ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] Captain [Colin x OC] [END]

    ลำดับตอนที่ #18 : 18 ll Holyhead Harpies

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.ค. 64



    18


    Holyhead Harpies



     

                ตลอดการคบกันเป็นเวลาหนึ่งปีของคอลินกับคาเรนที่แทบไม่ได้เจอหน้ากันเลย จะมีก็แต่จดหมายที่ส่งหากันกลายเป็น

    ความสัมพันธ์อันราบรื่นซะจนคนรอบข้างที่รับรู้ว่าทั้งคู่คบกันยังแอบประหลาดใจเพราะคิดว่าจะเป็นอุปสรรคแต่กลับไม่มีผลอะไรใดๆ 

    กับคู่นี้เลย

                

              คาเรนเรียนจบออกมาด้วยคะแนนส.พ.บ.ส.ที่อยู่ในเกณฑ์ดี ไม่ถึงกับดีเยี่ยมแต่เธอก็มีสิทธิสอบเข้าทำงานในกองควบคุมดูแลเกม

    และกีฬาเวทมนตร์ของกระทรวงเวทมนตร์ซึ่งเธอไม่ได้คาดหวังกับการสอบสัมภาษณ์ที่ยังมาไม่ถึงเพราะทั้งหัวใจทุ่มเทให้กับการคัดตัว

    เข้าทีมควิดดิชอาชีพหญิงล้วนทีมโฮลี่เฮด ฮาร์ปีส์ที่เธอใฝ่ฝัน เธอไม่ได้อยากเป็นผู้ควบคุมเกมกีฬาแต่อยากเป็นผู้เล่นเองมากกว่า

                

              เด็กสาวในวันก่อนบัดนี้กลายเป็นหญิงสาวเต็มตัวแล้ว คาเรนรวบผมสีบลอนด์ของเธอที่เริ่มยาวประบ่ามามัดหลวมๆ 

    ไว้ตรงท้ายทอย หยิบกระเป๋าสะพายแล้วลงมายังชั้นล่างของบ้านในเย็นวันหนึ่ง

                

              “หนูไปก่อนนะ” คาเรนบอกกับพ่อแม่ที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น

                

              คนเป็นแม่ไม่แม้แต่จะแสดงท่าทีรับรู้เพราะรู้ว่าลูกสาวกำลังจะไปกินมื้อค่ำที่บ้านครีฟวีย์ ขณะที่พ่อลดมือลงวางหนังสือพิมพ์บนตัก 

    ส่งยิ้มให้ลูกสาว “ฝากทักทายคอลินกับครอบครัวเขาด้วยนะ คาเรน”


              “ได้เลยค่ะพ่อ!” คาเรนยิ้มแฉ่ง ออกจากบ้านเดินไปบ้านครีฟวีย์ที่อยู่ไม่ไกลด้วยตัวคนเดียวเพราะนานๆ ทีคอลินจะว่างจากงานสักที

    เธอเลยอยากให้เขาได้อยู่คุยกับครอบครัวแทนที่จะเดินมารับเธอ



           “ฉันจำซอยผิดนิดหน่อยเอง เลยมาถึงช้ากว่าที่คิดไปนิดนึง” คาเรนยิ้มแห้งๆ ให้คอลินที่มองเธออย่างตำหนิเล็กๆ     


           “ก็บอกแล้วว่าให้ไปรับก็ไม่เชื่อ” ถึงจะบ่นกระปอดกระแปดแต่ทุดท้ายคอลินก็หลุดยิ้มออกมาเมื่อเห็นหน้าแฟนตัวเอง เขาโน้มตัวลง

    หมายจะหอมแก้มสักฟอดให้หายคิดถึงแต่ก็ถูกน้องชายตัวดีอย่างเดนนิสเข้ามาขัดจังหวะ


           เดนนิสเบียดคอลินออกมาจากประตู “หวัดดีคาเรน พ่อกับแม่กำลังเป็นห่วงอยู่เชียวว่าเธอจะมาถูกบ้านรึเปล่า รีบเข้ามาข้างในเถอะ 

    แม่เตรียมทำอาหารมื้อใหญ่ไว้ให้เธอยังกับจะเลี้ยงวันคริสต์มาสแน่ะ”


