ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] Little Loony Lovegood [George x Luna] [END]

    ลำดับตอนที่ #6 : 6 ll Quidditch

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.54K
      254
      11 ส.ค. 62


    6


    Quidditch



     


              ฤดูกาลแข่งควิดดิชประจำปีของฮอกวอตส์ใกล้มาถึงเต็มที ทีมควิดดิชแต่ละบ้านต่างซ้อมกันอย่างเอาเป็นเอาตายเพราะมีผลกับ

    การชิงแชมป์ถ้วยรางวัลบ้านดีเด่น หลังจากเมื่อปีที่แล้วกริฟฟินดอร์สามารถโค่นแชมป์เจ็ดปีอย่างสลิธีรินได้สำเร็จ 


              กระทั่งในวันที่ฝนตก โอลิเวอร์ วู้ด กัปตันทีมบ้านกริฟฟินดอร์ยังพาทีมออกมาซ้อม แม้จะมีเสียงโอดครวญมาจากฝาแฝดวีสลีย์

    ว่าขอหยุดพักหนึ่งวันซึ่งแฮร์รี่ยังแอบเห็นด้วย ทว่าวู้ดไม่คิดอย่างนั้น...

                

              “ปีนี้ทีมเราต้องชนะ เพื่อทีม และกริฟฟินดอร์!!” เด็กหนุ่มปีหกร่างล่ำบึ้กพูดเรียกกำลังใจคนในทีมขณะเตรียมตัวออกจาก

    ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเข้าสู่สนามควิดดิชเพื่อซ้อม ด้วยกำลังใจอันเต็มเปี่ยม

                

              “ไม่มีใครบ้าระห่ำได้เท่าวู้ดอีกแล้วล่ะ” เฟร็ดเอียงตัวกระซิบบอกจอร์จกับแฮร์รี่ สองคนพยักหน้าเห็นด้วย

                

              ท่ามกลางอากาศหนาวจัดแถมมีสายฝนเย็นชุ่มฉ่ำโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย ทีมกริฟฟินดอร์ยังคงซ้อมหนักกันต่อไป

    ต่อให้ฝาแฝดวีสลีย์บ่นอุบ กัปตันทีมอย่างวู้ดก็ไม่สนใจ เด็กแฝดผมแดงเริ่มหันมาเล่นพุ่งชนกันเองบ้าง แกล้งทำเป็นพลิกตกจากไม้กวาด

    เพื่อจะได้เลิกซ้อมบ้างแต่ก็ไม่เป็นผล แถมยังถูกวู้ดตวาดใส่อีกต่างหาก

                

              “พวกนายเลิกเล่นกันสักที!” วู้ดตะโกนลงมาจากทางด้านบน ทำเอาเฟร็ดและจอร์จที่ทั้งเปียกปอน นอนเปื้อนโคลนอยู่ที่พื้น

    ยอมกลับมาตั้งใจหลังกัปตันทีมขอเวลาซ้อมอีกแค่ห้านาที



              ภายในห้องโถงใหญ่อันอบอุ่น ที่โต๊ะแต่ละบ้านมีนักเรียนนั่งทำการบ้านกันอยู่ เฟร็ด จอร์จและแฮร์รี่เดินเข้ามาในห้องโถงหลังฝึกซ้อม

    ควิดดิชเสร็จ เวลานี้ใกล้ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว นักเรียนส่วนใหญ่ก็น่าจะรวมตัวอยู่ที่นี่กัน แต่เท่าที่จอร์จกวาดสายตามองดูโต๊ะเรเวนคลอ

    กลับไร้วี่แววของเด็กสาวผมบลอนด์ นั่นยิ่งทำให้จิตใจห่อเหี่ยวหนักกว่าเก่า


              “ฉันก็เข้าใจอยู่หรอกว่าอยากชนะ ฉันก็อยากชนะ แต่นี่มันเกินไปไหม” เฟร็ดโยนผ้าขนหนูที่คลุมหัวลงบนโต๊ะ ทับหนังสือของรอนพอดี

    เจ้าของหนังสือรีบใช้สองนิ้วคีบผ้าเปียกแฉะผืนนั้นขึ้นแล้วขว้างกลับคืนไปที่เฟร็ด

                

              “วู้ดให้พวกนายทำอะไร” รอนถามขณะปากก็เป่าน้ำที่หยดลงบนหนังสือไปด้วย

                

