ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] Captain [Colin x OC] [END]

    ลำดับตอนที่ #15 : 15 ll Sunrise

    • อัปเดตล่าสุด 27 มิ.ย. 64



    15


    Sunrise



           บนเตียงผู้ป่วยในห้องพยาบาลมีคอลินเป็นผู้ป่วยคนเดียวจากควิดดิชนัดชิง เพราะพักผ่อนน้อยแถมอยู่ๆ ยังโหมซ้อมควิดดิช

    หนักเกินจนร่างกายรับไม่ไหว มาดามพอมฟรีย์เลยสั่งเด็ดขาดให้เขานอนพักที่นี่ก่อนหนึ่งคืนโดยไม่ให้ใครเข้าเยี่ยมหรือแม้แต่มีแมลง

    เล็ดลอดเข้ามาแม้แต่ตัวเดียว


           ทำให้เช้าวันอาทิตย์ทั้งห้องพยาบาลจึงเต็มไปด้วยนักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์ที่แอบย่องเข้ามา เพราะสมาชิกในทีมอยู่ไม่ครบ

    งานเลี้ยงฉลองที่ได้ถ้วยรางวัลเลยถูกเลื่อนทั้งเวลาและสถานที่...


           ถ้าคุยกันด้วยเสียงปกติคงได้โดนมาดามพอมฟรีย์ออกมาไล่ก่อนที่จะได้กระดกขวดบัตเตอร์เบียร์แน่ เพื่อนร่วมบ้านนับหลายสิบชีวิต

    เลยยืนซุบซิบกันแบบเงียบๆ พร้อมบัตเตอร์เบียร์คนละขวดในมือ


           คาเรนชะโงกหน้าดูคอลินใกล้ๆ ดูวี่แววว่าเขาใกล้จะตื่นแล้วหรือยัง ทว่าเพื่อนในทีมกลับชูขวดบัตเตอร์ในมือตะโกนเสียงดังลั่นห้อง

    ราวกับจะแกล้งกัน นักเรียนหลายคนก็ชนขวดกันพลางดื่มบัตเตอร์เบียร์


              “ดื่มให้กับกริฟฟินดอร์! -- กริฟฟินดอร์! กริฟฟินดอร์! กริฟฟินดอร์!!


           คอลินสะดุ้งเฮือกดีดตัวลุกพรวดขึ้นจากหมอน หน้าผากชนเข้ากับหน้าผากคาเรนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเหมือนกันหนำซ้ำเธอยังไม่รู้ด้วย

    ว่าเจ้าพวกรุ่นน้องผู้ชายสามคนในทีมจะมาตะโกนเอาตอนนี้


           คอลินกวาดตามองรอบห้องหน้าตาตื่น รู้สึกเจ็บตุบๆ ตรงหน้าผากอยู่หรอกแต่ตอนนี้เขากำลังงงมากกว่าว่าเกิดอะไรขึ้น 

    ขณะที่คาเรนงอตัวยกมือกุมหน้าผากพร้อมสบถในใจ


           “อะไรกันน่ะ ทำไมทุกคนอยู่ที่นี่”


           คาเรนยืดตัวขึ้น ปล่อยมือออกจากหน้าผากเผยให้เห็นรอยแดงเป็นจ้ำ “ก็มาฉลองที่เราชนะได้ถ้วยรางวัลน่ะสิ”


           “เราได้ถ้วยทั้งทีก็ต้องมาฉลองกันให้ครบทั้งทีมจริงไหมล่ะ”


           วิกเตอร์ ซีกเกอร์น้องเล็กของทีมผู้ยกลังที่ใส่บัตเตอร์เบียร์เดินมาใกล้เตียงผู้ป่วยพลางหยิบบัตเตอร์เบียร์ยื่นส่งให้คอลินขวดนึง


           “ไปเอาบัตเตอร์เบียร์ตั้งเยอะขนาดนี้มาจากไหนกัน”


