ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] Captain [Colin x OC] [END]

    ลำดับตอนที่ #3 : 3 ll Practice

    • อัปเดตล่าสุด 26 มี.ค. 64



    3


    Practice


          


              ยามเช้าตรู่ในวันเสาร์แม้บรรดานักเรียนส่วนใหญ่คงยังหลับอุตุอยู่บนเตียงแต่คุณดวงอาทิตย์ยังคงขยันขันแข็งเหมือนทุกวัน 

    แสงแดดอ่อนๆ เริ่มทอดตัวลงมาทาทับปราสาททว่าไม่ได้ช่วยเพิ่มความอบอุ่นขึ้นสักเท่าไร คาเรนซุกมือในกระเป๋าเสื้อคลุมขณะกลับเข้า

    ปราสาทหลังจากออกไปวิ่งเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับควิดดิช เด็กสาวจับหมวกคลุมหัวออกเมื่อเข้ามาอยู่ในปราสาทอันอบอุ่น 

    นักเรียนที่ตื่นเช้าเป็นกิจวัตรเริ่มทยอยลงมากินมื้อเช้าที่ห้องโถงใหญ่กันแล้ว

                

              ท้องของเธอส่งเสียงประท้วงขึ้นมาจนเจ้าตัวรีบจ้ำเข้าไปต่อแถวตักซุปข้าวโพดหอมกรุ่น หยิบแซนด์วิชที่มีทั้งผักและเนื้อเน้นๆ สองชิ้น

    ใส่จาน เทนมอุ่นๆ จากเหยือกใส่แก้ว หยิบแอปเปิลสีแดงสดราวกับหยิบทมาจากตะกร้าของแม่มดใจร้ายในนิทานสโนไวท์ของพวกมักเกิ้ล

    ที่แม่เคยอ่านให้ฟัง เมื่อถาดเต็มไปด้วยมื้อเช้าแสนอร่อยที่น่าจะอิ่มไปอีกหลายชั่วโมงคาเรนจึงเดินไปนั่งที่โต๊ะกริฟฟินดอร์คนเดียว

    ขณะที่เพื่อนสนิทที่สุดอย่าง โจซี่ ไดมอนด์ กำลังหลับปุ๋ยเพราะวันนี้เป็นวันหยุด


           คาเรนใช้เวลาไปกับมื้อเช้าอย่างเอื่อยเฉื่อยพลางคิดทบทวนถึงลูกทีมใหม่ๆ ที่เพิ่งรับเข้ามาด้วยว่าจะเริ่มซ้อมยังไงดีเพื่อให้เป็นทีม

    เดียวกัน อย่างน้อยอันดับแรกเธอคิดว่าควรผูกมิตรกับพวกเขาให้มากๆ เข้าไว้เผื่อมีปัญหาอะไรตรงไหนจะได้มาเปิดอกคุยกัน

    เหมือนที่กัปตันคนก่อนอย่างแฮร์รี่ พอตเตอร์ทำ


           “หวัดดี ที่รัก” คาเมรอน เบรฟลีย์ เด็กหนุ่มผมแดงปีหก เพื่อนร่วมชั้นของคาเรนจากบ้านงูผู้มีข้อดีในสายตาเธออย่างเดียวคือหน้าตา

    เอ่ยทักทายและนั่งลงตรงข้ามกับเธอ เขาเป็นบีตเตอร์ทีมบ้านสลิธีรินหนำซ้ำยังเป็นกัปตันเหมือนกับคาเรน เมื่อไรที่ทั้งคู่เจอกัน

    มักจะลงเอยด้วยการเถียงกันทุกทีไปเพราะคำพูดกวนประสาทของเขา เรียกได้ว่ากริฟฟินดอร์สมัยรุ่นพี่นั้นเป็นคู่ปรับกับสลิธีรินมากแค่ไหน 

    รุ่นน้องก็ไม่ต่างกันราวกับสืบทอดกันมาเป็นประเพณี


           เบน น็อกซ์ กับ เทอเรนซ์ โบล แก๊งเพื่อนซี้ของคาเมรอนนั่งลงขนาบข้างเขา ทั้งคู่เป็นนักกีฬาทีมบ้านเช่นเดียวกับคาเมรอน


           “หวัดดี ที่รักของเพื่อนรักของฉัน” เบน เด็กหนุ่มซีกเกอร์ผมดำหุ่นล่ำที่สุดในแก๊งบอกกับคาเรนโดยมีเทอเรนซ์ เชสเซอร์ผมทอง

    พยักหน้าหงึกหงักสนับสนุนเบนที่เรียกคาเรนอย่างงั้น


           “เราขอนั่งด้วยคนสิ -- ถึงเธอไม่ให้แต่เราก็นั่งไปแล้วแหละ” คาเมรอนยิ้มกว้างในเด็กสาวบ้านสิงห์ จากที่อุตส่าห์ยิ้มอย่างเป็นมิตร

