คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 4 ll Nightmare
4
Nightmare
หลังเดรโกหยุดอาเจียนก็ถูกศาสตราจารย์สเนปเรียกตัวให้มาคุยในห้องวิชาปรุงยา แน่นอนว่า จะขาดฝาแฝดวีสลีย์
อย่างเฟร็ดกับจอร์จไม่ได้เด็ดขาด
ทั้งสามยืนเรียงกันต่อหน้าศาสตราจารย์ผมดำผู้มีใบหน้าเคร่งขรึม แววตาเย็นชาจ้องมายังนักเรียนทั้งสามไม่เว้นแม้กับมัลฟอย
เด็กในบ้านสลิธีริน
“ที่นี่เป็นโรงเรียน ไม่ใช่ที่ๆ
พวกเธอจะมาแกล้งเล่นกัน”
“แต่มัลฟอยแกล้งคนอื่นก่อนนะฮะ” เฟร็ดท้วงในเมื่อครั้งนี้เขาไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อน ถึงในใจจะอยากเอาคืนเดรโกที่เคยพูดดูถูก
ครอบครัวของเขาก็เถอะ โอกาสแบบนี้หาได้ง่ายๆ ที่ไหน
“เงียบนะ!” ศาสตราจารย์สเนปตวาดดังลั่นไปทั่วห้องชั้นใต้ดิน เด็กนักเรียนทั้งสามสะดุ้งโหยง แต่เดรโกก็อดหันไปเยาะเย้ยไม่ได้
“ไงล่ะวีสลีย์ แกล้งฉันแบบนี้คงรู้นะว่าจะเจออะไร”
“คุณก็ควรเงียบด้วยเหมือนกันคุณมัลฟอย” ฝาแฝดสองคนอมยิ้มเพราะนานๆ จะได้เห็นเดรโกถูกอาจารย์ประจำบ้านสลิธีรินว่าบ้าง
สเนปรายตามองเด็กนักเรียนทั้งสามคนก่อนเอ่ยเสียงเย็น “พวกเธอทั้งสามจะถูกหักคะแนนและถูกกักบริเวณในคืนนี้”
“ศาสตราจารย์ฮะ ผมว่าผมคงได้ยินอะไรผิดไป เมื่อกี้คุณพูดว่าสาม?”
“หรือคุณจะปฏิเสธว่าไม่ได้แกล้งคุณเลิฟกู๊ด?” เดรโกหน้าถอดสีและยอมยืนอย่างเงียบๆ “คืนนี้คุณจะถูกส่งตัวให้ไปที่ป่าต้องห้าม
กับแฮกริด”
“อีกแล้ว เมื่อปีก่อนก็เพิ่งไปมา ไม่ตายก็บุญเท่าไรแล้ว” คนผิวซีดสบถออกมาพลางพูดกับตัวเองแต่เขาคงลืมไปแล้วว่าสเนป
ยังยืนอยู่ตรงนี้
“ถ้าปีที่แล้วยังผ่านมาได้ ปีนี้ก็คงไม่บุบสลายหรอก หรือไม่ คุณก็ควรตระหนักเอาไว้ว่าไม่ควรแกล้งคนอื่นคุณมัลฟอย”
สายตาเย็นชากวาดมองทั้งสามอีกครั้ง “แล้วก็พวกเธอจะถูกหักคะแนนคนละห้าสิบแต้ม”
“ห้าสิบแต้ม?!” เดรโกทนเงียบต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาถูกกักบริเวณที่ป่าต้องห้ามยังไม่พอ ยังจะถูกหักคะแนนอีกหรือ??
