คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : 8 ll Where are you ?
8
Where are you ?
ฮอกวอตส์กลับมาสงบอีกครั้งหลังจากเมื่อวานเกิดความวุ่นวายไปทั่วปราสาท เฟร็ดกับจอร์จจุดดอกไม้ไฟฟิลิบัสเตอร์
ภายในห้องนั่งเล่นรวมของกริฟฟินดอร์และเสกคาถาเพิ่มไปอีกนิดหน่อย ทว่าผลที่ตามมานั้นไม่นิดเอาเสียเลย เมื่อมีเด็กปีหนึ่งเปิดประตู
เข้ามาในห้องนั่งเล่น ประกายไฟสีส้มกระเด็นออกไป ประกายดาวนับพันๆ พุ่งออกไปทั่วปราสาทพร้อมเสียงปะทุดังลั่น สร้างความแตกตื่น
ให้ทั้งอาจารย์และนักเรียน -- แน่นอนว่าหลังจากนั้นมีจดหมายรายงานพฤติกรรมพวกเขาสองคนไปยังบ้านโพรงกระต่าย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านางวีสลีย์ แม่ของพวกเขาจะโกรธราวภูเขาไฟระเบิดขนาดไหนเมื่อได้รับจดหมายฉบับที่สี่แล้วสำหรับแค่ในปีนี้
เช้าวันนี้อากาศค่อนข้างหนาว ลูน่าเดินกอดหนังสือเรียนวิชาแปลงร่างแนบอกขณะกระโดดกระหย็องกระแหย็งไปตามระเบียง
ทางเดินชั้นสอง ในระหว่างนั้นเด็กสาวผมบลอนด์ได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญเสียงดังลอดออกมาจากห้องน้ำหญิง เธอหยุดยืน
และฟังเสียงนั้นให้ชัดๆ พลางมองดูประตู มีป้ายอันใหญ่เขียนเอาไว้ว่า ‘ชำรุด’
“หล่อนคงโดนแกล้งอีกแล้วล่ะสิ” เสียงเล็กแหลมดังมาจากทางด้านหลัง ลูน่าหันกลับไปดูก็เห็นเด็กสาวหน้างอที่บอกเธอก่อนหน้านี้
ว่ามีนาร์เกิ้ลอยู่ในป่าต้องห้ามยืนอยู่ข้างกันกับเด็กหญิงผมบลอนด์บ้านสลิธีริน
“คุณหมายถึงใครเหรอ?”
ลูน่าถามเสียงค่อยเพราะกลัวว่าคนข้างในจะได้ยิน
พาร์กินสันเดินขยับเข้ามาพลางเอาหูแนบกับประตู “ก็วอร์เรนยังไงล่ะ” เด็กสาวหน้างอบอก ซึ่งเป็นชื่อที่ลูน่าไม่เคยได้ยินผ่านหูเลย
สักครั้ง “หล่อนอยู่บ้านเดียวกับเธอนะรู้ไหม ถ้าเป็นฉันในฐานะเด็กบ้านเดียวกันอย่างเธอฉันจะเข้าไปปลอบหรือไม่ก็พูดให้กำลังใจหล่อน
ข้างในสักสองสามประโยค”
มือเล็กขาวซีดของลูน่าเอื้อมไปแตะลูกบิดทองเหลืองที่ประตู แต่ก็เกิดอาการลังเล กระทั่งพาร์กินสันแทรกเข้ามาเปิดประตูแทน
พร้อมดันหลังเด็กสาวตัวเล็กให้เดินเข้าไป
ฮอกวอตส์เป็นปราสาทเก่าแก่ก็จริง แต่ลูน่าไม่เคยรู้ว่ามาก่อนว่าจะมีห้องน้ำที่เข้ามาแล้วชวนหดหู่ได้ขนาดนี้ กระจกบานใหญ่
ฉายภาพตัวของเธอเองที่ดูแทบไม่รู้เรื่องเพราะมันร้าวแถมยังด่างเป็นดวงๆ พื้นห้องน้ำชื้นแฉะสะท้อนแสงสลัวจากเทียนที่ใกล้จะดับเต็มที
เสียงร้องไห้น่าสงสารดังขึ้นไม่หยุด ลูน่าหันหลังกลับหวังจะหันไปหาพาร์กินสันเพื่อจะเดินไปด้วยกัน ทว่าสิ่งที่เธอเห็นกลับเป็น
แสงริบหรี่ที่ลอดเข้ามาจากข้างนอกกำลังเล็กลงเรื่อยๆ จนมืดสนิทเพราะประตูถูกปิดลง โชคดีที่ยังมีแสงเทียนช่วยให้พอรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
ได้บ้าง เด็กสาวก้าวช้าๆ ไปยังประตูเพราะพื้นที่ลื่นมาก มือเล็กเอื้อมไปจับลูกบิด ปรากฏว่ามันถูกล็อคไปแล้ว
