ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] Captain [Colin x OC] [END]

    ลำดับตอนที่ #2 : 2 ll Welcome to the team

    • อัปเดตล่าสุด 19 มี.ค. 64



    2


    Welcome to the team




              ถึงชีวิตจิตใจของคอลินจะมีแต่กล้องแต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเล่นกีฬาอะไรเลย -- สมัยก่อนที่คอลินรู้ว่าตัวเองไม่ใช่มักเกิ้ลเขาเคย

    เข้าเรียนโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในลอนดอน ได้เป็นตัวแทนของโรงเรียนไปแข่งเบสบอล แน่นอนว่าฝีมือเขาไม่ใช่ย่อย ถึงจะนานมาแล้ว

    แต่อย่างน้อยก็ทำให้เจ้าตัวมั่นใจได้หน่อยนึงว่าตำแหน่งบีตเตอร์น่าจะไม่ยากเกินไปสำหรับเขา...ถ้าได้ฝึกฝนเพิ่มอีกนิดหน่อยน่ะนะ


           “นี่มันสุดยอดไปเลย” จินนี่อ้าปากค้าง เลือดนักกีฬาควิดดิชในตัวสูบฉีด -- เธอ คอลิน เดนนิสและลูน่ากำลังยืนอยู่ใน

    ห้องต้องประสงค์ที่ถูกปรับเปลี่ยนให้โอ่โถงเหมาะสำหรับการฝึกควิดดิช พวกเขาทั้งหมดคือคนที่สมัครใจแอบออกจากหอนอนกลางดึก

    เพื่อช่วยคอลินซ้อมสำหรับคัดตัวนักกีฬาในวันเสาร์ที่จะถึงนี้


           “มันใช้ได้เลยใช่ไหม” คอลินยกมือเกาคอ ถามอย่างไม่แน่ใจ “ฉันขอให้ห้องนี้แปรสภาพเป็นสถานที่ที่เหมาะจะฝึกควิดดิช 

    ฉันว่าฉันไม่เคยเห็นสนามควิดดิชในร่มมาก่อน”


           “มันดีมากเลยต่างหาก อย่างน้อยเราก็ใช้ซ้อมได้” จินนี่บอก ตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นยิ่งกว่าใครในห้องนี้ทั้งหมด 

    เธอส่งไม้กวาดสำรองที่เอามาจากห้องเก็บไม้กวาดพร้อมกับไม้ตีลูกบลัดเจอร์ให้คอลิน


           เด็กสาวผู้ดูคล้ายล่องลอยอยู่ตลอดเวลาอย่างลูน่าอาสาช่วยฝึกด้วยอีกคนหากแต่เธอขี่ไม้กวาดไม่เก่ง จินนี่เลยให้เธอถือ

    ไม้ตีบลัดเจอร์แล้วคอยตีมันจากพื้นนี่แหละ


              เดนนิสปล่อยลูกบลัดเจอร์สีดำสนิทออกจากหีบตามคำสั่งจินนี่ มันพุ่งตัวขึ้นเหนือพื้นเร็วอย่างกับลูกสนิช คอลินที่ยังไม่พร้อมดี

    วิ่งหน้าตั้งไปหยิบไม้กวาดเตรียมขึ้นขี่แต่ไม่ทันเสียแล้วเพราะลูกบอลทิ้งตัวดิ่งลงมา...หาลูน่า! เด็กสาวผมบลอนด์กำไม้ในมือแน่น

    แล้วหวดไปเต็มแรงเสียจนมันพุ่งไปไกลหลายฟุต -- แน่นอน ขมับของคอลินผู้โชคร้ายรับไปเต็มๆ !


              “โอ๊ย!” เด็กหนุ่มยกมือกุมขมับ ก้มตัวงอเพราะความเจ็บ


           ดวงตากลมโตของลูน่าที่โตอยู่แล้วยิ่งโตมากขึ้นไปอีก เธอย่อตัวลงแล้วเงยหน้ามองคอลินด้วยความรู้สึกผิด “ขอโทษนะ”


           “ไม่เป็นไร” คอลินแข็งใจฝืนยิ้มออกมาให้เพื่อนสบายใจ อย่างน้อยก็คิดซะว่าถ้าได้เข้าทีมจริงๆ เหตุการณ์แบบนี้มีสิทธิเกิดขึ้นได้เสมอ 

    -- ถือว่าครั้งนี้ซ้อมเอาหัวรับลูกก็แล้วกัน


           “ไม่เลวเลยนี่ ลูน่า สมแล้วที่เป็นแฟนจอร์จ” จินนี่ออกปากชมจากใจจริง แต่นึกแล้วก็หมั่นไส้พี่ชายตัวเอง ทีกับน้องสาว