“หรือต้องการหนึ่งร้อยแต้ม คุณมัลฟอย?” สายตาสเนปจ้องไปที่เดรโก เจ้าของผมบลอนด์ที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากำลังอารมณ์เสียขั้นสุด
ขณะฝาแฝดวีสลีย์ที่ถูกหักคะแนนออกไปจากบ้านตั้งหนึ่งร้อยแต้มยืนอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวเพราะรู้ดีว่าถ้าเถียงสเนปพวกเขาจะถูก
หักคะแนนเพิ่มไปอีก พลางคิดในใจว่าพวกเขาจะต้องเอาคะแนนคืนมาจากการแข่งควิดดิชที่จะถึงนี่ให้ได้
“ศาสตราจารย์ฮะ จะให้พวกเราไปหาแฮกริดตอนไหนฮะ” เฟร็ดถามเพื่อที่พวกเขาจะได้เตรียมตัวเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ
“ตอนนี้เลยหรือเปล่าฮะ” จอร์จเป็นฝ่ายถามบ้าง แค่คิดว่าจะได้ไปป่าต้องห้ามก็ตื่นเต้นจนรอแทบไม่ไหวแล้ว
สเนปจ้องกลับตาเขียวเพราะเห็นแววตาจอมแสบทั้งสองลุกวาวทันทีที่ได้ยินคำว่าป่าต้องห้าม “ป่าต้องห้ามไม่ใช่ที่สำหรับเธอสองคน
คุณวีสลีย์”
“อ้าว”
“ไม่มีใครที่ไหนดีใจที่ได้ไปป่าต้องห้ามดึกดื่นๆ แบบนี้ ยกเว้นเด็กที่ชอบเล่นพิเรนทร์อย่างพวกเธอสองคน” สเนปจับแววตาซุกซน
ราวกับกำลังจะได้ไปผจญภัยที่ซ่อนอยู่
ใครก็รู้แม้แต่ดัมเบิลดอร์ ว่าเด็กแฝดวีสลีย์สองคนนี้ชอบแหกกฎเข้าไปในป่าต้องห้ามขนาดไหน
“งั้นพวกเขาก็ไม่ต้องถูกกักบริเวณเหรอฮะ? ไม่ยุติธรรมเอาซะเลย” มัลฟอยส่ายหัวพลางพ่นลมทางจมูกด้วยความไม่พอใจ
“เงียบก่อนคุณมัลฟอย สองคนนี้จะถูกส่งไปให้ศาสตราจารย์มักกอนนากัลจัดการ เธอรู้ว่าควรจะจัดการกับเด็กบ้านตัวเองยังไง”
ฝาแฝดสองคนเดินคอตกออกจากห้องเรียนวิชาปรุงยาด้วยความเสียดาย อุตส่าห์จะได้เข้าป่าต้องห้ามแล้วแท้ๆ ถึงจะเป็นการลงโทษ
ก็เถอะ แต่พวกเขาก็รู้จักกับแฮกริดดี เขาอาจยอมให้พวกเขาแวบไปเล่นอย่างอื่นบ้างก็ได้
“พ่อฉันต้องรู้เรื่องนี้แน่!!” เดรโกโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงขณะเดินขึ้นจากชั้นใต้ดิน คืนนี้เขาต้องกลับเข้าไปในป่าอีกครั้ง
แค่นึกถึงประสบการณ์เมื่อปีที่แล้วยังนึกสยองไม่หาย
“เป็นยังไงบ้างเดรโก” หญิงสาวหน้างอแห่งบ้านสลิธีรินเดินปรี่เข้ามาเกาะแขนเดรโกทันทีแต่กลับถูกคนผมบลอนด์สะบัดออก
“ไปให้ห่างๆ ฉันพาร์กินสัน! ตอนนี้ฉันอารมณ์ไม่ดี” เดรโกสาวเท้ายาวๆ หวังจะสลัดสาวหน้างอให้หลุด แต่กลับมาหยุดชะงัก
อยู่ตรงหน้าคนที่ทำให้เขาต้องถูกหักคะแนนแถมยังถูกกักบริเวณ “เป็นเพราะเธอยัยสติเฟื่อง! เธอทำให้ฉันต้องไปป่าต้องห้าม”
“ว่าไงนะ ป่าต้องห้าม!” เสียงเล็กแหลมดังมาจากทางด้านหลังของเขา
ให้ตายสิ! เธอยังตามมาอีกหรือพาร์กินสัน??
