คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : 15 ll Sunrise
15
Sunrise
บนเตียงผู้ป่วยในห้องพยาบาลมีคอลินเป็นผู้ป่วยคนเดียวจากควิดดิชนัดชิง เพราะพักผ่อนน้อยแถมอยู่ๆ ยังโหมซ้อมควิดดิช
หนักเกินจนร่างกายรับไม่ไหว มาดามพอมฟรีย์เลยสั่งเด็ดขาดให้เขานอนพักที่นี่ก่อนหนึ่งคืนโดยไม่ให้ใครเข้าเยี่ยมหรือแม้แต่มีแมลง
เล็ดลอดเข้ามาแม้แต่ตัวเดียว
ทำให้เช้าวันอาทิตย์ทั้งห้องพยาบาลจึงเต็มไปด้วยนักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์ที่แอบย่องเข้ามา เพราะสมาชิกในทีมอยู่ไม่ครบ
งานเลี้ยงฉลองที่ได้ถ้วยรางวัลเลยถูกเลื่อนทั้งเวลาและสถานที่...
ถ้าคุยกันด้วยเสียงปกติคงได้โดนมาดามพอมฟรีย์ออกมาไล่ก่อนที่จะได้กระดกขวดบัตเตอร์เบียร์แน่ เพื่อนร่วมบ้านนับหลายสิบชีวิต
เลยยืนซุบซิบกันแบบเงียบๆ พร้อมบัตเตอร์เบียร์คนละขวดในมือ
คาเรนชะโงกหน้าดูคอลินใกล้ๆ ดูวี่แววว่าเขาใกล้จะตื่นแล้วหรือยัง ทว่าเพื่อนในทีมกลับชูขวดบัตเตอร์ในมือตะโกนเสียงดังลั่นห้อง
ราวกับจะแกล้งกัน นักเรียนหลายคนก็ชนขวดกันพลางดื่มบัตเตอร์เบียร์
“ดื่มให้กับกริฟฟินดอร์! -- กริฟฟินดอร์! กริฟฟินดอร์! กริฟฟินดอร์!!”
คอลินสะดุ้งเฮือกดีดตัวลุกพรวดขึ้นจากหมอน หน้าผากชนเข้ากับหน้าผากคาเรนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเหมือนกันหนำซ้ำเธอยังไม่รู้ด้วย
ว่าเจ้าพวกรุ่นน้องผู้ชายสามคนในทีมจะมาตะโกนเอาตอนนี้
คอลินกวาดตามองรอบห้องหน้าตาตื่น รู้สึกเจ็บตุบๆ ตรงหน้าผากอยู่หรอกแต่ตอนนี้เขากำลังงงมากกว่าว่าเกิดอะไรขึ้น
ขณะที่คาเรนงอตัวยกมือกุมหน้าผากพร้อมสบถในใจ
“อะไรกันน่ะ ทำไมทุกคนอยู่ที่นี่”
คาเรนยืดตัวขึ้น ปล่อยมือออกจากหน้าผากเผยให้เห็นรอยแดงเป็นจ้ำ “ก็มาฉลองที่เราชนะได้ถ้วยรางวัลน่ะสิ”
“เราได้ถ้วยทั้งทีก็ต้องมาฉลองกันให้ครบทั้งทีมจริงไหมล่ะ”
