คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 4 ll Gryffindor vs Slytherin
4
Gryffindor vs Slytherin
เวลานี้หากเปรียบเทียบเรื่องได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างควิดดิชทีมกริฟฟินดอร์กับสลิธีรินเห็นจะเป็นเรื่องไม้กวาด...
เดรโก มัลฟอย รุ่นพี่บ้านสลิธีรินที่เพิ่งจบออกไปปีก่อนเกิดใจป้ำควักเหรียญทองเกลเลียนของตัวเองซื้อไม้กวาดใหม่เอี่ยม
ให้รุ่นน้องทั้งทีมเป็นของขวัญแถมคาเมรอนยังเอามาเย้ยต่อหน้าคาเรนอีกต่างหาก
คาเรนนึกอิจฉาอยู่นิดๆ เธอใช้รุ่นไฟร์โบลต์ที่ใช้มาสามปีเต็มแล้ว แต่แค่นั้นก็ไม่ได้ทำให้กัปตันสาวสะดุ้งสะเทือนจนใจฝ่อ
หนำซ้ำยังช่วยให้ขยันขันแข็งกว่าเดิม เธอพูดปลุกใจลูกทีมระหว่างกินมื้อเช้าก่อนลงสนามแข่งเพราะไม่อยากให้เสียกำลังใจเพียงแค่คู่แข่ง
มีไม้กวาดรุ่นใหม่ล่าสุด
อย่างน้อยๆ เท่าที่ซ้อมกันมาเธอก็มั่นใจว่ากริฟฟินดอร์มีฝีมือสู้ได้สบายๆ
อยู่แล้วถ้าไม่มีใครจากบ้านงูเล่นตุกติก
ขณะนี้ทุกคนในทีมกริฟฟินดอร์มารวมตัวกันที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังเปลี่ยนไปสวมเสื้อคลุมสีแดงสดกันหมดแล้ว ภายในห้อง
ร้อนอบอ้าวจนคอลินเริ่มมีเหงื่อซึมตามขมับ อากาศช่วงนี้ร้อนจนอยากนั่งแช่อยู่ในทะเลสาบทั้งวัน คาดว่าไม่วันนี้ก็ตอนนี้ฝนต้องตกแน่
ท้องฟ้าข้างนอกมืดครึ้มมาตั้งแต่เช้า ในห้องมีแสงสว่างสลัวๆ เพียงดวงเดียวจากตะเกียงที่คาเรนเพิ่งจุด กัปตันสาวผู้ยืนพิงกระดาน
ที่แปะกลยุทธ์สำหรับนัดนี้เอาไว้ตรงหน้าห้องกวาดตามองสมาชิกในทีมที่นั่งอยู่ไม่สุขสักคน ยกเว้นจินนี่ผู้สุขุมที่คาเรนไม่ห่วงอยู่แล้ว
ส่วนคอลินผู้เป็นรุ่นพี่และเป็นเพื่อนของจินนี่เธอเองก็ไม่ห่วงต่อให้เป็นครั้งแรกที่จะได้ลงสนามจริงและเขาออกจะเก้งก้างเวลาอยู่
บนไม้กวาดไปสักนิดแต่เขาเป็นคนที่ตีแม่นที่สุดแล้วในบรรดาคนที่มาคัดเลือก...ขอแค่เขาไม่ตื่นเต้นจนลืมว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ก็พอ
คาเรนกระแอมเรียกความสนใจจากคนในทีมที่มานั่งกันพร้อมหน้า “เล่นให้เต็มที่พอ อย่ากดดันตัวเอง ถ้าทุกคนเล่นเต็มที่แล้ว
ผลออกมาไม่เป็นอย่างที่หวังฉันจะไม่ว่าใครเลย แต่ฉันเชื่อว่าเราต้องเอาชนะได้แน่! ที่สำคัญขอให้ทุกคนระวังตัวไม่ว่าจะเล่นตำแหน่งไหน
ก็ตามเพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าสลิธีรินจะเล่นอะไรตุกติกหรือเปล่า ส่วนแผน --”
จินนี่ยกมือขัดจังหวะ “เดี๋ยวก่อน” คาเรนพยักหน้าให้เธอพูด “มีใครบางคนอยู่หน้าประตู” เธอบอก จากนั้นสายตาอีกหกคู่พลันเลื่อน
ไปมองยังจุดเดียวกันที่ช่องว่างข้างล่างประตู มีเงาของใครบางคนอยู่ตรงนั้นจริงๆ
คาเรนเป็นคนอาสาไปเปิดประตูเอง เธอสาวเท้าเข้าใกล้ประตูแบบไร้สุ้มเสียงก่อนกระชากประตูเปิดดูคนที่มาแอบฟัง
เด็กหนุ่มที่รู้ตัวว่าถูกจับได้สะดุ้งเฮือกจนทำของหนักๆ บางอย่างในมือตกลงพื้นดังตุ้บ ดวงตาเบิกกว้างคู่นั้นมองคาเรน--คนอื่นในทีม
พากันเอี้ยวตัวมองผู้บุกรุกแบบไม่ค่อยพอใจนักขณะที่กัปตันสาวเผยรอยยิ้มใจดีเมื่อเห็นใบหน้าที่ถอดแบบมาจากคอลินแต่ต่างกันตรงที่
ชายตรงหน้าไม่มีไฝเล็กๆ ใต้ตาเหมือนคู่หูบีตเตอร์ของเธอ แถมเขายังมีสีแดงกับสีเหลืองทาอยู่เกือบเต็มหน้า
“เดนนิส?!” คอลินโพล่งออกมาด้วยความดีใจแต่แล้วก็นึกขึ้นได้เลยหุบยิ้ม “นายมาทำอะไรที่นี่?”
