ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] Captain [Colin x OC] [END]

    ลำดับตอนที่ #4 : 4 ll Gryffindor vs Slytherin

    • อัปเดตล่าสุด 5 เม.ย. 64



    4


    Gryffindor vs Slytherin



     

              เวลานี้หากเปรียบเทียบเรื่องได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างควิดดิชทีมกริฟฟินดอร์กับสลิธีรินเห็นจะเป็นเรื่องไม้กวาด...

         

           เดรโก มัลฟอย รุ่นพี่บ้านสลิธีรินที่เพิ่งจบออกไปปีก่อนเกิดใจป้ำควักเหรียญทองเกลเลียนของตัวเองซื้อไม้กวาดใหม่เอี่ยม

    ให้รุ่นน้องทั้งทีมเป็นของขวัญแถมคาเมรอนยังเอามาเย้ยต่อหน้าคาเรนอีกต่างหาก

                

              คาเรนนึกอิจฉาอยู่นิดๆ เธอใช้รุ่นไฟร์โบลต์ที่ใช้มาสามปีเต็มแล้ว แต่แค่นั้นก็ไม่ได้ทำให้กัปตันสาวสะดุ้งสะเทือนจนใจฝ่อ

    หนำซ้ำยังช่วยให้ขยันขันแข็งกว่าเดิม เธอพูดปลุกใจลูกทีมระหว่างกินมื้อเช้าก่อนลงสนามแข่งเพราะไม่อยากให้เสียกำลังใจเพียงแค่คู่แข่ง

    มีไม้กวาดรุ่นใหม่ล่าสุด อย่างน้อยๆ เท่าที่ซ้อมกันมาเธอก็มั่นใจว่ากริฟฟินดอร์มีฝีมือสู้ได้สบายๆ อยู่แล้วถ้าไม่มีใครจากบ้านงูเล่นตุกติก

        

              ขณะนี้ทุกคนในทีมกริฟฟินดอร์มารวมตัวกันที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังเปลี่ยนไปสวมเสื้อคลุมสีแดงสดกันหมดแล้ว ภายในห้อง

    ร้อนอบอ้าวจนคอลินเริ่มมีเหงื่อซึมตามขมับ อากาศช่วงนี้ร้อนจนอยากนั่งแช่อยู่ในทะเลสาบทั้งวัน คาดว่าไม่วันนี้ก็ตอนนี้ฝนต้องตกแน่ 

    ท้องฟ้าข้างนอกมืดครึ้มมาตั้งแต่เช้า ในห้องมีแสงสว่างสลัวๆ เพียงดวงเดียวจากตะเกียงที่คาเรนเพิ่งจุด กัปตันสาวผู้ยืนพิงกระดาน

    ที่แปะกลยุทธ์สำหรับนัดนี้เอาไว้ตรงหน้าห้องกวาดตามองสมาชิกในทีมที่นั่งอยู่ไม่สุขสักคน ยกเว้นจินนี่ผู้สุขุมที่คาเรนไม่ห่วงอยู่แล้ว 

    ส่วนคอลินผู้เป็นรุ่นพี่และเป็นเพื่อนของจินนี่เธอเองก็ไม่ห่วงต่อให้เป็นครั้งแรกที่จะได้ลงสนามจริงและเขาออกจะเก้งก้างเวลาอยู่

    บนไม้กวาดไปสักนิดแต่เขาเป็นคนที่ตีแม่นที่สุดแล้วในบรรดาคนที่มาคัดเลือก...ขอแค่เขาไม่ตื่นเต้นจนลืมว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ก็พอ   


              คาเรนกระแอมเรียกความสนใจจากคนในทีมที่มานั่งกันพร้อมหน้า “เล่นให้เต็มที่พอ อย่ากดดันตัวเอง ถ้าทุกคนเล่นเต็มที่แล้ว

    ผลออกมาไม่เป็นอย่างที่หวังฉันจะไม่ว่าใครเลย แต่ฉันเชื่อว่าเราต้องเอาชนะได้แน่! ที่สำคัญขอให้ทุกคนระวังตัวไม่ว่าจะเล่นตำแหน่งไหน

    ก็ตามเพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าสลิธีรินจะเล่นอะไรตุกติกหรือเปล่า ส่วนแผน --”


           จินนี่ยกมือขัดจังหวะ “เดี๋ยวก่อน” คาเรนพยักหน้าให้เธอพูด “มีใครบางคนอยู่หน้าประตู” เธอบอก จากนั้นสายตาอีกหกคู่พลันเลื่อน

    ไปมองยังจุดเดียวกันที่ช่องว่างข้างล่างประตู มีเงาของใครบางคนอยู่ตรงนั้นจริงๆ


           คาเรนเป็นคนอาสาไปเปิดประตูเอง เธอสาวเท้าเข้าใกล้ประตูแบบไร้สุ้มเสียงก่อนกระชากประตูเปิดดูคนที่มาแอบฟัง


           เด็กหนุ่มที่รู้ตัวว่าถูกจับได้สะดุ้งเฮือกจนทำของหนักๆ บางอย่างในมือตกลงพื้นดังตุ้บ ดวงตาเบิกกว้างคู่นั้นมองคาเรน--คนอื่นในทีม

    พากันเอี้ยวตัวมองผู้บุกรุกแบบไม่ค่อยพอใจนักขณะที่กัปตันสาวเผยรอยยิ้มใจดีเมื่อเห็นใบหน้าที่ถอดแบบมาจากคอลินแต่ต่างกันตรงที่

    ชายตรงหน้าไม่มีไฝเล็กๆ ใต้ตาเหมือนคู่หูบีตเตอร์ของเธอ แถมเขายังมีสีแดงกับสีเหลืองทาอยู่เกือบเต็มหน้า


              “เดนนิส?!” คอลินโพล่งออกมาด้วยความดีใจแต่แล้วก็นึกขึ้นได้เลยหุบยิ้ม “นายมาทำอะไรที่นี่?”