           “อภินันทนาการจากเฟร็ดกับจอร์จ” คาเรนตอบคอลินแทนวิกเตอร์ที่ไปตระเวนแจกให้คนอื่นต่อ “ที่จริงพวกเขาจะให้ดอกไม้ไฟวีสลีย์

    มาด้วยแต่โดนจินนี่ห้ามเอาไว้ก่อน”


           “ก็แน่ล่ะ” จินนี่เสริม “ไม่งั้นฉลองเสร็จเราต้องอยู่เก็บกวาดซากความเสียหายในห้องนี้ก่อนแน่”


              มาดามพอมฟรีย์เพิ่งออกมาจากห้องของเธอเพราะเสียงเอะอะโวยวาย เห็นนักเรียนเต็มห้องพยาบาลที่ควรจะเงียบสงบก็ลมแทบจับ 


              “นี่ - มัน - อะ - ไร - กัน?!” เธอยกมือทาบอก เหลือบมองพยาบาลคนอื่นๆ อย่างต้องการคำตอบแต่พวกเธอกลับไม่มีใคร

    กล้ามองตากลับมาสักคน


           ส่วนนักเรียนบ้านสิงห์ต่างก็ยกบัตเตอร์เบียร์ขึ้นดื่มรวดเดียวแล้วรีบทยอยพากันวิ่งหนีออกจากห้องพยาบาล


           คาเรนยัดช็อกโกแลตใส่มือคอลินที่ยังตั้งตัวไม่ถูก “จะได้ดีขึ้นเร็วๆ” เธออ้าแขนจะกอดเขาแทนการขอบคุณที่โหมซ้อมหนัก

    เพื่อควิดดิชจนเป็นลมแต่ก็เกิดลังเลก่อนเปลี่ยนเป็นตบไหล่เบาๆ แทน “ถ้วยรางวัลนั่นเราในทีมคุยกันแล้วว่าจะให้นายยืมมาดูคนเดียวก่อน

    แทนดอกไม้เยี่ยม พอหายแล้วค่อยเอาไปไว้ที่ห้องนั่งเล่นรวมแล้วก็...พักผ่อนเยอะๆ นะ” พูดจบเธอก็วิ่งเลี่ยงมาดามพอมฟรีย์

    ที่กำลังหน้าแดงจัดตามคนอื่นออกไป


              แต่แล้วก็มีเดนนิสที่วิ่งตึกตักย้อนกลับมาจับไหล่พี่ชาย มองด้วยแววตาเลื่อมใส “ไม่มีใครเจ๋งเท่าพี่แล้ว พ่อเราจะต้องภูมิใจที่รู้ว่า

    พี่ทุ่มสุดตัวจนเป็นลมตอนแข่งควิดดิชเสร็จ พี่คอลิน -- ไปก่อนนะ!


           พอทุกคนออกไปภายในห้องก็เงียบเหมือนกับหูกำลังอื้อไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง คอลินเหล่มองมาดามพอมฟรีย์ที่มองตาเขียว 

    เขายิ้มแหยๆ ให้พลางชูบัตเตอร์เบียร์ในมือให้เธอดู


           “ผมดื่มได้ใช่ไหมครับ”


              เธอหรี่ตามองคนบนเตียง พ่นลมออกทางจมูก “เชิญ!”  



           หลังจากร่างกายคอลินกลับมาแข็งแรงดังเดิม ถ้วยรางวัลก็ถูกวางประดับสวยๆ อยู่ในห้องนั่งเล่นรวมเรียบร้อย


           สอบปลายภาคขยับเข้าใกล้ขึ้นมาทุกวัน แต่คนในทีมควิดดิชบ้านกริฟฟินดอร์กลับอาลัยอาวรณ์ไม่อยากให้ควิดดิชหายไปจากชีวิต

    ตอนนี้ เย็นวันหนึ่งเลยนัดกันมาเล่นควิดดิชด้วยกันเป็นนัดทิ้งทวนให้โดยเฉพาะจินนี่กับคอลินที่กำลังจะเรียนจบออกไป