           สองพี่น้องครีฟวีย์เบี่ยงตัวหลบพลางผายมือให้คาเรนเข้ามาในบ้านอันอบอุ่นแต่ไม่รู้สึกอึดอัดต่อให้ตอนนี้เป็นฤดูร้อน


           “สวัสดีค่ะ ขอโทษที่มาช้านะคะ” คาเรนโค้งให้พ่อกับแม่ของคอลินน้อยๆ


           คุณนายครีฟวีย์โบกมือไปมา “ขอโทษอะไรกัน ดีซะอีกที่หนูมาถึงซะที แม่กำลังจะให้คอลินออกไปตามหาอยู่แล้วเชียว” เธอกางแขน

    แล้วดึงคาเรนเข้าไปกอดอย่างอ่อนโยน “มานั่งเถอะจ้ะ แม่มีเรื่องจะคุยกับหนูเยอะแยะเลย”


           มื้อค่ำเริ่มต้นอย่างอบอุ่นด้วยการต้อนรับจากครอบครัวครีฟวีย์ที่ทำให้อาการเกร็งของคาเรนหายวับไป คุณและคุณนายครีฟวีย์

    เป็นคนชอบกีฬาด้วยกันทั้งคู่เลยสนใจกีฬาในโลกของผู้วิเศษอย่างควิดดิชที่พวกเขาไม่เคยได้เล่นมาก่อนมากเป็นพิเศษ ครั้นจะถามเอาจาก

    ลูกชายสองคนก็รู้ไม่ลึกต่อให้คนโตจะได้ร่วมทีมกับเขาด้วยตอนปีสุดท้าย พอได้มาเจอคาเรนที่ควิดดิชเปรียบเสมือนชีวิตจิตใจของเธอ

    ก็เลยคุยกันถูกคอทำเอาสองพี่น้องครีฟวีย์รู้สึกเหมือนตนเป็นผู้มาเยือนมากกว่า


           เดนนิสเอียงตัวกระซิบ “คาเรนเข้ากับพ่อแม่ได้ดีกว่าที่คิดแฮะ พี่แทบไม่ต้องช่วยอะไรเลย”


           “ก็ดีแล้วนี่” คอลินตอบพลางมองคาเรนที่ดูสดใสซะจนเขาอดยิ้มออกมาไม่ได้   


           “หนูจะเป็นนักกีฬาควิดดิชให้ได้เลยค่ะ ถึงแม่ของหนูจะไม่เห็นด้วยแต่หนูก็จะเข้าทีมโฮลี่เฮด ฮาร์ปีส์ให้ได้ ต่อให้ครั้งนี้ถ้าผิดหวัง

    ปีหน้าหนูก็จะไปคัดตัวใหม่อีกรอบ”


           คืนนั้นคาเรนได้กำลังใจกลับบ้านมาอีกเป็นกอง เธอกับคอลินเดินเคียงกันระหว่างกลับบ้านเพราะถ้าให้หายตัวก็กลัวว่าจะมีมักเกิ้ล

    มาเห็นเข้าแต่เหตุผลหลักคือทั้งคู่อยากใช้เวลาด้วยกันให้นานกว่าเดิมอีกสักหน่อยก็ยังดี


           “วันที่ยี่สิบหกเดือนหน้าว่างไหม” คาเรนถามขึ้นมาลอยๆ เหมือนไม่คาดหวังกับคำตอบทั้งที่ในใจนั้นตรงกันข้าม


           คอลินใช้มือข้างที่ไม่ได้จับมือคาเรนดึงสมุดจดตารางงานเล่มเล็กออกจากกระเป๋าเสื้อมาเปิดดูด้วยมือข้างเดียว “มีไปถ่ายงาน

    ที่ร้านตัวบรรจงและหยดหมึก ล็อกฮาร์ตจะออกหนังสือเล่มใหม่อีกเล่มเรื่องแมนเดรก เห็นว่าเกี่ยวกับวิธีเลี้ยงแมนเดรกยังไงให้เชื่อง

    เหมือนสัตว์เลี้ยงโดยที่คนเลี้ยงไม่ตายเวลาได้ยินเสียงมันร้อง บางทีผลงานของเขาก็ดูจะมีมากเกินกว่าเวลาที่เขามีอีกนะว่าไหม -- ว่าแต่

    ถามทำไมหรือ”


           “อยากรู้เฉยๆ ไม่มีอะไร”