           ครีฟวีย์คนน้องลนลานก้มลงไปหยิบกระปุกสีเล็กๆ สองกระป๋องที่ทำร่วงขึ้นมาโชว์ให้ทุกคนดูพร้อมฉีกยิ้มแหยๆ 

    “คิดว่าถ้าได้ทาหน้ากันแล้วจะมีกำลังใจมากขึ้นน่ะ”


           “เดนนิส พี่ว่าไม่ใช่ตอนนี้...”


           คาเรนยกมือขัดคอลินทั้งที่ยังมองน้องชายของเขา “พู่กันล่ะ”


           เดนนิสยิ้มแฉ่ง ก้มลงควานหาพู่กันทั่วทั้งตัวแต่คงจะลืมทิ้งเอาไว้ที่ไหนสักแห่ง “สงสัยลืมเอาไว้ที่ห้องโถงใหญ่ เดี๋ยวกลับมานะ”


           “ไม่เป็นไร” เด็กสาวยื่นมือไปคว้ากระป๋องสี โบกไม้กายสิทธิ์ให้ฝาเด้งเปิดออกแล้วหันไปหาลูกทีม 

    “คงไม่ได้ทำอะไรแบบนี้บ่อยนักหรอก ว่าไหม”


           จินนี่ยักไหล่ก่อนลุกขึ้นมาหยิบสีพลางเอานิ้วตัวเองจุ่มลงไปแบบไม่ลังเล คนอื่นๆ ก็ไม่รีรอที่จะทำตามบ้าง


           คอลินขยับมาหาคาเรนทีละน้อยเหมือนหนอนแล้วเอียงตัวกระซิบ “เธอตามใจน้องชายฉันมากเกินไปแล้ว เวลานี้เราควรจะ

    ทวนแผนกันไม่ใช่หรือ”


           “ไม่เป็นไรหรอก ทุกคนจำแผนได้กันหมดแล้ว” เธอหันสบตาคอลินตรงๆ ทำเอาเขาต้องรีบหลบสายตาที่มีพลังทำลายล้างหัวใจเขา

    ไปมองเดนนิสแทนทว่ากัปตันไม่ได้รู้ตัวสักนิด เธอยังคงพูดต่อไป “แล้วนี่ก็ช่วยให้ฮึกเหิมขึ้นอีกเป็นกอง”


           ว่าแล้วคาเรนก็ยกนิ้วชี้กับนิ้วกลางที่จุ่มสีแดงและนิ้วนางกับนิ้วก้อยที่จุ่มสีเหลืองขึ้นมาป้ายเขาที่มัวแต่มองทางอื่นตั้งแต่แก้มข้างขวา

    ลากยาวผ่านจมูกแล้วจบลงที่แก้มซ้ายก่อนหันไปหากระจกบานเล็กในห้องจะได้ทาให้ตัวเองบ้าง ทิ้งให้คอลินยืนเพ้อยังกับลอยอยู่ในฝัน 

    สัมผัสจากนิ้วและความรู้สึกเย็นหน่อยๆ ของสีทำเอาสติแตกกระเจิง แบบนี้เขายอมสละหน้าตัวเองให้เธอเล่นทั้งวันก็ยังได้


           ใจเย็นหน่อยคอลิน -- ให้ตายสิ! หน้าเน่อร้อนไปหมดแล้ว!!


           ทันใดนั้นสัมผัสจากนิ้วของใครบางคนก็มาดึงคอลินเข้าสู่โลกแห่งความจริง เขาเห็นนิ้วเดนนิสเต็มไปด้วยสีเหลืองหลังจากละเลง

    บนหน้าผากพี่ชายแถมท้ายด้วยหัวใจดวงเล็กตรงคางแล้วหัวเราะชอบใจที่ได้เห็นหน้าบูดบึ้งของคนพี่


           “อย่าโกรธกันนะ ฉันก็แค่เติมให้มันดูเป็นกริฟฟินดอร์จริงๆ ก็เท่านั้นเอง” เดนนิสยื่นหน้าไปกระซิบ “ไม่ได้ทับสีที่เธอทาเอาไว้หรอกน่า 

    แล้วก็นะ มีสติหน่อยคอลินนี่ พี่หลงเธอมากเกินไปแล้ว” เดนนิสชกเข้าที่ไหล่คอลินเบาๆ เป็นการหยอกล้อก่อนหันไปหาทุกคนพลางใช้มือ

    ข้างที่สะอาดชูกล้องขึ้นมา “ขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหน่อยนะ”


           คอลินยกไม้ตีบลัดเจอร์พาดบ่า เก๊กหน้าเข้มอยู่ข้างคาเรนแต่เพราะหัวใจดวงน้อยตรงคางทำให้เดนนิสหลุดขำพรืด 

    สุดท้ายต้องพยายามกลั้นเอาไว้อย่างสุดความสามารถและแสนทรมานจนจมูกบานๆ หุบๆ


      

              ใกล้เวลาสิบเอ็ดโมงตรง ทั้งทีมเดินมายืนอยู่หน้าประตูไม้ที่จะเปิดไปสู่สนามควิดดิช คาเรนได้ยินเสียงหายใจหนักๆ มาจากบีตเตอร์

    ผมน้ำตาลข้างตัวท่ามกลางเสียงคุยซุบซิบของพวกข้างหลังกับเสียงร้องเชียร์ข้างนอก ดวงตาสีเขียวเหลือบมองคอลินก่อนผุดยิ้มน้อยๆ


           “ตื่นเต้นหรือ”


           “ฮื่อ” คอลินส่งเสียงเบาๆ มือเย็นเฉียบ


           “ครั้งแรกฉันก็ตื่นเต้นแบบนี้แหละ” คาเรนเหวี่ยงไม้ตีบลัดเจอร์ของตัวเองไปตีกับไม้ของคอลิน “สู้สู้นะ”


