คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 2 ll Welcome to the team
2
Welcome to
the team
ถึงชีวิตจิตใจของคอลินจะมีแต่กล้องแต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเล่นกีฬาอะไรเลย -- สมัยก่อนที่คอลินรู้ว่าตัวเองไม่ใช่มักเกิ้ลเขาเคย
เข้าเรียนโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในลอนดอน ได้เป็นตัวแทนของโรงเรียนไปแข่งเบสบอล แน่นอนว่าฝีมือเขาไม่ใช่ย่อย ถึงจะนานมาแล้ว
แต่อย่างน้อยก็ทำให้เจ้าตัวมั่นใจได้หน่อยนึงว่าตำแหน่งบีตเตอร์น่าจะไม่ยากเกินไปสำหรับเขา...ถ้าได้ฝึกฝนเพิ่มอีกนิดหน่อยน่ะนะ
“นี่มันสุดยอดไปเลย” จินนี่อ้าปากค้าง เลือดนักกีฬาควิดดิชในตัวสูบฉีด -- เธอ คอลิน เดนนิสและลูน่ากำลังยืนอยู่ใน
ห้องต้องประสงค์ที่ถูกปรับเปลี่ยนให้โอ่โถงเหมาะสำหรับการฝึกควิดดิช พวกเขาทั้งหมดคือคนที่สมัครใจแอบออกจากหอนอนกลางดึก
เพื่อช่วยคอลินซ้อมสำหรับคัดตัวนักกีฬาในวันเสาร์ที่จะถึงนี้
“มันใช้ได้เลยใช่ไหม” คอลินยกมือเกาคอ ถามอย่างไม่แน่ใจ “ฉันขอให้ห้องนี้แปรสภาพเป็นสถานที่ที่เหมาะจะฝึกควิดดิช
ฉันว่าฉันไม่เคยเห็นสนามควิดดิชในร่มมาก่อน”
“มันดีมากเลยต่างหาก อย่างน้อยเราก็ใช้ซ้อมได้” จินนี่บอก ตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นยิ่งกว่าใครในห้องนี้ทั้งหมด
เธอส่งไม้กวาดสำรองที่เอามาจากห้องเก็บไม้กวาดพร้อมกับไม้ตีลูกบลัดเจอร์ให้คอลิน
เด็กสาวผู้ดูคล้ายล่องลอยอยู่ตลอดเวลาอย่างลูน่าอาสาช่วยฝึกด้วยอีกคนหากแต่เธอขี่ไม้กวาดไม่เก่ง จินนี่เลยให้เธอถือ
ไม้ตีบลัดเจอร์แล้วคอยตีมันจากพื้นนี่แหละ
เดนนิสปล่อยลูกบลัดเจอร์สีดำสนิทออกจากหีบตามคำสั่งจินนี่ มันพุ่งตัวขึ้นเหนือพื้นเร็วอย่างกับลูกสนิช คอลินที่ยังไม่พร้อมดี
วิ่งหน้าตั้งไปหยิบไม้กวาดเตรียมขึ้นขี่แต่ไม่ทันเสียแล้วเพราะลูกบอลทิ้งตัวดิ่งลงมา...หาลูน่า! เด็กสาวผมบลอนด์กำไม้ในมือแน่น
แล้วหวดไปเต็มแรงเสียจนมันพุ่งไปไกลหลายฟุต -- แน่นอน ขมับของคอลินผู้โชคร้ายรับไปเต็มๆ !