ลูน่ายกมือขึ้นจับหูข้างซ้ายที่เธอมักจะเสียบไม้กายสิทธิ์เอาไว้เพื่อความปลอดภัยและหยิบมาใช้ได้ง่ายๆ แต่แล้วกลับมีเพียงความ
ว่างเปล่า เด็กสาวพยายามใจเย็นและสำรวจดูทั่วตัวว่าอยู่ในเสื้อคลุมบ้างหรือเปล่า ...ไม่มี ก่อนเธอจะตระหนักได้ว่าตอนที่เธอเดินเข้ามา
และมัวอึ้งกับสภาพห้องน้ำ
คงเป็นช่วงที่เด็กสาวหน้างอคนนั้นดึงมันออกไป
“เฮ้
ฉันยังอยู่ในนี้นะ!” ลูน่าตะโกนออกไปข้างนอกพร้อมเคาะประตูไปด้วย
แต่ก็ไร้วี่แววผู้หญิงสองคนนั้นหรือใครสักคน
ราวสิบห้านาทีได้กับการขอความช่วยเหลือจากข้างนอก เพราะข้างในนี้ยังมีเธอและผู้หญิงอีกคนที่ร้องไห้อยู่ เมื่อรู้ว่าไม่มีประโยชน์
อะไรที่จะยืนตะโกนอยู่ตรงนี้ ลูน่าก็ยอมผละออกจากตรงนั้น เธอเดินเข้าไปลึกขึ้น มีประตูเรียงรายกันในสภาพที่ไม่สมบูรณ์นัก
บางบานมีรอยขีดข่วน หนักสุดคือห้อยหลุดจากบานพับรอวันล้มพับลงไปบนพื้นเปียกๆ นี่
ลูน่าเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องสุดท้ายที่ประตูถูกเปิดเอาไว้ คนผมบลอนด์คาดหวังว่าจะมีเด็กผู้หญิงที่น่าสงสารนั่งร้องไห้อยู่
เธออยู่ตรงนั้น เพียงแต่...ร่างของเธอโปร่งแสง
เด็กสาวเก็บอาการตื่นกลัวเล็กน้อยของเธอพลางเอ่ยทักด้วยสุ้มเสียงที่แหบพร่า “สวัสดี”
“เธอเป็นใคร!” วิญญาณสาวคนนั้นตะโกนสุดเสียงใส่ นั่นไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่มันเหมือนเป็นการไล่ลูน่าให้ออกไปมากกว่า
เธอก็อยากจะทำอย่างนั้นอยู่หรอก
ถ้าหากไม่ถูกขังเอาไว้อย่างนี้...
“ฉัน
ลูน่า --ลูน่า เลิฟกู๊ด”
“ฉันก็ไม่ได้อยากรู้จักเธอหรอกนะ แต่ก็ไม่อยากจะเสียมารยาท ฉันเมอร์เทิล วอร์เรน พวกคนใจร้ายข้างนอกนั่นเรียกฉันว่า
เมอร์เทิลจอมคร่ำครวญ”
ลูน่าเบิกตากว้างที่แม้จะกลมโตอยู่แล้วก็ตาม
“คุณนั่นเอง”
“รู้แล้วก็ออกไปซะสิ!”
เธอตวาด “แล้วปล่อยให้ฉันทุกข์ทรมานอยู่ในนี้คนเดียว”
“ขอโทษที่รบกวนคุณ
แต่ฉันออกไปไม่ได้” ลูน่าตอบพลางพยักพเยิดไปทางประตู “ประตูถูกล็อค
..ไม่มีไม้กายสิทธิ์”
“โอ้ เธอก็ถูกแกล้งเหมือนฉันเหรอ” สีหน้าเกรี้ยวกราดของเมอร์เทิลดูอ่อนลงทันที เธอลอยหวือขึ้นมาจากโถส้วมมาหยุดอยู่ตรงหน้า
คนตัวเล็ก
“บางที..พวกเขาอาจลืมว่ามีฉันอยู่ในนี้”
“ไม่มีทางซะหรอก เธอเชื่อฉันเถอะ ฉันจำเสียงที่คุยกับเธอก่อนหน้านี้ได้” เมอร์เทิลหยุดพูดเพราะน้ำตารื้นขึ้นมา เธอสะอึกสะอื้น
“เป็นเสียงเดียวกับที่เข้ามาเยาะเย้ยฉันตอนเช้า --หล่อนเป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารังเกียจที่สุด! หรือว่าเธอเองก็จะมาทำแบบเดียวกันใช่ไหม เอาสิ
ด่ามาเลย จะขว้างปาอะไรก็เชิญเลย!”
“ฉันไม่ทำแบบนั้นหรอก
--ถึงคุณจะ...ถึงคุณจะเป็นแบบนี้ แต่ฉันจะไม่ทำอะไรแบบนั้นเด็ดขาด”
“จริงนะ?”
เมอร์เทิลถามหลังยกแขนเสื้อคลุมมาเช็ดน้ำตาเสร็จแล้ว
“อื้ม”
ลูน่าพยักหน้ารับ
“งั้นระหว่างที่เธอออกไปไม่ได้ ฉันจะคุยอยู่เป็นเพื่อนก็แล้วกัน โอ้!” วิญญาณเด็กสาวทำตาโต ยกมือขึ้นปิดปาก “เธออยู่เรเวนคลอเหรอ?