           ความมืดโรยตัวลงมาตอนที่เลิกเล่นกันแล้ว ทุกคนไปเปลี่ยนชุดที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าข้างสนามด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ


           “คอลินล่ะ” คาเรนถามเพื่อนในทีม


           “อยู่กลางสนาม เห็นว่าคืนนี้มีฝนดาวตก คงรอถ่ายรูปอยู่ละมั้ง” จินนี่บอกขณะเช็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นเต็มหน้า “เธอลองไปดูสิ 

    ยังเหลือเวลาอีกเป็นชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาห้ามออกนอกหอคอย แต่ฉันไม่ไปหรอก เหนียวตัวอยากอาบน้ำจะแย่แล้ว”


           “ฉันก็มีการบ้านที่ต้องทำ อิจฉาเธอชะมัดที่ไม่ต้องทำการบ้านวิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์” โจซี่ตอบทันทีที่เห็นคาเรนมองมา


           “แต่ฉันก็ยังมีวิชาอื่นรออยู่นะ”


           “เทียบกับเรียงความที่ต้องเขียนอีกยาวเป็นพรืดของฉันได้ที่ไหนกัน...เธอยังมีเวลาเหลือเฟือ ฉันเองก็อยากดูดาวตกเหมือนกันนะ 

    น่าเสียดาย”


           วิกเตอร์กับผู้ชายอีกสองคนโบกมือเป็นพัลวันให้กัปตัน “พวกเราก็ง่วงแล้ว”


           คาเรนหรี่ตาจับพิรุธ ทำไมเจ้าพวกนี้ถึงได้เข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยกันขนาดนี้ “พวกนายรู้ได้ไงว่าต่างคนต่างง่วงเหมือนกัน”


           “ฉันได้ยินพวกนี้คุยกันตอนเดินเข้ามาอยู่นะ” จินนี่ช่วยออกโรงให้ พวกน้องๆ พากันถอนหายใจอย่างโล่งอก “เขาว่ากันว่าคืนนี้

    จะมีฝนดาวตกเป็นคืนสุดท้ายของปีด้วย ยังไงวันนี้ของปีหน้าก็ไม่เหมือนกับปีนี้อยู่แล้ว ถ้าเธอยังไม่ง่วงจะออกไปดูก็ไม่เสียหายอะไรนี่นา 

    จริงไหม” เธอหันไปถามความเห็นกับสี่คนที่เหลือ


              “ช่ายย!


           เพราะถูกยุหรือไม่คงต้องมีอะไรมาดลใจให้ท้ายที่สุดคาเรนก็เลือกกลับเข้ามาในสนาม เด็กสาวเดินมาหยุดอยู่กลางสนามพร้อม

    ม้กวาดในมือแต่ไร้วี่แววคอลิน เธอกำลังจะเดินกลับอยู่แล้วถ้าไม่ติดว่ามีแสงแฟลชสว่างขึ้นมา


           “ฉันอยู่นี่” เสียงคอลินเรียกมาจากบนอัฒจันทร์ โบกมือสุดแขนให้กัปตันสาว “บนนี้มองเห็นดาวชัดดีนะ -- นึกว่าเธอจะไม่มาซะแล้ว” 

    เขาผละออกจากกล้องมาพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มกับคาเรนที่เพิ่งขี่ไม้กวาดขึ้นมาบนอัฒจันทร์


           “ก็พวกนั้นพูดอย่างกับว่าถ้าฉันไม่มาดูดาวตกแล้วจะพลาดอะไรในชีวิตไปยังงั้นแหละ มีดาวตกสักดวงบ้างหรือยัง”


              “ดาวตก? อ้อ! ฉันเพิ่งเห็นดวงเดียวเอง แต่เดี๋ยวก็คงมีอีกล่ะมั้ง มานั่งก่อนสิ” คอลินตบเก้าอี้ข้างตัวแปะๆ ซึ่งคาเรนก็ยอมมานั่งด้วย