              “ให้ซ้อมกลางฝน --”

                

              “ไม่มีร่ม --” จอร์จเสริม

                

              “ไม่มีเสื้อกันฝน --”


              “เดี๋ยวก็ถูกหามเข้าห้องพยาบาลก่อนถึงวันแข่งกันพอดี” จอร์จว่าพลางเอนตัวลงนอนไปกับเก้าอี้ยาว

                

              “ดีจะตายไปที่พวกนายได้เป็นตัวแทนของทีมบ้าน แถมเป็นที่นิยมของสาวๆ อีกต่างหาก”

                

              “ในสมองเธอมีแต่เรื่องสาวๆ หรือไงรอน” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างหน่ายใจพลางปิดสมุดการบ้านที่ทำเสร็จแล้ว

                

              “โอ้ มีคนหึงหนูรอนด้วยแฮะ”

                

              “เงียบน่าเฟร็ด” รอนตวาดก่อนโน้มตัวถามน้องสาวคนเดียวของบ้านที่นั่งอยู่ไม่ไกล “จินนี่ วันแข่งควิดดิชเธอไปนั่งกับพวกฉันนะ 

    จะได้จองที่เอาไว้ให้”

                

              “งั้นพี่ช่วยจองให้อีกที่ด้วยได้ไหม”


              “สำหรับใคร ลูน่าสติเฟื่องหรือเปล่า --แฮร์รี่อยากรู้น่ะ”


            จอร์จหยุดมือที่เล่นสร้อยคอราวกับจะถามว่า ‘คนที่ทำแกขึ้นมาไปอยู่ไหนซะล่ะ’ แต่หลังได้ยินประโยคที่บอกว่า ‘แฮร์รี่อยากรู้’ ของรอน 

    ก็เกิดคำถามผุดขึ้นมาในหัว ทำไมแฮร์รี่ต้องอยากรู้ด้วย? เขาขยับตัวยุกยิกไปใกล้เฟร็ดอีกนิดจะได้เงี่ยหูฟังได้ถนัดๆ  

                

              “ฉันเคยพูดแบบนั้นด้วยหรือ?” แฮร์รี่หยุดมือที่กำลังเช็ดผมพลางหันมาถามด้วยสีหน้างุนงงกับผมอันยุ่งเหยิงของเขา

                

              “ถึงไม่เคยแต่ฉันก็รู้น่า นายเป็นเพื่อนรักฉันนะ ว่าไงจินนี่”


              “ใช่ ฉันชวนลูน่าให้มาดูด้วย เธอตอบตกลงว่าจะมาเชียร์กริฟฟินดอร์ด้วยกัน...”

                

              “จริงเหรอ!?” จอร์จลืมตัวเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันที แต่การที่จู่ๆ เขาก็ดีดตัวลุกขึ้นมาทำเอาน้องๆ รวมทั้งเฟร็ดหันมามองเขาเป็นตาเดียว 

    “ฉันแค่แปลกใจที่เด็กบ้านอื่นจะมาเชียร์กริฟฟินดอร์น่ะ พวกนายมองอะไรกัน”

                

              “ก็นึกว่านายดีใจที่แม่หนูลูน่ามาเชียร์ยังไงล่ะ” เฟร็ดวาดมือกอดคอแฝดของเขาที่กำลังจะเอนตัวลงนอนอีกครั้ง

                

              “ใครมาเชียร์ฉันก็ดีใจทั้งนั้นแหละน่า”

                

              “นั่นสินะ ฉันเองยังรู้สึกมีกำลังใจเพิ่มขึ้นด้วยเลย”

                

              “แฮร์รี่ก็ด้วย” รอนเสริมพร้อมหันไปยักคิ้วให้เพื่อนรักของเขา

                

              “ไม่เอาน่ารอน ฉันไม่ได้ชอบลูน่าสักหน่อย”

                

              “ใครจะไปรู้ --ก็เห็นนายว่าฉันตลอด เวลาฉันเรียกหล่อนว่าลูน่าสติเฟื่อง”    


              “เป็นใครก็ต้องพูดแบบนั้นกันทั้งนั้นแหละรอน” จินนี่ทนไม่ไหวอีกต่อไปที่พี่ชายของเธอเรียกเพื่อนของเธอด้วยฉายาแบบนั้น “ขอล่ะ 