    ไม่เห็นเคยสอนแต่แฟนตัวเองละก็ไม่เคยพลาด



           ซ้อมควิดดิชรอบดึกตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาทำเอาร่างคอลินแทบแหลก -- หนนึงที่เฟร็ดกับจอร์จรู้ข่าวเรื่องคอลินกับคุณกัปตันสาว

    ที่เป็นแรงบันดาลใจให้อยากเล่นควิดดิชเลยไม่พลาดแอบย่องมาห้องต้องประสงค์แล้วช่วยซ้อมให้หลังจากปรึกษาธุระกับอาจารย์ใหญ่เสร็จ 

    ฝาแฝดผมแดงนั่นทุ่มพลังเต็มที่กับรุ่นน้องที่รักอย่างกับรวบยอดที่คอลินเคยซ้อมตลอดทั้งสัปดาห์มาอยู่ในวันเดียว


           กว่าการฝึกซ้อมคืนสุดท้ายจะจบลงก็เกือบตีสามเข้าไปแล้ว เพราะเมื่อวานเฟร็ดกับจอร์จมาทำให้วันนี้เด็กหนุ่มผมน้ำตาล

    แทบหน้าคะมำลงไปกองเหมือนน้ำแข็งละลายเมื่อไม้กวาดลงจอดถึงพื้น เขาปล่อยมือจากไม้กวาดแล้วนอนแผ่อย่างหมดแรงตรงข้ามกับ

    จินนี่ลิบลับ


           “ตีสามแล้ว ฉันว่าเรากลับหอคอยกันเถอะ ไม่งั้นจะไม่เหลือเวลานอนเอานะ”


           เดินนิสฉุดแขนพี่ชายให้ลุกขึ้นโดยมีลูน่าช่วยอีกแรง ทั้งสี่ออกจากห้องต้องประสงค์มุ่งหน้าไปยังหอคอยของตัวเอง -- มีแค่จินนี่

    กับเดนนิสเท่านั้นที่กลับหอคอยกริฟฟินดอร์ ส่วนคอลินอาสาเดินไปส่งลูน่าที่หอคอยเรเวนคลอเพราะไม่งั้นก็ไม่มีทางสบายใจที่ปล่อยให้

    เพื่อนผู้หญิงเดินกลับหอคอยคนเดียวตามลำพังแถมเสี่ยงโดนฟิลช์จับได้ว่าเธอแอบลุกจากเตียงมาเพื่อช่วยเขา เหตุผลอีกอย่างคือ

    กลัวโดนจอร์จสาป...

                

              ระหว่างทางแม้จะเหนื่อยจนตัวแทบขาดกับการฝึกแบบจริงจังติดกันทุกวัน แต่หูสองข้างของคอลินก็ยังต้องฟังเรื่องนาร์เกิ้ล

    จากเพื่อนผมบลอนด์ข้างตัวทุกวันเช่นกันทั้งที่เขาก็ไม่รู้ว่าสัตว์วิเศษตัวที่ว่านี่มีอยู่จริงในโลกนี้หรือแค่ในโลกของเธอกับเซโนฟิเลียส 

    พ่อของเธอกันแน่


           “ถึงแล้ว ขอบคุณนะ” เสียงฝันๆ บอกเขา คอลินสะบัดหัวให้ตาที่หรี่ปรือลืมขึ้นมองบันไดเวียนทอดขึ้นสูงไปข้างบน 

    เนี่ยน่ะหรือหอคอยเรเวนคลอ ตั้งแต่อยู่ฮอกวอตส์มาจนปีสุดท้ายก็เพิ่งจะเคยมาเป็นครั้งแรก พนันได้เลยว่าจอร์จต้องเคยมา

    นับครั้งไม่ถ้วนแน่ ภาพตรงหน้านั้นชวนให้เวียนหัวแต่ขณะเดียวกันก็ชวนให้ขนลุกกับความสวยเช่นกัน เห็นแล้วก็คันมือยุบยิบ

    ....รู้งี้เอากล้องติดมาด้วยซะก็ดี


           “ฝันดี ลูน่า” เด็กหนุ่มบอกกับเพื่อนสนิทให้เธอรีบขึ้นไปนอน ไม่งั้นความคิดที่ว่าอยากวิ่งกลับไปเอากล้องมาถ่ายต้องครอบงำเขาแน่


           ลูน่าหมุนตัวกลับมาคุยกับเพื่อนตัวสูง ดวงตากลมโตสีฟ้าซีดเลื่อนมองคอลินช้าๆ จ้องเขาอย่างเลื่อนลอยก่อนผุดรอยยิ้ม 

    “ลืมบอกไปเลย ฉันเห็นแค่นี้ก็รู้แล้วว่านายต้องได้เข้าทีมบ้านแน่ โชคดีนะ” เธอพูดเสียงฝันๆ “ทั้งวันเสาร์นี้แล้วก็เรื่องคาเรนด้วย”


