คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : 16 ll Lake
16
Lake
ใกล้จะปิดเทอมอยู่แล้วแต่สำหรับคาเรนก็ยังมิวายมีเรื่องให้ต้องอายยิ่งกว่าตอนถูกสารภาพรักด้วยเพลงจากคาเมรอนซะอีก
เมื่อฮอกวอตส์ย่างเข้าสู่ฤดูกาลสอบปลายภาคก็ยิ่งทำให้นักเรียนหลายคนเครียด คาเรนผู้เดินผ่านห้องโถงใหญ่ที่ตอนนี้
ถูกเปลี่ยนให้เป็นสนามสอบส.พ.บ.ส.ของนักเรียนปีเจ็ดพอดีและเห็นคอลินทำหน้าเครียดเลยนึกอยากให้กำลังใจ
คาเรนยิ้มพร้อมโบกมือให้คอลินน้อยๆ ตอนที่เขาเงยหน้ามาสบตาเธอพอดีพลางขยับปากบอกว่า “สู้ๆ” แต่คอลินกลับไม่เข้าใจ
เพราะมีคนบังพอดีแถมเสียงคนรอบข้างก็ดัง เธอเลยตะโกนบอกเขาแทน “สู้ๆ นะ คอ --” เสียงคาเรนแผ่วลงเพราะคนในห้องต่างเงียบกริบ
แล้วมองมาที่เธอเลยอ้ำๆ อึ้งๆ ก่อนพูดด้วยระดับเสียงปกติด้วยความอาย “คอลิน”
นักเรียนรุ่นพี่ในห้องโถงใหญ่เริ่มส่งเสียงแซวราวกับเวลาในป่ามีเสียงอะไรดังลั่นแล้วนกพร้อมใจกันกระพือปีกบินหนี
ส่งเสียงดังไปทั่วป่า แม้กระทั่งลูน่าผู้ชอบทำตัวล่องลอยยังมองคอลินแล้วอมยิ้ม ขณะที่จินนี่ก็ร่วมวงแซวไปกับคนอื่นเขาด้วย
ทำให้ลดบรรยากาศตึงเครียดที่ลอยอบอวลอยู่ในห้องไปได้เยอะ
มีผู้ชายหลายคนบ้างก็ยกศอกถองสีข้างคอลินหรือไม่ก็ชกแขนแซวเบาๆ เวลาเดินผ่าน คาเรนอายหน้าแดงจนแทบอยากสาปตัวเอง
ให้กลายเป็นปุยนุ่นแล้วปลิวไปตามลมเสียเดี๋ยวนี้ ในทางกลับกันคอลินกลับยิ้มหน้าบาน หัวใจพองโตแถมไม่รู้สึกอายสักนิด รู้สึกเหมือน
ได้กำลังใจมาเพิ่มอีกเป็นกองเลยด้วยซ้ำ
ตลอดทั้งวันนั้นคาเรนหนีไม่พ้นเสียงแซวจากคนรอบข้างไม่เว้นแม้แต่เพื่อนสนิทตัวเองอย่างโจซี่
“ถ้าเธอยังไม่เลิกแซวฉันนะโจซี่ ปีหน้าถ้าเธอได้เล่นควิดดิชฉันจะเพิ่มเวลาซ้อมให้เธออีกสองชั่วโมงแน่”
※
วินาทีที่สอบเสร็จแล้วเดินออกจากห้องสอบวิชาสุดท้ายหลังผ่านการสู้รบกับข้อสอบมาตลอดสัปดาห์อันยาวนานมีความรู้สึก
เหมือนกับยกภูเขาออกจากอก คาเรนโยนความรู้วิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์ออกไปจากหัว กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปทางประตูปราสาท
