คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : 13 ll Honeydukes
13
Honeydukes
บนโต๊ะในห้องเรียนวิชาอักษรรูนมีมือข้างนึงกำลังเคาะโต๊ะเบาๆ ไม่เป็นจังหวะ มืออีกข้างยกขึ้นมาเท้าคาง ดวงตาเหม่อลอย
ตกอยู่ในภวังค์ความคิดที่คิดไม่ตก -- เจ้าของมือทั้งสองข้างนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนนอกเสียจากคาเรน เธอกำลังคิดหาวิธีเอาชนะความกลัว
ในใจตัวเองให้ได้เพื่อไม่ให้เป็นตัวถ่วงของทีมควิดดิชเวลาต้องซ้อมตอนเย็น
“ให้ช่วยคิดไหม ปัญหาในหัวเธอน่ะ” เก้าอี้ว่างข้างตัวคาเรนที่ปกติจะไม่มีใครมานั่งด้วยเพราะโจซี่ไม่ได้ลงเรียนวิชานี้ถูกเติมเต็มด้วย
คาเมรอน
เขาลงมานั่งข้างเธอพลางเอียงตัวยกมือขึ้นมาเท้าคางหันหน้าเข้าหาคาเรน
“ฉันไม่ได้มีปัญหาอะไร”
“งั้นบอกฉันหน่อยทำไมเดี๋ยวนี้เธอถึงไม่ไปยืนมองถ้วยรางวัลควิดดิชที่อยู่ในตู้กระจกตรงห้องโถงกลางทั้งที่ปกติเธอจะชอบ
ยืนจ้องมันตาลุกวาวด้วยความอยากได้อย่างกับมันมีค่ามากกว่าทอง หรือเธอเปลี่ยนใจไม่อยากได้ถ้วยควิดดิชแล้วจะยอมยกให้เป็นของ
สลิธีรินแทน?”
ดวงตาคมสีเขียวมองตอบกลับไปนิ่งๆ “ฝันเถอะ ตราบใดที่ฉันยังเล่นควิดดิชอยู่ สลิธีรินไม่มีทางได้ถ้วยรางวัลไปแน่”
มุมปากคาเมรอนกระตุกยิ้ม “ก็ยังไม่ได้โดนไอ้ความกลัวนั่นกัดกินเธอไปทั้งตัวนี่นา”
“พูดเรื่องอะไร”
คาเมรอนเปลี่ยนท่านั่ง นั่งหันข้างไปทั้งตัวเพื่อจะได้มองเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ได้ถนัดๆ
“ฉันเห็นเธอชอบออกไปเดินตรงระเบียงทางเดินมืดๆ คนเดียวหลังมื้อค่ำ -- ก็อย่างที่ฉันบอก หน้าตู้ที่ใส่ถ้วยควิดดิชไม่มีเธออยู่
เพราะงั้นมันคงไม่แปลกอะไรถ้าฉันจะสงสัยแล้วแอบตามไปดูเธอ จริงไหมล่ะ”
คาเรนมองหน้าจริงจังของคาเมรอนก่อนเลื่อนสายตาไปยังกระดานดำหน้าห้องแทน “แล้วยังไง”
“ฉันรู้ว่าเธอทำแบบนั้นทำไม เธออยากเอาชนะความกลัว”
“ฉันไม่ได้กลัวอะไร”
“เธอกลัวการเข้าป่าแถมวันนั้นเธอถูกกักบริเวณที่ป่าต้องห้าม...ฉันรู้ คาเรน แล้วตอนนี้เธอก็กลัวความมืดด้วย”
เด็กสาวแอบกลืนน้ำลาย “นายมีปัญหาอะไร”
“บอกตามตรงว่าฉันไม่สบายใจที่เห็นเธอเป็นแบบนี้ นี่ไม่ใช่คาเรนที่พร้อมจะเถียงฉันกลับทุกคำ ฉันไปเดินเล่นเป็นเพื่อนเธอ
ตอนกลางคืนได้นะถ้าเธอต้องการ”
“ขอบคุณ แต่ฉันไม่ต้องการให้ใครมาช่วย” คาเรนปิดหนังสือตรงหน้าตอนที่ศาสตราจารย์บอกเลิกชั้นเรียนพอดีพร้อมกับกวาด
ทุกอย่างบนโต๊ะลงกระเป๋า ก้าวฉับๆ หนีคาเมรอนออกไปจากห้อง
※
ตกกลางคืนที่ฮอกวอตส์เงียบสงัดจนน่าใจหาย แทนที่จะกลับเข้าหอคอยบ้านตัวเองคาเรนกลับมายืนอยู่ตรงระเบียงทางเดิน
ตรงที่แสงจากคบเพลิงในปราสาทยังพอส่องถึงตัวเธอ ดวงตาสีเขียวเหม่อมองออกไปในป่าผ่านหน้าต่างที่เปิดโล่ง เพียงแค่เสียงลมพัดมา
แผ่วเบาก็ทำเธอตัวสั่นน้อยๆ ได้แล้ว
ชั่วขณะนั้นจู่ๆ เกิดแสงสีขาวสว่างวาบมาจากข้างหลัง เธอหมุนตัวอย่างรวดเร็วชักไม้กายสิทธิ์ชี้ไปทางที่มาของแสงอย่างหวาดระแวง
ก่อนผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอก
“คอลิน? มาทำอะไรที่นี่”
คนถูกเรียกหันหลังกลับมามองเธอด้วยความประหลาดใจคล้ายไม่ได้สังเกตมาก่อนว่ามีคาเรนยืนอยู่ตรงนี้ “คาเรนเองหรือ
ฉันกำลังถ่ายรูปปราสาทเก็บเอาไว้เยอะๆ ทั้งตอนกลางวันแล้วก็กลางคืนเพราะอีกไม่กี่เดือนฉันก็เรียนจบแล้ว” คอลินยกนาฬิกาข้อมือ
เข้าหาแสงเพื่อดูเวลา “เหลือเวลาอีกสองชั่วโมงกว่าจะสามทุ่ม เธออยากไปเดินด้วยกันไหม”
เกิดความลังเลขึ้นในใจคาเรน เธออยากไปแต่ใจลึกๆ พอได้เหลียวมองความมืดด้านหลังที่แสงไฟส่องไม่ถึงก็รู้สึกกลัวขึ้นมา
“ฉัน...ฉัน...”