    อย่างว่าง่าย


           คืนนี้ดวงดาวระยิบระยับทั่วฟ้าสีดำราวกับมีคนมาเทหมึกแล้วโรยทับด้วยกากเพชรสีเงิน แค่ได้มองก็รู้สึกใจสงบแล้วเพียงแต่คาเรน

    ยังไม่เห็นดาวตกเลยแม้แต่ดวงเดียวนับตั้งแต่นั่งมาหนึ่งชั่วโมงเต็ม


           “เชื่อไหม สนามควิดดิชเป็นเหมือนพื้นที่ปลอดภัยของฉันไปแล้ว” อยู่ๆ คอลินก็พูดขึ้นและคาเรนก็ไม่ได้ขัดอะไรเพียงแค่นั่งฟังต่อไป

    แบบเงียบๆ “ตอนแรกฉันคุ้นเคยกับบนอัฒจันทร์มากกว่า แต่ตอนนี้ฉันชินกับสนามไปด้วยแล้วเพราะเป็นคนแข่งควิดดิชซะเอง 

    ใจหายเหมือนกันนะที่วันที่เดียวกันนี้ของเดือนหน้าฉันก็ไม่ใช่นักเรียนฮอกวอตส์อีกแล้ว...ฉันเพิ่งรู้ตัวว่าฉันรักฮอกวอตส์มากขนาดไหน

    ก็ตอนนี้เอง”


           ฮอกวอตส์...ที่ที่ทำให้เจอเพื่อน เจอสิ่งที่ชอบจากตอนแรกที่ถ่ายรูปเพราะอยากให้พ่อกับแม่ดูว่าโลกเวทมนตร์เป็นยังไง

    แต่พอมาตอนนี้กลับกลายเป็นสนใจการถ่ายรูปจริงๆ จนเป็นงานอดิเรก แล้ววันดีคืนดีการถ่ายรูปก็ทำให้เลนส์ไปโฟกัสเด็กสาวผมสั้น

    สีบลอนด์คนนึงจนตกหลุมรักแล้วพาให้เขามาเล่นควิดดิชได้ถึงทุกวันนี้ -- ความรู้สึกที่ใจมันหวิวๆ เป็นแบบนี้นี่เอง


           “อย่างน้อยก็ยังดีที่นายรู้ตัวทันว่ารักฮอกวอตส์ก่อนจะจบออกไปจริงๆ”


           “ถูกของเธอ ฉันดีใจที่เธอมานั่งดูดาวด้วยกัน ตอนแรกฉันคิดอยู่ตั้งนานว่าทำยังไงเธอถึงจะยอมออกจากหอคอยกริฟฟินดอร์ 

    ได้นั่งดูดาวกับกัปตันถือเป็นเกียรติอย่างนึงในชีวิตเลยว่าไหมล่ะ”


           “นายคิดงั้นหรือ”


           “ฮื่อ”


           “อย่าบอกนะว่านายเป็นตัวตั้งตัวตีอยากเล่นควิดดิชนัดทิ้งทวนนี่”


           “จะว่าอย่างงั้นก็ไม่ผิด แต่คนอื่นในทีมอยากเล่นควิดดิชเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอฉันถามก็ตอบตกลงมาเลยส่วนเรื่องดูดาวนี่เพราะฉัน

    รู้ว่าถ้าฉันชวนเธอตรงๆ แล้วเธอคงไม่มีทางมากับฉันแน่เลยได้พวกนั้นช่วยพูดแทน”


           “ก็ไม่แน่นะ”


           “เธอจะมาหรือ”


           คาเรนชะงักก่อนเปลี่ยนเรื่องคุย เลื่อนสายตาจากใบหน้าด้านข้างของคอลินกลับไปที่ท้องฟ้า 


           “นายจำผิดวันรึเปล่า ยังไม่เห็นมีดาวตกเลยสักดวง”


           เมื่อเห็นว่าคนข้างตัวตั้งใจเปลี่ยนเรื่องคอลินก็เปลี่ยนเรื่องกลับบ้าง “วันเสาร์นี้ว่างไหม ไปดื่มบัตเตอร์เบียร์ที่ฮอกส์มี้ดกัน”


           ถามจบก็ถึงเวลาลุ้นระทึก ทุกวินาทีที่คาเรนเงียบไปก็ยิ่งทำให้คอลินอยู่ไม่สุข ขอร้องล่ะช่วยตอบเร็วๆ หน่อยได้ไหม...