เพื่อทำสิ่งที่ตั้งใจเอาไว้ -- ทะเลสาบรออยู่ข้างหน้าแล้ว! อย่างน้อยถ้าได้ระบายทั้งความเครียดที่สะสมกันมา ความอายและความเขิน
เมื่อตอนที่ตกเป็นจุดสนใจของนักเรียนปีเจ็ดเมื่อหลายวันก่อน ทั้งยังมีความสับสนในใจที่เพิ่งผุดขึ้นมาเรื่องคอลินที่ต่อให้ตอนนี้จะเริ่ม
นับถอยหลังเจ็ดวันก่อนปิดเทอมแล้วแต่เธอก็ยังไม่กล้าบอกความรู้สึกของตัวเอง ถ้าความรู้สึกที่มันตีกันยุ่งอยู่ในใจนั้นไหลลงไป
ในทะเลสาบเย็นๆ ได้สักนิดก็ยังดี
เด็กสาวเร่งฝีเท้าวิ่งไปหาแสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านเข้ามาทางประตูทว่าข้อมือเธอกลับถูกรั้งด้วยมือของคอลิน ผู้ที่เพิ่งเดินออกมา
จากห้องโถงใหญ่
“เธอจะรีบไปไหน คาเรน”
คาเรนนิ่งไปชั่วขณะก่อนตอบด้วยเสียงหนักแน่นเมื่อข้อมือของเธอและสติกลับคืนมาอยู่กับตัวกับใจตัวเองแล้ว “ทะเลสาบ”
“เธอจะกระโดดลงทะเลสาบจริงๆ หรือ ฉันนึกว่าวันนั้นเธอพูดเล่นซะอีก” คอลินมีสีหน้าสงสัยแต่ก็ไม่ประหลาดใจเท่าไรนัก
ถ้าคนคนนี้จะทำอย่างที่ว่าขึ้นมาจริงๆ เขามองตามรุ่นน้องที่กำลังจะทิ้งเขาไปแล้วหลังจากพยักหน้าให้
แต่แล้วเธอกลับหยุดวิ่ง หันกลับมาหาเขา “สนใจไปด้วยกันไหมล่ะ” พูดจบเจ้าตัวก็หมุนตัววิ่งออกไปสู่อากาศอันบริสุทธิ์นอกปราสาท
คอลินหยุดคิดไม่ถึงหนึ่งนาที เขากระชับสายกระเป๋าออกวิ่งไปให้ทันคนข้างหน้า คว้ามือคาเรนมากุมเอาไว้แล้ววิ่งไปด้วยกัน
จนถึงริมทะเลสาบ เธอวางกระเป๋าสะพายไว้ใต้ต้นบีชใหญ่ ถอดรองเท้าแล้วกระโดดลงทะเลสาบทั้งชุดนักเรียนและถุงเท้าอย่างไม่รีรอ
ตามด้วยคอลินทำเอาน้ำกระจายเป็นแสงระยิบระยับรับกับแสงอาทิตย์สีส้ม
จินนี่กับรุ่นน้องที่เป็นสมาชิกในทีมควิดดิชต่างก็วิ่งตามมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น หญิงสาวตระกูลวีสลีย์เหล่มองโจซี่กับผู้ชายสามคนที่เหลือ
“คลายเครียดหลังสอบกันหน่อยเป็นไง”
ทั้งหมดคลี่ยิ้มก่อนทิ้งกระเป๋าแล้ววิ่งลงทะเลสาบไปตามๆ กันจนคาเรนที่เพิ่งโผล่ขึ้นมาจากน้ำยังงงว่าทำไมถึงได้มีผู้ร่วมอุดมการณ์
เพิ่มมาอีกตั้งหลายคน ไม่ใช่แค่เพื่อนในทีมควิดดิชที่เครียดจากเรื่องสอบ นักเรียนคนอื่นอีกหลายคนก็มาระบายความเครียด