“เธอจะไม่เป็นอะไร” คอลินบอกด้วยเสียงนุ่มๆ ราวกับกำลังปลอบประโลมเธอไปด้วยพร้อมกับก้าวมายืนอยู่ข้างรุ่นน้อง
“มีฉันอยู่กับเธอทั้งคน ต่อให้ต้องวิ่งหนีตัวอะไรสักอย่างเราก็จะวิ่งไปด้วยกัน”
“มีฉันด้วย แต่ฉันไม่วิ่งไปด้วยหรอกนะ” ร่างโปร่งใสสีขาวมุกโผล่ทะลุออกมาจากกำแพงห้องเรียนห้องหนึ่ง เซอร์นิโคลัส หรือ
นิคหัวเกือบขาด ผีประจำบ้านกริฟฟินดอร์ผู้เป็นที่รักของนักเรียนบอกด้วยความยินดีเพราะเขาถามเรื่องราวมาจากคอลินเรียบร้อยแล้ว
และไม่อยากให้เด็กดีๆ อย่างคาเรนต้องตกอยู่ในความกลัวทั้งที่เธอควรจะร่าเริงเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา “ต่อให้ฉันไม่ใช่คนและดูเหมือนว่า
คอลินจะช่วยเธอได้มากกว่าฉันก็เถอะ แต่ฉันว่าพวกเธอคงอยากได้คนมาต่อกรกับพีฟส์ เจ้าผีจอมก่อกวนนั่นพร้อมจะตะโกนแหกปากฟ้อง
ให้คนทั้งฮอกวอตส์รู้เสมอแหละต่อให้พวกเธอไม่ได้ทำอะไรผิดก็ตาม -- ไปกับพวกเราเถอะ จะได้รู้ว่ามันไม่มีอะไรน่ากลัวเลยสักนิดเดียว
เพราะฉันอยู่กับความมืดมานานนับหลายร้อยปีจนเธอคาดไม่ถึงเลยล่ะ ฉันรับประกันได้”
คาเรนเงยหน้าสบตากับคอลิน พ่ายแพ้ให้กับแววตาอ่อนโยนแต่ก็ทำให้เธออุ่นใจไปพร้อมๆ กันคล้ายช่วยให้เธอมีความกล้ากลับมา
อีกนิด “ก็ได้ -- ฉันขอไปด้วยนะ”
คอลินคลี่ยิ้ม พยักหน้าพลางผายมือให้เธอเดินตามผีประจำบ้านที่เสนอตัวเป็นผู้นำทางคอยแนะนำว่ามุมไหนของปราสาทควรค่า
แก่การเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก
“นอกจากฉันก็เห็นจะมีฝาแฝดวีสลีย์เนี่ยแหละที่ไปมาหมดทุกซอกทุกมุมของฮอกวอตส์แล้ว” เซอร์นิโคลัสบอกอย่างอารมณ์ดี
แต่แล้วก็ทำท่าถอนหายใจทั้งที่เขาไม่ได้มีลมหายใจอยู่จริงๆ “พูดถึงพวกนั้นก็คิดถึงเหมือนกันนะ ฮอกวอตส์ตอนกลางคืนมีสีสันขึ้นเยอะเลย
เวลาที่พวกนั้นแหกกฎลุกจากเตียงออกมาวิ่งเล่นรอบปราสาท”
ระหว่างที่เซอร์นิโคลัสรำลึกถึงความหลังเกิดมีเสียงดังก่อกแก่กที่พื้นตรงมุมประตูบานหนึ่ง สายตาคาเรนกวาดไปมองทันที
ขณะที่มือนึงชี้ไม้กายสิทธิ์ส่องไปหาต้นเสียง อีกมือก็กวาดไปหาคนข้างตัวอัตโนมัติหมายจะคว้าแขนเสื้อคอลินทว่าเขากลับยื่นมือ
มากุมมือเธอเอาไว้ก่อนที่เธอจะรู้ตัวซะอีก
“แค่หนูตัวจ้อยตัวนึงน่ะ” เซอร์นิโคลัสบอก
“เธออยากลองถ่ายรูปดูบ้างไหม” คอลินถาม พยายามเบี่ยงเบนความสนใจไม่ให้อีกฝ่ายนึกกลัว
“ฉันน่ะหรือ ไม่ดีกว่า เดี๋ยวฉันตกใจแล้วทำกล้องนายร่วง”
“เธอไม่ทำร่วงหรอก -- ลองถือดูสิ” เขาเอาสายกล้องคล้องคอให้คาเรนพลางส่งให้เธอถืออย่างง่ายดายทั้งที่รักกล้องตัวนี้มาก
และคนที่จับได้ก็มีแค่เขากับเดนนิสเท่านั้นที่เขาไว้ใจ “ทีนี้เวลาจะถ่ายเธอก็มองตรงนี้ -- แล้วก็กดตรงนี้ แค่นั้นแหละ”
แสงแฟลชสว่างวาบขึ้นเมื่อคาเรนลองกดชัตเตอร์ สัมผัสแปลกใหม่นี้ทำให้เธอชักเริ่มสนุกจนถึงกับลืมความกลัวไปชั่วขณะ
“แล้วฉันจะดูรูปที่ถ่ายได้เมื่อไรหรือ”
“ฉันว่าจะเก็บรวบรวมฟิล์มเอาไว้แล้วค่อยล้างทีเดียวตอนปิดเทอมน่ะ”
