ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] Captain [Colin x OC] [END]

    ลำดับตอนที่ #17 : 17 ll Talk

    • อัปเดตล่าสุด 16 ก.ค. 64



    17


    Talk



     

           ค่ำคืนอันร้อนอบอ้าวอย่างไม่ปรานียังไม่ผ่านพ้นไปแม้จะย่างเข้าเดือนสิงหาคมแล้วก็ตาม ทว่าดูแล้วบทสนทนาค่ำนี้บนโต๊ะอาหาร

    จะร้อนยิ่งกว่า -- หลังจากกินของคาวเสร็จที่บ้านของตระกูลเคลียร์วอเทอร์มีไอศกรีมเชอร์เบทมะนาวเย็นๆ ตบท้ายเป็นของหวาน

                

              คาเรนใช้ช้อนตักไอศกรีมเข้าปากไปอย่างงั้นเองเหมือนเครื่องจักรราวกับต่อมรับรสของเธอพังไปแล้ว เด็กสาวเลื่อนสายตา

    มองคนในครอบครัวตั้งแต่เริ่มมื้อค่ำแทนที่สมาธิจะอยู่กับอาหารในจานตรงหน้า เธอคิดเอาไว้แล้วว่าสักวันจะต้องบอกที่บ้านเรื่องคบกับ

    คอลินซึ่งก็คือวันนี้แถมผู้ที่สามารถเปลี่ยนอารมณ์ราวมังกรพ่นไฟได้อย่างแม่ก็ดูอารมณ์ดีเพราะเมื่อกลางวันนี้เพิ่งไปเข้าร่วมงานเลี้ยง

    ของสมาคมแม่บ้านมา

                

              คาเรนวางช้อนลงก่อนตัดสินใจบอกอย่างตรงไปตรงมา

                

              “พ่อคะ แม่คะ พี่เพนนี หนูคบกับคอลินแล้วนะ”

                

              ทันทีที่ได้ยินเสียงประกาศจบ รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนหน้าคุณนายเคลียร์วอเทอร์พลันหายวับไปกับตา 


              “ลูกว่ายังไงนะ ขอแม่ฟังอีกทีซิ”

                

              “ถ้าแม่อยากได้ยินอีกก็ได้ -- หนูคบกับคอลิน ครีฟวีย์แล้วค่ะ ขอโทษที่หนูคบกับคนที่แม่หวังไม่ได้เพราะหนูไม่ได้ชอบเขา 

    แล้วที่บอกก็เพราะแค่อยากบอกให้พ่อกับแม่แล้วก็พี่เพนนีรู้”

                

              “หนูคาเมรอนไม่ดีตรงไหน”

                

              “หนูว่าแล้วว่าแม่ต้องถาม งั้นหนูขอถามแม่กลับว่าคอลินไม่ดีตรงไหนคะ”

                

              “แม่ไม่รู้จักกับคนที่ลูกคบดีพอจะบอกได้หรอกนะ”

                

              “งั้นแม่ก็ไม่ได้รู้จักคาเมรอนดีพอเหมือนกัน หนูไม่ได้จะบอกว่าเขาแย่นะคะ แต่หนูแค่ชอบคอลินแล้วตอนนี้ก็คบกับคอลินอยู่”        

                

              “แม่ไม่เห็นด้วย”

                

              คาเรนสบตาตรงๆ กับแม่ “หนูไม่ห้ามค่ะ ถ้าแม่จะคิดอย่างงั้น”

                

              “คาเรน อย่าเถียงแม่นะ อย่างน้อยครอบครัวของหนูคาเมรอนก็มีฐานะใกล้เคียงกับเรา”

                

              “แม่เลิกเรียกเขาว่าหนูคาเมรอนยังกับเขาเป็นเด็กน้อยของแม่ได้ไหมคะ -- ฐานะบ้านเบรฟลีย์เป็นยังไงหนูไม่สนหรอก”

                

              “แต่ในวันข้างหน้าลูกจะสบาย”

                

              “ตอนนี้หนูก็สบายดีนี่คะ”

                

              “คาเรน”

                

              “แม่แค่อยากให้วันให้ข้างหน้าหนูสบายแต่แม่ไม่คิดบ้างหรือว่าใจหนูจะป่วย แต่ถ้าแม่อยากให้หนูอยู่อย่างสบายจริงๆ หนูมั่นใจ

    ว่าหนูสามารถทำงานหาเงินมาเลี้ยงตัวเองได้สบายๆ อยู่แล้ว”

                

              “พูดจาอะไรไร้สาระ หัดมองความเป็นจริงซะบ้างหนูคาเมรอนน่ะดูแลลูกได้”

                

              “คอลินก็ดูแลหนูได้ไม่ว่าแม่จะหมายถึงในแง่ไหนก็ตาม แล้วหนูก็จะดูแลตัวเองให้ได้ด้วย”

                

              “ลูกคิดว่าจะคบกันได้นานแค่ไหนกันเชียว”

                

              “หนูไม่รู้ค่ะ แค่ตอนนี้เราคบกันก็มีความสุขดีอยู่แล้ว แล้วหนูจะต้องไปหาคำตอบทำไมให้ปวดหัวว่าวันไหนเราจะเลิกกัน”

                

              “ตามใจ! แม่จะคอยดูว่าจะคบกันไปได้ยาวสักแค่ไหน แฟนของลูกเรียนจบออกไปทำงานแล้วคงจะไปเจอผู้หญิงสวยๆ อีกมากหน้า

    หลายตา หวังว่าแม่คงจะไม่เห็นลูกช้ำใจจนต้องมาร้องไห้กับแม่หรอกนะ”

                

              “ผู้หญิงสวยๆ ที่ฮอกวอตส์มีตั้งหลายคนแต่หนูก็ไม่เห็นว่าคอลิน...”