“โอ๊ย!” เด็กหนุ่มยกมือกุมขมับ ก้มตัวงอเพราะความเจ็บ
ดวงตากลมโตของลูน่าที่โตอยู่แล้วยิ่งโตมากขึ้นไปอีก เธอย่อตัวลงแล้วเงยหน้ามองคอลินด้วยความรู้สึกผิด “ขอโทษนะ”
“ไม่เป็นไร” คอลินแข็งใจฝืนยิ้มออกมาให้เพื่อนสบายใจ อย่างน้อยก็คิดซะว่าถ้าได้เข้าทีมจริงๆ เหตุการณ์แบบนี้มีสิทธิเกิดขึ้นได้เสมอ
-- ถือว่าครั้งนี้ซ้อมเอาหัวรับลูกก็แล้วกัน
“ไม่เลวเลยนี่ ลูน่า สมแล้วที่เป็นแฟนจอร์จ” จินนี่ออกปากชมจากใจจริง แต่นึกแล้วก็หมั่นไส้พี่ชายตัวเอง ทีกับน้องสาว
ไม่เห็นเคยสอนแต่แฟนตัวเองละก็ไม่เคยพลาด
※
ซ้อมควิดดิชรอบดึกตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาทำเอาร่างคอลินแทบแหลก -- หนนึงที่เฟร็ดกับจอร์จรู้ข่าวเรื่องคอลินกับคุณกัปตันสาว
ที่เป็นแรงบันดาลใจให้อยากเล่นควิดดิชเลยไม่พลาดแอบย่องมาห้องต้องประสงค์แล้วช่วยซ้อมให้หลังจากปรึกษาธุระกับอาจารย์ใหญ่เสร็จ
ฝาแฝดผมแดงนั่นทุ่มพลังเต็มที่กับรุ่นน้องที่รักอย่างกับรวบยอดที่คอลินเคยซ้อมตลอดทั้งสัปดาห์มาอยู่ในวันเดียว
กว่าการฝึกซ้อมคืนสุดท้ายจะจบลงก็เกือบตีสามเข้าไปแล้ว เพราะเมื่อวานเฟร็ดกับจอร์จมาทำให้วันนี้เด็กหนุ่มผมน้ำตาล
แทบหน้าคะมำลงไปกองเหมือนน้ำแข็งละลายเมื่อไม้กวาดลงจอดถึงพื้น เขาปล่อยมือจากไม้กวาดแล้วนอนแผ่อย่างหมดแรงตรงข้ามกับ
จินนี่ลิบลับ
“ตีสามแล้ว ฉันว่าเรากลับหอคอยกันเถอะ ไม่งั้นจะไม่เหลือเวลานอนเอานะ”
เดินนิสฉุดแขนพี่ชายให้ลุกขึ้นโดยมีลูน่าช่วยอีกแรง ทั้งสี่ออกจากห้องต้องประสงค์มุ่งหน้าไปยังหอคอยของตัวเอง -- มีแค่จินนี่
กับเดนนิสเท่านั้นที่กลับหอคอยกริฟฟินดอร์ ส่วนคอลินอาสาเดินไปส่งลูน่าที่หอคอยเรเวนคลอเพราะไม่งั้นก็ไม่มีทางสบายใจที่ปล่อยให้
เพื่อนผู้หญิงเดินกลับหอคอยคนเดียวตามลำพังแถมเสี่ยงโดนฟิลช์จับได้ว่าเธอแอบลุกจากเตียงมาเพื่อช่วยเขา เหตุผลอีกอย่างคือ
กลัวโดนจอร์จสาป...
ระหว่างทางแม้จะเหนื่อยจนตัวแทบขาดกับการฝึกแบบจริงจังติดกันทุกวัน แต่หูสองข้างของคอลินก็ยังต้องฟังเรื่องนาร์เกิ้ล
จากเพื่อนผมบลอนด์ข้างตัวทุกวันเช่นกันทั้งที่เขาก็ไม่รู้ว่าสัตว์วิเศษตัวที่ว่านี่มีอยู่จริงในโลกนี้หรือแค่ในโลกของเธอกับเซโนฟิเลียส
พ่อของเธอกันแน่
“ถึงแล้ว ขอบคุณนะ” เสียงฝันๆ บอกเขา คอลินสะบัดหัวให้ตาที่หรี่ปรือลืมขึ้นมองบันไดเวียนทอดขึ้นสูงไปข้างบน
เนี่ยน่ะหรือหอคอยเรเวนคลอ ตั้งแต่อยู่ฮอกวอตส์มาจนปีสุดท้ายก็เพิ่งจะเคยมาเป็นครั้งแรก พนันได้เลยว่าจอร์จต้องเคยมา
นับครั้งไม่ถ้วนแน่ ภาพตรงหน้านั้นชวนให้เวียนหัวแต่ขณะเดียวกันก็ชวนให้ขนลุกกับความสวยเช่นกัน เห็นแล้วก็คันมือยุบยิบ
....รู้งี้เอากล้องติดมาด้วยซะก็ดี