           และแล้วเวลาแห่งความสุขเล็กๆ ก็หมดลงเมื่อมาถึงหน้าบ้านเคลียร์วอเทอร์


           “ขอโทษนะที่ผ่านมาฉันแทบไม่มีเวลาอยู่กับเธอเลย”


           “ต้องให้บอกอีกกี่รอบถึงจะยอมเข้าใจฮึ? ฉันเข้าใจน่า ไม่ต้องขอโทษเลย อย่างน้อยต่อจากนี้ฉันก็ไม่ต้องอยู่ฮอกวอตส์ตลอดเวลา

    เหมือนที่ผ่านมาแล้ว คงจะหาเวลาว่างตรงกันได้ไม่ยากหรอก ขอบคุณที่เดินมาส่งนะ”


           คอลินยิ้มให้น้อยๆ พลางพยักหน้า คาเรนหมุนตัวเปิดประตูบ้านก่อนจะถูกปิดลงอีกครั้งด้วยมือคอลิน “ยังไม่ได้จุ๊บราตรีสวัสดิ์เลย” 

    ว่าแล้วเขาก็โน้มตัวลงจูบเธอก่อนผละออกแต่ยังไม่ยอมเดินไปสักที


           “กลับไปได้แล้ว เดี๋ยวก็ลำบากเดนนิสต้องออกมาตามหาหรอก”


           “เดนนิสเข้าใจน่า” เขาขยิบตาให้เลยถูกคาเรนตีแขนมาหนึ่งทีถึงยอมเดินลงจากบันไดหน้าประตูบ้านแต่โดยดีทั้งที่ยังมียิ้มเปื้อนหน้า

    กระทั่งเห็นพ่อของคาเรนที่โน้มตัวเท้าแขนกับขอบหน้าต่างในตำแหน่งที่มองออกมาเห็นตรงประตูได้ คอลินรีบผงกหัวให้แล้วยิ้มเจื่อนๆ


           “ขอบใจที่มาส่งลูกสาวฉัน ว่างๆ ก็แวะมาคุยกันบ้างนะ” คุณเคลียร์วอเทอร์ชูนิตยสารเดอะ ควิบเบลอร์ในมือให้ดู “ฉันเห็นผลงาน

    ในเล่มนี้แล้วมีเรื่องอยากคุยด้วยเยอะเลย ไม่กี่วันก่อนฉันเพิ่งไปซื้อกล้องมาตัวนึง คงต้องขอคำแนะนำหน่อยล่ะ”


              “ครับ ได้เลยครับ!” คอลินตอบอย่างกระตือรือร้นพลางถอนหายใจด้วยความโล่งอก


                

              วันที่ยี่สิบห้าเดือนกันยายน คอลินเพิ่งเสร็จงานที่ถ่ายให้กับเดลี่พรอเฟ็ตเลยตั้งใจจะพาร่างที่ปวดเมื่อยไปทั้งตัวแวะมาพักผ่อน

    จิบน้ำฟักทองเย็นๆ สักแก้วที่ร้านหม้อใหญ่รั่วก่อนกลับบ้าน

                

              “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” เสียงทุ้มดังขึ้นก่อนมีแก้ววิสกี้ไฟวางลงตรงข้ามกับแก้วน้ำฟักทองของคอลินพร้อมเจ้าของเสียง

    ที่นั่งลงร่วมโต๊ะโดยไม่ได้เอ่ยปากขอ

                

              คอลินเลื่อนสายตามองหน้าผู้มาใหม่ก็จำได้ทันที ไม่ได้เจอกันแค่ปีเดียวแต่เขาก็ดูเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว “คาเมรอน”

                

              “บังเอิญจังนะ นายมานั่งทำอะไรที่นี่คนเดียว นึกว่าอยู่กับคาเรนซะอีก”

                

              “ฉันเพิ่งเลิกงาน”

                

              คาเมรอนพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้พลางจิบวิสกี้ไฟ “ไหนๆ ก็เจอกันแล้ว งั้นฉันบอกตอนนี้เลยแล้วกันเพราะยังไงก็คงไม่ได้เจอกันอีกนาน

    หรือบางทีจะได้เจอกันอีกรึเปล่าก็ไม่รู้”

                

              “บอกอะไร”

                

              “ขอโทษ”

                

              “ฮึ?”