ด้วยวิธีเดียวกันแม้แต่นักเรียนจากสลิธีรินก็ยังตามมาด้วย
ภารโรงของฮอกวอตส์ผู้เคร่งครัดในกฎระเบียบอย่างฟิลช์ได้แต่ยืนอ้ำๆ อึ้งๆ อ้าปากพะงาบๆ มองดูเด็กนักเรียนที่ไม่รู้
ว่าเกิดอยากเล่นพิเรนทร์อะไรขึ้นมาถึงได้วิ่งออกจากปราสาทพุ่งลงทะเลสาบกันเยอะขนาดนี้แถมสับสนงุนงงเพราะไม่รู้ว่านี่จะเรียกว่า
ผิดกฎได้ไหม
แม้แต่ลูน่าที่ดูเหมือนพร้อมทิ้งตัวลงเตียงแล้วนอนพักสักงีบยังเดินตามจินนี่มาที่ริมทะเลสาบด้วย เห็นเพื่อนๆ เล่นสนุกกันก็อยาก
เอาด้วยเลยค่อยๆ เดินลงทะเลสาบทั้งที่ยังมีรองเท้าผ้าใบสวมอยู่ พอนึกขึ้นได้ก็ถอดรองเท้ามาคว่ำเพื่อเทน้ำออกจากรองเท้าแล้วยืนแช่เท้า
อยู่แค่ริมทะเลสาบพร้อมเข้าสู่ห้วงความคิดในโลกของตัวเอง ส่วนเดนนิสวิ่งกลับขึ้นไปที่หอคอยกริฟฟินดอร์ หยิบกล้องของพี่ชาย
ออกมาถ่ายรูปเก็บเอาไว้เพราะตัวเองว่ายน้ำไม่เป็นทั้งยังมีประสบการณ์ไม่ดีกับทะเลสาบเมื่อเทอมก่อน ต่อให้นึกภาพตัวเองกระโดดตูม
ลงน้ำหลังจากเครียดเรื่องสอบว.พ.ร.ส. แจ่มชัดอยู่ในใจแต่ในความเป็นจริงแค่เข้าใกล้ริมทะเลสาบก็ไม่ค่อยกล้าแล้ว
“เรามาแข่งกันเถอะ” วิกเตอร์ ซีกเกอร์น้องเล็กว่ายน้ำมาหาคนในทีม สาดน้ำใส่พวกพี่ๆ เพื่อเรียกความสนใจ
“จะแข่งอะไร ว่ายน้ำข้ามทะเลสาบงั้นรึ” เชสเซอร์ที่ชื่อจิมมี่ถาม “อย่าท้านะ เพราะถ้าไม่ได้เป็นเชสเซอร์ที่นี่แล้วอยู่ในโลกมักเกิ้ลล่ะก็
ฉันได้เป็นนักกีฬาว่ายน้ำไปแล้ว”
“ฉันไม่ใช่ปลา แล้วนี่ก็ทะเลสาบไม่ใช่บ่อน้ำเล็กๆ” วิกเตอร์กลอกตา “เรามาแข่งกลั้นหายใจใต้น้ำกัน ใครแพ้ก่อนปิดเทอมต้องเลี้ยง
บัตเตอร์เบียร์ทั้งทีม”
“ฉันรับคำท้า” จิมมี่บอกทันที
“ฉันก็ไม่เกี่ยง” โจซี่ร่วมด้วย “ถึงฉันจะไม่โม้เหมือนจิมมี่แต่ฉันก็ไม่แพ้ใครหรอก”
จินนี่ยักไหล่ “ฉันยังไงก็ได้”
“ฉันเป็นกัปตันถ้าไม่รับคำท้าก็คงเสียหน้าน่าดู -- ตกลง”
“ฉันไนเจล เคลลี่ก็ขอเอาด้วย”
“มติเป็นเอกฉันท์ เหลือแค่คอลินที่ยังตัดสินใจไม่ได้แต่ก็ไม่มีทางปฏิเสธแล้วล่ะ” วิกเตอร์ยิ้มแฉ่ง “เอาล่ะ ฉันจะเริ่มนับแล้วนะ
ห้ามใครโกงใช้เวทมนตร์ด้วยไม่งั้นต้องเลี้ยงสองแก้ว สาม -- สอง -- หนึ่ง -- เริ่ม!”
