ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Harry Potter] Little Loony Lovegood [George x Luna] [END]

    ลำดับตอนที่ #4 : 4 ll Nightmare

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.91K
      290
      4 ส.ค. 62


    4


    Nightmare

     


    หลังเดรโกหยุดอาเจียนก็ถูกศาสตราจารย์สเนปเรียกตัวให้มาคุยในห้องวิชาปรุงยา แน่นอนว่า จะขาดฝาแฝดวีสลีย์

    อย่างเฟร็ดกับจอร์จไม่ได้เด็ดขาด


              ทั้งสามยืนเรียงกันต่อหน้าศาสตราจารย์ผมดำผู้มีใบหน้าเคร่งขรึม แววตาเย็นชาจ้องมายังนักเรียนทั้งสามไม่เว้นแม้กับมัลฟอย 

    เด็กในบ้านสลิธีริน

     

                “ที่นี่เป็นโรงเรียน ไม่ใช่ที่ๆ พวกเธอจะมาแกล้งเล่นกัน”


                “แต่มัลฟอยแกล้งคนอื่นก่อนนะฮะ” เฟร็ดท้วงในเมื่อครั้งนี้เขาไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อน ถึงในใจจะอยากเอาคืนเดรโกที่เคยพูดดูถูก

    ครอบครัวของเขาก็เถอะ โอกาสแบบนี้หาได้ง่ายๆ ที่ไหน


                “เงียบนะ!” ศาสตราจารย์สเนปตวาดดังลั่นไปทั่วห้องชั้นใต้ดิน เด็กนักเรียนทั้งสามสะดุ้งโหยง แต่เดรโกก็อดหันไปเยาะเย้ยไม่ได้


                “ไงล่ะวีสลีย์ แกล้งฉันแบบนี้คงรู้นะว่าจะเจออะไร”


                “คุณก็ควรเงียบด้วยเหมือนกันคุณมัลฟอย” ฝาแฝดสองคนอมยิ้มเพราะนานๆ จะได้เห็นเดรโกถูกอาจารย์ประจำบ้านสลิธีรินว่าบ้าง 

    สเนปรายตามองเด็กนักเรียนทั้งสามคนก่อนเอ่ยเสียงเย็น “พวกเธอทั้งสามจะถูกหักคะแนนและถูกกักบริเวณในคืนนี้”


              “ศาสตราจารย์ฮะ ผมว่าผมคงได้ยินอะไรผิดไป เมื่อกี้คุณพูดว่าสาม?”


              “หรือคุณจะปฏิเสธว่าไม่ได้แกล้งคุณเลิฟกู๊ด?” เดรโกหน้าถอดสีและยอมยืนอย่างเงียบๆ “คืนนี้คุณจะถูกส่งตัวให้ไปที่ป่าต้องห้าม

    กับแฮกริด”


              “อีกแล้ว เมื่อปีก่อนก็เพิ่งไปมา ไม่ตายก็บุญเท่าไรแล้ว” คนผิวซีดสบถออกมาพลางพูดกับตัวเองแต่เขาคงลืมไปแล้วว่าสเนป

    ยังยืนอยู่ตรงนี้


              “ถ้าปีที่แล้วยังผ่านมาได้ ปีนี้ก็คงไม่บุบสลายหรอก หรือไม่ คุณก็ควรตระหนักเอาไว้ว่าไม่ควรแกล้งคนอื่นคุณมัลฟอย” 

    สายตาเย็นชากวาดมองทั้งสามอีกครั้ง “แล้วก็พวกเธอจะถูกหักคะแนนคนละห้าสิบแต้ม”


              “ห้าสิบแต้ม?!” เดรโกทนเงียบต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาถูกกักบริเวณที่ป่าต้องห้ามยังไม่พอ ยังจะถูกหักคะแนนอีกหรือ??