“ฝันดี ลูน่า” เด็กหนุ่มบอกกับเพื่อนสนิทให้เธอรีบขึ้นไปนอน ไม่งั้นความคิดที่ว่าอยากวิ่งกลับไปเอากล้องมาถ่ายต้องครอบงำเขาแน่
ลูน่าหมุนตัวกลับมาคุยกับเพื่อนตัวสูง ดวงตากลมโตสีฟ้าซีดเลื่อนมองคอลินช้าๆ จ้องเขาอย่างเลื่อนลอยก่อนผุดรอยยิ้ม
“ลืมบอกไปเลย ฉันเห็นแค่นี้ก็รู้แล้วว่านายต้องได้เข้าทีมบ้านแน่ โชคดีนะ” เธอพูดเสียงฝันๆ “ทั้งวันเสาร์นี้แล้วก็เรื่องคาเรนด้วย”
คอลินอึ้งเล็กน้อยที่จู่ๆ ลูน่าก็บอกเรื่องนี้ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อนึกถึงคาเรนก่อนยิ้มให้เพื่อนตัวเล็กพลางพยักหน้า
“ขอบคุณที่อวยพรทั้งเรื่องวันเสาร์นี้...แล้วก็คาเรน” เด็กหนุ่มผมน้ำตาลอ้าปากแต่ก็หุบปากลงราวกับลังเลว่าจะพูดดีไหม สุดท้ายเขาก็เลือก
ที่จะพูดมันออกมา “รู้ไหมลูน่า ฉันอิจฉาคู่ของเธอกับจอร์จมากเลย ฉันอยากเป็นอย่างคู่เธอบ้าง แต่เธอก็รู้ ฉันไม่ได้มีเสน่ห์หรืออารมรณ์ขัน
หรือแม้แต่กล้าเข้าหาคนที่ชอบได้เหมือนที่จอร์จเป็น -- เธอคิดว่าคาเรนจะชอบคนอย่างฉันไหม”
“อย่าพูดเหมือนตัวเองไม่คู่ควรกับใครสักคนเลย ฉันชอบคนที่นายเป็นอยู่ตอนนี้จะตายไป นายใจดีที่เคยช่วยฉันตามหานาร์เกิ้ล
ตั้งหลายครั้ง” ลูน่าพูดน้ำเสียงจริงจังที่ออกมาจากใจจริงแต่ทำให้คนฟังรู้สึกเหมือนถูกปลอบประโลมอย่างนุ่มนวล
“แต่เราไม่มีทางรู้คำตอบได้หรอกจนกว่าจะถึงเวลา”
“ใช่ ฉันก็เพิ่งรู้คำตอบว่าเธอหายออกจากเตียงมาอยู่ตรงนี้ก็ตอนนี้เอง” มาเรีย เกลนมอร์ เด็กสาวปีเจ็ดผมสีน้ำตาล
เพื่อนสนิทของลูน่าจากเรเวนคลอเดินลงบันไดมาหาเพื่อนทั้งสองที่มีสีหน้าโล่งใจเพราะเธอไม่ใช่อาจารย์หรือฟิลช์ “ฉันตื่นมาแล้วไม่เห็นเธอ
นอนอยู่บนเตียง เธอกับคอลินไปไหนกันมาหรือ” เธอหรี่ตามอง
“ไม่ใช่แค่เราสองคนหรอก” คอลินรีบตอบก่อนที่มาเรียจะเข้าใจผิด “มีจินนี่กับเดนนิสด้วย -- เราเอ่อ ไปห้องต้องประสงค์”
“ห้องต้องประสงค์? กองทัพดัมเบิลดอร์รวมตัวกันอีกแล้วหรือ ดึกแบบนี้เนี่ยนะ”
“เปล่า เราไปซ้อมควิดดิชกัน ต้องบอกว่าทุกคนไปช่วยฉันซ้อมควิดดิชน่าจะถูกกว่า” คอลินหลบตามาเรียเพราะถูกจ้องจนตัวเขา
แทบทะลุ “ฉันเปลี่ยนห้องนั้นให้เป็นสนามซ้อมควิดดิช ฉันจะเข้าคัดตัวควิดดิชทีมบ้านวันเสาร์นี้น่ะ ตำแหน่งบีตเตอร์”
“ให้ตายสิ” มาเรียลงบันไดมายืนรวมกลุ่มกับอีกสองคนด้วยสีหน้าจริงจัง “น่าสนุกขนาดนี้ทำไมไม่บอกกันบ้าง ฉันจะได้ไปด้วย”
※
และแล้วก็ถึงวันตัดสินชะตาว่าอดีตนักกีฬาเบสบอลสมัยประถมอย่างคอลินจะเข้าร่วมทีมควิดดิชได้ไหม บนอัฒจันทร์มีลูน่า มาเรีย
และเดนนิสผู้กระตือรือร้นโบกกล้องทักทายพี่ชายที่ยืนขอบตาคล้ำอยู่กลางสนามเพราะเมื่อคืนนอนไม่หลับ