เหมือนฉันเลย! ตอนนี้หอคอยเรเวนคลอเป็นยังไงบ้าง ยังเหมือนกับตอนที่ฉันยังมีชีวิตอยู่ไหม เพดานห้องนั่งเล่นยังมีรูปดาวอยู่หรือเปล่า”
เมอร์เทิลถามอย่างตื่นเต้นและตื้นตันเมื่อได้ย้อนความหลัง
“เพดานห้องนั่งเล่นรวมมีรูปดาว
มันสวยมากๆ เลย”
“แล้วผ้าม่านล่ะ
ผ้าไหมสีน้ำเงิน ยังเหมือนเดิมหรือเปล่า”
“ฉันคิดว่าน่าจะยังเหมือนเดิมทุกอย่างนะ” ลูน่าพูดตามที่เธอเคยอ่านในหนังสือ ในประวัติบ้านเรเวนคลอมีเขียนเอาไว้ด้วย
ว่าภายในห้องนั่งเล่นรวมหรือหอนอนในสมัยก่อนเป็นยังไง
“งั้นเหรอ ...ดีใจจัง” เมอร์เทิลเผยรอยยิ้มบางๆ อย่างที่ใครก็ไม่เคยเห็นมาก่อน ความรู้สึกอบอุ่นในวันแรกที่เธอมาเยือนฮอกวอตส์
และได้รับคัดเลือกเข้าเรเวนคลอหวนกลับคืนมาชวนให้คิดถึง
ตอนนี้ลูน่าไม่รู้สึกว่าเธอคือเมอร์เทิลจอมคร่ำครวญที่ใครต่อใครเล่ากันว่าเธอจะเอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญน่ารำคาญแถมยังเป็นมลพิษ
กับหู
ตอนนี้เธอดูเหมือนกับเด็กสาวธรรมดาที่ชื่อ เมอเทิล วอร์เรน มากกว่า
ลูน่าโล่งอกขึ้นเมื่อเห็นเมอร์เทิลหยุดร้องไห้แล้ว แต่กลับเป็นเธอเสียเองที่รู้สึกแย่ขึ้นมาเล็กน้อย ในนี้ชื้นแถมยังอากาศหนาว
เพียงแค่หายใจรดกระจกก็มีไอขึ้นเต็มบานแล้ว
⭐
“เป็นอะไรไปจินนี่ ทำหน้าเครียดเชียว” เฮอร์ไมโอนี่ถามด้วยความเป็นห่วง เธอเห็นจินนี่นั่งเหม่อไม่ยอมกินไก่ทอดในจานเสียที
หนำซ้ำยังถูกรอนเซ้าซี้ให้เธอเป็นคนถามอีก ทั้งที่จินนี่เป็นน้องสาวของเขาแท้ๆ
แต่กลับไม่ยอมถามเอง
“ลูน่าหายไป”
“ว่าไงนะ? หายไปไหน?”
จินนี่ชำเลืองมองจอร์จที่ถามเธอเสียงดังทั้งที่มีขนมปังอยู่เต็มปาก ถ้าเธอรู้ก็คงไม่ต้องมานั่งเครียดแบบนี้หรอก
“ถ้ารู้ก็ไม่เรียกว่าหายหรอกจอร์จ”
“เอ้อ ใช่..” จอร์จหดคอกลับมาที่เดิม ทำไมเขาจะไม่รู้ว่านังหนูไม่ได้อยู่ที่นี่ คนผมแดงรอจังหวะถามจินนี่ตั้งนานแล้ว
แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง จอร์จคิดว่าบางทีนังหนูอาจยังทำงานไม่เสร็จ หรือไม่ก็รอเพื่อน แต่เขาไม่คิดว่าเธอจะหายไป
“ลูน่าหายไปตั้งแต่คาบแรกแล้ว
มาเรียก็ไม่รู้ว่าเธอไปอยู่ที่ไหน”
“อย่าเพิ่งคิดมากไปเลยน่า” เฟร็ดบอก “อาจไม่สบายแล้วนอนอยู่ที่ห้องพยาบาล เอาไว้กินเสร็จแล้วไปดูก็ได้”
เฟร็ดพยายามพูดให้จินนี่สบายใจ ทว่าคนข้างตัวเขาอย่างจอร์จกลับร้อนรนกว่าเดิม ..ไม่สบาย? ฟังดูแล้วมันน่าสบายใจตรงไหนกัน??