วิกเตอร์ ซีกเกอร์น้องเล็กของทีมผู้ยกลังที่ใส่บัตเตอร์เบียร์เดินมาใกล้เตียงผู้ป่วยพลางหยิบบัตเตอร์เบียร์ยื่นส่งให้คอลินขวดนึง
“ไปเอาบัตเตอร์เบียร์ตั้งเยอะขนาดนี้มาจากไหนกัน”
“อภินันทนาการจากเฟร็ดกับจอร์จ” คาเรนตอบคอลินแทนวิกเตอร์ที่ไปตระเวนแจกให้คนอื่นต่อ “ที่จริงพวกเขาจะให้ดอกไม้ไฟวีสลีย์
มาด้วยแต่โดนจินนี่ห้ามเอาไว้ก่อน”
“ก็แน่ล่ะ” จินนี่เสริม “ไม่งั้นฉลองเสร็จเราต้องอยู่เก็บกวาดซากความเสียหายในห้องนี้ก่อนแน่”
มาดามพอมฟรีย์เพิ่งออกมาจากห้องของเธอเพราะเสียงเอะอะโวยวาย เห็นนักเรียนเต็มห้องพยาบาลที่ควรจะเงียบสงบก็ลมแทบจับ
“นี่ - มัน - อะ - ไร - กัน?!” เธอยกมือทาบอก เหลือบมองพยาบาลคนอื่นๆ อย่างต้องการคำตอบแต่พวกเธอกลับไม่มีใคร
กล้ามองตากลับมาสักคน
ส่วนนักเรียนบ้านสิงห์ต่างก็ยกบัตเตอร์เบียร์ขึ้นดื่มรวดเดียวแล้วรีบทยอยพากันวิ่งหนีออกจากห้องพยาบาล
คาเรนยัดช็อกโกแลตใส่มือคอลินที่ยังตั้งตัวไม่ถูก “จะได้ดีขึ้นเร็วๆ” เธออ้าแขนจะกอดเขาแทนการขอบคุณที่โหมซ้อมหนัก
เพื่อควิดดิชจนเป็นลมแต่ก็เกิดลังเลก่อนเปลี่ยนเป็นตบไหล่เบาๆ แทน “ถ้วยรางวัลนั่นเราในทีมคุยกันแล้วว่าจะให้นายยืมมาดูคนเดียวก่อน
แทนดอกไม้เยี่ยม พอหายแล้วค่อยเอาไปไว้ที่ห้องนั่งเล่นรวมแล้วก็...พักผ่อนเยอะๆ นะ” พูดจบเธอก็วิ่งเลี่ยงมาดามพอมฟรีย์
ที่กำลังหน้าแดงจัดตามคนอื่นออกไป
แต่แล้วก็มีเดนนิสที่วิ่งตึกตักย้อนกลับมาจับไหล่พี่ชาย มองด้วยแววตาเลื่อมใส “ไม่มีใครเจ๋งเท่าพี่แล้ว พ่อเราจะต้องภูมิใจที่รู้ว่า
พี่ทุ่มสุดตัวจนเป็นลมตอนแข่งควิดดิชเสร็จ พี่คอลิน -- ไปก่อนนะ!”
พอทุกคนออกไปภายในห้องก็เงียบเหมือนกับหูกำลังอื้อไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง คอลินเหล่มองมาดามพอมฟรีย์ที่มองตาเขียว
เขายิ้มแหยๆ ให้พลางชูบัตเตอร์เบียร์ในมือให้เธอดู
“ผมดื่มได้ใช่ไหมครับ”
เธอหรี่ตามองคนบนเตียง พ่นลมออกทางจมูก “เชิญ!”