           คอลินอึ้งเล็กน้อยที่จู่ๆ ลูน่าก็บอกเรื่องนี้ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อนึกถึงคาเรนก่อนยิ้มให้เพื่อนตัวเล็กพลางพยักหน้า 

    “ขอบคุณที่อวยพรทั้งเรื่องวันเสาร์นี้...แล้วก็คาเรน” เด็กหนุ่มผมน้ำตาลอ้าปากแต่ก็หุบปากลงราวกับลังเลว่าจะพูดดีไหม สุดท้ายเขาก็เลือก

    ที่จะพูดมันออกมา “รู้ไหมลูน่า ฉันอิจฉาคู่ของเธอกับจอร์จมากเลย ฉันอยากเป็นอย่างคู่เธอบ้าง แต่เธอก็รู้ ฉันไม่ได้มีเสน่ห์หรืออารมรณ์ขัน 

    หรือแม้แต่กล้าเข้าหาคนที่ชอบได้เหมือนที่จอร์จเป็น -- เธอคิดว่าคาเรนจะชอบคนอย่างฉันไหม”


           “อย่าพูดเหมือนตัวเองไม่คู่ควรกับใครสักคนเลย ฉันชอบคนที่นายเป็นอยู่ตอนนี้จะตายไป นายใจดีที่เคยช่วยฉันตามหานาร์เกิ้ล

    ตั้งหลายครั้ง” ลูน่าพูดน้ำเสียงจริงจังที่ออกมาจากใจจริงแต่ทำให้คนฟังรู้สึกเหมือนถูกปลอบประโลมอย่างนุ่มนวล 

    “แต่เราไม่มีทางรู้คำตอบได้หรอกจนกว่าจะถึงเวลา”


           “ใช่ ฉันก็เพิ่งรู้คำตอบว่าเธอหายออกจากเตียงมาอยู่ตรงนี้ก็ตอนนี้เอง” มาเรีย เกลนมอร์ เด็กสาวปีเจ็ดผมสีน้ำตาล 

    เพื่อนสนิทของลูน่าจากเรเวนคลอเดินลงบันไดมาหาเพื่อนทั้งสองที่มีสีหน้าโล่งใจเพราะเธอไม่ใช่อาจารย์หรือฟิลช์ “ฉันตื่นมาแล้วไม่เห็นเธอ

    นอนอยู่บนเตียง เธอกับคอลินไปไหนกันมาหรือ” เธอหรี่ตามอง


           “ไม่ใช่แค่เราสองคนหรอก” คอลินรีบตอบก่อนที่มาเรียจะเข้าใจผิด “มีจินนี่กับเดนนิสด้วย -- เราเอ่อ ไปห้องต้องประสงค์”


           “ห้องต้องประสงค์? กองทัพดัมเบิลดอร์รวมตัวกันอีกแล้วหรือ ดึกแบบนี้เนี่ยนะ”


           “เปล่า เราไปซ้อมควิดดิชกัน ต้องบอกว่าทุกคนไปช่วยฉันซ้อมควิดดิชน่าจะถูกกว่า” คอลินหลบตามาเรียเพราะถูกจ้องจนตัวเขา

    แทบทะลุ “ฉันเปลี่ยนห้องนั้นให้เป็นสนามซ้อมควิดดิช ฉันจะเข้าคัดตัวควิดดิชทีมบ้านวันเสาร์นี้น่ะ ตำแหน่งบีตเตอร์”


           “ให้ตายสิ” มาเรียลงบันไดมายืนรวมกลุ่มกับอีกสองคนด้วยสีหน้าจริงจัง “น่าสนุกขนาดนี้ทำไมไม่บอกกันบ้าง ฉันจะได้ไปด้วย”


                

              และแล้วก็ถึงวันตัดสินชะตาว่าอดีตนักกีฬาเบสบอลสมัยประถมอย่างคอลินจะเข้าร่วมทีมควิดดิชได้ไหม บนอัฒจันทร์มีลูน่า มาเรีย

    และเดนนิสผู้กระตือรือร้นโบกกล้องทักทายพี่ชายที่ยืนขอบตาคล้ำอยู่กลางสนามเพราะเมื่อคืนนอนไม่หลับ


           วันนี้อากาศเป็นใจต่อให้ล่วงเข้าฤดูใบไม้ร่วงแต่ลมหนาวก็ยังปรานีพวกเขาจนคอลินนึกขอบคุณอยู่ในใจหลายหน -- มุมมองของเขา

    ในสนามควิดดิชวันนี้ดูแปลกตาจนยืนไม่นิ่ง ใครจะไปคิดว่าจากที่ได้แต่ถ่ายรูปจากบนอัฒจันทร์ลงมาจะกลายมาเป็นวันที่ตัวเองต้องมายืน