    ไปให้จนเหงือแห้งแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มมุมปากเพราะคาเรนหาได้สนใจเขาไม่ เขากระแอมหนึ่งทีเรียกร้องความสนใจซึ่งมันได้ผล 

    เธอละสายตาจากแซนด์วิชในมือเหลือบขึ้นมองเขา “ฉันว่าเราควรทักทายกันหน่อยนะ”


           คาเรนใช้มือขวาตักซุปเข้าปากแล้ววางช้อนอย่างเบามือ ถอนหายใจอย่างไม่ปิดบัง ดวงตาสีเขียวเหลือบมองคนฝั่งตรงข้าม

    แบบไม่สบอารมณ์นัก เธอยกมือให้เขาแบบขอไปที “หวัดดี เบรฟลีย์” แล้วก้มหน้ากินซุปต่อ


           คาเมรอนทำเสียงจุ๊ปากพลางส่ายหัว “ห่างเหินอะไรกันขนาดนั้น เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กแล้วนะ” เบนกับเทอเรนซ์ผิวปากแซว 

    แต่สายตาคาเมรอนไม่ได้ละไปจากคาเรนเลยสักวินาทีเดียว “เรียกฉันคาเมรอนจะดีกว่า -- จะว่าไปก็ช่างเถอะ ฉันแค่อยากมายินดีด้วย

    ที่เธอได้ลูกทีมครบก่อนบ้านอื่น แต่บอกตามตรง ฉันผิดหวังในตัวเธอนิดหน่อยเพราะไม่นึกเลยว่าเธอจะเลือกคนขี้ขลาดร่วมทีม”


           “นายพูดถึงใคร” คาเรนวางช้อนลงอีกหน คราวนี้จ้องคาเมรอนตรงๆ


              คาเมรอนยิ้มอย่างได้ใจเพราะรู้ว่ายกเรื่องควิดดิชกับลูกทีมมาพูดทีไรแล้วเธอจะต้องติดกับแน่นอน ขณะที่คาเรนเองก็รู้อยู่แก่ใจ

    ว่าเขาจงใจเอาเรื่องนี้มาพูดราวกับเป็นกับดัก เธอไม่ตกหลุม -- แต่เธอกระโดดลงไปแบบพร้อมใจเพื่อทะเลาะกับเขาที่ก้นหลุมเลยต่างหาก!


           “คอลิน ครีฟวีย์นั่นไง หลายปีที่ผ่านมาภาพที่ฉันเห็นก็เอาแต่ตามพวกรุ่นพี่ต้อยๆ กับกล้องเก่าๆ นั่น ฉันแปลกใจมากเลยที่เจ้านั่น

    ได้เข้าร่วมทีมด้วย”


           คาเรนขมวดคิ้ว “พูดจาระวังหน่อยเบรฟลีย์ คอลินเป็นรุ่นพี่นายหนึ่งปีนะ ถึงไม่ใช่รุ่นพี่ก็ไม่ได้หมายความว่านายจะพูดยังไงก็ได้ -- 

    จะบอกอะไรให้ ไม่ว่าคอลินจะทำตัวยังไง เดินตามใครหรือใช้กล้องอะไรนั่นก็เป็นความชอบของเขาและเรื่องของเขา ดีกว่านายที่ชอบ

    หาเรื่องคนอื่นไปวันๆ แล้วก็นะ ฉันก็ไม่เห็นจะรู้สึกว่าคอลินเป็นคนขี้ขลาดตรงไหน อย่างน้อยเท่าที่ฉันรู้เขาน่ะก็กล้าหาญกว่านายหลายเท่า 

    อีกอย่างเขาจะเป็นยังไงแล้วฉันจะเลือกใครเข้าทีมมันก็เป็นเรื่องของเรา นายดูแลทีมสลิธีรินของนายให้ดีก่อนเถอะ”


           “ฉันดูแลดีอยู่แล้ว แต่เชื่อฉันสิ หมอนั่นขี้ขลาดจะตาย”


           เขา - ไม่ใช่ - คนขี้ขลาด” คาเรนเอนตัวไปข้างหน้าถลึงตาใส่เขา


           “โอ ใจเย็นหน่อยสิที่รัก” คาเมรอนยกมือขึ้นระดับอกเป็นเชิงยอมแพ้


           “เก็บคำพูดน่าขนลุกไปพูดกับคนที่อยากฟังเหอะ”


           “ก็ได้ถ้าเธอไม่ชอบใจ แต่ฉันขอบอกไว้เลยว่าเธอจะแพ้สลิธีรินแน่ถ้ายังมีหมอนั่นอยู่ในทีม ใช่ไหมพวก” คาเมรอนถามความเห็น

    จากเพื่อนสองคน


           “ช่าย”


           “ไม่มีทาง” คาเรนพูดเรียบๆ


           “พนันกันไหมล่ะ” คาเมรอนเป็นฝ่ายรุกเข้าหาคาเรนบ้าง เขากัดริมฝีปากแล้วขยิบตา “ถ้ากริฟฟินดอร์แพ้เธอต้องไปดื่มบัตเตอร์เบียร์