ครีฟวีย์คนน้องลนลานก้มลงไปหยิบกระปุกสีเล็กๆ สองกระป๋องที่ทำร่วงขึ้นมาโชว์ให้ทุกคนดูพร้อมฉีกยิ้มแหยๆ
“คิดว่าถ้าได้ทาหน้ากันแล้วจะมีกำลังใจมากขึ้นน่ะ”
“เดนนิส พี่ว่าไม่ใช่ตอนนี้...”
คาเรนยกมือขัดคอลินทั้งที่ยังมองน้องชายของเขา “พู่กันล่ะ”
เดนนิสยิ้มแฉ่ง ก้มลงควานหาพู่กันทั่วทั้งตัวแต่คงจะลืมทิ้งเอาไว้ที่ไหนสักแห่ง “สงสัยลืมเอาไว้ที่ห้องโถงใหญ่ เดี๋ยวกลับมานะ”
“ไม่เป็นไร” เด็กสาวยื่นมือไปคว้ากระป๋องสี โบกไม้กายสิทธิ์ให้ฝาเด้งเปิดออกแล้วหันไปหาลูกทีม
“คงไม่ได้ทำอะไรแบบนี้บ่อยนักหรอก ว่าไหม”
จินนี่ยักไหล่ก่อนลุกขึ้นมาหยิบสีพลางเอานิ้วตัวเองจุ่มลงไปแบบไม่ลังเล คนอื่นๆ ก็ไม่รีรอที่จะทำตามบ้าง
คอลินขยับมาหาคาเรนทีละน้อยเหมือนหนอนแล้วเอียงตัวกระซิบ “เธอตามใจน้องชายฉันมากเกินไปแล้ว เวลานี้เราควรจะ
ทวนแผนกันไม่ใช่หรือ”
“ไม่เป็นไรหรอก ทุกคนจำแผนได้กันหมดแล้ว” เธอหันสบตาคอลินตรงๆ ทำเอาเขาต้องรีบหลบสายตาที่มีพลังทำลายล้างหัวใจเขา
ไปมองเดนนิสแทนทว่ากัปตันไม่ได้รู้ตัวสักนิด เธอยังคงพูดต่อไป “แล้วนี่ก็ช่วยให้ฮึกเหิมขึ้นอีกเป็นกอง”
ว่าแล้วคาเรนก็ยกนิ้วชี้กับนิ้วกลางที่จุ่มสีแดงและนิ้วนางกับนิ้วก้อยที่จุ่มสีเหลืองขึ้นมาป้ายเขาที่มัวแต่มองทางอื่นตั้งแต่แก้มข้างขวา
ลากยาวผ่านจมูกแล้วจบลงที่แก้มซ้ายก่อนหันไปหากระจกบานเล็กในห้องจะได้ทาให้ตัวเองบ้าง ทิ้งให้คอลินยืนเพ้อยังกับลอยอยู่ในฝัน
สัมผัสจากนิ้วและความรู้สึกเย็นหน่อยๆ ของสีทำเอาสติแตกกระเจิง แบบนี้เขายอมสละหน้าตัวเองให้เธอเล่นทั้งวันก็ยังได้
ใจเย็นหน่อยคอลิน -- ให้ตายสิ! หน้าเน่อร้อนไปหมดแล้ว!!
ทันใดนั้นสัมผัสจากนิ้วของใครบางคนก็มาดึงคอลินเข้าสู่โลกแห่งความจริง เขาเห็นนิ้วเดนนิสเต็มไปด้วยสีเหลืองหลังจากละเลง
บนหน้าผากพี่ชายแถมท้ายด้วยหัวใจดวงเล็กตรงคางแล้วหัวเราะชอบใจที่ได้เห็นหน้าบูดบึ้งของคนพี่
“อย่าโกรธกันนะ ฉันก็แค่เติมให้มันดูเป็นกริฟฟินดอร์จริงๆ ก็เท่านั้นเอง” เดนนิสยื่นหน้าไปกระซิบ “ไม่ได้ทับสีที่เธอทาเอาไว้หรอกน่า
แล้วก็นะ มีสติหน่อยคอลินนี่ พี่หลงเธอมากเกินไปแล้ว” เดนนิสชกเข้าที่ไหล่คอลินเบาๆ เป็นการหยอกล้อก่อนหันไปหาทุกคนพลางใช้มือ
ข้างที่สะอาดชูกล้องขึ้นมา “ขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหน่อยนะ”
คอลินยกไม้ตีบลัดเจอร์พาดบ่า เก๊กหน้าเข้มอยู่ข้างคาเรนแต่เพราะหัวใจดวงน้อยตรงคางทำให้เดนนิสหลุดขำพรืด
สุดท้ายต้องพยายามกลั้นเอาไว้อย่างสุดความสามารถและแสนทรมานจนจมูกบานๆ หุบๆ
※
ใกล้เวลาสิบเอ็ดโมงตรง ทั้งทีมเดินมายืนอยู่หน้าประตูไม้ที่จะเปิดไปสู่สนามควิดดิช คาเรนได้ยินเสียงหายใจหนักๆ มาจากบีตเตอร์
ผมน้ำตาลข้างตัวท่ามกลางเสียงคุยซุบซิบของพวกข้างหลังกับเสียงร้องเชียร์ข้างนอก ดวงตาสีเขียวเหลือบมองคอลินก่อนผุดยิ้มน้อยๆ
“ตื่นเต้นหรือ”
“ฮื่อ” คอลินส่งเสียงเบาๆ มือเย็นเฉียบ
“ครั้งแรกฉันก็ตื่นเต้นแบบนี้แหละ” คาเรนเหวี่ยงไม้ตีบลัดเจอร์ของตัวเองไปตีกับไม้ของคอลิน “สู้สู้นะ”