    อยู่กลางสนามซะเอง


           กัปตันสาวผมสั้นสีบลอนด์กำลังรวบผมมัดครึ่งหัวระหว่างรอผู้สนใจเข้าร่วมทีม เธอประกาศก้องสนามว่าใครที่ไม่ใช่กริฟฟินดอร์

    ให้เดินออกไปซะ ทว่ามีใครออกไปเลยขี่ไม้กวาดขึ้นไปเหนือทุกคนพร้อมกวาดสายตามองแล้วชี้ไปยังเด็กชายคนหนึ่ง 


           “นายอยู่เรเวนคลอ ฉันจำได้ ออกไปจากกลุ่มซะ ส่วนนายอยู่ฮัฟเฟิลพัฟ รีบเดินออกจากสนามซะเจ้าหนู ก่อนที่ฉันจะบอก

    ศาสตราจารย์สเปราต์ว่านายมาก่อกวน” นักเรียนที่ไม่ใช่กริฟฟินดอร์ทยอยวิ่งออกไปกันทีละคนจนเหลือไม่ถึงยี่สิบคน “อีกห้านาทีจะเริ่ม

    คัดเลือกแล้ว ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม” คาเรนบอกก่อนปล่อยให้ทุกคนวอร์มร่างกายกันเต็มที่ เธอหยุดอยู่ตรงหน้าคอลินด้วยความ

    ประหลาดใจ มองคอลินที่ขาสั่นพั่บๆ ด้วยความตื่นเต้นกำลังหันไปบอกกับจินนี่ว่าอยากถอดใจและไม่เอาแล้ว “ไม่คิดว่านายจะมาด้วย 

    เลือกตำแหน่งอะไรไว้ล่ะ”


           คอลินสะดุ้งเฮือกที่ถูกทัก “ฉัน? -- อ้อ -- บีตเตอร์”


              “เจ๋ง ถ้านายได้เราก็จะเป็นคู่หูกันละ คงรู้อยู่แล้วว่าฉันเป็นบีตเตอร์ ใช่ไหม -- ตอนนี้ยังมีเวลาให้หายใจหายคออีกนิดหน่อย

    ให้หายตื่นเต้นเพราะตำแหน่งบีตเตอร์จะคัดเป็นกลุ่มสุดท้ายหวังว่าคงไม่หายไปไหนก่อนถึงเวลานะ” คาเรนบอกกับคอลิน 

    ตอนนี้เธออยากเห็นฝีมือการเล่นของเขาเต็มแก่เพราะรุ่นพี่ที่เป็นช่างกล้องประจำฮอกวอตส์คนนี้ไม่เคยแสดงฝีมือให้ใครเห็นเลยแม้แต่

    ครั้งเดียว เธอมองไปที่คนข้างๆ ก่อนยิ้มให้จินนี่ “หวัดดีรุ่นพี่วีสลีย์หนึ่งเดียวในฮอกวอตส์ตอนนี้ คงไม่ตื่นเต้นหรอกใช่ไหม ถึงจะคัดเลือกใหม่

    แต่เธอไม่มีทางพลาดตำแหน่งเชสเซอร์อยู่แล้ว”


           “ขอบใจนะ แต่ฉันประมาทไม่ได้หรอก” จินนี่ยิ้มให้เธอ ทั้งคู่พยักหน้าให้กันน้อยๆ แล้วแยกกัน


           คาเรนเดินไปทางอื่นแล้ว ทว่าเพียงแค่ไม่กี่ประโยคที่เธอบอกว่าจะเป็นคู่หูกันพร้อมกับยิ้มให้กำลังใจทำเอาคนใกล้สติแตกอย่างคอลิน

    ค่อยๆ สงบลงเหมือนได้กินน้ำยาสงบใจ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ผ่อนลมหายใจให้ลดความตื่นเต้น ยอมเปลี่ยนใจกลับมาสู้ต่อ

    เป็นคอลินผู้พกความมั่นใจมาเต็มเปี่ยมเหมือนกับตอนซ้อม


              คาเรนเดินไปให้กำลังใจคนอื่นบ้างเพื่อความเท่าเทียมแล้วขึ้นขี่ไม้กวาดไฟร์โบลต์ด้ามเงาวับทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมประกาศเริ่มต้น

    คัดเลือกตำแหน่งเชสเซอร์


           เท่ชะมัด...