“ปิดเทอมนี้นายก็ต้องทำงานแล้วสิ...ฉันก็คงไม่ได้เห็นแล้วล่ะมั้ง”
“ได้เห็นสิ ถ้าเราหาเวลามาเจอกันไม่ได้ฉันจะส่งใส่ซองมาให้เธอเอง”
“เยี่ยมเลย รูปแรกแล้วก็รูปเดียวที่ฉันกดถ่ายเอง”
“ใครว่ารูปเดียว เธอจะถ่ายอีกก็ได้นะ เทอมนี้ฉันมีฟิล์มเหลือเฟือเผื่อเอาไว้สำหรับปีสุดท้ายในฮอกวอตส์ ลองไปถ่ายตรงมุมนู้นดูสิ”
เซอร์นิโคลัสลอยกลับมาตามหาเด็กทั้งสองหลังจากที่ตนเผลอหวนคิดถึงอดีตนานไปหน่อย ไม่รู้ตัวว่าเขานั้นได้แยกทางกับเด็กๆ
ไปถึงไหนต่อไหนแล้ว เวลานี้ต่อให้ไม่มีเขาก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี เขามองแผ่นหลังคอลินกับคาเรนก็ได้แต่ยิ้ม
อย่างพออกพอใจก่อนเปลี่ยนเส้นทางไปยังหอคอยฮัฟเฟิลพัฟเผื่อจะได้คุยกับบาทหลวงอ้วนซะหน่อย...
※
วันหยุดสุดสัปดาห์ปีนี้ตรงกับวันวาเลนไทน์...
เช้านี้ที่ห้องโถงใหญ่คึกคักด้วยเสียงเจี๊ยวจ๊าวของนักเรียน มีคู่รักหลายคู่ คนแอบรักที่ต่างมอบของขวัญโดยเฉพาะช็อกโกแลตให้กัน
ถึงปีนี้ทุกอย่างจะไม่ถูกเนรมิตให้เป็นสีชมพูเหมือนคราวที่ล็อกฮาร์ตอยู่แต่ก็มีการตกแต่งเล็กๆ น้อยๆ อย่างสายรุ้งสีชมพูที่ห้อยระโยงระยาง
ไปทั่วทั้งห้องโถงใหญ่ราวกับใยแมงมุมกับของหวานที่เป็นเค้กช็อกโกแลตราสด้วยซอสสตรอว์เบอร์รี่รสหวานอมเปรี้ยว
แค่นั้นยังไม่พอสำหรับปีนี้ ที่ฮอกวอตส์มีบริการร้องเพลงบอกรักจากนักเรียนปีสี่บ้านกริฟฟินดอร์สามคนที่ลงทุนแบกกีตาร์
มาจากบ้านตั้งแต่ปิดเทอมช่วงคริสต์มาสและแอบซุ่มซ้อมมาเป็นเดือนเพื่อมาหารายได้ในวันนี้โดยเฉพาะ -- ไม่มีแบ่งบ้าน ใครจ้างรับหมด
“อะไรกันน่ะ” คาเรนกะพริบตาปริบๆ มองรุ่นน้องผู้ชายสามคนผู้ใส่ปีกสีขาวไว้กลางหลัง คนนึงกำลังดีดกีตาร์ คนนึงโปรยกลีบดอกไม้
และอีกคนกำลังร้องเพลงให้นักเรียนหญิงปีสาม ส่งดอกกุหลาบให้ตบท้ายด้วยการบอกว่าเจ้าของดอกไม้ที่อยากมอบให้เธอคือเด็กหนุ่ม
จากปีห้า -- ตาที่บวมตุ่ยของคาเรนเพราะเพิ่งตื่นยิ่งหรี่ลงไปอีกเมื่อเข้ามาในห้องโถงใหญ่แล้วเจอเหตุการณ์แปลกประหลาดต่อหน้าต่อตา
ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในฮอกวอตส์มาก่อน
จากนั้นคู่รักคู่ใหม่ของฮอกวอตส์ก็ได้ถือกำเนิดท่ามกลางเสียงร้องแซวของบรรดาเพื่อนนักเรียน แสงสีขาวสว่างขึ้นมาชั่วพริบตา
ทำเอาคาเรนต้องหลับตาไปครู่นึง
“บริการบอกรักในวันวาเลนไทน์ไง” เสียงทุ้มดังมาจากข้างๆ คาเรน เธอหันไปมองก็เห็นคอลินพร้อมกับกล้องของเขา
เพราะคำตอบนั้นทำให้เธอได้ฉุกคิด ทั้งดอกกุหลาบ ทั้งสายรุ้งสีชมพูนั่น จะว่าไปเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าวันนี้คอลินเซตผมมาด้วย
...แถมกลิ่นตัวก็หอม -- เด็กสาวเบือนหน้าหนีพร้อมขยับตัวถอยห่างรุ่นพี่ไปอีกสองสามก้าวอย่างแนบเนียน
“มิน่า วันนี้บรรยากาศที่ฮอกวอตส์ถึงได้ดูแปลกๆ” คาเรนพยักหน้ากับตัวเอง ตั้งแต่ตื่นจนถึงเมื่อกี้เธอรู้แต่ว่าวันนี้ช่วงเช้าจะนั่งเล่น