⭐
เดรโกไม่สามารถทำใจให้สงบได้เลยเมื่อเห็นพาร์กินสัน เด็กสาวหน้างอที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษขณะทานอาหารเย็น
“มีอะไรน่ายินดีนักหรือไง
พาร์กินสัน”
“นายสนใจฉันด้วยเหรอเดรโก”
“มันรำคาญตาต่างหาก
เอาแต่ยิ้มอยู่ได้”
“ช่วยไม่ได้นี่
วันนี้ฉันอารมณ์ดี” ไม่ว่าเปล่าพาร์กินสันยังฮัมเพลงไปด้วยขณะหยิบทาร์ตน้ำตาลข้น
เดรโกที่เห็นอย่างนั้นก็ยิ่งหงุดหงิด ยัยเด็กบ้านเรเวนคลอที่ชอบทำตัวล่องลอยก็หายไปไหนทั้งวันก็ไม่รู้ ไม่อย่างนั้นเขาคงได้
ไปพูดระบายอารมณ์กับเธอแล้ว
คนแบบนั้นต่อให้เขาพูดจาไม่ดีใส่เท่าไรก็คงไม่ทำอะไรเขานอกจากเดินหนีไปก็เท่านั้น
ถัดไปทางโต๊ะของกริฟฟินดอร์ ทุกคนต่างเฮฮาสนุกสนานกันตามปกติ ดูเหมือนยิ่งใกล้เทศกาลคริสต์มาสก็ยิ่งทำให้อารมณ์ดี
อย่างไงอย่างงั้น ยกเว้นก็แต่ครอบครัววีสลีย์ที่มองไปทางโต๊ะเรเวนคลอกลับไม่เจอเด็กสาวผมบลอนด์ที่ชอบเหม่อมองดวงดาวระยิบระยับ
ของเพดานเวทมนตร์ในห้องโถงใหญ่จนลืมกินอาหารเหมือนอย่างเคย
โดยเฉพาะจอร์จ เขาใช้ส้อมเขี่ยอาหารในจานที่พูนไปด้วยเนื้อย่างหอมๆ ตั้งแต่ยังร้อนๆ มีควันลอยฉุยจนตอนนี้กลายเป็นกองเนื้อ
เย็นชืดไปหมดแล้ว
ก็ไม่มีทีท่าว่าคนผมแดงจะตักอะไรเข้าปาก
เฮอร์ไมโอนี่กับแฮร์รี่หาคำพูดมาปลอบเพื่อให้ทุกคนสบายใจ
แต่กลายเป็นว่าทั้งสองก็เริ่มไม่สบายใจไปแล้วด้วยเหมือนกัน
“จินนี่” จอร์จละสายตาจากจานตรงหน้าหันไปเรียกน้องสาวของเขา “ไม่มีอะไร” แต่แล้วก็หันกลับมาเขี่ยเนื้อตามเดิมทั้งที่ในใจนั้น
กระวนกระวายจนอยากลุกไปถามอาจารย์หรือไม่ก็ลุกไปตามหาเธอตั้งแต่กลางวันแล้ว
ในตอนนั้นเองที่เฟร็ดกับจอร์จมองเห็นเดรโกลุกพรวดจากโต๊ะสลิธีรินเดินออกไปจากห้องโถงโดยมีเสียงแหลมจากพาร์กินสันรั้งเอาไว้
แต่คนผิวซีดก็ไม่ยอมหยุดเดิน
พวกเขาติดใจสงสัยกับประโยคที่พาร์กินสันตะโกนตามหลังมา เธอพูดว่า ‘ตามหาไปก็ไม่เจอหรอก’
ฝาแฝดวีสลีย์หันมามองหน้ากันแล้วลุกขึ้นวิ่งตามเดรโกออกจากห้องโถงไป
“เฮ้
พวกนายจะไปไหนกันน่ะ” รอนตะโกนถาม ใจอยากจะลุกตามไปอยู่หรอกถ้าไม่ติดว่าเสียดายอาหารในจานที่ยังพูนอยู่
⭐
“นั่นนายกำลังจะไปไหนน่ะมัลฟอย”
คนถูกทักหยุดชะงักอยู่กับที่ก่อนหมุนตัวกลับมามองด้วยความสงสัย “พวกวีสลีย์? ..มีอะไร”
“ฉันถามว่านายกำลังจะไปไหน”
“ยุ่งอะไรด้วย”
“ฉันกับจอร์จถามนายดีๆ
นะ”
“แล้วคิดว่าไงล่ะ?”
เดรโกยกมือขึ้นกอดอกมองคนตัวสูงชะลูดสองคน คิ้วที่ขมวดอยู่หายไป
มีรอยยิ้มเย้ยหยันเข้ามาแทน
จอร์จไม่ได้อยากจะสนทนากับคุณชายหัวเจลนี่นัก แต่เดรโกอาจมีเบาะแสอะไรบางอย่างอยู่ก็ได้ เลยท่องไว้ในใจว่าอย่าสาป
คนตรงหน้านี้เด็ดขาด
“นายรู้เรื่องที่ลูน่าหายไปใช่ไหม”
จอร์จพูดตรงๆ แบบไม่อ้อมค้อม เขาแอบจับสีหน้าเดรโกที่เปลี่ยนไปได้เล็กน้อย
“เป็นแฟนยัยเด็กสติเฟื่องนั่นหรือ
ถึงได้เป็นห่วงกันขนาดนั้น”
“วันนี้ฉันไม่อยากเถียงกับนาย”
เดรโกเลิกคิ้วขึ้นพลางพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจแล้ว แต่ก็ยังไม่เลิกวางมาด “ฉันไม่รู้ว่ายัยนั่นหายไปไหน --แต่ถ้าพวกนาย
จะไปตามหาล่ะก็รีบหน่อยล่ะ อากาศหนาวแบบนี้ ป่านนี้ยัยสติเฟื่องคงร้องไห้คร่ำครวญดังไปทั่วห้องน้ำแล้วมั้ง” เด็กชายผมบลอนด์จงใจ
เน้นคำว่า ‘คร่ำครวญ’ กับ ‘ห้องน้ำ’ แล้วสะบัดเสื้อคลุมเดินกลับไปที่ห้องโถง
“คร่ำครวญ --”
“ห้องน้ำ
--”
“เมอร์เทิลจอมคร่ำครวญ!!”