※
หลังจากร่างกายคอลินกลับมาแข็งแรงดังเดิม ถ้วยรางวัลก็ถูกวางประดับสวยๆ อยู่ในห้องนั่งเล่นรวมเรียบร้อย
สอบปลายภาคขยับเข้าใกล้ขึ้นมาทุกวัน แต่คนในทีมควิดดิชบ้านกริฟฟินดอร์กลับอาลัยอาวรณ์ไม่อยากให้ควิดดิชหายไปจากชีวิต
ตอนนี้ เย็นวันหนึ่งเลยนัดกันมาเล่นควิดดิชด้วยกันเป็นนัดทิ้งทวนให้โดยเฉพาะจินนี่กับคอลินที่กำลังจะเรียนจบออกไป
ความมืดโรยตัวลงมาตอนที่เลิกเล่นกันแล้ว ทุกคนไปเปลี่ยนชุดที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าข้างสนามด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
“คอลินล่ะ” คาเรนถามเพื่อนในทีม
“อยู่กลางสนาม เห็นว่าคืนนี้มีฝนดาวตก คงรอถ่ายรูปอยู่ละมั้ง” จินนี่บอกขณะเช็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นเต็มหน้า “เธอลองไปดูสิ
ยังเหลือเวลาอีกเป็นชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาห้ามออกนอกหอคอย แต่ฉันไม่ไปหรอก เหนียวตัวอยากอาบน้ำจะแย่แล้ว”
“ฉันก็มีการบ้านที่ต้องทำ อิจฉาเธอชะมัดที่ไม่ต้องทำการบ้านวิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์” โจซี่ตอบทันทีที่เห็นคาเรนมองมา
“แต่ฉันก็ยังมีวิชาอื่นรออยู่นะ”
“เทียบกับเรียงความที่ต้องเขียนอีกยาวเป็นพรืดของฉันได้ที่ไหนกัน...เธอยังมีเวลาเหลือเฟือ ฉันเองก็อยากดูดาวตกเหมือนกันนะ
น่าเสียดาย”
วิกเตอร์กับผู้ชายอีกสองคนโบกมือเป็นพัลวันให้กัปตัน “พวกเราก็ง่วงแล้ว”
คาเรนหรี่ตาจับพิรุธ ทำไมเจ้าพวกนี้ถึงได้เข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยกันขนาดนี้ “พวกนายรู้ได้ไงว่าต่างคนต่างง่วงเหมือนกัน”
“ฉันได้ยินพวกนี้คุยกันตอนเดินเข้ามาอยู่นะ” จินนี่ช่วยออกโรงให้ พวกน้องๆ พากันถอนหายใจอย่างโล่งอก “เขาว่ากันว่าคืนนี้
จะมีฝนดาวตกเป็นคืนสุดท้ายของปีด้วย ยังไงวันนี้ของปีหน้าก็ไม่เหมือนกับปีนี้อยู่แล้ว ถ้าเธอยังไม่ง่วงจะออกไปดูก็ไม่เสียหายอะไรนี่นา
จริงไหม” เธอหันไปถามความเห็นกับสี่คนที่เหลือ
“ช่ายย!”
เพราะถูกยุหรือไม่คงต้องมีอะไรมาดลใจให้ท้ายที่สุดคาเรนก็เลือกกลับเข้ามาในสนาม เด็กสาวเดินมาหยุดอยู่กลางสนามพร้อม
ไม้กวาดในมือแต่ไร้วี่แววคอลิน เธอกำลังจะเดินกลับอยู่แล้วถ้าไม่ติดว่ามีแสงแฟลชสว่างขึ้นมา
“ฉันอยู่นี่” เสียงคอลินเรียกมาจากบนอัฒจันทร์ โบกมือสุดแขนให้กัปตันสาว “บนนี้มองเห็นดาวชัดดีนะ -- นึกว่าเธอจะไม่มาซะแล้ว”
เขาผละออกจากกล้องมาพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มกับคาเรนที่เพิ่งขี่ไม้กวาดขึ้นมาบนอัฒจันทร์