    พี่อย่าเรียกลูน่าแบบนั้นได้ไหม”


              “ทำไมล่ะ ใครๆ เขาก็เรียกว่าลูน่าสติเฟื่องกันทั้งนั้นรู้ไหม หล่อนไม่เห็นจะทุกข์ร้อนอะไรกับชื่อนี้เลยสักนิด ไม่งั้นคงว่าพวกที่

    เรียกเธอแบบนั้นกลับแล้ว อีกอย่างเธอพูดเหมือนกับเฮอร์ไมโอนี่เลยนะจินนี่ ตอนที่ฉันพูดว่าลูน่าสติเฟื่อง”


              จินนี่หน้าแดงขึ้นเล็กน้อย เธอวางปากกาขนนกลงแล้วหันไปพูดกับรอนตรงๆ “รู้อะไรไหมรอน ถึงลูน่าจะไม่ว่าแต่เธอคงไม่ดีใจหรอก

    ที่มีคนเรียกเธอแบบนั้น --ขนาดเฟร็ดกับจอร์จยังเรียกว่าลูน่า เฉยๆ เลย”


             “ให้ตาย นี่น้องสาวฉันกลายเป็นเฮอร์ไมโอนี่สองไปแล้วหรือนี่ แล้วก็นะเฟร็ดเรียกเธอว่าแม่หนูลูน่าส่วนจอร์จเรียกว่านังหนูต่างหาก”

                

              “เฮ้ ฉันเรียกแม่หนูลูน่าแล้วมันผิดด้วยหรือไง” เฟร็ดเข้ามาร่วมวงด้วยอีกคนก่อนทั้งสามจะเถียงกันต่อ

                

              จอร์จเลิกสนใจพี่น้องของเขาไปโดยปริยายเมื่อร่างเล็กๆ เดินเข้ามานั่งที่โต๊ะเรเวนคลอ จินนี่บอกว่านังหนูของเขาจะไปดูกริฟฟินดอร์

    แข่งกับสลิธีริน ..ดีล่ะ!


     

        สามวันต่อมาถึงคิวซ้อมของทีมบ้านกริฟฟินดอร์อีกครั้ง สภาพอากาศเลวร้ายยิ่งกว่าเก่าเพราะอากาศหนาวจัดแถมลมพัดแต่ละที

    ก็หนาวไปถึงกระดูก แต่เพราะไม่มีเวลาเหลือแล้ว นี่จะเป็นการซ้อมครั้งสุดท้ายก่อนลงแข่งจริงวันเสาร์ที่จะถึงนี้ ต่อให้อยากไปนั่ง

    อยู่หน้าเตาผิงแค่ไหน พวกเขาและเธอทั้งเจ็ดก็ต้องขี่ไม้กวาดในสนามอันเย็นยะเยือกนี่อยู่ดี


              ฝาแฝดจอมแสบเล่นน้อยลงและหันมาจริงจังมากขึ้นเพราะไม่อยากยืดเวลาซ้อม แต่ดูเหมือนจอร์จจะคึกและตั้งใจซ้อมมากกว่าเดิม 

    ขนาดวู้ดให้พักห้านาทีเขาก็ยังคงบินว่อนไปทางนู้นทีทางนี้ทีเพื่อไล่ตีลูกบลัดเจอร์ราวกับเสียสติไปแล้ว

                

              “แฝดนายเอาแรงมาจากไหนเยอะแยะน่ะ” วู้ดหันไปถามเฟร็ด ดวงตาของทั้งคู่ยังมองจอร์จอย่างไม่ละสายตา


              “สงสัยอยากเอาชนะสลิธีรินให้ได้ล่ะมั้ง”



              ฤดูกาลแข่งควิดดิชเริ่มขึ้นแล้ว ท้องฟ้าวันนี้สดใสแม้อากาศจะเย็นจัด ภายในห้องโถงใหญ่มีกลิ่นหอมอบอวลของอาหารกลางวัน 

    โดยเฉพาะไส้กรอกทอดตรงหน้าพวกเขา ทว่าตอนนี้จอร์จกลับไม่เจริญอาหาร เขากินอะไรไม่ค่อยลงเท่าไรเพราะอาการตื่นเต้น