ฝาแฝดผมแดงพูดขึ้นพร้อมกันก่อนทั้งสองจะรีบวิ่งไปยังชั้นสองทันที
เมื่อพวกเขามาถึงและยืนหอบอยู่หน้าห้องน้ำที่มีป้ายติดไว้ว่า ‘ชำรุด’ เฟร็ดก็สังเกตเห็นแท่งไม้เล็กๆ หลบอยู่ในมุมมืดข้างประตู
เขาก้มหยิบมันขึ้นมาดูปรากฏว่ามันคือไม้กายสิทธิ์
จอร์จลืมอาการเหนื่อยหอบไปซะสนิท เขายืดตัวตรงแล้วคว้าไม้กายสิทธิ์จากเฟร็ดมาดูให้ชัดๆ “ไม้กายสิทธิ์ของนังหนู ฉันจำได้”
ได้ยินอย่างนั้นเฟร็ดก็ไม่รอช้ารีบบิดลูกบิดประตู
แน่นอนว่ามันถูกล็อคเอาไว้ แสดงว่าลูน่าต้องอยู่ที่นี่มาทั้งวันแน่นอน
จอร์จหยิบไม้กายสิทธิ์ของตัวเองออกจากเสื้อคลุมแล้วร่ายคาถาใส่ลูกบิด “อาโลโฮโมรา” ทว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็เท่ากับว่ายิ่งเพิ่ม
ความเป็นห่วงให้เขาเข้าไปอีก ตอนที่เขาเจอลูน่าครั้งล่าสุดก็ตอนกินอาหารเช้า เขาจำได้แม่นว่าวันนี้นังหนูไม่ได้พันผ้าพันคอมาด้วย
แถมต้องอยู่ในห้องน้ำชื้นๆ
ทั้งวันอีก ตอนนี้คงต้องหนาวมากแน่ๆ
ทางฝั่งของเดรโก เมื่อเขากลับเข้ามายังห้องโถงใหญ่ก็ตรงไปหาพาร์กินสัน
เธอยังคงนั่งหัวเราะอยู่กับพวกแครบแล้วก็กอยล์
“ฝีมือเธอใช่ไหมพาร์กินสัน” เดรโกคว้าแขนเด็กสาวหน้างอที่กำลังหัวเราะร่วนกับมุกของแครบ
“นายพูดเรื่องอะไรน่ะเดรโก ฉันไม่เห็นจะเข้าใจ” มือเล็กของพาร์กินสันพยายามแกะมืออีกคนออกเพราะแรงบีบที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ
จนเธอเริ่มเจ็บ
เดรโกรู้ดีว่าคนที่ทำเป็นไขสือเข้าใจสิ่งที่เขาพูด มือขาวซีดของเขาเลื่อนมาบีบข้อมือเพื่อเค้นเอาคำตอบ “ฉันรู้ว่าเธอเข้าใจ” เด็กหนุ่ม
มองด้วยแววตาแข็งกร้าว พาร์กินสันทำหน้าเหยเกเพราะจนเจ็บไม่ไหว
“พอทีเถอะค่ะ” เด็กหญิงตัวเล็กลุกขึ้นห้ามพลางช่วยดึงมือเดรโกให้ออกจากข้อมือรุ่นพี่ของเธอ
“เธอรู้อะไรกับพาร์กินสันเรื่องยัยสติเฟื่องด้วยหรือไงกรีนกราส” เดรโกยอมปล่อยมือแล้วหันไปเค้นคำตอบด้วยสายตาเอาจากเด็กหญิง
ที่มักจะตัวติดอยู่กับพาร์กินสันบ่อยๆ
ตอนช่วงพัก
กรีนกราสอึกอักอยู่นานก่อนยอมบอกความจริง “แพนซี่แกล้งให้เธออยู่ในห้องน้ำหญิงชั้นสอง
ขังเธอเอาไว้ ..เพราะคุณเอาแต่พูดถึงเธอ”
เกิดเสียงฮือฮาขึ้นภายในห้องโถง เพราะก่อนหน้านี้ทุกคนต่างก็มุ่งความสนใจไปที่เดรโก ไม่มีใครพูดอะไรทำให้ได้ยินเสียงเล็กๆ
ที่กรีนกราสพูดชัดทุกคำ
“พอสักทีแอสโทเรีย!!” พาร์กินสันคะตอกใส่เด็กหญิงที่พูดมากเกินไปแล้ว ใบหน้าของเธอยิ่งง้ำงอหนักกว่าเก่า เธอลุกขึ้นด้วยใบหน้า
แดงก่ำ
ผลักอกเดรโกจนเซถลาไปด้านข้าง
พาร์กินสันตั้งท่าจะเดินออกจากห้องโถงไปแต่กลับถูกศาสตราจารย์ตัวเล็กอย่างฟลิตวิกยืนขวางทางเอาไว้
“คุณขังนักเรียนบ้านเรเวนคลอไว้ในห้องน้ำงั้นหรือคุณพาร์กินสัน?” อาจารย์ประจำบ้านเรเวนคลอถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
แม้จะไม่น่ากลัวเท่าศาสตราจารย์สเนปที่เพียงแค่เห็นหน้าก็กลัวกันหัวหด แต่เวลาอาจารย์ใจดีที่รักนักเรียนทุกคนเท่ากันถึงคราวโมโห
ขึ้นมาเมื่อไรก็น่ากลัวไม่แพ้สเนปเลย...