           คอลินอดชมเธอในใจไม่ได้ เธอเป็นผู้หญิงประเภทไหนกัน แค่ยิ้มให้ก็เล่นเอาเขาใจเต้น ยิ่งเวลาทะมัดทะแมงตอนเล่นควิดดิช

    ก็ทำเอาผู้ชายอย่างเขาเหม่อลอยไปไกล


           จินนี่กลอกตาเดินมาตบไหล่เพื่อนสนิท “ถึงตาบีตเตอร์แล้ว”

               

              สายตาว่างเปล่าของคอลินมองเธอก่อนนึกขึ้นได้ว่าตนกำลังยืนอยู่ในสนาม “อ้อ” เขาขึ้นคร่อมไม้กวาดแล้วพุ่งทะยานขึ้นไปทันที

    แบบมือเปล่า


           “ตำแหน่งบีตเตอร์เหลือที่ว่างแค่คนเดียวเท่านั้น” คาเรนบอกกับผู้เข้าร่วมคัดเลือกอีกห้าคน “ฉันจะไม่บอกให้พวกเธอโชคดี

    เพราะถ้าใครคนใดคนหนึ่งได้เข้าร่วมทีมเพราะโชคช่วยละก็คงไม่ดีแน่ ขอให้ทุกคนเล่นให้เต็มที่ ใจเย็นๆ มีสติ มีความสามารถเท่าไร

    ก็ดึงออกมาให้หมด -- ไม้ตีบลัดเจอร์ของนายล่ะ” เธอถามคอลินหลังสังเกตได้จากสายตาที่ว่องไว เห็นอีกฝ่ายเลิ่กลั่กจะกลับลงไปอีก

    เลยตะโกนเรียกรั้งเขาไว้พร้อมกับโยนไม้ในมือตัวเองไปให้แทน


           จินนี่ได้เล่นตำแหน่งเชสเซอร์ตามคาดแต่เวลานี้กลับไม่ได้ดีใจอย่างที่ควรจะเป็น เธอเงยหน้ามองข้างบนส่งกำลังใจให้คอลิน 

    ภาวนาขอให้เขาไม่ตื่นเต้นเกินไป ขอให้มีสติแล้วเล่นได้อย่างที่ซ้อมมาแค่นั้นก็มีสิทธิ์เข้าทีมเกินกว่าครึ่งแล้ว


           ทางฝั่งด้านข้างสนามนอกจากจะมีลูน่า มาเรียแล้วก็เดนนิสคอยตะโกนเชียร์อยู่ยังมีแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่เพิ่งว่างจากงานมาเชียร์

    แฟนสาวอย่างจินนี่เพราะเธอเขียนจดหมายไปบอก กับ โอลิเวอร์ วู้ด ผู้มีธุระที่ฮอกวอตส์พอดีแต่เพราะคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ 

    เลยแอบแวะมาดูการคัดเลือกก่อนกลับสักหน่อย


           “หวังว่าคาเรนจะไม่เข้มงวดเกินไปเหมือนนายนะ” แฮร์รี่แอบเหน็บแนมอดีตกัปตันข้างตัวเมื่อย้อนนึกถึงอดีต ตัวเองรอดมาได้

    ตั้งแต่ปีหนึ่งก็นับว่าดีแค่ไหนแล้ว ส่วนกัปตันสาวอย่างคาเรนที่เขาเคยร่วมทีมเมื่อปีกลายนั้นก็จริงจังไม่แพ้โอลิเวอร์เลยทีเดียว 

    คิดแล้วก็เป็นห่วงจินนี่...


           “ถ้าเป็นงั้นแล้วมันเสียหายตรงไหนกันฮึ” โอลิเวอร์บอก กอดอกมองกัปตันสาวในสนามด้วยสายตาภาคภูมิใจ “ไม่ผิดหวังจริงๆ 

    สมกับที่เคยคบกันมาก่อน”


           แฮร์รี่อ้าปากจะพูดแต่ชะงักเพราะคำพูดกำกวมนั่น คิ้วเขาขมวดเล็กน้อยก่อนเอียงคอถาม “คบแบบรุ่นพี่รุ่นน้องน่ะหรือ”


           “แบบแฟนสิ”


           ชายหนุ่มผมดำอ้าปากค้างจนแมลงวันแทบบินเข้าปาก หากใครมาเห็นคงไม่เชื่อว่าเขาเป็นมือปราบมารแน่ๆ 

         

           “โอลิเวอร์ ไม่ได้พูดเล่นใช่ไหม ตอนนายเจอคาเรนเธอเพิ่งจะอยู่ปีหนึ่งเองนะ ส่วนนายน่ะปีเจ็ด”


           “ความรักมันไม่กำหนดอายุหรอกแฮร์รี่ ฉันก็แค่มองเห็นอะไรบางอย่างในตัวเธอ ก็เลยชอบ แล้ว --”


           “แล้ว?”