ประตูไม้เหวี่ยงตัวเปิดออกสู่สนามควิดดิชพาให้เสียงเชียร์ดังกึกก้องปลุกใจผู้เล่นในทีม คาเรนขึ้นขี่ไม้กวาดแล้วนำลูกทีม
ทะยานขึ้นไปเหนือสนามแล้วบินวนรอบสนามทักทายนักเรียนจากกริฟฟินดอร์และนักเรียนจากบ้านอื่นที่ร้องเชียร์ เช่นเดียวกับนักกีฬา
จากฝั่งสลิธีริน
เสียงสดใสของลูน่า เลิฟกู๊ดดังขึ้นทั่วสนามในฐานะผู้บรรยายเกมควิดดิชแทนลี จอร์ดันที่จบออกไปเมื่อหลายปีก่อน --
ทันทีที่มาดามฮูชออกมายืนกลางสนาม นักกีฬาทั้งสิบสี่ก็ลงมายืนประจันหน้ากัน
สายลมแรงบวกกลิ่นหอมๆ ของฝนเริ่มพัดมาจนผมพลิ้วไปตามลม คาเรนกับคาเมรอนจากบ้านงูยืนประจันหน้ากันในฐานะกัปตัน
ประหนึ่งการแข่งขันทางสายตาได้เริ่มขึ้นก่อนแล้ว
“ฉันอยากเห็นการแข่งขันที่ใสสะอาด เคารพกฎกติกาและมีน้ำใจนักกีฬา -- กัปตัน จับมือกัน” มาดามฮูชออกคำสั่ง
กัปตันทั้งสองก้าวมาข้างหน้า คาเมรอนยื่นมือขวาออกมาก่อนอย่างไม่รีรอ คาเรนยื่นมือไปจับตอบเหมือนกับแค่จะแตะมือเขา
มากกว่า เด็กหนุ่มกระชับมือจับมือที่เล็กกว่าเอาไว้แน่น พลิกมือของเธอคว่ำลงหมายจะจูบมือเธอ สร้างเสียงกรีดร้องจากบรรดาสาวๆ
ที่เป็นแฟนคลับเขา คอลินทำท่าจะขยับไปข้างหน้าแต่ก็ถูกจินนี่ยกแขนขวางเอาไว้ทว่าคาเรนไวกว่าเพราะเธอเอามือตัวเองออกมาได้ทัน
แล้วถอยหลังกลับไปอยู่ในตำแหน่งเดิมของตัวเองทันที
มาดามฮูชสั่งให้สมาชิกที่เหลือในทีมจับมือกันบ้าง คอลินจับมือกับเชสเซอร์ตัวสูง เทอเรนซ์ โบล รุ่นน้องเขาหนึ่งปีที่เป็นเพื่อน
แก๊งเดียวกับคาเมรอนแต่เพราะเมื่อกี้กัปตันบ้านงูคิดจะจูบมือกัปตันของเขาเลยเผลอบีบมือแรงไปหน่อย แต่แล้วก็ผลของการกระทำนั้น
ก็คืนสนองเร็วกว่าที่คิดเมื่อเทอเรนซ์บีบกลับมาแรงกว่า
คอลินหน้าเหยเกนิดหน่อยเมื่อเทียบกับวิกเตอร์ นอร์ธ ซีกเกอร์ผู้เป็นน้องเล็กทีมกริฟฟินดอร์ที่ร้องเสียงหลงเมื่อ เบน น็อกซ์
ซีกเกอร์จากสลิธีริน เพื่อนอีกคนของคาเมรอนที่กำลังจับมือด้วยเกิดเล่นพิเรนทร์ล็อกคอวิกเตอร์ขึ้นมา
มาดามฮูชหันขวับไปมองเบนจึงยอมปล่อยมือ ชูสองมือเหนือไหล่แล้วยิ้มอย่างเป็นมิตรที่ดูปลอมที่สุดให้วิกเตอร์
“ผมแค่อยากชื่นชมที่ปีสี่อย่างเขาก็ได้เป็นซีกเกอร์แล้วน่ะครับ” เบนบอกมาดามฮูชก่อนหมุนตัวกลับไปรับไม้กวาดของตัวเอง
ที่ฝากคาเมรอนไว้ซึ่งคาเรนจับสังเกตได้ว่าสองคนนั้นแอบตีมือกัน
“ทุกคนขี่ไม้กวาดได้”
คาเรนต้องละสายตาจากคู่อริที่ทำตัวมีพิรุธสองคนแล้วมาตั้งสติกับเกมการแข่งขัน นักกีฬาสิบสี่คนทะยานขึ้นไปล้อมวงอยู่เหนือ
มาดามฮูชกับหีบใส่ลูกบอล เธอเป่านกหวีดเสียงหวีดแหลมพร้อมกับเตะหีบให้ลูกบอลทั้งสี่ลูกที่อยากเป็นอิสระได้โบยบินออกมา
ลูน่าบรรยายว่าเกมเปิดด้วยกริฟฟินดอร์ที่คว้าลูกควัฟเฟิลไปครองได้ในวินาทีแรกโดยจินนี่ วีสลีย์! เพื่อนสนิทของเธอ
คาเรนยิ้มมุมปากที่ได้เห็นท่าทางหงุดหงิดน้อยๆ ของคาเมรอน แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาสนใจเขา เธอมองหาลูกบอลสีดำที่ร้ายกาจพอๆกับ
ตัวพิกซี่ บอลลูกแรกพุ่งเข้าหาคอลินที่ไม่ได้มองมันเลย
“คอลิน ระวังข้างหลัง!” คาเรนตะโกนบอก
บีตเตอร์หนุ่มฟาดบลัดเจอร์ไม่ทันแต่ยังดีที่เขาพาตัวเองเบี่ยงหลบมาได้ ต่อให้ลูกบอลพุ่งเข้าใส่ปลายไม้กวาดจนคอลินเป๋เล็กน้อย