⭐
ในเมื่อใช้คาถาไม่ได้ผลก็ต้องใช้วิธีของพวกมักเกิ้ลที่ทั้งคู่เรียนรู้มา มีเสียงกริ๊กดังขึ้นหลังจอร์จใช้กิ๊บติดผมธรรมดาสะเดาะกุญแจ
จอร์จคิดภาพเอาไว้ว่าลูน่าคงกลัวจนร้องไห้ เธออาจถูกเมอร์เทิลแกล้ง เพราะพวกเขาเคยเอาประทัดมาจุดแกล้งให้เมอร์เทิลตกใจเล่น
แล้วก็ถูกเมอร์เทิลแกล้งหลอกให้ตกใจกลับทำเอาเกือบเป็นลม หรือเลวร้ายไปกว่านั้นเด็กสาวผมบลอนด์อาจหิวจนเป็นลมไปแล้วก็ได้
แต่พอจอร์จกับเฟร็ดวิ่งเข้าไปเจอกลับเจอร่างเล็กนั่งอยู่บนขอบอ่างล้างหน้า และมีเมอร์เทิลจอมคร่ำครวญลอยอยู่ตรงหน้าเธอ
จอร์จเดินตรงเข้าไปหาลูน่าพลางมองสำรวจเธอไปด้วยจนทั่วทั้งตัว
“เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม นังหนู หล่อนแกล้งเธอหรือเปล่า” สายตาคนผมแดงเหลือบไปมองเมอร์เทิล
“หยาบคายที่สุด! นี่ถ้าฉันไม่นั่งคุยอยู่เป็นเพื่อนกับแฟนของนายล่ะก็ เธอคงได้หนาวตายอยู่เป็นเพื่อนฉันที่นี่ไปแล้วย่ะ รู้เอาไว้ซะด้วย”
“...เธอเข้าใจผิดแล้ว เราไม่ได้เป็นแฟนกัน” แก้มของจอร์จเป็นสีชมพู เขายกมือขึ้นเกาท้ายทอยแก้เขิน
“ฮัดชิ่ว!” เสียงจามดังมาจากคนตัวเล็กข้างหน้าพวกเขา
“เธอหนาวไหม เอาผ้าพันคอฉันไปใช้ก่อนนะ” จอร์จถามแต่ไม่ต้องการคำตอบ จะว่าไปเขาเห็นลูน่านั่งกอดตัวเองตั้งแต่ที่เข้ามาแล้ว
คนตัวสูงถอดผ้าพันคอของตัวเองแล้วจัดการพันรอบคอให้เด็กสาวด้วยตัวเองเสร็จสรรพ “อุ่นขึ้นไหม” จอร์จเห็นลูน่ากระชับผ้าพันคอ
แล้วยิ้มให้เขาได้ก็ค่อยสบายใจหน่อย
“เชื่อตายล่ะ ดูทำเข้าสิ มีใครที่ไหนทำกับเพื่อนแบบนี้บ้าง” เมอร์เทิลกอดอกมองด้วยความรู้สึกอิจฉาเล็กๆ เพราะเธอรู้ตัวดี
ว่าตัวเองไม่มีโอกาสได้ทำแบบนี้คู่ตรงหน้านี้แล้ว
“นี่
เธอเห็นบ้างไหมว่าใครเป็นคนแกล้งแม่หนูลูน่า” เฟร็ดหันไปถาม
“ฉันไม่เห็นหรอก แต่รู้ว่าเป็นผู้หญิงสองคน อย่าถามนะว่าหน้าตาเป็นยังไง ตอนนั้นฉันทำแว่นตกเลยมองไม่เห็นพวกหล่อน
พอเห็นชัดอีกทีก็เห็นลูน่าถูกขังอยู่กับฉันแล้ว”
“งั้นเราออกไปจากที่นี่กันเถอะ เอ้อนี่ ไม้กายสิทธิ์ของเธอ” จอร์จบอกกับทุกคนพลางคอยดูลูน่ากระโดดลงจากขอบอ่างล้างหน้า
อยู่ไม่ห่าง ก่อนส่งไม้กายสิทธิ์คืนให้เจ้าของ
สีหน้าเมอร์เทิลหมองลงเล็กน้อย “ฉันดีใจที่วันนี้ได้คุยกับเธอนะ” เธอบอกกับลูน่าจากใจจริง วันนี้เธอดีใจมากจริงๆ ที่มีคนมาคุย
กับเธอทั้งวันตามประสาเด็กผู้หญิงบ้านเรเวนคลอด้วยกัน
“ฉันก็ดีใจเหมือนกัน ขอบคุณที่อยู่คุยเป็นเพื่อนนะ”
เด็กสาวฉีกยิ้มกว้างให้วิญญาณสาว
