ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] Captain [Colin x OC] [END]

    ลำดับตอนที่ #5 : 5 ll Dennis

    • อัปเดตล่าสุด 12 เม.ย. 64



    5


    Dennis




                นับตั้งแต่รู้เรื่องคาเรนกับคาเมรอนว่าทั้งคู่จะไปดื่มบัตเตอร์เบียร์ด้วยกันที่ฮอกส์มี้ดทำเอาใจคอลินว้าวุ่นยิ่งกว่าตอน

    ลงแข่งควิดดิชนัดแรกในชีวิตเสียอีก -- สิ่งที่ช่วยปลอบใจตัวเองคือการได้รู้ว่าคาเรนไม่ได้มีใจให้กัปตันบ้านงูแม้แต่นิดเดียว 

    ซ้ำตอนนี้ตัวเองยังได้อยู่ใกล้ชิดเธอมากกว่า ช่วงสายในวันหยุดเขากับคาเรนเพิ่งวิ่งออกกำลังกายยามเช้าด้วยกันแล้วกลับเข้าปราสาท

    และเขาก็กำลังทำให้เธอหัวเราะได้สำเร็จด้วยการเล่ามุกตลกของพวกก๊อบลินที่จำเอามาจากเฟร็ดกับจอร์จ ได้รู้จักฝาแฝดวีสลีย์นี่ดีจริง!!

                

           เสียงหัวเราะจากคาเรนนี่ช่วยให้หัวใจเขากระชุ่มกระชวยดีจริงๆ คอลินดินนำคาเรนเข้าห้องนั่งเล่นรวมที่มีเสียงคุยจ้อกแจ้กจอแจ 

    แต่แล้วจากคอลินที่ยิ้มแฉ่งพลันแปรเปลี่ยนเป็นคิ้วขมวดยุ่ง

                

              “ใครทำอะไรนาย เดนนิส”

                

              เด็กหนุ่มสาวเท้าเข้าหาน้องชายที่ถูกพันด้วยผ้าขนหนูกับผ้าห่มจนเป็นก้อนกลมอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ โผล่มาแค่หน้า ผมเผ้าเปียก

    จนมีน้ำหยดติ๋งๆ ลงบนพรม ปากสั่นฟันกระทบดังกึกๆ ดูน่าสงสาร ข้างตัวมีจินนี่กับโจซี่นั่งอยู่ด้วยกัน

                

              “พี่คอลิน!” เดนนิสตกใจที่พี่ชายมาเห็นเอาตอนนี้พอดี เขานึกอยากหนีไปซะเดี๋ยวนี้แต่มองไปรอบตัวกลับไม่มีใครเห็นด้วย


           “บอกคอลินไปเถอะ เดนนิส” จินนี่แนะนำ


           คอลินยิ่งคิ้วยุ่งไปใหญ่ เดนนิสเป็นอะไรทำไมถึงต้องไม่อยากบอกกันด้วย? เขารับผ้าขนหนูจากโจซี่ ไดมอนด์ เชสเซอร์ของทีม

    มาเช็ดผมให้น้องชาย “บอกพี่มา นายไม่มีทางกระโดดลงน้ำตอนเช้าแบบนี้แน่เพราะนายว่ายน้ำไม่เป็น -- หรือมีคนสาดน้ำใส่นาย?”


           คาเรนได้แต่ยืนมองสองพี่น้องนิ่งๆ ทว่าเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ในเมื่อเดนนิสปิดปากเงียบไม่ยอมตอบคอลินจึงหันไปหาจินนี่

    ที่น่าจะรู้ที่มาที่ไปเพราะตัวเธอเองก็ถูกห่อด้วยผ้าขนหนูผืนใหญ่เช่นกัน


           “เธอเป็นคนไปเจอเดนนิสเหรอจินนี่? เธอไปเจอเขาที่ไหน”


           จินนี่ชำเลืองมองรุ่นน้องผู้ที่ดูเหมือนตัวจะหดเล็กลงเรื่อยๆ เธอคิดอยากให้เจ้าตัวบอกด้วยตัวเองแต่เมื่อไม่บอก เธอก็จำเป็นต้องบอก

    คอลินเอง “ที่ทะเลสาบ ฉันเห็นเขาจมไปแล้วก็โผล่ขึ้นมาขอความช่วยเหลือเลยลงไปช่วยขึ้นมา”


           ใจคอลินกระตุกวูบ ก่อนหน้านี้เขามัวไปทำอะไรอยู่ทั้งที่น้องชายเขาอาจจมน้ำตายก็ได้ “ใครเป็นคนทำนาย เดนนิส”