นักเรียนเจ็ดคนยกมือบีบจมูกแล้วดำลงไปใต้น้ำไม่เว้นแม้กระทั่งคอลินที่เตรียมตัวเตรียมใจได้ช้าที่สุด เขาดำลงไปใต้น้ำที่แสงแดด
ยังคงแผดแรงกล้าส่องลงมาถึงใต้น้ำแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เห็นอะไรอยู่ดีเพราะหลับตาปี๋ไม่กล้าลืมตาขึ้นมามอง
คาเรนแอบอมยิ้มมองดูรุ่นพี่ด้วยความเอ็นดูแต่แล้วกลับรู้สึกใจหายแปลกๆ ที่ปีหน้าก็จะไม่มีเขาอยู่ที่ฮอกวอตส์ด้วยกันแล้ว
ฉับพลันนั้นก็เกิดความคิดที่แม้แต่ตัวเธอเองก็ห้ามเอาไว้ไม่อยู่ เด็กสาวว่ายน้ำเข้าไปหาคอลินเพื่อประทับจูบเบาๆ ตรงริมฝีปากคล้ายกับ
เป็นจูบลาแล้วผละออก
คอลินตกใจลืมตาโพลงขึ้นใต้น้ำก็มองเห็นดวงตาสีเขียวที่ดูเหงาๆ ของคาเรน เขาไม่ได้ฝันไปใช่ไหม เมอร์ลินคงไม่ใจร้ายให้สัมผัส
นุ่มนิ่มเมื่อกี้นี้เป็นปลาหรือตัวอะไรสักอย่างในน้ำหรอกนะ เด็กหนุ่มเลื่อนสายตามองเธอที่ส่งยิ้มให้แล้วทำท่าจะว่ายน้ำออกไปให้ห่างจากเขา
-- ครั้งนี้การกระทำตรงกับใจคาเรนแล้วและคอลินเองก็เช่นกัน เขายื่นมือไปคว้าข้อมือรุ่นน้องเอาไว้ ดึงเธอกลับมา ยกมือประคองใบหน้า
ที่เขาเฝ้ามองมานานนับปีก่อนจูบเธออย่างอ่อนโยนทว่าเนิ่นนานกว่าครั้งแรกกระทั่งคาเรนที่ตอบรับจูบของคอลินเริ่มกำเสื้อตรงอกเขา
ไว้แน่น ทั้งคู่เลยผละออกจากกันก่อนคอลินจะพาเธอโผล่ขึ้นสูดอากาศเหนือผิวน้ำ ท่ามกลางนักเรียนจากต่างบ้านที่ยังเล่นน้ำกันอยู่
อย่างสนุกสนานหรือแม้แต่คนในทีมที่ยังอึดทนกลั้นหายใจต่อได้อีกคล้ายกับลืมไปแล้วว่าใต้น้ำนี้มีปลาหมึกยักษ์อาศัยอยู่
คาเรนสำลักน้ำจนไอไปหลายทีทำเอาคอลินเป็นห่วงจับใจจนคิ้วยุ่งยิ่งกว่าตอนแข่งควิดดิชแพ้ซะอีก เขาจับผมสีบลอนด์ที่ลู่ลง
บังหน้าเธอทัดหูให้ มือนึงประคองหน้าเธอ อีกข้างจับแขนช่วยประคองตัวเธอเอาไว้ไม่ให้จมลงไปในน้ำอีก “เป็นไงบ้าง จะขึ้นฝั่งเลยไหม”
“ฉันไม่เป็นไรแล้ว” คาเรนตอบแค่นั้นและพูดอะไรไม่ออกอีกเพราะสติของเธอถูกกลืนไปพร้อมกับจูบของเขา
“แน่ใจนะ”
“ฮื่อ”
คอลินจับแขนเธอไม่ยอมปล่อย อ้าปากจะพูดแต่ก็หุบลงก่อนตัดสินใจพูดมันออกมา “ที่ฉันจูบเธอไม่ใช่อารมณ์มันพาไปเพราะว่า
เธอจูบก่อนหรืออยากแกล้งเธอ แต่เพราะฉันชอบเธอ ฉันชอบเธอจริงๆ ตอนที่ฉันบอกว่าล้อเล่น...”
“พอแล้ว ไม่ต้องพูดซ้ำเป็นรอบที่สองหรือสามฉันก็จำได้ -- คืนที่เราเผลอหลับบนอัฒจันทร์ฉันได้ยินหมดแล้ว”
“วันนั้นเธอแกล้งหลับหรอกเหรอ? ทำไมเธอไม่บอกฉัน ปล่อยให้ฉันคิดมากอยู่ตั้งนาน”
“คิดมากทำไม ก็บอกแล้วนี่ไง วันนั้นฉันกำลังสะลึมสะลือใกล้หลับอยู่แล้วแล้วนายก็พูดขึ้นมาพอดี แต่พอฟังจบฉันแค่...