    กับฉันที่ร้านไม้กวาดสามอันหนึ่งครั้งขอแถมด้วยการเดินเล่นด้วยกันตลอดทั้งวันนั้นถ้าคู่หูบีตเตอร์ของเธอตกจากไม้กวาดในนัดแรก 

    แต่ถ้ากริฟฟินดอร์ชนะ...” เด็กหนุ่มเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มพลางใช้ความคิดหรืออีกนัยหนึ่งคืออยากถ่วงเวลากวนคนตรงหน้าเล่นมากกว่า


           “นายต้องเลิกยุ่งกับฉันแล้วก็ถ้าคอลินไม่ตกจากไม้กวาดฉันขอสั่งให้นายใส่กางเกงตัวเดียวกระโดดลงทะเลสาบตอนวันคริสต์มาส

    ต่อหน้าฉันกับลูกทีมกริฟฟินดอร์ทุกคน” คาเรนเชิดหน้าท้าทายอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงกลัวและไม่รู้ว่าเธอมั่นใจมาจากไหน

    ถึงได้พูดประโยคต่อไปที่อยู่ในหัวออกมา “กริฟฟินดอร์ไม่มีทางยอมแพ้นายง่ายๆ หรอก และถ้ามีฉันเป็นคู่หูกับคอลินละก็เขาไม่มีทาง

    ตกจากไม้กวาดแน่ รู้ไว้ด้วย”


           “ถ้าเธอมั่นใจอย่างงั้นก็ได้ ฉันตกลง” คาเมรอนยื่นมือขวาให้คาเรนทว่าเธอกลับเมินก่อนลุกจากโต๊ะพร้อมแซนด์วิชที่ยังไม่ได้กิน

    อีกหนึ่งชิ้น แต่เด็กหนุ่มไม่ยอมให้เธอทิ้งเขาไปง่ายๆ โดยไม่พูดประโยคทิ้งท้ายไว้สักหน่อย “อ้อ ฝากบอกลูกทีมของเธอว่าให้ระวังตัวให้ดีละ 

    ขอให้อยู่บนไม้กวาดได้นานถึงหนึ่งนาทีนะ”


           คาเรนขบฟันแน่นทั้งที่ไม่มองหน้าเขา เธอเชิดหน้าขึ้นก้าวฉับๆ ออกจากห้องโถงใหญ่ตรงไปยังหอคอยกริฟฟินดอร์ ที่ห้องนั่งเล่นรวม

    มีนักเรียนนั่งอยู่ประปราย ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนที่เพิ่งตื่นแต่ยังนั่งเอ้อระเหยอยู่เพราะยังขี้เกียจไปเจอคนเยอะๆ ข้างล่าง


           มีเสียงคนกระโดดลงจากช่องว่างหลังรูปภาพสุภาพสตรีอ้วน ทันทีที่พวกเขาเห็นว่าเป็นคาเรน นักเรียนทั้งหญิงชายต่างส่งเสียง

    ทักทายเธออย่างกระตือรือร้น


              “อรุณสวัสดิ์ คาเรน!


              แต่ดูเหมือนวันนี้คนถูกทักจะไม่ได้สนใจและใส่ใจกับการตอบกลับเหมือนอย่างเคย เธอรีบร้อนมายืนกลางห้อง 

    ยกมือให้พวกเขาลวกๆ พลางสอดส่ายสายตามองหาเป้าหมาย “คอลิน! คอลินล่ะ! คอลินอยู่ไหน! มีใครเห็นคอลินไหม


           ทุกคนต่างส่ายหน้าเป็นพัลวันกระทั่งประตูหอนอนชายเปิดออกดังเอี๊ยดอ๊าดพร้อมกับคอลินที่ถือกล้องคู่ใจเดินออกมา

    พ่วงด้วยเดนนิสที่ดูร่าเริงแต่เช้า


           กัปตันสาวเห็นอย่างนั้นก็ปรี่เข้าหาแบบไม่ให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว


           เธอเงยหน้าพูดกับเขา “ดีจริงที่นายอยู่นี่”


           “ตามหาพี่คอลินอยู่หรือ” เดนนิสถามคาเรนตาใส


           “ใช่”


           ครีฟวีย์คนน้องยิ้มกรุ้มกริ่ม เอนตัวกระซิบข้างหลังครีฟวีย์คนพี่ “เธอมาหาพี่ด้วยละ”


           คอลินถลึงตาใส่น้องชาย ถึงใจเต้นเพราะดีใจระคนแปลกใจแต่ก็ปั้นหน้ายิ้มเหมือนไม่ได้ตื่นเต้นอะไรกับการที่เธอตามหาเขา

    เลยสักนิด -- ต่อให้มือของเขากำลังแอบจัดทรงผมแบบเนียนๆ อยู่ก็ตาม “มีอะไรกับฉันหรือ”