                

              “พอทีคาเรน! แม่ไม่อยากเถียงกับลูกแล้ว -- คุณคะฉันอิ่มแล้ว ขอตัวขึ้นห้องก่อน”

                

              คาเรนเอี้ยวตัวพิงพนักเก้าอี้มองตามหลังคนเป็นแม่ที่ก้าวฉับๆ ไปทางบันได “ถึงแม่จะบอกว่าหนูเหมาะกับคาเมรอนมากกว่า

    นั่นก็เป็นความคิดของแม่ แม่จะคิดยังไงก็ได้แต่หนูเลือกแล้วเพราะหนูเป็นคนคบกับคอลินไม่ใช่แม่ ถ้าแม่ไม่พอใจที่หนูบอกแม่ก็คิดซะว่า

    หนูไม่ได้บอกแม่ก็ได้ค่ะ”

                

              เพเนโลพีวางมือลงบนมือน้องสาวพลางลูบเบาๆ ให้อารมณ์เย็นลง ไม่ไปร้อนแข่งกับสภาพอากาศ “ใจเย็น”

                

              “ตอนนี้ก็เย็นที่สุดแล้ว พี่เพนนี หรือพี่จะบอกว่าเห็นด้วยกับแม่”

                

              “เหอะ เป็นงั้นจริงเธอฆ่าพี่ให้ตายเถอะ ถ้าเธอกับคอลินรักกันจริงๆ ก็อย่าให้ความคิดแม่มาครอบงำเธอเหมือนอย่างที่พี่เคยโดน

    มาแล้วเชียวนะ” เพเนโลพีคลี่ยิ้มน้อยๆ “ดีใจจัง พี่คิดไว้แล้วไม่ผิดว่าสักวันเธอสองคนต้องลงเอยกัน”

                

              คราวนี้เป็นฝ่ายพ่อที่นั่งเงียบมานานลุกขึ้นบ้าง “พ่อว่าจะไปดูแม่ซะหน่อยนะ” เขามองลูกสาวด้วยความเห็นใจ 

    “ถ้าวันไหนแฟนลูกว่างจะพามากินมื้อค่ำที่บ้านบ้างก็ได้นะ แต่ทางที่ดีอย่าพามาตอนที่แม่อยู่จะดีกว่า -- ถ้าว่าตามตรงก็แทบนับวันได้เลย

    ที่ในเวลาแบบนี้แม่จะไม่อยู่ในงานเลี้ยง ว่าไหมล่ะ เพราะงั้นก็คงจะหาวันได้ไม่ยากหรอก” เขาขยิบตาให้ลูกสาวก่อนออกไปจากห้องครัว


                

              ที่ห้องนอนทางฝั่งตะวันออก คุณนายเคลียร์วอเทอร์กำลังนั่งตรงปลายเตียงด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่นและยิ่งเพิ่มมากขึ้นเมื่อเห็น

    สามีตัวเองเดินเข้ามา “คุณคงจะให้ท้ายลูกอีกล่ะสิ”

                

              “ทำไมผมต้องให้ท้ายลูกด้วย คุณคงลืมไปว่าคาเรนไม่ได้ทำอะไรผิด”

                

              “เนี่ยน่ะหรือไม่ผิด ฉันเลี้ยงลูกมาดีทุกอย่างไม่เคยขาดตกบกพร่อง แล้วคุณดูสิคาเรนไม่เคยเชื่อฟังอะไรฉันเลยทั้งที่ทุกอย่างที่ฉัน

    หาให้ก็ดีกับตัวเธอทั้งนั้น ไม่เหมือนกับเพเนโลพีที่เป็นเด็กดีว่านอนสอนง่าย”

                

              “แล้วคุณเคยถามความรู้สึกเพนนีหรือเปล่าว่าลูกมีความสุขกับสิ่งที่คุณเลือกให้ไหม”

                

              “คุณจะบอกว่าลูกไม่มีความสุขหรือยังไง”

                

              “คุณเคยมองบ้างหรือเปล่าว่าสายตาเพนนีเศร้าแค่ไหนตอนที่คุณสั่งให้เลิกคบเพอร์ซี่ วีสลีย์ คุณเคยรู้บ้างไหมว่าลูกเศร้าแค่ไหน

    ตอนที่รู้ว่าเพอร์ซี่มีแฟนใหม่ คุณรู้ไหมว่าทุกวันนี้เพนนียังรักผู้ชายคนนั้นอยู่แล้วรู้บ้างไหมว่าลูกไม่เคยคบหาดูใจกับผู้ชายที่คุณเลือกให้เลย