           ประตูไม้เหวี่ยงตัวเปิดออกสู่สนามควิดดิชพาให้เสียงเชียร์ดังกึกก้องปลุกใจผู้เล่นในทีม คาเรนขึ้นขี่ไม้กวาดแล้วนำลูกทีม

    ทะยานขึ้นไปเหนือสนามแล้วบินวนรอบสนามทักทายนักเรียนจากกริฟฟินดอร์และนักเรียนจากบ้านอื่นที่ร้องเชียร์ เช่นเดียวกับนักกีฬา

    จากฝั่งสลิธีริน


           เสียงสดใสของลูน่า เลิฟกู๊ดดังขึ้นทั่วสนามในฐานะผู้บรรยายเกมควิดดิชแทนลี จอร์ดันที่จบออกไปเมื่อหลายปีก่อน -- 

    ทันทีที่มาดามฮูชออกมายืนกลางสนาม นักกีฬาทั้งสิบสี่ก็ลงมายืนประจันหน้ากัน


           สายลมแรงบวกกลิ่นหอมๆ ของฝนเริ่มพัดมาจนผมพลิ้วไปตามลม คาเรนกับคาเมรอนจากบ้านงูยืนประจันหน้ากันในฐานะกัปตัน

    ประหนึ่งการแข่งขันทางสายตาได้เริ่มขึ้นก่อนแล้ว


           “ฉันอยากเห็นการแข่งขันที่ใสสะอาด เคารพกฎกติกาและมีน้ำใจนักกีฬา -- กัปตัน จับมือกัน” มาดามฮูชออกคำสั่ง


           กัปตันทั้งสองก้าวมาข้างหน้า คาเมรอนยื่นมือขวาออกมาก่อนอย่างไม่รีรอ คาเรนยื่นมือไปจับตอบเหมือนกับแค่จะแตะมือเขา

    มากกว่า เด็กหนุ่มกระชับมือจับมือที่เล็กกว่าเอาไว้แน่น พลิกมือของเธอคว่ำลงหมายจะจูบมือเธอ สร้างเสียงกรีดร้องจากบรรดาสาวๆ 

    ที่เป็นแฟนคลับเขา คอลินทำท่าจะขยับไปข้างหน้าแต่ก็ถูกจินนี่ยกแขนขวางเอาไว้ทว่าคาเรนไวกว่าเพราะเธอเอามือตัวเองออกมาได้ทัน

    แล้วถอยหลังกลับไปอยู่ในตำแหน่งเดิมของตัวเองทันที


              มาดามฮูชสั่งให้สมาชิกที่เหลือในทีมจับมือกันบ้าง คอลินจับมือกับเชสเซอร์ตัวสูง เทอเรนซ์ โบล รุ่นน้องเขาหนึ่งปีที่เป็นเพื่อน

    แก๊งเดียวกับคาเมรอนแต่เพราะเมื่อกี้กัปตันบ้านงูคิดจะจูบมือกัปตันของเขาเลยเผลอบีบมือแรงไปหน่อย แต่แล้วก็ผลของการกระทำนั้น

    ก็คืนสนองเร็วกว่าที่คิดเมื่อเทอเรนซ์บีบกลับมาแรงกว่า


              คอลินหน้าเหยเกนิดหน่อยเมื่อเทียบกับวิกเตอร์ นอร์ธ ซีกเกอร์ผู้เป็นน้องเล็กทีมกริฟฟินดอร์ที่ร้องเสียงหลงเมื่อ เบน น็อกซ์ 

    ซีกเกอร์จากสลิธีริน เพื่อนอีกคนของคาเมรอนที่กำลังจับมือด้วยเกิดเล่นพิเรนทร์ล็อกคอวิกเตอร์ขึ้นมา


           มาดามฮูชหันขวับไปมองเบนจึงยอมปล่อยมือ ชูสองมือเหนือไหล่แล้วยิ้มอย่างเป็นมิตรที่ดูปลอมที่สุดให้วิกเตอร์


           “ผมแค่อยากชื่นชมที่ปีสี่อย่างเขาก็ได้เป็นซีกเกอร์แล้วน่ะครับ” เบนบอกมาดามฮูชก่อนหมุนตัวกลับไปรับไม้กวาดของตัวเอง

    ที่ฝากคาเมรอนไว้ซึ่งคาเรนจับสังเกตได้ว่าสองคนนั้นแอบตีมือกัน


           “ทุกคนขี่ไม้กวาดได้”


           คาเรนต้องละสายตาจากคู่อริที่ทำตัวมีพิรุธสองคนแล้วมาตั้งสติกับเกมการแข่งขัน นักกีฬาสิบสี่คนทะยานขึ้นไปล้อมวงอยู่เหนือ

    มาดามฮูชกับหีบใส่ลูกบอล เธอเป่านกหวีดเสียงหวีดแหลมพร้อมกับเตะหีบให้ลูกบอลทั้งสี่ลูกที่อยากเป็นอิสระได้โบยบินออกมา


              ลูน่าบรรยายว่าเกมเปิดด้วยกริฟฟินดอร์ที่คว้าลูกควัฟเฟิลไปครองได้ในวินาทีแรกโดยจินนี่ วีสลีย์! เพื่อนสนิทของเธอ 

    คาเรนยิ้มมุมปากที่ได้เห็นท่าทางหงุดหงิดน้อยๆ ของคาเมรอน แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาสนใจเขา เธอมองหาลูกบอลสีดำที่ร้ายกาจพอๆกับ

    ตัวพิกซี่ บอลลูกแรกพุ่งเข้าหาคอลินที่ไม่ได้มองมันเลย


              “คอลิน ระวังข้างหลัง!” คาเรนตะโกนบอก


           บีตเตอร์หนุ่มฟาดบลัดเจอร์ไม่ทันแต่ยังดีที่เขาพาตัวเองเบี่ยงหลบมาได้ ต่อให้ลูกบอลพุ่งเข้าใส่ปลายไม้กวาดจนคอลินเป๋เล็กน้อย