           “วันนี้เรามีซ้อมควิดดิชกัน”


           “เธอบอกว่าซ้อมวันอาทิตย์นี่ -- หรือฉันจำผิดกันนะ”


           “ไม่ผิดหรอก พรุ่งนี้มีซ้อมรวมทั้งทีมแต่วันนี้ซ้อมแค่บีตเตอร์ แค่เราสองคน...” เธอเว้นช่วง


           “วันนี้นายว่างหรือเปล่า”


           “วะ -- ว่าง”


              “เจ๋ง! เอาละ ไปเปลี่ยนเป็นชุดซ้อมควิดดิช อย่าลืมเอาไม้ตีบลัดเจอร์มาด้วยนะ ส่วนไม้กวาดฉันจะไปยืมมาดามฮู้ดมาให้ ตอนนี้ฉัน

    กับนายเราเป็นคู่หูบีตเตอร์กันแล้วเพราะงั้นต้องซ้อมให้รู้จังหวะกันให้มากที่สุดแล้วนายก็ต้องฝึกขี่ไม้กวาดให้คล่องๆ ด้วยจะได้ไม่ตก

    จากไม้กวาดเพราะตื่นเต้นหรือจากการโจมตีของสลิธีรินหรืออะไรก็แล้วแต่ อีกสิบนาทีลงไปเจอกันที่สนามควิดดิช”


           “ดะ -- เดี๋ยวก่อนนะ ตั้งแต่ตื่นมายังไม่มีอะไรตกถึงท้องฉันเลย” คอลินกะพริบตาปริบๆ ขอความเห็นใจกัปตันรุ่นน้องที่อยู่ดีๆ 

    ก็มาเรียกซ้อมควิดดิชแบบปุบปับเอาอย่างนี้            

              

           คาเรนชะงักไปราวสามวิก่อนนึกขึ้นได้ว่าตอนออกจากห้องโถงใหญ่ได้ถืออะไรติดมือมาด้วย เธอยื่นแซนด์วิชให้เขา


           “ฉันเอามาให้แล้ว นายอยากได้นมไหม ฉันจะได้ไปเอามาให้ระหว่างที่นายเตรียมตัว”


           “เอ่อ -- ฉันขอน้ำฟักทองได้ไหม”


           “ไม่มีปัญหา” คาเรนพยักหน้า “อีกสิบนาทีเจอกันที่สนามนะ” เธอบอกก่อนลับหายเข้าไปทางหอนอนหญิงเพื่อหยิบไม้กวาด

    กับชุดควิดดิช


           คอลินมองตามไปจนเธอไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากจนตั้งตัวไม่ทัน --


           “เมื่อกี้คาเรนบอกพี่ว่าอะไรนะ” เขาถามน้องชาย


           “อีกสิบนาทีเจอกันที่สนามควิดดิช”


           “สิบนาที” คอลินทวนคำอย่างเหม่อลอย


           อีกสิบนาทีก็จะได้เจอกันอีกแล้วเหรอเนี่ย อีกสิบนาที...มีซ้อมควิดดิชนี่หว่า!


           คอลินลนลานยัดกล้องใส่มือเดนนิส ปากก็คาบแซด์วิชพร้อมวิ่งห้อขึ้นหอนอนไปเตรียมตัวก่อนถึงสนามควิดดิชทันเวลา

    ในนาทีสุดท้าย


           “อะ” คาเรนยื่นแก้วที่มีน้ำฟักทองเต็มแก้วให้รุ่นพี่ที่ทิ้งตัวนั่งหอบแฮ่กกับพื้นจนเธอรู้สึกผิดที่ให้เวลาเขาเตรียมตัวน้อยไป


           “ขอบคุณ” คอลินรับแก้วแล้วดื่มอย่างกระหายแต่แล้วก็สำลักขึ้นมาจนได้


           “ค่อยๆ ดื่มก็ได้ ฉันไม่ได้ใจร้ายรีบซ้อมขนาดนั้น” เธอนั่งลงยองๆ ก้มดูอาการเขาด้วยความเป็นห่วง ก็คอลินไอจนหน้าแดงขนาดนั้น

    แต่หารู้ไม่ว่าตัวเองนั่นแหละต้นเหตุที่ทำให้เขาหน้าแดง


           หลังพักจนหายหอบ บีตเตอร์สองคนก็ลอยอยู่กลางอากาศขณะทวนแผนก่อนเริ่มซ้อมหวดลูกบลัดเจอร์กันอย่างจริงจัง 

    ใจนึงแวบแรกคอลินคิดเข้าข้างตัวเองว่ากัปตันอยากใช้เวลาอยู่กับเขาเลยบอกน้องชายว่าไม่ต้องตามมาแต่ถ้าเดนนิสจะช่วยถ่ายรูปเขา

    กับคาเรนก็จะดีมากทีเดียวแม้จะอยู่ไกลลิบจากหอคอยกริฟฟินดอร์ สุดท้ายเด็กหนุ่มรู้แล้วว่าก็แค่คิดไปเอง คาเรนจริงจังกับการซ้อมมาก