           เดนนิสหลบสายตาจริงจังของคอลิน “ไม่มี”


           “จะไม่มีได้ยังไง พี่รู้ว่านายไม่มีทางเดินไปแถวริมทะเลสาบคนเดียวแน่ๆ”


           เพราะถูกสายตากดดันกับบรรยากาศที่ตึงเครียดขึ้นมาเดนนิสเลยยอมเปิดปากพูดด้วยเสียงแหบพร่า “คะ...คาเมรอน”


           “คาเมรอน เบรฟลีย์น่ะหรือ” คาเรนโพล่งถามออกมา เดนนิสนิ่งอีกครั้งแต่สุดท้ายก็ยอมพยักหน้ายอมรับ


           “เขาหาว่าฉันไปแอบฟังพวกเขาคุยกันเรื่องกลยุทธ์ควิดดิชที่จะใช้แข่งนัดต่อไปกับเรเวนคลอแล้วจากนั้น -- ฉัน -- ก็โดนพวกเขาลาก

    ไปที่ทะเลสาบ...”


           “แล้วนายทำงั้นจริงหรือเปล่า” คอลินถามหน้าเครียด


           “ไม่มีทาง สาบานได้ฉันไม่ได้ตั้งใจไปฟังพวกเขาคุยกัน แค่บังเอิญเดินผ่านไปแถวนั้นพอดี พี่ต้องเชื่อฉันนะคอลิน ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่า

    พวกเขาอยู่ตรงนั้น อีกอย่างใครที่ไหนเขาจะไปคุยแผนกันในที่โล่งแบบนั้น ฉันเดินของฉันดีๆ อยู่ๆ พวกนั้นสามคนก็เข้ามาหาแล้วใส่ร้ายฉัน”


           คอลินสูดลมหายใจเข้าออกยาวๆ เหมือนมังกรพ่นไฟที่ลมหายใจคุกรุ่นไปด้วยไอร้อน เด็กหนุ่มยัดผ้าขนหนูใส่มือเดนนิส

    แล้วลุกพรวดขึ้นก้าวฉับๆ ไปที่ประตู


           เดนนิสหน้าถอดสีที่รู้ว่าคอลินกำลังจะไปหาใคร แต่ตอนนี้กระทั่งแรงจะตะโกนไปห้ามยังไม่มี เขามองคาเรนอย่างอ้อนวอนให้เธอ

    ช่วยตามไปที “คาเรน ช่วย...”            


           ไม่ต้องพูดให้มากความ คาเรนก็พยักหน้าเข้าใจสิ่งที่เดนนิสจะสื่อทันทีก่อนตามคอลินออกจากหอคอยกริฟฟินดอร์


           “หวังว่าคาเรนจะตามไปห้ามพี่คอลินทันนะ”


           “นายรู้จักคาเรนน้อยไป เดนนิส บอกว่าคอลินห้ามคาเรนคงถูกกว่า” จินนี่พูดเรียบๆ


           สุดท้ายก็หนีไม่พ้นจินนี่ที่ต้องตามสองคนนั้นออกไป แต่ปัญหาคือพวกเขาเดินไปถึงไหนกันแล้วล่ะ?


              คอลินก้าวฉับๆ อย่างมั่นคงตามหาตัวคนทำน้องชายเขาถึงแม้ไม่รู้ว่าพวกคาเมรอนอยู่ส่วนไหนของปราสาทก็เถอะ เดินหาไปเรื่อยๆ 

    เดี๋ยวก็เจอ! ขณะที่คาเรนก็เดินตามอยู่ไม่ห่างและไม่ห้ามด้วย หนำซ้ำเธอเองนี่แหละที่จะเป็นฝ่ายเข้าหาคาเมรอนก่อนถ้าเจอตัว


           แล้วก็เจอเข้าจริงๆ เด็กสาวมองเห็นคาเมรอนกับเพื่อนอีกสองคนเล่นขว้างก้อนหินอยู่ริมทะเลสาบทว่าคอลินไม่ทันได้มอง -- 

    ด้วยอารมณ์โมโหคาเรนเลยไม่ได้บอกคอลิน เธอผละจากคอลินปรี่เข้าไปหาคาเมรอนคนเดียว  


           “อยู่นี่เอง”


           คาเมรอนหยุดหัวเราะเหลียวหลังกลับมามอง เห็นเพื่อนต่างบ้านยืนอยู่ก็ผิวปากแซว “รู้สึกเป็นเกียรติจังเลยที่คุณกัปตัน

    จากกริฟฟินดอร์ตามหาฉัน” 


           “นายแกล้งเดนนิสทำไม”