อยู่แถวๆ ลานว่างของปราสาทแล้วตอนบ่ายก็มีนัดซ้อมควิดดิชเพราะเช้านี้เรเวนคลอครองสนามไปแล้ว
“เธอลืมหรือ”
“เปล่า ที่จริงฉันไม่ได้คิดว่าวันนี้เป็นวันพิเศษอะไรเลยต่างหาก” เธอตอบตามตรงก่อนเดินเลี่ยงคู่รักไปหยิบแซนด์วิชมากิน
เป็นอาหารเช้าพร้อมกับคอลินโดยที่เธอไม่ทันได้มองเห็นท่าทางห่อเหี่ยวของเขาที่คิดว่าหมดหนทางจะได้ช็อกโกแลตจากเธอแล้ว
ต่อให้เป็นการให้ช็อกโกแลตตามมารยาทก็ตาม
“ตอนเช้าเธอมีแผนจะทำอะไรหรือเปล่า”
“ตอนแรกสุดคิดว่าจะไปฮอกส์มี้ดแต่คิดว่าไม่ไปดีกว่า ฉันคงอยู่แถวปราสาทนี่แหละ อาจจะนั่งเล่นปล่อยเวลาไปเรื่อยๆ
เผื่อคิดแผนควิดดิชดีๆ ออก” คาเรนกัดแซนด์วิชเข้าไปคำโต “ถามทำไม”
“ทำไมเธอไม่บอกก่อน ฉันจะได้...จะได้ช่วยเธอคิดด้วย” คอลินทำปากขมุบขมิบ ถ้ารู้ว่าวาเลนไทน์ปีนี้คาเรนยอมแงะตัวเอง
ออกจากเตียงไม่หายหน้าไปไหนเหมือนปีก่อน ป่านนี้เขาคงได้ชวนเธอไปฮอกส์มี้ดด้วยกันแล้ว! แต่น่าเสียดายที่กลับเป็นเขาซะเองที่ไม่ว่าง
“ฉันคิดว่าเธอคงจะอยากหมกตัวอยู่ที่ห้องจนกว่าจะถึงเวลาซ้อมเหมือนปีก่อนๆ ซะอีก ฉันก็เลยรับปากกับพวกรุ่นน้องที่รับจ้างบอกรัก
สามคนนั้นไปแล้วว่าจะช่วยถ่ายรูปให้”
“ก็ไม่เลวนี่ ต้องมีคู่รักหลายคู่ที่ได้รูปสวยๆ จากนายแน่”
“แต่ฉันอยาก...” อยู่กับเธอมากกว่านี่!
“อรุณสวัสดิ์ คาเรนของฉัน” คาเมรอนทักทายมาจากเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามโดยที่ไม่รู้ว่าเขามานั่งตั้งแต่เมื่อไร “เธอดูสดใสแต่เช้าเลยนะ”
คอลินนึกอยากคว้ามือพาคาเรนหนีจากตรงนี้ไปให้พ้นๆ คาเมรอนหรือไม่ก็บอกชอบเธอต่อหน้าหมอนี่ให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย
ถ้าไม่ติดว่าเปอร์เซ็นต์ที่จะถูกคาเรนปฏิเสธที่เขาคิดไว้ในหัวนั้นสูงลิบลิ่วแบบนี้ เขาจ้องเขม็งด้วยกระแสจิตอันแรงกล้าทว่าคาเมรอน
กลับไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย
“ไม่ยักรู้ว่าตาบวมตุ่ยของฉันมันทำให้ฉันดูสดใสกว่าตอนที่ตาฉันมันปกติ” คาเรนบอกด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“เธอก็ดูสดใสอยู่ตลอดนั่นแหละ”
“อือ กวนฉันเสร็จแล้วก็ไปได้แล้ว”
“เดี๋ยวสิ ฉันมีคำถาม”
“ฉันมั่นใจว่าปีนี้กริฟฟินดอร์ต้องได้ถ้วยรางวัลควิดดิชแน่”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นซะหน่อย -- เธอคิดว่าไงถ้าฉันจะใช้บริการสามคนนั้นบ้าง” คาเมรอนพยักเพยิดไปทางสามหนุ่มรับบริการบอกรัก
ที่กำลังร้องเพลงให้เด็กหนุ่มปีห้าคนนึงอยู่
คาเรนเลื่อนสายตากลับมามองคนตรงหน้า “นั่นมันเรื่องของนาย”
“เรื่องของเธอด้วยแน่นอนล่ะ วันนี้ช่วยทำตัวให้ว่างแล้วรอรับดอกกุหลาบจากฉันทีนะ” ว่าแล้วคาเมรอนก็ขยิบตาให้ก่อนลุกไปนั่ง
กับกลุ่มเพื่อนสลิธีริน
คอลินมองตามรุ่นน้องด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เขารู้ว่าคาเมรอนหมายความว่าไงและเขาจะไม่ยอมเสียฟิล์มเพื่อถ่ายรูปคาเรนตอนที่กำลัง
ฟังเพลงบอกรักแล้วก็มีคาเมรอนเข้ามาร่วมเฟรมด้วยเด็ดขาด!