                

              “ขอโทษที่ก่อนหน้านี้ฉันทำตัวไม่ดีกับนายแล้วก็น้องนาย -- ฉันพูดจริงจังอยู่นะ นายยิ้มอะไร”

                

              “แค่ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้จากปากนาย กับฉันน่ะไม่มีปัญหาแต่ที่นายทำกับน้องชายฉันฉันก็ไม่รู้ว่าเดนนิสจะให้อภัยนายรึเปล่า”

                

              “ถ้าไม่ให้อภัยก็บอกให้น้องชายนายมาสาปฉันก็ได้ แต่ต้องวันนี้เท่านั้นนะเพราะพรุ่งนี้ฉันจะไปไอร์แลนด์แล้ว จะว่าไปฉันล่ะอยากรู้

    จริงๆ ว่าทำไมคาเรนถึงยังอยากคบกับนายอยู่”


           “หือ?” คอลินขมวดคิ้วกับประโยคคำถามอันแสนระคายหูนี้ “นายเมาแล้วหรือไง”


           “ฉันไม่ได้เมา ฉันสงสัยจริงๆ เพราะดูเหมือนนายไม่มีเวลาว่างให้คาเรนเลยสักกะนิด ถ้าคาเรนคบกับฉันนะฉันจะยอม

    ไม่กลับบ้านเกิดแล้วอยู่ที่นี่กับเธอไปแล้วแถมจะอยู่ด้วยกันจนถึงเวลาที่เธอลงสนามควิดดิชไปคัดตัวเลย -- แล้วนี่จะมีคัดตัว

    เข้าทีมโฮลี่เฮด ฮาร์ปีส์แล้วนายจะไปดูด้วยหรือเปล่า”


           “รู้วันแล้วหรือ”


           “ประกาศตั้งนานเป็นชาติแล้ว เห็นว่าวันที่ยี่สิบหก พรุ่งนี้พอดี”


           “อะไรนะ”


           “พรุ่งนี้ทีมโฮลี่เฮด ฮาร์ปีส์มีคัดตัว วันที่ยี่สิบหก”


           คำตอบนั้นทำเอาคอลินพูดไม่ออก


           อ๋อ มิน่าทำไมวันนั้นถึงถามว่าว่างไหม...


           หรือบางทีชายตรงหน้านี้กำลังโกหกกันอยู่? คอลินยกน้ำฟักทองดื่มรวดเดียว ลุกพรวดขึ้นจ่ายเงินให้ทอมเจ้าของร้านแล้วหายตัว

    ไปโผล่แถวระแวกบ้านคาเรน วิ่งต่อไปที่บ้านเคลียร์วอเทอร์เพื่อถามให้แน่ใจแต่แล้วบ้านทั้งหลังกลับปิดไฟเงียบ เขายังไม่เลิกล้มความตั้งใจ 

    วิ่งไปตรงถนนที่ลับตาคนแล้วหายตัวไปที่ตรอกไดแอกอน สองเท้าวิ่งไปยังร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์ที่กำลังจะปิดร้านพอดี


              “หวัดดีเจ้าหนูคอลิน!” เฟร็ดยกมือทักทายอย่างร่าเริง


           จอร์ชะโงกหน้าจากชั้นวางสินค้ามามองด้วยอีกคน “ลมอะไรหอบนายมานี่ได้ล่ะเนี่ย หรืออยากได้ดอกไม้ไฟวีสลีย์?”


           “เปล่า...คือว่า...พวกนายรู้หรือเปล่าว่าทีมโฮลี่เฮด ฮาร์ปีส์มีคัดตัววันไหน”


           ฝาแฝดมองหน้ากันแล้วตอบแบบประสานเสียง “เสียใจด้วย เราไม่รู้”


           “แต่จินนี่ต้องรู้แน่” เฟร็ดบอก


           จอร์จพยักหน้าเห็นด้วย “แต่เราไม่เจอจินนี่มาสักอาทิตย์นึงได้แล้วมั้ง เห็นว่ามีซ้อมหนักเลยไม่อยากไปกวน”


           “พวกเราไม่อยากโดนคำสาปปีศาจค้างคาวน่ะ ว่าแต่ทำไมนายไม่ถามแฟนตัวเองเล่า คาเรนจะไปคัดตัวเข้าทีมนี้ไม่ใช่รึ”


           “คาเรนไม่อยู่ที่บ้านก็เลยมานี่เผื่อพวกนายจะรู้”