“ก็พวกนั้นพูดอย่างกับว่าถ้าฉันไม่มาดูดาวตกแล้วจะพลาดอะไรในชีวิตไปยังงั้นแหละ มีดาวตกสักดวงบ้างหรือยัง”
“ดาวตก? อ้อ! ฉันเพิ่งเห็นดวงเดียวเอง แต่เดี๋ยวก็คงมีอีกล่ะมั้ง มานั่งก่อนสิ” คอลินตบเก้าอี้ข้างตัวแปะๆ ซึ่งคาเรนก็ยอมมานั่งด้วย
อย่างว่าง่าย
คืนนี้ดวงดาวระยิบระยับทั่วฟ้าสีดำราวกับมีคนมาเทหมึกแล้วโรยทับด้วยกากเพชรสีเงิน แค่ได้มองก็รู้สึกใจสงบแล้วเพียงแต่คาเรน
ยังไม่เห็นดาวตกเลยแม้แต่ดวงเดียวนับตั้งแต่นั่งมาหนึ่งชั่วโมงเต็ม
“เชื่อไหม สนามควิดดิชเป็นเหมือนพื้นที่ปลอดภัยของฉันไปแล้ว” อยู่ๆ คอลินก็พูดขึ้นและคาเรนก็ไม่ได้ขัดอะไรเพียงแค่นั่งฟังต่อไป
แบบเงียบๆ “ตอนแรกฉันคุ้นเคยกับบนอัฒจันทร์มากกว่า แต่ตอนนี้ฉันชินกับสนามไปด้วยแล้วเพราะเป็นคนแข่งควิดดิชซะเอง
ใจหายเหมือนกันนะที่วันที่เดียวกันนี้ของเดือนหน้าฉันก็ไม่ใช่นักเรียนฮอกวอตส์อีกแล้ว...ฉันเพิ่งรู้ตัวว่าฉันรักฮอกวอตส์มากขนาดไหน
ก็ตอนนี้เอง”
ฮอกวอตส์...ที่ที่ทำให้เจอเพื่อน เจอสิ่งที่ชอบจากตอนแรกที่ถ่ายรูปเพราะอยากให้พ่อกับแม่ดูว่าโลกเวทมนตร์เป็นยังไง
แต่พอมาตอนนี้กลับกลายเป็นสนใจการถ่ายรูปจริงๆ จนเป็นงานอดิเรก แล้ววันดีคืนดีการถ่ายรูปก็ทำให้เลนส์ไปโฟกัสเด็กสาวผมสั้น
สีบลอนด์คนนึงจนตกหลุมรักแล้วพาให้เขามาเล่นควิดดิชได้ถึงทุกวันนี้ -- ความรู้สึกที่ใจมันหวิวๆ เป็นแบบนี้นี่เอง
“อย่างน้อยก็ยังดีที่นายรู้ตัวทันว่ารักฮอกวอตส์ก่อนจะจบออกไปจริงๆ”
“ถูกของเธอ ฉันดีใจที่เธอมานั่งดูดาวด้วยกัน ตอนแรกฉันคิดอยู่ตั้งนานว่าทำยังไงเธอถึงจะยอมออกจากหอคอยกริฟฟินดอร์
ได้นั่งดูดาวกับกัปตันถือเป็นเกียรติอย่างนึงในชีวิตเลยว่าไหมล่ะ”
“นายคิดงั้นหรือ”
“ฮื่อ”
“อย่าบอกนะว่านายเป็นตัวตั้งตัวตีอยากเล่นควิดดิชนัดทิ้งทวนนี่”
“จะว่าอย่างงั้นก็ไม่ผิด แต่คนอื่นในทีมอยากเล่นควิดดิชเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอฉันถามก็ตอบตกลงมาเลยส่วนเรื่องดูดาวนี่เพราะฉัน
รู้ว่าถ้าฉันชวนเธอตรงๆ แล้วเธอคงไม่มีทางมากับฉันแน่เลยได้พวกนั้นช่วยพูดแทน”
“ก็ไม่แน่นะ”
“เธอจะมาหรือ”
คาเรนชะงักก่อนเปลี่ยนเรื่องคุย เลื่อนสายตาจากใบหน้าด้านข้างของคอลินกลับไปที่ท้องฟ้า
“นายจำผิดวันรึเปล่า ยังไม่เห็นมีดาวตกเลยสักดวง”
เมื่อเห็นว่าคนข้างตัวตั้งใจเปลี่ยนเรื่องคอลินก็เปลี่ยนเรื่องกลับบ้าง “วันเสาร์นี้ว่างไหม ไปดื่มบัตเตอร์เบียร์ที่ฮอกส์มี้ดกัน”
ถามจบก็ถึงเวลาลุ้นระทึก ทุกวินาทีที่คาเรนเงียบไปก็ยิ่งทำให้คอลินอยู่ไม่สุข ขอร้องล่ะช่วยตอบเร็วๆ หน่อยได้ไหม...