“เปลี่ยนใจละ” อยู่ดีๆ คาเรนก็พูดขึ้นมา “วันนี้ฉันไปฮอกส์มี้ดกับโจซี่ดีกว่า นายอยู่นี่ก็พยายามเข้าล่ะ อ้อ อย่าลืมว่ามีซ้อมควิดดิช
ตอนบ่ายนะ”
ลมหนาวยังคงพัดมาปะทะหน้าไม่หยุดระหว่างที่นักเรียนปีโตกำลังต่อแถวรอเช็คชื่อกับฟิลช์เพื่อออกไปเที่ยวหมู่บ้านฮอกส์มี้ด
ทันใดนั้นเด็กหนุ่มปีสี่มีปีกสามคนก็เดินออกจากตัวปราสาทมาหาทางแถวที่คาเรนกับโจซี่ยืนอยู่ คาเรนมองเลยรุ่นน้องสามคนนั้น
ไปยังคอลินที่วิ่งตามมาทีหลัง เขาชะงักทันทีที่เห็นกัปตันยืนอยู่ตรงนี้ด้วย
คอลินหันขวับมองรอบข้างหาคาเมรอนแต่ก็ไร้วี่แววกัปตันบ้านงูก่อนพบว่ารุ่นน้องที่เขาวิ่งตามมาไม่ได้มาร้องเพลงให้คาเรนหากแต่
ร้องให้กับโจซี่ -- โจซี่ยิ้มรับกับสถานการณ์ด้วยความงุนงงขณะเลิกคิ้วถามเพื่อนสนิทอย่างคาเรนไปด้วยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ท้ายที่สุดเด็กหนุ่ม
ผู้ใช้บริการบอกรักก็ปรากฏตัวออกมา เขาไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหนสำหรับโจซี่เพราะเขาคือบีตเตอร์หนุ่มผมบลอนด์จากฮัฟเฟิลพัฟ
ที่เคยช่วยเธอจากลูกบลัดเจอร์เอาไว้ในนัดที่แข่งด้วยกัน
คาเรนปล่อยให้โจซี่ได้ใช้เวลาตัดสินใจอย่างเต็มที่ ระหว่างนั้นสายตาก็แอบมองคอลินตอนกำลังถ่ายรูปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
เธอไม่รู้ว่าโจซี่ตอบไปว่ายังไงแต่พอได้ยินอีกทีทั้งคู่ก็ตกลงกันว่าจะไปดื่มชาด้วยกันที่ร้านของมาดามพุดดี้ฟุตแล้ว
“อะแฮ่ม!!” ฟิลช์กระแอมไอหนักๆ อย่างจงใจ แทบจะแยกเขี้ยวใส่พวกนักเรียน มือชูกระดาษสำหรับเช็ครายชื่อนักเรียน
“จะไปกันไหมน่ะฮอกส์มี้ด มัวชักช้าอืดอาดกันอยู่ได้! ฉันมีงานต้องทำอีกแยะนะจะบอกให้!”
“ไปค่ะ” คาเรนรีบบอก “คาเรน เคลียร์วอเทอร์ ปีหกค่ะ ส่วนข้างหลังหนูโจซี่ ไดมอนด์ปีหกเหมือนกันแล้วก็...”