           “ใครคือเดนนิส อ๋อ เธอหมายถึงไอ้เด็กตัวกะเปี๊ยกนั่นที่มาสอดแนมพวกฉันใช่หรือเปล่า”


           “เขาไม่ได้มาสอดแนมพวกนาย”


           “เชื่อตายล่ะ” คาเมรอนโยนก้อนหินก้อนสุดท้ายในมือลงทะเลสาบด้วยท่าทางชวนหมั่นไส้ ปัดมือสองสามทีแล้วก้าวเข้าหาคาเรน

    มากขึ้น “ตอนนั้นเรากำลังวางแผนการแข่งกับเรเวนคลออยู่ เจ้านั่นต้องคาบข่าวไปบอกบ้านนั้นแหงๆ”


           “เดนนิสไม่มีทางทำแบบนั้น เขาก็เดินของเขาอยู่เฉยๆ นายเองต่างหากที่เข้าไปหาเรื่องก่อน”


           “เธอจะเอาอะไรมายืนยันความบริสุทธิ์ใจให้เจ้านั่นได้เล่า หือ?”


           “ด้วยเกียรติของฉันเอง”


           “นั่นสูงสุดแล้วเหรอ ขอโทษนะ ต่อให้ฉันชอบเธอมากแค่ไหนก็ไม่เชื่อ” ตอนนั้นเองที่คาเมรอนเหลือบไปเห็นคอลินกำลังเดินดุ่มๆ 

    ตรงมาสมทบด้วยอีกคน “อ้อ เนี่ยน่ะเหรอพี่ชายของไอ้เด็กนั่น เพิ่งเห็นชัดๆ นะเนี่ย จะว่าไปแบบนี้ฉันยิ่งเชื่อไม่ได้กันไปใหญ่ ขนาดแข่งกับ

    สลิธีรินยังแพ้เลย”


           “นายทำอะไรกับน้องชายของฉัน”


           “ใจเย็น คุณรุ่นพี่” คาเมรอนยกสองมือ “จะไม่ทักทายกันหน่อยเหรอ”


           “กับนายน่ะไม่จำเป็นหรอก”


              “ก็ได้ๆ เพิ่งได้เจอหน้ากันหลังแข่งเลยนี่นา นัดแรกกับสลิธีรินทำได้ไม่เลวนี่ ไม่ร่วงจากไม้กวาดตั้งแต่นาทีแรกก็นับว่าโชคดีเท่าไรแล้ว 

    จริงสิลืมถามไป นายขี่ไม้กวาดรุ่นไหนเหรอ ไม้กวาดของเล่นรึเปล่า? งั้นนัดต่อไปต้องระวังหน่อยนะ ไม้กวาดนั่นเร็วน่าดู” 

    คาเมรอนหันไปหัวเราะกับเทอเรนซ์และเบน


           “ฉันว่านายเก็บปากเอาไว้เตือนลูกทีมตัวเองเถอะ” คาเรนตอกกลับ “ยังไงลูกทีมของฉันก็เก่งกว่าทีมนายอยู่แล้ว”


           “งั้นเหรอ แหม น่ากลัวจัง ขนาดน้องชายที่คิดจะสอดแนมยังทำอะไรไม่ได้เลย” เขาเหลือบมองคอลิน “แล้วพี่ชายจะมีประโยชน์อะไร 

    สายตากัปตันของเธอมองพลาดไปหน่อยแล้วล่ะ”


           “ฉันเลือกใครแล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายไม่ทราบ? ฉันไม่เคยมองพลาด ฉันเชื่อมั่นในตัวเขาแล้วก็ทุกคนในทีมเสมอ จำไว้ด้วยว่า

    ฉันเลือกมาไม่ผิด 


           “เธอผิดตั้งแต่เลือกคนเลือดสีโคลนเข้าทีมแล้วละ คาเรน” เด็กหนุ่มผมแดงชำเลืองมองคอลินแล้วยิ้มมุมปาก


           “พูดจาอะไรระวังหน่อย” มือคาเรนกำไม้กายสิทธิ์ในกระเป๋าเสื้อคลุมแน่น เชิดหน้ามองอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง เธอรู้ว่าคอลินขยับ

    อยู่ข้างหลังเลยขยับเอาตัวบังอย่างน้อยก็ไม่ให้พวกเขาประจันหน้ากันตรงๆ แต่ถ้าคาเมรอนพ่นคำพูดสกปรกออกมาอีกละก็เธอไม่พลาด