“ฉันบอกแล้วไงว่าให้ไปห่างๆ ฉัน”
“แต่ฉันเป็นห่วง...”
“เธอไม่จำเป็นต้องห่วงฉัน แค่เลิฟกู๊ดเป็นห่วงฉันคนเดียวก็พอแล้ว” เดรโกพลิกลิ้นใช้คนตัวเล็กเป็นโล่กำลังบังพลางวาดแขนยาวๆ
ของตนไปโอบไหล่เด็กสาวที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่
“เลิฟกู๊ด เธอไปสนิทกับเดรโกตั้งแต่เมื่อไร” ดวงตาคมตวัดไปจ้องลูน่าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เมื่อกี้นี้เธอแค่เกาะแขนเดรโก
ยังโดนสลัดทิ้ง แต่นี่เขาถึงกับเป็นฝ่ายโอบไหล่เด็กบ้านเรเวนคลอนั่นเองเลย
ลูน่าแอบขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่ออยู่ดีๆ เดรโกก็ทำตัวสนิทกับเธอขึ้นมาซะเฉยๆ แต่เธอก็ไม่ได้ซื่อจนขนาดที่ไม่รู้ว่าชายผิวซีดข้างตัว
ต้องการอะไร
“นังหนู!?” จอร์จตะโกนอยู่ตรงทางลงไปชั้นใต้ดิน เขาทั้งงงและตกใจที่เห็นนังหนูของเขาไปอยู่ในอ้อมแขนของคุณชายจอมหยิ่งยโสนั่น
ลูน่าเห็นคนที่เธอกำลังรออยู่ก็อาศัยที่ตัวเองเป็นคนตัวเล็กก้มลงให้หลุดจากมือของเดรโก
“ฉันไม่ได้มารอคุณ ฉันมารอเจอคุณวีสลีย์ต่างหาก” พูดจบเจ้าของเสียงนิ่มที่ออกจะดูน่าหมั่นไส้ในสายตาแพนซี่ก็เดินผ่านเธอ
ไปหาร่างสูงสองคนที่จ้องเธอตาไม่กะพริบ
“พวกนั้นทำอะไรเธอ นังหนู?” จอร์จถามพลางไล่สายตาสำรวจดูทั่วตัว ก็เมื่อกี้เธออยู่กับเดรโก ไหนจะแพนซี่อีก บุคคลอันตรายทั้งนั้น!
ขณะที่เฟร็ดมองต่างออกไป เขาคิดว่าแม่หนูลูน่ากำลังคบอยู่กับเดรโกแบบลับๆ แล้วแพนซี่ก็มาเห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกันพอดีซะอีก
แต่พอมาคิดๆ ดูแล้ว แม่หนูตากลมนี่ไม่น่าจะชอบคนอย่างเดรโกเลยเกิดความเป็นห่วงด้วยอีกคน
“มัลฟอยไม่ได้ทำอะไรใช่ไหมแม่หนูลูน่า?”
“อ้อ เปล่าหรอก” ลูน่าพูดโดยที่ตามองสลับไปมาระหว่างฝาแฝดทั้งสอง “เขาอาจจะกำลังทะเลาะกับแฟนอยู่น่ะ”
“แฟน? อ้อ หมายถึงพาร์กินสันน่ะหรือ ฉันคิดว่าไม่น่าใช่...” เฟร็ดกำลังจะพูดว่าไม่น่าใช่อย่างที่เธอคิด แต่กลับถูกจอร์จพูดแทรก
“ใช่ สองคนนั้นน่ะทะเลาะกันประจำแหละ เธออย่าไปยุ่งกับมัลฟอยนะนังหนู พาร์กินสันน่ะหึงโหดจะตายไป ว่าแต่เธอมาทำอะไร
ที่นี่ตอนนี้ ยังไม่กลับหอนอนอีกเหรอ?”