“ตกลง”
คอลินค่อยๆ หลุดยิ้มออกมาทว่าพอเผลอสบตากันกลับหุบยิ้มลงต่างฝ่ายต่างเลิ่กลั่ก คาเรนลุกขึ้นกระโดดลงไปตรงที่นั่งที่ต่ำลงไป
สองขั้นแล้วนอนลง คอลินเองก็เอนตัวลงนอนหงายมองดูท้องฟ้าเช่นกัน
“อีกสองอาทิตย์จะสอบแล้ว เรากำลังทำอะไรกันอยู่นะ”
“ทำให้สมองปลอดโปร่งไง” คาเรนตอบพลางอ้าปากหาว “อ่านหนังสือของปีเจ็ดคงหนักน่าดู”
“หนักไม่ต่างจากซ้อมควิดดิชเลยแหละ”
เด็กสาวถอนหายใจ เด็กปีหกเองก็มีการบ้านเยอะแถมเรียนหนักไม่ต่างจากปีเจ็ดเท่าไรหรอก แค่ตอนนี้การบ้านวิชาการป้องกันตัว
จากศาสตร์มืดกับวิชาปรุงยาก็แทบจะอ้อนวอนขอให้เธอทำให้เสร็จสักที “อยากให้ถึงวินาทีที่สอบวิชาสุดท้ายเสร็จจัง”
“ถึงตอนนั้นเธอจะทำอะไร”
“วิ่งลงทะเลสาบ”
“ล้อเล่นน่า”
“ทำไมจะต้องล้อเล่นด้วยล่ะ”
“เธอจะโดดจริงหรือ”
“คอยดูก็แล้วกัน”
คอลินนอนหนุนมือที่ประสานกันไว้ตรงท้ายทอย มองคาเรนที่อยู่ขั้นต่ำกว่าเขาลงไปสองขั้น “ได้เลย ฉันจะคอยดู”
ความเงียบลงมาปกคลุมระหว่างคนทั้งสอง ทั้งที่มีเรื่องให้อยากพูดเต็มไปหมดแต่ทั้งคู่กลับเลือกที่จะเงียบปล่อยให้เวลาผ่านไป
แต่ก็ยังอุ่นใจเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายยังอยู่ด้วยกันตรงนี้ ราวครึ่งชั่วโมงผ่านไปโดยไม่มีดาวตกลงมาสักดวง มีแต่ลมพัดเย็นสบายที่ช่วยบรรเทา
ไอร้อนของหน้าร้อนไปได้บ้าง
แต่แล้วความเงียบกลับทำให้คอลินว้าวุ่นใจจนไม่อาจเก็บคำพูดในใจได้อีกต่อไปเลยเปิดปากบอกความรู้สึกกับรุ่นน้องจนหมด
“ฉันชอบเธอคาเรน ชอบจริงๆ ไม่ได้ล้อเล่น ที่จริงฉันก็ไม่ได้ล้อเล่นตั้งแต่ตอนแข่งควิดดิชกับฮัฟเฟิลพัฟแล้ว อันที่จริงคืนนี้ไม่ได้มี
ดาวตกอะไรหรอก” เขาสูดหายใจเข้าลึกแล้วหายใจออกราวกับสูดลมมาหมดทั้งตัว “ถ้าเธอไม่ได้คิดเหมือนกันก็บอกมาตรงๆ เหมือนตอน
วันวาเลนไทน์มาเลยก็ได้ ฉันว่าฉันน่าจะทำใจได้ในเร็ววันนี้นี่แหละ” เขาหันมองคาเรนก็ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ เพราะเธอหลับไปตั้งแต่เมื่อไร
ก็ไม่รู้ ปล่อยให้เขาพูดอยู่คนเดียวได้ตั้งนาน
คอลินนอนตะแคงตั้งแขนเอามือยันขมับมองอย่างไม่อยากเชื่อตัวเอง กว่าจะรวบรวมความกล้าบอกเธอไม่ใช่แค่สองสามนาทีนะ!