วันนี้อากาศเป็นใจต่อให้ล่วงเข้าฤดูใบไม้ร่วงแต่ลมหนาวก็ยังปรานีพวกเขาจนคอลินนึกขอบคุณอยู่ในใจหลายหน -- มุมมองของเขา
ในสนามควิดดิชวันนี้ดูแปลกตาจนยืนไม่นิ่ง ใครจะไปคิดว่าจากที่ได้แต่ถ่ายรูปจากบนอัฒจันทร์ลงมาจะกลายมาเป็นวันที่ตัวเองต้องมายืน
อยู่กลางสนามซะเอง
กัปตันสาวผมสั้นสีบลอนด์กำลังรวบผมมัดครึ่งหัวระหว่างรอผู้สนใจเข้าร่วมทีม เธอประกาศก้องสนามว่าใครที่ไม่ใช่กริฟฟินดอร์
ให้เดินออกไปซะ ทว่ามีใครออกไปเลยขี่ไม้กวาดขึ้นไปเหนือทุกคนพร้อมกวาดสายตามองแล้วชี้ไปยังเด็กชายคนหนึ่ง
“นายอยู่เรเวนคลอ ฉันจำได้ ออกไปจากกลุ่มซะ ส่วนนายอยู่ฮัฟเฟิลพัฟ รีบเดินออกจากสนามซะเจ้าหนู ก่อนที่ฉันจะบอก
ศาสตราจารย์สเปราต์ว่านายมาก่อกวน” นักเรียนที่ไม่ใช่กริฟฟินดอร์ทยอยวิ่งออกไปกันทีละคนจนเหลือไม่ถึงยี่สิบคน “อีกห้านาทีจะเริ่ม
คัดเลือกแล้ว ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม” คาเรนบอกก่อนปล่อยให้ทุกคนวอร์มร่างกายกันเต็มที่ เธอหยุดอยู่ตรงหน้าคอลินด้วยความ
ประหลาดใจ มองคอลินที่ขาสั่นพั่บๆ ด้วยความตื่นเต้นกำลังหันไปบอกกับจินนี่ว่าอยากถอดใจและไม่เอาแล้ว “ไม่คิดว่านายจะมาด้วย
เลือกตำแหน่งอะไรไว้ล่ะ”
คอลินสะดุ้งเฮือกที่ถูกทัก “ฉัน? -- อ้อ -- บีตเตอร์”
“เจ๋ง ถ้านายได้เราก็จะเป็นคู่หูกันละ คงรู้อยู่แล้วว่าฉันเป็นบีตเตอร์ ใช่ไหม -- ตอนนี้ยังมีเวลาให้หายใจหายคออีกนิดหน่อย
ให้หายตื่นเต้นเพราะตำแหน่งบีตเตอร์จะคัดเป็นกลุ่มสุดท้ายหวังว่าคงไม่หายไปไหนก่อนถึงเวลานะ” คาเรนบอกกับคอลิน
ตอนนี้เธออยากเห็นฝีมือการเล่นของเขาเต็มแก่เพราะรุ่นพี่ที่เป็นช่างกล้องประจำฮอกวอตส์คนนี้ไม่เคยแสดงฝีมือให้ใครเห็นเลยแม้แต่
ครั้งเดียว เธอมองไปที่คนข้างๆ ก่อนยิ้มให้จินนี่ “หวัดดีรุ่นพี่วีสลีย์หนึ่งเดียวในฮอกวอตส์ตอนนี้ คงไม่ตื่นเต้นหรอกใช่ไหม ถึงจะคัดเลือกใหม่
แต่เธอไม่มีทางพลาดตำแหน่งเชสเซอร์อยู่แล้ว”
“ขอบใจนะ แต่ฉันประมาทไม่ได้หรอก” จินนี่ยิ้มให้เธอ ทั้งคู่พยักหน้าให้กันน้อยๆ แล้วแยกกัน
คาเรนเดินไปทางอื่นแล้ว ทว่าเพียงแค่ไม่กี่ประโยคที่เธอบอกว่าจะเป็นคู่หูกันพร้อมกับยิ้มให้กำลังใจทำเอาคนใกล้สติแตกอย่างคอลิน
ค่อยๆ สงบลงเหมือนได้กินน้ำยาสงบใจ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ผ่อนลมหายใจให้ลดความตื่นเต้น ยอมเปลี่ยนใจกลับมาสู้ต่อ
เป็นคอลินผู้พกความมั่นใจมาเต็มเปี่ยมเหมือนกับตอนซ้อม
คาเรนเดินไปให้กำลังใจคนอื่นบ้างเพื่อความเท่าเทียมแล้วขึ้นขี่ไม้กวาดไฟร์โบลต์ด้ามเงาวับทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมประกาศเริ่มต้น
คัดเลือกตำแหน่งเชสเซอร์
เท่ชะมัด...
