถูกจับอีกครั้งตามด้วยเสียงกระซิบ

    ที่ทำให้เด็กสาวยอมนิ่งฟังเขาแล้วจับมือกลับด้วยความไว้ใจ


           “ฉันเอง คอลิน ฉันรู้ว่าเราต้องออกไปทางไหน” 


           คอลินกำลังคลำทางเพื่อพากันออกจากร้านแต่คาเรนนึกอะไรขึ้นได้เลยหยุดเดินซะอย่างงั้น


           “มีอะไรหรือ” คอลินถามหน้าตื่นอยู่ในความมืด หรือว่าถูกคาเมรอนจับได้แล้ว?


           “ฉันยังมีอะไรต้องทำให้สำเร็จก่อน ถ้าฉันหนีไปตอนนี้คาเมรอนต้องเอามาอ้างว่าฉันผิดสัญญาแน่”


           “เธอจะทำอะไร”


           “กลับไปนั่งเหมือนเดิม --”


           “ว่าไงนะ”


           “ฉันเพิ่งนึกได้ว่ามีเรื่องต้องทำ”


           คอลินนิ่งเงียบแล้วนึกขึ้นได้ถึงบทสนทนาตอนที่เขายังนอนอยู่ในห้องพยาบาล “เธอจะใส่ยาถ่ายให้เขาหรือ”


              “ไม่ใช่ยาถ่าย” คาเรนพยักหน้าสนับสนุนให้ตัวเองต่อให้คอลินมองไม่เห็นก็ตาม “มันก็แค่สมุนไพรที่ฉันอ่านเจอมาในตำรา 

    ฉันหวังดีต่างหาก เห็นช่วงนี้เขาไม่ค่อยกินผัก”


              “เธอจะเอาจริงดิ


           “มุ่งมั่นกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว”


           คอลินยอมปล่อยให้เธอกลับไปนั่งทั้งที่ใจไม่อยากทำเลย ใกล้หมดเวลาแล้ว ควันสีดำเริ่มเบาบางลงบ้าง คอลินเลยแทรกตัว

    เข้าไปนั่งตรงโต๊ะข้างหลังคาเมรอน 


           มือคาเมรอนคลำไปทั่วโต๊ะหาคาเรน


           “คาเรน เธออยู่ไหนน่ะ เธอกลัวรึเปล่า”


           เพื่อความแนบเนียน คาเรนยอมให้เขาหามือเธอจนเจอ “ฉันอยู่นี่” มืออีกข้างก็แอบเอาสมุนไพรที่เธอภูมิใจนำเสนอใส่แก้วคาเมรอน

    โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว


          พอทุกอย่างกลับมาเป็นปกติก็รู้ตัวต้นเหตุว่ามาจากฝาแฝดวีสลีย์ที่ยืนยิ้มแหยๆ แสร้งทำหน้าสำนึกผิด โค้งน้อยๆ ให้ทุกคนพอเป็นพิธี  


              “ขอโทษครับ พวกเราประมาทไปหน่อย ขอโทษที ขอโทษ --” เฟร็ดกับจอร์จกะพริบตาปริบๆ มองโต๊ะเป้าหมาย งงเป็นไก่ตาแตก 

    ทำไมแม่สาวผมบลอนด์ยังนั่งอยู่ที่เดิมอยู่อีกล่ะฮึ?! คอลินไม่ได้พาตัวออกไปหรอกหรือ?? แต่พอเห็นคอลินยกนิ้วชี้จรดริมฝีปากบอกเป็นนัย

    ก็เข้าใจได้ว่าคงจะมีแผนอะไรกันเลยจ่ายค่าเสียหายเล็กน้อยๆ บวกค่าเสียเวลาให้มาดามโรสเมอร์ทาแล้วฝาแฝดก็พากันออกไปจากร้าน

    ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่อยากทำให้วุ่นวายอีก


           คาเมรอนมองตามจนฝาแฝดวีสลีย์ลับหายไปจากสายตา หน้าผากที่ย่นพลันคลายลง


           “เรียนจบไปแล้วก็ยังป่วนไม่เลิกเลยนะพวกนี้”


           “แต่ฉันชอบพวกเขาออก” คาเรนว่าพลางยกบัตเตอร์เบียร์ที่เหลืออยู่ก้นแก้วขึ้นดื่ม คาเมรอนทำตามบ้าง คาเรนยิ้มเจ้าเล่ห์

    พร้อมกับที่สมุนไพรนั้นออกฤทธิ์เร็วอย่างกับไม้กวาดไฟร์โบลต์


           กัปตันบ้านงูเริ่มมีเหงื่อซึมตามขมับ ขยับตัวอยู่ไม่สุข “เอ้อ -- ความจริงฉันอยากอยู่ต่อนะ แต่เพิ่งนึกได้ว่าฉันมีธุระด่วนที่จำเป็น

    ต้องไปทำ หวังว่าครั้งหน้าจะมีโอกาสยังงี้อีก แต่วันนี้ฉันมีธุระจริงๆ ฉันไปก่อนนะ”


           “อะไรกัน ฉันอุตส่าห์จะนั่งต่อซะหน่อย”


           “ขอโทษจริงๆ เรื่องด่วนน่ะ”