    สมกับเป็นกัปตันจนเขาละอายใจที่ไม่ได้จริงจังเท่าเธอ


                

              ซ้อมควิดดิชทั้งเหนื่อยแต่ก็มีความสุขสำหรับคอลิน เขาไม่เคยบ่นสักแอะเวลาที่คาเรนเรียกซ้อมนอกรอบกับเขาทั้งยังเคี่ยวเข็ญ

    เป็นพิเศษเพื่อไม่ให้เขาตื่นสนาม


           หลังผ่านการซ้อมอย่างจริงจังมาสองครั้งคาเรนก็ออกความเห็นให้ลูกทีมวิ่งตอนเช้าเพื่อให้ร่างกายฟิตกว่าเดิม -- แน่นอน 

    มีแค่คอลินคนเดียวที่เห็นด้วยซ้ำยังกระตือรือร้นเกินหน้าเกินตาจนกลายเป็นจุดรวมสายตาของคนในทีม


           “ฉันแค่คิดว่ามันเข้าท่าดีน่ะ”


           จินนี่เหล่มองคอลิน เธอหลุดยิ้มออกมาก่อนคุมสติตัวเองแล้วยกมือ “วิ่งเป็นความคิดที่ดี แต่ทำไมเราไม่จัดตารางวิ่งกันเอง

    แล้วแต่ใครสะดวกตอนไหนล่ะ ถ้าทำแบบนั้นได้ฉันว่าฉันจะวิ่งตอนเย็นละ”


           มีเสียงสนับสนุนมาจากอีกสี่คนที่เหลือผลสรุปจึงเป็นไปตามเสียงข้างมาก คาเรนยังคงตื่นเช้ามาวิ่งเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือคอลิน

    ที่ออกมาวิ่งด้วย บทสนทนาระหว่างวิ่งส่วนใหญ่เกี่ยวกับควิดดิช -- เธอกับเขาตกลงแบ่งหน้าที่กันในตำแหน่งบีตเตอร์ว่าคอลินจะรับหน้าที่

    คอยป้องกันบลัดเจอร์ให้ลูกทีม ขณะที่คาเรนเป็นฝ่ายรุกคอยหวดลูกบอลใส่ฝ่ายตรงข้าม


           ตั้งแต่นั้นทั้งคู่เริ่มนั่งกินมื้อเช้าด้วยกันบ่อยๆ จนโจซี่ เพื่อนสนิทคาเรนพ่วงด้วยตำแหน่งเชสเซอร์เริ่มออกปากแซวคู่หูบีตเตอร์

    ทว่ากัปตันสาวไม่ได้มีท่าทีเขินอายอะไร ซ้ำยังเรียกโจซี่ขี้เซามานั่งฟังกลยุทธ์ที่เธอเพิ่งอธิบายให้คอลินฟังไปอีกต่างหาก จะมีก็แต่คอลิน

    ที่หัวใจพองโตเพราะได้อยู่ใกล้เธอสมใจหวังแม้จะไม่ได้สัมผัสหรือแตะเนื้อต้องตัวเธอเลย แค่ได้มองแบบไม่ต้องแอบกับได้ยินเสียงเธอ

    แค่นี้ก็คิดว่าคุ้มแล้วถึงแม้อาการที่อยากละลายเหมือนเนยที่วางตากแดดในหน้าร้อนเพียงเพราะเธอยิ้มให้จะยังมีอยู่ก็ตาม  


           ตารางใช้สนามควิดดิชวันเสาร์เป็นของกริฟฟินดอร์ ชื่อบ้านสิงห์ถูกเขียนด้วยสีแดงสดตัวเบ้อเริ่มเต็มช่องด้วยมือของคาเรน 

    ทว่าเมื่อทุกคนในทีมมาถึงกลับเห็นชุดควิดดิชสีเขียวแก่ปลิวไสวอยู่ทั่วสนาม


           คาเรนทำเสียงจิ๊ปากอย่างขัดใจ เด็กสาวก้าวฉับๆ เข้าไปหากัปตันทีมสลิธีรินอย่างคาเมรอนที่ยืนกอดอกยิ้มให้เธออยู่กลางสนาม

    ราวกับรออยู่แล้ว คอลินกับคนอื่นในทีมรีบวิ่งตามไปสมทบ


           เธอจ้องอีกฝ่ายเขม็งอย่างเอาเรื่อง “อธิบายมาซิ”


           ที่รักต้องการคำอธิบายเรื่องอะไรล่ะ”


           มุมปากคาเรนกระตุก พยายามไม่คิดมากกับสรรพนามที่เขาเรียก “ฉันเขียนจองในตารางเอาไว้แล้วว่ากริฟฟินดอร์มีซ้อมเช้านี้”


           “แล้วยังไงล่ะ”


           “แล้วยังไงล่ะ -- ดูนายพูดเข้าสิ เวลานี้พวกนายไม่ควรอยู่ในสนาม”