    ร่ายคำสาปใส่เขาแน่


           “เอาเป็นว่า ฉันจะคอยหัวเราะละกัน วันนี้ฉันหัวเราะไม่ไหวแล้วเพราะหัวเราะเจ้าเด็กนั่นจนเจ็บท้องไปหมด อ้อ อย่าลืมเดตของเรา

    ที่ร้านไม้กวาดสามอันนะ ฉันตั้งหน้าตั้งตารอคอยเชียวละ หวังว่าคุณกัปตันจะไม่ผิดสัญญา ฉันไปละ”


           “เดี๋ยวก่อน” คาเรนบอก “นายต้องไปขอโทษเดนนิสเดี๋ยวนี้แล้วบอกอาจารย์ด้วยว่านายทำอะไรลงไปบ้าง รวมทั้งที่ทำในควิดดิช

    นัดแรกด้วย”


           ไม่ -- เธอคงไม่ว่าอะไรนะ”


           คาเมรอนขยิบตาให้เธอ ยื่นมือหมายจะวางบนศีรษะคนตัวเล็กกว่าด้วยความรักใคร่เอ็นดู ตอนนั้นเองที่คาเรนกำลังจะ

    ชักไม้กายสิทธิ์ออกมาสาป คอลินกลับเร็วกว่า เขาเอื้อมมาจับข้อมือคาเมรอนออก เงื้อมือขวาขึ้นสุดแขนแต่ด้วยคาเมรอนมีแรงเยอะกว่า

    เลยเป็นฝ่ายถูกจับบิดแขนไพล่หลังแล้วผลักคอลินล้มลงไปนอนกับพื้นก่อนตามไปนั่งคร่อมร่างที่ไม่ทันตั้งตัว คาเรนตกใจที่จู่ๆ 

    เรื่องก็มาลงเอยแบบนี้ -- เธอไม่มีทางยอมง่ายๆ เลยพุ่งเข้าหาคาเมรอนหวังจะช่วยคอลิน โชคไม่ดีที่คาเมรอนมีพวกอีกสองคน

    ทำให้เธอโดนผลักออกจนเซล้มก้นจ้ำเบ้า


           จังหวะนั้นเองที่คอลินถูกคาเมรอนต่อยเข้าจังๆ ที่จมูก ถึงจะยอมไม่ได้เรื่องน้องชายกับคาเรนแต่คอลินผู้ไม่เก่งต่อสู้

    และไม่เคยทะเลาะกับใครก็สู้สุดแรงจนไม่ไหว สุดท้ายเลยได้แต่ยกมือป้องหน้าตัวเอง ทันทีที่มือสัมผัสหน้าถึงได้รู้ว่าเลือดสีแดงสด

    ไหลอาบแก้มตัวเองแถมจมูกยังหักอีกต่างหาก


           คาเรนโมโหจนถึงขีดสุด เธอหยิบไม้กายสิทธิ์ที่กระเด็นหลุดมือไปก่อนหน้ามาร่ายคาถาใส่เพื่อนสองคนของคาเมรอนที่ขัดขวางเธอ

    ทำเอาสองร่างนั้นลอยหวือไปตกที่ทะเลสาบดังตูม -- เป้าหมายใหม่คือคาเมรอนที่ยังไม่เลิกทำร้ายคอลิน เธอโบกไม้กายสิทธิ์อีกรอบ 

    คราวนี้ไม่ได้หวังจะให้ตกทะเลสาบเหมือนอย่างที่เจ้าตัวทำไว้กับเดนนิส แสงสีแดงพุ่งออกจากปลายไม้ไปถูกร่างคาเมรอนจนลอยกระเด็น

    หลุดจากคอลินไปกระแทกเข้ากับต้นไม้ต้นใหญ่ทันทีที่เธอร่ายคาถา


           คาเมรอนตกลงมานอนขดตัวด้วยความจุกอยู่ที่ใต้ต้นไม้ ร้องโอดโอยขอความเห็นใจจากคาเรน แต่เธอหาได้สนใจไม่ 

    เด็กสาววิ่งไปหาคอลินที่ยังนอนแผ่อยู่บนผืนหญ้าพร้อมกับเอาผ้าเช็ดหน้าไปซับเลือดที่ยังไหลออกจากจมูกเขา 

    ดวงตาสีเขียวที่เคยสดใสที่สุดในสายตาคอลินกำลังจ้องมองเขาผ่านม่านน้ำตาบางๆ ด้วยความเป็นห่วง ใบหน้าเธอซีดเผือดยิ่งกว่าเห็นผี