“เธอใจดีไม่เหมือนกับคนอื่น” เมอร์เทิลสะอื้นก่อนร้องไห้ออกมาอีกรอบ “...ฉันดีใจจริงๆ”
เฟร็ดเบนสายตาออกจากเมอร์เทิลเพราะเขาไม่เคยเห็นมุมนี้ของวิญญาณสาวมาก่อน “อย่าไปใส่ใจเลย ไปกันเถอะ
ที่นี่หนาวจะตาย”
ลูน่าเห็นใจแล้วก็เข้าใจความรู้สึกที่ไม่มีเพื่อนของเมอร์เทิลดี
แต่ถ้าให้อยู่ต่อเด็กสาวเองก็คงทนความหนาวไม่ไหวเหมือนกัน
“ถ้าว่างจะมาคุยด้วยอีกนะ”
เมอร์เทิลที่กำลังฟูมฟายพยักหน้ารับ ทว่าเฟร็ดพูดแทรก “แล้วเธอก็จะถูกขังอีกน่ะสิแม่หนู”
“นังหนู งั้นครั้งหน้าถ้าเธอจะมาเมื่อไรก็บอกฉันนะ เผื่อฉันจะมาด้วย”
“ที่นี่ห้องน้ำหญิง ไม่ต้อนรับเด็กผู้ชายตัวแสบอย่างพวกเธอย่ะ!! โอ้ แฮร์รี่ แต่ฉันต้อนรับเธอเสมอนะ” เมอร์เทิลบิดตัวท่าทางเขินอาย
เมื่อเห็นผู้มาใหม่เป็นเด็กใส่แว่นหน้าตาจิ้มลิ้มแต่เธอกลับเมินรอนราวกับเขาไม่มีตัวตน
ซึ่งรอนรู้สึกยินดีกับการถูกเมินในครั้งนี้มาก
“ขะ..ขอบคุณฮะ” ...แต่ผมคงไม่มาหรอก “เธอไม่เป็นไรนะลูน่า” แฮร์รี่มองดูรุ่นน้องต่างบ้านก่อนถอนหายใจอย่างโล่งอก
เมื่อกี้นี้พวกเขารีบวิ่งมาที่นี่ทันทีหลังได้ยินเด็กหญิงบ้านสลิธีรินสารภาพออกมา
“ผู้หญิงนี่เข้าใจยากชะมัด” รอนบ่นระหว่างเดินออกมา “แค่มัลฟอยพูดถึงลูน่าเฉยๆ ยัยพาร์กินสันนั่นก็หึงแล้ว เธอน่ะ
ระวังตัวเอาไว้ด้วยนะ อย่าเข้าใกล้พวกนั้นเชียว” เขาหันไปพูดกับคนตัวเล็กที่เดินตามหลังพวกเขาไปยังห้องโถงใหญ่ ลูน่าพยักหน้ารับ
แล้วไม่พูดอะไรต่ออีกเลย
“ไม่ต้องคิดมากนะ นังหนู”
⭐
เช้าวันรุ่งขึ้นมีเรื่องสนุกเกิดขึ้นกับพี่น้องวีสลีย์(ยกเว้นเพอร์ซี่) เฟร็ด จอร์จและรอนเดินมานั่งที่โต๊ะกริฟฟินดอร์ในห้องโถงใหญ่แต่เช้า
เพื่อรอดูผลงานของฝาแฝดจอมแสบ
ไม่นานนักเด็กสาวหน้างอจากบ้านสลิธีรินก็เดินเข้ามาในห้องโถงพร้อมด้วยใบหน้าโทรม ดวงตาบวมตุ่ยคล้ายยังไม่ได้นอน
กับเสื้อคลุมที่มีรูพรุนเต็มไปหมด
เฟร็ดกับรอนต้องพยายามอย่างหนักในการกลั้นขำ
ยกเว้นจอร์จที่มองพาร์กินสันด้วยแววตาเย็นชา
เมื่อคืนนี้เฟร็ดกับจอร์จแอบลอบออกจากหอคอยกริฟฟินดอร์ด้วยผ้าคลุมล่องหนที่ลืมแฮร์รี่มา ทันทีที่พวกเขาเล่าแผนการให้แฮร์รี่
กับรอนฟังในห้องนอนจบ เจ้าของผ้าคลุมล่องหนก็หยิบมันออกมาจากก้นหีบส่งให้ ทั้งสองไปยังหน้าหอพักสลิธีริน เสกหนูตัวเล็กขึ้นมา
นับร้อยและสั่งให้เจ้าพวกตัวเล็กจ้อยวิ่งไปที่ห้องนอนของพาร์กินสัน
เช้าวันนี้พวกเขาได้รู้แล้วว่าคาถาที่ใช้ไปเมื่อคืนนั้นยังคงสร้างความหายนะและได้ผลเสมอ