    ม้แต่ชั่วโมงเดียว”

               

              เมื่อคุณนายเคลียร์วอเทอร์อ้าปากจะเถียง เขาก็ยกมือขึ้นห้ามเอาไว้ก่อน “ผมไม่ได้ต้องการคำตอบจากคุณเพราะผมรู้อยู่แล้ว

    ว่าคุณไม่เคยรู้เลย ก่อนหน้านี้ผมให้คุณดูแลส่วนผมเป็นคนหาเงินเข้าบ้านแต่ตอนนี้ผมคงต้องเข้ามายุ่งกับการเลี้ยงลูกของคุณบ้างแล้วล่ะ 

    คุณให้อิสระกับลูกบ้างเถอะ ตอนนี้เราช่วยอะไรเพนนีเรื่องเพอร์ซี่ไม่ได้แล้ว แต่อย่างน้อยตอนนี้เรื่องคาเรนคุณต้องไม่ทำร้ายหัวใจของลูก

    ไปอีกคน ทุกวันนี้คาเรนอายุสิบเจ็ดปีเป็นผู้ใหญ่ตามเกณฑ์ ใช้เวทมนตร์นอกโรงเรียนได้แล้ว นั่นหมายความว่าลูกเป็นผู้ใหญ่และโตพอ

    จะคิดเองได้แล้วว่าอะไรเหมาะหรือไม่เหมาะกับลูก ก่อนหน้านี้ตอนปิดเทอมคุณจับพวกแกแต่งตัว พาออกไปงานเลี้ยงด้วยทั้งที่ลูก

    อยากมีเวลาเป็นของตัวเองบ้าง คุณจำได้ไหมว่าคริสต์มาสเมื่อปีที่แล้วที่คาเรนได้ไปงานเทศกาลฤดูหนาวกลับมาแล้วลูกดูมีความสุข

    ขนาดไหนหรือคุณจะบอกผมว่าคุณไม่เคยสังเกตเลย...ให้พวกเขาได้เลือกเองบ้างเถอะ”

                

              “งั้นก็เชิญคุณตามใจลูกไปคนเดียวก็แล้วกัน ส่วนฉันจะคอยดูว่าความสุขของคาเรนกับผู้ชายบ้านครีฟวีย์นั่นจะไปได้ไกลถึงไหน”

                

              “ได้ งั้นผมก็จะสนับสนุนลูกกับผู้ชายบ้านครีฟวีย์ให้ได้ไกลที่สุดเท่าที่ผมจะช่วยได้ให้ดู”


                

              ตลอดระยะเวลาสองเดือนของการปิดเทอมของคาเรนนั้นไม่มีอะไรให้ต้องคิดมากนอกจากการสอบส.พ.บ.ส.ที่นักเรียนปีเจ็ดต้องสอบ 

    ขณะเดียวกันก็เป็นการใช้ชีวิตแบบผู้ใหญ่เต็มตัวที่ต้องทำงานของคอลิน เขาตัดสินใจเป็นช่างถ่ายภาพอิสระและตอนนี้เป็นช่วงเก็บเกี่ยว

    ประสบการณ์จึงรับงานทุกงานที่เข้ามาทำให้เวลาที่ควรจะสวีทหวานกับแฟนที่เพิ่งคบกันมีแต่งานเข้ามาแทนที่

                

              คาเรนเลือกที่จะเข้าใจและสนับสนุนเขาจนถึงที่สุด ไม่เก็บเอาเรื่องที่เขายังไม่มีเวลาให้มาคิดเล็กคิดน้อยแล้วจบลงที่การทะเลาะหรือ

    น้อยใจ ต่อให้เวลาที่เจอกันจะมีแค่หนึ่งหรือสองชั่วโมงหลังเขาเลิกงาน เวลาอันแสนมีค่านั้นทั้งคู่ทำเพียงแค่เดินหาร้านขายบัตเตอร์เบียร์

    สักร้านที่เปิดตอนกลางคืน นั่งลงดื่มบัตเตอร์สักแก้วแล้วแลกเปลี่ยนกันว่าแต่ละวันต่างฝ่ายได้ไปเจออะไรมาบ้าง คอลินเล่าเรื่องงาน

    กับความกังวลของเขาซึ่งคาเรนก็รับฟังอย่างตั้งใจแล้วให้กำลังใจขณะที่ฝ่ายคาเรนปรับทุกข์เรื่องเธอกับแม่ให้เขาฟังแบบไม่ปิดบัง

                

              คอลินจับมือคาเรนที่กุมอยู่รอบแก้วบัตเตอร์เบียร์ “ถึงเราจะเพิ่งคบกันแค่สองเดือนแต่ฉันไม่ได้ชอบเธอแค่สองเดือน

    แล้วจะถอดใจง่ายๆ ถึงใช้เวลาเป็นสิบปีฉันก็ไม่ถอดใจ ฉันดีใจนะที่เธอบอกเรื่องแม่ของเธอ ฉันจะพิสูจน์ให้เขาเห็นว่าฉันดูแลเธอได้”

                