    แต่ก็ยังทรงตัวอยู่บนไม้กวาดได้


           เกมระหว่างเชสเซอร์กำลังดุเดือด จินนี่รับควัฟเฟิลจากโจซี่ ขี่ไม้กวาดหลบเชสเซอร์จากสลิธีรินสองคนที่ใช้แผนเข้ามาขนาบข้าง

    เพื่อบีบให้ตกจากไม้กวาด จินนี่พุ่งลงต่ำในจังหวะที่กำลังถูกเบียดได้ทันทำให้ทั้งสองคนชนกันเองก่อนเธอจะวนกลับขึ้นไปใหม่ 

    ขว้างลูกบอลเข้าห่วงได้เป็นสิบแต้มแรกของเกม เสียงเชียร์จากอัฒจันทร์ฝั่งบ้านสิงห์ดังกระหึ่ม คาเรนตีมือกับจินนี่แล้วรีบไปทำหน้าที่ตัวเอง 

    มีลูกบลัดเจอร์ลูกหนึ่งลอยเคว้งแบบงงๆ อยู่กลางอากาศเพราะคอลินที่เพิ่งตีไป เธอสบโอกาสพุ่งเข้าหาลูกบอล เล็งไปทางคาเมรอน

    แล้วหวดแรงๆ แบบไม่ออมมือ คาเมรอนตีให้พ้นจากตัวได้แบบหวุดหวิดก่อนยิ้มเยาะเย้ยให้ บลัดเจอร์ลูกเดียวกันนั้นลอยไปหาคอลิน

    ที่กำลังง้างมือรอตีบลัดเจอร์จากอีกลูกที่มาหาเขาเหมือนกัน


           เพราะแรงจากคาเมรอนมีแรงกว่าทำให้ไปถึงตัวคอลินก่อน ไม้ที่เขาถือร่วงตุ้บไปที่พื้นพอดีกับเม็ดฝนที่เริ่มโปรยปรายลงมา 

    ซ้ำร้ายด้วยแรงนั้นทำให้คอลินพลัดตกจากไม้กวาด ยังดีที่เขามือเหนียวคว้าเอาไว้ได้ทันแต่ไม้กวาดที่เริ่มเปียกดันกลายเป็นอุปสรรค


           คาเรนหลบกลุ่มเชสเซอร์ที่กำลังยื้อแย่งควัฟเฟิลกันอยู่พุ่งไปหาคอลินแล้วช่วยให้เขากลับมานั่งได้เหมือนเดิม  


           “เอาไม้ของฉันไปก่อน” คาเรนโยนไม้ตีบลัดเจอร์ของตัวเองให้คอลินแต่เพราะมือเขาลื่นเกินไปเลยหลุดมือไปอีกอันเท่ากับว่าตอนนี้

    ไม้ทั้งสองลงไปนอนกลิ้งที่พื้นหมดแล้ว เธออ้าปากค้างแต่ไม่มีเวลามาโมโหหรือโทษกัน “ฉันจะลงไปเก็บเอง นายล่อเอาไว้ก่อนนะ” 

    ไม่รอให้คอลินได้เถียงเธอก็พุ่งดิ่งลงไปข้างล่างฝ่าสายฝนที่สาดเข้าหน้าจนแสบไปหมด


           คาเรนปล่อยมือขวาจากไม้กวาดวาดแขนไปตามยอดแหลมของผืนหญ้าเบื้องล่างก่อนคว้าไม้ที่ตกอยู่ทั้งสองอันมาได้สำเร็จ 

    เธอพุ่งกลับขึ้นไปหาคอลินแล้วเหวี่ยงไม้ให้เขาอันนึง คราวนี้บีตเตอร์หนุ่มรับเอาไว้ได้แถมยังตีลูกบอลที่มุ่งโจมตีคาเรนตอนที่เธอยังไม่ทัน

    ตั้งตัวได้อีกด้วย


           ครึ่งชั่วโมงให้หลัง กริฟฟินดอร์ทำคะแนนนำไปห้าสิบแต้มต่อศูนย์และตอนนี้วิกเตอร์มองเห็นลูกสนิชแล้ว เขาโน้มตัวไปข้างหน้า

    ขี่ไม้กวาดไปหามันแบบสุดแรงเกิดพร้อมๆ กับซีกเกอร์อีกบ้าน เวลานี้ผู้เล่นคนอื่นต่างลืมหน้าที่ตัวเองไปกันหมดไม่เว้นแม้แต่คาเรน 

    เธอหยีตายกมือป้องน้ำฝนมองวิกเตอร์ที่กำลังห้ำหั่นกับเบน


           “สู้เขาวิกเตอร์” คาเรนพึมพำกับตัวเอง แต่ก็ต้องขมวดคิ้วเพ่งมองไปยังซีกเกอร์ของเธอมากกว่าเดิมเมื่อได้ยินเสียงของลูน่า

    พากษ์ว่าท่าทางของวิกเตอร์เหมือนสมาธิหลุด เขาขยับยุกยิกผิดปกติซ้ำยังชะลอความเร็วลง


           เกมจบลงด้วยคะแนนหนึ่งร้อยห้าสิบต่อห้าสิบเมื่อสลิธีรินคว้าลูกสนิชได้ในที่สุด


           ทุกคนในทีมกริฟฟินดอร์ต่างงงเหมือนกันหมด ทุกคนลงไปยืนกลางสนามท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำไม่หยุด ไม่ต่างจากวิกเตอร์

    ที่กำลังใช้สองมือเกาไปทั่วตัวและไม่สนใจอะไรอีกแล้ว -- ดูท่าไม่ดีแน่ คอลินกับไนเจลที่เป็นทั้งคีปเปอร์และเพื่อนของวิกเตอร์ช่วยกัน

    พาซีกเกอร์ของทีมไปหามาดามพอมฟรีย์


           คาเรนกับคนอื่นในทีมตามเข้ามายืนมุงรอบเตียงดูอาการวิกเตอร์ ม่านฝนที่เป็นอุปสรรคต่อการมองหมดไปพวกเขาจึงเห็นผื่นแดง