คอลินอดชมเธอในใจไม่ได้ เธอเป็นผู้หญิงประเภทไหนกัน แค่ยิ้มให้ก็เล่นเอาเขาใจเต้น ยิ่งเวลาทะมัดทะแมงตอนเล่นควิดดิช
ก็ทำเอาผู้ชายอย่างเขาเหม่อลอยไปไกล
จินนี่กลอกตาเดินมาตบไหล่เพื่อนสนิท “ถึงตาบีตเตอร์แล้ว”
สายตาว่างเปล่าของคอลินมองเธอก่อนนึกขึ้นได้ว่าตนกำลังยืนอยู่ในสนาม “อ้อ” เขาขึ้นคร่อมไม้กวาดแล้วพุ่งทะยานขึ้นไปทันที
แบบมือเปล่า
“ตำแหน่งบีตเตอร์เหลือที่ว่างแค่คนเดียวเท่านั้น” คาเรนบอกกับผู้เข้าร่วมคัดเลือกอีกห้าคน “ฉันจะไม่บอกให้พวกเธอโชคดี
เพราะถ้าใครคนใดคนหนึ่งได้เข้าร่วมทีมเพราะโชคช่วยละก็คงไม่ดีแน่ ขอให้ทุกคนเล่นให้เต็มที่ ใจเย็นๆ มีสติ มีความสามารถเท่าไร
ก็ดึงออกมาให้หมด -- ไม้ตีบลัดเจอร์ของนายล่ะ” เธอถามคอลินหลังสังเกตได้จากสายตาที่ว่องไว เห็นอีกฝ่ายเลิ่กลั่กจะกลับลงไปอีก
เลยตะโกนเรียกรั้งเขาไว้พร้อมกับโยนไม้ในมือตัวเองไปให้แทน
จินนี่ได้เล่นตำแหน่งเชสเซอร์ตามคาดแต่เวลานี้กลับไม่ได้ดีใจอย่างที่ควรจะเป็น เธอเงยหน้ามองข้างบนส่งกำลังใจให้คอลิน
ภาวนาขอให้เขาไม่ตื่นเต้นเกินไป ขอให้มีสติแล้วเล่นได้อย่างที่ซ้อมมาแค่นั้นก็มีสิทธิ์เข้าทีมเกินกว่าครึ่งแล้ว
ทางฝั่งด้านข้างสนามนอกจากจะมีลูน่า มาเรียแล้วก็เดนนิสคอยตะโกนเชียร์อยู่ยังมีแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่เพิ่งว่างจากงานมาเชียร์
แฟนสาวอย่างจินนี่เพราะเธอเขียนจดหมายไปบอก กับ โอลิเวอร์ วู้ด ผู้มีธุระที่ฮอกวอตส์พอดีแต่เพราะคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ
เลยแอบแวะมาดูการคัดเลือกก่อนกลับสักหน่อย
“หวังว่าคาเรนจะไม่เข้มงวดเกินไปเหมือนนายนะ” แฮร์รี่แอบเหน็บแนมอดีตกัปตันข้างตัวเมื่อย้อนนึกถึงอดีต ตัวเองรอดมาได้
ตั้งแต่ปีหนึ่งก็นับว่าดีแค่ไหนแล้ว ส่วนกัปตันสาวอย่างคาเรนที่เขาเคยร่วมทีมเมื่อปีกลายนั้นก็จริงจังไม่แพ้โอลิเวอร์เลยทีเดียว
คิดแล้วก็เป็นห่วงจินนี่...
“ถ้าเป็นงั้นแล้วมันเสียหายตรงไหนกันฮึ” โอลิเวอร์บอก กอดอกมองกัปตันสาวในสนามด้วยสายตาภาคภูมิใจ “ไม่ผิดหวังจริงๆ
สมกับที่เคยคบกันมาก่อน”
แฮร์รี่อ้าปากจะพูดแต่ชะงักเพราะคำพูดกำกวมนั่น คิ้วเขาขมวดเล็กน้อยก่อนเอียงคอถาม “คบแบบรุ่นพี่รุ่นน้องน่ะหรือ”
“แบบแฟนสิ”
ชายหนุ่มผมดำอ้าปากค้างจนแมลงวันแทบบินเข้าปาก หากใครมาเห็นคงไม่เชื่อว่าเขาเป็นมือปราบมารแน่ๆ
“โอลิเวอร์ ไม่ได้พูดเล่นใช่ไหม ตอนนายเจอคาเรนเธอเพิ่งจะอยู่ปีหนึ่งเองนะ ส่วนนายน่ะปีเจ็ด”
“ความรักมันไม่กำหนดอายุหรอกแฮร์รี่ ฉันก็แค่มองเห็นอะไรบางอย่างในตัวเธอ ก็เลยชอบ แล้ว --”
“แล้ว?”