    ซึ่งคอลินคิดว่าตอนนี้สภาพเขาเองก็คงสยดสยองไม่ต่างจากผีเท่าไรหรอก


           “ฉันยังไม่ตายนะ” คอลินพูดติดตลกพร้อมขยับดุ๊กดิ๊กเหมือนปลาทองที่กระโดดออกจากโหลมาดิ้นบนพื้นหวังให้เธอยิ้มออก

    ต่อให้ตัวเองจะยิ้มไม่ได้เพราะหน้าชาไปหมดแล้วก็เถอะ แต่คาเรนไม่ขำกับมุกของเขา  


           “ยังจะมาพูดอยู่อีก ถ้านายตายฉันจะฆ่านายซ้ำให้ดู” คาเรนจับแขนเขามาคล้องรอบคอตัวเอง มืออีกข้างโอบรอบเอวช่วยพยุง

    ให้คอลินลุกขึ้นเพื่อที่เธอจะได้พาเขาไปส่งห้องพยาบาล


           จินนี่ยืนหอบอยู่ตรงหน้าทั้งคู่เพราะเธอเพิ่งจะวิ่งมาเจอ ดวงตาเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจแต่ก็มีสติมากพอที่จะเข้ามาช่วยประคอง


           เบนกับเทอเรนซ์ว่ายน้ำเข้าฝั่งได้ก็วิ่งไปหาคาเมรอนทันทีแต่เจ้าตัวกลับปัดมือเพื่อนทั้งสองออกแล้วตะโกนบอกคาเรน


              “ฉันไม่โกรธเธอหรอกคาเรน เพราะยังไงฉันก็ไม่ยกเลิกเดตกับเธออยู่ดี ได้ยินไหม! -- คาเรน! คาเรน!!


              คาเรนในเวลานี้กำลังเดือดปุดๆ เป็นห่วงคอลินก็ห่วง แต่ก็รู้สึกโมโหปนรำคาญเสียงคาเมรอนไปในเวลาเดียวกันเธอจึงตะโกน

    ตอบกลับไปห้วนๆ คำเดียวว่า “เออ!!



           คอลินถึงกับนอนเหงาเหมือนปลาผู้โดดเดี่ยวอยู่ในโหลเพราะวันนั้นทั้งวันคอลินต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ในห้องพยาบาลโดยที่

    มาดามพอมฟรีย์ยังไม่อนุญาตให้ใครเข้าเยี่ยมเด็ดขาดแม้แต่เดนนิส


           อยากเจอหน้าเดนนิสแล้วเล่าให้น้องชายของเขาฟังว่าช่วงที่ทะเลาะกันเขาได้แก้แค้นให้น้องแล้วหน่อยนึงด้วยการชกเข้าที่แก้ม

    คาเมรอนไปหนึ่งหมัด ถ้าเดนนิสตั้งใจดูดีๆ ก็น่าจะเห็นฝ่ายนั้นแก้มเขียวหน่อยๆ แต่คอลินจะไม่บอกน้องแน่ๆ ว่าเขาเองก็เจ็บมือไม่แพ้กัน -- 

    เขาอยากเจอคาเรน บอกเธอว่าอย่าไปเดตกับคนนิสัยอย่างคาเมรอนเลยและบางทีเขาอาจจะอยากออกจากทีมควิดดิช...

                

              ตกเย็นคอลินผล็อยหลับไปกับเสียงคุยจากนอกห้องที่ฟังหึ่งๆ เหมือนผึ้งกล่อมให้เขาง่วงงุนจนเข้าสู่นิทรา

                

              เสียงพื้นรองเท้าผ้าใบดังกระทบพื้นหินเบาๆ หลังประตูห้องพยาบาลถูกปิดลง ใครบางคนเกิดอาการลังเลที่จะเข้ามาเยี่ยมผู้ป่วย

    แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจย่องเข้าหาเตียงที่คอลินนอนอยู่


           เห็นคนบนเตียงนอนหลับด้วยลมหายใจที่ผ่อนสม่ำเสมอ ผู้มาใหม่ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก มือสองข้างยันขอบเตียง โน้มหน้าลง

    เหนือจมูกคอลินพิจารณาดูว่าจมูกที่ดูผิดรูปเมื่อเช้านี้กลับมาเข้ารูปดีหรือยัง...แน่นอนว่าดูดีขึ้นแล้วเหมือนไม่เคยหักมาก่อน จะเหลือก็แต่

    รอยช้ำน่ากลัวสีม่วง


           คนในห้องได้ยินเหมือนเสียงประตูข้างหลังเปิดออกเลยละสายตาจากจมูกคนหลับหันไปมอง วินาทีนั้นจมูกคอลินขยับยุกยิก

    เพราะได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่เขาคุ้นเคยก่อนลืมตาขึ้นมอง ตาสีน้ำตาลกะพริบปริบๆ มองเห็นผู้หญิงคนนึงโน้มตัวมาอยู่ใกล้เขา 

    ไม่ใช่มาดามพอมฟรีย์ เธอคนนี้ผมสั้น สีบลอนด์ กับมีกลิ่นน้ำหอมที่ทำให้เขาใจสั่น...