              “มันไม่ง่ายขนาดนั้นเพราะแม่ไม่ได้มารู้จักนายเหมือนอย่างฉันน่ะสิ แต่ถึงแม่จะค้านหัวชนฝายังไงฉันก็จะเชื่อความคิดตัวเองอยู่ดี 

    ไม่งั้นป่านนี้ฉันคบคาเมรอนไปตั้งนานแล้ว”

                

              เขายิ้มน้อยๆ พลางส่ายหัวให้กับความรั้นของคาเรน ในทางกลับกันเขาก็รักนิสัยนี้ของเธอเพราะไม่อย่างงั้นก็คงไม่คบกันจนถึงวันนี้ 

    “รีบดื่มบัตเตอร์เบียร์เถอะ พรุ่งนี้เธอต้องตื่นแต่เช้าไปสถานีคิงส์ครอสอีก”

                

              คาเรนเริ่มอิดออดเมื่อนึกถึงเปิดเทอม “เวลาปิดเทอมผ่านไปไวชะมัด อยากให้ตอนเปิดเทอมผ่านไปไวบ้างจัง ฉันจะได้ออกมา

    เล่นควิดดิชทั้งวันทั้งคืนอย่างใจนึกสักที...ต้องคิดถึงนายมากแน่เลย”

                

              หน้าคอลินร้อนผ่าวขึ้นมาทันที “นี่ ฉันไม่ได้มีภูมิคุ้มกันกับประโยคแนวนี้จากเธอมากนักหรอกนะ ต่อให้เราคบกันแล้วและต่อให้

    ฉันชอบที่เธอพูดตรงๆ ก็เถอะ”

               

              คาเรนกะพริบตาปริบๆ ยิ้มมุมปากที่เห็นแฟนหนุ่มหน้าแดงก่ำลามไปถึงใบหูท่ามกลางแสงจากตะเกียงตรงกลางโต๊ะอันเดียว

    ที่ส่องต้องหน้าเขา “งั้นก็รีบทำใจให้ชินซะสิเพราะต่อจากนี้ถึงเราจะไม่ได้เจอกันแต่ในจดหมายฉันจะเขียนว่าฉันคิดถึงนายทุกฉบับเลย”

                

              “นั่นมันมากไปแล้ว”

                

              “แล้วไม่ชอบหรือ?”

                

              “ชอบสิ” คอลินพยายามสั่งตัวเองให้หุบยิ้มพลางยกบัตเตอร์เบียร์ขึ้นดื่มจนหมดเพื่อกลบอาการเขิน 

    “พรุ่งนี้จะไปส่งที่สถานีคิงส์ครอสนะ”

                

              “พรุ่งนี้นายมีงานนี่ ฉันเห็นในสมุดจดงาน”

                         

           “ยังพอมีเวลาอยู่นิดหน่อย”

                

              “อ้อ แต่ถึงยังไงนายก็ต้องไปส่งเดนนิสอยู่ดีนี่นะ”

                

              “ก็ไม่เชิง เดนนิสบอกฉันไว้แล้วว่าอยากลองไปสถานีรถไฟด้วยตัวเองบ้างแต่เดี๋ยวก็คงได้ไปเจอกันที่นั่นอยู่ดีนั่นแหละ”

                

              ช่วงสายของวันรุ่งขึ้นคอลินมาเจอคาเรนกับเดนนิสที่สถานีรถไฟคิงส์ครอสก่อนรถไฟด่วนฮอกวอตส์จะออกยี่สิบนาที

                

              “ฝากดูแลคาเรนด้วยนะ เดนนิส”

                

              เดนนิสพยักหน้าให้พี่ชายพลางก้มลงมองคาเรนเพราะตอนนี้เขาสูงกว่ารุ่นพี่ตั้งเยอะแล้ว “ไม่มีปัญหา พี่รีบไปทำงานเหอะ

    เดี๋ยวไปไม่ทันเวลามังกรออกจากไข่นะ”

                

              “ฉันไม่ได้รับงานถ่ายมังกรออกจากไข่สักหน่อย มีหวังตัวคงเกรียมแน่ถ้ามังกรน้อยนั่นพ่นไฟใส่ฉันขึ้นมา -- ไปกันเถอะ โชคดีนะ” 

    คอลินบอกกับทั้งสองคน เดนนิสนำเข้าไปที่ชานชาลาที่เก้าเศษสามส่วนสี่เป็นคนแรก แต่พอคาเรนจะตามเข้าไปคอลินกลับจับรถเข็นไว้ 

    ก้มลงจูบเธอเร็วๆ แล้วมองอย่างอ้อยอิ่งไม่อยากให้เธอเข้าไปซะอย่างงั้น ท้ายที่สุดเป็นอันต้องตัดใจแล้วยิ้มให้เธอ 

    “จะเขียนจดหมายมาหาบ่อยๆ นะ”


                

              ชีวิตนักเรียนปีเจ็ดของคาเรนแทบไม่ได้พัก ไหนจะการบ้านทั้งยังมีทีมควิดดิชที่เธอยังรับหน้าที่กัปตันต่อเป็นปีสุดท้าย 

    ควิดดิชนัดแรกที่ผ่านมากับสลิธีรินคอลินติดงานมาดูไม่ได้แต่คาเรนก็ไม่ได้หมดกำลังใจจนไม่เป็นอันแข่งเพราะเธอเข้าใจแถมยังเอาชนะ