           “แล้วที่เราพนันกันไว้ล่ะ ถ้านายกลับตอนนี้ก็เท่ากับว่าจบแล้วนะ”


           คาเมรอนกลืนน้ำลายตัวเอง ไม่อยากยอมรับแต่ท้องไส้มันปั่นป่วนจนอยากวิ่งกลับปราสาทเดี๋ยวนี้เลย “ฉันเสียใจที่ทำให้เธอเสียใจ 

    แต่ฉันมีธุระด่วนจริงๆ” เขากุมมือคาเรน ส่งสายตาบอกว่าเขาเองก็เสียดายไม่แพ้กันก่อนกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปโดยไม่รอให้เธอได้พูดอะไร

    เพื่อรั้งเขาไว้อีก


           คอลินลุกจากเก้าอี้มาหาคาเรนแล้วตีมือกัน


           “ขอบคุณนะ” คาเรนยิ้มให้อีกฝ่ายด้วยความขอบคุณ “พนันได้เลยว่าเฟร็ดกับจอร์จต้องมีเอี่ยวด้วย”


           “แน่นอน พวกเขาไม่มีทางพลาดโอกาสทองอย่างนี้หรอก -- ไปร้านหัวหมูกันเถอะ ตอนนี้ทุกคนคงนำเราไปถึงที่นั่นกันหมดแล้ว”


           “ทุกคน?”


           “ทุกคนในทีมควิดดิช มีเดนนิสกับลูน่าด้วยแล้วเดี๋ยวก็จะมีเฟร็ดกับจอร์จตามไป”


           ที่ร้านหัวหมูดูซอมซ่อต่างจากร้านไม้กวาดสามอันลิบลับ ทว่าคาเรนกลับยิ้มกว้างกว่าชั่วโมงก่อนหน้าเพราะเห็นทุกคนนั่งรอกันอยู่

    พร้อมหน้า จินนี่ส่งบัตเตอร์เย็นๆ สองขวดให้ผู้มาใหม่


           คาเรนซาบซึ้งใจที่ได้รู้ว่าทุกคนรวบรวมเหรียญทองเกลเลียนกันจ่ายค่าของเล่นตลกให้เฟร็ดกับจอร์จเพื่อช่วยให้เธอออกจาก

    บรรยากาศชวนอึดอัดนั่น เธอดื่มบัตเตอร์เบียร์ร่วมกับทุกคน แม้จะเย็นแต่เธอกลับสุขใจกว่าเป็นไหนๆ -- เธอมองเห็นว่าตอนนี้ทีมควิดดิช

    อยู่กันครบทีมพอดี แต่จินนี่ผู้อ่านใจกัปตันออกรีบออกปากก่อนที่คาเรนจะอ้าปากพูดอะไร


           “ขอละ อย่าเพิ่งคุยเรื่องแผนควิดดิชตอนนี้เลย”


           คาเรนยิ้มแฉ่งที่ถูกรู้ทัน “ตกลง”


           ระหว่างนั้นโจซี่ เพื่อนสนิทของคาเรนผู้ที่ชอบพูดเป็นชีวิตจิตใจกลับนั่งเงียบเพราะเฟร็ดผู้เป็นรักแรกและรักข้างเดียวที่ไม่สมหวัง

    นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย เธอลงความเห็นอยู่ในใจว่าเวลานี้เฟร็ดช่างดูดีขึ้นเยอะกว่าตอนเรียนเสียอีก เสน่ห์ของเขาไม่เคยลดลงไปเลย 

    ดีจนใจสั่นไปหมด ยิ่งตอนนี้ที่หน้าแดงหน่อยๆ เพราะวิสกี้ไฟนั้นอีก -- แต่จะทำไงได้ ก็หัวใจเขามีเจ้าของแล้วนี่นา...


           คาเรนรับรู้ถึงความรู้สึกของเพื่อนจึงชนขวดเธอเบาๆ แล้วยิ้มปลอบใจ


           “นี่ คาเรน” เฟร็ดเรียกข้ามโต๊ะมา


           “หือ?”


           “คราวหน้าอย่าไปพนันแบบนี้อีกล่ะ เข้าใจไหม เดี๋ยวคนแถวนี้ก็ได้อกแตกตายกันพอดี”


           คาเรนเอียงคอสงสัย “หมายถึงใครน่ะ”


           ทุกคนต่างหลบตากัปตันไปกันหมด ขณะที่เฟร็ดตัวต้นเหตุนั่งยิ้มกรุ้มกริ่มไม่พูดไม่จา


           “เฟร็ดก็พูดไปงั้นแหละ อย่าถือสาคนเมาเลย” จอร์จช่วยตอบให้หลังเห็นคอลินนั่งหน้าแดงแจ๋ทั้งที่ไม่ได้จิบวิสกี้ไฟแม้แต่อึกเดียว 

    “แต่ถ้าเธอมองดูดีๆ ก็จะเห็นเองนั่นแหละนะ” คนผมแดงขยิบตาให้ บอกทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วยกบัตเตอร์เบียร์ดื่มหมดขวดอย่างสบายใจเฉิบ

    สร้างความงงงวยให้คาเรนมากขึ้นไปอีก...  


    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×