              “คาเรน!


           คนถูกเรียกสะดุ้งเฮือกกลับไปยืนท่าปกติ ต่างฝ่ายต่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูก คอลินทำเป็นจัดผ้าห่มอย่างไม่จำเป็น คาเรนลนลาน

    มองหาเก้าอี้แล้วนั่งแปะทันที บรรยากาศกระอักกระอ่วนลอยลงมาปกคลุมระหว่างทั้งสองทำเอาไม่รู้จะเริ่มพูดกันยังไง อึกอักกันอยู่นาน

    สองนานกระทั่งเด็กสาวเป็นฝ่ายเปิดปากพูดก่อน  


           “ขอโทษนะ”


           “ขอโทษฉันเรื่องอะไรกัน”


           “เพราะฉันเข้ามาทำให้นายตื่น ฉันคงจะเสียงดังไปหน่อย”


           คอลินมองสีหน้าที่รู้สึกผิดของเธอ อยากจะบอกว่าตื่นเพราะได้กลิ่นหอมต่างหากแต่เขาจะไม่มีทางบอกให้เจ้าตัวรู้แน่ “ไม่หรอก 

    ฉันแค่ตื่นพอดีน่ะ”


           “งั้นหรือ” เธอถอนหายใจ “นายเป็นยังไงมั่ง”


           “จมูกฉันดูดีกว่าเดิมเยอะเลย แต่จะดีกว่านี้ถ้าฉันเอาคืนให้เดนนิสได้มากกว่านี้...ฉันมันเป็นพี่ชายที่ไม่ได้เรื่อง”


           คาเรนออกปากเถียงแทบจะทันที “นายปกป้องเดนนิสเต็มที่แล้ว ฉันเป็นพยานได้ -- นายเป็นพี่ชายที่เจ๋งจะตายไป”


           “แต่ฉันไม่เห็นคิดอย่างงั้นเลย -- ตอนที่นอนอยู่ฉันคิดอะไรขึ้นได้” คอลินสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ “บางทีฉันอาจไม่เหมาะ

    กับบีตเตอร์ ไม่เหมาะกับควิดดิช ขืนแข่งต่อไปฉันอาจปอดแหกจนเล่นห่วยขึ้นมาก็ได้...ฉันขอออกจากทีม พูดจริงนะ ขนาดวันนี้ฉันยัง...”


           คำพูดคอลินขาดห้วงไปชั่วขณะเพราะมีอะไรบางอย่างจากคาเรนฟาดมาที่แขน อะไรบางอย่างที่เป็นปุยนุ่นสีขาวลอยฟุ้ง

    ก่อนทิ้งตัวตกลงอย่างนุ่มนวลบนเตียงก่อนจะเห็นว่ามันคือดอกหญ้าจำนวนหนึ่งที่ร่วงจากช่อใหญ่ในมือเธอ


           “หาว่าฉันเลือกลูกทีมไม่ได้เรื่องรึไง”


           “ไม่ใช่นะ” คอลินชะงัก เหลือบตาลงมองดอกหญ้า


           คาเรนอึกอัก จะซ่อนช่อดอกหญ้าในมือก็ไม่ทันเสียแล้วเลยลุกขึ้นปักในแจกันเปล่าบนโต๊ะข้างเตียงให้แบบลวกๆ 


           “ฉันไม่รู้ว่านายจะแพ้กลิ่นดอกไม้หรือเปล่า เลยคิดว่าดอกหญ้าน่าจะดีแต่ตอนนี้มันไม่ดีก็ตรงที่มันกระจัดกระจายไปหน่อย” เธอบอก 

    ใบหูขึ้นสีแดงแปร๊ด ขยับเข้ามาปัดดอกหญ้าออกจากเตียงให้แบบเก้ๆ กังๆ “ก็แค่คิดว่ามันจะช่วยให้บรรยากาศที่นี่ดีขึ้นบ้าง -- 

    เข้าเรื่องเดิมเถอะ ฉันรู้ว่าฉันเลือกคนไม่ผิด แล้วปอดนายก็ไม่แหกหรอกน่า ถ้านายกลัวจริงๆ วันนี้คงไม่มีทางพุ่งเข้าหาตานั่นแล้ว แล้วก็นะ 