“ก็เข้าไปจีบเลย ฉันเป็นกัปตันทีมควิดดิชเชียวนะ ใครไม่ชอบก็แปลก”
“ไม่จริงน่า ฉันรู้มาว่านายแอบชอบเพื่อนสนิทตัวเองมาตลอดจนเรียนจบออกไปนี่ ไม่เห็นเคยรู้เลยว่ามีเรื่องแบบนี้ด้วย”
“นายรู้ก็แปลกละ ฉันกับคาเรนตกลงคบกันไม่ถึงครึ่งวันด้วยซ้ำ อันที่จริงฉันไม่ได้เข้าไปจีบหรอก ฉันโกหกน่ะ เฟร็ดกับจอร์จคิดจะ
แกล้งฉันแต่ดันไปบอกกับคาเรนว่าฉันชอบเธอแล้วก็อยากคบด้วย แล้วคาเรนก็ตอบตกลงทันที”
“คาเรนชอบนายเหรอ”
“เปล่า เราไม่ได้ชอบกันเลยสักนิด ทั้งหมดนั่นก็เพราะเธอเพิ่งเลิกเรียนวิชาคาถาต่างหาก -- ใช้สมองคิดหน่อยสิแฮร์รี่ ตอนนั้นคาเรน
เพิ่งเรียนคาถางงงันเสร็จมาหมาดๆ แล้วเธอก็โดนคาถานั้นด้วยเลยตอบตกลงเออออกับพวกแฝดจอมแสบนั่นแบบงงๆ พอคาถาหมดฤทธิ์
ฉันเลยอธิบายให้ฟัง จากนั้นเราก็เลิกกันด้วยดี แหม เขินเหมือนกันนะที่ต้องเล่าประสบการณ์มีแฟนคนแรกที่คบกันไม่กี่ชั่วโมงให้นายฟังเนี่ย”
คาเรนร่อนลงสู่พื้นสนาม บอกให้ผู้เล่นบนฟ้าห้าคนเตรียมพร้อม เธอเตะหีบเปิดออก ลูกบลัดเจอร์สีดำบ้าระห่ำสองลูกที่อยาก
เป็นอิสระจากหีบพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าพุ่งเข้าหาคอลินเป็นคนแรก เด็กหนุ่มผมน้ำตาลหลับตาปี๋พร้อมท่องในใจว่าจะต้อง
อยู่ในทีมบ้านให้ได้ เขาลืมตาในวินาทีสุดท้าย ออกแรงหวดไม้ในมือเต็มแรงแบบเข้าเป้าพอดีทำให้ลูกกระเด็นไปทางนักเรียนปีสี่
ที่มีเป้าหมายเหมือนกันเพียงแต่เจ้าตัวขี่ไม้กวาดหนีลูกบลัดเจอร์ไปทั่วสนามราวกับเห็นผู้คุมวิญญาณ
ผู้ชมข้างสนามรวมทั้งจินนี่โห่ร้องชื่นชมคอลินที่ไม่ร่วงไปซะก่อนแถมยังตีลูกบลัดเจอร์จอมพยศได้อีกต่างหาก เด็กหนุ่มมีกำลังขึ้นมา
เป็นกอง เขาแอบเหล่มองไปทางคนคัดเลือกซึ่งก็คือคาเรน สายตาทั้งคู่ประสานกันพอดี เมื่อเด็กสาวรู้ตัวจึงพยักหน้าให้เขา
บอกเป็นทำนองว่าทำดีแล้ว คอลินยิ้มแฉ่งแต่แล้วก็ต้องหุบยิ้มทันทีเพราะใช่ว่าตีได้แค่ลูกเดียวจะช่วยให้ถูกเลือกสักหน่อย
เวลานี้เขาไม่ใช่คอลินคนเดิมแล้ว ดวงตาสีน้ำตาลหรี่มองหาลูกบลัดเจอร์แล้วเป็นฝ่ายพุ่งเข้าหามันซะเองอย่างกับวิญญาณฝาแฝดวีสลีย์
คนใดคนหนึ่งเข้าสิง
เดนนิสถอยหน้าห่างจากกล้องของคอลินหลังรับหน้าที่ถ่ายรูปแทนพี่ชายมามองเจ้าของกล้องด้วยตาตัวเองราวกับภาพที่เห็น
ไม่ใช่ของจริง ตลอดเวลาเขาชื่นชมพี่คอลินไม่เคยขาดแต่ครั้งนี้มันเกินไป ไหนจะการบินที่รวดเร็วกับฝีมือการหวดบลัดเจอร์ที่คาดไม่ถึงนั่น
ทำเอาน้องชายที่รู้จักคอลินมาตั้งแต่เกิดถึงกับอ้าปากค้าง
ทันทีที่คาเรนประกาศชื่อ ‘ คอลิน ครีฟวีย์ ’ เป็นสมาชิกคนสุดท้ายของทีมในตำแหน่งบีตเตอร์ เพื่อนๆ บนอัฒจันทร์ก็ลุกขึ้นร้องเชียร์
ชื่อเขาซ้ำๆ ส่วนเดนนิสผู้ภูมิใจในตัวพี่ชายกระโดดตัวลอยพร่ำบอกคนรอบตัวว่านั่นพี่ชายของเขาเองก่อนวิ่งลงสนามไปกอดคอลิน
คอลินสวมกอดคนน้องด้วยความดีใจ สองพี่น้องฉีกยิ้มกว้างให้กันทำเอาจินนี่แอบอิจฉาเล็กๆ เพราะเรื่องแบบน้ำไม่มีทางเกิดขึ้น
กับเธอและพวกพี่ชายแน่ คอลินพยายามสงบสติอารมณ์ก่อนที่กัปตันสาวจะเห็นแล้วเกิดอยากเปลี่ยนใจขึ้นมา เขามองอีกฝ่าย
ด้วยความขอบคุณที่เห็นอะไรในตัวเขาจนเลือกเข้าทีม ขณะที่เรื่องหัวใจก็ก้าวหน้าขึ้นมาอีกขั้นเช่นกัน!