           “ก็เข้าไปจีบเลย ฉันเป็นกัปตันทีมควิดดิชเชียวนะ ใครไม่ชอบก็แปลก”


           “ไม่จริงน่า ฉันรู้มาว่านายแอบชอบเพื่อนสนิทตัวเองมาตลอดจนเรียนจบออกไปนี่ ไม่เห็นเคยรู้เลยว่ามีเรื่องแบบนี้ด้วย”


           “นายรู้ก็แปลกละ ฉันกับคาเรนตกลงคบกันไม่ถึงครึ่งวันด้วยซ้ำ อันที่จริงฉันไม่ได้เข้าไปจีบหรอก ฉันโกหกน่ะ เฟร็ดกับจอร์จคิดจะ

    แกล้งฉันแต่ดันไปบอกกับคาเรนว่าฉันชอบเธอแล้วก็อยากคบด้วย แล้วคาเรนก็ตอบตกลงทันที”


           “คาเรนชอบนายเหรอ”


           “เปล่า เราไม่ได้ชอบกันเลยสักนิด ทั้งหมดนั่นก็เพราะเธอเพิ่งเลิกเรียนวิชาคาถาต่างหาก -- ใช้สมองคิดหน่อยสิแฮร์รี่ ตอนนั้นคาเรน

    เพิ่งเรียนคาถางงงันเสร็จมาหมาดๆ แล้วเธอก็โดนคาถานั้นด้วยเลยตอบตกลงเออออกับพวกแฝดจอมแสบนั่นแบบงงๆ พอคาถาหมดฤทธิ์

    ฉันเลยอธิบายให้ฟัง จากนั้นเราก็เลิกกันด้วยดี แหม เขินเหมือนกันนะที่ต้องเล่าประสบการณ์มีแฟนคนแรกที่คบกันไม่กี่ชั่วโมงให้นายฟังเนี่ย”

               

              คาเรนร่อนลงสู่พื้นสนาม บอกให้ผู้เล่นบนฟ้าห้าคนเตรียมพร้อม เธอเตะหีบเปิดออก ลูกบลัดเจอร์สีดำบ้าระห่ำสองลูกที่อยาก

    เป็นอิสระจากหีบพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าพุ่งเข้าหาคอลินเป็นคนแรก เด็กหนุ่มผมน้ำตาลหลับตาปี๋พร้อมท่องในใจว่าจะต้อง

    อยู่ในทีมบ้านให้ได้ เขาลืมตาในวินาทีสุดท้าย ออกแรงหวดไม้ในมือเต็มแรงแบบเข้าเป้าพอดีทำให้ลูกกระเด็นไปทางนักเรียนปีสี่

    ที่มีเป้าหมายเหมือนกันเพียงแต่เจ้าตัวขี่ไม้กวาดหนีลูกบลัดเจอร์ไปทั่วสนามราวกับเห็นผู้คุมวิญญาณ            

              

           ผู้ชมข้างสนามรวมทั้งจินนี่โห่ร้องชื่นชมคอลินที่ไม่ร่วงไปซะก่อนแถมยังตีลูกบลัดเจอร์จอมพยศได้อีกต่างหาก เด็กหนุ่มมีกำลังขึ้นมา

    เป็นกอง เขาแอบเหล่มองไปทางคนคัดเลือกซึ่งก็คือคาเรน สายตาทั้งคู่ประสานกันพอดี เมื่อเด็กสาวรู้ตัวจึงพยักหน้าให้เขา

    บอกเป็นทำนองว่าทำดีแล้ว คอลินยิ้มแฉ่งแต่แล้วก็ต้องหุบยิ้มทันทีเพราะใช่ว่าตีได้แค่ลูกเดียวจะช่วยให้ถูกเลือกสักหน่อย 

    เวลานี้เขาไม่ใช่คอลินคนเดิมแล้ว ดวงตาสีน้ำตาลหรี่มองหาลูกบลัดเจอร์แล้วเป็นฝ่ายพุ่งเข้าหามันซะเองอย่างกับวิญญาณฝาแฝดวีสลีย์

    คนใดคนหนึ่งเข้าสิง

                

              เดนนิสถอยหน้าห่างจากกล้องของคอลินหลังรับหน้าที่ถ่ายรูปแทนพี่ชายมามองเจ้าของกล้องด้วยตาตัวเองราวกับภาพที่เห็น

    ไม่ใช่ของจริง ตลอดเวลาเขาชื่นชมพี่คอลินไม่เคยขาดแต่ครั้งนี้มันเกินไป ไหนจะการบินที่รวดเร็วกับฝีมือการหวดบลัดเจอร์ที่คาดไม่ถึงนั่น

    ทำเอาน้องชายที่รู้จักคอลินมาตั้งแต่เกิดถึงกับอ้าปากค้าง

                

              ทันทีที่คาเรนประกาศชื่อ ‘ คอลิน ครีฟวีย์ ’ เป็นสมาชิกคนสุดท้ายของทีมในตำแหน่งบีตเตอร์ เพื่อนๆ บนอัฒจันทร์ก็ลุกขึ้นร้องเชียร์

    ชื่อเขาซ้ำๆ ส่วนเดนนิสผู้ภูมิใจในตัวพี่ชายกระโดดตัวลอยพร่ำบอกคนรอบตัวว่านั่นพี่ชายของเขาเองก่อนวิ่งลงสนามไปกอดคอลิน