    บ้านงูมาได้เป็นการล้างตาจากปีก่อน


           คริสต์มาสปีนี้คาเรนเลือกที่จะอยู่ฮอกวอตส์ เธอเร่งทำการบ้านให้เสร็จจนเกือบโต้รุ่งทุกวันเพื่อนเอาเวลาวันหยุดมาพักให้เต็มที่ 

    เช้าวันหยุดเธอไปเดินเล่นอยู่บนอัฒจันทร์ในสนามแข่งควิดดิช สายตาเหม่อมองไปตรงเก้าอี้ยาวสองตัวที่เธอกับคอลินเคยหลับไปด้วยกัน

    จนตอนเช้าต้องรีบถ่างตาวิ่งกลับเข้าปราสาทเพราะกลัวจะถูกจับได้ ยิ่งอยู่ตรงนี้ก็ยิ่งคิดถึงเขาเลยเดินกลับไปที่หอคอยกริฟฟินดอร์

    ที่เกือบร้างผู้คนท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายลงมาน้อยๆ รับเช้าวันคริสต์มาส เธอนั่งลงข้างโจซี่ในห้องนั่งเล่นรวมและมีนักเรียนคนอื่นอีก

    สองสามคนที่ไม่กลับบ้านนั่งคุยเล่นกันอยู่ส่วนเดนนิสกลับบ้านไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว


           “เอ้านี่ ของขวัญของเธอ ฉันหยิบมาให้หมดแล้ว” โจซี่ดันห่อของขวัญสี่ห่อไปให้เพื่อนสนิท “มีของฉันด้วยห่อนึง สุขสันต์วันคริสต์มาส

    ขอบคุณนะสำหรับถุงมือนี่ ฉันว่าจะหาซื้อคู่ใหม่อยู่พอดีเลยดีที่ได้ของเธอมาก่อน”


           “สุขสันต์วันคริสต์มาส” คาเรนบอกพลางแกะดูของขวัญจากพี่สาว จากพ่อกับแม่ที่ให้มาด้วยกันแล้วก็ของคอลินเป็นชิ้นสุดท้าย  


           นับเป็นเรื่องแปลกแต่ก็ไม่ประหลาดนักเพราะของขวัญที่คอลินให้มาเป็นผ้าพันคอเหมือนกับที่คาเรนเองก็ส่งผ้าพันคอให้เขาไป

    เช่นกัน เพียงแต่ของคอลินมีรูปกล้องส่วนที่เธอได้มาตรงปลายผ้าพันคอมีรูปไม้ตีบลัดเจอร์ไขว้กันปักอยู่ พอคลี่ผ้าพันคอที่พับมาออกมา

    ก็มีจดหมายสอดอยู่ในนั้น


     

    คาเรนของฉัน


    สุขสันต์วันคริสต์มาส!


           มีความสุขมากๆ ให้ได้เท่ากับตอนที่ฉันเห็นเวลาเธอเล่นควิดดิชนะ

           ตอนนี้ฉันอยู่เนเธอร์แลนด์กับจินนี่ เธอมีแข่งควิดดิชที่นี่ส่วนฉันถูกเรียกตัวด่วนเป็นกรณีพิเศษจากเดลี่พรอเฟ็ตคอลัมน์กีฬา

    เพราะช่างถ่ายภาพประจำเกิดป่วยขึ้นมา ฉันเลยได้มาถ่ายงานแข่งควิดดิชแบบงงๆ แล้วก็ด่วนมากแต่ก็ถือว่าได้เชียร์เพื่อนไปด้วยในตัว 

    (จินนี่ฝากความคิดถึงมาให้เธอด้วย)


           หวังว่าเธอจะผ่านหน้าหนาวนี้ไปได้โดยที่ไม่ป่วย ขอบคุณที่ช่วยสอนการบ้านเดนนิสด้วยทั้งที่เธอเองก็มีการบ้านต้องทำอีกเยอะแยะ 

    น้องชายฉันเขียนมาเล่าให้ฉันอ่านเกี่ยวกับเธอจนฉันอยากจะเกิดช้าอีกสักปี คงจะดีถ้าเราได้เล่นควิดดิชด้วยกันอีก

                

           ปีนี้ไม่ได้กลับบ้านก็อย่าออกไปซ้อมควิดดิชบ่อยตอนอากาศหนาวอย่างงี้ล่ะ อยู่ให้ใกล้เตาผิงเข้าไว้ ต่อให้เธอพักซ้อมช่วงนี้ไปบ้าง

    ก็คงไม่เป็นไรหรอกเพราะฉันว่าตอนที่เราซ้อมด้วยกันเมื่อปีที่แล้วนั่นยังกับเธอซ้อมเผื่อปีนี้ทั้งปีไปเรียบร้อยแล้ว

    (ไม่ได้จะบ่นว่าเธอซ้อมหนักนะ)

              ห้ามป่วยนะ!!