           “ตอนนี้เธออาจจะกลับมาบ้านแล้วก็ได้”


           คืนนั้นคอลินกลับไปที่หน้าบ้านคาเรนอีกครั้งทว่าไร้วี่แววแฟนสาว เขาหย่อนก้นนั่งรอที่บันไดตรงระเบียงหน้าบ้านจนได้เจอกับ

    คุณเพอร์คินส์ เจ้าของโรงละครที่คอลินเคยไปงานเลี้ยงตอนคริสต์มาสเดินผ่านมาพอดีและชวนเขาไปดื่มน้ำชาที่บ้านก่อนเล่าให้ฟัง

    ว่าเพิ่งเจอกับคาเรนเมื่อวันก่อนและเธอบอกว่าจะไปคัดตัวเข้าทีมควิดดิชวันที่ยี่สิบหก


           ...ข้อมูลที่ได้มาตรงกัน


              ถึงจะไม่ได้อยู่รอให้กำลังใจคาเรนคืนนี้แต่คอลินก็ยังมีภารกิจที่ต้องทำ เขารีบร้อนไปย่านร้านค้าแล้วตรงกลับบ้านพร้อมกับ

    กระป๋องสีแดงกับเหลือง พู่กันแล้วก็กระดาษม้วนใหญ่ ลงมือเขียนป้ายเชียร์ด้วยสีแดงเป็นพื้นหลัง และตัวหนังสือคำว่า ‘ คาเรน ’ 

    เป็นสีเหลืองตามที่คาเรนเคยบอกเอาไว้ว่าอยากเห็นเวลาไปคัดตัวจะได้ไม่ตื่นเต้นมากเพราะเธอคงรู้สึกเหมือนกับตอนเล่นอยู่ที่ฮอกวอตส์


           กว่าจะเขียนเสร็จก็ดึกมากแล้ว พลังงานแฝงที่มีแรงฮึดขึ้นมาก่อนหน้านี้หมดสนิท คอลินทิ้งตัวนอนแผ่กลางพื้นห้องนอนพร้อมกับ

    หลับไปทั้งอย่างนั้นจนถึงเช้า

                

              วินาทีที่ตื่นขึ้นมาแทนที่จะมีพลังพร้อมเชียร์แฟนเต็มที่ก็ยังไม่วายมีเรื่องให้เครียดเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าวันนี้มีงานสำคัญ

    ...แต่คาเรนก็สำคัญเหมือนกันนี่!

                

              นาทีต่อมาเขานึกถึงเดนนิสน้องรักเป็นคนแรกแต่ก็ต้องส่ายหัวเพราะตอนนี้เดนนิสยังเรียนอยู่ปีเจ็ดแถมฮอกวอตส์ก็เปิดเทอมแล้วด้วย 

    ทันใดนั้นใบหน้าของคนที่พึ่งพาได้อีกคนก็โผล่ขึ้นมาราวกับจุดไฟแห่งความหวัง เขารีบลุกไปล้างหน้า อาบน้ำแต่งตัว วิ่งออกจากบ้าน

    พร้อมกล้องสองตัวและวนกลับเข้ามาเอาป้ายที่ลืมทิ้งไว้แล้วมุ่งหน้าไปตรอกไดแอกอนก่อนเป็นอันดับแรก ในอีกห้านาทีให้หลังเขาถึงวิ่ง

    จนเสื้อคลุมแทบปลิวออกมาจากร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์พร้อมกับดอกไม้ไฟวีสลีย์หนึ่งกำมือ...


                

              สุดท้ายงานสำคัญของคอลินที่ต้องไปถ่ายงานเปิดตัวหนังสือใหม่ของพ่อมดผู้โด่งดังอย่างกิลเดอรอย ล็อกฮาร์ต ก็ตกมาอยู่ที่

    จอร์จ วีสลีย์ ฝาแฝดคนน้องที่ถูกเฟร็ดโบ้ยงานให้ทันทีหลังจากคอลินวิ่งมาขอร้องให้พวกเขาช่วยไปทำงานนี้แทน ตอนแรกตกใจแทบตาย

    ที่เห็นหน้าคอลินอาบด้วยเลือดแต่พอเพ่งมองดูดีๆ ก็เห็นว่าเป็นสีที่เขียนบนป้ายเชียร์แล้วเจ้าตัวนอนทับมาเลยทำให้จอร์จยอมใจอ่อน