“— ฉันอยากจะมาขอโทษที่ทำให้พวกคุณสองคนต้องถูกทำโทษน่ะค่ะ”
“ไม่เห็นต้องคิดมากเลย ปีที่แล้วพวกเราถูกกักบริเวณตั้งแต่สัปดาห์แรกด้วยซ้ำ ตอนนี้ชินแล้วล่ะ”
“แล้วพวกคุณต้องไปที่ป่าต้องห้ามหรือเปล่า”
สิ้นเสียงฝันๆ ของคนตัวเล็ก หัวใจจอร์จก็เต้นโครมครามขึ้นมา นี่เธอเป็นห่วงเขาด้วยงั้นหรือ?? เฟร็ดกำลังจะอ้าปากตอบ
แต่แฝดคนน้องกลับแย่งเขาพูดซะก่อน อย่างกับตรงนี้มีแค่สองคนนี้คุยกันอย่างนั้นแหละ
“พวกเราไม่ได้ไปที่ป่าต้องห้ามหรอก ไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
“น่าเสียดายจัง...” น้ำเสียงของเธอฟังดูหงอยๆ เมื่อได้รู้ว่าพวกเขาไม่ได้ไปป่าต้องห้าม
เดี๋ยวนะ..หมายความว่าไงนังหนู เธอเสียดายอะไรฮึ??
“ทำไมถึงบอกว่าน่าเสียดายล่ะ”
“คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง อาจจะมีมูนคาล์ฟออกมาเต้นรำก็ได้” ลูน่าพูดอย่างฝันๆ คล้ายอยู่ในโลกของเธอ “พ่อบอกว่าถ้าเห็นมูนคาล์ฟ
เต้นรำจะโชคดีมากๆ เพราะมันค่อนข้างขี้อาย – บางทีถ้าพวกคุณเห็น ครั้งหน้าอาจจะโชคดีไม่ถูกกักบริเวณ...” ลูน่าเลื่อนสายตามองทั้งคู่
และในประโยคสุดท้ายดวงตากลมโตก็ประสานเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลของจอร์จพอดีทำเอาหัวใจเขากระตุกวูบ
ชายหนุ่มทั้งสองรู้สึกซาบซึ้งใจในความงงว่าเจ้าตัวมูนคาล์ฟมันคืออะไร แต่แค่เธออยากให้พวกเขาโชคดีก็รู้สึกดีใจแล้ว
โดยเฉพาะจอร์จ เขากำลังฉีกยิ้มกว้างโดยไม่สนว่าเฟร็ดจะเห็นหรือเปล่า
“ขอบใจที่บอกนะ แต่พ่อของเธอบอกเธอ แสดงว่าเขาอยากให้เธอโชคดีเพราะงั้นวันหลังเราไปดูด้วยกันนะ”
“ได้สิ!” ลูน่าฉีกยิ้มกว้างจากก้นบึ้งตอบกลับไป เด็กสาวดีใจที่จอร์จบอกแบบนั้น ปกติจะมีแต่คนเดินหนีเธอตลอดเวลาพูดถึงสัตว์วิเศษ
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอพูดถึงมูนคาล์ฟแล้วมีคนเชื่ออย่างที่เธอพูด