              “หรือต้องการหนึ่งร้อยแต้ม คุณมัลฟอย?” สายตาสเนปจ้องไปที่เดรโก เจ้าของผมบลอนด์ที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากำลังอารมณ์เสียขั้นสุด 

    ขณะฝาแฝดวีสลีย์ที่ถูกหักคะแนนออกไปจากบ้านตั้งหนึ่งร้อยแต้มยืนอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวเพราะรู้ดีว่าถ้าเถียงสเนปพวกเขาจะถูก

    หักคะแนนเพิ่มไปอีก พลางคิดในใจว่าพวกเขาจะต้องเอาคะแนนคืนมาจากการแข่งควิดดิชที่จะถึงนี่ให้ได้


              “ศาสตราจารย์ฮะ จะให้พวกเราไปหาแฮกริดตอนไหนฮะ” เฟร็ดถามเพื่อที่พวกเขาจะได้เตรียมตัวเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ


              “ตอนนี้เลยหรือเปล่าฮะ” จอร์จเป็นฝ่ายถามบ้าง แค่คิดว่าจะได้ไปป่าต้องห้ามก็ตื่นเต้นจนรอแทบไม่ไหวแล้ว   


             สเนปจ้องกลับตาเขียวเพราะเห็นแววตาจอมแสบทั้งสองลุกวาวทันทีที่ได้ยินคำว่าป่าต้องห้าม “ป่าต้องห้ามไม่ใช่ที่สำหรับเธอสองคน

    คุณวีสลีย์”


                “อ้าว”


                “ไม่มีใครที่ไหนดีใจที่ได้ไปป่าต้องห้ามดึกดื่นๆ แบบนี้ ยกเว้นเด็กที่ชอบเล่นพิเรนทร์อย่างพวกเธอสองคน” สเนปจับแววตาซุกซน

    ราวกับกำลังจะได้ไปผจญภัยที่ซ่อนอยู่ ใครก็รู้แม้แต่ดัมเบิลดอร์ ว่าเด็กแฝดวีสลีย์สองคนนี้ชอบแหกกฎเข้าไปในป่าต้องห้ามขนาดไหน


              “งั้นพวกเขาก็ไม่ต้องถูกกักบริเวณเหรอฮะ? ไม่ยุติธรรมเอาซะเลย” มัลฟอยส่ายหัวพลางพ่นลมทางจมูกด้วยความไม่พอใจ


              เงียบก่อนคุณมัลฟอย สองคนนี้จะถูกส่งไปให้ศาสตราจารย์มักกอนนากัลจัดการ เธอรู้ว่าควรจะจัดการกับเด็กบ้านตัวเองยังไง”

              

              ฝาแฝดสองคนเดินคอตกออกจากห้องเรียนวิชาปรุงยาด้วยความเสียดาย อุตส่าห์จะได้เข้าป่าต้องห้ามแล้วแท้ๆ ถึงจะเป็นการลงโทษ

    ก็เถอะ แต่พวกเขาก็รู้จักกับแฮกริดดี เขาอาจยอมให้พวกเขาแวบไปเล่นอย่างอื่นบ้างก็ได้

                

              “พ่อฉันต้องรู้เรื่องนี้แน่!!” เดรโกโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงขณะเดินขึ้นจากชั้นใต้ดิน คืนนี้เขาต้องกลับเข้าไปในป่าอีกครั้ง 

    แค่นึกถึงประสบการณ์เมื่อปีที่แล้วยังนึกสยองไม่หาย

                

              “เป็นยังไงบ้างเดรโก” หญิงสาวหน้างอแห่งบ้านสลิธีรินเดินปรี่เข้ามาเกาะแขนเดรโกทันทีแต่กลับถูกคนผมบลอนด์สะบัดออก

                

              “ไปให้ห่างๆ ฉันพาร์กินสัน! ตอนนี้ฉันอารมณ์ไม่ดี” เดรโกสาวเท้ายาวๆ หวังจะสลัดสาวหน้างอให้หลุด แต่กลับมาหยุดชะงัก

    อยู่ตรงหน้าคนที่ทำให้เขาต้องถูกหักคะแนนแถมยังถูกกักบริเวณ “เป็นเพราะเธอยัยสติเฟื่อง! เธอทำให้ฉันต้องไปป่าต้องห้าม”

                

              “ว่าไงนะ ป่าต้องห้าม!” เสียงเล็กแหลมดังมาจากทางด้านหลังของเขา

              

              ให้ตายสิ! เธอยังตามมาอีกหรือพาร์กินสัน??