    ที่อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าจะต้องลงแข่งแล้ว ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาลงสนามแข่งก็จริง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ลูน่าจะมาดูเขาแข่งด้วย 

    นั่นยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ จอร์จนอนคิดมาทั้งคืนพอๆ กับแผนการเล่นว่าถ้าหากเกิดตกจากไม้กวาดต่อหน้านังหนูเขาคงจะอายแย่

                

              เมื่อใกล้ถึงเวลา ทีมบ้านกริฟฟินดอร์เริ่มมาเตรียมตัวกันที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้ากันแล้ว เฟร็ด จอร์จและแฮร์รี่ก็เช่นกัน 

    ทั้งสามกำลังจะเข้าไปในห้องแต่กลับถูกรอนเรียกเอาไว้ก่อน

                

              รอน เฮอร์ไมโอนี่ จินนี่เดินมาอวยพรให้กับพวกเขาก่อนแยกกัน และที่สำคัญกว่านั้นคือนังหนูตัวน้อยก็มาด้วย เธอพูดด้วยเสียงนิ่มๆ 

    ของเธอกับพวกเขาทั้งสาม “โชคดีนะ --ฉันเชื่อว่ากริฟฟินดอร์ชนะสลิธีรินได้แน่”

                

              “ขอบใจนะลูน่า” แฮรืรี่หันหลังเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าตามเสียงเรียกของแอนเจลิน่า จอห์นสัน เชสเซอร์หญิงของทีมที่ตอนนี้ทำหน้าที่

    คอยดูแลควบคุมคนในทีมแทนวู้ดที่ไปคุยกับมาดามฮูช เฟร็ดพยักหน้าให้ทุกคนแล้วเดินตามไปติดๆ แต่ไม่เห็นจอร์จจะตามมา

    เลยหันกลับไปดูฝาแฝดคนน้องของเขาที่ยังยืนอ้อยอิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ยอมขยับสักทีเลยคว้าคอเสื้อให้เดินตามกันมา


              “กริฟฟินดอร์จะคว้าชัยชนะมาให้ได้ คอยดูได้เลยนังหนู!” จอร์จตะโกนประโยคนี้เป็นสิ่งสุดท้ายก่อนเขากับเฟร็ดจะหายเข้าไป

    ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า

                

              “ทุกคนได้ยินเหมือนฉันไหม” รอนขมวดคิ้ว “ฉันได้ยินจอร์จพูดแค่นังหนู” พวกเขาเดินห่างออกมาจากตรงนั้นไกลแล้วแต่รอนยังข้องใจ

    ไม่หาย อุตส่าห์เดินมาให้กำลังใจตั้งหลายคน พูดถึงแต่ลูน่าคนเดียว


              ฉันเป็นน้องของนายนะจอร์จ!

                

              “อยู่นี่เอง! พวกฉันก็หากันตั้งนาน” เชมัส ฟินนิกันเด็กผมสีทรายพูด ในมือของเขามีกระป๋องสีพร้อมพู่กัน เขากับเนวิลล์แล้วก็ดีน

    เดินมาล้อมวงพวกรอนเอาไว้

                

              “พวกนายจะทำอะไรน่ะ”

                

              “เขียนหน้าไง” เชมัสตอบพลางคนสีในกระป๋องไปด้วย “แค่ถือแผ่นป้ายเชียร์อย่างปีที่แล้วน่ะมันไม่พอหรอกนะ”

                

              “น่าสนุกดี” รอนว่า ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่กับจินนี่นั้นตรงกันข้าม แต่สุดท้ายจินนี่ก็ยอมให้เชมัสเขียนตัว H ที่แก้มข้างขวา 

    และตัว P ที่แก้มข้างซ้าย ที่ย่อมาจาก ‘แฮร์รี่ พอตเตอร์’ ขณะที่แก้มของรอนมีอักษรย่อของเฟร็ด แต่ดูเหมือนรอนจะเป็นที่รักของเพื่อน

    มากไปหน่อย สีแดงที่เชมัสจุ่มมาเขียนเลยเยอะจนไหลย้อยไปถึงคางดูแล้วน่าสยดสยองมากกว่าเกิดกำลังใจหากเฟร็ดได้มอง

                

              “ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ ถ้าเกิดสีนี่ล้างไม่ออกจะทำยังไง” เฮอร์ไมโอนี่พูดยืนกรานหนักแน่น ส่วนจินนี่ได้แต่กะพริบตาปริบๆ 