“นี่ แล้วฉันล่ะ ฉันไปด้วยนะ” เฟร็ดโบกมือไปมาตรงหน้าคนทั้งสองเพื่อให้รู้ว่ายังมีเขาที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้อีกคน
“มันก็ต้องเป็นงั้นอยู่แล้วสิ นายจะให้ฉันเข้าป่าต้องห้ามกับนังหนูแค่สองคนหรือไงเฟร็ด ..ว่าแต่นังหนู เธอจะให้พวกฉันไปส่งที่หอคอย
เรเวนคลอไหม? มืดแล้วมันอันตรายนะ”
“ไม่เป็นไร-- วันนี้ไม่ต้องลงบันไดจากหอดูดาวแล้ว คงไม่กลิ้งตกลงมาหรอก ..ราตรีสวัสดิ์ค่ะคุณวีสลีย์” พูดจบเด็กสาวผมบลอนด์
ก็ยิ้มให้น้อยๆ ก่อนเดินแยกจากพวกเขาไป แต่ทิ้งปริศนาไว้ให้เฟร็ดหนึ่งอย่าง
“วันนี้ไม่ต้องลงบันไดจากหอดูดาวแล้ว? หรือว่าวันนั้นที่นายกลับหอช้าเป็นเพราะไปส่งแม่หนูลูน่ามาเหรอ”
“ไม่ใช่ซะหน่อย ..เรารีบไปหาศาสตราจารย์มักกอนนากัลกันดีกว่านะเฟร็ด อย่ามัวเสียเวลาอยู่ตรงนี้เลย” จอร์จพูดตัดบทพลางกอดคอ
เฟร็ดให้เดินไปด้วยกัน ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวก็ถูกฝาแฝดอีกคนจับได้กันพอดี
⭐
“ขออนุญาตฮะศาสตราจารย์มักกอนนากัล” เฟร็ดกับจอร์จพูดพร้อมกันเมื่อมาถึงประตูห้องเรียนวิชาแปลงร่าง
“มีอะไรกันหรือคุณวีสลีย์” แม่มดผมดำในชุดเสื้อคลุมสีเขียวมรกตนั่งอยู่ตรงโต๊ะด้านในสุดของห้อง เธอเงยหน้าขึ้นมองเด็กแฝดผมแดง
สองคนเดินเข้ามาหาด้วยท่าทางเบื่อๆ
“พวกเราถูกกักบริเวณฮะ” เฟร็ดตอบก่อนจอร์จจะพูดต่อ
“ศาสตราจารย์สเนปให้พวกเรามาที่นี่ฮะ”
“อ้อ จริงด้วย เกือบลืมไปเลย”
“ผมว่าศาสาตราจารย์ลืมไปแล้วต่างหากล่ะฮะ” เฟร็ดแย้งแต่พอถูกเจ้าของใบหน้าเคร่งขรึมมองมาก็เพิ่งนึกว่าว่าตัวเองกำลังพูด
อยู่กับใคร “ขอโทษฮะ”
“เอาล่ะ พวกเธอไปก่อเรื่องอะไรมาอีกถึงได้โดนกักบริเวณล่ะ --อ้อ ศาสตราจารย์สเนปบอกว่าพวกเธอเสกลูกอมแกล้งเด็กนักเรียน
ปีสองใช่ไหม”
“พวกเราไม่ผิดนะฮะ มัลฟอยเป็นคนเริ่มก่อน ใช่ไหมจอร์จ”
“ใช่ มัลฟอยแกล้งนังหนูก่อนนะฮะศาสตราจารย์”
“นังหนู?”