                

              “ฉันบอกแล้วไงว่าให้ไปห่างๆ ฉัน”

                

              “แต่ฉันเป็นห่วง...”

                

              “เธอไม่จำเป็นต้องห่วงฉัน แค่เลิฟกู๊ดเป็นห่วงฉันคนเดียวก็พอแล้ว” เดรโกพลิกลิ้นใช้คนตัวเล็กเป็นโล่กำลังบังพลางวาดแขนยาวๆ 

    ของตนไปโอบไหล่เด็กสาวที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่

                

              “เลิฟกู๊ด เธอไปสนิทกับเดรโกตั้งแต่เมื่อไร” ดวงตาคมตวัดไปจ้องลูน่าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เมื่อกี้นี้เธอแค่เกาะแขนเดรโก

    ยังโดนสลัดทิ้ง แต่นี่เขาถึงกับเป็นฝ่ายโอบไหล่เด็กบ้านเรเวนคลอนั่นเองเลย

                

              ลูน่าแอบขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่ออยู่ดีๆ เดรโกก็ทำตัวสนิทกับเธอขึ้นมาซะเฉยๆ แต่เธอก็ไม่ได้ซื่อจนขนาดที่ไม่รู้ว่าชายผิวซีดข้างตัว

    ต้องการอะไร


              “นังหนู!?” จอร์จตะโกนอยู่ตรงทางลงไปชั้นใต้ดิน เขาทั้งงงและตกใจที่เห็นนังหนูของเขาไปอยู่ในอ้อมแขนของคุณชายจอมหยิ่งยโสนั่น


              ลูน่าเห็นคนที่เธอกำลังรออยู่ก็อาศัยที่ตัวเองเป็นคนตัวเล็กก้มลงให้หลุดจากมือของเดรโก

                

              “ฉันไม่ได้มารอคุณ ฉันมารอเจอคุณวีสลีย์ต่างหาก” พูดจบเจ้าของเสียงนิ่มที่ออกจะดูน่าหมั่นไส้ในสายตาแพนซี่ก็เดินผ่านเธอ

    ไปหาร่างสูงสองคนที่จ้องเธอตาไม่กะพริบ

                

              “พวกนั้นทำอะไรเธอ นังหนู?” จอร์จถามพลางไล่สายตาสำรวจดูทั่วตัว ก็เมื่อกี้เธออยู่กับเดรโก ไหนจะแพนซี่อีก บุคคลอันตรายทั้งนั้น!

                

              ขณะที่เฟร็ดมองต่างออกไป เขาคิดว่าแม่หนูลูน่ากำลังคบอยู่กับเดรโกแบบลับๆ แล้วแพนซี่ก็มาเห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกันพอดีซะอีก 

    แต่พอมาคิดๆ ดูแล้ว แม่หนูตากลมนี่ไม่น่าจะชอบคนอย่างเดรโกเลยเกิดความเป็นห่วงด้วยอีกคน

              

              “มัลฟอยไม่ได้ทำอะไรใช่ไหมแม่หนูลูน่า?”

                

              “อ้อ เปล่าหรอก” ลูน่าพูดโดยที่ตามองสลับไปมาระหว่างฝาแฝดทั้งสอง “เขาอาจจะกำลังทะเลาะกับแฟนอยู่น่ะ”

                

              “แฟน? อ้อ หมายถึงพาร์กินสันน่ะหรือ ฉันคิดว่าไม่น่าใช่...” เฟร็ดกำลังจะพูดว่าไม่น่าใช่อย่างที่เธอคิด แต่กลับถูกจอร์จพูดแทรก

                

              “ใช่ สองคนนั้นน่ะทะเลาะกันประจำแหละ เธออย่าไปยุ่งกับมัลฟอยนะนังหนู พาร์กินสันน่ะหึงโหดจะตายไป ว่าแต่เธอมาทำอะไร

    ที่นี่ตอนนี้ ยังไม่กลับหอนอนอีกเหรอ?”