แต่ก็ยังทรงตัวอยู่บนไม้กวาดได้
เกมระหว่างเชสเซอร์กำลังดุเดือด จินนี่รับควัฟเฟิลจากโจซี่ ขี่ไม้กวาดหลบเชสเซอร์จากสลิธีรินสองคนที่ใช้แผนเข้ามาขนาบข้าง
เพื่อบีบให้ตกจากไม้กวาด จินนี่พุ่งลงต่ำในจังหวะที่กำลังถูกเบียดได้ทันทำให้ทั้งสองคนชนกันเองก่อนเธอจะวนกลับขึ้นไปใหม่
ขว้างลูกบอลเข้าห่วงได้เป็นสิบแต้มแรกของเกม เสียงเชียร์จากอัฒจันทร์ฝั่งบ้านสิงห์ดังกระหึ่ม คาเรนตีมือกับจินนี่แล้วรีบไปทำหน้าที่ตัวเอง
มีลูกบลัดเจอร์ลูกหนึ่งลอยเคว้งแบบงงๆ อยู่กลางอากาศเพราะคอลินที่เพิ่งตีไป เธอสบโอกาสพุ่งเข้าหาลูกบอล เล็งไปทางคาเมรอน
แล้วหวดแรงๆ แบบไม่ออมมือ คาเมรอนตีให้พ้นจากตัวได้แบบหวุดหวิดก่อนยิ้มเยาะเย้ยให้ บลัดเจอร์ลูกเดียวกันนั้นลอยไปหาคอลิน
ที่กำลังง้างมือรอตีบลัดเจอร์จากอีกลูกที่มาหาเขาเหมือนกัน
เพราะแรงจากคาเมรอนมีแรงกว่าทำให้ไปถึงตัวคอลินก่อน ไม้ที่เขาถือร่วงตุ้บไปที่พื้นพอดีกับเม็ดฝนที่เริ่มโปรยปรายลงมา
ซ้ำร้ายด้วยแรงนั้นทำให้คอลินพลัดตกจากไม้กวาด ยังดีที่เขามือเหนียวคว้าเอาไว้ได้ทันแต่ไม้กวาดที่เริ่มเปียกดันกลายเป็นอุปสรรค
คาเรนหลบกลุ่มเชสเซอร์ที่กำลังยื้อแย่งควัฟเฟิลกันอยู่พุ่งไปหาคอลินแล้วช่วยให้เขากลับมานั่งได้เหมือนเดิม
“เอาไม้ของฉันไปก่อน” คาเรนโยนไม้ตีบลัดเจอร์ของตัวเองให้คอลินแต่เพราะมือเขาลื่นเกินไปเลยหลุดมือไปอีกอันเท่ากับว่าตอนนี้
ไม้ทั้งสองลงไปนอนกลิ้งที่พื้นหมดแล้ว เธออ้าปากค้างแต่ไม่มีเวลามาโมโหหรือโทษกัน “ฉันจะลงไปเก็บเอง นายล่อเอาไว้ก่อนนะ”
ไม่รอให้คอลินได้เถียงเธอก็พุ่งดิ่งลงไปข้างล่างฝ่าสายฝนที่สาดเข้าหน้าจนแสบไปหมด
คาเรนปล่อยมือขวาจากไม้กวาดวาดแขนไปตามยอดแหลมของผืนหญ้าเบื้องล่างก่อนคว้าไม้ที่ตกอยู่ทั้งสองอันมาได้สำเร็จ
เธอพุ่งกลับขึ้นไปหาคอลินแล้วเหวี่ยงไม้ให้เขาอันนึง คราวนี้บีตเตอร์หนุ่มรับเอาไว้ได้แถมยังตีลูกบอลที่มุ่งโจมตีคาเรนตอนที่เธอยังไม่ทัน
ตั้งตัวได้อีกด้วย
ครึ่งชั่วโมงให้หลัง กริฟฟินดอร์ทำคะแนนนำไปห้าสิบแต้มต่อศูนย์และตอนนี้วิกเตอร์มองเห็นลูกสนิชแล้ว เขาโน้มตัวไปข้างหน้า
ขี่ไม้กวาดไปหามันแบบสุดแรงเกิดพร้อมๆ กับซีกเกอร์อีกบ้าน เวลานี้ผู้เล่นคนอื่นต่างลืมหน้าที่ตัวเองไปกันหมดไม่เว้นแม้แต่คาเรน
เธอหยีตายกมือป้องน้ำฝนมองวิกเตอร์ที่กำลังห้ำหั่นกับเบน
“สู้เขาวิกเตอร์” คาเรนพึมพำกับตัวเอง แต่ก็ต้องขมวดคิ้วเพ่งมองไปยังซีกเกอร์ของเธอมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินเสียงของลูน่า
พากษ์ว่าท่าทางของวิกเตอร์เหมือนสมาธิหลุด เขาขยับยุกยิกผิดปกติซ้ำยังชะลอความเร็วลง
เกมจบลงด้วยคะแนนหนึ่งร้อยห้าสิบต่อห้าสิบเมื่อสลิธีรินคว้าลูกสนิชได้ในที่สุด
ทุกคนในทีมกริฟฟินดอร์ต่างงงเหมือนกันหมด ทุกคนลงไปยืนกลางสนามท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำไม่หยุด ไม่ต่างจากวิกเตอร์
ที่กำลังใช้สองมือเกาไปทั่วตัวและไม่สนใจอะไรอีกแล้ว -- ดูท่าไม่ดีแน่ คอลินกับไนเจลที่เป็นทั้งคีปเปอร์และเพื่อนของวิกเตอร์ช่วยกัน
พาซีกเกอร์ของทีมไปหามาดามพอมฟรีย์