    รับงานมาเพราะเห็นแก่คอลินที่เป็นน้องที่น่ารักเคยถ่ายรูปลูน่าให้หลายครั้งสมัยเรียนแถมยังเป็นเพื่อนสนิทลูน่าด้วย อีกอย่างคาเรนเอง

    ก็เป็นรุ่นน้องผู้สืบทอดตำแหน่งบีตเตอร์ที่น่าภาคภูมิใจเลยฝากให้คอลินช่วยไปเชียร์แทนพวกเขาอีกแรง

                

              ทั้งหมดที่ว่ามานั้นจึงเป็นต้นเหตุให้เวลานี้จอร์จยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ในร้านตัวบรรจงและหยดหมึกกับกล้องถ่ายรูปตัวใหญ่

    ที่คอลินให้มาด้วยโดยมีล็อกฮาร์ตยืนแจกรอยยิ้มพิมพ์ใจตรงเวทีกลางร้านให้กับบรรดาแฟนคลับผู้คลั่งไคล้

                

              อย่างน้อยโชคยังเข้าข้างจอร์จอยู่บ้างที่วันนี้แฟนสาวอย่างลูน่า เลิฟกู๊ดว่างพอดีเลยมาด้วยได้และไม่ทำให้เขาคลั่งไปซะก่อน

                

              “เพราะเจ้าหนูคอลินนั่นแท้ๆ ทำให้ฉันต้องมาถ่าย...”

                

              “ล็อกฮาร์ตนี่หล่อจริงๆ เลย” เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นทำให้จอร์จไม่ได้พูดต่อแล้วก็มีเสียงของผู้หญิงอีกคนโต้ตอบกลับมา

    ตามประสาแฟนคลับที่ชื่นชอบพ่อมดคนเดียวกัน

                

              “ฉันว่าเขาหล่อเสมอละค่ะ คุณได้อ่านเรื่องที่เขากำจัดโนมหรือยังคะ”

                

              จอร์จกลอกตาจนลูกตาจะกลิ้งหลุดลงไปอยู่ในตัวเขาอยู่แล้ว แต่เพราะเสียงนั้นคุ้นหูอย่างแปลกประหลาดเลยหันไปมองนิดหน่อย

    แล้วหันกลับมาหาลูน่าก่อนหันขวับมองเจ้าของเสียงนั้นอีกทีจนคอแทบหัก “แม่! แม่มาทำอะไรที่นี่น่ะ”

                

              “เสียงดังไปได้ลูกก็” มอลลี่ตำหนิจอร์จพร้อมกับตีแขนลูกชาย แต่พอเธอเห็นลูน่าก็ไม่รอช้าเข้ามาทักทายจับแก้มอย่างรักใคร่เอ็นดู

    แล้วมองจอร์จด้วยสายตาตำหนิดังเดิม “แม่ก็มาขอลายเซ็นเขาน่ะสิ ถามได้”

               

              “ที่แม่มีอยู่ที่บ้านนั่นยังไม่พออีกหรือ”

                

              “ที่มีอยู่นั่นเขาเซ็นให้วันนี้ซะที่ไหนกันล่ะ”

                

              “เสียเวลาเปล่า แม่เอาเวลาไปคุยกับโนมที่บ้านยังจะมีประโยชน์กว่าอีก”

                

              “เดี๋ยวเถอะลูกคนนี้” มอลลี่ไม่อยากเสียเวลาเถียงต่อเลยเดินหนีไปต่อแถวรอรับลายเซ็น

                

              จอร์จย่อตัวลงเตรียมถ่ายรูปแต่คนที่มองสบตากับเขาผ่านเลนส์กล้องแล้วทำหน้ายินดีที่เห็นจอร์จทำเอาเขาขนลุกวาบ

                

           ไม่ต้องมาสนใจกันได้ไหม

                

              “โอ้ย ให้ตายสิ ดูซิว่าฉันเจอใคร” ล็อกฮาร์ตเดินเข้ามาหาอดีตลูกศิษย์ทั้งสองอย่างอารมณ์ดี “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะวีสลีย์ โอ้! 