※
“ยินดีต้อนรับทุกคนเข้าร่วมทีม” คาเรนบอกลูกทีมทั้งหกคน “ตลอดปีต่อจากนี้ขอให้เราเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นเพื่อน เป็นพี่น้อง
ที่ปรึกษากันได้ ขอให้ทุกคนตั้งใจซ้อมแล้วเราจะพากริฟฟินดอร์ไปรับถ้วยควิดดิชประจำปีด้วยกัน! --ช่วงเย็นวันนี้เราจะมีงานเลี้ยงฉลองเล็กๆ
กันที่ห้องนั่งเล่นรวม เพราะงั้นอย่าลืม...”
เสียงเฮดังกลบเสียงกัปตันทีมจนจินนี่ต้องช่วยปรามคนอื่นๆ แล้วให้คาเรนพูดต่อ “ใช่แล้ว ดีใจกันได้เลย เราจะมีการฉลองด้วย
บัตเตอร์เบียร์ แต่หลังจากนี้เราจะเริ่มซ้อมจริงจังกันแล้ว คืนวันพุธขอให้ทุกคนทำตัวให้ว่างเพราะฉันจะนัดคุยกลยุทธ์ที่ห้องนั่งเล่นรวม
ตอนหนึ่งทุ่มตรง นัดซ้อมครั้งแรกวันอาทิตย์หน้าที่สนามตอนเก้าโมงหลังมื้อเช้า เอาละ ระหว่างนี้แยกย้ายกันไปได้
ขอบคุณที่สนใจเข้าร่วมทีม ต่อจากนี้ก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วย”
คาเรนกล่าวอย่างสุภาพกับเพื่อนร่วมทีมที่มีทั้งรุ่นน้องปีสี่อย่างจิมมี่ พีกส์ , วิกเตอร์ นอร์ธแล้วก็ ไนเจล เคลลี่ -- เพื่อนปีหกรุ่นเดียวกัน
อย่างโจซี่ ไดมอนด์ เพื่อนสนิทของคาเรนกับตำแหน่งเชสเซอร์หรือแม้กระทั่งรุ่นพี่สองคนอย่างจินนี่กับคอลิน เธอยิ้มให้ทุกคนพร้อมบอก
แยกย้าย เด็กสาวเดินไปข้างสนามเก็บไม้ตีบลัดเจอร์ใส่หีบเป็นอย่างสุดท้าย
หนักเหมือนกันแฮะ... ขณะที่เธอกำลังจะแบกหีบไปเก็บพลันมีเสียงทุ้มที่ฟังดูประหม่าเล็กน้อยดังมาจากข้างหลัง
“เอ่อ -- ให้ฉัน -- ให้ฉันช่วยนะ”
ดวงตาสีเขียวตวัดมองผู้ใจดีที่ยื่นมือเข้ามาช่วยก็เห็นพี่น้องครีฟวีย์ทั้งสองคน “อ้อ คอลิน เดนนิส” เธอค่อยๆ วางหีบใบหนาหนัก
กลับลงพื้นให้คอลินช่วยถืออีกข้าง ส่วนเดนนิสมีทั้งกล้องแล้วก็ป้ายเชียร์พี่ชายตัวเองพะรุงพะรังมากพออยู่แล้วคาเรนเลยขอรับแค่น้ำใจก็พอ
เดินไปได้ครึ่งสนามดวงตาสีน้ำตาลที่มองคนข้างตัวอย่างสุขใจกลับหรี่ลงเพราะเห็นเธอชะงัก คอลินเหลียวกลับไปมองข้างหน้า
เห็นแฮร์รี่กับโอลิเวอร์ วู้ด นักกีฬาควิดดิชอาชีพเดินมาทางนี้ก็รู้สึกแปลกใจ ไม่ใช่กับแฮร์รี่เพราะรายนั้นก้าวมาหาจินนี่ที่เดินนำหน้าเขา
ไปก่อนแล้ว อีกคนเนี่ยสิ...