    ที่ขึ้นทั่วตัวซีกเกอร์หนุ่ม


              “เบนเป็นคนทำ!” วิกเตอร์บอกอย่างมั่นใจเฉพาะเจาะจงกับคาเรน มือก็ยังเกาไปด้วยทั้งที่มาดามพอมฟรีย์บอกว่าห้ามแตะต้องมัน

    เด็ดขาดถ้าไม่อยากอาการหนักกว่าเดิม “ฉันมั่นใจว่าเขาเป็นคนทำตอนที่ล็อกคอฉันก่อนเริ่มแข่งแน่ๆ มันเพิ่งออกฤทธิ์ตอนที่ฉันกำลังจะจับ

    สนิชได้”


           คาเรนยกชายเสื้อคลุมที่เปียกฝนขึ้นมาเช็ดสีออกจากหน้า “เบนทำอะไรนาย”


              “แป้งยุบยิบ! เจ้านั่นเอามันใส่ในเสื้อคลุมของฉัน”


           “มันคืออะไร”


           “ตรงตัวอยู่แล้ว มันคือแป้งที่จะทำให้เราคันยุบยิบจนถึงคันคะเยอได้ทั้งตัว ฉันเคยเจอที่ร้านขายของตลกซองโก้ แป้งนี่จะออกฤทธิ์

    ประมาณหนึ่งชั่วโมงให้หลังจากที่ทา เจ้านั่นต้องใช้มันกับฉันตอนนั้นแน่”


           สีหน้าคาเรนเคร่งเครียดยิ่งกว่าเก่า “แน่ใจนะ”


           “แน่ซะยิ่งกว่าแช่แป้ง”


           “เข้าใจแล้ว” เธอพยักหน้ารับรู้พร้อมกับหมุนตัวเตรียมเดินออกจากห้องพยาบาล


           “จะไปไหน” จินนี่ตะโกนตามหลังมา


           “ไปหามาดามฮูช -- แล้วก็หาศาสตราจารย์มักกอนนากัล ศาสตราจารย์สเนปแล้วก็ตัวคนร้าย ถ้าวิกเตอร์มั่นใจขนาดนี้ฉันก็ต้อง

    ไปเคลียร์สักหน่อยละ”


           “ฉันไปด้วย” จินนี่กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามกัปตัน


           คอลินเองก็อยากไปด้วยแต่ติดตรงที่วิกเตอร์ขอร้องให้เขาช่วยเกาหลังให้หน่อย -- ถึงเกาไม่ได้แต่ช่วยแตะๆ หน่อยก็ยังดี


           หนึ่งชั่วโมงแห่งการคุยไม่ประสบผลสำเร็จ คาเรนต้องระงับอารมณ์ไม่ให้เตะชุดเกราะสีเงินที่ตั้งไว้ข้างทางด้วยความโมโห


           “ได้ผลไหม” คอลินดักเจอคาเรนกับจินนี่ที่หน้าบันไดขึ้นไปยังรูปภาพสุภาพสตรีอ้วน ดูจากหน้าคาเรนที่ยังแดงอยู่คงเดาได้ไม่ยาก


           เธอส่ายหน้า “เอาไว้เล่ารายละเอียดตอนเราอยู่พร้อมหน้ากันก็แล้วกันนะ ตอนนี้ทุกคนอยู่ไหน”


           “กลับมากันหมดแล้ว กำลังรอพวกเธอที่ห้องนั่งเล่นรวม”


           จินนี่เดินนำหน้า บอกรหัสผ่านกับสุภาพสตรีอ้วน รูปภาพเหวี่ยงเปิดออกทันทีที่เธอบอกรหัสถูกต้องก่อนปีนขึ้นไปเป็นคนแรก


           คอลินแตะข้อมือคาเรนเบาๆ ตอนที่เธอกำลังจะปีนเข้าช่องว่างหลังภาพสุภาพสตรีอ้วน “ฉันเห็นที่แก้มเธอมีเลือดออกตั้งแต่

    อยู่ห้องพยาบาลแล้ว แต่เรียกเธอไม่ทันฉันเลยขอพลาสเตอร์มาให้”


           คาเรนยกมือแตะแก้มเบาๆ ก็สะดุ้งเพราะมันแสบ สงสัยคงได้มาตอนที่ขี่ไม้กวาดเร็วแล้วโดนบาดมา


           “ขอบคุณนะ” เธอแบมือรอรับพลาสเตอร์ทว่าคอลินดันชักมือกลับไป


           “ให้ฉันติดให้ดีกว่า”


           คาเรนพยักหน้าให้ รุ่นพี่ผมน้ำตาลเลยรีบแกะพลาสเตอร์แล้วเล็งกับแผลบนแก้มเธอ มือเจ้ากรรมก็ดันสั่นอีกเลยยิ่งกินเวลา

    กว่าจะแปะให้อย่างเบามือที่สุด


           สุภาพสตรีอ้วนกระแอมไอขัดจังหวะ “จะเข้าไหม ฉันมีงานเลี้ยงที่ต้องไปต่อนะ”


           ทั้งสองลนลานเข้าห้องนั่งเล่นไปสมทบกับคนอื่นในทีม ภาพแรกที่เห็นคือวิกเตอร์ผู้ทายาขาวโพลนทั้งตัวราวกับพันด้วยผ้าพันแผล

    นั่งอยู่บนเก้าอี้นวมหน้าเตาผิง มือก็เกาไม่หยุดจนโจซี่ต้องตีมือให้เขาหยุดเกาแกร่กๆ เสียที


           “ขอโทษนะ เราพยายามเต็มที่แล้ว ศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็ด้วย” คาเรนบอกกับลูกทีมด้วยความรู้สึกผิดหวัง