คาเรนกับคนอื่นในทีมตามเข้ามายืนมุงรอบเตียงดูอาการวิกเตอร์ ม่านฝนที่เป็นอุปสรรคต่อการมองหมดไปพวกเขาจึงเห็นผื่นแดง
ที่ขึ้นทั่วตัวซีกเกอร์หนุ่ม
“เบนเป็นคนทำ!” วิกเตอร์บอกอย่างมั่นใจเฉพาะเจาะจงกับคาเรน มือก็ยังเกาไปด้วยทั้งที่มาดามพอมฟรีย์บอกว่าห้ามแตะต้องมัน
เด็ดขาดถ้าไม่อยากอาการหนักกว่าเดิม “ฉันมั่นใจว่าเขาเป็นคนทำตอนที่ล็อกคอฉันก่อนเริ่มแข่งแน่ๆ มันเพิ่งออกฤทธิ์ตอนที่ฉันกำลังจะจับ
สนิชได้”
คาเรนยกชายเสื้อคลุมที่เปียกฝนขึ้นมาเช็ดสีออกจากหน้า “เบนทำอะไรนาย”
“แป้งยุบยิบ! เจ้านั่นเอามันใส่ในเสื้อคลุมของฉัน”
“มันคืออะไร”
“ตรงตัวอยู่แล้ว มันคือแป้งที่จะทำให้เราคันยุบยิบจนถึงคันคะเยอได้ทั้งตัว ฉันเคยเจอที่ร้านขายของตลกซองโก้ แป้งนี่จะออกฤทธิ์
ประมาณหนึ่งชั่วโมงให้หลังจากที่ทา เจ้านั่นต้องใช้มันกับฉันตอนนั้นแน่”
สีหน้าคาเรนเคร่งเครียดยิ่งกว่าเก่า “แน่ใจนะ”
“แน่ซะยิ่งกว่าแช่แป้ง”
“เข้าใจแล้ว” เธอพยักหน้ารับรู้พร้อมกับหมุนตัวเตรียมเดินออกจากห้องพยาบาล
“จะไปไหน” จินนี่ตะโกนตามหลังมา
“ไปหามาดามฮูช -- แล้วก็หาศาสตราจารย์มักกอนนากัล ศาสตราจารย์สเนปแล้วก็ตัวคนร้าย ถ้าวิกเตอร์มั่นใจขนาดนี้ฉันก็ต้อง
ไปเคลียร์สักหน่อยละ”
“ฉันไปด้วย” จินนี่กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามกัปตัน
คอลินเองก็อยากไปด้วยแต่ติดตรงที่วิกเตอร์ขอร้องให้เขาช่วยเกาหลังให้หน่อย -- ถึงเกาไม่ได้แต่ช่วยแตะๆ หน่อยก็ยังดี
หนึ่งชั่วโมงแห่งการคุยไม่ประสบผลสำเร็จ คาเรนต้องระงับอารมณ์ไม่ให้เตะชุดเกราะสีเงินที่ตั้งไว้ข้างทางด้วยความโมโห
“ได้ผลไหม” คอลินดักเจอคาเรนกับจินนี่ที่หน้าบันไดขึ้นไปยังรูปภาพสุภาพสตรีอ้วน ดูจากหน้าคาเรนที่ยังแดงอยู่คงเดาได้ไม่ยาก
เธอส่ายหน้า “เอาไว้เล่ารายละเอียดตอนเราอยู่พร้อมหน้ากันก็แล้วกันนะ ตอนนี้ทุกคนอยู่ไหน”
“กลับมากันหมดแล้ว กำลังรอพวกเธอที่ห้องนั่งเล่นรวม”
จินนี่เดินนำหน้า บอกรหัสผ่านกับสุภาพสตรีอ้วน รูปภาพเหวี่ยงเปิดออกทันทีที่เธอบอกรหัสถูกต้องก่อนปีนขึ้นไปเป็นคนแรก
คอลินแตะข้อมือคาเรนเบาๆ ตอนที่เธอกำลังจะปีนเข้าช่องว่างหลังภาพสุภาพสตรีอ้วน “ฉันเห็นที่แก้มเธอมีเลือดออกตั้งแต่
อยู่ห้องพยาบาลแล้ว แต่เรียกเธอไม่ทันฉันเลยขอพลาสเตอร์มาให้”
คาเรนยกมือแตะแก้มเบาๆ ก็สะดุ้งเพราะมันแสบ สงสัยคงได้มาตอนที่ขี่ไม้กวาดเร็วแล้วโดนบาดมา
“ขอบคุณนะ” เธอแบมือรอรับพลาสเตอร์ทว่าคอลินดันชักมือกลับไป
“ให้ฉันติดให้ดีกว่า”
คาเรนพยักหน้าให้ รุ่นพี่ผมน้ำตาลเลยรีบแกะพลาสเตอร์แล้วเล็งกับแผลบนแก้มเธอ มือเจ้ากรรมก็ดันสั่นอีกเลยยิ่งกินเวลา
กว่าจะแปะให้อย่างเบามือที่สุด
สุภาพสตรีอ้วนกระแอมไอขัดจังหวะ “จะเข้าไหม ฉันมีงานเลี้ยงที่ต้องไปต่อนะ”
ทั้งสองลนลานเข้าห้องนั่งเล่นไปสมทบกับคนอื่นในทีม ภาพแรกที่เห็นคือวิกเตอร์ผู้ทายาขาวโพลนทั้งตัวราวกับพันด้วยผ้าพันแผล
นั่งอยู่บนเก้าอี้นวมหน้าเตาผิง มือก็เกาไม่หยุดจนโจซี่ต้องตีมือให้เขาหยุดเกาแกร่กๆ เสียที