“คาเรน” คอลินลองเรียกสติเธอ
เด็กสาวส่ายหัวน้อยๆ ราวกับสลัดความคิดที่อยู่ในหัว “โทษที ไปต่อกันเถอะ” ทั้งคู่ยกหีบไปจนถึงแฮร์รี่ จินนี่แล้วก็โอลิเวอร์
“ยินดีด้วยนะกัปตันคนใหม่” แฮร์รี่บอกเด็กสาวที่มารับหน้าที่ต่อจากเขา “ฉันว่าเธอคงจะคุมทีมได้ดีกว่าฉันเยอะเลยแหละ”
คาเรนยิ้มแฉ่ง “ไม่ขนาดนั้นหรอก แต่ก็ขอบคุณนะ”
โอลิเวอร์กระแอมพลางขยับเข้าใกล้คาเรน “สวัสดีแฟนเก่า”
“สวัสดีค่ะ” คาเรนทักทายกลับเสียงฉะฉาน ไม่โต้แย้งราวกับเป็นการยอมรับว่าเธอกับโอลิเวอร์เคยคบกันทำเอาทุกคนในที่นี้อึ้ง
โดยเฉพาะคอลินที่เหมือนมีฟ้าผ่าลงมากลางอก ยกเว้นก็แต่โอลิเวอร์กับแฮร์รี่ที่รู้เรื่องอยู่แล้ว “ฉันต้องไปคุยกับศาสตราจารย์มักกอนนากัลต่อ
เรื่องทีมควิดดิช ขอตัวก่อนนะ”
“โชคดีนะ มีปัญหาอะไรก็เขียนจดหมายมาปรึกษาได้ ถ้ามันจะช่วยให้กริฟฟินดอร์ได้ถ้วยฉันก็พร้อมช่วยอยู่แล้ว!” โอลิเวอร์บอก
พลางส่งยิ้มที่ชวนให้ใจละลายซึ่งคาเรนไม่มีวันได้เห็นมันเพราะเธอไม่ได้มองเขาแล้ว
คาเรนพยักหน้าทั้งที่ตามองพื้นเพราะใจกำลังคิดไปถึงเรื่องที่จะรายงานให้ศาสตราจารย์มักกอนนากัลฟัง เธอกระชับมือข้างที่ยกหีบ
แล้วออกเดินต่อทว่าโดนดึงกลับมาอีกครั้งจนเซเกือบเสียหลักเพราะคนที่ถืออยู่อีกฝั่งยืนนิ่งราวถูกสาป เดนนิสรับรู้ได้ถึงสายตาสงสัย
ของคาเรนเลยช่วยดึงแขนคอลินข้างที่ว่างให้เริ่มเดิน
แม้ขาจะก้าวเพราะถูกแรงจากเดนนิสลากไป แต่ตาคอลินยังคงไม่ละไปจากโอลิเวอร์แม้แต่วินาทีเดียว เขาเหลียวมองจนคอแทบหัก
เรื่องใหญ่ขนาดนี้เขาไม่เคยรู้ได้ยังไงกัน! คาเรนไปคบกับโอลิเอร์ตอนไหน? ต่อให้เลิกกันไปแล้วแถมเธอยังดูเหมือนไม่ได้มีใจให้เขาแล้ว
ก็เถอะ แต่ถ้าเธอเคยชอบผู้ชายแบบโอลิเวอร์แล้วเขาจะเอาอะไรไปสู้ได้เล่า!? รายนั้นทั้งหุ่นล่ำบึ้ก ตัวสูงดูปกป้องเธอได้แบบสบายๆ
ยิ้มที่ชวนใจละลาย ฝีมือเล่นควิดดิชที่เก่งถึงขนาดติดทีมอาชีพ ไหนจะหน้าตาที่สาวๆ เห็นแล้วยังกรี๊ดนั่นอีก!!!
※
- Talk -
ศัตรูหัวใจที่คอลินคิดไปเองคนเดียวโผล่มาแล้วว จริงๆ แล้วพี่โอลิเวอร์นี่ไม่ได้มีอะไรหรอกค่ะ อย่างที่รู้กันว่าเคยคบกับคาเรน
ไม่ถึงครึ่งวันด้วยซ้ำ(แต่เรื่องนี้คอลินไม่รู้ >_<) ตอนนี้คอลินได้เข้าทีมแล้วต่อจากนี้ก็คงต้องขยันทำคะแนนด้วยการตั้งใจซ้อมควิดดิชหนักๆ
แล้วละเนอะ คาเรนเองก็จริงจังกับควิดดิชน่าดูเพราะงั้นช่วยเป็นกำลังใจให้คอลินร่างไม่แหลกด้วยนะคะ
5555
ปล. โดนบลัดเจอร์มันก็จะประมาณนี้...
ความคิดเห็น