    เธอด้วยเลิฟกู๊ด เป็นยังไงกันบ้างล่ะ แหม ยังเป็นแฟนคลับฉันอย่างเหนียวแน่นกันเหมือนเดิมเลยนะ -- เธอจะต้องไม่เชื่อแน่ แต่ฉันเล่า

    ความประทับใจในตัวลูกศิษย์ของฉันตอนที่พวกเธอแสดงละครในวันคริสต์มาสให้แฟนคลับของฉันฟังทุกครั้งที่พวกเขาถามถึง

    หนึ่งในความประทับใจของฉันสมัยเป็นอาจารย์ที่ฮอกวอตส์ แล้วดูสิ เธอถึงกับมีกล้องมาถ่ายฉันด้วยหรือเนี่ย ช่างน่าประทับใจอะไรอย่างนี้ 

    แต่เธอไม่ต้องหามุมให้ลำบากหรอกนะเพราะไม่ว่าจะมุมไหนฉันก็ดูดีอยู่แล้ว” เขาพูดพร้อมหัวเราะร่าทำเอาแฟนๆ ต่างยิ้มไปด้วย

                

              ขณะที่จอร์จกับลูน่ามองหน้ากันก่อนเบือนหน้าหนีล็อกฮาร์ตไปอีกทาง จอร์จเบะปากอยากจะบอกเต็มแก่ว่าที่ยอมมานี่

    เพราะอยากช่วยรุ่นน้องกับเพราะมีแฟนมาด้วยล้วนๆ ไม่ได้มีความพิศวาสอะไรในตัวเขาถึงขนาดต้องถ่อจากร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์ที่รัก

    มาหาเขาถึงที่นี่เลยสักนิด


                

              ที่สนามซ้อมควิดดิชของทีมโฮลี่เฮด ฮาร์ปีส์มีนักกีฬาอาชีพกับมือสมัครเล่นที่กำลังนั่งรอการคัดเลือกเพื่อเข้าทีมควิดดิชหญิงล้วน

    ที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก คาเรนนั่งรอคิวอยู่บนอัฒจันทร์ ไม่ได้เดินไปมาเหมือนผู้เล่นคนอื่นที่ตื่นเต้นจนควบคุมไม่อยู่แต่ก็ใช่ว่าจะ

    ไม่ตื่นเต้นเลยเพราะมือสองข้างที่กุมอยู่บนตักกำลังบีบแน่นราวกับจะนวดให้เลือดมาหล่อเลี้ยงที่มืออันเย็นเฉียบ ขาก็เขย่าไม่หยุดตั้งแต่

    ก้นนั่งแปะเก้าอี้เพราะเวลานี้เธอไม่สามารถอยู่เฉยๆ ได้เลยต่อให้จะมีพี่เพเนโลพีคอยพูดให้เธอผ่อนคลายอยู่ข้างๆ กันก็ตาม

                

              “พี่จะไปทำงานตอนกี่โมง”

                

              “อีกสักเดี๋ยวก็ต้องไปแล้วล่ะ โทษทีนะที่พี่อยู่ดูเธอต่อไม่ได้”

                

              “ก็พี่มีงานนี่นา...” คาเรนเว้นช่วงเพราะมีเรื่องคอลินโผล่เข้ามา เธอยังจำได้ดีที่คอลินเคยให้สัญญาตั้งแต่สมัยเรียนว่าจะมา

    ถือป้ายเชียร์ทว่าเธอดันเลือกที่จะไม่บอกเขาเพราะงั้นวันนี้ไม่มีเขาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก...แต่ถ้าได้กำลังใจจากคอลินสักนิดนึงก็คงจะดีอยู่หรอก


           “ถ้าแม่รู้ว่าเธอไม่ได้ไปสัมภาษณ์งานที่กระทรวงเวทมนตร์บ้านต้องระเบิดแน่”


           คาเรนยิ้มน้อยๆ แบบไม่มีข้อแก้ตัวเพราะวันนี้เป็นวันเดียวกับที่กระทรวงเวทมนตร์มีสอบสัมภาษณ์งานที่เธอสมัครเผื่อเอาไว้ 

    “ถ้าจะระเบิดจริงพี่ก็คงต้องเตรียมตัวให้ดีแล้วล่ะ”


           “เอาเถอะ เธอมาทางนี้ก็ไปให้สุดแล้วกัน เอ้อ พ่อฝากบอกให้กำลังใจเธอด้วยนะ”