                

              “— ฉันอยากจะมาขอโทษที่ทำให้พวกคุณสองคนต้องถูกทำโทษน่ะค่ะ”


              “ไม่เห็นต้องคิดมากเลย ปีที่แล้วพวกเราถูกกักบริเวณตั้งแต่สัปดาห์แรกด้วยซ้ำ ตอนนี้ชินแล้วล่ะ”


              “แล้วพวกคุณต้องไปที่ป่าต้องห้ามหรือเปล่า”

                

              สิ้นเสียงฝันๆ ของคนตัวเล็ก หัวใจจอร์จก็เต้นโครมครามขึ้นมา นี่เธอเป็นห่วงเขาด้วยงั้นหรือ?? เฟร็ดกำลังจะอ้าปากตอบ

    แต่แฝดคนน้องกลับแย่งเขาพูดซะก่อน อย่างกับตรงนี้มีแค่สองคนนี้คุยกันอย่างนั้นแหละ

                

              “พวกเราไม่ได้ไปที่ป่าต้องห้ามหรอก ไม่ต้องเป็นห่วงนะ”

                

              “น่าเสียดายจัง...” น้ำเสียงของเธอฟังดูหงอยๆ เมื่อได้รู้ว่าพวกเขาไม่ได้ไปป่าต้องห้าม

              

              เดี๋ยวนะ..หมายความว่าไงนังหนู เธอเสียดายอะไรฮึ??

                

              “ทำไมถึงบอกว่าน่าเสียดายล่ะ”

                

              “คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง อาจจะมีมูนคาล์ฟออกมาเต้นรำก็ได้” ลูน่าพูดอย่างฝันๆ คล้ายอยู่ในโลกของเธอ “พ่อบอกว่าถ้าเห็นมูนคาล์ฟ

    เต้นรำจะโชคดีมากๆ เพราะมันค่อนข้างขี้อาย – บางทีถ้าพวกคุณเห็น ครั้งหน้าอาจจะโชคดีไม่ถูกกักบริเวณ...” ลูน่าเลื่อนสายตามองทั้งคู่ 

    และในประโยคสุดท้ายดวงตากลมโตก็ประสานเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลของจอร์จพอดีทำเอาหัวใจเขากระตุกวูบ 

                

              ชายหนุ่มทั้งสองรู้สึกซาบซึ้งใจในความงงว่าเจ้าตัวมูนคาล์ฟมันคืออะไร แต่แค่เธออยากให้พวกเขาโชคดีก็รู้สึกดีใจแล้ว 

    โดยเฉพาะจอร์จ เขากำลังฉีกยิ้มกว้างโดยไม่สนว่าเฟร็ดจะเห็นหรือเปล่า

                

              “ขอบใจที่บอกนะ แต่พ่อของเธอบอกเธอ แสดงว่าเขาอยากให้เธอโชคดีเพราะงั้นวันหลังเราไปดูด้วยกันนะ”

                

              “ได้สิ!” ลูน่าฉีกยิ้มกว้างจากก้นบึ้งตอบกลับไป เด็กสาวดีใจที่จอร์จบอกแบบนั้น ปกติจะมีแต่คนเดินหนีเธอตลอดเวลาพูดถึงสัตว์วิเศษ

    นี่เป็นครั้งแรกที่เธอพูดถึงมูนคาล์ฟแล้วมีคนเชื่ออย่างที่เธอพูด

                

              “นี่ แล้วฉันล่ะ ฉันไปด้วยนะ” เฟร็ดโบกมือไปมาตรงหน้าคนทั้งสองเพื่อให้รู้ว่ายังมีเขาที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้อีกคน

                

              “มันก็ต้องเป็นงั้นอยู่แล้วสิ นายจะให้ฉันเข้าป่าต้องห้ามกับนังหนูแค่สองคนหรือไงเฟร็ด ..ว่าแต่นังหนู เธอจะให้พวกฉันไปส่งที่หอคอย