“อีริค วิลเลียม ปีหกครับ” บีตเตอร์จากฮัฟเฟิลพัฟพูดต่อด้วยท่าทางเขินๆ
ทั้งสามเดินออกจากรั้วฮอกวอตส์มาพร้อมๆ กันก่อนคาเรนจะเป็นฝ่ายเปิดปากพูดก่อนเพื่อไม่ให้เกิดบรรยากาศกระอักกระอ่วน
“เดี๋ยวฉันแยกไปร้านไม้กวาดสามอันนะ”
“แล้วเจอกันตอนซ้อมนะ คาเรน”
“ได้เลย -- ฝากดูแลเพื่อนฉันด้วยนะ อีริค”
“ไม่มีปัญหา เอ้อ คอยเดี๋ยวคาเรน มีจดหมายจากเพื่อนของฉันแล้วก็รุ่นน้องอีกสองสามฉบับที่อยู่ฮัฟเฟิลพัฟฝากมาให้เธอแน่ะ”
คาเรนรับจดหมายสี่ฉบับมาด้วยความแปลกใจ บนซองมีชื่อเธอเขียนเอาไว้ด้วยลายมือต่างกันแถมบางฉบับมีรูปหัวใจต่อท้ายด้วย
อันที่จริงวาเลนไทน์ปีที่ผ่านมาใช่ว่าจะไม่เคยมีจดหมายตกมาถึงมือเธอ แต่ครั้งนี้แปลกตรงที่คนส่งคืออีริคที่ให้มาพร้อมกันถึงสี่ฉบับ
“ขอบคุณนะ -- ว่าแต่ทำไมทุกคนถึงให้นายเป็นคนเอามาให้ฉันล่ะ”
อีริคยกมือเกาท้ายทอยแก้เขิน “เรื่องนั้น...คือฉันดันคุยกับเพื่อนที่ห้องนั่งเล่นรวมว่าจะชวนโจซี่มาฮอกส์มี้ดแล้วก็มีหลายคนได้ยิน
แบบว่าเธอเข้าใจใช่ไหม ถ้าฉันอยู่กับโจซี่ก็หมายความว่าเธอก็น่าจะอยู่ด้วย พวกนั้นเลยฝากจดหมายมากับฉัน อันที่จริงมีฮัฟเฟิลพัฟ
หลายคนเลยแหละที่เชียร์เธอตอนแข่งควิดดิช รู้ไหม”
“จริงหรือ ขอบคุณที่บอกนะ ฝากขอบคุณคนที่เชียร์ฉันด้วย -- แล้วก็...ไว้เจอกันนะโจซี่” คาเรนบอกกับทั้งคู่แล้วแยกตัวออกมาเอง
อย่างรู้งานโดยไม่ต้องให้ใครบอก
แผนมาดื่มบัตเตอร์เบียร์กับเพื่อนซี้เป็นอันต้องล่มไปก็จริงแต่จะให้กลับไปฮอกวอตส์ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก ถึงตอนนี้จะฉายเดี่ยวแล้ว
อย่างน้อยถ้าได้บัตเตอร์เบียร์อุ่นๆ รสหวานนุ่มละมุนลิ้นสักแก้วมาปลอบประโลมหัวใจที่ไร้คู่ก่อนกลับไปซ้อมควิดดิชตอนบ่ายก็ยังดี --
กลิ่นหอมละมุนของบัตเตอร์เบียร์ลอยมาเตะจมูกทันทีที่เปิดประตูร้านเข้าไป คาเรนเลือกนั่งตรงเคาน์เตอร์เพราะที่อื่นถูกคู่รักส่วนใหญ่
จับจองกันไปหมดแล้ว
มาดามโรสเมอร์ทาวางแก้วบัตเตอร์เบียร์แก้วใหญ่ให้คาเรนแลกกับสองเหรียญซิกเกิ้ล
“ขอบคุณค่ะ”
“แฟนคนหล่อๆ ที่มาด้วยกันคราวนั้นไม่ได้มาด้วยหรือจ๊ะ”
“คุณคงจำผิดแล้วมั้งคะ หนูไม่เคยมีแฟนค่ะ”
“ฉันจำแม่นไม่ผิดแน่ ก็พ่อหนุ่มคนนั้นไง เอ -- รู้สึกจะนามสกุลเบรฟเวอร์ลีย์หรืออะไรทำนองนี้แหละ”
“หมายถึงคาเมรอน เบรฟลีย์น่ะหรือคะ”
“อ้อ นั่นแหละใช่เลย ฉันรู้จักกับพ่อของเขานะ ลูกชายนี่หล่อได้พ่อมาทุกกระเบียดนิ้วเลยเชียวแหละ ได้ข่าวมาว่าเล่นกีฬาก็เก่งด้วยนี่
จริงไหม แต่วาเลนไทน์ทั้งทีเขาน่าจะชวนหนูไปเดตแทนที่จะปล่อยให้มานั่งคนเดียวแบบนี้นะ”
คาเรนอยากจะกลอกตาหมุนกลับเข้าไปในเบ้าสักรอบถ้าไม่ติดว่ามันจะดูเสียมารยาทเกินไป อุตส่าห์หนีคาเมรอนมาแล้วก็ยังไม่วาย
มาเจอคนถามถึงเขาอีก “เขาไม่ใช่แฟนหนูค่ะ เราเป็นแค่เพื่อนร่วมชั้นกันแล้วเขาจะเป็นยังไงหนูก็ไม่ได้อยากรู้ด้วยและมาดามโรสเมอร์ทาคะ
หนูว่ามีลูกค้ากำลังรออยู่นะคะ”
ครึ่งชั่วโมงให้หลัง คาเรนออกมาจากร้านไม้กวาดสามอันพร้อมร่างกายอันอบอุ่นแต่ไม่ได้รู้สึกรื่นรมย์นักเพราะบทสนทนาที่เจอ
เธอยกข้อมือมาดูเวลา ยังเหลือเวลาอีกเหลือเฟือพอจะเดินเล่นต่ออีกหน่อยแล้วค่อยกลับไปอ่านจดหมายที่ฮอกวอตส์
คาเรนเอามือซุกกระเป๋าเสื้อเดินเรื่อยเปื่อยอย่างไร้จุดหมาย เธอหวังว่าโจซี่กับอีริคจะเข้ากันได้ดีและรู้สึกสนุกกว่าที่เธอเป็นอยู่ตอนนี้