           “พ่อรู้ด้วยหรือ”


           “ไม่รู้สิถึงจะแปลก ลูกสาวรักควิดดิชเป็นชีวิตจิตใจขนาดนี้ต้องไม่ยอมเสียโอกาสนี้แล้วไปสอบสัมภาษณ์ที่กระทรวงแน่ อันที่จริง

    พ่อก็อยากมาด้วยแต่ติดตรงแม่ให้ไปทำธุระเลยมาไม่ได้ -- อย่ามัวแต่พะวงเรื่องแม่จนไม่มีสมาธิล่ะ แต่ยังไงกระทรวงก็เปิดให้ไปสัมภาษณ์

    ถึงหนึ่งทุ่มนะ”


           “ฮื่อ ถ้าไม่ผ่านก็อาจจะแวะไปแต่นั่นเป็นทางเลือกสุดท้ายที่หนูจะเลือกแน่นอน--ตอนนี้หนูไม่อยากเผื่อใจแล้ว หนูต้องเข้าทีมนี้ให้ได้”


           เพเนโลพีมองน้องสาวด้วยแววตาภาคภูมิใจก่อนเหลือบไปเห็นคอลินที่ใบหน้าซีกนึงเป็นสีแดงกำลังเดินมาจากข้างหลัง

    พร้อมยกนิ้วชี้มาจ่อที่ปากไม่ให้เธอบอกคาเรน เธอพยักหน้า เห็นแบบนี้ก็ค่อยโล่งใจหน่อยที่ยังมีคอลินมาเชียร์แทนตัวเองที่ลางานไม่ได้จริงๆ  


           “ได้บอกคอลินหรือเปล่าว่าเธอจะมาคัดตัววันนี้”


           “เปล่า ไม่ได้บอกหรอก เห็นว่ามีงานไปถ่ายล็อกฮาร์ตที่ร้านตัวบรรจงและหยดหมึก ถ้าหนูบอกเขาต้องมานี่แน่”


           เพเนโลพีพยักหน้าอย่างเข้าใจ “จะสายแล้ว งั้นพี่ไปก่อนนะ” เธอโน้มตัวกอดคาเรน จูบขมับให้กำลังใจน้องสาวแล้วลุกขึ้นเตรียมตัว

    ไปทำงานที่กระทรวงเวทมนตร์โดยไม่ลืมตบบ่าทักทายคอลินตอนที่เดินสวนกันก่อนที่เธอจะหายตัวไป


           คำตอบเมื่อครู่นี้คอลินได้ยินชัดทุกคำ เขาย่องมานั่งข้างหลังแฟนสาวแล้วก้มลงพูดข้างหูเธอ “เธอนี่รู้จักแฟนตัวเองดีจริงๆ”


           คอลินใช้โอกาสตอนที่ไม่มีใครมองก้มลงจูบแก้มเธอเร็วๆ คาเรนยกมือจับแก้มตัวเอง เงยหน้าขึ้นมองคนข้างหลังหน้าตาตื่น 

    วินาทีที่ดวงตาสีเขียวสบดวงตาสีน้ำตาลที่มีรอยยิ้มประดับอยู่พลันทำให้หัวใจคาเรนพองโตจนต้องลุกขึ้นโผเข้ากอดชายหนุ่มด้วยความดีใจ


           คอลินย้ายกล้องไปถือไว้ในมือข้างซ้ายรวมกับม้วนกระดาษแล้วยกมือขวาขึ้นกอดตอบพลางยีผมบลอนด์ด้วยความมันเขี้ยว 

    “อะไรกัน อยากให้ฉันมาขนาดนี้ทำไมไม่บอกกันตรงๆ ล่ะ”



    - Talk -

                ล็อกฮาร์ตก็ยังคงเป็นล็อกฮาร์ตอยู่วันยังค่ำอะเนอะ แต่สำหรับคอลินก็ยังไม่สำคัญเท่าคาเรนอยู่ดีอะแหละ >_< 

    ส่วนฝาแฝดต่อให้จะแสบแค่ไหนแต่ถ้ารุ่นน้องขอให้ช่วยก็ยังเป็นที่พึ่งให้ได้เสมอถึงจอร์จจะไม่ค่อยจอยกับงานก็ตาม ฮาาา 

    // ตอนหน้าเป็นตอนจบแล้วเน่อ

    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×