    เรเวนคลอไหม? มืดแล้วมันอันตรายนะ”

                

              “ไม่เป็นไร-- วันนี้ไม่ต้องลงบันไดจากหอดูดาวแล้ว คงไม่กลิ้งตกลงมาหรอก ..ราตรีสวัสดิ์ค่ะคุณวีสลีย์” พูดจบเด็กสาวผมบลอนด์

    ก็ยิ้มให้น้อยๆ ก่อนเดินแยกจากพวกเขาไป แต่ทิ้งปริศนาไว้ให้เฟร็ดหนึ่งอย่าง

                

              “วันนี้ไม่ต้องลงบันไดจากหอดูดาวแล้ว? หรือว่าวันนั้นที่นายกลับหอช้าเป็นเพราะไปส่งแม่หนูลูน่ามาเหรอ”

                

              “ไม่ใช่ซะหน่อย ..เรารีบไปหาศาสตราจารย์มักกอนนากัลกันดีกว่านะเฟร็ด อย่ามัวเสียเวลาอยู่ตรงนี้เลย” จอร์จพูดตัดบทพลางกอดคอ

    เฟร็ดให้เดินไปด้วยกัน ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวก็ถูกฝาแฝดอีกคนจับได้กันพอดี


                

              “ขออนุญาตฮะศาสตราจารย์มักกอนนากัล” เฟร็ดกับจอร์จพูดพร้อมกันเมื่อมาถึงประตูห้องเรียนวิชาแปลงร่าง


              “มีอะไรกันหรือคุณวีสลีย์” แม่มดผมดำในชุดเสื้อคลุมสีเขียวมรกตนั่งอยู่ตรงโต๊ะด้านในสุดของห้อง เธอเงยหน้าขึ้นมองเด็กแฝดผมแดง

    สองคนเดินเข้ามาหาด้วยท่าทางเบื่อๆ

                

              “พวกเราถูกกักบริเวณฮะ” เฟร็ดตอบก่อนจอร์จจะพูดต่อ

                

              “ศาสตราจารย์สเนปให้พวกเรามาที่นี่ฮะ”

                

              “อ้อ จริงด้วย เกือบลืมไปเลย”


              “ผมว่าศาสาตราจารย์ลืมไปแล้วต่างหากล่ะฮะ” เฟร็ดแย้งแต่พอถูกเจ้าของใบหน้าเคร่งขรึมมองมาก็เพิ่งนึกว่าว่าตัวเองกำลังพูด

    อยู่กับใคร “ขอโทษฮะ”


              “เอาล่ะ พวกเธอไปก่อเรื่องอะไรมาอีกถึงได้โดนกักบริเวณล่ะ --อ้อ ศาสตราจารย์สเนปบอกว่าพวกเธอเสกลูกอมแกล้งเด็กนักเรียน

    ปีสองใช่ไหม”

                

              “พวกเราไม่ผิดนะฮะ มัลฟอยเป็นคนเริ่มก่อน ใช่ไหมจอร์จ”


              “ใช่ มัลฟอยแกล้งนังหนูก่อนนะฮะศาสตราจารย์”


              “นังหนู?”

                

              “ผมหมายถึงเลิฟกู๊ด ที่อยู่เรเวนคลอน่ะฮะ ถึงจะมาจากลูกอมร้านของเราสองคนจริงแต่ผมไม่ได้อยากให้เธอกินนะฮะ”

                

              ได้ยินอย่างนั้นเฟร็ดก็รีบเสริมด้วยอีกคน “ผมด้วยฮะ พวกเราไม่ได้อยากแกล้งเธอซะหน่อย พวกเราไม่ผิด”

                

              “พวกเราช่วยแก้แค้นแทนนังนะ...เลิฟกู๊ดนะฮะ เธอถูกแกล้งอยู่ฝ่ายเดียว ศาสตราจารย์คงไม่คิดเธอจะแกล้งกลับหรอกใช่ไหมล่ะฮะ”

                