    เพราะจะถอนตัวก็ไม่ทันเสียแล้ว

                

              “เธอเป็นแม่มดนะเฮอร์ไมโอนี่ เธอจะไปกลัวอะไร” รอนพยายามเกลี้ยกล่อม แต่ยังไงเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่ยอมให้เขียนหน้า ส่วนพวกเชมัส

    ก็เขียนกันเต็มหน้าไปหมดแล้ว “เหลือแค่จอร์จคนเดียว เราไปยืมหน้าใครได้บ้างเนี่ย” รอนหันไปมองเด็กบ้านกริฟฟินดอร์แถวนี้เพราะกลัว

    พี่ชายฝาแฝดอีกคนของเขาจะเสียใจ  


              “เขียนหน้าฉันก็ได้นะ” ลูน่าพูดเสียงเลื่อนลอยราวกับท่องอยู่ในความฝัน เชมัสได้ยินอย่างนั้นก็รีบปรี่เข้าหาคนผมบลอนด์อย่างยินดี 

    โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยๆ ที่เด็กบ้านอื่นจะมาเชียร์กริฟฟินดอร์ เชมัสประทับใจถึงขั้นประกาศกับตัวเองในใจว่าจะไม่เรียกแม่หนูคนนี้

    ว่าลูน่าสติเฟื่องอีกแล้ว

                

              “ฉันเชมัส ฟินนิกัน เธอจะเรียกฉันเชมัสเฉยๆ ก็ได้ เอาล่ะ ฉันจะเขียนให้สวยๆ เลย”  

                

              ระหว่างที่เด็กบ้านกริฟฟินดอร์กำลังสนใจอยู่กับการเขียนหน้า วู้ดที่กำลังรีบร้อนไปห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า เห็นเด็กๆ ในบ้านกำลัง

    สนุกสนานเลยส่งเสียงทักทาย ทุกคนหันมาทักทายเขากลับ แต่เด็กหนุ่มหุ่นล่ำกลับไม่คุ้นหน้าคนตัวเล็กเท่าไร

                

              “โชคดีนะ” ทั้งกลุ่มนั้นตะโกนบอก ดึงสายตาวู้ดให้ออกจากผมคนบลอนด์ เขาพยักหน้าพร้อมยกมือขึ้นเป็นเชิงว่ารับรู้แล้ว

    ก่อนเขาจะวิ่งออกไป

                

              ภายในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ทุกคนในทีมเปลี่ยนเป็นชุดเสื้อคลุมสีแดงสดกันหมดแล้ว

                

              วู้ดกระแอมให้ทุกคนเงียบ เขาพูดปลุกใจนักกีฬาในทีมก่อนจบประโยคเหมือนอย่างทุกครั้ง “เราจะชนะ ฉันรู้ดี” พร้อมมองทุกคน

    ด้วยสายตาที่อ่านได้ว่า “ถ้าไม่ชนะล่ะก็เจอดีแน่” และเน้นย้ำกับฝาแฝดวีสลีย์เหมือนกับทุกการแข่งขันที่ผ่านมา

                

              กัปตันทีมเดินนำทุกคนออกจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าสู่สนามแข่งท่ามกลางเสียงเชียร์ดังกึกก้อง


              การแข่งควิดดิชได้เริ่มต้นขึ้นหลังมาดามฮูชเป่านกหวีดเป็นสัญญาณเริ่มการแข่งขัน

                

              ลี จอร์ดัน นักเรียนปีสี่ เพื่อนของฝาแฝดวีสลีย์ได้รับหน้าที่เป็นผู้บรรยายการแข่งขันในปีนี้อีกครั้งโดยมีศาสตราจารย์มักกอนนากัล

    คอยควบคุมอย่างใกล้ชิดหลังเมื่อปีที่แล้วเขาพากษ์ออกนอกเรื่องอย่างการชม แอนเจลิน่า จอห์นสัน ว่าเธอมีเสน่ห์และสวยมาก  


             ควิดดิชเริ่มได้ราวสิบห้านาที ในที่สุดแฮร์รี่ที่บินร่อนอยู่เหนือสนามแข่งก็พุ่งดิ่งลงมาเมื่อเขาเห็นลูกสนิช เรียกเสียงเชียร์จากกริฟฟินดอร์