    ที่ไม่ได้รับความยุติธรรม


              “พวกขี้โกงนั่นไม่มีใครยอมรับแถมจับมือใครมาดมก็ไม่ได้สักคนเพราะพวกเขาไม่ได้ใช้เวทมนตร์อะไร ผลการตัดสินจะเป็น

    เหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไม่มีแข่งใหม่” จินนี่ช่วยอธิบาย “สาบานได้ ก่อนฉันเรียนจบปีนี้เจ้าพวกนั้นต้องได้เจอคําสาป

    ปีศาจค้างคาวของฉันสักครั้งนึงละ”


              ฟังผลจบวิกเตอร์ก็ทุบกำปั้นกับที่วางแขนด้วยความเจ็บใจทำเอาผงยาที่ทาตัวเขาร่วงกราว ช่วงจังหวะที่ทุกคนในทีมเงียบจึงได้ยิน

    นักเรียนปีสองพูดกันมาจากวงสนทนาที่อยู่อีกฟากของห้อง


           “เราไม่เคยแพ้สลิธีรินมาตั้งหลายปีแล้ว”


           “นี่มันยุคมืดของทีมบ้านชัดๆ”


           คาเรนผู้แบกภาระอันหนักอึ้งในฐานะกัปตันได้แต่ยิ้มอย่างเหนื่อยใจกับคำพูดพวกนั้น เธอเหนื่อยเกินกว่าจะเถียงหรือต่อกรกับใคร

    เลยเลือกพูดกับคนในทีมแทน


              “ขอบคุณนะ วันนี้ทุกคนเหนื่อยกันมากแล้ว ไปพักเถอะ” เธอบอกก่อนเดินขึ้นไปทางหอพักหญิงอย่างล่องลอยเหมือนสติหลุดไปแล้ว 

    ในหัวปวดตุบๆ เหมือนโดนคาเมรอนเอามือมาทุบ ทำให้ทั้งปวดหัวทั้งโมโหปนกัน ไหนจะข้อตกลงระหว่างเธอกับเขาเรื่องบัตเตอร์เบียร์นั่นอีก! 


           คอลินนั่งคอตกเพราะเห็นคาเรนเสียใจทั้งที่เขากับทุกคนในทีมต่างก็ตั้งใจกันทั้งนั้น ไม่ควรจะมีใครต้องมาได้ยินประโยค

    ชวนตัดกำลังใจแบบนี้


           จินนี่ถอนหายใจ “ได้ยินแบบนั้นคาเรนต้องเสียใจมากแน่ๆ”


              มือคอลินกำแน่นอยู่บนตัก อุตส่าห์ฝึกซ้อมกันมาร่วมเดือน เผลอๆ ซ้อมกันตอนที่คนพวกนั้นนอนหลับอุตุด้วยซ้ำ 

    แทนที่จะให้กำลังใจกลับมาพูดไม่คิดแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน! เขาปลุกแรงกล้าในตัวขึ้นมา ลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับพวกที่ยังพล่ามไม่หยุด

    แล้วตะโกนใส่อย่างหมดความอดทน “คิดว่าพูดแบบนี้แล้วนัดต่อไปพวกเราคงมีกำลังใจล้นหลามเลยสินะ!


           “ใช่!” วิกเตอร์ผู้น่าสงสารแทบจะตบเข่าฉาด! รีบลุกขึ้นเสริมด้วยความคับข้องใจ “แล้วรู้ไว้ด้วยหนูๆ -- ว่าเราถูกเจ้าพวกบ้านงูนั่นโกง 

    พวกนั้นเอาแป้งยุบยิบใส่มาในเสื้อคลุมของฉัน ไม่งั้นฉันจับสนิชได้ไปแล้ว!


           เกิดเสียงฮือฮาขึ้นทั่วห้องนั่งเล่นรวม แค่สภาพวิกเตอร์ก็เป็นหลักฐานตำตาแน่ชัดมากพอแล้ว จากเสียงบ่นที่บ้านตัวเองแพ้

    กระแสลมพลันเปลี่ยนทิศไปก่นด่าบ้านคู่แข่งแทน


                

              วันรุ่งขึ้นคาเรนกลับไม่ได้อยู่ในอารมณ์เสียใจเท่าที่คิด เธอยังคงทักทายคนในทีมอย่างร่าเริงเหมือนเดิม


           “ฉันมาคิดดูแล้ว ถ้าตัดเรื่องสลิธีรินโกงเราไปแล้วคิดเรื่องทีมของเราจริงๆ เรายังขาดความเป็นทีมกันอยู่นิดหน่อย 

    นิดหน่อยเท่านั้นแหละ แต่ไม่มีใครผิดทั้งนั้น ฉันรู้ว่าพวกเราเล่นกันเต็มที่แล้ว”


           จินนี่เข้ามานั่งที่เก้าอี้นวมตรงข้ามเธอ “เธอไม่ได้คิดมากเรื่องที่พวกนั้นพูดกันใช่ไหม”


              “คิดสิ แต่ฉันรู้ว่ามันไร้สาระมาก ฉันซ้อมกับพวกเธอมาหลายวันทำไมฉันจะไม่รู้ เราไม่ใช่ยุคมืด เราก็แค่แพ้สลิธีรินแบบไม่ยุติธรรม 

    ให้พวกบ้านงูดีใจได้แค่นัดนี้เท่านั้นแหละ แต่ต่อจากนี้เราจะชนะแล้วคว้าถ้วยรางวัลให้ดู!