ยังดีที่อย่างน้อยก็ยังตอบตกลงจะไปฮอกส์มี้ดด้วยกัน พอเห็นว่าเธอหลับไปจริงๆ ก็เอนตัวกลับมานอนหงายเหม่อมองดูท้องฟ้า
ที่เต็มไปด้วยแสงระยิบระยับ การบอกชอบรอบที่สองผ่านไปแล้วแบบไม่มีคำตอบกลับมา ตอนนี้เรื่องที่เขาต้องคิดแบบจริงจังได้แล้ว
คือสอบในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า ส่วนเรื่องบอกชอบ...ให้ผ่านช่วงสอบไปก่อนค่อยคิดอีกทีก็แล้วกัน -- จะว่าไปก็เริ่มง่วงเหมือนกันแฮะ
คืนนั้นแทนที่จะได้นอนหลับสบายบนเตียงนุ่มๆ นักดูดาวทั้งสองกลับผล็อยหลับไปบนอัฒจันทร์ในสนามควิดดิชจนถึงรุ่งเช้า
และวิ่งหน้าตื่นกลับปราสาทไปด้วยกัน...
สุดท้ายนัดบัตเตอร์เบียร์ที่ตั้งตารอก่อนไปเครียดกับวันสอบก็ต้องมีอันล่มเพราะคอลินดันลืมไปว่าตัวเองมีนัดไปคุยกับศาสตราจารย์
มักกอนนากัลเรื่องอาชีพและการสอบส.พ.บ.ส. พอกลับมาถึงห้องนอนก็หมดเวลาไปฮอกส์มี้ดทำเอาซึมเป็นผักต้ม ต้องลำบากเดนนิส
มาช่วยนั่งปลอบเป็นชั่วโมงกว่าจะกลับมาร่าเริงได้
※
สองอาทิตย์ถัดมาฮอกวอตส์ก็ย่างเข้าฤดูแห่งการสอบปลายภาคหลังเกมควิดดิชจบลง เช้าวันนี้คอลินมีสอบส.พ.บ.ส. ภาคทฤษฎี
เด็กหนุ่มเดินวนหาโต๊ะที่นั่งสอบอยู่ในห้องโถงใหญ่ด้วยความกังวลเรื่องข้อสอบว่าจะตรงกับที่อ่านมาไหมจนเลยที่นั่งเขาไปไกล
ก่อนเดินย้อนกลับมาแถวกลางห้องเพราะจินนี่เป็นคนชี้บอกตำแหน่งให้
นักเรียนปีเจ็ดยังเข้ามากันไม่ครบทำให้ประตูห้องโถงใหญ่ยังเปิดอ้าอยู่ สายตาคอลินเลยไปประสานเข้าพอดีกับดวงตาสีเขียว
ที่ทำให้เขาใจเต้นตั้งแต่แรกเห็น
คาเรนยิ้มพร้อมโบกมือให้เขาน้อยๆ พลางขยับปากบอกว่า “สู้ๆ” แต่คอลินกลับไม่เข้าใจเพราะมีคนบังพอดีแถมเสียงคนรอบข้างก็ดัง
เธอเลยตะโกนบอกเขา “สู้ๆ นะ คอ --” เสียงคาเรนแผ่วลงเพราะคนในห้องต่างเงียบแล้วมองมาที่เธอเลยอ้ำๆ อึ้งๆ ก่อนพูดด้วยระดับเสียง
ปกติด้วยความอาย “คอลิน”
※
ความคิดเห็น