ไม่รู้จะตอบยังไง”
“ถ้าเธอรู้อยู่แล้ว...แล้วเธอชอบฉันบ้างไหม”
“ถ้าฉันไม่ชอบนายแล้วฉันจะจูบนายก่อนทำไมเล่า”
“จริงเหรอ” สายตาคอลินมองเธออย่างเหม่อลอยคล้ายอยู่ในความฝัน “...เธอคิดว่าไงถ้าเราจะลอง...คบกันดู”
ทั้งสองสบตากันก่อนที่คาเรนจะพยักหน้าแล้วหลุดขำน้อยๆ “มีใครที่ไหนมาตกลงคบกันในที่แบบนี้บ้างเนี่ย”
คอลินฉีกยิ้มกว้าง ยื่นหน้าหมายจะจูบคนที่ตอนนี้สามารถเรียกได้เต็มปากว่าแฟน แต่ก็ถูกคาเรนดันหน้าเขาเอาไว้เพราะคนในทีม
ทยอยกันโผล่ขึ้นมาจากใต้น้ำ
“ฉันเห็นนะ! ตอนฉันขึ้นมาเมื่อกี้สองคนนี้กำลังเล่นหยอกล้ออะไรกันอยู่น่ะ” โจซี่ชี้นิ้วไปหาเพื่อนสนิทของเธอสลับกับคอลิน
วิกเตอร์ใช้ศอกกระทุ้งสีข้างคอลิน “อะไรกันน่ะ มีจับแขนกันด้วย”
คอลินปล่อยมือที่จับคาเรนทันที ทั้งคู่ส่งสายตาคุยกันแบบเก็บอาการแล้วตกลงกันว่าจะไม่บอกอะไรพวกนี้แม้ไม่ได้พูดออกมาสักคำ
“เปล่านี่ ฉันเห็นกัปตันสำลักตอนขึ้นมาก็เลยช่วยประคอง -- ก็แค่นั้น -- เนอะ”
“ใช่ ไม่งั้นฉันคงจมน้ำไปแล้วแต่ไม่ต้องห่วง ฉันสบายดี”
จินนี่พยักหน้าหงึกหงัก “สรุปใครขึ้นเป็นคนแรก”
“ฉันเอง” คอลินตอบทันทีพลางมองให้คาเรนช่วยออกเสียงสนับสนุนความคิดนี้
“ใช่ เขาว่างั้นก็ต้องตามนั้นแหละ”
“งั้นคอลินเป็นคนเลี้ยงบัตเตอร์เบียร์!” วิกเตอร์ตะโกนด้วยความดีใจก่อนใช้มือกวักน้ำสาดใส่เพื่อนในทีมด้วยความสนุกเกินเหตุ
ทำให้น้ำกระเด็นไปโดนคนที่ลงน้ำมาแต่เท้าอย่างลูน่าเต็มๆ
จินนี่รีบบอกขอโทษเพื่อนต่างบ้านแทนวิกเตอร์ทันที “ขอโทษนะ ลูน่า”
“ไม่เป็นไร” เสียงฝันๆ ตอบกลับมา “ฉันว่าแบบนี้มันก็เย็นดี”
ไกลออกไปเดนนิสกำลังกดชัตเตอร์รัวๆ แล้วชูนิ้วโป้งให้พี่ชาย ไกลออกไปแถวปราสาทคือคาเมรอนกับกลุ่มเพื่อนยืนกอดอกมองดู
เหตุการณ์อยู่ห่างๆ ถึงคาเมรอนจะไม่ได้อยู่ใกล้จนได้ยินคาเรนกับคอลินคุยกันแต่เขาก็พอเดาสถานการณ์ออก วินาทีนั้นเขารู้แล้วว่า
ถ้าตัวเองเข้าหาคนที่ชอบแบบผิดวิธีสุดท้ายก็ต้องลงเอยด้วยอาการเจ็บแปลบๆ ที่หัวใจแบบเลี่ยงไม่ได้...