    แม้กระทั่งจินนี่ยังเอาแต่ชี้ให้ลูน่าเชียร์แฮร์รี่ ขณะที่เฟร็ดไล่ลูกบลัดเจอร์ไปให้ห่างจากวู้ด


              จอร์จแอบรู้สึกขุ่นมัวในใจเล็กน้อยเลยตีลูกบลัดเจอร์ที่พุ่งหาเขาไปทางพวกจินนี่ แน่นอนว่าแค่เฉียดๆ ไม่ได้จงใจให้โดนพวกนั้นจริงๆ 

    จินนี่ก้มตัวหลบได้ทันขณะที่ลูน่าถูกมือของเชมัสจับให้ก้มศีรษะหลบ ไม่อย่างนั้นลูกบอลสีดำสนิทได้พุ่งเข้าใส่หน้าเธอแน่


              จินนี่เงยหน้าขึ้นมองพี่ชายฝาแฝดของตนอย่างคาดโทษ จอร์จเลยหันไปสนใจกับเกมต่อ เขาก็อุตส่าห์นึกว่าเด็กสาวผมบลอนด์

    จะมาเชียร์เขาซะอีก ในขณะที่คนในทีมของทั้งสองฝั่งต่างก็มุ่งความสนใจไปยังแฮร์รี่กับเดรโกที่ตีคู่กันอยู่ มีเพียงจอร์จที่เห็นว่า

    ลูกบลัดเจอร์ที่เขาเพิ่งตีไปได้ย้อนกลับมาแถมลูกบอลสีดำสนิทนั่นยังมีทิศทางมุ่งตรงไปทางแฮร์รี่ที่ใกล้จะจับลูกสนิชได้แล้ว


              จอร์จเห็นท่าไม่ดีเลยพุ่งดิ่งลงไปก่อนเหวี่ยงแขนใช้ไม้ฟาดลูกบลัดเจอร์เต็มแรงก่อนที่มันจะอัดแฮร์รี่เข้าและเพื่อระบายอารมณ์ของเขา

    ไปด้วยในตัว ลูกบลัดเจอร์ที่น่าสงสารลอยออกไปนอกสนาม ไปไกลจนเห็นลูกบอลมีขนาดเท่าลูกสนิชกว่าจะลอยกลับเข้ามาในสนามอีกครั้ง

    และเป็นเวลาเดียวกันกับที่แฮร์รี่บินนำเดรโกและจับลูกสนิชเอาไว้ได้


              ลี จอร์ดัน ตะโกนประกาศผลด้วยความดีใจว่ากริฟฟินดอร์ชนะด้วยคะแนนหนึ่งร้อยแปดสิบต่อเจ็ดสิบ และประกาศอยู่อย่างนั้น

    ไปเรื่อยๆ ท่ามกลางเสียงโห่ร้องลั่นของบ้านกริฟฟินดอร์ พวกเขาทยอยวิ่งลงมาในสนามและแบกตัวแฮร์รี่ขึ้นโยนเพื่อฉลองชัยชนะ

                

              ไม่ใช่ว่าไม่ดีใจที่ทีมบ้านกริฟฟินดอร์ชนะ แต่จอร์จไม่อยู่ในอารมณ์ร่วมฉลองด้วย เขาเดินปลีกตัวออกจากสนามควิดดิช

    ไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเงียบๆ ตามลำพัง

                

              สักพักต่อมา วู้ด เฟร็ดและแฮร์รี่ตามเข้ามาเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ลดอาการตึงเครียดไปเยอะเมื่อเทียบกับ

    ตอนก่อนแข่งเพราะพวกเขาคว้าชัยชนะมาได้ในนัดแรกของปีนี้


              “ฉันเป็นพี่ชายแท้ๆ แต่จินนี่กลับเขียนหน้าเป็นตัว พวกนายทุกคนว่าแปลกไหม” เฟร็ดแกล้งหันไปแซวแฮร์รี่ที่กำลังเปลี่ยนเสื้อ 


              “แต่ผมเห็นที่แก้มรอนเป็นตัว F นะ” แฮร์รี่แย้ง


              “แล้วฉันล่ะ?” ในที่สุดจอร์จที่นั่งเงียบมานานก็ท้วงขึ้นมา


              “ผมไม่เห็นว่าแก้มเฮอร์ไมโอนี่จะมีอะไรเขียนอยู่เลยนะ”