สุดท้ายเท้าทั้งสองข้างก็พามาหยุดอยู่ตรงหน้าร้านขนมฮันนี่ดุกส์ที่คนดูบางตาลงไปมากแล้ว
ขนมขายดีวันนี้หนีไม่พ้นช็อกโกแลตรูปหัวใจที่พร่องไปจนเหลือแค่กล่องเดียวซึ่งไม่ได้อยู่ในความสนใจของคาเรนเลยแม้แต่น้อย
การ์ดกบช็อกโกแลตกลับไม่เป็นที่นิยมนักในวันนี้ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับขนมที่ถูกเมินในวันวาเลนไทน์นี้เด็กสาวจึงหยิบมาให้ตัวเอง
หนึ่งกล่อง
แต่แล้วเธอก็เกิดสะดุดตากับช็อกโกแลตที่มีรูปร่างเหมือนกับกล้องถ่ายรูปวางอยู่ในตะกร้าชั้นที่ตรงกับระดับสายตาพอดี
ใบหน้าคอลินผุดขึ้นมาในหัวอัตโนมัติแล้วเธอก็หยิบมันมาจ่ายเงินด้วยหัวใจที่พองโตราวกับสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ดูเหมือนสติกลับมาทันทีที่ออกจากร้าน คาเรนชะงักเพราะช็อกโกแลตในมือ -- ทำไมถึงต้องซื้อให้คอลินด้วยล่ะ? แถมซื้อให้คอลิน
แค่คนเดียวอีก พอคิดไปถึงตอนที่จะให้เขาแล้วมีคนอื่นในทีมร้องแซวเธอหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมาจนต้องรีบย้อนกลับเข้าร้านฮันนี่ดุกส์อีกรอบ
แล้วซื้อการ์ดกบช็อกโกแลตมาเพิ่มให้พอดีกับสมาชิกทั้งทีมแบบไม่เสียดายเงิน
ตกบ่ายคาเรนกลับมาถึงฮอกวอตส์โดยสวัสดิภาพและเตรียมพร้อมอยู่ในชุดควิดดิชเรียบร้อยแล้วที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าข้างสนาม
ระหว่างนั้นก็แจกการ์ดกบช็อกโกแลตให้ทุกคนเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์กระทั่งเหลือคอลินเป็นคนสุดท้ายที่ยังไม่มาสักที
ห้านาทีต่อมาคอลินวิ่งมาถึงสนามด้วยสภาพหอบแฮ่กเพราะมัวแต่ถ่ายรูปเพลินจนลืมไปว่ามีซ้อมควิดดิช
“ให้เวลาเตรียมตัวห้านาที ส่วนพวกเราที่เหลือออกไปวอร์มร่างกายกันก่อน” คาเรนบอกคอลินก่อนหันไปบอกกับคนที่เหลือ
ตอนนี้เธอกลับมาจริงจังกับควิดดิชแล้วทำให้ลืมช็อกโกแลตของคอลินไปเสียสนิท
นาฬิกาเรือนใหญ่ในปราสาทตีบอกเวลาหกโมงเย็นเป็นเวลาเลิกซ้อมพอดี สมาชิกในทีมพากันออกไปจากห้องเตรียมตัวข้างสนาม
แบบเงียบกริบที่สุดโดยไม่ลืมชูกำปั้นให้กำลังใจคอลินแล้วตั้งใจทิ้งเขาให้อยู่กับกัปตันที่กำลังตรวจดูลูกบอลในหีบว่าเรียบร้อยดีไหม
ตามลำพัง
“เรียบร้อย” คาเรนยืดตัวบิดขี้เกียจ ทุบแขนที่ปวดระบมไปหมด
คอลินกระแอมเบาๆ “คาเรน”
“หือ?”
“เอ้านี่” เขายื่นช็อกโกแลตรูปหัวใจให้เธอแต่ไม่กล้าสบตามองเธอตรงๆ “ศาสตราจารย์ลูปินเคยบอกว่ากินช็อกโกแลต
จะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น ฉันเลยคิดว่าถ้าได้กินหลังจากซ้อมควิดดิชมาเหนื่อยๆ ก็ยิ่งดี เอ่อ...แล้วก็...สุขสันต์วันวาเลนไทน์”
“ขะ...ขอบคุณนะ” คาเรนรับมาด้วยหัวใจที่เต้นรัวก่อนนึกขึ้นได้ “ฉันก็มีให้นายด้วยเหมือนกัน” เธอหมุนตัวกลับไปที่กระเป๋าสะพาย
ของตัวเอง เจอช็อกโกแลตรูปกล้องถ่ายรูปที่เธอคิดว่าจะให้เขา แต่ดันมาชะงักเพราะถ้าเกิดให้เขามันก็เหมือนเป็นการบอกชอบเขากลายๆ
เลยตัดสินใจเอาในวินาทีสุดท้ายหยิบการ์ดกบช็อกโกแลตที่เหมือนกับของคนอื่นอันที่ตั้งใจซื้อมาให้ตัวเองยกให้เขาไปแทน
“แฮปปี้วาเลนไทน์ -- ควิดดิชนัดสุดท้ายก็ขอฝากตัวด้วย”
คอลินมองช็อกโกแลตอันแสนธรรมดาแต่ไม่ธรรมดาเพราะคนให้ด้วยตาเป็นประกาย “ให้ฉันจริงๆ หรือ? ขอบคุณนะ!”