                

              คอลินสวมกอดคนน้องด้วยความดีใจ สองพี่น้องฉีกยิ้มกว้างให้กันทำเอาจินนี่แอบอิจฉาเล็กๆ เพราะเรื่องแบบน้ำไม่มีทางเกิดขึ้น

    กับเธอและพวกพี่ชายแน่ คอลินพยายามสงบสติอารมณ์ก่อนที่กัปตันสาวจะเห็นแล้วเกิดอยากเปลี่ยนใจขึ้นมา เขามองอีกฝ่าย

    ด้วยความขอบคุณที่เห็นอะไรในตัวเขาจนเลือกเข้าทีม ขณะที่เรื่องหัวใจก็ก้าวหน้าขึ้นมาอีกขั้นเช่นกัน!     



              “ยินดีต้อนรับทุกคนเข้าร่วมทีม” คาเรนบอกลูกทีมทั้งหกคน “ตลอดปีต่อจากนี้ขอให้เราเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นเพื่อน เป็นพี่น้อง

    ที่ปรึกษากันได้ ขอให้ทุกคนตั้งใจซ้อมแล้วเราจะพากริฟฟินดอร์ไปรับถ้วยควิดดิชประจำปีด้วยกัน! --ช่วงเย็นวันนี้เราจะมีงานเลี้ยงฉลองเล็กๆ 

    กันที่ห้องนั่งเล่นรวม เพราะงั้นอย่าลืม...”


           เสียงเฮดังกลบเสียงกัปตันทีมจนจินนี่ต้องช่วยปรามคนอื่นๆ แล้วให้คาเรนพูดต่อ “ใช่แล้ว ดีใจกันได้เลย เราจะมีการฉลองด้วย

    บัตเตอร์เบียร์ แต่หลังจากนี้เราจะเริ่มซ้อมจริงจังกันแล้ว คืนวันพุธขอให้ทุกคนทำตัวให้ว่างเพราะฉันจะนัดคุยกลยุทธ์ที่ห้องนั่งเล่นรวม

    ตอนหนึ่งทุ่มตรง นัดซ้อมครั้งแรกวันอาทิตย์หน้าที่สนามตอนเก้าโมงหลังมื้อเช้า เอาละ ระหว่างนี้แยกย้ายกันไปได้ 

    ขอบคุณที่สนใจเข้าร่วมทีม ต่อจากนี้ก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วย”


           คาเรนกล่าวอย่างสุภาพกับเพื่อนร่วมทีมที่มีทั้งรุ่นน้องปีสี่อย่างจิมมี่ พีกส์ , วิกเตอร์ นอร์ธแล้วก็ ไนเจล เคลลี่ -- เพื่อนปีหกรุ่นเดียวกัน

    อย่างโจซี่ ไดมอนด์ เพื่อนสนิทของคาเรนกับตำแหน่งเชสเซอร์หรือแม้กระทั่งรุ่นพี่สองคนอย่างจินนี่กับคอลิน เธอยิ้มให้ทุกคนพร้อมบอก

    แยกย้าย เด็กสาวเดินไปข้างสนามเก็บไม้ตีบลัดเจอร์ใส่หีบเป็นอย่างสุดท้าย


           หนักเหมือนกันแฮะ... ขณะที่เธอกำลังจะแบกหีบไปเก็บพลันมีเสียงทุ้มที่ฟังดูประหม่าเล็กน้อยดังมาจากข้างหลัง


           “เอ่อ -- ให้ฉัน -- ให้ฉันช่วยนะ”


           ดวงตาสีเขียวตวัดมองผู้ใจดีที่ยื่นมือเข้ามาช่วยก็เห็นพี่น้องครีฟวีย์ทั้งสองคน “อ้อ คอลิน เดนนิส” เธอค่อยๆ วางหีบใบหนาหนัก

    กลับลงพื้นให้คอลินช่วยถืออีกข้าง ส่วนเดนนิสมีทั้งกล้องแล้วก็ป้ายเชียร์พี่ชายตัวเองพะรุงพะรังมากพออยู่แล้วคาเรนเลยขอรับแค่น้ำใจก็พอ


           เดินไปได้ครึ่งสนามดวงตาสีน้ำตาลที่มองคนข้างตัวอย่างสุขใจกลับหรี่ลงเพราะเห็นเธอชะงัก คอลินเหลียวกลับไปมองข้างหน้า

    เห็นแฮร์รี่กับโอลิเวอร์ วู้ด นักกีฬาควิดดิชอาชีพเดินมาทางนี้ก็รู้สึกแปลกใจ ไม่ใช่กับแฮร์รี่เพราะรายนั้นก้าวมาหาจินนี่ที่เดินนำหน้าเขา

    ไปก่อนแล้ว อีกคนเนี่ยสิ...  