              “หรือว่าเนวิลล์จะเขียนชื่อนายน่ะจอร์จ?” เฟร็ดลองเสนอชื่อมาบ้างเพราะเมื่อกี้ตอนที่พวกกริฟฟินดอร์วิ่งกรูกันเข้ามาหา 

    เขาก็ไม่ทันได้ดูทุกคนซะด้วย


              “...ไม่ใช่หรอก ฉันเห็นทั้งหน้าเนวิลล์ทาแต่สีแดงกับเหลืองทั้งหน้า เด่นอยู่กับเชมัสกันสองคน” จอร์จพูดเพราะตอนที่เขาเดินออกจาก

    สนาม เขาเห็นทั้งสองกำลังวิ่งไปหาแฮร์รี่พอดี


              “ฉันเห็นหนูน้อยบ้านเรเวนคลอมีตัว G อยู่นะ อาจหมายถึงนายก็ได้” โอลิเวอร์ วู้ด พูดขึ้นบ้างหลังเห็นวีสลีย์คุยกันเรื่องเขียนหน้า 

    วู้ดพูดปลอบจอร์จที่กำลังน้อยใจน้องชายน้องสาวตัวเอง เขารู้ว่าเวลาแฝดจอมแสบนี่น้อยใจจะทำท่างอแงอย่างกับเด็กๆ 

    ทว่าจอร์จที่ดูจะเซ็งๆ กลับทำตาเป็นประกาย


              “คนผมบลอนด์หรือเปล่า --ตัวเล็กๆ”


              วู้ดยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมคนผมแดงนี่ถึงได้ดูกระดี๊กระด๊าขนาดนั้นแต่ก็ตอบไปตามที่เห็น  


              “คงงั้น ฉันก็ไม่แน่ใจเท่าไร ตอนนั้นฉันบังเอิญเดินผ่านตอนพวกนั้นเขียนหน้ากันพอดี เหมือนเกรนเจอร์จะไม่ยอมเขียนหน้า 

    หนูน้อยคนนั้นเลยบอกให้เขียนที่หน้าเธอก็ได้ แปลกดีเหมือนกัน ยอมมาเชียร์บ้านอื่นที่ไม่ใช่บ้านตัวเอง...”


              “จริงด้วย นึกออกแล้ว ฉันเห็นแม่หนูลูน่าลงมาในสนามอยู่ ที่แก้มเธอมีตัว G กับ W อยู่ ฉันว่าจะเรียกให้นายดูแล้วเชียวแต่ไม่รู้

    ตอนนั้นนายหายไปไหน” เฟร็ดพูดเสริมวู้ดด้วยอีกคน แต่ดูเหมือนจอร์จจะสติหลุดไปแล้ว


              เพราะมัวแต่น้อยใจไม่เข้าเรื่องคิดว่าเธอเชียร์แฮร์รี่แท้ๆ เลยเชียว


              ...หมดกัน ...อดเห็นเลย ทำยังไงดี ...ย้อนเวลาไปแข่งใหม่ได้ไหม??  


              “อยากกลับไปแข่งใหม่จัง”  จอร์จพูดลอยๆ สร้างความงุนงงให้กับสามคนที่เหลือ ก็แข่งชนะแล้วจะอยากย้อนไปทำไมอีก? 

    ทว่าไม่มีใครถามออกมา


              หลังจากนั้นพักหนึ่ง จอร์จที่เปลี่ยนชุดเสร็จก่อนคนอื่นเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าคนเดียวเพื่อเอาไม้กวาดไปเก็บ แน่นอนว่านั่น

    ก็แค่ข้ออ้าง ความจริงเขาแค่อยากกลับไปที่ห้องโถงใหญ่เร็วๆ ก็เท่านั้น เพราะนังหนูอาจจะยังไม่ลบสีที่เขียนหน้า

                

              อากาศตอนหัวค่ำหนาวจับใจยิ่งกว่าตอนกลางวัน แต่จอร์จกลับไม่รู้สึกทรมานและไม่เคยรู้สึกรักอากาศหนาวขนาดนี้มาก่อน   

                

              ขณะที่จอร์จกำลังจะเดินกลับเข้าไปในปราสาทก็มีร่างเล็ก ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นตรงบันไดหน้าปราสาท ผมสีบลอนด์สะท้อนแสงสีส้ม

    จากคบไฟติดกำแพงด้านหลัง ร่างเล็กภายใต้เสื้อคลุมนั้นมีท่าทางเดิน...หรืออาจเรียกได้ว่ากระโดดเหมือนกระต่ายตัวน้อย ไม่ผิดแน่ 

    นั่นคือ ลูน่า เลิฟกู๊ด

                

              ...แล้วนังหนูจะเดินไปทำอะไรในป่า?