           “แล้วถ้าฉันมีไอ้นี่ล่ะ” คาเมรอนก้มหน้าลง ช้อนตาขึ้นมองอีกฝ่ายที่ตัวเล็กกว่าพลางยื่นม้วนกระดาษให้กัปตันบ้านสิงห์ 

    ผายมือให้เธอเปิดอ่านแล้วยืนรอดูผลแบบหล่อๆ


           คาเรนหมั่นไส้ท่าทางเขาจนแทบอยากเอาไม้กวาดฟาดแต่ก็ต้องห้ามใจเอาไว้ เธอเอาไม้กวาดพิงไหล่ มือคลี่ม้วนกระดาษ

    แล้วอ่านพร้อมๆ กับจินนี่แล้วก็โจซี่ที่ยืนอยู่ข้างกัน


    ฉันศาสตราจารย์เซเวอร์รัส สเนป อนุญาตให้ทีมสลิธีรินฝึกซ้อมที่สนามได้ในวันนี้


           คนที่อ่านได้แต่ขมวดคิ้ว ต่อให้ลายมือหวัดๆ นี้บ่งบอกว่าเป็นของสเนปจริงแต่คาเรนก็ไม่อยากปักใจเชื่อ เธออ่านทวนหลายหน

    จนมือใหญ่ๆ ของคาเมรอนยึดมันกลับคืนไป


           “พวกนายคนใดคนนึงปลอมลายมือเขาล่ะสิ”


           “ฉันไม่ใจร้ายกับเธอขนาดนั้น ช่วงบ่ายฉันยกทั้งสนามให้เธอเลย แต่ถ้าเธอยังดื้อดึงอยู่อีกก็เชิญไปถามศาสตราจารย์สเนปได้เลย”


           “ฉันถามแน่!” คาเรนตะคอกใส่หน้าคาเมรอน เขาเอนตัวไปข้างหลัง ยกมือสองข้างเป็นเชิงว่ากลัวแม่สิงโตสาวจากกริฟฟินดอร์แล้ว

    ทั้งที่ในสายตาเขา คาเรนไม่ต่างอะไรจากแมวตัวน้อยที่ก็แค่ขู่ฟ่อๆ ใส่เขาเท่านั้นเอง


           คาเรนกับลูกทีมกลับเข้าไปในปราสาทโดยมีเสียงคาเมรอนตะโกนไล่หลังมาด้วยน้ำเสียงยียวนกวนประสาท


              “ใกล้แข่งแล้วระวังตัวให้ดีละ โดยเฉพาะบีตเตอร์!


           คาเรนกำหมัดแน่นนึกอยากหันไปชูนิ้วกลางให้เขาแต่ก็ต้องห้ามใจเอาไว้ เธอรู้ว่าคาเมรอนกำลังหมายถึงคอลินแต่จากการเดิมพัน

    ที่ตกลงกันไว้ก็มีสิทธิที่จะหมายถึงเธอด้วยเหมือนกันเพราะเมื่อไรก็ตามที่เธอตกไม้กวาดแล้วออกจากการแข่งขัน ฝ่ายนั้นก็ยิ่งได้เปรียบ


           เมื่อกลับเข้ามาในปราสาท คอลินคิดว่าเธอพูดเล่นๆ แต่กลายเป็นว่าเจ้าตัวเข้าไปถามศาสตราจารย์สเนปจริงๆ แล้วก็ได้คำตอบ

    ที่น่าผิดหวังกลับมา


           “ศาสตราจารย์มักกอนนากัลต้องรู้เรื่องนี้” เด็กสาวพูดกับคนในทีมอย่างคับแค้นใจโดยเฉพาะเวลานึกถึงสีหน้ากวนประสาท

    ของคาเมรอน


           กว่ากริฟฟินดอร์จะได้ใช้สนามก็ช่วงบ่ายอันแสนง่วงงุนหลังจากกินมื้อเที่ยงเสร็จ แต่พอได้ยินคาเมรอนมาพูดจายียวนใส่

    ตอนเดินสวนกัน ทั้งทีมกลับมีพลังฮึดสู้ขึ้นมาทันทีราวกับเขาเป็นของต้องคำสาปที่ใครเห็นแล้วก็ต้องหงุดหงิด


           คาเรนออกจะประหลาดใจอยู่บ้างที่ทุกคนดูมุ่งมั่นขนาดนี้แต่ก็ถือว่านั่นเป็นข้อดี -- ดวงอาทิตย์เริ่มลาลับขอบฟ้าเมื่อถึงเวลาเย็น 

    แสงอาทิตย์อาบไล้ทั่วทุกบริเวณจนเป็นสีแสด นักกีฬาทีมบ้านกริฟฟินดอร์นั่งแผ่อยู่บนพื้นหญ้าหลังใช้พลังงานไปเกือบหมด 

    แต่หากมองดูดีๆ สูงขึ้นไปบนท้องฟ้ายังมีเสื้อคลุมควิดดิชสีแดงสดเป็นจุดอยู่อีกสองจุด