“ขอโทษนะ เราพยายามเต็มที่แล้ว ศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็ด้วย” คาเรนบอกกับลูกทีมด้วยความรู้สึกผิดหวัง
ที่ไม่ได้รับความยุติธรรม
“พวกขี้โกงนั่นไม่มีใครยอมรับแถมจับมือใครมาดมก็ไม่ได้สักคนเพราะพวกเขาไม่ได้ใช้เวทมนตร์อะไร ผลการตัดสินจะเป็น
เหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไม่มีแข่งใหม่” จินนี่ช่วยอธิบาย “สาบานได้ ก่อนฉันเรียนจบปีนี้เจ้าพวกนั้นต้องได้เจอคําสาป
ปีศาจค้างคาวของฉันสักครั้งนึงละ”
ฟังผลจบวิกเตอร์ก็ทุบกำปั้นกับที่วางแขนด้วยความเจ็บใจทำเอาผงยาที่ทาตัวเขาร่วงกราว ช่วงจังหวะที่ทุกคนในทีมเงียบจึงได้ยิน
นักเรียนปีสองพูดกันมาจากวงสนทนาที่อยู่อีกฟากของห้อง
“เราไม่เคยแพ้สลิธีรินมาตั้งหลายปีแล้ว”
“นี่มันยุคมืดของทีมบ้านชัดๆ”
คาเรนผู้แบกภาระอันหนักอึ้งในฐานะกัปตันได้แต่ยิ้มอย่างเหนื่อยใจกับคำพูดพวกนั้น เธอเหนื่อยเกินกว่าจะเถียงหรือต่อกรกับใคร
เลยเลือกพูดกับคนในทีมแทน
“ขอบคุณนะ วันนี้ทุกคนเหนื่อยกันมากแล้ว ไปพักเถอะ” เธอบอกก่อนเดินขึ้นไปทางหอพักหญิงอย่างล่องลอยเหมือนสติหลุดไปแล้ว
ในหัวปวดตุบๆ เหมือนโดนคาเมรอนเอามือมาทุบ ทำให้ทั้งปวดหัวทั้งโมโหปนกัน ไหนจะข้อตกลงระหว่างเธอกับเขาเรื่องบัตเตอร์เบียร์นั่นอีก!
คอลินนั่งคอตกเพราะเห็นคาเรนเสียใจทั้งที่เขากับทุกคนในทีมต่างก็ตั้งใจกันทั้งนั้น ไม่ควรจะมีใครต้องมาได้ยินประโยค
ชวนตัดกำลังใจแบบนี้
จินนี่ถอนหายใจ “ได้ยินแบบนั้นคาเรนต้องเสียใจมากแน่ๆ”
มือคอลินกำแน่นอยู่บนตัก อุตส่าห์ฝึกซ้อมกันมาร่วมเดือน เผลอๆ ซ้อมกันตอนที่คนพวกนั้นนอนหลับอุตุด้วยซ้ำ
แทนที่จะให้กำลังใจกลับมาพูดไม่คิดแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน! เขาปลุกแรงกล้าในตัวขึ้นมา ลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับพวกที่ยังพล่ามไม่หยุด
แล้วตะโกนใส่อย่างหมดความอดทน “คิดว่าพูดแบบนี้แล้วนัดต่อไปพวกเราคงมีกำลังใจล้นหลามเลยสินะ!”
“ใช่!” วิกเตอร์ผู้น่าสงสารแทบจะตบเข่าฉาด! รีบลุกขึ้นเสริมด้วยความคับข้องใจ “แล้วรู้ไว้ด้วยหนูๆ -- ว่าเราถูกเจ้าพวกบ้านงูนั่นโกง
พวกนั้นเอาแป้งยุบยิบใส่มาในเสื้อคลุมของฉัน ไม่งั้นฉันจับสนิชได้ไปแล้ว!”
เกิดเสียงฮือฮาขึ้นทั่วห้องนั่งเล่นรวม แค่สภาพวิกเตอร์ก็เป็นหลักฐานตำตาแน่ชัดมากพอแล้ว จากเสียงบ่นที่บ้านตัวเองแพ้
กระแสลมพลันเปลี่ยนทิศไปก่นด่าบ้านคู่แข่งแทน
※
วันรุ่งขึ้นคาเรนกลับไม่ได้อยู่ในอารมณ์เสียใจเท่าที่คิด เธอยังคงทักทายคนในทีมอย่างร่าเริงเหมือนเดิม
“ฉันมาคิดดูแล้ว ถ้าตัดเรื่องสลิธีรินโกงเราไปแล้วคิดเรื่องทีมของเราจริงๆ เรายังขาดความเป็นทีมกันอยู่นิดหน่อย
นิดหน่อยเท่านั้นแหละ แต่ไม่มีใครผิดทั้งนั้น ฉันรู้ว่าพวกเราเล่นกันเต็มที่แล้ว”
จินนี่เข้ามานั่งที่เก้าอี้นวมตรงข้ามเธอ “เธอไม่ได้คิดมากเรื่องที่พวกนั้นพูดกันใช่ไหม”
“คิดสิ แต่ฉันรู้ว่ามันไร้สาระมาก ฉันซ้อมกับพวกเธอมาหลายวันทำไมฉันจะไม่รู้ เราไม่ใช่ยุคมืด เราก็แค่แพ้สลิธีรินแบบไม่ยุติธรรม
ให้พวกบ้านงูดีใจได้แค่นัดนี้เท่านั้นแหละ แต่ต่อจากนี้เราจะชนะแล้วคว้าถ้วยรางวัลให้ดู!”