              “อันที่จริงฉันก็พอจะเข้าใจคุณอยู่หรอกนะคุณวีสลีย์ คุณมัลฟอยอาจจะเป็นคนเริ่มก่อน มันฟังดูใจร้ายไปหน่อยแต่บางเรื่อง

    เราก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งก็ได้ หากไม่ใช่คนที่สำคัญกับเราจริงๆ คุณมัลฟอยเป็นคนแกล้งเดี๋ยวเขาก็ถูกหักคะแนนแล้วก็ถูกทำโทษอยู่ดี”


              “บางทีถ้าพวกเราไม่ทำอย่างนั้นมัลฟอยอาจได้ใจแล้วแกล้งเธออีก คราวนี้อาจเป็นลูกอมที่ทำให้อ้วก”

                

              “หรือเป็นฝี--” จอร์จเสริม

                

              “หรือคางทูม--”

                

              “หรือทั้งหมดนั่น!” ชายหนุ่มผมแดงเบิกตากว้างซึ่งมันออกจะโอเวอร์ไปสักหน่อยจนศาสตราจารย์มักกอนนากัลต้องยกมือขึ้นห้าม

                

              “พวกเธอสองคนลืมไปแล้วหรือว่าทั้งหมดที่ว่ามานั่นมาจากร้านเล็กๆ ของพวกเธอที่แอบไปเปิดในห้องน้ำร้างชั้นเจ็ด คุณวีสลีย์?” 

    ศาสตราจารย์มักกอนนากัลจ้องทั้งสองอย่างไม่วางตา

                

              “....”


              “แล้วทีนี้จะให้ทำอะไรดีล่ะ” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลกวาดตามองดูรอบห้อง “จัดหนังสือก็แล้วกัน ช่วยยกกองหนังสือบนโต๊ะ

    ไปเก็บไว้ในตู้ทีนะ”

                

              “ครับ/ครับ” ทั้งสองตอบเสียงยานหลังมองเห็นกองหนังสือกองโต แบบนี้ให้ไปที่ป่าต้องห้ามยังจะดีซะกว่า

                

              ทั้งคู่เดินไปยังโต๊ะด้านหลัง แต่จอร์จกลับเห็นอะไรบางอย่างสะดุดตา มันคือรูปปั้นประหลาดๆ น่าขันบนโต๊ะของศาสตราจารย์

    มักกอนนากัล ด้วยความสงสัยเขาเลยเอ่ยถามพลางชี้ไปที่รูปปั้นตัวนั้น “นั่นอะไรเหรอฮะ”

                

              “นี่น่ะเหรอ ..ตัวนาร์เกิ้ล คุณเลิฟกู๊ดเธอบอกเอาไว้แบบนั้น” เธอเอามือเท้าคางมอง “ตอนเรียนฉันสั่งให้เปลี่ยนไม้ขีดไฟเป็นเข็มหมุด 

    แต่คุณเลิฟกู๊ดกลับเสกได้เจ้านี่มา ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่เคยเห็นเจ้าตัวที่ว่านี่หรอกนะว่ามันเหมือนกับตัวนี้หรือเปล่า แต่เปลี่ยนจากไม้ขีดไฟ

    เป็นอย่างอื่นได้ก็ถือว่าไม่เลวทีเดียวถึงมันจะไม่ตรงกับที่สั่งไปก็เถอะ”

                

              “ผมขอได้ไหมฮะ” จอร์จถามด้วยดวงตาเป็นประกายระยิบระยับแต่แฝงไปด้วยความเอาจริงเอาจังว่าเขาอยากได้มันจริงๆ 

    ทำเอาเฟร็ดที่ถือหนังสืออยู่มองตาปริบๆ อย่างไม่เข้าใจว่าทำไมจอร์จถึงอยากได้ขนาดนั้น

                

              “นี่น่ะหรือ? แน่นอน ถ้าเธออยากได้มันล่ะก็นะ ค่อยเอาไปหลังเก็บหนังสือเสร็จ--”

                

              “ขอบคุณฮะ!” จอร์จโพล่งออกมาอย่างไม่นึกเกรงใจศาสตราจารย์มักกอนนากัลที่ตกใจจนต้องยกมือมาทาบอก 

    เธอคิดจะตำหนิคนตัวสูงแต่พอเห็นว่าเขากำลังอารมณ์ดีอยู่เลยปล่อยผ่านไป


              เฟร็ดได้แต่มองตามจอร์จที่ขยันขันแข็งยกหนังสือแล้ววิ่งเอาไปเก็บในตู้หนังสือท้ายห้อง


              นายไปคึกมาจากไหนน่ะจอร์จ?