           “ไม่นานหรอก แค่ซ้อมโยนไม้เฉยๆ” คาเรนบอกกับคอลิน ทั้งคู่คือบีตเตอร์ที่ยังไม่เลิกซ้อมเพราะอาทิตย์หน้าจะลงแข่งสนามจริงแล้ว 

    เด็กสาวเลยไม่อยากปล่อยเวลาให้เสียเปล่ายิ่งเฉพาะกับคอลิน


           “เธอจะซ้อมอะไรก็ว่ามาเลย ฉันยังไหว”


           คาเรนรู้ดีว่าเขาเหนื่อยเพราะขนาดเธอเองยังคิดถึงหมอนกับเตียงนุ่มๆ แล้ว ริมฝีปากเธอผุดยิ้มบางๆ ก่อนพยักหน้าให้รุ่นพี่ 

    “เราจะซ้อมโยนไม้ตีบลัดเจอร์ถ้าเผื่อว่าเกิดกรณีฉุกเฉินกับนาย...หมายถึงเราบีตเตอร์คนใดคนนึงทำไม้ตกไปแล้วลูกบลัดเจอร์

    กำลังพุ่งเข้าหาตัว สิ่งที่คนมีไม้ควรทำคือ --” เธอเว้นช่วงให้คอลินตอบ


           “พุ่งเข้าไปช่วย”


           “ถูกต้อง แต่ถ้าอยู่ไกลเกินแล้วเข้าไปช่วยไม่ทันเราต้องโยนไม้ให้อีกคน ถ้านายเกิดทำไม้ตกขึ้นมาแล้วกำลังโดนบลัดเจอร์เล่นงานอยู่

    แถมฉันเข้าไปไม่ทันแน่ฉันก็จะโยนไม้ของตัวเองให้นาย”


           “แล้วเธอล่ะจะทำยังไงถ้าตอนนั้นมีบลัดเจอร์อีกลูกไล่ล่าเธออยู่”


           “ฉันหรือ?” ดวงตาสีเขียวกะพริบปริบๆ เธอเองก็ยังไม่ได้คิดจริงจัง “ระหว่างนั้นอาจจะดิ่งลงสนามไปเก็บไม้ของนายขึ้นมาใช้แทน

    หรือไม่ก็...หนีบลัดเจอร์ให้เร็วที่สุด” คาเรนมองหน้าคอลินที่เสี้ยวนึงถูกเงายามราตรีบดบังไปแล้ว ทว่าดวงตาใสแป๋วทำเอาเธอหลุดหัวเราะ

    ออกมา “อย่ามองฉันแบบนั้นสิ ถ้าเป็นอย่างที่นายว่าขึ้นมาจริงๆ เป็นใครก็ต้องหนีก่อนทั้งนั้นแหละจนกว่าจะได้ไม้คืนมา”


              “แต่ฉันเป็นห่วงเธอ” คอลินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขาเคยดูควิดดิชมานักต่อนักยิ่งตอนนี้ได้สัมผัสจริงๆ ทำไมจะไม่รู้ว่าลูกบลัดเจอร์

    ร้ายกาจขนาดไหน


           เพราะประโยคที่แสนจะจริงใจและจริงจังออกจากปากคอลินทำให้คาเรนหยุดหัวเราะเหมือนลานที่ไขไว้หยุดลง ปกติแล้วคอลิน

    ที่เธอรู้จักจะยิ้มแย้มแถมยังขี้เล่นและออกจะประหม่าหน่อยๆ ด้วยเวลาคุยกันซึ่งคอลินในโหมดจริงจังแบบนี้ทำเอาเธอกลายเป็นฝ่าย

    ประหม่าซะเอง เด็กสาวอึกอักอยู่นานราวกับหาเสียงตัวเองไม่เจอ กระทั่งจินนี่ตะโกนถามมาจากข้างล่าง


              “ข้างบนนั้นมีอะไรกันรึเปล่า?!


              คาเรนกะพริบตาราวกับมีคนมาดีดนิ้วใส่หน้า เธอสะบัดหัวสองสามทีแล้วตะโกนกลับลงไป “ไม่มีอะไร ปกติดี!” เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ 

    แล้วบอกกับคอลิน “เรามาซ้อมกันเถอะ”



           คืนวันศุกร์ก่อนที่ฤดูกาลแข่งขันควิดดิชจะเริ่มในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าเป็นช่วงเวลาที่คู่แข่งนัดแรกอย่างกริฟฟินดอร์กับสลิธีริน

    ไม่ถูกกันมากที่สุด หลังเลิกเรียนปรุงยาคาเมรอนดักรอเจอคาเรนที่คุกใต้ดินตรงบันไดขึ้นแล้วบอกให้เพื่อนของเขาขึ้นไปกันก่อน