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ
คุณวีสลีย์” เด็กสาวผมบลอนด์เอ่ยทักตรงทางเข้าห้องโถงใหญ่ก่อนคาบเรียนแรกจะเริ่ม
พวกเฮอร์ไมโอนี่กับมาเรียที่เดินคุยกันอยู่ตามหลังมา เห็นเด็กสาวจากบ้านเรเวนคลอกำลังคุยอยู่กับเด็กแสบผมแดงบ้านกริฟฟินดอร์
พวกเธอก็รีบดึงตัวเฟร็ด รอนและแฮร์รี่ให้เดินไปอีกทาง ส่วนจินนี่ที่ไม่รู้เรื่องอะไรก็เดินตามพวกนั้นไปด้วย
มือขาวซีดของลูน่าล้วงหยิบบางอย่างออกจากกระเป๋าสะพาย
“ฉันเอาผ้าพันคอของคุณมาคืน”
จอร์จยืนนิ่งมองดูคนที่เมื่อวานถูกขังทั้งวัน
แต่วันนี้เธอก็ยังร่าเริงได้อีก “เธอไม่ได้เป็นอะไรแน่นะ”
“ค่ะ --ขอบคุณที่ช่วยเมื่อวานแล้วก็ให้ยืมผ้าพันคอนะคะ” ลูน่ายื่นผ้าพันคอให้อีกครั้ง แต่จอร์จกลับไม่รับไปสักที
คนตัวเล็กเลยเขย่งเท้า เอื้อมมือเอาผ้าพันคอพันให้เหมือนกับที่เขาทำกับเธอเมื่อวาน
“ทีนี้คุณก็อุ่นขึ้นมาอีกนิดหน่อยแล้ว”
“...ขอบใจนะ”
ลูน่ายิ้มกว้างเปลี่ยนให้บรรยากาศอึมครึมดูสดใสขึ้นมาทันตา
ก่อนเธอจะเดินจากไป
ใบหน้าที่ไม่มีรอยยิ้มมาตั้งแต่เที่ยงของเมื่อวานเริ่มมีรอยยิ้มกลับคืนมาแล้ว กระทั่งฝาแฝดคนพี่ถูกเฮอร์ไมโอนี่ปล่อยตัว
เขาเดินมาหาก็เห็นจอร์จฉีกยิ้มกว้าง
ทั้งใบหูเป็นสีแดงจนลามไปทั่วทั้งหน้า
“ไปเรียนกันเถอะ เฟร็ด” วันนี้คาบแรกเรียนวิชาปรุงยาแต่จอร์จกลับดูกระตือรือร้นมากเป็นพิเศษ จนสร้างความสงสัยให้เฟร็ด
ทั้งที่ทุกครั้งทำท่าจะเป็นจะตายให้ได้เมื่อถึงคาบเรียนของศาสตราจารย์สเนปแต่ทำไมวันนี้ถึงได้อารมณ์ดีอยากเรียนขึ้นมาซะอย่างนั้น
เฟร็ดเริ่มมองคนข้างตัวที่คึกชนิดที่ว่าต่อให้เอาโทรลล์มาฉุดก็หยุดไม่อยู่ อย่างหวาดระแวงหน่อยๆ
“ผีเข้านายอยู่หรือ?”
⭐
- Talk -
ตอนนี้เมอร์เทิลอาจออกเยอะสักหน่อยนะคะ ถึงเธอจะน่ารำคาญไปนิดที่วันๆ เอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญ เลยอยากแต่งให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ
ที่อยู่เรเวนคลอเหมือนกัน แล้วก็เข้าใจเมอร์เทิลไปคุยเป็นเพื่อนแก้เหงาซะหน่อย (ในความโชคร้ายของลูน่าที่ถูกขังก็ยังมีความโชคดี
ที่เมอร์เทิลไม่อาละวาดใส่แถมยังคุยเป็นเพื่อนไม่ให้น้องกลัวอีก)
แต่ก็ยังแอบมีโมเมนต์พันผ้าพันคอเล็กๆ ตอนท้ายให้หัวใจคนพี่กระชุ่มกระชวยนิดหน่อย ย้ำว่าแค่นิดหน่อยแต่อาการคุณเขา
ไปไกลมาก จะไปเรียนกับสเนปก็ยังคึกได้ขนาดนี้ คาดว่าอีกไม่นานเฟร็ดคงดูออกแล้วล่ะค่ะ ถ้าจอร์จยังเก็บอาการไม่ค่อยอยู่แบบนี้ 5555
ความคิดเห็น