              “มัวรออะไรอยู่ล่ะเฟร็ด รีบเก็บเร็วเข้า จะได้กลับหอกัน”

                

              ศาสตราจารย์มักกอนนากัลเห็นอาการลูกศิษย์ที่ดูผิดปกติเลยเอียงตัวถามเฟร็ด “เมื่อกี้นี้คุณวีสลีย์เขากินลูกอมที่ทำให้ร่าเริงเข้าไป

    หรือเปล่า”

                

              “เราไม่เสกของอะไรแบบนั้นหรอกฮะเพราะมันธรรมดาเกินไป อีกอย่างมันก็ไม่ได้ช่วยให้โดดเรียนได้...” พูดจบเจ้าตัวก็ยกหนังสือวิ่งหนี

    ศาสตราจารย์มักกอนนากัลที่จ้องหน้าดุกลับมา ระหว่างนั้นเขาวิ่งสวนจอร์จที่เดินกลับมายกรอบที่สามแล้ว



                

              และแล้วเจ้ารูปปั้นตัวนาร์เกิ้ลที่ว่าก็มาตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียงของจอร์จ วีสลีย์ ทุกคืนก่อนนอนเขาจะมองมันราวกับเป็นเครื่องราง

    ช่วยให้นอนหลับฝันดีอย่างไงอย่างงั้น ไม่รู้ว่าจอร์จนึกถูกชะตาอะไรกับเจ้าตัวนาร์เกิ้ลนี่นักถึงอยากได้จนต้องเอ่ยปากขอขนาดนั้น


              ชายหนุ่มเห็นแฝดคนน้องของตนอารมณ์ดีทุกเช้าแม้บางคืนจะนอนไม่เต็มอิ่มเพราะพวกเขาทั้งคู่ไปตระเวนหาทางลับในปราสาทมา

    หรือไม่ก็เหนื่อยจากไปซ้อมควิดดิช ทว่าจอร์จกลับยังดูร่าเริงได้ ในคืนหนึ่งเฟร็ดเลยขอลองมองดูบ้างตอนที่จอร์จหลับไปแล้ว 

    ปรากฏว่าเขาฝันร้ายติดต่อกันเจ็ดคืนจนไม่กล้ามองมันอีกเลย ดีไม่ดีเขาคิดว่าบ็อกการ์ตอาจจะเปลี่ยนเป็นเจ้ารูปปั้นตัวเล็กจิ๋วนี่ไปแล้วก็ได้...



    - Talk –


        บางทีก็แอบคิดว่าทั้งเฟร็ดแล้วก็จอร์จเก็บอาการไม่เก่งทั้งคู่เลย ถ้าไม่ตาลุกวาวตอนที่ได้ยินว่าจะถูกกักบริเวณที่ป่าต้องห้าม

    ก็ไม่ต้องไปยกหนังสือแล้ว แต่ก็นะ ถูกกักบริเวณแต่จอร์จกลับหน้าชื่นตาบานกลับหอนอนเพราะได้เครื่องรางที่ช่วยให้ฝันดีมาซะงั้น

    แค่นี้ก็คุ้มแล้วอะเนอะ (แต่อย่าถามเฟร็ดนะ 555) 


              แอบวงวารเฟร็ดที่ไปจ้องมันเข้าแต่ทำเอาตัวเองฝันร้ายติดต่อหลายวันจนไม่ชายตามองมันอีกเลยจนกลายเป็นที่มาของชื่อตอนค่ะ 

    ถึงจะมีพูดถึงแค่ย่อหน้าเดียว(บรรทัดเดียว)ก็เถอะ 555

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×