           “หวังว่าเธอคงไม่ลืมที่เราเคยคุยกันไว้นะ ฝากบอกคู่หูบีตเตอร์ของเธอให้เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมด้วย ตอนตกลงมาจากไม้กวาด

    คงจะเจ็บน่าดู เธอเองก็เตรียมตัวไปดื่มบัตเตอร์เบียร์กับฉันได้เลย ไม่ต้องใส่ชุดสวยมากก็ได้เพราะแค่นี้เธอก็สวยอยู่แล้ว” 

         

           คาเมรอนยื่นมือหมายจะจับปอยผมที่ปรกหน้าคนตัวเล็กกว่าทัดหูให้ทว่าถูกมือเล็กปัดออกอย่างไม่ไยดี เขาลดมือกลับไป

    ล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วโค้งให้เธอเล็กน้อยโดยไม่ลืมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนเดินขึ้นบันไดไปจากคุกใต้ดินอย่างสบายอารมณ์


           คาเรนชักไม้กายสิทธิ์ออกมา ท่องคาถาแบบไม่ออกเสียงแล้วชี้ไปยังคาเมรอนที่กำลังจะก้าวขึ้นบันไดขั้นสุดท้าย เด็กหนุ่มตัวสูง

    ล้มหน้าคะมำเพราะเชือกรองเท้าสองข้างผูกติดกันด้วยฝีมือคู่อริสาวจากต่างบ้านที่เดินผ่านเขาไปโดยไม่หันกลับมามอง


           ก่อนนอนคืนนั้นคาเรนนั่งรอคอลินที่ห้องนั่งเล่นรวมทั้งที่ปกติคืนก่อนแข่งเธอจะรีบเข้านอนแต่หัวค่ำ


           “ขอเวลาคุยด้วยหน่อยได้ไหม” คาเรนถามคอลินที่ไม่ทันได้สังเกตเห็นเธอเพราะกำลังสนใจกล้องในมือระหว่างที่เดินผ่านมา

    ตรงกลางห้องหลังเดนนิสบอกว่าฟิล์มม้วนนี้ใช้ไม่ได้


           คอลินสะดุ้งเฮือกเพราะเมื่อกี้เขากำลังเล่าเรื่องเธอให้เดนนิสฟังอยู่เลย หวังว่าเธอจะไม่ได้ยินนะ ดูเหมือนคาเรนจะไม่ได้ยินจริงๆ 

    เลยถอนหายใจอย่างโล่งอก “ได้สิ” เขาหันไปบอกให้เดนนิสขึ้นหอนอนไปก่อนส่วนเขาก็เดินตามเธอไปนั่งคุยตรงเก้าอี้นวมหน้าเตาผิง


           “ไหนๆ พรุ่งนี้ก็แข่งแล้ว ขอเข้าเรื่องเลยนะ มีบีตเตอร์คนนึงจากสลิธีรินที่ตีแรงเอาเรื่องกำลังเล็งนายอยู่ คาเมรอน เบรฟลีย์ 

    คงรู้จักนะ กัปตันทีมคนที่กวนประสาทคนนั้นน่ะ -- ถึงหน้าที่ของนายตามที่เราแบ่งกันจะคอยป้องกันคนในทีมเราก็จริง แต่ถ้าคาเมรอน

    อยู่ใกล้นาย ฉันแนะนำให้นายหวดบลัดเจอร์ใส่เขาได้เลย ตรงหัวได้ยิ่งดี” ประกายแห่งความหวังพุ่งตรงไปถึงหัวใจคอลิน 

    ท่าทีจริงจังของเธอทำให้เขาไม่ต้องถามเลยว่าเธอกำลังแกล้งขู่เขาหรือพูดจริง


           ได้ฟังแบบนี้ก็รู้แล้วว่าควิดดิชไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่เขาคิดอยากเข้าร่วมทีมเพื่อให้ได้อยู่ใกล้คาเรนอย่างเดียว เพราะมันหมายความว่า

    ถ้าเขามัวแต่ใช้เวลาตอนแข่งมองเธออย่างสุขใจ สมาชิกในทีมอาจโดนลูกบลัดเจอร์เล่นงาน ทีมอาจแพ้ถ้าไม่มีคนทำคะแนนได้

    แล้วที่สำคัญเขาอาจเดี้ยงจนต้องนอนพักรักษาตัวที่ห้องพยาบาล -- ยิ่งคิดก็ยิ่งหวั่นใจ


    เข้าใจแล้ว”


    คาเรนพยักหน้ารัวๆ มองคอลินอีกอึดใจก่อนเลื่อนมาสบตาเขาตรงๆ


    “ระวังตัวด้วยนะ”



    - Talk -

              สำหรับคาเรนแล้วเดิมพันนี้ช่างใหญ่หลวงนัก บางทีก็จริงจังซะจนคอลินอยากร้องขอชีวิต แต่บางทีถ้าคนพี่รู้ความลับนี้เข้าแล้วละก็

    อาจจะจริงจังกว่าคุณกัปตันก็ได้นะคะ~>_<


    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×