           “ตกลง”


           คอลินค่อยๆ หลุดยิ้มออกมาทว่าพอเผลอสบตากันกลับหุบยิ้มลงต่างฝ่ายต่างเลิ่กลั่ก คาเรนลุกขึ้นกระโดดลงไปตรงที่นั่งที่ต่ำลงไป

    สองขั้นแล้วนอนลง คอลินเองก็เอนตัวลงนอนหงายมองดูท้องฟ้าเช่นกัน


           “อีกสองอาทิตย์จะสอบแล้ว เรากำลังทำอะไรกันอยู่นะ”


           “ทำให้สมองปลอดโปร่งไง” คาเรนตอบพลางอ้าปากหาว “อ่านหนังสือของปีเจ็ดคงหนักน่าดู”


           “หนักไม่ต่างจากซ้อมควิดดิชเลยแหละ”


           เด็กสาวถอนหายใจ เด็กปีหกเองก็มีการบ้านเยอะแถมเรียนหนักไม่ต่างจากปีเจ็ดเท่าไรหรอก แค่ตอนนี้การบ้านวิชาการป้องกันตัว

    จากศาสตร์มืดกับวิชาปรุงยาก็แทบจะอ้อนวอนขอให้เธอทำให้เสร็จสักที “อยากให้ถึงวินาทีที่สอบวิชาสุดท้ายเสร็จจัง”


           “ถึงตอนนั้นเธอจะทำอะไร”


           “วิ่งลงทะเลสาบ”


           “ล้อเล่นน่า”


           “ทำไมจะต้องล้อเล่นด้วยล่ะ”


           “เธอจะโดดจริงหรือ”


           “คอยดูก็แล้วกัน”


           คอลินนอนหนุนมือที่ประสานกันไว้ตรงท้ายทอย มองคาเรนที่อยู่ขั้นต่ำกว่าเขาลงไปสองขั้น “ได้เลย ฉันจะคอยดู”


           ความเงียบลงมาปกคลุมระหว่างคนทั้งสอง ทั้งที่มีเรื่องให้อยากพูดเต็มไปหมดแต่ทั้งคู่กลับเลือกที่จะเงียบปล่อยให้เวลาผ่านไป

    แต่ก็ยังอุ่นใจเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายยังอยู่ด้วยกันตรงนี้ ราวครึ่งชั่วโมงผ่านไปโดยไม่มีดาวตกลงมาสักดวง มีแต่ลมพัดเย็นสบายที่ช่วยบรรเทา

    ไอร้อนของหน้าร้อนไปได้บ้าง


           แต่แล้วความเงียบกลับทำให้คอลินว้าวุ่นใจจนไม่อาจเก็บคำพูดในใจได้อีกต่อไปเลยเปิดปากบอกความรู้สึกกับรุ่นน้องจนหมด


           “ฉันชอบเธอคาเรน ชอบจริงๆ ไม่ได้ล้อเล่น ที่จริงฉันก็ไม่ได้ล้อเล่นตั้งแต่ตอนแข่งควิดดิชกับฮัฟเฟิลพัฟแล้ว อันที่จริงคืนนี้ไม่ได้มี

    ดาวตกอะไรหรอก” เขาสูดหายใจเข้าลึกแล้วหายใจออกราวกับสูดลมมาหมดทั้งตัว “ถ้าเธอไม่ได้คิดเหมือนกันก็บอกมาตรงๆ เหมือนตอน

    วันวาเลนไทน์มาเลยก็ได้ ฉันว่าฉันน่าจะทำใจได้ในเร็ววันนี้นี่แหละ” เขาหันมองคาเรนก็ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ เพราะเธอหลับไปตั้งแต่เมื่อไร

    ก็ไม่รู้ ปล่อยให้เขาพูดอยู่คนเดียวได้ตั้งนาน


              คอลินนอนตะแคงตั้งแขนเอามือยันขมับมองอย่างไม่อยากเชื่อตัวเอง กว่าจะรวบรวมความกล้าบอกเธอไม่ใช่แค่สองสามนาทีนะ! 