“ผมหมายถึงเลิฟกู๊ด ที่อยู่เรเวนคลอน่ะฮะ ถึงจะมาจากลูกอมร้านของเราสองคนจริงแต่ผมไม่ได้อยากให้เธอกินนะฮะ”
ได้ยินอย่างนั้นเฟร็ดก็รีบเสริมด้วยอีกคน “ผมด้วยฮะ พวกเราไม่ได้อยากแกล้งเธอซะหน่อย พวกเราไม่ผิด”
“พวกเราช่วยแก้แค้นแทนนังนะ...เลิฟกู๊ดนะฮะ เธอถูกแกล้งอยู่ฝ่ายเดียว ศาสตราจารย์คงไม่คิดเธอจะแกล้งกลับหรอกใช่ไหมล่ะฮะ”
“อันที่จริงฉันก็พอจะเข้าใจคุณอยู่หรอกนะคุณวีสลีย์ คุณมัลฟอยอาจจะเป็นคนเริ่มก่อน มันฟังดูใจร้ายไปหน่อยแต่บางเรื่อง
เราก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งก็ได้ หากไม่ใช่คนที่สำคัญกับเราจริงๆ คุณมัลฟอยเป็นคนแกล้งเดี๋ยวเขาก็ถูกหักคะแนนแล้วก็ถูกทำโทษอยู่ดี”
“บางทีถ้าพวกเราไม่ทำอย่างนั้นมัลฟอยอาจได้ใจแล้วแกล้งเธออีก คราวนี้อาจเป็นลูกอมที่ทำให้อ้วก”
“หรือเป็นฝี--” จอร์จเสริม
“หรือคางทูม--”
“หรือทั้งหมดนั่น!” ชายหนุ่มผมแดงเบิกตากว้างซึ่งมันออกจะโอเวอร์ไปสักหน่อยจนศาสตราจารย์มักกอนนากัลต้องยกมือขึ้นห้าม
“พวกเธอสองคนลืมไปแล้วหรือว่าทั้งหมดที่ว่ามานั่นมาจากร้านเล็กๆ ของพวกเธอที่แอบไปเปิดในห้องน้ำร้างชั้นเจ็ด คุณวีสลีย์?”
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลจ้องทั้งสองอย่างไม่วางตา
“....”
“แล้วทีนี้จะให้ทำอะไรดีล่ะ” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลกวาดตามองดูรอบห้อง “จัดหนังสือก็แล้วกัน ช่วยยกกองหนังสือบนโต๊ะ
ไปเก็บไว้ในตู้ทีนะ”
“ครับ/ครับ” ทั้งสองตอบเสียงยานหลังมองเห็นกองหนังสือกองโต แบบนี้ให้ไปที่ป่าต้องห้ามยังจะดีซะกว่า
ทั้งคู่เดินไปยังโต๊ะด้านหลัง แต่จอร์จกลับเห็นอะไรบางอย่างสะดุดตา มันคือรูปปั้นประหลาดๆ น่าขันบนโต๊ะของศาสตราจารย์
มักกอนนากัล ด้วยความสงสัยเขาเลยเอ่ยถามพลางชี้ไปที่รูปปั้นตัวนั้น “นั่นอะไรเหรอฮะ”
“นี่น่ะเหรอ ..ตัวนาร์เกิ้ล คุณเลิฟกู๊ดเธอบอกเอาไว้แบบนั้น” เธอเอามือเท้าคางมอง “ตอนเรียนฉันสั่งให้เปลี่ยนไม้ขีดไฟเป็นเข็มหมุด
แต่คุณเลิฟกู๊ดกลับเสกได้เจ้านี่มา ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่เคยเห็นเจ้าตัวที่ว่านี่หรอกนะว่ามันเหมือนกับตัวนี้หรือเปล่า แต่เปลี่ยนจากไม้ขีดไฟ
เป็นอย่างอื่นได้ก็ถือว่าไม่เลวทีเดียวถึงมันจะไม่ตรงกับที่สั่งไปก็เถอะ”
“ผมขอได้ไหมฮะ” จอร์จถามด้วยดวงตาเป็นประกายระยิบระยับแต่แฝงไปด้วยความเอาจริงเอาจังว่าเขาอยากได้มันจริงๆ
ทำเอาเฟร็ดที่ถือหนังสืออยู่มองตาปริบๆ อย่างไม่เข้าใจว่าทำไมจอร์จถึงอยากได้ขนาดนั้น
“นี่น่ะหรือ? แน่นอน ถ้าเธออยากได้มันล่ะก็นะ ค่อยเอาไปหลังเก็บหนังสือเสร็จ--”
“ขอบคุณฮะ!” จอร์จโพล่งออกมาอย่างไม่นึกเกรงใจศาสตราจารย์มักกอนนากัลที่ตกใจจนต้องยกมือมาทาบอก
เธอคิดจะตำหนิคนตัวสูงแต่พอเห็นว่าเขากำลังอารมณ์ดีอยู่เลยปล่อยผ่านไป
เฟร็ดได้แต่มองตามจอร์จที่ขยันขันแข็งยกหนังสือแล้ววิ่งเอาไปเก็บในตู้หนังสือท้ายห้อง
นายไปคึกมาจากไหนน่ะจอร์จ?