    ฉันไม่อนุญาตให้นายออก


           แม้ตอนนี้คาเรนจะอายก็จริง เธอรู้ว่ารสนิยมในการเลือกดอกไม้มาเยี่ยมนั้นไม่ได้เรื่องแต่เรื่องลูกทีมสำคัญกว่า เธอไม่อยากให้

    ใครก็ตามในทีมของเธอตอนนี้ถอนตัวเพราะคิดว่าทีมลงตัวที่สุดแล้ว


           เห็นท่าทีกับคำพูดจริงจังออกจากปากเธอ คอลินที่เริ่มฟุ้งซ่านเรื่องตัวเองไม่ได้เรื่องเริ่มมีความคิดแบบนี้ลดลง เขาเริ่มยิ้มออกนิดๆ 

    แล้ว “ฉันไม่ออกก็ได้”


           คาเรนแสดงอาการโล่งใจแบบไม่ปิดบัง เธอผุดยิ้มอ่อนโยน “ดีแล้ว อย่าพูดแบบนั้นอีกนะ” เธอหุบยิ้มเพราะเห็นคอลินมองมา 

    ดวงตาสีเขียวหลุบลงต่ำ มือสองข้างว่างเกินไปแล้วเธอเลยจับชายเสื้อตัวเองเล่นแบบไม่มีเหตุผล


           “คาเรน”


           “หือ?” คาเรนมองสบตาเขา เลิกคิ้วถามแต่คอลินกลับมองเลยเธอไปมองตะเกียงข้างหลังแทนจะได้ไม่ต้องสบตากันตรงๆ


           “เธอจะไปเดตกับคาเมรอนจริงหรือ” ถามเสร็จเด็กหนุ่มก็กล้าสบตากับดวงตาสีเขียวแล้ว


           “ฉันจะไม่นับชั่วโมงอันแสนทุกข์ระทมในวันนั้นเป็นเดตแรกของฉันแน่นอน -- ฉันแพ้พนันเลยต้องไปดื่มบัตเตอร์เบียร์กับเขาก็แค่นั้น”


           “แต่ถ้าเธอไม่อยากไปงั้นเธอก็ไม่ต้องไปสิ” คอลินผุดลุกขึ้นโน้มตัวไปหาเธอขณะบอก พอรู้ตัวว่ากระตือรือร้นที่จะพูดมากเกินไป

    เลยกลับไปนอนพิงหัวเตียง คิดอยากงอนกัปตันแต่ก็นึกขึ้นได้ว่าไม่มีสิทธิ์


           “ไม่ได้หรอก ฉันกับเขาพนันกันเอาไว้ ถ้ากริฟฟินดอร์ชนะคาเมรอนต้องเลิกยุ่งกับฉัน แต่ถ้าสลิธีรินชนะก็อย่างที่นายรู้ 

    ถ้าฉันผิดคำพูดละก็ตานั่นได้ตามระรานทีมเราไม่เลิกแน่ -- บางทีในชีวิตมันก็มีเรื่องที่ช่วยไม่ได้แบบนี้แหละ แต่ไม่ต้องห่วง 

    คาเมรอนไม่มีทางหาโอกาสใส่ยาพิษให้ฉันกินได้แน่ๆ แต่ฉันเนี่ยแหละที่อาจจะแอบใส่ยาถ่ายแก้แค้นแทนนายกับเดนนิสแล้วก็วิกเตอร์”


           คอลินรู้ว่าไม่มีทางที่คาเมรอนจะอยากใส่ยาพิษให้เธอกินหรอก...สัญชาตญาณมันบอก “มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะ”


           “ดีจริงที่ได้ยินแบบนั้น ถ้าวันนั้นช่วยให้ฉันไม่ต้องนั่งติดแหง่กอยู่กับคาเมรอนทั้งวันได้จะขอบคุณมากเลย” เด็กสาวผมบลอนด์

    กลอกตาจนแทบเห็นแต่ตาขาว แค่คิดถึงคาเมรอนก็เบื่อแล้ว


           “ขอถามคำถามระหว่างเธอกับคาเมรอนได้ไหม”


           “ลองถามมาก่อนเถอะ เผื่อฉันมีคำตอบให้นายได้”


           “คาเมรอนตามจีบเธออยู่หรือ”


           “ตามกวนประสาทกันละสิไม่ว่า ตานั่นเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ที่ไม่อยากนับเป็นเพื่อนของฉันตั้งแต่เด็ก บ้านเราอยู่ใกล้กันน่ะ 