    รักมากๆ

    คอลิน


              ควิดดิชนัดที่สองกับฮัฟเฟิลพัฟนั้นเป็นกริฟฟินดอร์ที่ได้คะแนนหนึ่งร้อยแปดสิบแต้มมานอนกอด โอกาสที่บ้านสิงห์จะได้ถ้วยควิดดิช

    อยู่ไม่ไกลหากแข่งชนะเรเวนคลอในนัดสุดท้ายแต่ปีนี้คาเรนไม่ค่อยเคร่งเครียดเท่าปีก่อนเพราะสิ่งที่เครียดกว่าคือสอบส.พ.บ.ส.

    ที่แม่คอยจับตามองอยู่ เธอรู้ได้ทันทีโดยไม่ต้องบอกว่าหากได้คะแนนไม่ดีแม่ต้องเอาจุดนี้มาโจมตีที่เธอคบกับคอลินแน่ๆ ด้วยความอยาก

    เอาชนะที่มีอยู่ในใจลึกๆ เลยตั้งใจเอาไว้ว่าจะต้องสอบให้ผ่านทุกวิชา เอาผลคะแนนที่ดีไปฝากแม่เอาให้แม่คิดว่าลูกสาวคนนี้จะทำงาน

    ที่กระทรวงได้เลย แล้วสุดท้ายลูกสาวคนนี้อีกเช่นกันที่จะหักหลังด้วยการไปเป็นนักกีฬาควิดดิชที่แม่ค้านสุดใจ 


              ยังเหลือเวลาอีกสี่เดือนกว่าจะสอบ คาเรนทิ้งตัวไปบนโซฟาในห้องนั่งเล่นรวมอย่างหมดแรงเพราะโดนการบ้านวิชาปรุงยา

    ดูดพลังงานไปจนเกือบหมด เธอแทบไม่รู้วันเวลาด้วยซ้ำกระทั่งเดนนิสเอาช็อกโกแลตกับจดหมายจากพี่ชายของเขามาให้เธอ


           เด็กสาวผมบลอนด์ขมวดคิ้ว “วันนี้วาเลนไทน์เหรอ?”


           “ฮื่อ” เดนนิสพยักหน้าพลางนั่งลงข้างคาเรนที่โซฟา ตอนนี้เขากับเธอสนิทกันมากขึ้นจนเหมือนเป็นพี่น้องกันไปแล้ว และเดนนิส

    ก็นับคาเรนเป็นพี่สาวของเขาไปเรียบร้อยแล้วด้วย “พูดแบบนี้แสดงว่าปีนี้พี่คอลินไม่มีทางได้ช็อกโกแลตแหง แต่ไม่ต้องคิดมากหรอก 

    พี่คอลินเข้าใจอยู่หรอกว่าเมื่อวานเธอเพิ่งแข่งควิดดิชเสร็จแล้วไหนจะการบ้านอีกเป็นตั้ง”


           คาเรนมองดูช็อกโกแลตยี่ห้อแปลกๆ ที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนแต่ก็หยิบมาแกะห่อแบบไม่คิดอะไรมากเพราะตอนนี้ร่างกาย

    กำลังต้องการช็อกโกแลตสุดๆ เธอหักช็อกโกแลตแบ่งให้เดนนิสด้วยครึ่งนึงแล้วตัวเองก็กินบ้างระหว่างเปิดอ่านจดหมาย



           คาเรนที่รัก


           สบายดีไหม? ใกล้จะสอบ ส.พ.บ.ส. แล้ว ฉันหวังว่าเธอคงไม่เครียดจนเผาหนังสือทั้งหมดไหม้ไปแล้วนะ บางทีน้ำยาสงบใจ

    ของมาดามพอมฟรีย์อาจช่วยเธอได้เพราะฉันเองก็เคยไปขอมาแล้วหลายหนจนมีช่วงนึงเธอกังวลว่าฉันจะเสพติดมันจนต้องหายาชนิดอื่น

    มาให้ฉันเลยแหละ

             

           ตอนนี้ฉันอยู่โรมาเนีย มาถ่ายงานให้คุณเลิฟกู๊ดและแน่นอนว่าสบายดี ตอนนี้ฉันรับงานของเดอะ ควิบเบลอร์ด้วยเลยได้มาถ่าย

    ลูกมังกรที่ฟักออกจากไข่มาสดๆ ร้อนๆ เมื่อคืนนี้ โชคดีที่ตัวฉันไม่ไหม้เกรียมเพราะมังกรชนิดนี้พ่นไฟไม่ได้

              

           ฉันเจอคุณวีสลีย์ด้วยนะ ชาลี วีสลีย์พี่ชายคนที่สองของครอบครัววีสลีย์น่ะ เขาทำงานอยู่ที่นี่แถมใจดีกับฉันมากเลย 

    แต่ก็แสบเหมือนฝาแฝดมากๆ ด้วย...