คืนวันนั้นหลังกลับมาจากห้องโถงใหญ่ด้วยท้องที่อิ่มแปล้เพราะกินมื้อเย็นเสร็จ นักเรียนกริฟฟินดอร์หลายคนยังคงอ้อยอิ่ง
นั่งร่วมวงสนทนากันจนลืมไปแล้วว่าก่อนหน้านี้ร่างกายนั้นร่ำร้องถึงแต่เตียงกับหมอนนุ่มๆ และเวลานี้ควรจะเข้านอนได้แล้ว
เดนนิสมานั่งร่วมวงกับจินนี่ โจซี่แล้วก็คาเรนที่ยังคุยกันถึงควิชดิชทีมหญิงล้วนกับผลการแข่งในฤดูกาลที่ผ่านมา เด็กหนุ่มหนึ่งเดียว
หันไปมองคนนู้นทีคนนี้ทีด้วยความสนใจโดยไม่ปริปากพูดอะไรเลยเพราะความรู้เรื่องควิดดิชระดับทีมชาตินั้นน้อยเต็มที
พอจินนี่หันมาถามเดนนิสถึงคอลิน เขาก็ยืดตัวตรงเตรียมพร้อมเล่าให้ฟังด้วยแววตาท่าทางภูมิใจในตัวพี่ชาย
“ก่อนที่ฉันจะลงมานี่ฉันไปอ่านจดหมายที่ส่งมาทาบทามพี่คอลินให้ไปทำงานด้วยมา -- แทบทุกฉบับบอกว่าเห็นผลงานการถ่ายรูป
ของพี่คอลินก็เลยติดต่อมา มีอีฟนิ่งพรอเฟ็ตเขียนมาบอกว่ายินดีร่วมงานด้วยถ้าพี่คอลินอยากไปถ่ายงานประเภทที่ดูน่าตื่นเต้น
แล้วก็มีจากคอลัมน์แนะนำผู้วิเศษรายวันที่กำลังดังในช่วงนั้นๆ ของเดลี่พรอเฟ็ต ไหนจะนิตยสารแม่มดรายวันที่เขียนจดหมายใส่ซองสีชมพู
ที่ติดต่อให้ไปถ่ายรูปลงคอลัมน์เวทมนตร์น่าทึ่งสำหรับแม่บ้าน อ้อ! มีเดอะ ควิบเบลอร์ของครอบครัวเลิฟกู๊ดด้วยนะ คุณเลิฟกู๊ดเขาส่ง
เดอะ ควิบเบลอร์มาให้ด้วยฉบับนึงแล้วก็เขียนมาถามพี่คอลินว่าสนใจไปถ่ายรูปสำหรับลงในคอลัมน์สัตว์แปลกสุดมหัศจรรย์ไหม
เพราะคนที่ทำงานก่อนหน้านี้เพิ่งเดินตกบ่อที่มีแต่หนอนฟลอบเบอร์แล้วเกิดช็อคจนต้องพักรักษาตัวที่เซนต์มังโกตอนนี้เลยขาดคน”
“เนื้อหอมจังเลยนะ ฉันเองก็อยากมีงานมาเสนอให้ถึงที่ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบแบบเป็นทางการแบบนี้บ้างจัง” โจซี่รำพึงถึงตัวเองในอีก
หนึ่งปีข้างหน้าพอดีกับที่คอลินลงจากห้องนอนมาพอดีแล้วนั่งลงที่โซฟาตรงข้ามกับคาเรนที่มองเขาตาไม่กะพริบ
“ดูเหมือนว่าพอจบออกไปแล้วงานคงจะแน่นน่าดูเลยเนอะ”
คอลินหันขวับมองน้องชาย “ตอนที่พี่ไม่อยู่นายมาพูดอะไรให้พวกเขาฟังน่ะ”
“นิดหน่อยเอง ใช่ไหมคาเรน”
“ฮื่อ ก็แค่บอกว่ามีที่ไหนที่มาทาบทามให้นายไปร่วมงานด้วยบ้างแบบไม่ขาดตกบกพร่องสักที่เดียว ฉันไม่แปลกใจเลยที่มันเยอะ
ขนาดนั้น ตกลงว่านายเลือกจะทำที่ไหนเหรอ”
“ฉันเองก็ไม่รู้หรอก ยังไม่ได้คิดแบบจริงจังเลย -- แต่ฉันมั่นใจว่าต่อให้มีงานรัดตัวแค่ไหนฉันก็จะหาทางติดต่อกับเธอให้ได้
แล้วก็ปีหน้าจะมาดูควิดดิชนัดเปิดสนามระหว่างกริฟฟินดอร์กับสลิธีรินด้วย”
“แหม” เดนนิสลากเสียงยาว “ไม่ค่อยจะเห่อแฟ...” เขากำลังจะพูดต่อให้จบประโยคแต่ก็ถูกคอลินขัดขึ้นมาซะก่อน
“เดนนิส แม่บอกให้นายเขียนจดหมายไปหาทันทีหลังจากสอบเสร็จไม่ใช่หรือ เขียนส่งไปหรือยัง”
เดนนิสดีดตัวลุกพรวดขึ้น “เออ! ลืมไปเลย พี่คอลิน ฉันขอยืมกระดาษกับปากกาของพี่หน่อยนะ แล้วคืนนี้พี่ก็อย่าคุยนาน
จนลืมนอนล่ะยังมีเวลาว่างอีกตั้งอาทิตย์นึงเต็มๆ ไม่งั้นฉันจะเขียนไปบอกแม่ว่าพี่...”