“มัวรออะไรอยู่ล่ะเฟร็ด รีบเก็บเร็วเข้า จะได้กลับหอกัน”
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลเห็นอาการลูกศิษย์ที่ดูผิดปกติเลยเอียงตัวถามเฟร็ด “เมื่อกี้นี้คุณวีสลีย์เขากินลูกอมที่ทำให้ร่าเริงเข้าไป
หรือเปล่า”
“เราไม่เสกของอะไรแบบนั้นหรอกฮะเพราะมันธรรมดาเกินไป อีกอย่างมันก็ไม่ได้ช่วยให้โดดเรียนได้...” พูดจบเจ้าตัวก็ยกหนังสือวิ่งหนี
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลที่จ้องหน้าดุกลับมา ระหว่างนั้นเขาวิ่งสวนจอร์จที่เดินกลับมายกรอบที่สามแล้ว
⭐
และแล้วเจ้ารูปปั้นตัวนาร์เกิ้ลที่ว่าก็มาตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียงของจอร์จ วีสลีย์ ทุกคืนก่อนนอนเขาจะมองมันราวกับเป็นเครื่องราง
ช่วยให้นอนหลับฝันดีอย่างไงอย่างงั้น ไม่รู้ว่าจอร์จนึกถูกชะตาอะไรกับเจ้าตัวนาร์เกิ้ลนี่นักถึงอยากได้จนต้องเอ่ยปากขอขนาดนั้น
ชายหนุ่มเห็นแฝดคนน้องของตนอารมณ์ดีทุกเช้าแม้บางคืนจะนอนไม่เต็มอิ่มเพราะพวกเขาทั้งคู่ไปตระเวนหาทางลับในปราสาทมา
หรือไม่ก็เหนื่อยจากไปซ้อมควิดดิช ทว่าจอร์จกลับยังดูร่าเริงได้ ในคืนหนึ่งเฟร็ดเลยขอลองมองดูบ้างตอนที่จอร์จหลับไปแล้ว
ปรากฏว่าเขาฝันร้ายติดต่อกันเจ็ดคืนจนไม่กล้ามองมันอีกเลย ดีไม่ดีเขาคิดว่าบ็อกการ์ตอาจจะเปลี่ยนเป็นเจ้ารูปปั้นตัวเล็กจิ๋วนี่ไปแล้วก็ได้...
⭐
- Talk –
บางทีก็แอบคิดว่าทั้งเฟร็ดแล้วก็จอร์จเก็บอาการไม่เก่งทั้งคู่เลย ถ้าไม่ตาลุกวาวตอนที่ได้ยินว่าจะถูกกักบริเวณที่ป่าต้องห้าม
ก็ไม่ต้องไปยกหนังสือแล้ว แต่ก็นะ ถูกกักบริเวณแต่จอร์จกลับหน้าชื่นตาบานกลับหอนอนเพราะได้เครื่องรางที่ช่วยให้ฝันดีมาซะงั้น
แค่นี้ก็คุ้มแล้วอะเนอะ (แต่อย่าถามเฟร็ดนะ 555)
แอบวงวารเฟร็ดที่ไปจ้องมันเข้าแต่ทำเอาตัวเองฝันร้ายติดต่อหลายวันจนไม่ชายตามองมันอีกเลยจนกลายเป็นที่มาของชื่อตอนค่ะ
ถึงจะมีพูดถึงแค่ย่อหน้าเดียว(บรรทัดเดียว)ก็เถอะ 555
ความคิดเห็น