              

           รูปที่แนบไปมีไข่มังกรที่หาดูได้ยากแต่อีกไม่นานถ้าคุณเลิฟกู๊ดเอาลงนิตยสารก็น่าจะหาได้ง่ายแล้วล่ะ จะว่าไปฉันก็เริ่มหลงรัก

    มังกรพวกนี้ซะแล้วสิ ลูกไฟที่มันพ่นออกมามีประโยชน์นักล่ะในเวลาที่อากาศหนาวเหน็บยังงี้ จริงไหม

              

           ผ้าพันคอที่เธอให้ฉันมาอุ่นมากเลย อุ่นจนให้ฉันแก้ผ้าแล้วมีแค่ผ้าพันคอก็ยังได้! แต่ทางที่ดีเราไม่ควรทำงั้นเนาะ

              

           อให้เธอผ่านช่วงเวลาที่การบ้านเยอะแล้วก็เครียดนี้ไปให้ได้ ส่วนควิดดิชนัดชิงถ้าฉันว่างจะไปเชียร์เธอให้ได้อีกเหมือนกัน

     

           ปล. ค่อยตอบกลับตอนที่เธอว่างก็ได้ เดนนิสบอกฉันว่าช่วงนี้เธอยุ่งน่าดู -- ไม่ได้กดดันนะแต่ถ้าเธอตอบกลับมาสักหนึ่งประโยค

    ให้ฉันได้เห็นลายมือของเธอบ้างก็จะมีกำลังใจทำงานอีกเยอะเลยล่ะ

           ปล2. อย่าป่วยนะ

     

    รักมากๆ

    (คิดว่าเธอรู้อยู่แล้วแต่ก็จะเขียน)

    คอลิน

     


              ปีสุดท้ายในรั้วฮอกวอตส์ของคาเรนทั้งเหนื่อยแล้วก็หนัก แต่เพราะมีคอลินกับพี่เพเนโลพีเขียนจดหมายมาให้กำลังใจบ่อยๆ 

    แล้วก็มีกำลังใจจากเดนนิสแล้วก็โจซี่แล้วก็พวกคนในทีมควิดดิชด้วยเลยไม่เครียดจนต้องหันไปพึ่งน้ำยาสงบใจ


           ท้ายที่สุดปีนี้กริฟฟินดอร์พลาดถ้วยรางวัลควิดดิชไปเพราะวิกเตอร์เกิดบาดเจ็บตอนแข่งนัดชิงกับเรเวนคลอเลยจับลูกสนิชไม่ได้ 

    คะแนนรวมสุดท้ายที่ออกมาเลยแพ้ให้สลิธีรินไปยี่สิบแต้ม -- เพราะควิดดิชปีนี้ไม่มีใครโกงเลยเป็นเรื่องที่คาเรนยอมรับได้แม้จะเสียดาย 

    เธอไม่ว่าหรือโกรธเพื่อนในทีมแถมยังแหกกฎแอบออกจากฮอกวอตส์ไปซื้อบัตเตอร์เบียร์ที่ฮอกส์มี้ดมาฉลองกันแบบเงียบๆ กับคนในทีม

    ที่ห้องพยาบาลด้วยเพราะวิกเตอร์ยังต้องนอนพักรักษาตัว


           เที่ยวฮอกส์มี้ดแบบเป็นทางการครั้งสุดท้ายของปีมาถึงในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤษภาคม คาเรนเข้ามาในร้านไม้กวาดสามอัน

    เพราะคิดไม่ออกว่าจะไปทำอะไรดีแต่ดันเจอกับคาเมรอนที่นั่งอยู่คนเดียวตรงเก้าอี้ที่หันหน้าเข้าหาเคาน์เตอร์ เขาเหลียวมองตามเธอ

    ก่อนออกปากเรียกคาเรนตอนที่เธอกำลังจะเดินผ่านเขาไป


           “นั่งด้วยกันหน่อยได้ไหม”


           “ชวนคนอื่นเถอะ”  


           “ไม่เอา -- ขอล่ะ จะเรียนจบแล้วเราจะดีกันสักครั้งไม่ได้เลยหรือ อีกหน่อยส.พ.บ.ส.ก็เป็นศัตรูเราด้วยกันทั้งคู่แล้ว ตอนนี้เราเลิก

    เป็นศัตรูกันสักชั่วโมงนึงเถอะ”


           “ก็ได้” คาเรนยอมนั่งลงหลังจากคิดครู่นึง “ยินดีด้วยกับถ้วยควิดดิช”


           “ขอบคุณ เป็นครั้งแรกเลยมั้งเนี่ยที่เรานั่งคุยกันแบบนี้ รู้ไหม ปีก่อนเธอทำฉันอายจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนีแต่ฉันต้อง

    เก็บอาการเอาไว้”


           “ก็ถ้านายไม่เล่นซะใหญ่โตให้สามคนนั่นมาร้องเพลงบอกรักต่อหน้านักเรียนทั้งฮอกวอตส์นายก็ไม่ต้องอายหรอก” คาเรนบอก

    พลางรับแก้วบัตเตอร์เบียร์ของตัวเองมาแล้วจ่ายเงินให้มาดามโรสเมอร์ทา


           “ใครจะไปรู้ เผื่อเธอจะชอบไง”


           “งั้นก็ดีแล้วล่ะที่เราไม่ได้คบกันเพราะนายไม่รู้เลยว่าฉันไม่ชอบอะไร”


           “เจ็บชะมัด -- แฟนเธอเป็นยังไงมั่ง”