“เสาร์นี้พี่จะเลี้ยงบัตเตอร์เบียร์คนในทีม นายจะไปด้วยไหม”
“ไม่พลาดแน่นอน”
“งั้นตอนนี้ก็เขียนจดหมายหาแม่ซะ” แล้วคอลินก็ขยับปากพูดแบบไม่ออกเสียงทิ้งท้ายให้น้องชายว่า “แล้วอย่าปริปากพูดอะไรอีก”
“ได้เลยพี่ชาย!” ว่าแล้วเดนนิสก็วิ่งขึ้นบันไดไปทางฝั่งหอนอนชายอย่างร่าเริงทิ้งให้จินนี่กับโจซี่แอบส่งสายตาหากัน
พี่น้องคู่นี้ต้องมีอะไรแน่ๆ...
และพอหันไปมองคาเรนก็ไม่ยอมสบตากับพวกเธออีก...นี่ก็มีพิรุธอีกคน
※
ร้านไม้กวาดสามอันเป็นที่หลบอากาศร้อนอบอ้าวของฤดูร้อนข้างนอกได้เป็นอย่างดี ตามที่ตกลงกันไว้ว่าคอลินจะเป็นคนเลี้ยง
บัตเตอร์เบียร์ให้กับเพื่อนในทีมควิดดิชเพราะเล่นเกมแพ้โดยไม่รู้เลยว่าพวกคนในทีมแอบใช้เวทมนตร์ให้อยู่ในน้ำได้นานขึ้นเผื่อว่าเขา
กับคาเรนจะได้มีเวลาคุยกันสองคน
ช่วงสายๆ ในวันหยุดเขากับทุกคนเลยเข้ามาที่ร้านไม้กวาดสามอันพร้อมกับสั่งบัตเตอร์เบียร์เก้าแก้วตามจำนวนคนในทีม
ที่บวกน้องชายกับลูน่าเพื่อนรักเพิ่มมาด้วย
คอลินเสนอให้นั่งโต๊ะยาวเพราะจะได้นั่งด้วยกันทุกคนทว่าจินนี่กับโจซี่ไม่เห็นด้วย พวกเธอให้คอลินกับคาเรนแยกตัวไปนั่งด้วยกัน
“ตกลงกันให้เรียบร้อยล่ะ ที่ใต้ทะเลสาบวันนั้นมีพยานรู้เห็นอีกตั้งห้าคนนะ บอกไว้เผื่อไม่รู้” จินนี่บอกพลางขยิบตาให้ คนอื่นในทีม
ก็ยิ้มตามแถมยังแซวคู่หูบีตเตอร์ที่หน้าเริ่มขึ้นสีน้อยๆ
คอลินชำเลืองมองเห็นคาเรนที่หลบสายตาทุกคนด้วยความเขินก็ผุดยิ้ม งั้นเขาจะเป็นคนบอกเอง “อ้อ งั้นฉันคงต้องบอกว่า
เราตกลงคบกันตั้งแต่วันนั้นที่ทะเลสาบแล้ว...บอกไว้เผื่อพวกเธอไม่รู้”
เสียงแซวนั้นเงียบลงทันควัน
“เมอร์ลินเป็นพยาน! รู้งี้เราน่าจะเอาเวลาเขินอยู่ใต้น้ำขึ้นมาดู เอ้ย...เป็นพยานตอนสองคนนี้ตกลงคบกันซะก็ดี!!”
※
- Talk -
หลังจากที่คอลินพลาดไปสองรอบ ในที่สุดก็คบกันสักที! ขอโทษที่ตอนนี้มาช้านะคะ ช่วงนี้มีหลายเรื่องเรื่องหลายราวเหลือเกิน
จนแต่งไม่ค่อยออกเลยค่ะต่อให้มีพล็อตหมดแล้วก็ตาม ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอีกสามตอนจะจบแล้วเน่อ
ดูแลรักษาสุขภาพแล้วมาอยู่ด้วยกันจนจบเลยน้า ^^
ความคิดเห็น