           คอลินเข้ามานั่งเก้าอี้ถัดจากคาเรนเพราะมันเหลือที่ว่างตัวเดียวพร้อมกับกล้องที่คล้องคอมาด้วย พอทุกคนออกไปกินมื้อเช้า

    กันหมดแล้ว เขากลับยังปักหลักนั่งอยู่ที่เดิมเหมือนมีเรื่องอยากพูด คาเรนเลิกคิ้วข้างนึงเป็นเชิงถามเขาเลยเริ่มต้นแบบตะกุกตะกัก 

    “ขะ -- ขอโทษนะ ที่ฉันทำพลาดตั้งหลายอย่าง -- ไม่งั้นเราคงชนะไปแล้ว”


           “ล้อเล่นรึเปล่า นายไม่ได้ผิดอะไรเลย ควิดดิชน่ะเอาแน่เอานอนไม่ได้หรอก แค่สภาพอากาศก็คาดเดาไม่ได้แล้ว นี่มันก็แค่นัดแรก 

    อีกนิดเราจะชนะแล้วถ้าสลิธีรินไม่เล่นสกปรก คนที่ผิดคือคนพวกนั้นนั่นแหละ จริงอยู่ที่ฉันเสียดายแต่อย่างน้อยนัดเมื่อวานก็เป็นหนึ่งใน

    นัดที่ฉันสนุกที่สุดเลย พูดจริงนะ ฉันลุ้นแทบแย่ว่าจะหยิบไม้ที่ร่วงลงไปแล้วส่งให้นายทันไหม โชคดีที่เราไม่โดนเล่นงานจนร่วงมานอนแปะ

    กับพื้น นายเองก็ดูสนุกดีนี่ ถึงจะแพ้แต่คนเล่นสนุกก็ถือว่ายังได้กำไรน่า -- ตอนนี้ฉันไม่ได้เครียดเรื่องควิดดิชแล้ว เชื่อฉันเถอะ”


           “ตะ -- แต่ต่อจากนี้ฉันจะซ้อมให้หนักกว่าเดิม เธอจะซ้อมเมื่อไรก็เรียกฉันได้เลยยี่สิบสี่ชั่วโมง”


           “ไม่ต้องห่วง ฉันจะเรียกซ้อมทุกครั้งที่มีโอกาสเชียวละ เตรียมตัวไว้ให้ดีก็แล้วกัน” เธอเอื้อมมือมาชกแขนคอลินเบาๆ แบบหยอกล้อ 

    สายตาเธอเหลือบไปเห็นกล้องในมือเขาพอดี


           “คงไม่มีรูปน่าเกลียดๆ ของฉันหรอกใช่ไหม”


           “แน่นอน -- แน่นอน ไม่มีอยู่แล้ว



           มื้อเช้าของคาเรนไม่น่ารื่นรมย์เท่าไร ทั้งรอยยิ้มบวกแววตาเจ้าเล่ห์ของคาเมรอนที่ขยิบให้ทันทีที่เธอนั่งลงตรงโต๊ะกริฟฟินดอร์ 

    เสียงผิวปากแซวจากเพื่อนอีกสองคนในแก๊งเดียวกันทำให้ความอยากอาหารลดลงจนทนนั่งต่อไม่ได้ เด็กสาวเลยยกถาดออกไปกิน

    ตรงลานว่างของปราสาท -- คอลินมองตามจนคอแทบหัก จินนี่กับโจซี่เลยเสนอตัวลุกตามไปเองเพราะคิดว่าคาเรนยังเจ็บใจกับควิดดิช

    นัดที่ผ่านมาอยู่ กระทั่งได้รู้ความจริงว่าแท้จริงแล้วกัปตันของพวกเธอนั้นมีนัดต้องไปดื่มบัตเตอร์เบียร์กับคาเมรอนตามที่พนันกันเอาไว้

    เลยหงุดหงิดจนไม่อยากมองหน้าอีกฝ่าย

                

              คอลินอ้าปากค้างมากพอที่ผีเสื้อตัวหนึ่งจะบินเข้าไปได้หลังรู้จากจินนี่


           อะไรกัน??


              ทำไมโลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมขนาดนี้?! อุตส่าห์ทุ่มสุดตัวให้ได้อยู่ใกล้คาเรนแต่โอกาสที่จะได้ไปดื่มบัตเตอร์เบียร์กับเธอต่อให้ไปด้วยกัน

    ทั้งทีมควิดดิชก็ยังไม่มีวี่แววสักครั้ง ทำไมคนขี้โกงอย่างคาเมรอนถึงปาดหน้าเอาโอกาสนั้นไปครองได้อย่างง่ายดาย แถมฟังจากจินนี่

    ยังดูเหมือนมันจะเข้าเค้าเป็นการไปเดตกันอีกต่างหาก


           เอาละ! ฉันชักไม่ชอบหน้านายขึ้นมาจริงๆ แล้ว คาเมรอน!!!  


           สงสัยคอลินแสดงออกทางสีหน้ามากเกินไป จินนี่เลยดีดนิ้วตรงหน้าเขา “รู้นะคิดอะไร คาเรนบอกว่านั่นไม่ใช่เดต”


           คืนวันที่ฮอกวอตส์ช่างเร็วจนน่าใจหาย นับจากวันแข่งควิดดิช อีกไม่กี่วันคาเรนก็ต้องไปดื่มบัตเตอร์เบียร์ที่ร้านไม้กวาดสามอัน

    กับคาเมรอนแล้ว


           โจซี่มานั่งตรงปลายเตียงคาเรน ดูเสื้อผ้าในหีบว่ามีชุดไหนเหมาะกับนัดวันเสาร์บ้างทั้งที่คนจะไปกลับไม่สนใจสักนิด 

    คาเรนนอนตะแคงเอามือยันแก้มมองเพื่อนสาวที่ดูเอ็นจอยซะเหลือเกิน


           “พูดตามจริงฉันเสียดายนะที่ทีมเราแพ้” โจซี่บอก มือยังคงคุ้ยหาชุดไปด้วย “ถ้าฉันทำคะแนนได้อีกร้อยสิบแต้มต่อให้สลิธีริน

    จับลูกสนิชได้เราก็ชนะแล้ว”


           “ถ้าแบบนั้นเราคงต้องแข่งทั้งวันเลยนะนั่น”