           “ก็ดี ตอนนี้คงจะเริงร่าอยู่ที่บราซิลนั่นล่ะ เห็นว่าต้องตามติดชีวิตล็อกฮาร์ตเพราะสำนักพิมพ์ที่จะตีพิมพ์หนังสือเล่มใหม่ของเขา

    อยากได้ตัวคอลินไปถ่ายภาพเผื่อจะได้มุมมองใหม่ๆ ไม่เหมือนกับเล่มก่อน”


           “ล็อกฮาร์ตเนี่ยนะ” คาเมรอนทำหน้าเหมือนเห็นขนมปังขึ้นรา “เป็นฉันไม่รับหรอกงานนี้”


           “อือ เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นด้วยกับนาย คอลินก็บ่นอยู่หรอกแต่เห็นว่าได้เที่ยวบราซิลไปด้วยก็ยังพอหักล้างกันได้”


           “แต่ฟังดูแล้วอนาคตดูไปได้สวยเลยนี่ ฉันเองจะเป็นยังไงก็ไม่รู้”


           “จบไปนายจะทำอะไร ถ้าไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบก็ได้”


           “ฉันจะกลับบ้านเกิดที่ไอร์แลนด์ อยากลองสมัครเข้าทีมควิดดิชแต่ถ้าไม่ได้ก็อาจลองมองหางานในกระทรวงดู เธอเองก็คงจะเข้า

    โฮลี่เฮด ฮาร์ปีส์ล่ะสิ”


           “ถ้าฉันเก่งพอจะเข้าได้น่ะนะ”


           “อย่าดูถูกตัวเองไปหน่อยเลย รู้รึเปล่าว่าคนในทีมสลิธีรินบอกว่าเธอตีบลัดเจอร์โหดยังกับเฟร็ดกับจอร์จสองคนเข้าสิงในร่างเธอ 

    ฉันเองยังไม่อยากคิดว่าถ้าโดนบลัดเจอร์ที่เธอตีมาคงได้สลบไปเป็นวัน พูดถึงโฮลี่เฮด ฮาร์ปีส์ ได้ข่าวว่าจินนี่ วีสลีย์ก็อยู่ทีมนี้หนิ”


           “ใช่ จินนี่เก่งจะตาย ถ้าเธอคัดเลือกไม่ผ่านฉันก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว”


           คาเมรอนพยักหน้าเห็นด้วยเงียบๆ เพราะวันนี้เขาตั้งใจว่าจะไม่เถียงกับเธอ “ถามอะไรหน่อยสิ คาเรน ถ้าก่อนหน้านี้ฉันทำตัวดี

    กับเธอมากกว่านี้เธอจะชอบฉันบ้างได้หรือเปล่า”


           “แน่นอน”


           “หมายความว่าฉันอาจจีบเธอติดหรือ”


           “ไม่เสมอไป บอกตามตรงฉันไม่เคยคิดว่านายคิดจะจีบฉันจริงจังเลยสักนิด ใครสอนนายกันว่าให้จีบกันแบบนี้”


           “แหม บางทีคนเรามันก็มีผิดพลาดกันบ้างสิ”


           “คนชอบนายมีเยอะแยะจะตายไป”


           “แต่ไม่มีเธออยู่ในนั้น -- อย่าเพิ่งหวั่นไหวนะ ฉันไม่ได้คิดจะแย่งเธอมาจากคอลินหรอก”


           “ใครบอกว่าฉันจะหวั่นไหว ถึงนายคิดจะแย่งฉันก็ไม่ยอมให้ตัวเองไปหานายได้หรอก”


           เด็กหนุ่มยิ้มมุมปาก “ตรงเสมอต้นเสมอปลายดีแฮะ เธอน่าจะอยู่ด้วยตอนที่แม่บ่นฉันว่าทำไมฉันถึงจีบเธอไม่ติดแล้วปล่อยให้เธอ

    ไปคบกับคอลิน แม่บ่นเป็นชั่วโมงจนหูชาไปหมด”


           “งั้นนายก็น่าจะอยู่ฟังด้วยตอนที่ฉันเถียงกับแม่ฉันว่าทำไมไม่คบกับนาย”


           “แสดงว่าแม่เราสองคนรู้กันน่ะสิ”


           “คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้หรอก”


           คาเมรอนหัวเราะแห้งๆ เหมือนคนหมดแรง “บัตเตอร์เบียร์อีกแก้วไหมฉันเลี้ยงเอง ไหนๆ ก็ใกล้จะแยกย้ายกันแล้ว”


           “ตกลง งั้นฉันเลี้ยงนายเอง”


           “แบบนั้นมันก็มีค่าเท่ากันสิ”


           “มีค่าต่างกันทางใจไง นายรู้ว่าฉันเลี้ยงนาย ฉันก็รู้ว่านายเลี้ยงฉัน”


           “เข้าท่าดีนี่”


           เมื่อบัตเตอร์เบียร์สองแก้วมาวางตรงหน้า กัปตันจากต่างบ้านที่คิดว่าจะเป็นอริกันตลอดกาลก็ยกแก้วขึ้นชนกัน


           “แก้วนี้ให้กับชีวิตปีเจ็ด”


           “แล้วก็ให้กับการจับคู่ของบรรดาแม่ที่ล้มเหลว”


     

    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×