คอลินเข้ามานั่งเก้าอี้ถัดจากคาเรนเพราะมันเหลือที่ว่างตัวเดียวพร้อมกับกล้องที่คล้องคอมาด้วย พอทุกคนออกไปกินมื้อเช้า
กันหมดแล้ว เขากลับยังปักหลักนั่งอยู่ที่เดิมเหมือนมีเรื่องอยากพูด คาเรนเลิกคิ้วข้างนึงเป็นเชิงถามเขาเลยเริ่มต้นแบบตะกุกตะกัก
“ขะ -- ขอโทษนะ ที่ฉันทำพลาดตั้งหลายอย่าง -- ไม่งั้นเราคงชนะไปแล้ว”
“ล้อเล่นรึเปล่า นายไม่ได้ผิดอะไรเลย ควิดดิชน่ะเอาแน่เอานอนไม่ได้หรอก แค่สภาพอากาศก็คาดเดาไม่ได้แล้ว นี่มันก็แค่นัดแรก
อีกนิดเราจะชนะแล้วถ้าสลิธีรินไม่เล่นสกปรก คนที่ผิดคือคนพวกนั้นนั่นแหละ จริงอยู่ที่ฉันเสียดายแต่อย่างน้อยนัดเมื่อวานก็เป็นหนึ่งใน
นัดที่ฉันสนุกที่สุดเลย พูดจริงนะ ฉันลุ้นแทบแย่ว่าจะหยิบไม้ที่ร่วงลงไปแล้วส่งให้นายทันไหม โชคดีที่เราไม่โดนเล่นงานจนร่วงมานอนแปะ
กับพื้น นายเองก็ดูสนุกดีนี่ ถึงจะแพ้แต่คนเล่นสนุกก็ถือว่ายังได้กำไรน่า -- ตอนนี้ฉันไม่ได้เครียดเรื่องควิดดิชแล้ว เชื่อฉันเถอะ”
“ตะ -- แต่ต่อจากนี้ฉันจะซ้อมให้หนักกว่าเดิม เธอจะซ้อมเมื่อไรก็เรียกฉันได้เลยยี่สิบสี่ชั่วโมง”
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะเรียกซ้อมทุกครั้งที่มีโอกาสเชียวละ เตรียมตัวไว้ให้ดีก็แล้วกัน” เธอเอื้อมมือมาชกแขนคอลินเบาๆ แบบหยอกล้อ
สายตาเธอเหลือบไปเห็นกล้องในมือเขาพอดี
“คงไม่มีรูปน่าเกลียดๆ ของฉันหรอกใช่ไหม”
“แน่นอน -- แน่นอน ไม่มีอยู่แล้ว”
※
มื้อเช้าของคาเรนไม่น่ารื่นรมย์เท่าไร ทั้งรอยยิ้มบวกแววตาเจ้าเล่ห์ของคาเมรอนที่ขยิบให้ทันทีที่เธอนั่งลงตรงโต๊ะกริฟฟินดอร์
เสียงผิวปากแซวจากเพื่อนอีกสองคนในแก๊งเดียวกันทำให้ความอยากอาหารลดลงจนทนนั่งต่อไม่ได้ เด็กสาวเลยยกถาดออกไปกิน
ตรงลานว่างของปราสาท -- คอลินมองตามจนคอแทบหัก จินนี่กับโจซี่เลยเสนอตัวลุกตามไปเองเพราะคิดว่าคาเรนยังเจ็บใจกับควิดดิช
นัดที่ผ่านมาอยู่ กระทั่งได้รู้ความจริงว่าแท้จริงแล้วกัปตันของพวกเธอนั้นมีนัดต้องไปดื่มบัตเตอร์เบียร์กับคาเมรอนตามที่พนันกันเอาไว้
เลยหงุดหงิดจนไม่อยากมองหน้าอีกฝ่าย
คอลินอ้าปากค้างมากพอที่ผีเสื้อตัวหนึ่งจะบินเข้าไปได้หลังรู้จากจินนี่
อะไรกัน??
ทำไมโลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมขนาดนี้?! อุตส่าห์ทุ่มสุดตัวให้ได้อยู่ใกล้คาเรนแต่โอกาสที่จะได้ไปดื่มบัตเตอร์เบียร์กับเธอต่อให้ไปด้วยกัน
ทั้งทีมควิดดิชก็ยังไม่มีวี่แววสักครั้ง ทำไมคนขี้โกงอย่างคาเมรอนถึงปาดหน้าเอาโอกาสนั้นไปครองได้อย่างง่ายดาย แถมฟังจากจินนี่
ยังดูเหมือนมันจะเข้าเค้าเป็นการไปเดตกันอีกต่างหาก
เอาละ! ฉันชักไม่ชอบหน้านายขึ้นมาจริงๆ แล้ว คาเมรอน!!!