           “คาเรน” คอลินลองเรียกสติเธอ


           เด็กสาวส่ายหัวน้อยๆ ราวกับสลัดความคิดที่อยู่ในหัว “โทษที ไปต่อกันเถอะ” ทั้งคู่ยกหีบไปจนถึงแฮร์รี่ จินนี่แล้วก็โอลิเวอร์


           “ยินดีด้วยนะกัปตันคนใหม่” แฮร์รี่บอกเด็กสาวที่มารับหน้าที่ต่อจากเขา “ฉันว่าเธอคงจะคุมทีมได้ดีกว่าฉันเยอะเลยแหละ”


           คาเรนยิ้มแฉ่ง “ไม่ขนาดนั้นหรอก แต่ก็ขอบคุณนะ”


           โอลิเวอร์กระแอมพลางขยับเข้าใกล้คาเรน “สวัสดีแฟนเก่า”


           “สวัสดีค่ะ” คาเรนทักทายกลับเสียงฉะฉาน ไม่โต้แย้งราวกับเป็นการยอมรับว่าเธอกับโอลิเวอร์เคยคบกันทำเอาทุกคนในที่นี้อึ้ง

    โดยเฉพาะคอลินที่เหมือนมีฟ้าผ่าลงมากลางอก ยกเว้นก็แต่โอลิเวอร์กับแฮร์รี่ที่รู้เรื่องอยู่แล้ว “ฉันต้องไปคุยกับศาสตราจารย์มักกอนนากัลต่อ

    เรื่องทีมควิดดิช ขอตัวก่อนนะ”


              “โชคดีนะ มีปัญหาอะไรก็เขียนจดหมายมาปรึกษาได้ ถ้ามันจะช่วยให้กริฟฟินดอร์ได้ถ้วยฉันก็พร้อมช่วยอยู่แล้ว!” โอลิเวอร์บอก

    พลางส่งยิ้มที่ชวนให้ใจละลายซึ่งคาเรนไม่มีวันได้เห็นมันเพราะเธอไม่ได้มองเขาแล้ว


           คาเรนพยักหน้าทั้งที่ตามองพื้นเพราะใจกำลังคิดไปถึงเรื่องที่จะรายงานให้ศาสตราจารย์มักกอนนากัลฟัง เธอกระชับมือข้างที่ยกหีบ

    แล้วออกเดินต่อทว่าโดนดึงกลับมาอีกครั้งจนเซเกือบเสียหลักเพราะคนที่ถืออยู่อีกฝั่งยืนนิ่งราวถูกสาป เดนนิสรับรู้ได้ถึงสายตาสงสัย

    ของคาเรนเลยช่วยดึงแขนคอลินข้างที่ว่างให้เริ่มเดิน


              แม้ขาจะก้าวเพราะถูกแรงจากเดนนิสลากไป แต่ตาคอลินยังคงไม่ละไปจากโอลิเวอร์แม้แต่วินาทีเดียว เขาเหลียวมองจนคอแทบหัก

    เรื่องใหญ่ขนาดนี้เขาไม่เคยรู้ได้ยังไงกัน! คาเรนไปคบกับโอลิเอร์ตอนไหน? ต่อให้เลิกกันไปแล้วแถมเธอยังดูเหมือนไม่ได้มีใจให้เขาแล้ว

    ก็เถอะ แต่ถ้าเธอเคยชอบผู้ชายแบบโอลิเวอร์แล้วเขาจะเอาอะไรไปสู้ได้เล่า!? รายนั้นทั้งหุ่นล่ำบึ้ก ตัวสูงดูปกป้องเธอได้แบบสบายๆ 

    ยิ้มที่ชวนใจละลาย ฝีมือเล่นควิดดิชที่เก่งถึงขนาดติดทีมอาชีพ ไหนจะหน้าตาที่สาวๆ เห็นแล้วยังกรี๊ดนั่นอีก!!!   



    - Talk -  

              ศัตรูหัวใจที่คอลินคิดไปเองคนเดียวโผล่มาแล้วว จริงๆ แล้วพี่โอลิเวอร์นี่ไม่ได้มีอะไรหรอกค่ะ อย่างที่รู้กันว่าเคยคบกับคาเรน

    ไม่ถึงครึ่งวันด้วยซ้ำ(แต่เรื่องนี้คอลินไม่รู้ >_<) ตอนนี้คอลินได้เข้าทีมแล้วต่อจากนี้ก็คงต้องขยันทำคะแนนด้วยการตั้งใจซ้อมควิดดิชหนักๆ 

    แล้วละเนอะ คาเรนเองก็จริงจังกับควิดดิชน่าดูเพราะงั้นช่วยเป็นกำลังใจให้คอลินร่างไม่แหลกด้วยนะคะ 5555

           ปล. โดนบลัดเจอร์มันก็จะประมาณนี้...


     

    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×