           “คงงั้น แต่เรื่องที่เธอกำลังกังวลอยู่อย่างน้อยถ้าเธอเลี่ยงไม่ได้ก็คิดซะว่าไปเดตกับคนหล่อแล้วกัน ถึงเวลานั้นเข้าจริงก็มองข้าม

    นิสัยเสียๆ ของตานั่นไปเถอะ”


           จากควิดดิชพอวกกลับมาเรื่องนี้พลันทำให้คาเรนถึงกับห่อเหี่ยว “ถ้าเป็นเธอจะอยากไปไหมล่ะ โจซี่”


           “ไม่ ตานั่นคือคนเดียวที่ฉันจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวเด็ดขาดต่อให้หล่อแค่ไหนก็เถอะ” โจซี่ตอบทันควันแบบไม่ต้องคิด “ฉันตั้งมั่นกับตัวเอง

    ว่าจะไม่ชอบใครอีกแล้ว ตั้งแต่เฟร็ด...” มีแฟน เธอถอนหายใจให้กับรักแรกแบบรักข้างเดียวของเธอเมื่อหลายปีก่อน 

    เธอแอบชอบเฟร็ด วีสลีย์ ฝาแฝดผมแดงผู้เล่นบีตเตอร์ได้เตะตาเตะใจเธอที่สุด รวมทั้งนิสัยสุดโต่งของเขา -- แต่อะไรๆ ก็ไม่เป็นดั่งหวัง

    เพราะเฟร็ดชอบเชสเซอร์สาวในทีมเดียวกันตอนนั้น โจซี่เคยเข้าคัดตัวควิดดิชทีมบ้านเพื่อจะได้คุยกับเขาแต่ก็ไม่ผ่าน กว่าจะทำใจได้

    ใช้เวลาตั้งหลายเดือน พอมาตอนนี้เธอได้เข้าทีมสมใจกลับไม่มีเฟร็ดที่เป็นกำลังใจของเธอแล้ว สิ่งที่เธอทำได้ก็คือตั้งใจเล่นควิดดิชให้ดี

    และเลิกคิดถึงรักที่เป็นไปไม่ได้...


           คาเรนคิดจะบ่นให้คอแห้งกันไปข้างแต่กลับกลายเป็นเพื่อนตัวเองเศร้าไปอีก 


           “อย่าเศร้าไปเลยโจซี่ของฉัน เฟร็ดมีคนเดียวบนโลกก็จริงแต่ใช่ว่าโลกนี้จะมีแค่เขาคนเดียวซะเมื่อไร เธอยังได้เจอผู้คนอีกเยอะ”


           “จริงของเธอ”


           “ขอให้เจอคนนั้นเร็วๆ ก็แล้วกัน เธอต้องเจอแน่” คาเรนถอนหายใจ “ฉันตอนนี้เนี่ยสิ เมื่อไรจะผ่านวันงี่เง่ากับคาเมรอนนั่นไปสักทีนะ”


           โจซี่ส่งยิ้มเห็นใจให้เพื่อนรักที่มีเรื่องหนักใจกว่าตัวเองเยอะ “เอาน่า แค่ครั้งเดียวเท่านั้นแหละ ชุดนี้เป็นไง เดรสสีแดง”

                

              คาเรนหน้ามุ่ย คว้าชุดมาแล้วใส่กลับลงหีบ “ถ้าเดตแรกของฉันต้องเป็นแบบนี้ฉันยอมเดตกับโทรลล์ดีกว่าต้องเดตกับคาเมรอน 

    ฉันจะใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์กับเสื้อคลุมที่ฉันใส่เป็นปกตินั่นแหละ แล้วนี่ไม่นับว่าฉันไปเดตด้วย”

                

              คาเรนทิ้งตัวนอนหงายบนเตียงนอนอันนุ่มสบาย แต่ใจเธอไม่สบายตามไปด้วยเลย...

                

              คอลินนอนแผ่หลาอยู่บนเตียงตัวเองในหอพักชายที่ห่างจากหอหญิงไปไม่เท่าไร ท้ายเตียงมีเดนนิสผู้รับกรรมมานั่งฟังพี่ชาย

    ระบายความในใจเรื่องหญิงในดวงใจของเขากับคาเมรอนและบัตเตอร์เบียร์...


           “พี่จะทำยังไงดี เดนนิส? ไปล่มเดตนั่นซะเลยดีไหม” คอลินนอนคว่ำหันหน้าไปทางปลายเตียงแล้วเท้าคางถามน้องชาย 

    ดวงตามีประกายวิบวับราวกับฝาแฝดวีสลีย์เวลามีแผนป่วนอยู่ในหัว 


           “แล้วพี่จะทำยังไง คอลิน บุกเข้าไปแล้วชิงตัวคาเรนมาเลยรึไง หรือจะโยนระเบิดเหม็นใส่คาเมรอนดี?” เดนนิสส่ายหัว 

    “นั่นโจ่งแจ้งไป ตกลงพี่ได้คิดแผนไว้บ้างหรือเปล่าล่ะ”


           “เปล่า” คอลินเบะปาก กลับไปนอนหงายตามเดิม สองมือขยี้ผมตัวเองด้วยอารมณ์หงุดหงิดสุดๆ แล้วตะโกนระบายอารมณ์

    ที่มันอัดอั้นตันใจโดยที่ไม่รู้ว่ากัปตันสาวจากฝั่งหอนอนหญิงก็กำลังทำเหมือนกันอยู่


              “โว้ยยยยย!!!


     

    - Talk -

              ร้อนใจกว่าคุณกัปตันก็คุณพี่คอลินนี่ละค่ะ คนเดียวในใจที่แอบมองมาก็ตั้งแรมปี ถ่ายรูปเก็บไว้ก็ตั้งหลายใบแต่อยู่ดีๆ มาถูกตัดหน้า

    ไปอย่างหน้าตาเฉย กว่าจะได้รู้ว่าสองคนนั้นไปพนันอะไรกันไว้ก็ทำอะไรไม่ได้แล้วละค่ะ อ้อ...ทำใจไง...


    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×