สงสัยคอลินแสดงออกทางสีหน้ามากเกินไป จินนี่เลยดีดนิ้วตรงหน้าเขา “รู้นะคิดอะไร คาเรนบอกว่านั่นไม่ใช่เดต”
คืนวันที่ฮอกวอตส์ช่างเร็วจนน่าใจหาย นับจากวันแข่งควิดดิช อีกไม่กี่วันคาเรนก็ต้องไปดื่มบัตเตอร์เบียร์ที่ร้านไม้กวาดสามอัน
กับคาเมรอนแล้ว
โจซี่มานั่งตรงปลายเตียงคาเรน ดูเสื้อผ้าในหีบว่ามีชุดไหนเหมาะกับนัดวันเสาร์บ้างทั้งที่คนจะไปกลับไม่สนใจสักนิด
คาเรนนอนตะแคงเอามือยันแก้มมองเพื่อนสาวที่ดูเอ็นจอยซะเหลือเกิน
“พูดตามจริงฉันเสียดายนะที่ทีมเราแพ้” โจซี่บอก มือยังคงคุ้ยหาชุดไปด้วย “ถ้าฉันทำคะแนนได้อีกร้อยสิบแต้มต่อให้สลิธีริน
จับลูกสนิชได้เราก็ชนะแล้ว”
“ถ้าแบบนั้นเราคงต้องแข่งทั้งวันเลยนะนั่น”
“คงงั้น แต่เรื่องที่เธอกำลังกังวลอยู่อย่างน้อยถ้าเธอเลี่ยงไม่ได้ก็คิดซะว่าไปเดตกับคนหล่อแล้วกัน ถึงเวลานั้นเข้าจริงก็มองข้าม
นิสัยเสียๆ ของตานั่นไปเถอะ”
จากควิดดิชพอวกกลับมาเรื่องนี้พลันทำให้คาเรนถึงกับห่อเหี่ยว “ถ้าเป็นเธอจะอยากไปไหมล่ะ โจซี่”
“ไม่ ตานั่นคือคนเดียวที่ฉันจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวเด็ดขาดต่อให้หล่อแค่ไหนก็เถอะ” โจซี่ตอบทันควันแบบไม่ต้องคิด “ฉันตั้งมั่นกับตัวเอง
ว่าจะไม่ชอบใครอีกแล้ว ตั้งแต่เฟร็ด...” มีแฟน เธอถอนหายใจให้กับรักแรกแบบรักข้างเดียวของเธอเมื่อหลายปีก่อน
เธอแอบชอบเฟร็ด วีสลีย์ ฝาแฝดผมแดงผู้เล่นบีตเตอร์ได้เตะตาเตะใจเธอที่สุด รวมทั้งนิสัยสุดโต่งของเขา -- แต่อะไรๆ ก็ไม่เป็นดั่งหวัง
เพราะเฟร็ดชอบเชสเซอร์สาวในทีมเดียวกันตอนนั้น โจซี่เคยเข้าคัดตัวควิดดิชทีมบ้านเพื่อจะได้คุยกับเขาแต่ก็ไม่ผ่าน กว่าจะทำใจได้
ใช้เวลาตั้งหลายเดือน พอมาตอนนี้เธอได้เข้าทีมสมใจกลับไม่มีเฟร็ดที่เป็นกำลังใจของเธอแล้ว สิ่งที่เธอทำได้ก็คือตั้งใจเล่นควิดดิชให้ดี
และเลิกคิดถึงรักที่เป็นไปไม่ได้...
คาเรนคิดจะบ่นให้คอแห้งกันไปข้างแต่กลับกลายเป็นเพื่อนตัวเองเศร้าไปอีก
“อย่าเศร้าไปเลยโจซี่ของฉัน เฟร็ดมีคนเดียวบนโลกก็จริงแต่ใช่ว่าโลกนี้จะมีแค่เขาคนเดียวซะเมื่อไร เธอยังได้เจอผู้คนอีกเยอะ”
“จริงของเธอ”
“ขอให้เจอคนนั้นเร็วๆ ก็แล้วกัน เธอต้องเจอแน่” คาเรนถอนหายใจ “ฉันตอนนี้เนี่ยสิ เมื่อไรจะผ่านวันงี่เง่ากับคาเมรอนนั่นไปสักทีนะ”
โจซี่ส่งยิ้มเห็นใจให้เพื่อนรักที่มีเรื่องหนักใจกว่าตัวเองเยอะ “เอาน่า แค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ ชุดนี้เป็นไง เดรสสีแดง”
คาเรนหน้ามุ่ย คว้าชุดมาแล้วใส่กลับลงหีบ “ถ้าเดตแรกของฉันต้องเป็นแบบนี้ฉันยอมเดตกับโทรลล์ดีกว่าต้องเดตกับคาเมรอน
ฉันจะใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์กับเสื้อคลุมที่ฉันใส่เป็นปกตินั่นแหละ แล้วนี่ไม่นับว่าฉันไปเดตด้วย”
คาเรนทิ้งตัวนอนหงายบนเตียงนอนอันนุ่มสบาย
แต่ใจเธอไม่สบายตามไปด้วยเลย...
คอลินนอนแผ่หลาอยู่บนเตียงตัวเองในหอพักชายที่ห่างจากหอหญิงไปไม่เท่าไร ท้ายเตียงมีเดนนิสผู้รับกรรมมานั่งฟังพี่ชาย
ระบายความในใจเรื่องหญิงในดวงใจของเขากับคาเมรอนและบัตเตอร์เบียร์...
“พี่จะทำยังไงดี เดนนิส? ไปล่มเดตนั่นซะเลยดีไหม” คอลินนอนคว่ำหันหน้าไปทางปลายเตียงแล้วเท้าคางถามน้องชาย
ดวงตามีประกายวิบวับราวกับฝาแฝดวีสลีย์เวลามีแผนป่วนอยู่ในหัว
“แล้วพี่จะทำยังไง คอลิน บุกเข้าไปแล้วชิงตัวคาเรนมาเลยรึไง หรือจะโยนระเบิดเหม็นใส่คาเมรอนดี?” เดนนิสส่ายหัว
“นั่นโจ่งแจ้งไป ตกลงพี่ได้คิดแผนไว้บ้างหรือเปล่าล่ะ”
“เปล่า” คอลินเบะปาก กลับไปนอนหงายตามเดิม สองมือขยี้ผมตัวเองด้วยอารมณ์หงุดหงิดสุดๆ แล้วตะโกนระบายอารมณ์
ที่มันอัดอั้นตันใจโดยที่ไม่รู้ว่ากัปตันสาวจากฝั่งหอนอนหญิงก็กำลังทำเหมือนกันอยู่
“โว้ยยยยย!!!”
※
- Talk -
ร้อนใจกว่าคุณกัปตันก็คุณพี่คอลินนี่ละค่ะ คนเดียวในใจที่แอบมองมาก็ตั้งแรมปี ถ่ายรูปเก็บไว้ก็ตั้งหลายใบแต่อยู่ดีๆ มาถูกตัดหน้า
ไปอย่างหน้าตาเฉย กว่าจะได้รู้ว่าสองคนนั้นไปพนันอะไรกันไว้ก็ทำอะไรไม่ได้แล้วละค่ะ อ้อ...ทำใจไง...
ความคิดเห็น