    ยังดีที่อย่างน้อยก็ยังตอบตกลงจะไปฮอกส์มี้ดด้วยกัน พอเห็นว่าเธอหลับไปจริงๆ ก็เอนตัวกลับมานอนหงายเหม่อมองดูท้องฟ้า

    ที่เต็มไปด้วยแสงระยิบระยับ การบอกชอบรอบที่สองผ่านไปแล้วแบบไม่มีคำตอบกลับมา ตอนนี้เรื่องที่เขาต้องคิดแบบจริงจังได้แล้ว

    คือสอบในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า ส่วนเรื่องบอกชอบ...ให้ผ่านช่วงสอบไปก่อนค่อยคิดอีกทีก็แล้วกัน -- จะว่าไปก็เริ่มง่วงเหมือนกันแฮะ


           คืนนั้นแทนที่จะได้นอนหลับสบายบนเตียงนุ่มๆ นักดูดาวทั้งสองกลับผล็อยหลับไปบนอัฒจันทร์ในสนามควิดดิชจนถึงรุ่งเช้า

    และวิ่งหน้าตื่นกลับปราสาทไปด้วยกัน...


           สุดท้ายนัดบัตเตอร์เบียร์ที่ตั้งตารอก่อนไปเครียดกับวันสอบก็ต้องมีอันล่มเพราะคอลินดันลืมไปว่าตัวเองมีนัดไปคุยกับศาสตราจารย์

    มักกอนนากัลเรื่องอาชีพและการสอบส.พ.บ.ส. พอกลับมาถึงห้องนอนก็หมดเวลาไปฮอกส์มี้ดทำเอาซึมเป็นผักต้ม ต้องลำบากเดนนิส

    มาช่วยนั่งปลอบเป็นชั่วโมงกว่าจะกลับมาร่าเริงได้



           สองอาทิตย์ถัดมาฮอกวอตส์ก็ย่างเข้าฤดูแห่งการสอบปลายภาคหลังเกมควิดดิชจบลง เช้าวันนี้คอลินมีสอบส.พ.บ.ส. ภาคทฤษฎี 

    เด็กหนุ่มเดินวนหาโต๊ะที่นั่งสอบอยู่ในห้องโถงใหญ่ด้วยความกังวลเรื่องข้อสอบว่าจะตรงกับที่อ่านมาไหมจนเลยที่นั่งเขาไปไกล 

    ก่อนเดินย้อนกลับมาแถวกลางห้องเพราะจินนี่เป็นคนชี้บอกตำแหน่งให้


           นักเรียนปีเจ็ดยังเข้ามากันไม่ครบทำให้ประตูห้องโถงใหญ่ยังเปิดอ้าอยู่ สายตาคอลินเลยไปประสานเข้าพอดีกับดวงตาสีเขียว

    ที่ทำให้เขาใจเต้นตั้งแต่แรกเห็น


           คาเรนยิ้มพร้อมโบกมือให้เขาน้อยๆ พลางขยับปากบอกว่า “สู้ๆ” แต่คอลินกลับไม่เข้าใจเพราะมีคนบังพอดีแถมเสียงคนรอบข้างก็ดัง 

    เธอเลยตะโกนบอกเขา “สู้ๆ นะ คอ --” เสียงคาเรนแผ่วลงเพราะคนในห้องต่างเงียบแล้วมองมาที่เธอเลยอ้ำๆ อึ้งๆ ก่อนพูดด้วยระดับเสียง

    ปกติด้วยความอาย “คอลิน”


     

    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×