              จอร์จแอบยืนหลบอยู่ในมุมมืดมองดูเด็กสาวที่เดินไปทางป่าต้องห้าม คนผมแดงเตรียมเดินตามเข้าไป ทว่าเฟร็ดกับคนอื่น

    เดินออกมากันแล้ว


              “นึกว่านายจะไปก่อนแล้วซะอีก ไปกันเถอะ ฉันหิวจะแย่อยู่แล้ว” เฟร็ดว่าพลางกอดคอฝาแฝดของเขาให้เดินไปด้วยกัน


              จอร์จยอมเดินตามไปแต่สุดท้ายเมื่อใกล้ถึงบันไดหน้าปราสาท เขาก็ตัดสินใจบอกกับทุกคน


              “พวกนายไปกันก่อนเลย ฉันลืมของไว้ที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าน่ะ”


              จอร์จยืนส่งทั้งสามให้เดินเข้าไปในปราสาทพร้อมบอกว่าจะรีบตามไป พอทุกคนลับสายตาเขาไปแล้ว คนผมแดงก็เดินย้อนกลับมา

    ทางเดิมพร้อมไม้กวาดในมือ ถึงจอร์จจะไม่รู้ว่าเธอเดินไปในป่าทำไม หรือไปเจอใครก็ตาม


              แต่สุดท้ายเขาก็ทำใจปล่อยให้ลูน่าเข้าไปในป่าต้องห้ามคนเดียวแบบนั้นไม่ได้ เลยเดินตามเข้าไปในป่าและใช้สายตาเพ่งมองหา

    คนตัวเล็กในป่าที่มีต้นไม้หนาทึบ นั่นยิ่งทำให้เขามองหายากไปใหญ่เพราะแสงสีแดงของพระอาทิตย์ยามตกดินนั้นส่องเข้ามาแทบไม่ถึง 

    กระทั่งเขาได้ยินเสียงเล็กนิ่มกำลังคุยกับใครบางคน ใครคนนั้นมีน้ำเสียงทุ้ม นุ่มและฟังดูยังหนุ่มอีกด้วย


              จากหัวใจดวงน้อยของจอร์จที่กำลังฟูเพราะได้รู้ว่าที่แก้มของลูน่ามีชื่อของเขาอยู่นั้น ในตอนนี้มันกลับตรงกันข้าม


              ...เธอคุยอยู่กับใครน่ะนังหนู??...  



    - Talk –


              ตัดจบกันง่ายๆ แบบนี้เลย? ...ใช่ค่ะ แบบนี้แหละ ^0^


         ตอนนี้อารมณ์จอร์จค่อนข้างสวิงไปมานิดหน่อยนะคะ เป็นผลพวงมาจากที่แอบหมั่นไส้จอร์จเล็กน้อยจนถึงปานกลางจากเมื่อตอนที่แล้ว 

    ตอนนี้เลยเป็นอย่างที่เห็น ...จากที่อารมณ์ดีที่รู้ว่าลูน่าจะมาดูควิดดิช ก็มาน้อยใจที่เห็นน้องเอาแต่เชียร์แฮร์รี่ แล้วก็มาใจฟูตอนที่วู้ดบอกว่า

    แก้มนังหนูของเขามีชื่อเขาเขียนอยู่ ละมาจบตรงที่ใจแฟบเพราะได้ยินลูน่าคุยกับหนุ่มที่ไหนก็ไม่รู้ในป่านั่นล่ะค่ะ 555


         ยังไงก็ช่วยส่งกำลังใจให้คุณเขาด้วยนะคะ จะอกหักตั้งแต่ยังไม่ได้บอกชอบหรือไม่มาคอยดูกันค่ะ^_~

     

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×