※
มื้อเย็นที่ห้องโถงใหญ่ครึกครื้นยิ่งกว่าทุกวัน ทั่วทุกอณูถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศของวันแห่งความรัก คอลินเดินเข้าห้องโถงใหญ่
มาพร้อมกับเดนนิสหลังไปเปลี่ยนจากชุดควิดดิชเป็นชุดลำลอง อยู่ๆ ทุกอย่างก็เงียบลงเพราะเสียงกระแอมของนักร้องเฉพาะกิจ
“วันวาเลนไทน์อันยาวนานนี้ใกล้จะสิ้นสุดลงเต็มที ในที่สุดบริการกามเทพสื่อรักก็ได้เดินทางมาถึงคนสุดท้ายแล้วครับ!
มาจากกัปตันหนุ่มถึงกัปตันสาวที่เป็นขวัญใจหนุ่มๆ หลายคนในที่นี้ แม้แต่ผมก็ชื่นชอบการหวดลูกบลัดเจอร์ของเธอด้วย
เป็นที่น่าเสียดายไม่น้อยที่วันนี้หนุ่มๆ หลายคนอาจจะต้องอกหักดังเป๊าะเพราะเธออาจจะกำลังเปลี่ยนสถานะ ไม่โสดอีกต่อไป”
คอลินอ้าปากค้าง ยืนทื่ออยู่ตรงประตูเข้าห้องโถงใหญ่ราวกับเป็นรูปปั้น ต่อให้คนทึ่มที่สุดในฮอกวอตส์ก็ยังรู้ว่ากัปตันสาวที่ว่านั้น
หมายถึงใคร -- คาเรนตักสตูเนื้อเข้าปากต่อไปทั้งที่รอบข้างต่างกระซิบกระซาบชื่อเธอกันแบบไม่เกรงใจกันสักนิด ไม่นานหลังจากนั้น
เสียงพื้นรองเท้าที่กระทบพื้นหินสามคู่ก็มาหยุดอยู่ข้างหลังเธอพร้อมกับมีมือหนึ่งยื่นมาวางดอกกุหลาบสีแดงสดไว้บนโต๊ะข้างๆ แขนเธอ
“ถึงคุณคาเรน เคลียร์วอเทอร์ กระผมผู้รับหน้าที่เป็นกามเทพในวันนี้จะขออนุญาตร้องเพลงให้คุณเป็นคนสุดท้ายของวันต่อให้คุณ
จะไม่หันกลับมามองพวกเราทำการแสดงเพราะเขินอายก็ตาม”
คาเรนนั่งตัวเกร็ง ปากก็เคี้ยวชิ้นเนื้ออย่างไม่สบอารมณ์ขณะที่สายตาพุ่งเป้าไปยังคาเมรอนผู้ที่ขยิบตาส่งมาให้จากโต๊ะสลิธีริน
“ขยิบตาหาอะไร” เธอบ่นพึมพำกับตัวเอง ก้มหน้าลงกินต่อแบบไม่ใส่ใจนักว่าเพลงที่ร้องจะมีเนื้อหาหวานหยาดเยิ้มแค่ไหน
รู้ก็แต่เสียงของคนร้องที่ใช้งานมาอย่างหนักทั้งวันนั้นแหบจนเกินเยียวยา เสียงกีตาร์ก็เหมือนจะออกเพี้ยนนิดๆ อาจเพราะดีดมาทั้งวัน
จนเจ็บมือ และท้ายสุด กลีบดอกไม้ที่ถูกโปรยลงมามีมากเกินไปเพราะคิวนี้เป็นคิวสุดท้ายนั้นมันช่างขัดขวางการกินของเธอเสียจริง!
มือข้างที่ว่างหยิบกลีบดอกไม้ออกจากช้อนก่อนตักสตูคำสุดท้ายเข้าปาก ตบท้ายด้วยยกแก้วน้ำฟักทองดื่มรวดเดียวหมดก็พอดีกับ
เพลงที่จบลง
“ขออภัยที่เสียงแหบไปนิดหน่อยจากการร้องเพลงทั้งวันครับ เพลงสื่อรักนี้มาจากคุณคาเมรอน เบรฟลีย์ บีตเตอร์สุดหล่อทั้งยังเป็น
กัปตันทีมสลิธีริน”
บรรดาเพื่อนฝูงของคาเมรอนบ้างก็ร้องแซว บ้างก็เป่าปากต่างยกมือผลักคาเมรอนเบาๆ กัปตันหนุ่มคลี่ยิ้มน้อยๆ ให้คาเรน
ขณะที่มีเสียงกรี๊ดกร๊าดดังมาจากทุกสารทิศ
กามเทพจำเป็นส่งเสียงกระแอมมาจากด้านหลังคาเรน “เพื่อให้งานของพวกเราจบอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นกรุณาบอกคำตอบของคุณ
เพื่อที่พวกเราจะได้นำคำตอบกลับไปบอกคุณคาเมรอน เบรฟลีย์ เอาล่ะครับทีนี้ก็ถึงเวลาให้คำตอบแล้ว คุณคาเรน เคลียร์วอเทอร์
มีความเห็นว่าอย่างไรถ้าหากเขาจะขอคุณคบในสถานะแฟน”
คาเรนลุกขึ้นยืนหันไปประจันหน้ากับคาเมรอน ในเมื่อเขาอยากให้คนทั้งโรงเรียนรู้งั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะต้องให้คำตอบ
แบบหลบๆ ซ่อนๆ
เธอมองสบตาคาเมรอนก่อนบอกแบบไม่อ้อมค้อมว่า
“ฉันไม่ได้ชอบนาย”
※
ความคิดเห็น