    แต่เขาชอบแกล้งคนอื่นไปทั่ว ชอบรังแกคนอ่อนแอกว่าให้เป็นตัวตลกในสายตาคนอื่น -- ฉันละเกลียดนักล่ะ นึกว่าเขาจะเข้าเดิร์มสแตรงก์

    ซะอีก ดันมาฮอกวอตส์เหมือนกันซะได้”


           ไม่มีอะไรที่คอลินได้ยินแล้วโล่งใจขนาดนี้ แต่คราวนี้ประตูห้องพยาบาลถูกเปิดออกจริงๆ เดนนิสเดินเข้ามาพร้อมกับจินนี่ 

    ลูน่าแล้วก็มาเรีย ทั้งสี่เข้ามาเยี่ยมคอลินก็จริง แต่เดนนิสตัวอุ่นๆ คล้ายจะมีไข้เพราะเมื่อเช้าลงไปเล่นน้ำเย็นในทะเลสาบมาตั้งนาน 

    มาดามพอมฟรีย์เลยจัดยาพริกไทยสูตรพิเศษให้ดื่มขนานใหญ่ ตอนมาเจอกับพี่ชายเลยมีควันพวยพุ่งออกมาจากหูราวกับเป็นหัวรถจักร


           “คาเรน ศาสตราจารย์มักกอนนากัลให้เธอไปพบแน่ะ เห็นว่าจะคุยเรื่องควิดดิช -- ส่วนเรื่องเช้านี้เห็นว่ารอให้คอลินหายก่อน

    แล้วค่อยเรียกคุยพร้อมกันทีเดียว” จินนี่บอก


           คาเรนพยักหน้ารับรู้ นับแต่วินาทีนั้นเธอก็กลับมาอยู่ในมาดกัปตัน “ขอบคุณที่บอกนะ” เธอบอกกกับจินนี่ก่อนหันไปหาคอลิน 

    “หายไวๆ นะ ควิดดิชนัดต่อไปรออยู่ อ้อ แต่ตอนนี้ศาสตราจารย์มักกอนนากัลคงรอเราสองคนมากกว่า” เธอยิ้มให้คอลินกับคนที่เหลือ

    แล้วออกจากห้องพยาบาล


           เดนนิสพุ่งไปนั่งบนเตียงว่างข้างเตียงพี่ชาย ที่หูยังมีควันลอยออกมาจางๆ แต่ตาบังเอิญมองเห็นดอกไม้ที่มันสะดุดตา

    จนเลิกจ้องไม่ได้ “พี่คอลิน ใครให้ดอกไม้พี่มาน่ะ”


           นึกถึงดอกไม้ที่คาเรนให้มาพลันทำให้คอลินหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาอีกแล้ว


           ทุกอย่างของคาเรนทำให้เขายิ่งชอบเธอมากขึ้นไปอีก ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าตัวตนเธอไม่ใช่แค่คนห้าวๆ ผู้มั่นใจกับการหวดลูกบลัดเจอร์

    ได้โหดไม่แพ้ฝาแฝดวีสลีย์ ซึ่งแท้จริงแล้วเธอมีมุมอ่อนโยนเยอะแยะจนเขาแอบถ่ายมาเก็บเอาไว้ได้ไม่หมด ครั้งนึงเขาเคยเห็นเธอ

    แอบให้ของขวัญกับด๊อบบี้ เอลฟ์ประจำบ้านที่ทำงานให้ฮอกวอตส์ในวันคริสต์มาสตอนที่ไม่มีใครเห็นยกเว้นเขา -- เธอเคยช่วยบอกทาง

    กับรุ่นน้องที่หลงทางด้วย แม้แต่ตัวเขาเองยังเคยได้รับคำแนะนำจากเธอหนนึงตอนที่หลงทิศไม่รู้ว่าห้องเรียนวิชาอักษรูนไปทางไหน 

    หรือจะเป็นตอนที่เธอยิ้มให้กับลูกทีมที่รู้สึกท้อขึ้นมาหรือแม้กระทั่งตอนที่เธอมองเขาพร้อมกับช่วยซับเลือดออกให้อย่างเบามือ...


           “ขอถ่ายรูปคู่กันหน่อยสิ” เสียงเดนนิสโพล่งออกมาดึงคอลินให้กลับสู่โลกความเป็นจริง


              คอลินพยักหน้าหงึกหงักเอียงตัวไปหาแจกัน วางศอกบนโต๊ะข้างเตียง เก็กท่าแล้วยิ้มแฉ่งแต่ดันร้องแบบหมดสภาพเพราะเจ็บปาก

    พอดีกับจังหวะกดชัตเตอร์ของเดนนิส รูปที่ได้เลยดูน่าสงสารเช่นนี้แล...


     

    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×